love in hospital
ลองอ่านดู แล้วคุณจะรู้ว่านี่คือเรื่องรักโรแมนติกจริงหรือ (เหอ ๆ)
ผู้เข้าชมรวม
806
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Lovers in Hospital.
“ได้เวลาทานยาแล้วค่ะคุณเชน” นางพยาบาลวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือถาดยา ขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
“ครับ” ผมรับยาที่ถูกส่งให้ก่อนทานมันอย่างรวดเร็ว นางพยาบาลยิ้มให้ผม
“ท่าทางจะอาการดีขึ้นมากแล้วนะคะ ถึงได้ลุกขึ้นนั่งอ่านหนังสือได้แล้ว” เธอกล่าว
“แหม...อาการของผมมันก็ไม่ได้สาหัสมากนะครับ แค่ขาหัก กระดูกแขนซ้ายร้าว และซี่โครงหักไปสองสามซี่เองนะครับ” ผมตอบยิ้ม ๆ แต่นางพยาบาลทำหน้ามุ่ย
“นั่นน่ะเหรอคะไม่สาหัส” เธอพูดพึมพำ ก่อนยิ้มให้อีกครั้ง “ดิฉันต้องไปดูห้องอื่นต่อแล้วล่ะค่ะ รักษาตัวดี ๆ ด้วยนะคะ ยิ่งไม่ค่อยมีคนมาเยี่ยมอยู่” พูดจบเธอก็เดินออกไปจากห้อง ผมก้มหน้าตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือต่อ แต่เพราะคำพูดเมื่อครู่ทำให้ผมต้องปิดหนังสือ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ผมชื่อ เชน อายุ 24 ปี ตอนนี้ทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยความที่ผมไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง ทำให้ผมโตที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ด้วยเหตุนี้ล่ะมั้งเลยทำให้ผมเป็นคนรักสันโดษ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร อย่าว่าแต่แฟนเลย เพื่อนผมก็ยังไม่มีซักคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่มีใครมาเยี่ยมซักคน ผมว่าเรื่องที่ผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์นี่ก็คงจะไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำล่ะมั้ง...
6 โมงเย็น หลังจากที่ผมทานอาหารกับยาเสร็จแล้ว ผมก็นั่งดูข่าวโทรทัศน์ จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ก๊อก ๆ ...
“เชิญครับ” ผมตะโกนบอกโดยที่ไม่หันมาดู แต่พอเห็นว่ายังไม่เปิดเข้ามาผมก็พูดซ้ำอีกรอบพร้อมกับหันไปมองที่ประตู “เชิญครับ...”
แอ๊ด...
เสียงเปิดประตูเบา ๆ ทำให้ผมรู้สึกหนาวเยือกไปถึงสันหลัง ประตูเปิดแง้มออกอย่างช้า ๆ ผมกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งร่างของหญิงสาวก้าวออกมาจากหลังประตู เธออยู่ในชุดพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งคนละที่กับผม เส้นผมสีน้ำตาลยาวจรดเอง ดวงตาสีดำกลมโต จมูกโด่ง ริมฝีปากสีชมพูดระเรื่อ ผิวขาว กำลังยืนนิ่งอย่างคนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าประตู ในอ้อมแขนมีดอกลิลลี่สีขาวช่อหนึ่ง ผมเลิกคิ้วสูง
“คุณเป็นใครเหรอครับ ?” ผมถาม เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันไปปิดประตู่ก่อนเดินเข้ามาใกล้
“เอ่อ...ดิฉันเป็นคนขับรถคู่กรณีของคุณที่ทำให้รถคุณเสียงหลังลงข้างทาง คุณคงไม่เป็นไรมากใช่มั้ยคะ ?...” เธอเงียบไปเมื่อเห็นสายตานิ่งเฉยของผม เธอจึงยิ้มเจื่อน ๆ ให้ “ดิฉันชื่อ นภา ค่ะ”
