ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mysterious Detective

    ลำดับตอนที่ #8 : ทัศนศึกษาที่แสนวุ่น !?!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 29
      0
      19 ก.พ. 47

                    



    หลังจากวันนั้นแล้วมัยก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเมอีกเลย...

            มัยทำตัวเป็นปกติทุกอย่างจนวันสอบกลางภาคใกล้เข้ามัยก็ไม่เห็นจะมีท่าทางจะป้องกันการโกงข้อสอบหรืออะไรพักนี้เลย   ทั้งๆที่มัยก็อยู่กับพวกเธอแทบทั้งวันไม่ได้ออกไปสืบเรื่องราวอะไรเพิ่มเติมอีก   แต่เวลาที่มัยเจอกับท่านผอ. เมื่อไหร่ทั้งสองก็จะส่งสายตามีเลศนัยมาให้กันเสมอ   แต่ด้วยความที่ใกล้จะสอบแล้วและมัยกับนาก็ย้ายมาเกือบกลางเทอมอยู่แล้ว   การเรียนเลยออกจะช้ากว่าคนอื่นไปบ้าง   นอกจากมัยจะอ่านหนังสือจนดึกแทบทุกวันแล้ว   เธอยังต้องช่วยติวให้นาที่ปรับตัวยังไม่ค่อยทันด้วย   ถึงจะมีพวกเธอช่วยด้วย   แต่ก็ไม่มีใครสามารถอธิบายให้นาเข้าใจได้   เมเลยไม่อยากจะถามอะไรกวนใจเธออีก

            จนกระทั่งมหกรรมการสอบกลางภาคผ่านพ้นไปแล้วช่วงเวลาที่ทางโรงเรียนหยุดให้นักเรียนพักสมองเป็นเวลา 1 อาทิตย์นั่นเองเมจึงสังเกตเห็นว่ามัยดูจะพออกพอใจอะไรสักอย่าง   แม้กระทั่งนาก็สังเกตเห็น   ด้วยความที่นาช่างถามช่างซักไปหมด   นาจึงถามเรื่องที่เมไม่กล้าถาม  ในบ่ายวันหนึ่งซึ่งพวกเธอมาชุมนุมกันที่ห้องของพิมกับนาและกำลังพูดคุยถึงการทัศนศึกษาซึ่งเป็นประเพณีหนึ่งของธาราประสิทธิ์ในระดับมัธยมต้น   ซึ่งหลังสอบกลางภาคของทุกเทอมทางโรงเรียนจะจัดโครงการเข้าค่ายทัศนศึกษาเทอมละหนึ่งระดับชั้น   พอดีว่าในเทอมนี้เป็นทีของชั้นม.4 บ้าง   พวกเธอจัดของกันเสร็จแล้ว   รูมเมทของแต่ละห้องต้องนอนเต๊นท์เดียวกัน   นาดูจะตื่นเต้นกว่าคนอื่นๆ   เพราะเธอไม่เคยหยุดพูดเลยเมื่อได้รู้เรื่องการทัศนศึกษานี้   และด้วยความที่นากลายเป็นนกแก้วนกขุนทองไปแล้ว   เธอจึงพลอยถามไปเรื่องที่เมไม่กล้าถามจนได้  

            \" นี่ๆ มัย   ช่วงนี้มีอะไรดีๆเหรอ   เห็นเธออารมณ์ดีตลอดเลยนี่\"  นาถามด้วยท่าทางใสซื่อเหลือเกิน  

            \" อืมม...ฉันดูอารมณ์ดีขนาดนั้นเลยเหรอ   คือมันมีเรื่องดีๆน่ะ   พวกเธอจำคดีที่ผอ. ขอร้องให้ฉันสืบได้ไหม   เมว่าไปแอบฟังกันหมดเลยนี่   ตอนนี้ฉันหาหลักฐานมัดตัวคนร้ายได้พอสมควรแล้วล่ะ   ตอนไปทัศนศึกษานี่แหละเป็นเวลาที่จะสร้างบ่วงมามัดตัวคนร้ายจริงๆซะที   และคนร้ายก็ติดกับฉันด้วย   ตอนสอบกลางภาคดูท่าคนๆนั้นจะไม่ได้โกงข้อสอบนะ   ข้อนี้ต้องยกความดีให้เมส่วนหนึ่งนะ   เพราะข้อมูลของเมนี่แหละที่ช่วยได้มากเลย \" มัยพูดยิ้มๆ   ท่าทางเธอดูโล่งอกดี   สงสัยมัยเองก็อยากพูดเรื่องนี้มานานเหมือนกัน

