ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #22 : บทนำ 2 - จักรวรรดิที่ตัดขาด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.22K
      240
      11 มี.ค. 63



    บนผืนทวีปที่ใหญ่ที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีอยู่ทั้งหมดห้าประเทศ อันได้แก่ ราชอาณาจักร, จักรวรรดิ, ดยุค, เทพศักดิ์สิทธิ์และดินแดนปีศาจ และในจักรวรรดินั้นก็มีสถานที่ดังต่อไปนี้

    สายลมที่ฟาดฟัน ดาบหรูที่ได้วาดเส้นโคจรเหมือนกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งออกมา

    ในสวนที่มีศาลาหรูหราตั้งอยู่ใจกลาง สาวน้อยที่มีหางม้าสีแดงกำลังรำดาบ บิดพลิ้วและเปลี่ยนไปเป็นรูปของดอกกุหลาบ

    ลูกสาวของมาร์ควิซ Regnard ที่มีดินแดนทางตะวันออกของจักรวรรดิ Lumiliana สาวแกร่งวัย 17 ปีที่ทำงานรับใช้เป็นอัศวินที่อยู่ภายใต้องค์หญิงจักรพรรดิโดยตรง ซึ่งหายากสำหรับผู้หญิง

    ด้วยดวงตาสีแดงที่มุ่งมั่นจนทำให้ผู้ชายหลายคนต้องโห่ออกมา เธอได้ซึมซับบรรยากาศแปลกๆทั้งความแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวและความอ่อนโยนไร้เดียงสาเข้ามาด้วย

    “คุณหนูคะ ฉันเอาเครื่องดื่มมาแล้วค่ะ”

    “อืม ขอบใจนะ”

    เธอหยิบถ้วยบนจานรองที่สาวใช้เอามา Lumiliana ดื่มมันด้วยจิบนึง

    น้ำเย็นที่ราดไปทั่วทั้งตัวเธอก็กลายเป็นร้อนตลอดการออกกำลังกายของเธอ เธอเก็บดาบประจำตระกูลเข้าฝักแล้วก็เช็ดเหงื่อออกจากหน้าด้วยผ้าเช็ดตัว

    “องค์หญิงอยู่ที่ไหนล่ะ?”

    “เธอกำลังอ่านหนังสือในห้องสมุดนะคะ ตอนที่ดิฉันเอาชามาให้ไม่นาน เธอก็ยังมีกองเอกสารเหลืออีกเป็นโหลที่เธออาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยนะคะ”

    “โอเค เข้าใจแล้วล่ะ”

    จักรวรรดิในปัจจุบันตกอยู่ในความวุ่นวาย เมื่อเจ็ดปีก่อนมกุฎราชกุมารโอรสคนโตสุดของจักรพรรดิได้ขึ้นบัลลังก์ขณะที่อายุยี่สิบสามและตั้งแต่นั้นมาก็กดขี่ขูดรีดภาษีเอาเปรียบชาวบ้านสามัญชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    เรื่องอื้อฉาวนี้เกิดจากภรรยาของจักรพรรดิคนปัจจุบัน ลูกสาวของดยุค Earlgrey เธอใช้ชีวิตอย่างเสื่อมถอย ตลอดทั้งวันเธอจะได้รับของขวัญเป็นอัญมณีกับเสื้อผ้าจากเมืองนอกและจัดงานเลี้ยงฟุ่มเฟือยในยามค่ำคืนอยู่ตลอด โดยเอาภาษีที่ขูดรีดมาไปใช้จ่ายในเรื่องนี้นั่นแหละ

    เพื่อพลิกโชคชะตาที่เสื่อมถอยของจักรวรรดิ องค์หญิงแห่งจักรพรรดิน้องสาวของจักรพรรดิและเป็นนายของ Lumiliana และเพื่อนสนิทในอายุคราวเดียวกัน ที่ขณะนี้อยู่ในอาณาเขตของ Regnard เพื่อรวบรวมกองกำลังในการวางแผนก่อการปฏิวัติล้มล้างอำนาจพี่ชายของเธอ

