ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : เมโลดี้สู่ฆาตกรรม
.
                เมื่อไปถึงที่ห้องเรียนเมก็ต้องแปลกใจอีกว่าทั้งๆที่เมกับโฮปคุยกันอยู่ในห้องนั้นเป็นเวลานานพอสมควรแท้ๆ    แต่อาจารย์ก็ยังไม่เข้ามาสอนทั้งๆที่ปกติไม่เคยมาเลทเลย  แถมพวกมัย  พิม และก็นาที่ไปห้องน้ำก็ยังไม่กลับมาอีก  เวลาแบบนี้เมสังหรณ์ใจแปลกๆยังไงก็ไม่รู้  เธอตัดสินใจลุกขึ้นไปดูที่ห้องพักครูแต่ก็ไม่เห็นอาจารย์บุษบาอยู่ในนั้น  ถึงจะยังงงๆอยู่แต่เมก็เดินกลับมาที่ห้องเรียน  ระหว่างทางเธอเดินผ่านห้องที่เธอกับโฮปนั่งอยู่เมื่อประมาณ 10 นาทีที่แล้ว  ตอนนี้มีกระจกเงาสูงเท่าตัวคนตั้งอยู่ทั้งๆที่เมื่อครู่ที่ตรงนั้นยังว่างเปล่าอยู่  ที่น่าแปลกคือความจริงในห้องนาฏศิลป์นั้นกระจกทุกบานจะต้องสะท้อนภาพถึงกันได้เพื่อให้นางรำได้เห็นภาพสะท้อนของตนในมุมและลีลาต่างๆได้ครบถ้วน  แต่กระจกบานนั้นกลับตั้งอยู่ตรงมุมอับของกระจกบานอื่นๆทำให้ไม่เห็นภาพของคนที่ส่องกระจกอยู่ทำให้เธอชักสงสัยขึ้นมา  เมได้ยินเสียงคนที่ส่องกระจกอยู่พูดอย่างไม่พอใจนัก  สัญชาตญาณนักข่าวของเธอสั่งให้หยุดดูต่อ
                \" เธอสั่งทำกระจกประสาอะไรเนี่ย  บานนี้น่ะสูงไม่เท่าตัวฉันเลย  อย่างนี้ก็สะท้อนภาพสวยๆของฉันได้ไม่หมดตัวน่ะสิ  น่าเบื่อจริงๆยัยเฉิ่มนี่ไม่รู้จักปรับตัวมั่ง  ต้องให้ว่ากี่หน \" นางหน้ากระจกบ่นว่าโดยไม่คิดถึงจิตใจคนฟัง  เสียงของเธอฟังดูค่อนข้างอู้อี้  อาจเป็นเพราะใส่ผ้าปิดปากรึอะไรที่เป็นส่วนประกอบของชุดนางรำอยู่  เมเห็นนางรำอีกคนโผล่หน้าออกมาจากห้องแต่งตัวในชุดกินรี
                \" ก็...ความสูงของเธอก็พอดีกับกระจกนี่ \" เธอพูดเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยิน  เมเงี่ยหูฟังเข้าไปอีกนิด
                \" โย่...มัวทำอะไรอยู่  อาจารย์จอมตื้อเข้ามาสอนแล้วนะ \" โฮปแอบเข้ามาข้างหลังเงียบๆ  เขาหมายความว่าอาจารย์บุษบามาแล้ว  เมรีบเอามือปิดปากเขาแล้วก็ลากเขาไปที่ห้องเรียน  เมไม่อยากให้คนพวกนั้นรู้ว่าเธอมาแอบฟังอยู่  ถึงชื่อเสียงด้านการสอดรู้เรื่องในโรงเรียนของเมกับธัญจะพอๆกันแล้วก็เถอะ
                \" มีอะไรกันน่ะ  พวกเธอออกไปนอกห้องทำไมกัน \" ครูบุษบาว่าฉุนๆ  แต่เพราะมีโฮปอยู่ด้วยเธอจึงไม่ว่าอะไรมากไปกว่านั้น  เมกลับไปนั่งที่เก่า  มัยนั่งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมท่าเดิมกับเมื่อตอนก่อนจะออกไป  คราวนี้โฮปย้ายไปนั่งข้างมัยโดยไม่พูดอะไร  ทั้งสองคนซุบซิบพูดอะไรบางอย่างที่เมไม่ได้ยิน
