ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mysterious Detective

    ลำดับตอนที่ #4 : การต้อนรับจาก...?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 43
      0
      18 ธ.ค. 46



                            





    ทั้งสองคนเป็นคู่แฝดที่หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ  แต่บุคลิกและทรงผมแตกต่างกัน

          \" สวัสดีจ้ะมัย  เธอเป็นน้องสาวของแพรสินะ  พวกเราเองก็เป็นเพื่อนสนิทของแพรเขานะก่อนที่เขาจะตาย  แพรก็พูดถึงมัยอยู่บ่อยๆ \" ฝาแฝดคนที่ไว้ผมยาวเอ่ยทักทายขึ้นมาก่อน  ขณะที่มัยกำลังงงๆอยู่ เมก็แอบกระซิบบอก \' นั่นคู่ฝาแฝดกุ๊กกับกิ๊กพวกเขาเป็นหลานของผู้อำนวยการสถาบันนี้น่ะ \'

          \" แหมๆ ไม่ดีเลยนะจ๊ะเมกระซิบกระซาบกันอย่างนั้นน่ะ  ชอบขุดคุ้ยเรื่องชาวบ้านเขายังไม่พอยังชอบกระซิบกระซาบนินทาชาวบ้านด้วยเหรอ \" กิ๊กคนที่พูดกับมัยเมื่อกี้ว่าเมหน้าตาเฉย  เมถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งทีเดียวก่อนจะตอบไป

          \" โธ่.. พี่กิ๊กคนเราถ้าไม่มีอะไรที่ผิดชาวบ้านเขาก็ไม่เห็นต้องกลัวว่าจะมีใครขุดคุ้ยเลยนี่คะ \" เมพูดเสียงเย็น  ก่อนหน้านี้เธอเคยทำข่าวเกี่ยวกับสองคนนี้ที่ถูกเด็กม. 2 กล่าวหาว่าเป็นคนทำร้ายร่างกายเพื่อนของเขาที่บังเอิญว่ามันเป็นเรื่องจริง  ทำให้สองคนนั้นโกรธมากที่ทำให้ภาพพจน์เธอเสีย  จนถึงกับประกาศตัวเป็นศัตรูกับสมาชิกชมรมหนังสือพิมพ์ทุกคนซึ่งแน่นอนว่าเมที่เป็นคนทำข่าวก็ย่อมโดนด้วย  แต่แม้แต่ผู้อำนวยการก็ยังถูกประธานชมรมหนังสือพิมพ์รู้ความลับเข้าและขู่ว่าจะแฉถ้าเกิดมีอารมณ์ขึ้นมา  ดังนั้นชมรมหนังสือพิมพ์จึงอยู่ยงคงกระพันมาได้ไม่ถูกยุบ

          \" แล้ว.. มีธุระอะไรกับฉัน \" มัยพูดเธอมองหน้าทั้งสองคนอย่างพินิจพิจารณา

          \" ไม่มีอะไรหรอกน่า  อย่าทำหน้าเครียดอย่างนั้นสิจ๊ะ \" กิ๊กพูดอย่างมีอารมณ์ขัน  แต่ไม่มีใครขำด้วย

                      \" แค่แวะมาทักทายน่ะ  ในฐานะเพื่อนสนิทของแพร ต้องทักทายน้องสาวจริงมั้ย \" กุ๊กที่ปิดปากเงียบมานานพูดขึ้น  แล้วเธอก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วดึงแขนกิ๊กไป

          \" มัยฉันว่าเธออย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลยนะ  คือสองคนนี้มีข่าวลือไม่ค่อยดีน่ะ  เขาว่ากันว่าเป็นพวกตีสองหน้า \" เมพูดขณะที่พวกเธอเดินไปตึกเรียน

          \" แล้วใครล่ะที่เป็นคนว่า \" มัยถามขึ้นลอยๆ

          \" ก็ฉันคนหนึ่งล่ะรับรองเลย ! รู้มัยว่าสองคนนั้นเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอกถ้าลองไม่ชอบใครล่ะก็นะ  จะแกล้งทำเป็นดีด้วยให้ตาบใจแล้วก็กลั่นแกล้งต่างๆนานาและมาตีหน้าซื่อหาว่าเป็นอุบัติเหตุ  ฉันเองก็เคยโดนมาแล้วนะ  เพราะงั้นฉันเลยทำข่าวแฉธาตุแท้ของสองคนนั่นไปเลย \" เมพูดอย่างมีอารมณ์

