ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีตขุนนางสาวโสดกับชีวิตโลดโผนผจญภัยเพื่อลูกสาวสุดน่ารัก

    ลำดับตอนที่ #24 : อนาคตของลูกสาว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.51K
      160
      10 ต.ค. 65

    การซ่อมแซมอาวุธทั่วไปด้วยการปรับปรุงด้วยเวทมนตร์ ที่รู้จักกันในอาวุธเวทมนตร์ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านความรู้และทักษะ

    ถ้าแค่เอาด้ามมีดออกมาเพื่อล้างเลือด มันก็น่าจะทำได้โดยนักผจญภัยธรรมดา แต่กับอาวุธที่คมกริบและไม่เหลือแม้แต่รอยบิ่นหรือแหว่งในดาบนั้น ให้เป็นช่างตีดาบดีที่สุด

    ยิ่งกว่านั้น จำนวนของช่างตีดาบที่จะมีประสบการณ์กับการตีเหล็กและเวทมนตร์ที่จะเก็บรักษาอาวุธเวทมนตร์ก็มีอยู่น้อยมาก ดังนั้นผู้คนจึงวางใจกับคนแคระ

    “คุณบอกว่าได้ทำการซ่อมแซมดาบฉันเสร็จแล้วหรือ… แล้วมันอยู่ไหนล่ะ?”

    “อ๊ะ เดี๋ยวจะเอามาให้”

    คนแคระที่มีหนวดเครางามยาวถึงอกคนนั้นตอบคำถาม Shirley อย่างโผงผาง… Dimros ที่ไม่ได้ละสายตาออกจากดาบในมือเขา ผงกหัวไปยังดาบสีแดงกับสีน้ำเงิน

    มันมาจากตำนาน สองเสาใหญ่ของประเทศต่างค้ำจุนระบอบเผด็จการในยุคของพระเจ้า ดาบนี้ได้ปกป้องเมืองชายแดนจากราชามังกรผู้ชั่วร้ายที่ผุดมาจากต้นกำเนิดของเมืองหลวงประเทศและอัญมณีที่สุกใสเปล่งประกายวูบวาบที่ไม่เหมือนกับเหล็กอย่างสิ้นเชิง

    ผู้ปกป้องของประเทศ《ฐานที่มั่นสีน้ำเงินแห่งชาติIg-Alima》และสัญลักษณ์แห่งอำนาจของประเทศ 《ป้อมปราการแดงแห่งความศรัทธาSul-Sagana》 Shirley มอบสองดาบด้วยคำจารึกผ่านตัวมันด้วยการเหวี่ยงเบาๆ แล้วก็เอามันกลับเข้ากล่องเครื่องมือด้วยความพอใจ

    “ชิ เอาของอาวุธเวทมนตร์น่ารำคาญแบบนี้มา… เธอคิดว่าข้าจะทำงานอื่นเสร็จภายในวันนี้ยังไง เห?”

    “ฉันจ่ายให้คุณ ไม่ดีหรือ?”

    “ไม่ใช่จุดนั้นสักหน่อย! เธอคิดว่ามันทำยากแค่ไหนกันน่ะ!?”

    ถ้าจะเป็นช่างตีดาบขั้นสุดยอดล่ะก็ ความรู้ของเวทมนตร์คือทักษะที่จำเป็น ต่อมา อาวุธเวทมนตร์ที่มีเวทมนตร์ที่ ‘ไม่มีวันพังในศึก’ ได้กลายเป็นเรื่องปกติมากและถ้าอาวุธแบบนั้นสุดท้ายก็ต้องเอาไปซ่อมแซมแล้ว ช่างตีดาบจะต้องมีทักษะเสริมความแกร่งของดาบอีกครั้งหลังจากสร้างมันขึ้นมาใหม่

    อย่างไรก็ตาม นั่นคือที่แท้จริงของอาวุธเวทมนตร์ที่มีผลธรรมดา เมื่อมาเป็นอาวุธหายากที่มีผลหลายอย่างแล้วก็ต้องเพิ่มละเอียดอ่อนที่ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเวทเดิมในระหว่างทำให้คมขึ้นหรือดัดแปลง

