ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mysterious Detective

    ลำดับตอนที่ #13 : การทัศนศึกษาสิ้นสุดลงที่เดิม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 36
      0
      6 เม.ย. 47





                        



                  ชั่วเวลาสั้นๆเหมือนผ่านไปยาวนานนั้น  นาเหมือนถูกแช่แข็งทั้งตัวไปชั่วขณะ  ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกมึนชาไปหมดเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งที่มองไม่เห็นมาทับตัวเธอจนนิ่งขึงจนขยับไม่ได้

                  \" ว๊าย !! มะ...มัย !! \" นาเป็นคนแรกที่ได้สติและเข้าไปถึงตัวมัย  ร่างกายของมัยเย็นเฉียบ   แถมยังหายใจแผ่วๆอีกด้วย   ไม่ผิดแน่อาการแบบนี้มีแค่สาเหตุเดียวเท่านั้นต้องเป็นเพราะโรคเดิมของมัยกำเริบเป็นแน่   คนอื่นที่ล้อมรอบอยู่พากันตกใจทำอะไรไม่ถูก   ครูวิปราดเข้ามาดูอาการ  นาได้ยินเสียงใครสักคนบอกให้เรียกรถพยาบาล

                  \" ตายแล้ว ! ทำไมไม่หายใจล่ะ ! เกิดอะไรขึ้นน่ะเธอ  !! \" ครูวิก็ลนลานไม่แพ้กัน  เธอหันมาหานาที่กำลังพยายามเรียกมัยอยู่

                  \" มัย ! ทำใจดีๆเอาไว้นะ !! มัย ! มัย ! \"  นาเขย่าตัวเพื่อนอย่างใจเสีย   ไม่รู้ว่าทำไมกันถึง..  สักครู่มัยจึงพอได้สติขึ้นมาบ้าง

                  \" นะ..นา... \" เธอกระซิบเสียงแผ่ว  นาค่อยเบาใจลงหน่อย

                  \" มัย ! ยาล่ะ ! ยาของเธออยู่ที่ไหน ! \" นาละล่ำละลักถาม  ชั่วขณะเวลานั้นนาเกิดนึกถึงคำพูดของพี่แพรเมื่อนานมาแล้วขึ้นมาได้  เธอว่า \' มัยเขาต้องทานยาด้วยเป็นประจำไม่งั้นล่ะก็อาการจะกำเริบบ่อยๆ  บางครั้งก็จะพาลหยุดหายใจไปด้วย.. \'

                  \" กรอบรูป..ในกระเป๋า... \" เธอพูดได้แค่นั้นก่อนจะหมดสติไปอีก   นาวางตัวมัยลงก่อนจะผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและตั้งต้นวิ่งไปที่เต้นท์ของมัย   ถ้าจำไม่ผิดของที่มัยว่าต้องอยู่ที่นั่นแน่

                  นารูดซิบเปิดเต้นท์ออก   แล้วเธอก็มองเห็น..กระเป๋าเดินทางของมัยวางโดดเดี่ยวอยู่ที่มุมเต้นท์   นารีบรวบรวมความคิดอย่างรวดเร็ว   ถ้าจำไม่ผิดมัยมักจะเอากรอบรูปอันหนึ่งติดตัวเธออยู่เสมอ  มันเป็นกรอบรูปที่มีรูปของมัยและแพรพี่สาวเธอถ่ายคู่กันตอนที่นาจะรู้จักกับมัยก่อนที่แพรจะย้ายมาเรียนที่ธาราประสิทธิ์ใหม่ๆ   และตามปกติมัยก็มักจะเอาของสำคัญไว้ที่เดิมของกระเป๋าเสมอ   นาเปิดกระเป๋าของมัยก่อนที่จะรูดซิบช่องที่อยู่ด้านข้างของกระเป๋า   และเธอก็เห็น..