            \" เหรอ  แล้วคนร้ายเป็นใครล่ะ   พวกชมรมถูกผอ.ขอร้องไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้พวกเราเลยสืบอะไรมากไม่ได้น่ะ   เอาสิ  บอกมาเร็วๆเลยฉันอยากรู้ \"  ก้อยที่บ่นพึมพัมเรื่องที่ต้องนอนเต๊นท์เดียวกับรูมเมทที่เธอไม่ถูกด้วยมาสักครู่หนึ่งแล้ว   หูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินคำนี้

            \" จริงด้วยๆบอกเถอะน่ามัย \" นาเร่งเร้าอีก  

            \" ใช่ผีในห้องกรรมการนักเรียนรึเปล่า \" พิมลุกจากมุมมืดมารุมมัยอีกคน

            \" โอ๊ย  มัยรีบๆบอกเถอะ  อยากรู้จะแย่แล้ว \" เมชักกระวนกระวายแล้ว

            \" NEED  NOT  TO  KNOW.. เคยได้ยินคำนี้ไหม \" มัยพูด

            \" อะไรนะ !! \" ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน

            \" NEED  NOT  TO  KNOW   หมายถึง  ไม่จำเป็นต้องรู้ไงล่ะ   พวกเธอก็ตื่นเต้นไปได้เดี๋ยวคนร้ายก็ไหวตัวทันหรอก   ถึงเวลาแล้วจะรู้เอง   ตอนนี้คิดถึงเรื่องกิจกรรมรอบกองไฟก่อนดีกว่า \"  มัยตัดบท   ทุกคนจึงได้แต่มองหน้ากัน   อย่างคนที่ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี



            และแล้ววันเดินทางทัศนศึกษาก็มาถึงจนได้   พวกนักเรียนม.4 ต่างดูไม่จืดเมื่อต้องแบกกระเป๋าใบย่อมๆขึ้นรถ   ในการเดินทางครั้งนี้ใช้รถเมล์ของโรงเรียนจำนวน 9 คัน   แต่ละคันบรรทุกได้ 45 ที่นั่ง   ซึ่งรถเหล่านี้ท่านผอ. สั่งทำขึ้นมาหลายปีแล้ว   ว่ากันว่าเพื่อนำมาใช้ในการนี้โดยเฉพาะ   ตอนปิดเทอมก็ใช้พาพวกครูไปเที่ยวกัน   ครูดาริกาเคยบ่นว่าผอ. ออกจะร่ำรวย   พาครูไปเที่ยวทั้งทีกลับใช้รถเมล์ต๊อกต๋อยอยู่ได้

            พอดีตอนที่จะไปขึ้นรถ  เมกลับลืมของไว้ในห้อง   มัยจึงไปเป็นเพื่อนเมที่ห้องโดยที่ไม่ได้บอกให้พวกก้อยจองที่นั่งเอาไว้ให้   ปรากฏว่าเมื่อกลับมาที่รถที่นั่งว่างก็เหลือเพียงที่เดียวเท่านั้น   คนที่ยังไม่มีที่นั่งก็คือเมและมัย   ทั้งสองมองหน้ากันต่างก็บอกไม่ถูกว่าจะทำยังไงดี   นาที่เหลือบมาเห็นพวกเธอพอดีก็เรียกให้มัยมานั่ง   แต่มัยก็เกรงใจเม   พวกก้อยกับพิมก็จะให้เมนั่งด้วย   แต่เมก็เกรงใจมัยอีก   สรุปแล้วทั้งสองสาวรูมเมทก็เอาแต่เกี่ยงกันจนไม่ได้นั่งสักที   สักครู่ครูรัตนาก็มาถึง

            \" อ้าว...พวกเธอไม่ได้นั่งเหรอ   ครูนึกว่าที่นั่งจะพอซะอีก \" ครูพูดด้วยเสียงแช่มชื่น  แล้วหันมายิ้มให้มัย ( อีกแล้ว )

