ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The choices of the chosen child [yuri]

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนพิเศษ : ดวงจันทร์ เงาและดวงดาว (ภาคจบ)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 942
      5
      25 ธ.ค. 51

    ...แล้วซากุระซากิ เซ็ตซึนะก็ต้องมานั่งกลุ้มใจกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างที่สุดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
    ให้ตายสิ! ไล่ฉันให้ไปฆ่าปิศาจพันตัวยังจะดีกว่าซะอีก!
    แล้วทำไมอยู่ๆอายะจังถึงพูดเรื่องนี้เอาตอนนี้น่ะ! โคโนจังก็ไม่อยู่ด้วย
    ไม่...โคโนจังอยู่ไม่อยู่ก็ช่วยอะไรเราไม่ได้

    โอ้ยยย!~~~ จะทำยังไงดีเนี้ย!!!! เราไม่อยากทำให้อายะจังเขาเสียใจน่ะ! เพราะเราเองก็ติดค้างอายะจังไว้มากเหมือนกัน

    ...แล้วเซ็ตซึนะก็หวนกลับไปนึกถึงวันที่ทำพิธีไตรเวทย์ วันที่เธอได้กลายเป็นจอมมารเต็มตัวด้วยเลือดของอายะจัง
    ถึงเธอจะจัดการกับพวกปิศาจทั้งหมดได้สำเร็จและทำให้พิธีไตรเวทย์เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์
    แต่มันก็แทบจะแลกด้วยชีวิตของตัวอายะจังเอง โชคดีที่ตอนนั้นโคโนจังกลับมาจากดินแดนสามภพและใช้เวทย์รักษาช่วยชีวิตอายะจังเอาไว้ได้ทัน

    แต่ถึงกระนั้น..เซ็ตซึนะก็ยังรู้สึกผิดต่อนักดาบน้อยตรงหน้าอยู่ดี
    การกระทำของมารในตัวเธอตอนนั้น จนบัดนี้เธอยังไม่อาจให้อภัยตัวเองได้เลย และบ้างทีการที่เธอเป็นมารและแกล้งหอมแก้มอายะจังให้เชื่อใจตน
    มันอาจเป็นเหตุให้อายะจังคิดกับเธอแบบนี้ก็ได้ แถม...ทั้งๆที่หลังจากนั้นฉันก็ทำให้อายะจังใช้ปีกไม่ได้อีก
    อายะจังก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ซักคำ แล้วเซ็ตซึนะที่คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็ทำหน้าเศร้า ก่อนจะถามอายะจังที่กำลังกอดตนอยู่ด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดเต็มที่ว่า

    “ทำไมอายะจังถึงจะมารักคนแบบพี่หล่ะ? พี่ทำให้อายะจังบินไม่ได้อีกไม่ใช่เหรอ? เพราะพี่ในร่างจอมมารใช้เขี้ยวกัดปีกของอายะจังจนมันใช้การไม่ได้ อายะจังน่าจะโกรธพี่ถึงจะถูกน่ะ”

    ...อายะจังที่ฟังอยู่ถึงกับอึ้ง นี่พี่เซ็ตซึนะรู้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?
    เธออุตส่าห์ปิดเอาไว้แล้วเชียวน่ะ แต่ไม่ว่าพี่เซ็ตซึนะของเธอจะรู้ได้ยังไง อายะจังที่ไม่เคยนึกโกรธเรื่องนี้เลยสักนิดก็พูดขึ้นว่า

    “แต่มันก็ช่วยพวกพี่ๆได้ไม่ใช่เหรอค่ะ? หนูไม่โกรธพี่เซ็ตซึนะหรอก อีกอย่าง...ถ้าไม่ใช่เพราะหนูเห็นปีกของพี่เซ็ตซึนะตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน หนูก็คงไม่คิดจะเอาปีกของหนูมาใช้ไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอกน่ะค่ะ หนูยินดีและเต็มใจที่จะทำอย่างนั้น และหนูก็ยอมให้พี่เซ็ตซึนะเอาเลือดหนูไปมากเท่าไหร่ก็ได้
    เพื่อแลกกับจูบของพี่เซ็ตซึนะเพียงครั้งเดียว”
    “อะ..อายะจัง...?”

    ....ด้วยคำพูดที่แม้แต่เซ็ตซึนะที่ได้ฟังยังอายแทนแต่อายะจังกลับกล้าที่จะเอ่ยออกมากับตน
    มันทำเอาเซ็ตซึนะยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปอีก..องครักษ์สาวนึกไม่ถึงว่าเด็กน้อยที่เธอเอ็นดูดั่งน้องสาวมาตลอด จะมาคิดกับเธอในแง่นี้ แล้วยิ่งอายะจังก็เป็นเด็กนิสัยดีอยู่แล้ว..การทำร้ายจิตใจของอายะจังมันจึงเป็นอะไรที่เซ็ตซึนะไม่อยากที่จะทำมันอีกเป็นครั้งที่สอง แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอตอบสนองให้อายะจังในแบบที่เด็กน้อยต้องการไม่ได้
    ทางเดียวที่เธอจะทำได้ ก็คงต้องกล่อมอีกฝ่ายเท่านั้นหล่ะมั้ง?
    แล้วองครักษ์สาวที่อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากใจที่สุดในชีวิตก็ถอนหายใจยาวก่อนจะเริ่มต้นพูดขึ้นว่า..

    “อายะจัง ...ที่พี่เคยบอกว่าพี่จะเป็นองครักษ์ให้ จนกว่าอายะจังจะหาองครักษ์ของตัวเองเจอ จำได้ไหม?”
    “ค่ะ.....หนูจำได้ และหนูก็หาองครักษ์ของหนูเจอแล้ว พี่เซ็ตซึนะยังไงค่ะ?”