    ด้วยอย่างนั้นเอง การซ่อมแซมอาวุธเวทมนตร์ระดับสูงที่สุดจึงทำได้ยากมากๆ และก็ต้องใช้เวลามากตามไปด้วย

    ต้องขอบคุณ Dimros กับช่างตีมือดีคนอื่นๆที่สร้างอาวุธพวกนี้มาเลย จำนวนของการซ่อมแซมที่พวกเขาต้องทำก็เลยเพิ่มขึ้นไปด้วย

    อาวุธที่ใช้ได้ครั้งเดียว จะต้องทำการซ่อมแซมอย่างระมัดระวังในการรักษาเอาไว้ ซึ่งก็นำไปใช้กับอาวุธทั้งหมดแม้กระทั่งดาบเวทมนตร์ที่ไม่มีวันพังด้วย

    ไม่ว่าอะไรก็ตามที่มันไม่สามารถ ‘พัง’ ได้ ถ้าหากไม่สามารถซ่อมแซมดาบเหล่านั้นให้สำเร็จ มันจะทำให้เกิดจุดบกพร่องบางอย่างในศึกได้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องที่หัวเราะได้เลย

    ในช่วงสงครามมังกร นักผจญภัยต่างก็แห่กันเข้าไปหาช่างตีดาบ ซื้ออาวุธและก็วางคำร้องเพื่อทำงานซ่อมแซม มีแต่ช่างฝีมืออย่าง Dimros เท่านั้นที่ยังทำงานอย่างหนัก ส่วนพวกที่เหลือนั้นก็กลับเข้าไปนอนห่มผ้าแล้ว

    “ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ถึงแม้ว่าเธอจะให้ข้าต้องมาทำงานหนักกับอาวุธที่ทำจากโอริคัลคุมและเหล็กไฟที่เกือบจะทำลายไม่ได้ก็ตาม แล้วเธออยากให้ข้าทำให้มันแกร่งขึ้นแบบไม่มีวันพังกับมันด้วย เธอให้งานข้ามาเยอะไปแล้วนะ”

    ปกติ อาวุธเวทมนตร์จะทำมาจากมิทริล ซึ่งหายากแต่เป็นโลหะน้ำหนักเบาที่เอื้อต่อพลังเวทมนตร์… แต่ยังมีแร่ที่หายากยิ่งกว่ามิทริลที่อยู่ในโลกนี้ด้วย และของเหล่านี้เอาไปใช้สร้างดาบที่ผ่านยุคในตำนานและบทเพลง

    ในขณะที่ยังคงรักษาความแกร่งเอาไว้ โลหะแห่งตำนานเหล่านี้งอไปมาได้สุดยอดมาก เหมือนกับเหล็กร้อนที่ดูดซับพลังงานที่ไร้รูปร่างได้ อาวุธและชุดเกราะทำมาจากโลหะเหมือนกับมันต้องมีสิ่งพิเศษที่อยู่นอกเหนืออยู่อย่างหนึ่งที่คาดหวังได้จากมิทริลหรือโลหะ จึงต้องมีช่างฝีมือดีที่จะเก็บรักษาของแบบนี้เอาไว้ ไม่รวมถึงพวกช่างโลหะ

    ดังนั้น จึงแน่นอนว่า Dimros ที่เป็นช่างตีดาบในเมืองชายแดนมีทักษะมากพอที่จะคอยดูแลทั้ง Ig-Alima และ Sul-Sagana

    “ถือว่าคุ้มล่ะกัน ไม่มีอะไรผิดที่อยากจะทำให้แน่ใจว่าอาวุธของฉันจะไม่พังไม่ว่ายังไง ใช่มั้ย?”

    “ใช่ๆ รู้แล้วน่า แต่เธอควรที่จะดูและมันให้ดีกว่านี้ ใช้อาวุธเดียวกันไปสู้กับมังกรทั้งวัน ไม่ว่ามันจะดีแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องพังได้นะ รู้มั้ย?”