“สวัสดีครับคุณนภา ผมชื่อ เชน ครับ” ผมส่งยิ้มเป็นมิตรให้ ดูท่าทางเธอจะโล่งใจมากเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของผม สงสัยเธอคงจะเกร็ง เพราะสีหน้านิ่ง ๆ ยามปกติของผมเป็นแน่
“นี่ค่ะ...ดอกไม้เยี่ยมไข้แทนคำขอโทษนะคะ” คุณนภายื่นช่อดอกไม่ให้ผม
“ขอบคุณครับ ไม่เห็นต้องลำบากเลย ผมไม่เป็นไรมากหรอกครับ” ผมพูดพร้อมกับวางช่อดอกไม้ในมือไว้ที่โต๊ะข้างเตียง
“ขาหัก กระดูกแขนซ้ายร้าว ซี่โครงหักอีกสองสามซี่เนี่ยนะคะ” เธอพูดพลางทำหน้าแหย
“ครับ...เอ๊ะ ! คุณรู้ได้ยังไงกันครับ?!”ผมร้องอย่างตกใจ เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหัวเราะแหะ
“อ๋อ...คือว่าดิฉันถามจากพยาบาลที่ดูแลคุณน่ะค่ะ” คุณนภาตอบ แหม...ถึงว่าสิ เธอถึงได้รู้อาการผม
“ขอบคุณมากนะครับที่มาเยี่ยม”
“อุ๊ย ! ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เป็นเพราะดิฉันขับรถไม่ดีเอง คุณเชนถึงได้เจ็บตัวแบบนี้” เธอพูดด้วยใบหน้าที่แสดงความสำนึกผิดเต็มที่ แปลกจริง...นี่ผมเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ได้ไงนะ ผม...รู้สึกว่าเธอน่ารัก
“อย่าคิดมากเลยนะครับ อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ถ้าเราประมาท ผมว่าคุณนภาจำบทเรียนในครั้งนี้ไว้ดีกว่านะครับจะได้ไม่ไปทำใครเจ็บแบบผมอีก” ผมพูดคุณนภาเบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนแย้มยิ้มน่ารัก
“ค่ะ ดิฉันจะจำไว้ แต่ว่าคุณเชนไม่ต้องเรียกดิฉันว่า “คุณนภา” เลยนะคะ เรียกดิฉันว่า “นภา” ก็พอจะได้ไม่ดูห่างเหินจนเกินไป” ดูห่างเหินงั้นเหรอ ?...นี่ไม่ใช่จะพูดเป็นนัย ๆ ว่าอยากจะใกล้ชิดหรอกนะ ผมคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปรึเปล่าเนี่ย
“ครับ ส่วนนภาก็ไม่ต้องเรียกผมว่า “คุณเชน” หรอกครับ เรียกว่า “เชน” เฉย ๆ ก็พอ” ผมพูด
“อ้อ...ค่ะ เชน” เธอออกเสียงชื่อผมด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อ โอย...ให้ตายสิ นี่ผมรู้สึกใจเต้นกับผู้หญิงเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย นภายกมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมือเล็กน้อยก่อนหันมาพูดกับผม
“นี่ก็เริ่มค่ำแล้ว ภาขอตัวกลับก่อนนะคะ จะได้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ”
“ครับ โชคดีนะครับ กลับบ้านมืด ๆ ก็ระวังตัวด้วยนะครับ” พอผมพูดจบ เธอก็หัวเราะคิก
“ค่ะ รักษาตัวด้วยนะคะ พรุ่งนี้ภาจะมาใหม่ สวัสดีค่ะ”
“ครับ สวัสดีครับ” ผมเอ่ยลาเธอ เมื่อนภาออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว ผมก็ยิ้มหน้าบานอยู่คนเดียว นี่ผมคงไม่ได้รู้สึกไปเองใช่มั้ยกับประโยคบอกลาของผม มันดูเหมือนกับเป็นแฟนกันทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงชั่วโมงเท่านั้น แล้วสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นช่อดอกไม้สีขาว ดอกลิลลี่ที่ถูกจัดแต่งมาอย่างดีกำลังบานสวยน่ามอง ยิ่งคิดถึงคนให้แล้วใจผมก็เต้นรัว เฮ้อ...สงสัยคืนนี้ผมต้องนอนไม่หลับแน่เลย