    ..เซ็ตซึนะที่ได้ยินก็ส่ายหน้า ก่อนจะพูดในสิ่งที่อยากจะบอกกับอายะจังต่อว่า
    “พี่เป็นองครักษ์ของโคโนจังแล้ว องครักษ์เงาอย่างพี่สะท้อนพระจันทร์ได้แค่ดวงเดียวเท่านั้น สำหรับอายะจังแล้ว พี่เป็นได้แค่องครักษ์ชั่วคราวเท่านั้นแหล่ะ เหมือนกับที่เงามันสะท้อนแสงของดาวได้แค่บางส่วนเท่านั้น อายะจังเข้าใจที่พี่พูดรึเปล่า?”

    อายะจังที่นั่งฟังก็แหงนหน้ามามองพี่เซ็ตซึนะที่เธอกอดอยู่แล้วส่ายหน้าให้น้อยๆ แววตาของนักดาบน้อยนั้นเต็มไปด้วยความงงงันกับคำพูดนั่น
    เซ็ตซึนะที่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็ยิ้มให้เล็กๆก่อนจะพูดอธิบายให้ฟังว่า

    “ระหว่างพระจันทร์กับดวงดาว พื้นน้ำย่อมสะท้อนแสงของพระจันทร์ได้มากกว่าจริงไหม?”
    “ค่ะ...”
    “แต่มันก็สะท้อนแสงของดวงดาวได้ด้วย แล้วความจริงขนาดของพระจันทร์กับดวงดาว
    มันก็พอๆกันนั้นแหล่ะ เผลอๆดาวส่วนใหญ่มันจะใหญ่กว่าพระจันทร์ด้วยซ้ำ
    แต่เพราะว่ามันอยู่ไกลเกินไป เงาอย่างพี่จึงสะท้อนให้มันสวยเด่นอย่างพระจันทร์ที่มันอยู่ใกล้โลกไม่ได้
    แต่ว่าดวงดาวเหล่านั้น มันย่อมมีสักที่นึง...ที่จะสะท้อนให้ตัวมันสวยเด่นและงดงาม
    เหมือนกับที่พื้นน้ำอย่างพี่มีให้กับพระจันทร์แน่นอน แต่มันต้องไปหาเอาจากที่อื่น...ไม่ใช่พื้นน้ำของโลกใบนี้
    ไม่ใช่เงาสะท้อนจากที่นี่ และไม่ใช่พี่ที่มีพระจันทร์ในใจอยู่แล้วด้วย”

    ...ฟังจบ อายะจังที่ยังงงอยู่บ้างก็พอจะเข้าใจความหมายของมัน
    ที่พี่เซ็ตซึนะพูดถึงมันหมายความว่า ตัวเธอต้องไปหาใครคนอื่นที่จะรักเธอแค่คนเดียวจริงๆมาเป็นองครักษ์ให้
    ไม่ใช่พี่เซ็ตซึนะที่มีพี่โคโนกะอยู่แล้วสิน่ะ แต่..แล้วยังไงหล่ะ? ถึงเธอจะเป็นพระจันทร์ไม่ได้
    แต่ดาวดวงนี้ก็ยังให้เงาอย่างพี่เซ็ตซึนะสะท้อนได้อยู่ไม่ใช่เหรอ?
    และอายะจังที่นิ่งคิดอยู่นานก็พูดเถียงกับพี่เซ็ตซึนะในอ้อมกอดขึ้นว่า

    “ งั้น...หนูไม่ขอเป็นแบบพี่โคโนกะก็ได้ค่ะ หนู..หนูขอแค่ให้พี่เซ็ตซึนะรักหนูแบบนั้นบ้างก็พอ เหมือนเป็นอันดับสองหรืออะไรก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไงพี่เซ็ตซึนะก็จะสะท้อนแสงดาวอย่างหนูอยู่ใช่ไหมค่ะ? หนูขอแค่นั้นก็ได้...น่ะค่ะ~”

    ...อายะจังที่พูดไปก็ส่งสายตาอ้อนมาสุดชีวิตแถมยังมากอดตัวเซ็ตซึนะให้แน่นกว่าเดิม
    เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็อึ้งยิ่งขึ้นไปอีก ...อายะจังรู้ความหมายที่ตัวเองพูดอยู่รึเปล่าเนี้ย?
    แต่ด้วยองครักษ์สาวที่รู้จักนักดาบน้อยที่นั่งตักตนมานาน อายะจังเป็นเด็กที่ฉลาดพอตัวเลยที่เดียว
    ....ฉะนั้นสิ่งที่พูดออกมา...อายะจังก็คงตั้งใจที่จะบอกตนอย่างนั้นจริงๆ
    เซ็ตซึนะที่คิดวิเคราะห์ได้ดังนั้นก็ลำบากใจเข้าไปอีกก่อนจะเข้าไปลูบหัวของอายะจังอย่างเอ็นดูและพูดขึ้นว่า

    “แล้วอายะจังจะรับได้อย่างนั้นเหรอ? เงาอย่างพี่ที่มันจะสนใจแต่กับพระจันทร์อย่างเดียว ถึงดาวอย่างอายะจังจะส่องแสงมาซะขนาดไหนพระจันทร์มันก็เด่นกว่าอยู่ดี อายะจังจะทนได้เหรอที่จะเห็นพี่เป็นแบบนั้น ถึงอายะจังทนได้แต่พี่ทำไม่ได้หรอกน่ะ พี่ไม่อยากให้อายะจังต้องมาเสียใจภายหลัง..เข้าใจไหม? แต่ไม่ว่ายังไงที่พี่พูดมาทั้งหมด พี่ก็ยังรักอายะจังเสมอน่ะ...รักองค์หญิงน้อยคนนี้เสมอ..”