    เวทอาคม ไม่ใช่ของมหัศจรรย์ ยิ่งกว่านั้น ศัตรูบางพวกก็มีพลังมากพอที่จะทำลายอาคมด้วย

    ถ้ามอนสเตอร์ที่มีพลังเช่นนั้นเกิดมันฉลาดขึ้นมาด้วย ถือว่ากลายเป็นปัญหาใหญ่เลย ราชามังกรที่ชื่อ Beowulf ที่ Shirley ได้สู้ไปนั้นเสียสติปัญญาไปแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อยกเว้น  ถ้าเธอมาสู้กับราชามังกรตัวอื่นล่ะก็ มีความเป็นไปได้ว่านักผจญภัยที่มาเข้าร่วมกับเธอน่าจะเสียชีวิตมากกว่านี้

    (ฉันยังมีหนทางอันยาวไกลที่ต้องไป)

    จากนี้ไปแทนที่จะจดจ่อแค่การทำลายภัยพิบัติ Shirley ได้สะท้อนอย่างจริงจังถึงการเลี่ยงความเสียหายกับดาบสองเล่มในช่วงที่ดำเนินการนี้

    “จะว่าไป… มาทำอะไรตรงนี้ล่ะ Tio?”

    “…ถูกเจอตัวแล้ว”

    ขณะที่เกาหยากไย่ออกจากเส้นผมที่เปื้อนนั้น ลูกสาวคนหนึ่งที่น่ารักก็โผล่ออกมาจากเงาของร้านส่วน Shirley ก็หายใจออกมา

    ถึงแม้ว่าบางทีดูเหมือนว่า Sophie กับ Tio จะเป็นพี่น้องที่ใกล้ชิดพอๆกัน พวกเธอก็ไม่ได้อยู่ติดกันจริงๆตลอดหรอก

    เมื่อ Tio ออกไปที่เมืองด้วยตัวเองอย่างนี้ Shirley รู้ (โดยการมองดูจากระยะไกล) ว่าเธอไปเยี่ยมสถานที่ๆนักผจญภัยไปอยู่บ่อยๆ บางอย่างก็ได้ขัดใจเธอ

    “ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าเธอจะอยู่ตรงนี้และถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่คิดว่าจะให้เงินมากพอที่จะซื้ออะไรจากที่นี่ได้หรอกนะ?”

    ของที่จัดวางตรงกำแพงและชั้นวางนั้นถือว่าเป็นปกติสำหรับนักผจญภัย แต่มันก็แพงสำหรับคนทั่วไป Tio ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น

    “อืม… ดูท่าจะฟรีนะเนี่ย”

    “นั่นก็จริง… ถ้าลูกอยากจะไปที่หน้าต่างร้านล่ะก็ ทำไมถึงไม่มองหาสักอย่างในร้านขายเครื่องประดับล่ะ?”

    “?”

    Tio เอียงหัวไปด้านข้าง ชัดเจนเลย เธอไม่ได้สนใจในเครื่องประดับเหมือนอย่างเด็กหญิงคนอื่นๆที่อายุเท่าเธอ

    อีกทั้งเธอยังสนใจในร้านมืดๆที่เต็มไปด้วยฝุ่นจากพวกช่างตีดาบสุดโฉดอีกต่างหาก บางทีถ้าเธอเป็นเด็กผู้ชายเธอก็คงไม่ต้องคิดอะไรมากนัก แต่ก็ช่วยไม่ได้นอกจากเป็นห่วงที่เด็กสาวอายุสิบขวบจะมาเยี่ยมที่แบบนี้

    (ถ้าเธอบอกว่าเธออยากจะเป็นนักผจญภัย ฉันจะทำยังไงดีน้า…?)

    เธอมีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิมเนื่องจาก Shirley จัดการกับราชามังกรได้ แต่มันจะดีหรือไม่ดีที่ Tio นั้นสนใจที่จะเป็นนักผจญภัยล่ะ?

    งานนักผจญภัยนั้นยากและเสี่ยงชีวิต มีหลายคนที่โชคดีที่ถอนตัวตอนยังน้อยๆเพราะความบาดเจ็บ Shirley รู้เรื่องนั้นดีจากการที่เจอกับชะตากรรมเลวร้ายยิ่งกว่ามาหลายครั้ง

    อันตรายเช่นนั้นคือบางอย่างที่ Tio น่าจะรู้เต็มเหนี่ยวที่อยู่ข้างเคียงกับพี่สาวและ Shirley ใน
    บ้านพักที่เต็มไปด้วยนักผจญภัย ฟังจากเรื่องราวด้วยสายตาที่เปล่งประกายวับ แต่เธอก็ยังคงเห็นบางอย่างที่ทำให้เธออยากจะเดินตามเส้นทางนั้นหรือ?