            \" คือว่า  ที่นั่งมันเหลือที่เดียวน่ะค่ะ....\" เมไม่ทันพูดจบครูก็จูงมือเธอสองคนลงรถไปซะแล้ว

            \" อ้อ ! ครูคิดว่าเพราะพวกกรรมการนักเรียนนั่งมาด้วยน่ะ   รถคันอื่นก็เต็มแล้วซะด้วยสิเอาอย่างนี้ดีกว่าพวกเธอคนใดคนหนึ่งไปนั่งรถกับครูละกัน   ครูเอารถส่วนตัวไปน่ะ  งั้นจะเป็นเมหรือมัยดีล่ะ \" เธอถาม   เมทำหน้าครุ่นคิด  แต่เธอพอจะเดาจุดประสงค์ของอาจารย์ออกแล้ว

            \" งั้น...ขอพวกเราไปดูก่อนได้ไหมคะ  เผื่อว่ามันพอนั่งได้หนูจะเป็นคนนั่งเองค่ะ  ให้เมไปนั่งกับเพื่อนๆเค้า \" มัยพูด  เมหันมาแย้งอย่างขัดใจ

            \" ไม่เอา  มัยไปนั่งกับนาเถอะ \" เมว่า

            \" อย่ามัวแต่เสียเวลาเลย  รีบไปเถอะน่า \" ครูเร่งเร้าด้วยเสียงที่เข้มขึ้น   เมจึงจำต้องเงียบ  เธอเกือบลืมไปว่าครูใจดีกับมัยคนเดียว   ทั้งสองเดินตามครูไปที่จอดรถของอาจารย์   แล้วครูรัตนาก็เดินไปไขประตูรถเบนซ์สีบรอนซ์เป็นประกายวาววับด้วยท่าทีเป็นเชิงแสดงความเป็นเจ้าของ   เมตะลึง

            \" หวาว...มัยรถของครูท่าทางจะชั้นสูงจัง   คงจะแพงแน่ๆ   ดูสิมัย... \" เมชี้ชวนให้มัยดู   แต่ดูมัยจะไม่เห็นดีด้วย   เมสังเกตเห็นว่ามัยท่าทางเหมือนหวาดกลัวอะไรสักอย่าง  ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว   มือก็กำแน่นจนนิ้วขาวโพลนไปหมด

            \" มัย !! เป็นไรน่ะ  มีอะไรบอกฉันได้นะ \" เมเอื้อมมือไปจะจับมือเพื่อนไว้   มัยตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

            \" เม..ขอร้องล่ะ  เธอไปกับครูรัตนาได้ไหม  คือฉัน...\" มัยหยุดพูดแค่นั้น   เมเห็นเสียงของมัยฟังดูสั่นๆอย่างจะกลัวอะไรจริงๆจึงยอมใจอ่อน   เธอพยายามไม่คิดถึงความสนุกสนานระหว่างการเดินทาง   ได้ร้องเพลงเฮฮากับพวกก้อย   และก็อื่นๆอีก

            \" อืมม  ก็ได้   เธอไปเถอะ \" เมพูดด้วยเสียงอาลัยถึงสิ่งเหล่านั้นเล็กน้อย   แต่ก็ไม่แสดงออกให้มัยสังเกตเห็น

            \" ขอบใจนะ  งั้นฉันไปล่ะ \" มัยพูดแล้วรีบผละไปทันที   ไม่สนใจครูรัตนาที่ร้องเรียกอยู่   เมมองตามด้วยความเป็นห่วง

            เมื่อมัยกลับมาที่รถเมล์แล้ว   คนขับรถก็ติดเครื่องยนต์แล้วก็เริ่มออกเดินทางจากเขตโรงเรียน   พวกก้อยจัดการขอเปลี่ยนที่กับคนอื่นเรียบร้อยแล้ว   เพื่อให้ที่นั่งว่างอยู่ใกล้กับพวกเธอมากที่สุด   นาดูท่าทางดีใจเมื่อเห็นมัย   แต่ก้อยดูไม่แฮปปี้ด้วยเท่าไหร่

            \" อะไรกันมัย  นึกว่าเธอจะนั่งกับครูอนาถจิตซะอีก  เซ็งเลย \" ก้อยพูดด้วยเสียงค่อนข้างดังเล็กน้อย   จนคนอื่นๆหันมามอง