เช้าวันรุ่งขึ้น นางพยาบาลคนเดิมก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดยาและอาหารเช้า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณเชนวันนี้ดูสดชื่นมากเลยนะคะ มีอะไรดี ๆ เหรอ” นางพยาบาลทักผมพลางส่งยาและอาหารให้ ผมรับมันด้วยรอยยิ้มกว้าง
“แหม...ก็ดูที่โต๊ะที่ครับ” พูดจบเธอก็หันไปดู ช่อดอกลิลลี่สีขาวยังคงบานและส่งกลิ่นหอมอ่อนไปทั่วห้อง
“อ๋อ...ที่แท้ก็มีคนมาเยี่ยมนี่เอง เพื่อนร่วมงานเหรอคะ ?” ผมส่ายหน้ายิ้ม ๆแล้วส่งถาดยาให้เธอ
“ไม่ใช่ครับ คู่กรณีของผมน่ะครับ เธอมาเยี่ยมแล้วก็ขอโทษด้วย” ผมพูดพร้อมกับตักข้าวเข้าปากยิ้ม ๆ เมื่อนึกถึงสีหน้าสำนึกผิดของเธอที่ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่านางพยาบาลจะรู้ทันจึงเอ่ยแซว
“แหม...ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างนี้ แสดงว่าอีกฝ่ายเป็นสาวสวยน่าดูเลยสินะ”
“โธ่...คุณพยาบาลก็ เห็นอย่างนี้ผมก็อายเป็นนะ อย่าแซวสิ” ผมพูด แหม...จะไม่ให้ผมอายได้ยังไงล่ะครับ ตั้งแต่เล็กจนโตมานี่ยังไม่เคยพูดแซวเลยนะ แล้วที่สำคัญการถูกแซวครั้งแรกยังเป็นการแซวเรื่องหญิงอีกต่างหาก
“งั้นดิฉันไปดูคนไข้ห้องอื่นก่อนก็แล้วกัน ทานเสร็จแล้วก็วางไว้ตรงนี้นะคะ ดิฉันจะได้เข้ามาเก็บ และก็ต้องพักผ่อนด้วยนะคะ ไม่ใช่ว่ามัวแต่คิดเรื่องของเธอจนเพลิน”
“คุณพยาบาลครับ...” ผมพูดพลางยิ้มบาง ก็ดูเธอสิสุดท้ายก็ยังไม่เลิกแซวผมซักที
“ค่า ๆ ดิฉันไปนะคะ” พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องไป แย่จัง...เพราะคำพูดเมื่อกี้ของคุณพยาบาลทำให้ผมนึกถึงใบหน้าของนภาอีกแล้วสิ
เสียงเข็มวินาทีบนผนังห้องดังเป็นจังหวะ ผมนั่งมองนาฬิกาเป็นพัก ๆ รอให้เวลาถึง 6 โมงเย็น และเมื่อเข็มสั้นและเข็มยาวชี้เลข 6 และ 12 เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
ก๊อก ๆ...
“เชิญครับ” ผมพูดแทบจะทันที ครู่หนึ่งประตูห้องจึงเปิดออก นภาเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกลิลลี่สีขาว เธออยู่ในชุดพนักงานเหมือนเมื่อวานเด๊ะ !
“สวัสดีค่ะ เชน” นภาพูดแล้วยิ้มอย่างอาย ๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มดีใจของผม
“สวัสดีครับ นภา ดีจังที่คุณมาเยี่ยมผมอีก” พูดจบเธอก็หัวเราะเสียงใสน่ารัก โอ๊ย...ผมเรี่มจะใจเต้นอีกแล้วสิ
“นี่ค่ะของเยี่ยม ขอโทษนะคะที่ซื้อแต่ดอกไม้ให้แบบนี้” นภายื่นช่อดอกไม้ให้ผมพร้อมกับกล่าว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณมาเยี่ยมผมก็ดีใจแล้วล่ะ” นี่ผมไม่ได้แกล้วพูดให้ดีใจนะ แต่ผมพูดจากใจจริงเลยล่ะ ถึงแม้ว่านภาจะไม่ได้เอาของมาฝากก็เถอะ แค่เห็นหน้าผมก็ชื่นใจแล้ว
“ดีจังค่ะที่คุณชอบ” เธอเอ่ยแล้วแย้มยิ้มอีกครั้ง หลังจากนั้นผมก็คุยกับเธอในเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป หรือเรื่องความชอบรสนิยมส่วนตัว นภามักจะยิ้มและหัวเราะกับเรื่องในวัยเด็กของผม เธอดูไม่รังเกียจที่ผมเป็นเด็กกำพร้าตรงกันข้ามเธอกลับมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปเสียทุกครั้ง ทุกวันที่นภามาเยี่ยมเธอจะกลับก่อนหนึ่งทุ่มทุกครั้งและทุกวันก็จะเอาช่อดอกลิลลี่สีขาวมาเยี่ยมผมเสมอ