    เพื่อที่จะช่วยเหลือผู้คนที่ต้องทนทุกข์ทรมาน องค์หญิงไม่ได้คิดว่าถ้าราชวงศ์ที่เธออยู่จะเสื่อมอำนาจในช่วงก่อการจลาจลเลย

    ในการรับสั่งให้ปกป้องอย่างชนชั้นสูงและขุนนาง Lumiliana จะต้องยอมเสี่ยงทั้งชีวิตและแขนขา ด้วยปณิธานที่แผดเผาภายในเธอ นักดาบหญิงอายุน้อยที่มีความไฝ่ฝันที่จะเป็นอัศวินมานานจึงได้ฝึกฝนเท่าที่เวลาจะมี

    “กลับมาคิดดูแล้ว คุณหนู ได้ยินเรื่องนี้มั้ยคะ? เรื่องราวของนักผจญภัยที่ตอนนี้ทำงานอยู่ในราชอาณาจักร”

    “นักผจญภัยหรือ?”

    Lumiliana ยักคิ้วของเธอข้างหนึ่ง

    เธอเคยได้ยินเรื่องราวของ ‘ปีศาจผมขาว’ ที่เป็นตัวหายนะของพวกขุนนางในวันเก่าๆมาก่อน และแน่นอนว่าทุกคนต่างก็รู้จักเรื่องเล่าของ ‘แม่มดสีทอง’ ที่ก่อตั้งกิลด์นักผจญภัยด้วย

    ไม่เหมือนกับพวกราชวงศ์ เธอไม่ได้คิดเรื่องปีศาจผมขาวว่าเป็นเช่นนั้น เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นยิ่งกว่าผู้กล้าที่หยุดระบอบการกดขี่ข่มเขงของเหล่าขุนนางที่กระทำกับผู้ที่อยู่ในระดับต่ำกว่า

    อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเหมือนกับแม่มดสีทอง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยเจอกับผู้หญิงคนนั้นตรงๆ แต่เรื่องราวของแม่มดที่ใช้เวทมนตร์ทรงพลังและการเงินที่แข็งแกร่งที่ทำให้เกิดเรื่องน่าอับอายไปทั่วทั้งทวีป

    ที่ยิ่งกว่านั้น ก็ไม่ได้พูดผิดว่าแม่มดนั่นก็สร้างแนวคิดของนักผจญภัยด้วย แค่ด้านนอกของชายแดนของจักรวรรดิที่เป็นหัวเมืองของประเทศข้างเคียงก็มีกิลด์นักผจญภัยตั้งอยู่มากมายแล้ว แต่ Lumiliana ก็คิดได้แค่พวกนั้นมารวมตัวกันเพื่อเป็นกองทัพป่าเถื่อนที่ไม่จะชี้นิ้วเพื่อคนที่ไม่มีเงิน

    ความโลภและป่าเถื่อนนี้ ถือว่าเป็นนักรบนอกรีตที่น่าจะขึ้นไม่ถึงระดับของอัศวินผู้กล้าหาญอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าเธอจะเข้าใจความต้องการของพวกเขาที่จะต้องไปเข้าร่วมเพื่อกำจัดมอนสเตอร์ต่างๆด้วยตัวเองก็ตาม นักผจญภัยแต่ละคนที่เธอพบนั้นต่างก็ดูไม่เป็นที่น่าพอใจเอาเสียเลย เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่ไว้วางใจในการช่วยเหลือของพวกนั้น

    “ราชามังกรสามตนที่เข้าไปโจมตีราชอาณาจักรนั้น ปรากฏว่าหนึ่งในหัวหน้าของพวกนั้นถูกจัดการโดยนักผจญภัยด้วยตัวคนเดียวแล้วล่ะค่ะ”

    “ว่ายังไงนะ!?”