                \" และเช่นเคยนะจ๊ะวันนี้ครูก็จะสอนดนตรีคลาสสิคอีกนะ  สำหรับวันนี้เป็นเจ้าของเส้นเสียงสะเทือนอารมณ์  อยากรู้แล้วล่ะสิมันก็คือ...แชลโล่จ้ะ...\"
                หลังจากเสียงโห่อย่างเบื่อหน่ายของบรรดานักเรียนผ่านไปแล้วอาจารย์ท่านก็เล่นพล่ามยาวติดต่อกันเป็นเวลากว่าสี่สิบนาทีราวกับท่องสคริป  จนกระทั่งหมดคาบมัยกับโฮปก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก  ในที่สุดคราวนี้ทั้งสองคนก็รอดพ้นจากการสาทิตการเล่นแชลโล่จนได้...รึเปล่านะ
                \" เอาล่ะ...ก่อนจะจากกันไปในวันนี้ขอเชิญนักดนตรีกิตติมศักดิ์...\" มัยกับโฮปที่กำลังจะพ้นประตูห้องไปแล้วก้าวสะดุดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย 
                ...ทว่าก่อนที่อาจารย์บุษบาจะทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น  เสียงบรรเลงแชลโล่ที่ฟังดูหดหู่ก็ดังขึ้นทำเอาขนลุกเกรียว  มัยที่ตั้งตัวได้ก็วิ่งไปตามต้นเสียงโดยสันชาตญาณมีโฮปตามไปติดๆ  และที่นั่น...
                 
.
                เมื่อไปถึงที่ห้องเรียนเมก็ต้องแปลกใจอีกว่าทั้งๆที่เมกับโฮปคุยกันอยู่ในห้องนั้นเป็นเวลานานพอสมควรแท้ๆ    แต่อาจารย์ก็ยังไม่เข้ามาสอนทั้งๆที่ปกติไม่เคยมาเลทเลย  แถมพวกมัย  พิม และก็นาที่ไปห้องน้ำก็ยังไม่กลับมาอีก  เวลาแบบนี้เมสังหรณ์ใจแปลกๆยังไงก็ไม่รู้  เธอตัดสินใจลุกขึ้นไปดูที่ห้องพักครูแต่ก็ไม่เห็นอาจารย์บุษบาอยู่ในนั้น  ถึงจะยังงงๆอยู่แต่เมก็เดินกลับมาที่ห้องเรียน  ระหว่างทางเธอเดินผ่านห้องที่เธอกับโฮปนั่งอยู่เมื่อประมาณ 10 นาทีที่แล้ว  ตอนนี้มีกระจกเงาสูงเท่าตัวคนตั้งอยู่ทั้งๆที่เมื่อครู่ที่ตรงนั้นยังว่างเปล่าอยู่  ที่น่าแปลกคือความจริงในห้องนาฏศิลป์นั้นกระจกทุกบานจะต้องสะท้อนภาพถึงกันได้เพื่อให้นางรำได้เห็นภาพสะท้อนของตนในมุมและลีลาต่างๆได้ครบถ้วน  แต่กระจกบานนั้นกลับตั้งอยู่ตรงมุมอับของกระจกบานอื่นๆทำให้ไม่เห็นภาพของคนที่ส่องกระจกอยู่ทำให้เธอชักสงสัยขึ้นมา  เมได้ยินเสียงคนที่ส่องกระจกอยู่พูดอย่างไม่พอใจนัก  สัญชาตญาณนักข่าวของเธอสั่งให้หยุดดูต่อ