          \" แล้วไง เธอเลยคิดว่าสองคนนั้นจะหาเรื่องฉันงั้นเหรอ \" มัยถาม

          \" นั่นแหละ  ประเด็นหลักเลยล่ะ  เพราะทั้งสองคนเพิ่งจะมาเผยธาตุแท้ของตัวเองก็หลังจากที่พี่สาวเธอตายไปนั่นแหละ  แล้วพวกเขาก็เป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆนะพี่ธัญบอกฉันตอนที่ฉันถามน่ะ  ฉันว่าต้องเกิดอะไรขึ้นในระหว่างพวกเขาแน่ๆ \" เมบอกด้วยท่าทีกังวลใจ

          \" แล้วธัญนี่มันใครอีกล่ะ \" มัยชักคิดว่าเธอไม่รู้เรื่องเข้าทุกที

          \" อ๋อ.. เป็นประธานชมรมหนังสือพิมพ์ที่ฉันกับก้อยอยู่น่ะ  พี่เขาเก่งมากนะ  เป็นนักหาข่าวที่ยอดมากเลยล่ะ \" ก้อยเป็นคนตอบแทน  มัยทำหน้าสงสัย

          \" จริงสิ  ตอนเมื่อกี้ก็มีมาทักฉันคนหนึ่งแหละเขามาชวนเข้าชมรมหนังสือพิมพ์นี่แหละ \" มัยพูดแล้วครุ่นคิด

          \" หน้าตายังไงเหรอ \" พิมถามบ้าง

          \" ก็… ตัวเตี้ยกว่าฉันหน่อยนึง  ท่าทางกระตือรือร้นมากเลย  ไว้ผมเปียสองข้างอย่างเนี้ย \" มัยแสดงท่าทางประกอบ \" เหมือนพจมานเลย  แล้วก็หิ้วกล้องถ่ายรูป  ไมโครโฟน อะไรพะรุงพะรังเลย  ยังกับจะไปทำข่าวที่ไหน  และก็อีกอย่างนึงข้อนี้ฉันไม่แน่ใจนะว่าเขาน่ะหายตัวแวบไปแวบมาเร็วมากเลย \" มัยตั้งข้อสังเกต

          \" นั่นแหละๆใช่เลย ! เป็นพี่ธัญแน่นอนเลย \" ทั้งเมและก้อยพูดพร้อมกัน  ทั้งสองทำท่าอิจฉา

          \" มัยนี่เป็นที่สนใจจริงๆนะ  เมื่อไหร่เราจะมีคนมาสนใจอย่างนี้บ้างน้า…\" ก้อยพูดอย่างอิจฉา

          \" ฉันว่านะมันไม่ค่อยดีหรอกนะที่มีใครมายั้วเยี้ยอยู่รอบๆตัว \" มัยว่า

          \" ทำไมล่ะ  ฉันว่าดีนะที่เป็นจุดสนใจน่ะดังดี \"  ก้อยพยายามอ้างอีก

          \" ก็เพราะว่ามัยเค้าไม่ค่อยชอบให้ใครมาวุ่นวายน่ะสิจ๊ะ  จริงมั้ย \"  นาพูดแทนแล้วหันไปยิ้มกับมัย

          \" เธอก็เหมือนกันแหละนาตามติดฉันอยู่ได้ \" มัยพูดลอย ๆ

                           \" แหมๆๆ ก็ฉันรักมัยนี่นา \" นาพูดแล้วมากอดแขนมัยไว้  เมแปลกใจที่เห็นมัยยิ้ม



         พวกเธอแยกกับก้อยที่หน้าอาคารเรียนวิชาแรกที่พวกเธอจะเรียนวันนี้เป็นวิชาประวัติศาสตร์โดยมีอาจารย์ดาริกาเป็นผู้สอน  เมเตือนว่าในวิชานี้เราต้องแกล้งเชื่อฟังอาจารย์ไปก่อนเพราะไม่งั้นถ้าคุณเธอโกรธขึ้นมาก็จะสั่งการบ้านเป็นพะเรอเกวียนทีเดียว  ตอนแรกมัยกับนาก็ไม่ค่อยเข้าใจที่เมพูดเท่าไหร่  พอได้เข้าเรียนสักครู่ถึงเข้าใจ