    ราชามังกรเป็นมังกรที่แข็งแกร่งมากที่สุดที่เธอรู้ มีเพียงแค่แปดตัวบนโลกเท่านั้น สามตัวนั้นได้พุ่งเข้าโจมตีราชอาณาจักรจากคนละทิศทาง สองตัวนั้นก็ถูกขับไล่โดยกิลด์นักผจญภัย และตามที่ได้ยินในเรื่อง ตัวที่สามนั้นถูกสอยโดยนักผจญภัยเพียงคนเดียวโดยลำพัง

    การสังหารมังกรคือเกียรติยศอันสรรเสริญของเหล่านักผจญภัยและอัศวิน Lumiliana ไม่อาจซ่อนความประหลาดใจที่ว่านักผจญภัยจะสามารถกำจัดราชามังกรได้เพียงคนเดียว

    “ฉันเชื่อว่า… ‘ดาบอสูรสีขาว’ หรืออะไรสักอย่างจากผลลัพธ์นั่น เป็นชื่อของผู้หญิงผมขาวที่จัดการกับมังกรนั่นล่ะ”

    “เธอพูดว่า ‘ดาบของเจ้าหญิง’ หรือ?” (ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงเหมือนกัน แต่เธอเข้าใจความหมายต่างกัน)

    ความเข้าใจผิดขนานใหญ่ดูท่าจะเกิดขึ้นแล้ว

    สิ่งที่ Lumiliana เข้าใจนั้นน่าจะหมายถึงฉายาที่ให้กับผู้ชนะของการแข่งขันศึกประลองประจำปีที่จัดขึ้นในเมืองหลวงที่ตั้งใจมอบให้อัศวินหญิงเพื่อเป็นเกียรติที่จะได้คอยรับใช้องค์หญิงในนาม ‘ดาบของเจ้าหญิง’

    ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยมั่นใจในคุณสมบัติของผู้หญิงชั้นสูงที่จะเรียกตัวเองว่าเจ้าหญิงได้ก็ตาม แต่กระนั้นเธอก็ยังได้ความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่อยู่

    สำหรับนักผจญภัยหญิงที่ลอกเลียนแบบฉายาที่เธอรักมากๆ และทำให้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยนี้ เธอถึงกับไม่พอใจเล็กน้อย

    “แต่กระนั้น สำหรับสุดยอดนักดาบหญิงเช่นนั้นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในจักรวรรดินี้ มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ?”

    “ช่วยไม่ได้ ก็เธอเป็นนักผจญภัยนี่ค่ะ”

    ชื่อเสียงของนักผจญภัยที่บางครั้งก็แพร่กระจายจากคนหนึ่งสู่อีกคน เนื่องจากมีนักผจญภัยในจักรวรรดิอยู่น้อยมาก จึงเป็นธรรมดาที่ข่าวนั้นจะเดินทางไปช้ามากๆ

    นักผจญภัยแรงค์ S ย่อมได้รับผลประโยชน์โดยทั่ว แต่กับนักดาบหญิงที่อยู่ในแรงค์ B โดยที่ไม่ได้เลื่อนขั้นเลยนั้นยังคงเป็นคำถามอยู่

    “จากข่าวลือนั้น ดูเหมือนว่าเธอเป็นสาวงามล่มเมืองและก็มีดวงตาสีน้ำเงินและสีแดงด้วยค่ะ”

    ปีศาจผมขาวมีดวงตาสีเดียวกัน Lumiliana พบสิ่งที่น่าสนใจยิ่งว่าในเรื่องเล่าของสาวใช้เธอ

    นักดาบหญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในราชอาณาจักรต่อกรกับนักดาบหญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ… ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่นักผจญภัย Lumiliana ก็ยังตื่นเต้นที่หวังจะได้ประมือกัน

    “เฮ้… เป็นผู้หญิงเลอโฉมที่มีผมขาวและตาสองสีอยู่ในราชอาณาจักรจริงๆหรือ…?”

    “คุณหนูคะ?”