“แหม...เอาแต่ดอกลิลลี่สีขาวมาเยี่ยมแบบนี้ ดิฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะคะ”
คุณพยาบาลพูดแบบนี้เสมอเมื่อได้เห็นดอกไม้ในตอนเช้า ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเธอรู้สึกไม่ดียังไง แต่ผมกลับไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ นี่รึเปล่านะ...ที่เค้าบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด แล้ววันเวลา 6 โมงเย็น นภาก็มาเยี่ยมผมอีกครั้งพร้อมกับช่อดอกลิลลี่สีขาวเหมือนเคย แต่วันนี้กลับเป็นวันพิเศษสำหรับผม
“ออกจากโรงพยาบาลเหรอคะ ?” เธอทวนคำพูดเมื่อครู่ของผม นี่แหละเรื่องพิเศษของผม
“ครับ พรุ่งนี้แล้ว” ผมพูดต่อ รู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของนภาจะจืดลงเล็กน้อย
“เหรอคะ แย่จังเลยพรุ่งนี้มีธุระเสียด้วยสิ ขอโทษนะคะเชน ภาคงจะมารับไม่ได้” เธอพูดเสียงอ่อยพลางหลุบตาลงอย่างสำนึกผิด ผมรู้สึกใจหายนิดหน่อย แต่พอเห็นสีหน้าของเธอแล้วผมก็ยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่าคิดมากเลย” ผมเอ่ยปลอบ เธอจึงเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้
“ค่ะ เชนใจดีกับภาจังเลย ภาไม่รู้จะนอบแทนยังไงดี” พอเธอพูดจบ ผมจึงยิ้มกริ่ม
“ก็...เป็นแฟนผมสิครับ” ว่าแล้วนภาก็ทำตาโตมองผมอย่างอึ้ง ๆ แล้วหัวเราะคิก โธ่...นี่ขนาดผมสารภาพรักแล้วนี่เธอยังหัวเราะอีกเหรอนี่...เสียเซลฟ์เลย
“พูดแบบนี้ภากลับดีกว่า พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ” นภาบอกลากลับซะอย่างนั้น นี่เธอยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะ แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก
“นภา ผมขอที่อยู่ติดต่อหน่อยได้มั้ย ?” ผมร้องถามก่อนที่เธอจะออกจากห้อง นภานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาส่งกระดาษชิ้นเล็กให้ผม พอได้เห็นสิ่งที่เขียนอยู่เท่านั้นแหละ ผมก็แทบปกปิดความดีใจไว้ไม่มิด
“นี่เบอร์โทรค่ะ เอาไปแค่นี้ก่อนนะคะ เล่นขอที่อยู่เลยคงให้ไม่ได้หรอกค่ะ” พูดจบนภาก็ยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนออกจากห้อง เยส ! ผมทำสำเร็จแล้ว ! ถ้าคืนนี้นอนไม่หลับก็คงหลับฝันดีล่ะ...
วันต่อมาในขณะที่ผมกำลังสะพายกระเป๋าออกจากโรงพยาบาลนั้น คุณพยาบาลที่คอยดูแลผมอยู่ตลอดก็ยืนส่งยิ้มให้ที่ด้านหน้าโรงพยาบาล ผมส่งยิ้มตอบพร้อมกับเดินเข้าไปหาเธอ
“แหม...พอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วหน้านี่บานเชียวนะคะ” เธอหยอก ผมหัวเราะน้อย ๆ ก็แหม...ทำไงได้ล่ะครับ ก็คนมันมีความสุขนี่นา
“ครับ ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายตั้งนาน ไม่ให้ดีใจได้ยังไงล่ะครับ” ผมพูด
“ไม่ใช่ว่าจะได้ไปไหนต่อไหนกับคู่กรณีเหรอ” โห...คุณพยาบาลพูดอย่างกับมานั่งในใจของผมเลย ความจริงเรื่องนั้นมันก็ส่วนหนึ่งล่ะครับ ผมไม่กล้าพูดอะไรต่อจึงได้แต่ยิ้มกว้างจนคุณพยาบาลถามยิ้ม ๆ
“ใช่จริง ๆ ด้วย อยากรูจังเลยว่าเป็นคนยังไงน้า...”