                       อาจารย์ดาริกาชอบเอาคำถามมาถามมากมายในคาบเรียน  ตอนแรกนาไม่รู้เลยตอบคำถามไปแถมยังตอบถูกอีก  แต่ปรากฏว่าคุณเธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหาว่าอวดรู้ตอบได้ก่อนที่ครูจะสอน  ทำเอานาจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว

          \" บังเอิญพวกเราอ่านหนังสือเจอน่ะค่ะ  อาจารย์…\" มีเสียงๆหนึ่งร้องขัดขึ้น  มัยนั่นเองที่เป็นคนพูด  เธอลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับอาจารย์โดยไม่กลัวเกรงขณะที่เพื่อนในห้องพากับกลั้นหายใจ

          \" อ่านหนังสือเจองั้นเหรอเธอ…\"

          \" ตฤณมัยค่ะ ส่วนคนที่ไม่มีความผิดและอาจารย์กำลังว่าอยู่เขาชื่อลัคนาค่ะ \" มัยพูดด้วยเสียงที่ราบเรียบแต่ดูแววตาเธอมันเยือกเย็นยังไงไม่รู้   อาจรย์ดาริกานิ่งไปสักครู่ก่อนจะพูดต่อ

          \" งั้นก็…แล้วไปนะ  คาบนี้ครูให้พวกเธอศึกษาในหนังสือละกันพอดีนึกได้ว่ามีธุระ \" อาจารย์บอกแล้วเดินกระแทกเท้าออกจากห้องไป  เมที่นั่งข้างๆมัยถอนหายใจอย่างโล่งอก  มัยเองก็นั่งลงแล้ว  ขณะที่เพื่อนๆในห้องพากันโห่ร้องยินดีกันที่มัยสามารถเอาชนะครูขี้โมโหได้แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้เรื่อง

          \" นี่เม  ครูโรงเรียนนี้เป็นแบบนี้กันหมดรึไง  ทั้งครูรัตนานั่นแล้วก็ครูดาริกานี่ \" มัยถามอย่างมีอารมณ์  แต่เมหัวเราะ

          \" ไม่หรอกจ้ะที่ใจดีๆกว่านี้ก็มี  ที่เป็นคนสนุกสนานก็มีนะ  เดี๋ยวเรียนไปก็เจอเองแหละ  อ๊ะพอดีเลย \" เมพูดขณะดูตารางเรียน

          \" เดี๋ยวเรียนดนตรีกับอาจารย์บุษบาพอดี  คนนี้ก็แปลกๆอีกคนล่ะ \" เมว่าแล้วยิ้มมัยนึกสงสัยว่าเรียนกันไปได้อย่างไร

          พวกเพื่อนๆในห้องปลื้มมัยกันใหญ่ไหนจะเรื่องที่เธอบอกว่าเป็นนักสืบ แล้วก็เรื่องที่อาจหาญต่อกรกับครูดาริกาได้ด้วย  ทำให้เธอกลายเป็นเป้าสนใจในเวลาที่เหลือนั้นทันทีมีแต่คนเข้ามาทักทายพูดคุยด้วย

          \" นี่ๆ มัยที่บอกว่าย้ายมาจากโรงเรียนสืบสวนน่ะนะ  มันเป็นยังไงเหรอ \" มินท์เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งถาม

          \" ก็เป็นโรงเรียนที่สอนความรู้ด้านการสืบสวนน่ะอย่างเช่นการวิเคราะห์หาสาเหตุการตายบ้าง  การใช้อาวุธป้องกันตัวบ้าง และก็การเอาตัวรอดจากคนร้ายในสถานการณ์คับขันอะไรประมาณนี้แหละ \" มัยตอบ