    แต่เธอก็ไม่สนใจแล้วหันกลับไปอย่างไม่ใคร่จะสนใจนัก   นารีบลุกเหมือนติดสปริงมาหามัยทันที  

            \" เรานั่งด้วยกันนะ   อยู่หน้าพวกก้อยไปสองแถว   พวกผู้ชายไม่ยอมเปลี่ยนที่ด้วยน่ะ  แล้วนั่นมัยเป็นอะไรน่ะ  โลหิตจางอีกแล้วเหรอ   รึว่าความดันต่ำอีกแล้ว  ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย   ฉันช่วยหิ้วกระเป๋ามั้ย \" นากระวีกระวาดช่วยมัยยกกระเป๋าอีกใบไปไว้บนชั้น   เมื่อมาถึงที่นั่งมัยก็ทรุดตัวลงพิงกับพนักเก้าอี้   พยายามไม่มองสีหน้าเอาเรื่องของก้อย

            \" ท่าจะจริง  รู้สึกมันวูบๆ   ขอพักหน่อยละกัน \" มัยว่าแล้วก็ล้วงเอายากับน้ำในกระเป๋ามาทาน   หลังจากนั้นก็ขยับตัวชิดกับหน้าต่างแล้วก็หลับตาลงอย่างรวดเร็ว   พยายามข่มตาหลับเพื่อไล่ภาพของ...รถคันนั้น

            \" ว้าาา...งั้นฉันไม่กวนละ   เดี๋ยวข้ามไปหาพิมก็ได้   ถ้ารู้สึกไม่ดีขึ้นรีบเรียกฉันเลยนะ \" นาพูด   มัยพยักหน้าทั้งที่หลับตาอยู่   เธอได้ยินเสียงนาลุกไปเบาๆ   และก็ได้ยินเสียงนาเล่าเรื่องให้พวกก้อยกับพิมฟัง   ได้ยินเสียงที่ฟังไม่พอใจของก้อย   มัยพยายามไม่ฟัง   แต่เสียงมันก็ลอดผ่านมาให้ได้ยินจนได้

            \" สำออยล่ะสิไม่ว่า  ฉันว่านะถ้าอยากนอนไปที่รถครูนั่นจะดีกว่า   อยากแกล้งเมให้ไปนั่งแกร่วคนเดียวล่ะสิ...\" เธอว่าบ่นอะไรอีกหลังจากนั้นมากมาย   แต่มัยเริ่มเคลิ้มหลับเพราะฤทธิ์ยา   เธอคิดถึงคำพูดนั้นในใจ  \' ใช่...ฉันมันสำออยนี่  เกิดมาก็เป็นแบบนี้  เอาแต่ป่วยทำให้พี่ต้องเสียเวลามาดูแล  ฉันมันอ่อนแอ \' มัยว่าตัวเองแล้วหลังจากนั้นก็ผล็อยหลับฝันไป

            

            ในฝันนั้นช่างชัดเจนเหมือนอยู่ในความจริงเธอกำลังอยู่ในบรรยากาศที่สดใส   เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมา  แสงแดดจ้าส่องกระทบกับใบหน้า   มัยยกมือมาบังแล้วก็พบว่ามันมีขนาดเล็กนิดเดียว   มัยก้มดูตัวเอง   แต่แล้วก็แปลกใจว่าตัวเธออยู่ในร่างที่อายุสัก 8 ขวบได้   เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูเป็นเด็ก   เธอมองไปยังบรรยากาศรอบๆอีกครั้ง   ดูเหมือนว่าเธอจะยืนอยู่ที่ชายหาดที่ไหนสักแห่ง   แต่ก็มีความรู้สึกแปลกๆว่าที่นี่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด

            \" มัย...หนูมัยจ๊ะ  คุณแม่เรียกแน่ะ   เราจะกลับกันแล้วนะ \" มีเสียงที่คุ้นเคยมากเช่นกันเรียกชื่อเธอ   มัยหันไปมองตามเสียงนั้น   พี่แพรที่อายุสัก 12  ปีกำลังวิ่งตรงมาหาเธอ   ก่อนมัยจะรู้ตัวเธอก็โผไปหาพี่สาวเช่นกัน