    ....นักดาบน้อยที่ถูกปฏิเสธก็นิ่งเงียบ เพราะหัวใจของเธอมันกำลังเจ็บกับคำพูดนั่น
    ทุกคำพูดที่เธอได้ฟัง มันแสดงให้เห็นว่า...ไม่ว่ายังไงพี่เซ็ตซึนะก็ไม่เปลี่ยนใจสิน่ะ

    ทำไมกัน? เธอพูดถึงขนาดนี้แล้วพี่เซ็ตซึนะยังไม่ใจอ่อนอีกหรือ?
    แล้วน้ำตาจากนักดาบน้อยก็ค่อยๆไหลรินก่อนจะมาเป็นการปล่อยโฮ
    ความเจ็บใจที่ตนไม่สามารถโน้มน้าวอีกฝ่ายได้มันผลักดันให้เธอต้องปลดปล่อยความเสียใจออกมา
    ทำเอาเซ็ตซึนะที่รู้ว่าตนทำให้อายะจังต้องร้องไห้เริ่มลนลาน เลิ่กลักทำอะไรไม่ถูก

    นี่ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดอย่างนี้เธอจะทำเป็นนิ่งและเดินจากไปได้เลยโดยไม่แม้แต่จะสนใจสักนิด
    แต่นี่มันไม่ใช่ ตรงหน้าของเธอคืออายะจัง..เด็กน้อยที่เธอแคร์และน้องสาวที่เธอรัก
    จะด้วยเหตุผลใดเธอก็ไม่อยากที่จะให้อายะจังต้องมานั่งร้องไห้แบบนี้อยู่ดี
    แต่จะให้เธอทำยังไงหล่ะ? ก็เธอตอบสนองความต้องการของอายะจังไม่ได้จริงๆ เซ็ตซึนะที่รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าก็ทำอะไรไม่ได้อีกนอกจากกอดปลอบอายะจังที่นั่งอยู่ที่ตักเท่านั้น...

    “อายะจัง พี่...พี่ขอโทษน่ะ.... พี่ไม่น่าปล่อยให้มารในตัวพี่หลอกอายะจังในตอนนั้นเลย ไม่นึกเลยว่าพี่จะทำผิดกับอายะจังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆที่อายะจังก็รักพี่แท้ๆ แต่อายะจังต้องทั้งเสียใจ ทั้งโดนพี่โกรธใส่ และยังเคยเกือบตายก็เพราะพี่อีก แล้วมาตอนนี้...อายะจังก็ต้องมาร้องไห้เพราะพี่อีกแล้ว พี่...พี่มันเป็นองครักษ์ที่แย่ที่สุด ดูแลองค์หญิงน้อยให้มีความสุขก็ไม่ได้... ”

    ...เซ็ตซึนะพูดด้วยความรู้สึกเสียใจได้เพียงแค่นั้นก็หาคำพูดอื่นมาปลอบให้อีกฝ่ายหยุดร้องไม่ได้อีก
    เธอได้แต่ปล่อยให้อายะจังนั่งร้องไห้บนตักตนและกอดอีกฝ่ายอย่างนั้นอยู่นาน
    ในใจก็คิดแต่โทษตัวเองที่ทำให้อายะจังต้องมาร้องไห้เสียใจอย่างเต็มที่

    ...อายะจังเองที่เอาแต่ร้องไห้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน รู้แต่ว่าความผิดหวังนี่มันทำให้เธอเจ็บอย่างที่สุด
    แต่ด้วยอ้อมกอดที่พี่เซ็ตซึนะกำลังมอบให้เธอ มันก็ทำให้เธอรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด
    ถึงจะเสียใจแต่ก็อยากให้อีกฝ่ายมากอดปลอบใจตนอย่างนี้ตลอดไปจัง

    คิดได้ดังนั้น อายะจังที่พยายามสะกดไม่ให้ร้องไห้ออกมาอีกก็เงยหน้ามามองพี่เซ็ตซึนะของเธอที่กำลังกอดเธออยู่
    เซ็ตซึนะเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตานั่นก็เศร้าใจเป็นที่สุด
    เธอค่อยๆใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาของอายะจังจากแก้มทั้งสองข้างให้หมดไปอย่างแผ่วเบา ทำเอาอายะจังที่มองการกระทำอันแสนอ่อนโยนนั่นถึงกับหน้าแดง ใจเต้นตึกตักตลอดเวลาที่พี่เซ็ตซึนะมาเช็ดน้ำตาให้เธอ

    “พะ..พี่..พี่เซ็ตซึนะ”
    “พี่ทำได้แค่เช็ดน้ำตาออกแค่นั้นแหล่ะอายะจัง พี่เช็ดความเสียใจของอายะจังออกมาไม่ได้....ต้องขออภัยด้วยน่ะเพค่ะองค์หญิงน้อย”
    “ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้เหรอค่ะ พี่เซ็ตซึนะ”
    “อืม....พี่ทรยศโคโนจังไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าพี่......”
    “ค่ะ???”
    “เปล่าๆ ไม่มีอะไร แต่พี่เพิ่งมามองหน้าอายะจังเต็มๆแบบนี้เป็นครั้งแรก ดวงตาของพวกเราคล้ายๆกันเลยน่ะอายะจัง บางทีที่พวกเรามีนามสกุลเดียวกันมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญซะหล่ะมั้ง?”