    …เธอยังกังวลอยู่ลึกๆถึงเรื่องนั้นอยู่ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ก็ไม่มีอะไรที่ Shirley จะปฏิเสธได้แล้ว

    “นอกจากนี้ ฉันไม่ใช่คนเดียวที่สนใจนะ”

    “หวา-!?”

    “อ๊ะ? หม่าม้ากับ Tio?”

    ความปรีชาสามารถนั้นถูกปลูกฝังผ่านศึกมามากมาย เซ็นเซอร์ตรวจจับลูกสาวของแม่นั้นก็ตรวจพบตัวลูกสาวได้ทันที และเธอก็ได้เหลียวไปมองดู ก็เห็น Sophie เดินเข้ามาในร้านของช่างตีดาบด้วย

    “Sophie… แม้แต่เธอก็ด้วยหรือ?”

    “อืม ไม่นานนี้เธอเองก็สนใจคทาเวทมนตร์นะ”

    “เดี๋ยวนะ Tio…!? นั่นควรที่จะเก็บไว้เป็นความลับนะ!?”

    “แต่ เราก็ถูกพบตัวแล้วนะ”

    ด้วยเหตุนี้เอง ลูกสาวอีกคนก็มาจนได้ แม้แต่นักเรียนดีเด่น Sophie เองก็ดูเหมือนจะสนใจในการผจญภัย ณ ตอนนี้ด้วย บางทีจำเป็นต้องแบ่งความสนใจให้กับลูกสาวฝาแฝดให้บ่อยขึ้นมั้ย?

    อย่าง Tio กับ Sophie ต่างก็โตมาท่ามกลางร้านของนักผจญภัย แม้ว่าเธอจะชอบอ่านเรื่องนั้นในหนังสือภาพก็ตาม ดังนั้นแม้แต่ Sophie ก็ยังตามแฟชั่นมากกว่าเธอนิดหน่อย เธอยังมีมุมมองแปลกๆของพวกป่าเถือนและกิลด์ผจญภัยที่ซับซ้อนอยู่

    แท้จริงแล้ว กิลด์นักผจญภัยนั้นเต็มไปด้วยพวกป่าเถื่อนและอันธพาล แต่ Shirley ก็เป็นห่วงลูกสาวที่อาจจะไปมีเรื่องกับพวกนั้นโดยสมาคมได้ถ้าเธอบอกพวกเขาถึงเรื่องนั้น เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา

    “ฟังนะ ทั้งสอง แม่จะบอกพวกเธอให้ในตอนนี้ การเป็นนักผจญภัยมันไม่ใช่อาชีพง่ายๆที่เธอจะก้าวกระโดดเข้าไปง่ายดายนะ และมีอะไรดีๆในตัวนักผจญภัยที่พวกเธอสนใจบ้างล่ะ?”

    ถึงกระนั้น ก็เป็นหน้าที่ของแม่ที่จะคัดค้านลูกสาวตัวเอง ถึงแม้พวกนั้นจะเกลียดเธอเรื่องนั้น เธอก็ให้คำเตือนอย่างเข้มงวดและต้องแลกมาด้วยการที่พวกเธอเห็นพวกเขาได้รับบาดเจ็บหรือถูกฆ่า

    “ค่ะ… หนูรู้ว่าหมายถึงอะไรนะ หม่าม้า”

    แต่ลูกสาวที่เธอรักดูเหมือนจะยอมรับเหตุผลของเธอ

    “ฉันหมายถึงไอ้พวกนักผจญภัยใน
    บ้านพักที่เมาแล้วนั่นมักจะหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นทุกที่เลย”

    “หนึ่งในกลุ่มที่พยายามจะเต้นโดยถอดเสื้อทั้งหมดที่งานเลี้ยง แล้วก็โดนนักผจญภัยหญิงซัดเข้าไปนะ”