            \" พี่จ๊ะ  คิดถึงจัง \" มัยพูดด้วยเสียงเล็กๆของเด็กอายุ 8 ขวบ   แพรเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

            \" พูดอะไรน่ะ   ยังกับว่าไม่ได้เจอกันมานานแล้วงั้นแหละ  ป้ะ ! ไปเถอะ \" แพรจูงมือน้องสาวตัวน้อยไป   มัยยิ้มอย่างมีความสุขเธอปล่อยตัวเองจมดิ่งไปกับความทรงจำเก่าๆ   สัมผัสอันอบอุ่นที่จับมือเธออย่างแผ่วเบา  แววตาคู่นั้นที่มองมาที่เธอด้วยความรักเต็มเปี่ยมเสมอ   น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร่าเริงและอ่อนโยน  เธอคิดถึงมันเหลือเกิน   คิดถึงมากเหลือเกิน...  

            \" พวกเรากำลังจะกลับแล้วล่ะ  เสียดายเนาะ   แต่แม่บอกว่าพ่อมีงานด่วนเข้ามานี่แหละ  รู้สึกว่าตัวแทนอะไรสักอย่างจากอเมริกานี่แหละต้องการพบกรรมการผู้จัดการบริษัท  ซึ่งก็คือคุณพ่อเราน่ะแหละ \" แพรบอกเสียงเซ็งๆ  มัยพยักหน้า

            \" ใช่เนาะ  เราพึ่งมาได้ 2 วันเอง \" มัยพูด   เธอรู้สึกแปลกๆกับเสียงเด็กๆของเธอจึงไม่พูดต่อ

            \" แต่พ่อว่าคราวหน้าจะพาไปอเมริกาล่ะ  ฮิ ฮิ  ถ้าเป็นไปได้ก็ดีสิ   มัยยังไม่เคยไปใช่ม้า  พี่อยากให้น้องได้เห็นจัง \" แพรบอกเสียงใส   มัยยิ้มปลอบใจตัวเอง   เธอรู้ดีว่านี่คงไม่ใช่ความจริงเป็นแน่

            พอไปถึงที่พักพวกเธอก็เห็นพ่อกับแม่ยืนคอยอยู่ที่รถ   มัยแทบจะโผไปหาด้วยความดีใจ   ทั้งสองยังคงดูเหมือนเดิม   แม่ดูสดใสร่าเริง  แล้วพ่อก็ดูอบอุ่นใจดี  เหมือนตอนที่มีชีวิตอยู่ไม่มีผิด   สองพี่น้องจูงมือกันไปที่รถเบนซ์สีบรอนซ์ที่จอดนิ่งอยู่...รถคันนั้น !!  มัยสะดุ้งสุดตัวเมื่อค้นพบความจริงว่าเธอกำลังอยู่ในเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง   วันนี้เมื่อ 8 ปีก่อน   เธอยังคงจำได้ชัดเจนเหมือนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน   ระหว่างทางที่พ่อขับรถคันนี้กลับจากทะเล   และก็... มัยสะบัดหัวไล่ความคิดร้ายๆที่ผุดขึ้นมาในหัว  เธอพึมพัมกับตัวเองในใจ  \' ไม่ใช่ ! ต้องไม่ใช่แน่ๆ  มันแค่ฝันน่ะ  ฝันที่เหมือนจริงมากๆ  แต่มันคงไม่เหมือนจริงไปหมดหรอกน่า ! \'

            ระหว่างการเดินทางอันยาวนาน   บรรยากาศรอบๆก็เริ่มถูกความมืดครอบคลุมอย่างช้าๆ   พ่อขับรถด้วยความเร็วที่อยู่ในระดับปลอดภัย   แม่กับพ่อร้องเพลงคู่กัน   ที่เบาะหลังแพรหลับไปแล้วโดยที่มือข้างหนึ่งยังคงโอบไหล่น้องสาวอยู่   ขณะที่มัยนั่งตัวสั่นตาสว่างอยู่   เฝ้ารอเวลาที่เธอหวาดกลัวที่สุด   ดูจากเวลาก็ใกล้แล้ว  \' ตื่นทีเถอะ \' มัยภาวนาอย่างหวาดกลัวในใจ  \' ตื่นจากฝันร้ายนี่ทีเถอะ  ใครก็ได้ช่วยปลุกที  นา เรียกฉันทีสิ  ฉันไม่อยากฝันต่อแล้ว \' มัยหลับตาอย่างกระวนกระวายราวกับว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาจะอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่