    .....เซ็ตซึนะที่ยังพิจารณาที่ใบหน้าของอายะจังต่อไปพลางมือก็ยังคลึงไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
    อืม...ตาของพวกเราเหมือนกันจริงๆ ถึงสีผมจะไม่เหมือนก็เถอะ
    แต่โคโนจังก็เคยบอกเอาไว้ในไดอารี่ว่าอายะจังมีอะไรหลายๆอย่างเหมือนกับฉันมากๆ
    ทั้งเรื่องนิสัยและความคิด บางที..พวกเราอาจจะเป็นญาติกันก็ได้น่ะ

    และอายะจังที่อีกฝ่ายกำลังคิดถึงเรื่องอะไรก็อึ้งๆ เพราะมันเป็นอะไรที่เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน
    เธอนึกมาตลอดว่า สกุลซากุระซากิเป็นเพียงการแสดงถึงพวกเธอที่มีสายเลือดของเผ่าปักษาเท่านั้น
    แต่ด้วยมือที่พี่เซ็ตซึนะกำลังสัมผัสที่ใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยนนั่น ทำให้อายะจังเผลอเอื้อมมือไปจับมือของพี่เซ็ตซึนะอย่างลืมตัว

    เซ็ตซึนะเห็นดังนั้นถึงกับชะงักตนเธอลืมนึกไปเลยว่าเธออยู่ในสถานะการณ์ใดอยู่ แต่ดันไปสัมผัสใบหน้าของอายะจังอย่างนั้น ครั้นจะเอามือออกก็ไม่กล้า
    แต่คิดจะปล่อยมือของตนให้อายะจังมาจับมันก็กระไร แล้วอายะจังที่เริ่มรู้สึกตัวก็ทำหน้าเศร้าๆ เธอมองไปที่เซ็ตซึนะที่ทำหน้าลำบากใจแล้วถามขึ้นว่า

    “ถึงพวกเราจะเป็นญาติหนูก็ไม่สนหรอกค่ะพี่เซ็ตซึนะไม่ว่ายังไงหนูก็คิดกับพี่เซ็ตซึนะเหมือนเดิม...หนูอยากเป็นองค์หญิงของพี่ แล้วทำไมพี่เซ็ตซึนะถึงรักพี่โคโนกะมากถึงขนาดนั้นหล่ะค่ะ? พี่โคโนกะมีอะไรที่หนูไม่มีเหรอ?”

    ...เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็อึ้งไป ทำไมหน่ะเหรอ? มันยากที่จะอธิบายจริงๆ
    เพราะเหตุผลมันมีมากซะจนบรรยายให้ฟังทั้งหมดไม่ได้หรอก แต่มันไม่ใช่ว่าที่เราไม่ตอบรับรักอายะจัง
    เพราะไอ้เรื่องมีไม่มีนี่น่ะ คิดได้ดังนั้น เซ็ตซึนะก็รวบรวมคำพูดที่คิดว่าดีที่สุดที่จะเอามาตอบให้กับนักดาบน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอและพูดขึ้นว่า

    “มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่อายะจังมีไม่มีอะไรหรอกน่ะ แต่มันเพราะพี่รักโคโนจังที่สุดเลยต่างหาก รักมากซะจนไม่อยากที่จะไปรักใครคนอื่นอีก พี่ตกหลุมรักโคโนจังตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เจอเลยหล่ะมั้ง? ฟังดูเหมือนเด็กแก่แดดเลยน่ะ เอาเป็นว่าที่พี่รักโคโนจังมากคงเพราะความรู้สึกดีๆที่พวกเรามีให้กันมาตลอดสิบกว่าปีมานี้มากกว่า การที่คนๆนึงเกิดมาและได้มาพบ มารักกับคนที่รักและห่วงใยเรามากถึงขนาดนี้ มันช่างโชคดีมากๆเลยน่ะ ถึงเราจะกลายเป็นคนไร้ค่าสำหรับคนอื่นๆทุกคนบนโลกแต่กลับเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับคนๆเดียว มันก็ดีเกินพอแล้วสำหรับช่วงชีวิตของคนๆนึงที่ได้เกิดมาได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ทั้งพี่และโคโนจังก็ต่างเป็นคนสำคัญที่สุดของกันและกัน พี่ก็เลย...ไม่อยากที่จะทำให้คนที่เห็นว่าพี่สำคัญเสมอเสียใจหน่ะ พี่อยากจะทำให้โคโนจังมีความสุขตลอดไป”

    .....พูดๆไป..เซ็ตซึนะก็หน้าแดงนิดๆด้วยความอายที่เผยความในใจของตนให้อายะจังฟัง
    และอายะจังเองที่นั่งอยู่ก็นิ่งเงียบ เพราะคำพูดที่มาจากใจของอีกฝ่าย
    และท่าทางที่พูดออกมาอย่างมีความสุขนั่น มันทำให้เธอรู้สึกอิจฉาพี่โคโนกะซะจริงๆ
    แต่ความละอายต่อการกระทำของเธอก็มีมากเช่นกัน เธอที่ทำให้พี่โคโนกะต้องเสียใจไปแบบนั้น แล้วเซ็ตซึนะที่เห็นอีกฝ่ายอึ้งไปนาน ก็ยิ้มๆและพูดขึ้นมาอีกว่า