                  \" นี่แหละ ! \" นาพูดกับตัวเองก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วออกวิ่งไปยังที่ๆพวกเธออยู่กันเมื่อครู่   จนชนเอากับนักเรียนต่างห้องที่ท่าทางเหม่อลอย 3 - 4  คน   นารีบขอโทษขอโพยไม่เป็นภาษาก่อนที่จะรีบวิ่งมายังสถานที่ๆตอนนี้ว่างเปล่าไปแล้ว  นาหันไปรอบๆอย่างแปลกใจ

                  \" นา.. \" พิมร้องขึ้นเมื่อเห็นเธอมาถึง   นาเบรกทันพอดี

                  \" พวกผู้ชายพามัยเข้าไปที่เต้นท์พยาบาลแล้... \" นาไม่อยู่ฟังจนพิมพูดจบเธอรีบพุ่งเข้าไปในเต้นท์ทันที   ครูรัตนา  ครูวิไลพร  เม และก้อยอยู่ที่นั่น  บนเตียงมีมัยนอนหายใจรวยรินอยู่   นาผลุนผลันไปนั่งลงบนเตียง   ล้วงเอากรอบรูปจากในกระเป๋าออกมา   ก่อนจะเริ่มต้นงัดกรอบรูปให้หลุดออกจากกัน  เห็นได้ชัดว่ามัยคงทำมันขึ้นมาเพื่อใช้เก็บของๆเธอโดยเฉพาะ  นาจึงงัดมันออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก   เมื่อเธอดึงขาตั้วกรอบรูปออกมาพร้อมกับไม้ที่ปิดด้านหลังซองใส่ยาก็ร่วงลงมา  นาคว้ามันไว้ก่อนจะเปิดซองหยิบยามาหนึ่งเม็ด   คว้าขวดน้ำบนหัวเตียงที่ครูวิเคยใช้ให้มัยดื่มตอนทานยาครั้งก่อนมา   พิมที่เข้ามาในเต้นท์ด้วยก็คอยสังเกตการณ์ดูเงียบๆ

                  \" ครูคะ  ช่วยหน่อยค่ะ \" นาว่า  ครูวิเหมือนพึ่งรู้สึกตัว   เธอเข้ามาประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกของมัยเพื่อที่นาจะช่วยให้มัยทานยาได้ง่ายขึ้น

                  \" มัย ! มัย ! ทานยานี่ซะแล้วเธอจะดีขึ้นนะ \" นาเรียกมัย  เธอค่อยๆลืมตาขึ้นเล็กน้อย  แต่ก็แสดงได้ว่าเธอมีสติอยู่   นาจัดการป้อนยาให้มัยในเวลารวดเร็ว  ตอนแรกอาจารย์ทั้งสองคนที่อยู่ด้วยทำท่าจะคัดค้านแต่พอเห็นท่าทีจริงจังของนาก็เลยไม่พูดอะไร   นาวางมัยลงนอนเหมือนเดิม  แล้วหันมาเผชิญหน้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจของคนอื่นๆ  

                  \" นะ..นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ  ฉันไม่เคยเห็นอาการแบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ตอนเรียนแพทย์จนถึงเมื่อครู่นี้  เป็นอาการที่น่าตกใจจริงๆ \" ครูวิกล่าวหลังจากหายงงๆจากเรื่องนี้ได้บ้าง

                   \" ใช่  ฉันก็อยากถามเหมือนกันว่านี่มันเรื่องอะไรกัน \" เมพูดเสียงแผ่ว  เห็นได้ชัดว่าเธอตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์นี้   ครูรัตนาพยักหน้าอย่างขรึมๆ และดูท่าทางทุกคนต่างก็อยากได้คำอธิบายจากปากเธอเต็มที   นาพยายามคิดหาคำพูดดีๆที่จะไม่ทำให้คนอื่นๆตกใจจนเกินไป

                  \" เอ่อ..มัยเขามีโรคประจำตัวตั้งแต่เด็กแล้วน่ะ  ต้องทานยาทุกวันไม่งั้นอาการจะกำเริบได้ง่ายๆเลยล่ะ \" นาเริ่มต้น  คนอื่นๆทำหน้ายุ่งเหมือนจะตกใจและก็เหมือนไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

                  \" แล้วเป็นอะไรล่ะ  ถึงมีอาการแบบนี้น่ะ  ไม่คาดคิดจริงๆ  หรือจะเป็นโรคที่ยังค้นไม่พบ \" ก้อยว่า  เธอดูจะยังไม่พอใจมัยเรื่องตอนมาที่นี่อยู่

                 \" มันเป็นอาการผิดปกติของหัวใจแบบหนึ่งน่ะ  เขาว่ายังไงนะ...กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอก็เลยส่งผลให้ทำงานผิดปกติเมื่อร่างกายอ่อนแอหรือมีอาการผิดปกติอะไรเกิดขึ้นประมาณนี้แหละนะ  ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากหรอก  ฟังมาจากคุณหมอแล้วก็พี่แพรอีกทีน่ะ \"  นาพูด  คนอื่นๆดูจะทำท่าเหมือนเข้าใจขึ้นมาบ้าง