            \" มัย  ถ้าง่วงก็หลับซะนะจ๊ะ  ดูพี่สิหลับสบายไปละ  พรุ่งนี้ยังต้องไปโรงเรียนอีกไม่ใช่เหรอจ๊ะ \" เสียงคุณแม่ดังขึ้น  มัยแกล้งทำเป็นหลับ   เมื่อแม่หันไปเธอก็ลืมตาโพลงอีกครั้ง   เฝ้ารออย่างกระวนกระวาย

            \" ให้ตายสิ  คุณคะดูรถบรรทุกคันนั้นสิ   น่ากลัวจัง \" คุณแม่พูด   มัยกระโดดลุกขึ้นมอง  \' ใช่จริงๆด้วย \' มัยคิดในใจ

            \" จริงด้วยน่ากลัวจัง  ผมว่าเราถอยห่างไปหน่อยดีกว่านะ  ถึงจะมีเกาะกลางถนนกั้นอยู่ก็เถอะนะ \" มัยได้ยินเสียงพ่อพูดอย่างหวาดๆ   แต่ดูเหมือนจะช้าไปแล้ว   เสียงกรีดร้องของแม่ดังขึ้นหลังจากนั้น   แพรตกใจตื่นขึ้นในที่สุดแล้วคว้าตัวน้องสาวมากอดไว้   มัยมองผ่านอ้อมกอดของพี่สาวออกไป   รถบรรทุกคันนั้นห้อตะบึงข้ามเกาะกลางถนนมามองดูเหมือนมัจจุราชสีดำทะมึนที่น่าสะพรึงกลัว   พ่อพยายามหักพวงมาลัยหลบไปอีกทาง   แต่ดูเหมือนเจ้ามัจจุราชจะตัดสินใจแล้ว   มันหมุนเคว้งแล้วพลิกคว่ำมาที่รถของพวกเธอ   อีกนิดเดียวเท่านั้นพวกเธอก็จะหลบพ้น  แต่มันก็สายไปแล้ว   ความมืดสนิทที่ยิ่งกว่าความมืดรอบๆตัวเข้ามาครอบคลุมรถของพวกเธอ   เสียงโลหะบดขยี้ดังสนั่น   เธอปิดตาแน่นรู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างกดทับที่หลังจนรู้สึกเจ็บ   แพรได้แต่พร่ำบอกว่า \' มัยอย่ามองนะ อย่ามอง \'  แต่แล้วเธอก็ลืมตาขึ้นมาในที่สุด   ภาพข้างหน้าคือฝันร้ายที่หลอกหลอนเธอมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา  

                        \" ไม่!!!! \"  มัยร้องอย่างสุดเสียง

            \" มัย !  มัยจ๊ะ !  เป็นอะไรไป... มัย !  มัย ! \" เสียงใครอีกคนที่ร้องเรียกชื่อเธออย่างเสียขวัญจากที่ไกลแสนไกล   มัยค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วกระพริบตา   เรื่องราวในฝันยังไหลเวียนอยู่ในหัวอย่างรวดเร็วเหมือนพิษที่วิ่งพล่าน   เธอยังรู้สึกเจ็บแปลบที่กลางหลังเหมือนในความฝัน  มือทั้งสองข้างของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ   หัวใจยังคงเต้นแรง

            \" มัย  เป็นอะไรไปน่ะ \" เสียงๆเดิมพูดขึ้น  เธอจำได้แล้ว  มันเป็นเสียงของนานี่เอง   มัยหันไปมองรอบๆตัวอย่างชัดเจนอีกครั้ง   นากำลังจ้องมองมาที่เธออย่างเสียขวัญ   พิม  ก้อย  และคนอื่นๆต่างก็ชะโงกตัวข้ามเบาะที่นั่งมามองดูเธอ   มัยค่อยๆปะติดปะต่อเหตุการณ์ได้   ที่แท้เธอกำลังฝันนี่เอง   ฝันถึงเหตุการณ์วันนั้น...