    “แล้วทั้งพี่และโคโนจังเองก็คิดว่าอายะจังเป็นคนสำคัญมากๆเหมือนกันน่ะ พวกเรารักอายะจังน้องสาวที่น่ารักตรงหน้านี้มากๆเลยหล่ะ พวกพี่ดีใจแค่ไหนที่อายะจังมาอยู่ด้วยรู้บ้างรึเปล่า? ยิ่งตอนที่อายะจังเข้ามาอยู่กับพวกเราในวันแรก โคโนจังเขียนในไดอารี่เล่าเรื่องของอายะจังตั้งสิบกว่าหน้าแหน่ะ ทั้งเขียนเรื่องอายะจังทำตัวยังไง น่ารักแค่ไหน ตื่นเต้นขนาดไหนที่อายะจังมาอยู่ด้วย จนตอนนั้นโคโนจังแทบไม่ได้เขียนถึงพี่เลยมั้ง น่าน้อยใจเหมือนกันแฮ่ะ”

    ..พูดไปเซ็ตซึนะก็หัวเราะน้อยๆออกมา แต่อายะจังที่ได้ฟังก็ตัวชาไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกผิด
    เพราะเธอทำร้ายพี่โคโนกะที่ดีกับเธอมาตลอดได้ลงคอ
    นี่พี่โคโนกะดีใจที่ได้เธอมาอยู่ด้วยถึงขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอที่ไม่ได้เป็นพี่น้องกันแท้ๆกับพวกพี่ๆเลย
    อายะจังที่นึกเสียใจและละอายกับการกระทำของตนจนแทบจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ
    นักดาบน้อยที่รู้สำนึกก็พยายามสะกดตัวเองไม่ให้ร้องไห้ก่อนจะเข้าไปเอามือทั้งสองข้างไปปิดตาพี่เซ็ตซึนะเสียอย่างนั้น
    เพราะเธอไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้ ทำเอาเซ็ตซึนะตกใจกับการกระทำดังกล่าวและถามอีกฝ่ายเสียงลั่น

    “อะ..อายะจัง!~ ทำอะไรหน่ะ..ปิดตาพี่ทำไม?”
    “หนูขอโทษค่ะ หนูขอโทษ แต่ได้โปรด...ฟังหนูดีๆน่ะค่ะพี่เซ็ตซึนะ”

    ..อายะจังพูดด้วยน้ำเสียงเครือจนเซ็ตซึนะตกใจยิ่งกว่าเดิมและเอื้อมมือพยายามจะแกะมือน้อยๆของอีกฝ่ายที่ปิดตาตนออก
    แต่อายะจังก็ยังขืนเอาไว้และพูดขอร้องต่อไปด้วยน้ำเสียงเศร้าๆว่า

    “อย่าน่ะค่ะ~ หนูขอร้องเถอะค่ะพี่เซ็ตซึนะ อย่ามองหนูในตอนนี้เลย หนู..หนู...”

    ...เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็งงงัน แถมยังน้ำเสียงที่เหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกรอบนั่นอีก
    อายะจังเป็นอะไรไป?? ทำไม่อยู่ๆถึงมาปิดตาเราแบบนี้หล่ะ?
    แต่...อายะจังต้องมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้แน่ๆ
    คิดได้ดังนั้นองครักษ์สาวจึงยอมทำตามที่อีกฝ่ายขอมาและนั่งนิ่งรอฟังคำพูดนั่นจากอายะจัง

    “ก็ได้อายะจัง....พี่จะอยู่เฉยๆ ว่าแต่อายะจังมีอะไรจะบอกพี่หล่ะ?”

    ....อายะจังที่ได้ฟัง แม้อีกฝ่ายจะยอมทำตามที่เธอบอก
    แต่สิ่งที่พูดมันยากที่จะหลุดออกมาจากปากของเธออยู่ดี แต่...ไม่ว่ายังไง..ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องพูดเพื่อรักษาคุณธรรมในตัวเธอที่ยังคงเหลืออยู่
    แล้วอายะจังที่มีความมุ่งมั่นดังนั้นก็รวบรวมความกล้าเปล่งคำพูดออกมาว่า

    “ฟังหนูดีๆน่ะค่ะพี่เซ็ตซึนะ คือ...... คืนนี้ มันเป็นวันที่ท่านเทพสามภพพูดถึงค่ะ แสงและเงาจะรวมเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์ตอนเวลาตีหนึ่งครึ่งของคืนนี้ หนูขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่เซ็ตซึนะตั้งแต่แรกน่ะค่ะ”
    “....วันนี้? วันนี้อย่างนั้นเหรอ??”

    ..เซ็ตซึนะที่ได้ฟังถึงกับอึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าวันที่พวกเธอรอคอยจะเป็นวันนี้!!

    ทำไมหล่ะ? แล้วทำไมอายะจังถึงรู้ว่ามันเป็นวันนี้หล่ะ? แล้วโคโนจังก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย แล้วท่าทาง..โคโนจังก็คงไม่รู้เรื่องนี้แน่ๆ
    ไม่อย่างนั้น...โคโนจังคงไม่ไปค้างบ้านเพื่อนคืนนี้หรอก!
    และอายะจังที่รู้ว่าพี่เซ็ตซึนะของเธอกำลังวิตกกับสิ่งที่เธอบอก นักดาบน้อยจึงพูดอธิบายให้กับเซ็ตซึนะต่อไปว่า

    “คืนนี้มันจะมีจันทรคราสเต็มดวงค่ะ นักดาราศาสตร์เพิ่งประกาศมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะพระจันทร์มันเปลี่ยนทิศกะทันหันพี่เซ็ตซึนะก็เลยไม่รู้ ตลอดหกปีที่ผ่านมามันไม่เคยมีจันทรคราสหรือสุริยะคราสเต็มดวงเลยนี่ค่ะ ถึงมันจะไม่น่าเชื่อถือกับความคิดนี้สักเท่าไหร่ แต่หนูมั่นใจว่ามันต้องเป็นคืนนี้แน่ๆ.... พี่เซ็ตซึนะต้องรีบไปหาพี่โคโนกะน่ะค่ะ”