          \" แล้วเขาคัดเลือกคนที่จะเข้าไปเรียนได้ยังไงน่ะ  เผื่อวันหลังจะไปเรียนบ้าง  คือความจริงฉันอยากเป็นตำรวจน่ะ \" ต้อมเด็กหนุ่มอีกคนถาม

          \" ทางโรงเรียนจะมีการสอบเข้าปีละครั้งน่ะช่วงปิดเทอมหน้าร้อนของพวกเรานี่แหละ  แล้วก็จะมีแบบทดสอบทั้งทฤษฎีและก็ปฏิบัติคะแนนเต็มร้อยคะแนน  พวกทฤษฎีนี่ก็จะเป็นข้อสอบกากบาดกับเติมคำตอบ ส่วนสอบปฏิบัติก็จะมีการจำลองสถานการณ์ขึ้นให้เราเป็นคนคลี่คลายคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นน่ะ  \" มัยตอบ  คนอื่นๆร้อง โห  กันใหญ่แม้แต่เมก็พลอยทึ่งไปด้วย  เธอเอาอย่างประธานชมรมหนังสือพิมพ์ของเธอโดยการจดข้อมูลไว้ในสมุดยุกยิกๆ  มัยสังเกตเห็นแต่ก็ไม่ว่าอะไร

          \" แล้ว…ที่ว่าคะแนนเต็มร้อยน่ะเธอได้เท่าไหร่หรอ \" พล เด็กหนุ่มที่ตัวเล็กพอๆกับนาถามด้วยตาเป็นประกาย

          \" เอ่อ.. เก้าสิบหกคะแนนน่ะ \" มัยตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก  แต่คนอื่นๆร้อง โอ้โฮ  กันเป็นแถวจนมัยชักเขิน

          \" แต่ว่ายังมีคนที่ได้คะแนนมากกว่าฉันอีกนะคนนี้ได้เก้าสิบแปดคะแนน  เป็นคะแนนสูงสุดด้วยนะ \" มัยพยายามพูดแก้เขิน

          \" แล้วใครกันล่ะที่บังอาจได้คะแนนมากกว่ามัยน่ะ \" นามุดเข้ามากลางวงแล้วถามอย่างประหลาดใจ

          \" เป็นคนอเมริกันน่ะ ชื่อ โฮป    แรนเฟริส  เขาเป็นลูกของนักไวโอลินชื่อดังด้วยนะที่ชื่อ รีมูลัส   แรนเฟริส พวกเธอคงรู้จัก  และแม่ของเขาก็เคยเป็นตำรวจของสก็อตแลนด์ยาร์ดด้วย \" มัยพูดแล้วถอนหายใจ

          \" ชักอยากเห็นหน้าซะแล้วล่ะคนที่ชนะมัยได้ \" นาพูดพร้อมตาเป็นประกาย

          \" อย่าเลยนา  ถ้าเจอตัวจริงนะมีหวังผิดหวังอย่างแรงเลยล่ะ \" มัยพูดแค่นั้นแล้วก็เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น

          การพูดคุยยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ  เมแปลกใจที่เห็นมัยดูเป็นธรรมชาติมากแถมยังดูสบายๆเวลาพูดเกี่ยวกับเรื่องการสืบสวนของเธอ  ทั้งที่ปกติมัยจะดูเงียบๆซะมากกว่า  นี่คงเป็นอีกด้านในตัวของเธอล่ะกระมัง



          เสียงออดดังขึ้นขัดจังหวะพอดีคนอื่นๆบ่นเสียดายขณะรีบร้อนเก็บของกันเพื่อไปเรียนดนตรีที่อาคารสาขาวิชาศิลปะ  ตามที่เมบอกอาคารนี้ทั้งระดับประถม  มัธยม  หรือมหาวิทยาลัยต่างก็ใช้ร่วมกันหมด

          ระหว่างการเดินไปที่อาคารเรียนศิลปะเมบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการทำตัวในคาบเรียนของอาจารย์บุษบาให้ฟัง  พิมที่เดินตามมาข้างหลังก็กำลังเล่าเรื่องโรงละครอาถรรพ์ให้นาฟังอยู่