                 \" ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับเคสแบบนี้มาบ้างนะ  แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัวเองเลยนะเนี่ย..แต่ว่าอาการแบบนี้ถ้าได้รับยาก็จะช่วยได้นี่นา  ถ้างั้นก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะนะ  งั้นครูขอตัวออกไปสักครู่นะ \" ครูวิพึมพัมแล้วลุกขึ้นเดินออกไป   จู่ๆครูรัตนาก็เดินออกไปจากเต้นท์ตามครูวิไป

                 \" ต่อจากขาแพลงก็เป็นโรคเดิมกำเริบหรือเนี่ย  ทำไมเธอถึงเจอแต่เรื่องนะ..มัย \" เมว่าแล้วก็ลุกเดินออกไปอีกคน  พิมส่งสายตาปลอบโยนไปให้นาก่อนจะเดินตามเมไป   ตอนนี้ภายในเต้นท์เหลือแต่  มัยที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง  นาและก้อยที่ยังคงนั่งอยู่คนละฝั่งของเตียง  มองหน้ากันและกันและในที่สุกก็ก้มหน้ามองเข่าตัวเองไม่มีใครพูดอะไร

                 \" คงลำบากมากสินะ  ยัยนี่น่ะ.. \" ก้อยว่า  เงยหน้าขึ้นมองนาเหมือนคอยคำตอบ

                 \" นั่นสินะ.. \" นายิ้มเศร้าๆขณะก้มดูเพื่อนของเธอ   \" เธอรู้ไหมว่าหลังจากอุบัติเหตุเมื่อ 8 ปีก่อนที่พ่อแม่ของมัยตายน่ะ  มัยอยู่กับพี่สาวสองคนพี่น้องในบ้าน \" นาเริ่มต้น

                 \" อะไรกัน  ตอนนั้นมัยก็อายุแค่ 12 ขวบน่ะสิ  พี่ของมัยก็อายุ 12 ปีเท่านั้นน่ะสิ  แล้ว..ไม่มีใครเลยเหรอ  อย่างคนรับใช้อะไรนี่น่ะ \" ก้อยว่า  นาส่ายหน้า

                 \" เคยมีคนนึงแต่ว่าก็ให้ออกไปเพราะไม่มีใครให้รับใช้ล่ะมั้ง  และพี่แพรกับมัยก็ยังอยากดูแลบ้านเองน่ะ  เขาว่าเหลือแค่สองคนก็ดูแลกันได้  แล้วก็อีก 4 ปีพี่แพรเขาก็มาเรียนที่ธาราประสิทธิ์   หลังจากนั้นฉันก็ได้รู้จักกับมัย \" นาพูด  เมื่อเห็นก้อยไม่ว่าอะไร  เธอก็พูดต่อ

                \" เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะ  ทั้งพี่แพรแล้วก็มัยน่ะ  สอนให้ฉันรู้อะไรตั้งหลายอย่าง  รู้ไหมก่อนที่ฉันจะเจอกับมัยน่ะแค่ล้างจานฉันยังไม่เคยทำด้วยตัวเองเลย   ทำอะไรเองไม่เป็นสักอย่าง   มองโลกในแง่ร้ายตลอดเลย  พูดตรงๆฉันน่ะเป็นคุณหนูที่เอาแต่ใจมากเลยล่ะ   แต่ว่าทุกอย่างตอนนี้ก็เปลี่ยนไปมากเลยเพราะมัยนี่แหละ เขาเป็นคนสำคัญของฉันเลยล่ะ \" นาพูดด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน  แต่ทันใดนั้นเธอก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เย็นชาขึ้นมาเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก้อยอีกครั้ง

               \" เพราะฉะนั้นฉันจะไม่อยู่เฉยๆหรอกนะถ้ามีใครมาว่าอะไรมัยน่ะ  ฉันคิดว่าเธอคงเข้าใจที่ฉันพูดนะ \" นาตัดบทด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่   ก้อยนิ่งเงียบเพราะออกจะตกใจที่นาพูดแบบนี้   และต่อมาทั้งสองคนก็เงียบกันไปอีกพักใหญ่   แล้วก้อยก็ลุกออกไปทิ้งนาไว้ตามลำพังกับมัยในความเงียบนั้น..