    “อายะจัง.....แล้วทำไมถึง..”
    “หนูขอโทษค่ะ หนูไม่อยากจะบอกความจริงกับพี่เซ็ตซึนะด้วยตัวเอง พี่เซ็ตซึนะไปอ่านเอาในไดอารี่เองแล้วกันน่ะค่ะ แล้วก็... ”

    ....พูดจบ อายะจังที่ยังเอามือปิดตาพี่เซ็ตซึนะอยู่ก็ค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก่อนจะเอาริมฝีปากของเธอประทับกับของพี่เซ็ตซึนะทั้งน้ำตา
    ทำเอาเซ็ตซึนะที่ถูกจูบอยู่ในความมืดมิดถึงกับตัวร้อนผ่าว ในใจสับสนเต็มที่จนทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากที่มาจูบเธอมันทำเอาเธอใจสั่น

    อายะจังมาจูบเรา!!! ทะ..ทะ..ทะทำไมหล่ะ!!!!
    แล้วยังน้ำตาที่ฉันสัมผัสได้จากใบหน้าของฉันอีกหล่ะ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับอายะจังหน่ะ??

    ....แล้วริมฝีปากของทั้งสองก็ค้างอยู่อย่างนั้นเสียเนิ่นนาน
    เซ็ตซึนะที่อึ้งทำอะไรไม่ถูกกับอายะจังที่กำลังเสียใจเต็มที่......ที่อายะจังทำเช่นนี้เพราะนักดาบน้อยกำลังกลัว
    กลัวว่าเรื่องหลังจากนี้ หลังจากที่อีกฝ่ายรู้ความจริงมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่เซ็ตซึนะจะยังดีกับเธอเช่นนี้พี่เซ็ตซึนะอาจจะโกรธเธอไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
    ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะแสดงความรู้สึกของตนออกมาก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีก
    ถึงจะรู้สึกเสียใจกับการกระทำที่แสนเลวของตนแต่เธอก็ขอทำตามใจอีกครั้งแล้วกัน

    แล้วสักพักอายะจังที่ทำใจว่านี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่เซ็ตซึนะจะทำดีกับเธอก็ถอนริมฝีปากของตนออกก่อนจะเปล่งคำพูดเป็นคำสุดท้ายว่า


    “หนูรักพี่เซ็ตซึนะค่ะ หนูเสียใจ...ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ”

    ...พูดจบ อายะก็ค่อยๆเอามือออกจากตาของเซ็ตซึนะที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำเต็มที่หน้าเอ๋อทำตัวอะไรไม่ถูก แล้วอายะจังก็รีบเดินหนีเข้าห้องนอนไปทั้งน้ำตา
    ทิ้งให้เซ็ตซึนะที่หัวใจกำลังเต้นโครมครามมองตามด้วยความงงงัน
    ในหัวสมองเต็มไปด้วยความสับสนอย่างที่สุด อายะจังจูบเรา???

    มัน...มัน....ไม่น่าเชื่อเลยว่าอายะจังจะกล้าถึงขนาดนั้น!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ!!
    แต่..ตอนนี้มันไม่ใช่มาคิดเรื่องนี้นี่! วันนี้อาจจะเป็นวันที่แก้คำสาปตามที่ท่านเทพสามภพบอกก็ได้!
    คิดได้ดังนั้นเธอที่อึ้งไปสักพักก็กระโดดตัวไปอ่านไดอารี่ในห้องนอนของตนทันทีตามที่อายะจังบอก
    และหลังจากที่ได้อ่านหน้าของวันนี้จนจบเซ็ตซึนะก็ช็อคสุดขีดก่อนจะเผ่นหายไปจากอพาร์ทเมนท์ทันที
    พร้อมๆกับทิ้งไดอารี่หน้าสุดท้ายที่โคโนจังเขียนเอาไว้

    ......ถึงเซ็ตจัง....

    ...............ทำไมเซ็ตจังถึงทำกับฉันแบบนี้หล่ะ? ถ้าเลิกรักฉันแล้วก็น่าจะบอกฉันมาตรงๆสิ!
    ฉันจะได้ไม่ต้องรอและเลือกที่จะนิทราจากเซ็ตจังไปตลอดกาล!!
    ถ้ามันเป็นเพราะว่าเซ็ตจังเหงาที่ไม่มีใครอยู่ด้วยฉันก็ต้องขอโทษที่ไม่สามารถเติมเต็มความสุขตรงนั้นของเซ็ตจังได้
    แต่อายะจังต้องทำหน้าที่ตรงนั้นได้ดีแน่ๆเพราะเด็กคนนั้นคงแอบชอบเซ็ตจังมานานแล้ว

    และเซ็ตจังเองก็เต็มใจที่จะรักตอบสิน่ะ ที่รักของฉัน....ในเมื่อรักของเรามันจบลงแล้วก็น่าจะบอกฉันสักคำน่ะ
    จะปิดบังกันไปทำไม? หลอกให้ฉันเชื่อและรอคอยต่อไปทำไม?
    ฉันเจ็บขนาดไหนที่ถูกหักหลังแบบนี้รู้บ้างรึเปล่า? เจ็บจนอยากจะฆ่าตัวตายไปเลยหล่ะ
    ....ที่เซ็ตจังทำก็เพื่อแก้แค้นที่ฉันเคยทำกับเซ็ตจังเอาไว้เมื่อหกปีก่อนใช่ไหม?