“ก็น่ารัก ผิวขาว ตาสีดำกลมโต จมูกโด่ง ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ผมสีน้ำตาลยาวจรดเอว ไม่ค่อยพูดแต่ยิ้มสวย...อ้าว ? คุณพยาบาลเป็นอะไรไปครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ?” ผมเริ่มทำหน้างงเมื่อเห็นใบหน้าของเธอเริ่มซีดขาว
“เอ่อ...คือว่า เธอชื่ออะไรเหรอคะ ?” คุณพยาบาลถามเสียงสั่นจนผมขมวดคิ้วมุ่น
“ชื่อนภา ครับ” พูดจบเธอก็มองหน้าผมด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ผมเลยยิ่งงงหนัก “ทำไมทำตาแบบนั้นล่ะครับ คุณเองก็เคยคุยกับนภามาก่อนไม่ใช่เหรอ ตอนที่เธอถามอาการผมก่อนเยี่ยม”
“ค่ะ ดิฉันเคยคุยกับเธอ แต่เป็นเมื่อ 1 เดือนก่อนที่คุณจะเข้ารักษาตัวนะคะ” พอได้ยินคุณพยาบาลพูดผมก็งงเป็นไก่ตาแตก
“อ้าว...แล้ว...” “หลังจากนั้นเธอก็เสียชีวิตค่ะ ด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายในห้องนั้นแหละค่ะ” คุณพยาบาลมองหน้าผมที่อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก เธอจึงถอนหายใจแล้วพูดต่อ คุณนภาเองก็ไม่มีญาติเหมือนกับคุณนั่นแหละค่ะ ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ดีว่าตัวเองจะอยู่ได้นานแค่ไหน จึงบอกให้ดิฉันซื้อช่อดอกลิลลี่สีขาวมาให้ทุกวัน จนถึงวาระสุดท้ายของเธอ ดิฉันคิดว่าการที่คุณนภามาหาคุณนั้นคงไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอกค่ะ แต่อาจจะเห็นใจคุณที่ไม่เคยมีคนมาเยี่ยมเลยก็ได้มั้งคะ อีกอย่างเธอคงจะไม่มีอะไรจะให้จึงเอาดอกลิลลี่สีขาวให้แทน และอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนคุณแก้เหงา”
“นภา...เธอเสียชีวิตเมื่อไหร่เหรอครับ” ผมถามเสียงเบาหวิว ดูเหมือนว่าวิญญาณจะหลุดออกจากร่างผมไปเสียแล้วกระมัง
“ตอน 6 โมงเย็นค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็ถูกย้ายศพออกไปตอน 6.45 น. ค่ะ” พอได้ยินเท่านั้นแหละหน้าผมก็เริ่มซีดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะอย่างนี้ใช่มั้ยเธอถึงได้มาหาผมตอน 6 โมงเย็นและกลับก่อน 1 ทุ่มทุกครั้ง !
“อย่าคิดมากไปเลยนะคะคุณเชน โชคดีค่ะ” คุณพยาบาลบอกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาล ส่วนผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น อย่าคิดมากงั้นเหรอ...ความจริงผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันนะ ถ้ามือของผมไม่มีกระดาษจดเบอร์โทรของเธอที่ยังคงมีมายเลยโทรศัพท์เขียนอยู่อย่างชัดเจน
“นี่เบอร์โทรค่ะ เอาไปแค่นี้ก่อนนะคะ เล่นขอที่อยู่เลยคงให้ไม่ได้หรอกค่ะ”
เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย ! ถึงให้แค่เบอร์โทรมา...แต่ผมว่าแค่นี้ก็คงพอแล้วล่ะ ขืนให้ที่อยู่มามีหวังผมคงได้ช็อกเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ เพราะแค่เบอร์โทรศัพท์ผมก็แทบไม่กล้านอนที่โรงพยาบาลอีกแล้วล่ะครับ !
The End
ผลงานอื่นๆ ของ Silver Sage ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Silver Sage
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น