          ในที่สุดก็มาถึงที่หมายคือห้องดนตรีที่ 3 ซึ่งเป็นห้องสำหรับชั้นมัธยมหัวหน้าห้องเป็นคนเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป  คนอื่นๆก็เดินตามไปรวมทั้งพวกมัยด้วย  พิมและนาก็พูดถึงเรื่องเครื่องดนตรีผีสิง  รูปภาพผีสิงอยู่นั่นแหละจนกระทั่งเข้ามาในห้องนั่นเอง  มัยก็คิดว่าที่พิมพูดเกี่ยวกับผีสิงท่าทางจะมีจริง

          บรรยากาศในห้องดนตรีนี้ทำให้นึกถึงนิยายคลาสสิก  ห้องนี้เป็นห้องที่ทาสีขาวเหมือนห้องอื่นๆแต่ดูสะอาดตามากกว่า  ตามตู้กระจกในห้องก็เต็มไปด้วยถ้วยรางวัล  เกียรติบัตรและรูปถ่ายกิจกรรมสำคัญต่างๆที่ท่าทางจะเป็นของชมรมดนตรี  ตามผนังห้องก็แขวนรูปวาดของคีตกวีเอกคนสำคัญๆ จนเหมือนถูกจ้องมองอยู่  แต่สิ่งที่สะดุดตามัยมากกว่านั้นคือเครื่องดนตรีราคาแพงต่างๆที่วางเรียงรายอยู่  มัยชื่นชมด้วยสายตาว่าที่นี่เป็นห้องเรียนดนตรีที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าทีเธอเคยเรียนมา  เธออยากลองเล่นเปียโนตัวที่ตั้งเด่นอยู่ตรงนั้นเหลือเกิน  แต่ภาพความคิดคำนึงของเธอก็ถูกขัดเมื่ออาจารย์เข้ามาถึง

          หลังจากหัวหน้าห้องบอกทำความเคารพแล้ว  ครูบุษบาก็แจกยิ้มไปรอบๆห้องก่อนจะเช็กชื่อนักเรียนแล้วพูดว่าวันนี้เธอจะสอนเรื่องดนตรีคลาสสิก  ฉับพลันทันใดนั้นเองเธอก็ร้องอุทานเสียจนโอเว่อร์เมื่อมองเห็นมัย

          \" อุ๊ย  ต๊าย  ตายๆๆ \" เธอพูดจนมัยคิดว่าเธอน่าจะตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป

          \" ถ้าจำไม่ผิดเธอก็คือตฤณมัยที่ย้ายมาใหม่ใช่ไหมจ๊ะ \" เธอถามอย่างกระตือรือร้นเหมือนเด็ก  มัยพยักหน้าหงึกๆ  ทั้งที่ยังไม่เข้าใจเรื่องราว

          \" ตามข้อมูลของครูบอกว่าเธอเคยชนะเลิศการแข่งขันเดี่ยวเปียโนชิงแชมป์เยาวชนตอนอายุ สิบสองใช่ไหมจ๊ะ \" ครูบุษบาถามอีกด้วยเสียงอันดัง  มัยชักจะเขินอีกเมื่อเธอพยักหน้ารับแล้วเพื่อนๆในห้องพากันร้อง โห  กันอีกครั้ง  แม้แต่เมกับพิมก็ตะลึง  ขณะที่นาแสดงสีหน้าชื่นชมเสียเหลือเกินราวกับมัยเป็นวีรสตรีอะไรทำนองนั้น

          \" แต่มันก็ตั้งสี่ปีแล้วนะคะแล้วหนูก็ไม่ได้เล่นเปียโนมาตั้งสองปีแล้วล่ะค่ะ  ตอนนี้คงเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ \" มัยพูดเสียงอ่อยๆ  แต่ครูตัดสินใจแล้วยังไงก็ห้ามไม่ได้   เธอลากมัยไปที่เปียโนตัวที่มัยหมายตาไว้

          \" เอาเลยจ้ะเล่นดูสิ  ผิดถูกไม่เป็นไร  ถือเป็นการสอนเพื่อนไปในตัวไงจ๊ะ  อย่าลืมสิวันนี้ครูจะสอนเรื่องดนตรีคลาสสิกน่ะ \" เธอจับมัยนั่งเสียเรียบร้อย