    ก็ได้เซ็ตจัง....ฉันจะยอมถอยออกมาโดยดีและต่อไปนี้เราไม่ต้องเจอกันอีก ฉันไม่โกรธหรอกน่ะ...แต่เสียใจที่สุด....ที่สุดของชีวิตเลยหล่ะที่รักของฉัน
    แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังรักเซ็ตจังเสมอเลยน่ะ รักมาตลอดและรักที่สุดเลยด้วย แล้วถ้าถึงวันที่ท่านเทพสามภพพูดถึงก็ไม่ต้องปลุกฉันขึ้นมาน่ะ
    ...ฉันไม่อยากตื่นขึ้นมารับความจริงที่ฉันไม่จะอยากฟังอีก....พอกันที!!

    ........................จากโคโนจัง ผู้นิทราไปจากใจของเซ็ตจังตลอดกาล

    .....เซ็ตซึนะที่อ่านจบก็รีบวิ่งออกไปตามหาโคโนจังอย่างไม่คิดชีวิต!!

    อะไรกัน! ทำไมอยู่ๆโคโนจังถึงคิดอะไรแบบนั้นหล่ะ?
    ฉันกับอายะจังไม่ได้มีอะไรกันซักหน่อย!! (ถึงเมื่อกี้อายะจังจะมาจูบเราก็เถอะ (//-_-//)

    มันต้องเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันแน่ๆ!! รึว่าอายะจังไปพูดอะไรให้โคโนจังคิดแบบนั้นน่ะ?
    แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดี? โคโนจังหายไปไหนก็ยังไม่รู้เลย!!
    และวันนี้ก็อาจเป็นวันที่ท่านเทพพูดถึงจริงๆก็ได้ ตอนนี้มันก็ห้าทุ่มครึ่งแล้วเหลือเวลาอีกแค่สองชั่วโมงเอง!

    อ่ะ! ใช่แล้ว!! คุณมิยาซากิยังไงหล่ะ!!
    โคโนจังตอนนี้นอกจากคุณอาซึนะที่กำลังตระเวนไปฝึกฝนวิชาการต่อสู้กับคุณครูเนกิทั่วโลกแล้วก็มีคุณมิยาซากินี่แหล่ะที่สนิทที่สุด!

    ....โดยไม่รอช้า เซ็ตซึนะรีบวิ่งไปที่บ้านของโนโดกะที่อยู่เลยไปอีกสิบบล็อกและรีบกดโทรศัพท์หาทันที

    “สวัสดีค่ะ~ มิยาซากิพูดอยู่ค่ะ”
    “คุณมิยาซากิเหรอค่ะ? ดิฉันซากุระซากิน่ะค่ะ!”
    “อ่อ~ คุณเซ็ตซึนะเหรอค่ะ? มีอะไรหรือเปล่าค่ะถึงโทรมาดึกป่านนี้”
    “โคโนจังอยู่ไหมค่ะ?”
    “เห?”
    “โคโนจัง อยู่กับคุณมิยาซากิใช่ไหมค่ะ?”

    .....โนโดกะที่ได้ฟังก็งงงัน เธอที่กำลังทำรายงานอยู่ก็ถึงกับชะงักมือเมื่อเซ็ตซึนะถามขึ้นมา
    แต่คุณโคโนกะก็ไม่ได้อยู่กับเธอนี่น่า คุณหนูห้องสมุดที่แม้จะไม่เข้าใจที่ทำไมอยู่ๆ
    ทั้งสองคนที่อยู่ด้วยกันถึงถามหาอีกฝ่ายกับเธอเช่นนี้ก็พูดตอบไปด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจเล็กๆว่า

    “เปล่านี่ค่ะ~ คุณโคโนกะเขาไม่ได้มาที่นี่ วันนี้ตอนบ่ายไม่มีเรียนคุณโคโนกะก็รีบกลับบ้านไปเลยไม่ได้แวะที่ไหน ว่าแต่.....มีอะไรหรือเปล่าค่ะคุณซากุระซากิ?”

    ..องครักษ์สาวที่ได้ฟังก็ร้อนใจยิ่งกว่าเดิม และยิ่งจากน้ำเสียงของคุณโนโดกะที่ง่ายต่อการจับผิดก็รู้ได้โดยทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก
    เซ็ตซึนะที่มืดแปดด้านไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปก็ถามสวนอีกฝ่ายในโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีทั้งๆที่ตนก็ยังวิ่งไม่หยุดว่า

    “แล้วพอจะรู้ไหมค่ะว่าโคโนจังจะไปค้างกับใครที่ไหนได้บ้าง? ดิฉันไม่ทราบแล้วจริงๆว่าโคโนจังเขาจะกล้าไปค้างที่ไหนได้อีกนอกจากบ้านของคุณมิยาซิกิหน่ะค่ะ”
    “เอ่อ......ไม่รู้เหมือนกันน่ะค่ะ~ เพราะคุณโคโนกะเองเขาก็ไม่สนิทกับใครในคณะเป็นพิเศษ”
    “มันก็จริงอยู่หรอกค่ะ แต่ช่วยคิดให้ดีๆอีกครั้งจะได้ไหมค่ะ ตอนนี้ดิฉันต้องรีบหาโคโนจังให้เจอก่อนเวลาตีหนึ่งครึ่ง ได้โปรดเถอะค่ะ!!”