    ด้วยเสียงที่สั่นเทา และก็ลุกขึ้นยืน ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างและผมสีบลอนด์ก็ปลิวไสวไปตามสายลม

    “จะเป็นไปได้มั้ยว่า ชื่อของคนนั้นคือ…”



    ตัดกลับมายังที่เมืองหลวงจักรพรรดิ ในคฤหาสน์หรูหราที่สร้างบนพื้นที่แยกจากปราสาทจักรพรรดิ ผู้หญิงที่ย่างเข้าสามสิบที่มีผมสีบลอนด์ชมพูจิบถ้วยชาด้วยอารมณ์บูด

    เป็นเจ้าหญิงแท้ๆของจักรพรรดิคนปัจจุบัน จักรพรรดินี Alice Ragdoll จริงๆแล้วเป็นลูกสาวคนที่สองของดยุค Earlgrey อันทรงเกียรติ สิบเอ็ดปีก่อนผู้หญิงคนนี้ได้แต่งงานกับเจ้าชายหลังจากที่ทำให้พี่สาวของเธอถูกลากออกไปแล้วก็จับขังเอาไว้

    ใบหน้าที่แท้จริงของเธอน่าจะพออธิบายได้ว่าดูน่ารักตามอายุเหมือนกับนมขณะที่เธอเติบโตขึ้น แล้วเธอก็ต้องมาสู้กับสภาพที่แย่ลงโดยใช้เครื่องสำอางเยอะแยะมากมาย

    “ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้เนี่ย… ทุกอย่าง… ทุกอย่างมันต้องไปได้สวยสิ!”

    Alice กระแทกถ้วยชาลงบนจานรองเสียงดัง

    ตลอดความพยายามมากมาย เธอได้คว้าจักรพรรดิที่รักและได้เข้ามาเป็นราชวงศ์ นอกจากสามีเธอแล้ว ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่คอยอุทิศตนให้กับเธอ และเธอก็มีตระกูลที่ทรงอำนาจมาคอยหนุนหลังด้วย

    แต่ทว่า อะไรที่ทำให้ฐานะจักรพรรดินีต้องสั่นคลอนได้ล่ะ?

    “ลูก… ถ้าฉันมีลูก ฐานะของฉันก็น่าจะมั่นคงกว่านี้…!”

    โรคกรรมพันธุ์ที่ทำให้เธออยู่ในภาวะมีบุตรยาก ในสายตาของจักรพรรดิที่ต้องมีรัชทายาทแล้ว ถือว่านี่เป็นข้อบกพร่องเลยล่ะ

    ถึงแม้ว่าจักรพรรดิจะยังคงรัก Alice พวกขุนนางต่างก็แอบเข้ามากระซิบเป่าหูเขาว่าแต่งงานกับผู้หญิงอายุ 29 ปีที่เป็นหมันแบบนี้ ควรที่จะขับไล่ออกจากจักรวรรดิไปซะหากอยู่ในภาวะวิกฤตแบบนี้ต่อไป และก็แนะนำให้เขาหย่ากับเธอเพื่อไปแต่งงานกับนางสนมเสีย

    แม้แต่น้องสะใภ้ของเธอยังต้องการให้ Alice ออกจากราชวงศ์เลย

    ความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นก็คือ หลายๆคนที่เคยอยู่ข้างเธอเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนตอนที่เธอได้ขับไล่พี่สาวออกไปต่างก็เริ่มหันมาเข้าข้างฝ่ายองค์หญิง

    ระหว่างจักรพรรดิกับองค์หญิง เธอสงสัยว่าใครเป็นพันธมิตรจริงๆมากกว่ากัน

    “อะไรหรือ Alice? ทำไมถึงขึ้นเสียงอย่างนั้นล่ะ?”