          \" แต่หนูไม่ค่อยมั่นใจ…\" มัยพยายามลุกขึ้นแต่ครูก็จับให้นั่งลง

          \" ไม่มีแต่  ตอนนี้เธอนั่งหน้าเปียโนแล้วยังไงต้องดีดเอาเลยครูจะฟังตรงนี้แหละ \" เธอพูดแล้วยกเก้าอี้อีกตัวมานั่งใกล้ๆ

          มัยไม่รู้จะปฏิเสธยังไง  แต่ก็เป็นโอกาสดีเพราะเธออยากจะลองดีดเจ้านี่อยู่สักยกเหมือนกัน  เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเสริมเความมั่นใจแล้วเธอก็จรดนิ้วลงบนแป้นคีย์เล่นเพลงโปรดของเธอ  Kanon  ของ  Johann  Pachelbel  ที่เธอเคยเล่นคู่กับไวโอลินของพี่สาว  เป็นเพลงที่สำคัญมากของเธอ  มัยบรรเลงเพลงด้วยความรู้สึกที่มีต่อพี่ทั้งหมดทั้งความรัก  คิดถึง  และความทรงจำอีกมากมาย

          มัยถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเล่นจบ  เกิดความเงียบสักครู่หนึ่งก่อนที่เพื่อนร่วมห้องพร้อมทั้งอาจารย์บุษบาจะพากันปรบมือเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องดนตรี  มัยลุกขึ้นอย่างเขินๆ  อาจารย์บุษบาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม

          \" ยอดเยี่ยมมาก  ครูยังไม่เคยเห็นใครที่ไหนเล่นเพลง Kanon  ได้เพราะเท่าเธอมาก่อนเลยนะ  ขนาดไม่ได้เล่นเปียโนมาตั้งสองปีนะเนี่ย  ถ้าเล่นทุกวันล่ะก็จะเก่งขนาดไหนกันนะ \" อาจารย์บุษบาพร่ำพรรณนาต่อไปโดยที่มัยเป็นฝ่ายฟัง

          \" แต่ว่า Kanon  ของเธอน่ะฟังดูเศร้าๆนะจ๊ะมีอะไรในใจรึเปล่า \"

          \" คือ.. เพลงนี้…\" มัยอึกอัก

          \" ไม่เป็นไรจ้ะถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร  ว่าแต่เธอไม่สนใจจะเข้าชมรมดนตรีของครูบ้างเหรอจ๊ะ  รับรองว่าเธอจะต้องได้เป็นดาวเด่นแน่ๆ \" อาจารย์ชวน

          มัยส่ายหัว  \" ต้องขอโทษจริงๆค่ะคือความจริงหนูมีชมรมที่อยากเข้าแล้วน่ะค่ะ \" มัยบอกปฏิเสธด้วยเสียงหนักแน่น  อาจารย์หน้าสลดลงเล็กน้อย

          \" งั้นก็ไม่เป็นไรจ้ะแต่ถ้าเธอเกิดเปลี่ยนใจเมื่อไหร่บอกครูได้ทุกเวลาเลยนะ  เอาล่ะค่ะนักเรียน  เรามาเข้าบทเรียนกันดีกว่า…\"

          ตลอดเวลาที่เหลือในชั่วโมงนั้นอาจารย์บุษบาไม่ได้แค่สอนเฉยๆ  แต่จะเฝ้าส่งสายตาวิงวอนมาหามัยอยู่นั่นแหละจนมัยอึดอัดพอสมควร  ก่อนที่เส้นความอดทนของมัยจะขาดผึงเสียงออดก็ดังขึ้นพอดี  เมื่อครูสั่งการบ้านให้นักเรียนเขียนโน๊ตเพลงคลาสสิกมาคนละเพลงแล้ว  หัวหน้าห้องก็บอกทำความเคารพแล้วพวกเธอก็หลุดออกจากห้องนั้นมาได้อย่างปลอดภัยในที่สุด

          \" มัยที่เธอเล่นเมื่อกี้น่ะยอดไปเลย \" เมกล่าวอย่างชื่นชม

          \" ใช่  ยังกับผีสิงแน่ะ \" พิมออกความคิด  แต่ก็โดนนาค้อนใส่

          \" บ้าน่า  มัยไม่ได้ให้ผีเล่นให้หรอกนะ  มัยเขาเก่งจริงต่างหาก \"