                ในที่สุดการทัศนศึกษา 3 คืน 4 วันของนักเรียนชั้น ม.4 ก็สิ้นสุดลง  คนที่ดูเหมือนจะรู้สึกว่าไม่ได้เที่ยวเลยคือนาและมัย  วันต่อมาหลังจากที่มัยหมดสติไปนั้นพวกเมได้ไปน้ำพุร้อนและน้ำตกกัน  แต่นายืนกรานไม่ให้มัยไปด้วยแถมจะอยู่เฝ้าอีกต่างหาก   ดังนั้นทั้งสองจึงแทบไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรกับเขาเลย

                 พอจะถึงตอนกลับนั่นเองถึงมีเรื่องให้ประหลาดใจบ้างนั่นคือไม่รู้ทำไมที่นั่งบนรถถึงได้มีที่นั่งพอไม่เหมือนตอนขามา  ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องไปนั่งรถกับอาจารย์รัตนา (อนาถจิต)   ก้อยที่แอบไปขอโทษมัยตอนที่นาไม่อยู่แล้วก็เข้าหน้ากับมัยได้ง่ายขึ้นเมื่อต้องมานั่งด้วยกันอีกครั้ง

                 ตอนที่รถจะออกแล้วนั่นเองอยู่ๆนาก็ลากเมไปไหนไม่รู้แล้วอีกห้านาทีต่อมาก็กลับมาพร้อมกับเมที่..

                 \" ไงล่ะมัย  ฉันสังเกตมานานแล้วล่ะ  ปล่อยผมเปียออกแบบนี้แล้วเมดูคล้ายพี่แพรจังเนาะ \" นาว่า  ที่แท้เธอเอาเมไปแปลงโฉมมานี่เอง  ถ้าเป็นคนอื่นคงจะตื่นเต้นกว่านี้แต่เรื่องนี้เมกับมัยรู้กันอยู่แล้ว

                 \" เสียใจ ! ฉันนึกรู้ตั้งนานแล้ว  เมเขาก็รู้ตัวแล้วด้วย  เนาะ \" มัยว่า  เมยิ้มให้นาที่หน้าสลดลงทันที

                 \" ว้า..นึกว่าจะทำให้มัยร่าเริงขึ้นได้เสียอีก  เธอทำหน้าบึ้งตลอดเลยนะ \" นาว่าหงอยๆ   มัยอมยิ้ม

                 \" ไหนๆ  ฉันทำหน้าบึ้งที่ไหน  เมื่อไหร่กัน \" มัยพูด  นาทำหน้าตาชื่นขึ้นมาทันที

                 \" ดีจัง  กลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว \" นายิ้มแล้วกอดคอมัยที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  เมและก้อยแอบยิ้มให้ทั้งสอง   มัยเอาน้ำอัดลมในกระเป๋าออกมาแจกให้เพื่อน  ไม่มีใครสังเกตเห็นพิมที่ง่วนทำอะไรมาพักหนึ่งแล้ว

                 \" งั้นเรามาเล่าเรื่องลึกลับกันดีกว่า  เข้าเขตอ.พาน  รอยต่อระหว่างจังหวัดเชียงรายกับพะเยาแล้วนะ  มีตำนานเกี่ยวกับเมืองนี้ที่ว่า.. \" พิมเริ่มแต่คราวนี้ถูกนาขัดเสียก่อน

                 \" จริงด้วยๆ  พอเข้าเขตพะเยาแล้ว  ฉันจะชี้ให้ดูบ้านฉันกับมัยนะ  อยู่ไม่ห่างจากถนนใหญ่นักมองจากที่รถคงเห็นตอนนั้นรถคงติดไฟแดงพอดี \"  นาพูดอย่างร่าเริง  เมและก้อยทำท่าสนใจขึ้นมาทันที

                 \" จริงหรอ  แล้วบ้านของพวกเธอเป็นไงล่ะ  หรูมากไหม \" ก้อยว่าเธอแสดงท่าทีอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที

                 \" เรื่องนั้นน่ะ.. \" นาว่า  ท่าทางมีเลศนัย   \" ..รอให้มัยตื่นก่อนละกันนะ  อ้อ ! รอให้ฉันตื่นด้วยละกันนะ  ราตรีสวัสดิ์ \" นาพูดแล้วก็เอาผ้าปิดตาที่ไหนมาก็ไม่รู้มาคาดตาแล้วก็หลับไปหน้าตาเฉย   ทำเอาพวกเมงงๆ

                  \" เฮ้ย ! ขี้โกงนี่นา  ตื่นมาบอกก่อนนะอย่าพึ่งหลับ ! \" พิมเขย่าคอเสื้อรูมเมทอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็ไร้ผล   นาคงจะหลับฝันหวานไปไหนต่อไหนแล้ว   เธอถอนหายใจก่อนจะหันหน้ามามองทุกคนเพื่อขอความคิดเห็น

                   \" ช่างมันละกัน \" ก้อยว่าก่อนจะหยิบนิตยสารแฟชั่นทรงผมขึ้นมาดู   เมพยักหน้าหงึกๆ

                   \" นั่นสิ  ฉันว่าหลับสักหน่อยก็เป็นความคิดที่ไม่เลว \" เมว่าแล้วก็เอนตัวพิงเข้ากับพนักเก้าอี้แล้วก็หลับไปอีก   พิมถอนหายใจอย่างเบื่อๆก่อนจะหยิบหนังสือ \' กระตุกขวัญ..ลางมรณะ \'  ขึ้นมาอ่านก่อนจะผลอยหลับไปอีกคน  ก้อยเงยหน้าขึ้นมาจากนิตยสารเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเนื่องจากเสียงพูดคุยเนือยๆของพิมเงียบไปแล้วก็พบว่าเพื่อนๆหลับฝันหวานกันไปหมดแล้ว

                    \" โอ๊ย !! ให้ตายสิ  ทำไมทุกคนถึงหลับกันไปหมดยังงี้ล่ะ  อุตส่าห์อยู่พร้อมหน้ากันแล้วเชียว !!  ยังงี้ก็เหมือนกับตอนขามาน่ะสิ \" ก้อยพูดบ่นกับตัวเองดังๆ  จนกลุ่มของมินท์เพื่อนร่วมห้องหันมามอง   แต่เธอก็ทำหน้าท้าทายกลับไปจนพวกนั้นต้องรีบหลบตาวูบกันไป

                    \" เฮ้อ..เซ็ง  งั้นเราก็หลับมั่งดีกว่า  ง่วงๆไงก็ไม่รู้สิ \" ก้อยพูดพลางเอนตัวลงเอานิตยสารมากางปิดหน้าไว้แล้วก็หลับ



            .......................................................................



                     \" มัยเล่นงี้ไม่แรงไปหน่อยเหรอ \" นาพูดเสียงอ่อยๆหลังจากเอาที่ปิดตาออกแล้ว   เธอหันไปทำหน้าปั้นยากให้เพื่อนที่นั่งใกล้ๆกัน  มัยยิ้มบางๆ

                     \" คงไม่หรอกมั้ง  นานๆทีก็ขอเล่นสนุกแกล้งคนบ้างสิ \" มัยพูดยิ้มๆ  เธอมองดูบ้านหลังหนึ่งระหว่างที่รถจอดติดไฟแดงอยู่ถึงแม้จะเห็นเพียงแค่หลังคาและส่วนของตัวบ้านอีกนิดหน่อยเธอก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา

                     \" แต่เล่นวางยานอนหลับนี่..ฉันว่ามันไม่ค่อยเวิร์กมั้ง  กลัวไปถึงที่นั่นแล้วจะไม่ตื่นน่ะสิ \" นาว่าหวั่นๆ  ตาเธอจับจ้องอยู่ที่บ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน

                     \" ไม่หรอกน่า  จากที่นี่ถึงพิษณุโลกก็อีกไกลโขอยู่นี่   แล้วถ้าไม่ตื่นจริงๆก็มีวิธีทำให้ตื่นอยู่น่า \" มัยพูดขณะไล่สายตาไปจนถึงหน้าต่างบานหนึ่งของห้องๆหนึ่งซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เคยเป็นห้องของเธอ   แล้วเธอก็ไล่สายตาต่ไปที่หน้าต่างอีกบานของห้องที่อยู่ถัดห้องเธอไปอีกสองห้อง   ที่นั่นเป็นที่ซึ่งคนที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเรียกว่า \' พี่ \'เคยอาศัยอยู่  มัยมองมันด้วยสายตาที่ขมขื่นในร่องรอยของความทรงจำ   สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว  รถของคณะเดินทางทัศนศึกษาค่อยๆเคลื่อนไปอย่างช้าๆเนื่องมาจากน้ำหนักที่มันแบกรับอยู่แต่   มัยหันกลับไปดูบ้านของเธอเป็นครั้งสุดท้าย  