    “Albert-sama…”

    เป็น Albert Ragdoll สามีของ Alice และจักรพรรดิคนปัจจุบัน ที่เรียกภรรยาเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

    ถึงแม้จะแก่กว่า Alice ที่เริ่มมีริ้วรอยออกมา บางทีนี่คือสิทธิส่วนบุคคลในชั้นสูงที่ให้ Albert คอยเก็บของหรูหราเอาไว้แม้แต่ในอายุตอนนี้

    “จะบอกความจริงให้นะ ฉัน… มีคนมากมายสงสัยว่าฉันจะเหมาะสมกับจักรพรรดินีของคุณมั้ยถ้าฉันไม่สามารถให้กำเนิดรัชทายาทได้… ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันสงสัยว่าถ้ามันไม่มีอะไรที่ดีกว่าต้องมาออกก่อนที่จะทำให้ Albert-sama ลำบากไปกว่านี้…”

    “โอ้ Alice ที่น่าสงสาร ไม่ต้องห่วง ถ้าหากมีคนไม่ดีที่คอยดูหมิ่นเธอ ฉันก็จะจัดการกับมันเอง”

    กลายเป็นคนที่สุภาพและเจียมตัวมากขึ้นตามอายุ Albert เข้าไปกอดภรรยาอย่างนุ่มนวลเพื่อให้เธอสบายใจ

    ถึงแม้ว่า บางครั้งสามีเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเสียทั้งหมด ความรู้สึกที่ต้องมาปกป้องหญิงสาวที่เสแสร้งต่อหน้าเขานั้น เขาเป็นคนที่ควบคุมได้ง่ายจริงๆ

    โดยเก็บคนที่มีปัญหากับการแต่งงานของพวกเขาอย่างนี้ โดยไม่ให้รู้ว่าอำนาจขั้นพื้นฐานของเขาถูกบี้อย่างช้าๆ จักรพรรดิและจักรพรรดินีต่างก็เมินการเมืองภายนอกแล้วหันมาใส่ใจกับความรักพวกเขาแทน

    เมื่อยามค่ำมาถึง Albert ก็พูดอ่อนโยนกับ Alice ที่นอนอยู่บนเตียงเคียงข้างเขา



    “Alice ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเด็กหรอก”

    “เอ๋?”

    “ฉันได้ค้นหาเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานตอนที่ราชอาณาจักรถูกมังกรโจมตีนะ และก็เผอิญก็รู้มาว่า น่าตกใจจริงๆที่ Shirley ดูเหมือนจะยังมีชีวิตอยู่”

    พอเขาพูดถึงชื่อที่เธอไม่ได้ยินมาเป็นเวลานาน สติของเธอที่ขึ้นมาจนถึงจุดเดือดก็ปกคลุมจนแข็งทื่อทันที

    ความเกลียดชังต่อพี่สาวที่ถูกทรมานอย่างโหดร้ายเหลือทนและจบลงด้วยรูปลักษณ์ที่แสนจะน่าเกลียดนั้น ถึงแม้ว่าผู้คุมขังจะวิ่งแจ้นทำหน้าโล้นโกหกถึงบาดแผลของเธอถูกรักษาอย่างมหัศจรรย์ก็ตาม Alice ก็ยังคาดเดาว่าเธอน่าจะตายในคูน้ำที่ไหนสักแห่งหลังจากที่แหกคุกไปได้ แต่ปรากฏว่าเธอกลับใช้ชีวิตอยู่ในราชอาณาจักร

    “ฉันได้ขุดเพิ่มมาอีก และปรากฏว่าตอนนี้เธอก็มีลูกสาวฝาแฝดอายุสิบขวบสองคนด้วย”

    “อายุสิบขวบ… คุณอย่าบอกนะว่าหมายถึง…”

    “อ๊ะ ถ้าพิจารณาด้วยเวลาแล้ว ดูเหมือนว่าฉันจะได้เป็นพ่อแล้วล่ะ”

    หมอกดำเข้ามาปั่นป่วนในใจ Alice

    ถึงแม้ว่าเธอจะอุ้มเด็กไม่ได้ เธอก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างสำราญกับจักรพรรดิเธออยู่ และตอนนี้พี่สาวของเธอที่แสนต่ำต้อยได้ให้กำเนิดลูกของ Albert แล้วตบความสุขของชัยชนะแตกเป็นเสี่ยงๆ