    “อา…”

    ไอ้พวกที่ไม่เป็นมิตรนั่น Shirley ไม่เอาลูกสาวเธอไปแนะนำให้กับนักผจญภัยใน
    บ้านพักหรอก แต่จะดีกว่าหรือแย่กว่ามันก็ดูเหมือนจะสร้างความประทับใจเหมือนกัน

    ดื่มแล้วทะเลาะวิวาทในที่กว้าง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงมันก็ง่ายที่จะมองพวกนั้นออกเหมือนกับคนสิ้นคิด

    (ที่สำคัญกว่านั้น ฉันต้องทำให้แน่ใจว่าจะหาคำพูดสักอย่างใช้กับคนลามกที่ถอดเสื้อออกต่อหน้าลูกสาวฉัน)

    Shirley จดมันไว้ในหัวอย่างจริงจัง

    “ถึงหนูยังไม่เคยเห็น แต่หนูก็เข้าใจว่าเป็นนักผจญภัยนั้นอันตราย”

    “แล้วทำไมล่ะ? แม่น่าจะคิดว่าทำงานในเมืองแทนนี่มันปลอดภัยกว่าตรงไหนหรือ”

    ขณะที่แม่มองลงไปยังทั้งสอง Sophie กับ Tio ก็มองกลับไปอย่างจริงจัง

    “แต่…”

    “…อืม”

    ถึงแม้มันจะน่าอายที่จะพูดอยู่หน่อยๆ พวกนั้นก็ตอบเธอ

    “ตอนที่หนูถามนักผจญภัย พวกเขาก็บอกว่าโลกภายนอกนั้นช่างสวยงาม… หนูคิดว่าถ้าหนูได้เห็นอะไรอย่างนั้นกับหม่าม้า หนูว่าน่าจะมีความสุขจริงๆนะคะ”

    “อูว…”

    เสียงอุทานหลุดออกจากปากของแม่โดยไม่ได้ตั้งใจ โอเอซิสที่มีน้ำพุ่งส่องประกายเหมือนอัญมณีในทะเลทรายที่อยู่ตะวันตกเฉียงใต้ห่างไกล เมืองโบราณสถานที่ลอยบนในสวรรณที่เชื่อมต่อกับโลกด้วยต้นเถาวัลย์ใหญ่ๆเส้นเดียว วัดโอ่อ่าที่สร้างขึ้นมาจากคริสตัลและอัญมณีโดยบาทหลวงโบราณในยุคของเทพเจ้า… ถ้าลูกสาวบอกเธอว่าพวกเธออยากจะสำรวจสถานที่ลึกลับในอดีตและปีนขึ้นดวงดาวไปกับเธอด้วยกันแล้ว… เธอแทบจะรู้สึกสลบคาเท้า

    “นอกจากนั้น… ฉันอยากจะแกร่งและเท่เหมือนกับแม่”

    “อูว…!”

    แล้วก็หลุดอุทานออกไปอีกรอบ คงไม่มีแม่แม้แต่คนเดียวในโลกที่น่าจะไม่มีความสุขที่ถูกลูกชมแบบนี้ แต่ถ้าหากเป็นแม่ที่เห่อลูกสุดติงต๊องอย่างเธอด้วยล่ะก็ คงจะยิ่งกว่านั้นอีก

    Shirley พยายามที่จะไม่แสดงสีหน้า แต่ในใจนั้นขาดกระจุยระหว่างเก็บรักษาลูกสาวให้ปลอดภัยกับปล่อยให้พวกเธอเลือกอนาคตของตัวเอง อา… ขณะที่ภายในตัวเธอยังตีกันวุ่นอยู่ เธอก็เอามือมาปิดหน้าแดงของเธอแล้วก็ถอนหายใจออกมา

    “…พูดตามตรงนะ ฉันขอค้านเธอที่จะมาเป็นนักผจญภัยนะ โลกนี้ไม่ได้สวยหรูที่เธอหวังจะมีความสุขแบบนั้นและก็เป็นจริงนะ”