            \" เอ่อ..ฉันฝันร้ายน่ะ  ไม่เป็นไรหรอกนะ   พวกเธออย่าสนใจเลย \" มัยพูด  ขยับตัวขึ้นนั่งกับที่นั่งด้วยท่าทีที่ปกติที่สุด   แต่คนอื่นๆยังคงดูเหมือนไม่อยากไป  ส่วนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นห่วง   อีกส่วนหนึ่งก็ดูเหมือนจะอยากรู้อยากเห็น  ซึ่งนั่นทำให้มัยไม่ชอบใจนัก

            \" บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะ  ไปเถอะน่า   อย่าสนใจฉันเลย \"   มัยพูดแบบออกจะตัดเยื่อใยทีเดียว  คนอื่นๆหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย  ก่อนจะค่อยๆทะยอยกันเดินกลับที่นั่งของตนเอง   เหลือเพียงพิมกับนาเท่านั้นที่ยังสนใจมัยอยู่   ส่วนก้อยดูจะยังคงไม่ชอบใจมัยอยู่   นาค่อนข้างดูตื่นๆ   เธอจัดการเอามัยมากอดไว้พร้อมกับปลอบว่า \' ไม่เป็นไรๆ \' เหมือนกับที่เคยเห็นพี่แพรทำ   มัยที่โดนกอดอยู่ออกจะเขิน

            \" มัยฝันร้ายมากเลยเหรอ \" พิมถามในที่สุด   แต่นาทำหน้าเป็นเชิงห้ามปราม   ดังนั้นพิมจึงข้ามไปยังที่นั่งเดิมหลังจากชำเลืองมองเพื่อนทั้งสองอีกเล็กน้อย

            \" รู้สึกดีขึ้นรึยัง  รู้มั้ย  ตอนเมื่อกี้น่ะ  สีหน้ามัยดูแย่มากเลยนะ  จนฉันตกอกตกใจหมด\" นาพูด  เธอดูสีหน้าตกใจจริงๆ

            \" ฝันถึงเรื่องนั้นน่ะ..เรื่องเมื่อ 8 ปีก่อน \" มัยพูดด้วยเสียงกระซิบ   แต่นาก็ได้ยินอย่างชัดเจน

            \" โธ่...มัย \" นาพูดได้แค่นั้น

            \" รถของครูรัตนาเหมือนรถคันนั้นมันเลยทำให้ฉันคิดถึงเรื่องนั้นอีก... \" มัยพูดแล้วก็เงียบไป   นาเข้าใจดีเธอจึงไม่พูดอะไรนอกจากนั้น



            พวกเธอมาถึงสถานที่ที่จะมาพักในที่สุด   ครูรัตนาบอกให้นักเรียนไปตั้งแคมป์บนที่ๆเตรียมไว้ซึ่งการจะไปถึงที่นั่นจะต้องเดินเข้าป่าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ   พวกนักเรียนพากันบ่นอุบอิบแต่ก็ไม่มีใครกล้าบ่นให้ครูรัตนาได้ยิน !

            หลังจากกางเต้นท์ของแต่ละคู่เสร็จแล้ว   ครูก็เรียกรวมพลนักเรียนเพื่อแจกแจงหน้าที่   โดยให้คณะกรรมการนักเรียนเป็นสตาฟให้  พวกนักเรียนสายวิทย์ทั้ง 5 ห้องทำหน้าที่ปรุงอาหารและจัดกิจกรรมรอบกองไฟ   พวกสายคำนวณอีก 3 ห้องก็ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริการทั้งบริการครูและนักเรียนคนอื่นๆ  ส่วนสายศิลป์-ภาษาที่เหลืออีก 2 ห้องนั้น  ครูให้เป็นแผนกรักษาความปลอดภัยและให้ความร่วมมือทำกิจกรรมกับนักเรียนห้องอื่นๆ