    ขณะที่สายตาภรรยาของเขาเดือดดาลด้วยความริษยาที่โกรธเคืองพี่สาวมีสิ่งที่เธอไม่มี Albert ก็พูดโดยไม่ใส่ใจความรู้สึกของเธอเลย

    “งั้น สิ่งที่ฉันคิดเอาไว้นะ… ถ้าหากฉันเตรียมเอาลูกสาวกลับมายังที่นี่เพื่อที่จะเป็นรัชทายาท เธอก็จะได้ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับเงื่อนไขการสืบทอดของตัวเธอแล้วสินะ?”



    “แล้วไง? การสะสางความขัดแย้งของราชามังกรเสร็จสิ้นแล้วหรือ หืม~?”

    อีกแห่งหนึ่ง เป็นห้องทำงานของราชาในปราสาทราชอาณาจักร สมาชิกของครอบครัวปีศาจที่มีเขาดำสองข้างและผมบลอนด์ยาวมาถึงเท้า Canary ที่สั่งการภายใต้ชื่อเล่นของ ‘แม่มดสีทอง’ นั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้ายิ้มชั่วร้ายขณะที่เธอมองพระราชาที่ต้องมาซ้อนเอกสารบนโต๊ะ

    “อ้าา… ไอ้ประเมินผลหลังศึกที่ Canary ขอร้องมาทั้งรายงานของชัยชนะ สิ่งไม่จำเป็นที่ชวนสับสนและความวุ่นวายที่ถูกปราบปรามมากเท่าที่จะทำได้ …แต่ละอย่างในขณะนั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ผลักเอางานที่น่าเบื่อมาให้ข้านะ”

    “นั่นมันไม่ใช่อภิสิทธิ์ของราชาเลยหรือ? ราชาและขุนนางไม่ได้แค่ควบคุมอยู่หลังฉากของประเทศหรือ?”

    ชายที่มีผมดำที่สำคัญต่อชีวิตที่ต้องเก็บมันรักษาไว้ยิ้มให้กับเธอเป็นครั้งเป็นคราว เขาคือ Edward Pendragon เป็นราชาคนปัจจุบัน

    เป็นที่รู้จักกันใน ‘ราชาสิงโตดำ’ ราชาแต่ละยุคต่างก็คุ้นเคยกับแม่มดสีทอง ซึ่งเป็นพันธมิตรกับราชอาณาจักรนี้มาเป็นเวลานานแล้ว

    “นั่นทำให้ข้านึกถึงทหารบางคนในหน่วยที่ข้าส่งไปสืบหาในสหรภูมิแล้วก็กลับมารายงานเรื่องนักผจญภัยที่ลุยเดี่ยวเชือดราชามังกร ที่จริงแล้วเป็นผู้หญิงที่รู้จักกันใน ‘ดาบอสูรสีขาว’ หรือ?”

    “โชคดีนะเนี่ย ที่นายรู้จักเธอ”

    “อ๋อ? ตอนที่ข้าสอบถามถึงภูมิหลังเธอนั่น สิ่งที่ข้าได้ยินทำเอาฉันติดใจคาหูเลย”

    ราชาผู้เฉลียวฉลาดยังคงจำเรื่องติดตาได้… คืนที่เขาเข้าร่วมงานเลี้ยงในจักรวรรดิและแลกเปลี่ยนคำพูดกับคนๆนั้น

    ผมขาวที่น่าจะสูญหายท่ามกลางหิมะ และใบหน้างดงามที่ชวนน่าสงสัยว่ามันจะมีอยู่โลกนี้จริง ตาของผู้หญิงที่ส่องประกายเป็นสีแดงและสีน้ำเงินเหมือนอัญมณีขณะที่แขนเธอก็มีคู่หมั้นอยู่ข้างกายที่เปี่ยมไปด้วยความสุข