    “แต่…” Shirley พูดต่อ

    “เมื่อถึงคราวที่ทั้งคู่ได้ฉลองครอบรอบอายุที่จะมาถึงนี้… ถ้าเธอสามารถพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าพวกเธอพร้อมแล้ว แม่ก็จะคอยสนับสนุนลูกทุกอย่างเท่าที่มีเลย”

    Shirley ยอมรับความฝันลูกสาวกับเงื่อนไขนี้ ถ้าพวกเธออยากจะโดดเข้าไปในที่อันตรายเช่นนั้น พวกเธอก็ต้องมีกำแพงสูงใหญ่ที่แม่จะเตรียมให้พวกเธอ – Sophie กับ Tio ถึงทำทำตาวาวขึ้นมา

    “จริงหรือ!? แน่ใจหรือคะ!?”

    “เท่าที่… เท่าที่จำได้ พวกเธอยังไม่ผ่าน ดังนั้นก็อย่าทำอะไรที่ไร้เหตุผลอย่างเช่นไปสู้กับมอนสเตอร์จนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ละกัน”

    “…แล้ว อะไรที่เราจะทำให้ผ่านล่ะคะ?”

    “ก็ลองคิดดูเอาเองล่ะกัน ตัวเองนั้นก็คือหนึ่งในความท้าทายนะ”

    ความรู้คือพลัง ถ้าพวกเธอสามารถพิสูจน์ให้ Shirley เห็นว่าพวกเธอสามารถที่จะเป็นนักผจญภัยที่ทำให้ตัวเองปลอดภัยก่อนได้ แล้วแม่ก็อาจจะพอยอมรับขึ้นมาได้บ้าง

    “อย่างไรก็ตาม นับจากนี้ไป แม่ห้ามพวกเธอเข้าร้านตีดาบโดยไม่ได้มากับแม่และลูกนะ”

    “ “เอ๋…” ”

    “ลูกไม่ให้แม่ขยับตรงนี้ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากอาวุธร่วงตกใส่เธอจนได้รับบาดเจ็บล่ะ?”

    Sophie กับ Tio ยังเด็กอยู่ ก็น่าจะมีที่ๆเธอพอจะมีของดีๆสำหรับพวกนั้นได้

    “งั้น ในเมื่อแม่อยู่นี่ ฉันก็ยังมองดูรอบๆได้สินะ?”

    “ถ้าแม่จะออกไปรับงานแล้วเราก็จะไป…”

    “…ไม่ต้อง ดีแล้วล่ะ แม่เพิ่งจะทำงานเสร็จในวันนี้แล้วล่ะ”

    พอๆกับที่เธอพูดไปนั้น ทั้งคู่ก็หยิบอาวุธขึ้นมา ไม่ว่าเธอจะบอกว่าสองคนนั่นเป็นลูกสาวของนักผจญภัย มันก็ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเอาอาวุธกับชุดเกราะไปเล่นซุกซนราวกับว่าเป็นร้านของเล่น แต่ตอนที่เธอคิดถึงเรื่องปณิธานที่จะเป็นจริงขึ้นมา เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าคัดค้านก่อนหน้านั้นแม้แต่อย่างใด

    มองดู Sophie กับ Tio กำลังเล่นสนุกกับอาวุธแล้วจินตนาการถึงอนาคตด้วยกัน แล้วเธอก็จำคำพูดของ Canary ได้ทันที

    ――――จงเรียนรู้ให้สนุกกับการผจญภัยซะ หนู

    ครอบครัวนักผจญภัย ระหว่างแม่กับลูกสาว แน่นอนว่าดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่สนุกเพลิดเพลินจริงๆด้วยสิ

    นักผจญภัยรุ่นต่อไป ไม่ใช่แค่สายตาของ Shirley จะมองเห็นว่าอนาคตที่แท้จริงของลูกสาวสองคนในร้านนั้นคืออะไร… นั่นก็เป็นอีกกรณี เพื่อผลประโยชน์ Shirley น่าจะสร้างอุปสรรคแรกให้พวกเธอเอาไว้ก่อน

    ไม่ว่าพวกเธอจะก้าวข้ามดาบอสูรสีขาวและบรรลุความฝันได้หรือไม่ เวลาเท่านั้นที่บอกได้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×