            พวกนักเรียนสายวิทย์ตั้งใจว่าจะให้ห้อง 8 กับห้อง 10 เป็นฝ่ายอาหาร   ส่วนห้อง 7 กับห้อง 9 เป็นคนคิดกิจกรรมคืนนี้   หลังจากนั้นทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง   พวกเมถูกใช้ให้ไปหาฟืนเพราะทำอาหารกันไม่ค่อยได้เรื่อง   ส่วนมัยที่เป็นเหมือนที่พึ่งของพวกแม่ครัวก็หนีออกมาเก็บฟืนกับพวกเพื่อนๆ   ในไม่ช้าเมก็สังเกตเห็นความผิดปกติของพวกเพื่อนๆ   ไม่ว่าจะเป็นก้อยที่ดูไม่สบอารมณ์อะไรสักอย่าง   นาที่ดูสีหน้าไม่สบายใจ   หรือมัยที่ดูจะกระวนกระวายไม่เยือกเย็นเหมือนทุกที

            \" นาๆ   เกิดอะไรขึ้นน่ะ \" เมกระซิบถามกับนาขณะที่คนอื่นๆห่างออกไป

            \" อ๋อ..เกิดเรื่องเล็กน้อยน่ะ   ก้อยกับมัยผิดใจกันนิดหน่อย  แล้วมัยก็...\" นารีบหยุดพูดเมื่อมัยหันหน้ามาทางพวกเธอทั้งสอง

            อันที่จริงมัยก็ออกจะคิดว่าคำพูดของก้อยที่ว่ามีส่วนที่ถูกบ้าง   เธอคงจะเอาแต่ใจมากไปสินะ  เธอชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อนประจำไม่ว่าจะเป็นพี่แพรที่ต้องคอยดูแลเธอที่ป่วยอยู่บ่อยๆ   ไหนจะพวกเมที่ได้แต่คอยห่วงเธออีก   ก่อนที่มัยจะคิดอะไรไปมากกว่านี้เธอก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน หวืด..หวืด..  ตอนแรกมัยก็ยังนึกไม่ออกว่ามันเป็นอะไร   แต่สักครู่เธอก็รู้

            \" เครื่องส่งสัญญาณสะกดรอยงั้นเหรอ \" มัยพึมพัมคนเดียว   เธอล้วงเครื่องมือที่เหมือนกับคอมพิวเตอร์มือถือออกมา  มีสัญญาณกระพริบอยู่ 3 จุด   แต่ละจุดก็มีรหัสแตกต่างกัน   มัยเพ่งมองรหัสที่มุ่งหน้ามาทางพวกเธอ   ไม่ผิดแน่  นี่เป็นรหัสของ...

            \" อ้าว...มัยจะไปไหนจ๊ะ \" นาร้องทักเมื่อเห็นมัยเดินไปคนเดียว   แต่มัยหมกมุ่นอยู่กับเครื่องส่งสัญญาณจนไม่ได้ตอบเธอ   นาเกือบจะวิ่งไปด้วยอยู่แล้ว   ก่อนที่เมจะฉุดเธอเอาไว้

            \" ฉันไปเอง  เธออยู่กับคนอื่นก่อนนะ \" เมพูดด้วยเสียงแกมบังคับ   นาพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้   แล้วเมก็วิ่งตามมัยไป

            \" เขาไปไหนน่ะ \" ก้อยถามนา   เมื่อเห็นเมตามมัยไปอีกคน

            \" ไม่รู้สิจ๊ะ  แต่เมเขาไปตามมัยน่ะ \" นาพูดแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บฟืนต่อไป   โดยทำทีไม่สนใจสีหน้าไม่พอใจของก้อย

            \" มัยอีกละ  ไม่รู้จะเรียกร้องความสนใจไปถึงไหน \" ก้อยพูดแกมประชด   นาเงยหน้าขึ้นมา

            \" ห้ามว่ามัยนะ   เธอน่ะไม่รู้เรื่องอะไรหรอก \" นาตะเบ็งเสียงใส่ก้อย   พิมรีบกระวีกระวาดเข้ามา

            \" นี่ ! เธอ.. \" ก้อยกำลังจะว่าอะไรเจ็บแสบตอบไปสักหน่อย   แต่โชคดีที่พิมมาถึงตัวทั้งสองคนทันเวลา

            \" พอทีทั้งสองคนน่ะ ! เราไม่มีเรื่องยุ่งพออีกเหรอ   รีบๆเก็บแล้วก็รีบๆไปไปกันซะ \" พิมพูดด้วยเสียงเอางานเอาการเป็นอย่างมาก   นายอมอ่อนข้อให้   เธอเดินไปอีกทางกับพิม   ทิ้งก้อยเอาไว้ตรงนั้น



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×