    Edward ผู้ที่รักภรรยาที่รักของตัวเองน่าจะเข้าใจความรู้สึกอย่างจริงจังของผู้หญิงคนนั้น แล้วเขาก็เสียใจสุดซึ้งเมื่อเขาได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอจากความอยุติธรรมของเจ้าชาย แต่ตอนนี้เขาได้ยินมาว่าเธออาศัยอยู่อย่างมีความสุขกับลูกสาวของคนถึงแม้ว่าจะเป็นนักผจญภัยที่เชี่ยวชาญช่ำชองมาก็ตาม

    ในฐานะราชาแล้ว กับคนนั้น มันทำให้เขามีความสุขอย่างแท้จริง

    “Canary เกี่ยวกับพิธีเฉลิมฉลองให้นักผจญภัยที่เข้าร่วมศึกต่อสู้ราชามังกรนั้น มีผู้สนใจเข้าร่วมมากแค่ไหนล่ะ?”

    “อา คุณก็ดูตรงนี้สิ”

    Canary ยื่นรายชื่อของนักผจญภัยที่ต่อสู้กับมังกรที่พุ่งเข้ามาจากสามทิศ

    Edward มองรายชื่อไล่ลงไปเรื่อยๆ คอยสังเกตชื่อที่ถูกขีดฆ่าออกไปกับชื่อที่ไม่มีแล้วก็ยักคิ้วขึ้นมา

    “น้อยกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ… ไม่ถึงสิบคนหรือ? นี่ข้าควรจะเอามาอย่างไม่สมศักดิ์ศรีหรือ?”

    “นักผจญภัยเป็นพวกที่รังเกียจพิธีการแบบนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่น่าสนใจอาจจะมองเห็นไม่ตรงกันโดยพวกที่อยู่ในกิลด์ได้นะ หืม~?”

    “เพื่อประโยชน์ของประเทศ ข้ายังควรที่จะตอบแทนพวกเขาในทางหนึ่ง… และก็ Canary เจ้าเอาเงินมาใช้เป็นรางวัลเป็นคำตอบง่ายๆแบบนี้ แล้วข้าจะทำยังไงล่ะ?”

    “ทำไมไม่จัดงานเลี้ยงซะเลยล่ะ? นั่นน่าจะเหมาะสมมากกว่าที่จะไปรับเหรียญประดับในพิธีอีก”

    ราชาได้ครุ่นคิดอย่างจริงจังต่อข้อเสนอของ Canary ที่หัวเราะชอบใจ แม้ว่าเขาจะชำเลืองดูรายชื่อนั่นอีกครั้ง และก็สังเกตเห็นชื่อของคนที่เขาสนใจต่อหน้าที่ถูกขีดฆ่าออกไป Edward ถึงกับถอนหายใจออกมา

    “เธอจะไม่มาเลยหรือ? ภรรยาของข้าหวังว่าจะได้เจอกับเธออีกครั้งมาเป็นเวลานานแล้วนะ… สังหารมังกรข้างเดียว ประเทศไหนต่างก็รักที่จะมีคนที่มีความสามารถเช่นนี้มาว่าจ้างนะ ข้าน่าจะทำให้เธอสนใจหน่อย มีอะไรที่ข้าทำได้บ้างมั้ย?”

    “ก็นะ เป็นไปไม่ได้หรอก”

    แม่มดยิ้มแสยะ

    “ตอนที่ฉันถามเธอไปว่าถ้าเธอสนใจที่จะเข้าร่วมพิธี เธอก็ตอบปฏิเสธกลับมาว่า ‘ฉันกำลังสอนลูกสาวของฉันหัดอบคุ้กกี้ในวันนี้นะ’ ฉันคิดว่าคุณอาจจะต้องเจอกับความไม่สบายใจแน่ ถ้าคุณพยายามที่จะบีบบังคับให้เธอมาไม่ใช่หรือ?”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×