                     \" เอ๊ะ !! \" แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นห้องของแพรพี่สาวเธอมันเปิดอยู่   มัยขยี้ตาตัวเองก่อนจะเพ่งมองอีกครั้งและพบว่ามันเปิดอยู่จริงๆทั้งๆที่ก่อนออกมาจากบ้านเพื่อเดินทางมาเรียนที่ธาราประสิทธิ์ถ้ามันเป็นตามที่เธอคิดเธอได้ปิดหน้าต่างทุกบานแล้ว  แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าเธออาจจะเผลอทิ้งบานนี้ไว้   ถ้าเธอลืมปิดตั้งแต่ตอนนั้นจริงป่านนี้ของต่างๆที่อยู่ในห้องคงจะถูกแสงแดดทำให้เสียหายไปบ้างรึไม่ก็ถูกฝนสาดบ้างก็ได้ ( ทั้งๆที่ไม่ใช่ฤดูฝนสักหน่อย )   หรือบางทีอาจมีขโมยขึ้นบ้านโดยเข้าบ้านผ่านหน้าต่างบานนั้นก็ได้   เพราะห้องนั้นเป็นห้องเดียวที่มัยไม่ได้ติดอุปกรณืรักษาความปลอดภัยประเภทสัญญาณกันขโมยหรือเครื่องช็อตไฟฟ้าเอาไว้   มัยคิดอย่างว้าวุ่นไปต่างๆนานา   จนนาแปลกใจที่เห็นเธอทำหน้ายุ่ง

                     \" มีอะไรเหรอจ๊ะมัย \" นาถามอย่างห่วงใยเมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงออกของเพื่อน

                     \" นา..หน้าต่างห้องของพี่แพรเปิดอยู่บานหนึ่งล่ะ \" มัยพูดขึ้นมา  นามีท่าทีประหลาดใจ

                     \" จะ..จริงเหรอ  ทำไมล่ะ.. \" นาพูดอย่างลนลาน

                     \" ไม่รู้สิ  ฉันว่าจะหาโอกาสลาโรงเรียนกลับมาดูที่บ้านดีกว่า  รู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้ \" มัยพูดอย่างว้าวุ่นใจ   แล้วนาก็คิดเรื่องดีๆออก

                     \" จริงสิมัย ! อีกสองอาทิตย์ก็ปีใหม่แล้วนี่นา ! รู้สึกปีนี้ทางโรงเรียนจะให้เป็นวันหยุดยาว 1 อาทิตย์เลยนะ  ไว้เราค่อยมาด้วยกันดีไหมล่ะ  คิดถึงเพื่อนๆเหมือนกันนะ  ไว้เราชวนพวกเมไปด้วยดีไหมล่ะ   ให้ไปพักกันที่บ้านมัยกับบ้านฉัน  เป็นไง \" นาพูด  ท่าทางกระตือรือร้น   มัยค่อนข้างดีใจ

                     \" ดีเลย  แต่ว่าจะให้พวกนั้นไปด้วยจริงๆเหรอ..อืมม แต่ก็ดีนะ..งั้นก็.. \" มัยเห็นด้วยอย่างยิ่งเธอมองหน้าเพื่อนรอคำตอบสุดท้าย

                     \" ตกลง !!  \" ทั้งมัยทั้งนาพูดขึ้นพร้อมกัน   แล้วทั้งสองก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันอีก   อีกสองอาทิตย์เธอก็จะได้กลับมาที่บ้านอีกครั้งหลังจากออกจากบ้านไปครึ่งเทอม   ก่อนจะถึงเวลานั้นหวังว่าเธอคงจะได้เจอเรื่องดีๆนะ..







    ** เหอะๆ ตอนต่อไปจะมีพวกบ้าๆโผล่มาด้วย  แล้วเรื่องนี้ก็จะมีสีสันขึ้นเรื่อยๆล่ะมั้ง..ยังไงก็จะพยายามทำให้มันเป็นอย่างนั้นละกันนะ ^^



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×