                \" เธอสั่งทำกระจกประสาอะไรเนี่ย  บานนี้น่ะสูงไม่เท่าตัวฉันเลย  อย่างนี้ก็สะท้อนภาพสวยๆของฉันได้ไม่หมดตัวน่ะสิ  น่าเบื่อจริงๆยัยเฉิ่มนี่ไม่รู้จักปรับตัวมั่ง  ต้องให้ว่ากี่หน \" นางหน้ากระจกบ่นว่าโดยไม่คิดถึงจิตใจคนฟัง  เสียงของเธอฟังดูค่อนข้างอู้อี้  อาจเป็นเพราะใส่ผ้าปิดปากรึอะไรที่เป็นส่วนประกอบของชุดนางรำอยู่  เมเห็นนางรำอีกคนโผล่หน้าออกมาจากห้องแต่งตัวในชุดกินรี
                \" ก็...ความสูงของเธอก็พอดีกับกระจกนี่ \" เธอพูดเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยิน  เมเงี่ยหูฟังเข้าไปอีกนิด
                \" โย่...มัวทำอะไรอยู่  อาจารย์จอมตื้อเข้ามาสอนแล้วนะ \" โฮปแอบเข้ามาข้างหลังเงียบๆ  เขาหมายความว่าอาจารย์บุษบามาแล้ว  เมรีบเอามือปิดปากเขาแล้วก็ลากเขาไปที่ห้องเรียน  เมไม่อยากให้คนพวกนั้นรู้ว่าเธอมาแอบฟังอยู่  ถึงชื่อเสียงด้านการสอดรู้เรื่องในโรงเรียนของเมกับธัญจะพอๆกันแล้วก็เถอะ
                \" มีอะไรกันน่ะ  พวกเธอออกไปนอกห้องทำไมกัน \" ครูบุษบาว่าฉุนๆ  แต่เพราะมีโฮปอยู่ด้วยเธอจึงไม่ว่าอะไรมากไปกว่านั้น  เมกลับไปนั่งที่เก่า  มัยนั่งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมท่าเดิมกับเมื่อตอนก่อนจะออกไป  คราวนี้โฮปย้ายไปนั่งข้างมัยโดยไม่พูดอะไร  ทั้งสองคนซุบซิบพูดอะไรบางอย่างที่เมไม่ได้ยิน
                \" และเช่นเคยนะจ๊ะวันนี้ครูก็จะสอนดนตรีคลาสสิคอีกนะ  สำหรับวันนี้เป็นเจ้าของเส้นเสียงสะเทือนอารมณ์  อยากรู้แล้วล่ะสิมันก็คือ...แชลโล่จ้ะ...\"
                หลังจากเสียงโห่อย่างเบื่อหน่ายของบรรดานักเรียนผ่านไปแล้วอาจารย์ท่านก็เล่นพล่ามยาวติดต่อกันเป็นเวลากว่าสี่สิบนาทีราวกับท่องสคริป  จนกระทั่งหมดคาบมัยกับโฮปก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก  ในที่สุดคราวนี้ทั้งสองคนก็รอดพ้นจากการสาทิตการเล่นแชลโล่จนได้...รึเปล่านะ
                \" เอาล่ะ...ก่อนจะจากกันไปในวันนี้ขอเชิญนักดนตรีกิตติมศักดิ์...\" มัยกับโฮปที่กำลังจะพ้นประตูห้องไปแล้วก้าวสะดุดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย 
                ...ทว่าก่อนที่อาจารย์บุษบาจะทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น  เสียงบรรเลงแชลโล่ที่ฟังดูหดหู่ก็ดังขึ้นทำเอาขนลุกเกรียว  มัยที่ตั้งตัวได้ก็วิ่งไปตามต้นเสียงโดยสันชาตญาณมีโฮปตามไปติดๆ  และที่นั่น...
                 
.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น