          \" เอาน่าๆ  รีบๆไปกันเถอะเดี๋ยวก็เข้าห้องสายหรอก  อย่าลืมนะว่าต่อไปเรียนฟิสิกส์น่ะ  เดี๋ยวโดนชอล์กพิฆาตหรอก  ไปกันเถอะมัยอย่าไปสนใจพวกนี้เลย \" เมพูดแล้วควงแขนมัยไป  มัยคิดในใจ \' ท่าทางครูโรงเรียนนี้คงจะไม่ปกติแฮะ \'



          หลังจากการเรียนวันแรกผ่านพ้นไปอย่างไม่ง่ายดายนัก  แต่พวกเธอก็ปลอดภัยดีครบสามสิบสอง  เมกับพิมขอตัวไปช่วยงานชมรมก่อน  ดังนั้นเมกับนาจึงเดินกลับหอพักด้วยกันสองคนอาศัยแผนที่คร่าวๆที่เมวาดให้  มัยบ่นว่านาต่างๆนานาไปด้วย

          \" เธอล่ะก็นา  ฉันบอกแล้วว่าอย่าตามมาๆ  ทำไมไม่ฟังกันบ้าง  นี่ถ้าเกิดว่าพี่แพรเขาถูกฆาตกรรมจริงๆ  แล้วเธอเที่ยวไปบอกคนอื่นๆไปทั่วว่าฉันมาสืบเรื่องการตายของพี่อย่างนี้  คนร้ายรู้เข้ามันไม่มาจัดการฉันเหรอ  แต่ลำพังตัวฉันนี่ก็ไม่เท่าไหร่หรอกนา  ฉันกลัวว่าเจ้าฆาตกรจะทำร้ายเธอแล้วก็คนรอบข้างฉันด้วยน่ะสิ  \" มัยร่ายยาวนาก้มหน้าอย่างสำนึกผิด

          \" ขอโทษจ้ะ  ฉันก็คิดว่าตัวเองน่าจะช่วยอะไรมัยได้บ้างแค่นิดหน่อยก็ยังดี  พี่แพรเขาก็เหมือนพี่สาวฉันเหมือนกัน  แต่…แต่ ฉันไม่คิดว่าจะมาทำให้มัยต้องลำบากเลยนะ  แล้วฉันไม่คิดว่ามัยจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับนี่ฉันก็เลย…\" นาพูดอย่างหงอยๆ

          \" ช่างเถอะๆ  เอ้าถึงห้องเธอแล้วล่ะ ห้อง 204 สินะ \" มัยรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะทำเด็กร้องไห้   มัยรับกุญแจของนามาไขประตูให้  แต่วินาทีที่สัมผัสกับลูกบิดประตูเธอก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง  นั่นคือ…

          \" นี่นาเมื่อเช้าตอนที่พวกเธอออกจากห้องล็อกประตูรึยัง \" มัยถามทั้งที่เดาคำตอบได้ดีอยู่แล้ว

          \" แหงอยู่แล้ว ! ก็ต้องล็อกน่ะสิจ๊ะ  ฉันไม่ซุ่มซ่ามขนาดลืมล็อกประตูหรอกน่า \" นาพูดอย่างขำๆขณะที่มัยทำหน้าซีเรียส

          \" งั้นก็แสดงว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมาทักทายล่ะสิ  นาประตูบานนี้ไม่ได้ล็อกไว้ \" มัยพูดขณะถอยห่างจากประตู

          \" จริงเหรอจ๊ะ  งั้น…\" นาชักเริ่มกลัวแล้วเธอเกาะแขนข้างหนึ่งของมัยเอาไว้

          \" นามาอยู่ข้างหลังฉันนะ  ระวังตัวให้ดีด้วย\"  มัยพูดขณะกันนาเอาไว้ข้างหลังแล้วจึงค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดประตู



       มีอะไรบางอย่างขนาดใหญ่หล่นลงมาขตรงหน้าพวกเธอ  อะไรบางอย่างที่ทำให้เลือดในกายทั้งสองเย็นเฉียบด้วยความตื่นตระหนก



            
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×