    ...คุณหนูห้องสมุดที่ได้ฟังน้ำเสียงที่ร้อนรนก็อึ้งไป
    เพราะเธอเองก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าคุณโคโนกะจะไปนอนค้างกับใครที่ไหน
    อาจจะไปขอค้างกับท่านตาที่เป็นผอ.ก็ได้นี่น่า คิดได้ดังนั้น เธอจึงรีบบอกความคิดนี้ไปทันที

    “อาจจะไปอยู่กับคุณตาที่เป็นผอ.อยู่ก็ได้น่ะค่ะ คุณโคโนกะเขาสะดวกไปที่นั่นอยู่แล้ว”
    “มันก็จริงหรอกค่ะ....แต่ว่า.........ท่านโคโนเอม่อนตอนนี้อยู่ที่เกียวโตนี่ค่ะ...”
    “งั้นเหรอค่ะ.....อ๊ะ นึกออกแล้ว คุณอาซึนะยังไงหล่ะค่ะ!!”
    “เห?”
    “คุณอาซึนะเพิ่งกลับมากับคุณครูเนกิเมื่อตอนเย็นวันนี้เอง เห็นว่าจะมาเพื่อจัดงานแต่งงานในเดือนหน้าน่ะค่ะ~”
    “ห๋า!! คุณอาซึนะกับคุณครูเนกิจะแต่งงาน!! ทำไมดิฉันถึงไม่รู้เรื่องเลยหล่ะค่ะ??”
    “เอ่อ...ดิฉันก็เพิ่งรู้ตอนที่เจอคุณอาซึนะเมื่อเย็นนี่แหล่ะค่ะ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะนัดเจอกันก็ได้ ลองไปที่หอพักรับรองของมาโฮระสิค่ะ พวกคุณครูเนกิเขาอยู่ที่นั่นกัน”
    “อย่างนั้นเหรอค่ะ ค่ะ! คุณมิยาซิกิ ขอบพระคุณมากๆค่ะ!”

    ....เซ็ตซึนะที่พอจะได้ข้อมูลที่พอจะพาให้หาโคโนจังของเธอได้ก็รีบบึ่งไปที่มาโฮระโดยทันทีพลางบ่นขึ้นมาในใจ

    ปัดโธ่เอ้ย!~ ทีตอนที่ฉันอยากได้ปีกนั่นมาใช้มันถึงไม่มีเอาตอนนี้น่ะ!!
    จากนี่ไปที่มาโฮระก็ตั้งเกือบชั่วโมงแน่ะ! แล้วมันจะยังมีรอบรถไฟเหลืออยู่รึเปล่าก็ไม่รู้!!

    ...ถึงใจจะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเพราะเวลามันใกล้เข้ามาเต็มทีแล้วก็ตาม
    แต่เซ็ตซึนะที่กำลังวิ่งอย่างสุดชีวิตก็ยังไม่ย่อท้อ เธอรีบวิ่งไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเพื่อนั่งไปยังมาโฮระต่อทันที

    .....ทางด้านโนโดกะที่นึกเอะใจกับตัวเซ็ตซึนะขึ้นมาก็นิ่งไปสักพัก...ก่อนจะเปิดลิ้นชักของตัวเองขึ้นมาช้าๆ แล้วเอื้อมไปหยิบสิ่งๆนึงออกมา
    การ์ดสีเหลืองขาวนวลที่มีรูปเธอตอนม.ต้นปรากฏอยู่ถูกเอามาออกนอกเก๊ะ
    โนโดกะมองมันด้วยความคิดถึงเพราะนับแต่วันที่คุณครูเนกิประกาศบอกรักกับคุณอาซึนะและเลือกที่จะให้คุณอาซึนะเป็นผู้ที่จะได้ทำพันธะสัญญาแท้

    โนโดกะที่ตอนนั้นยังเสียใจและตัดใจจากคุณครูตัวน้อยของเธอไม่ได้ก็สาบานว่าจะไม่จับมันมาใช้อีก เพราะเธอไม่อยากที่จะคิดถึงอีกฝ่ายให้มันเจ็บมากไปกว่านี้
    แต่ว่าด้วยลางสังหรณ์อะไรบางอย่างที่เธอได้คุยกับคุณเซ็ตซึนะ มันทำให้เธอตัดสินใจตระบัตสัตย์คำสาบานของตนเองและกลับมาใช้งานมันอีกครั้ง...

    “อาดิอาร์ท!!!”

    ..ทันใดนั้น แสงสว่างวาบก็เปล่งออกมาพร้อมๆกับไดอารี่สีชมพูที่เธอไม่ได้เห็นนับปีได้ปรากฏขึ้น
    โชคดีจริงๆที่พันธะสัญญาแท้ที่ว่ามันหมายถึงการแต่งงานที่กำลังจะมาถึง
    เธอจึงยังมีโอกาสได้ใช้มันอีกครั้งก่อนที่พันธะสัญญาระหว่างเธอกับคุณครูเนกิจะสลายไป
    ตอนนี้ใจของโนโดกะก็นึกถึงชื่อโคโนเอะ โคโนกะขึ้นมาในหัวและรีบเปิดไดอารี่อ่านมันทันที

    ........หลังจากที่ฉันรู้ความจริงจากปากของอายะจัง มันทำให้ฉันเจ็บซะเหลือเกิน!
    ไม่นึกเลยว่าเซ็ตจังจะกล้าทำกับฉันแบบนี้! เพราะฉันเองก็รู้มาตลอดมาว่าเซ็ตจังก็ชอบอายะจังเหมือนกันแต่เซ็ตจังก็รักฉันมากซะจนไม่กล้าเผยมันออกมา
    เก็บกักและพยายามลบความคิดนี้มาโดยตลอด

    ทว่า...ด้วยความเหินห่างที่พวกเรามีเซ็ตจังก็คงทนเก็บมันไว้ไม่อยู่แล้วสิน่ะ
    โชคดีที่ตอนที่หนีออกมาฉันเจอกับอาซึนะจังพอดี พออาซึนะจังได้ฟังก็โกรธเซ็ตจังเป็นฟืนเป็นไฟทำท่าจะไปเอาเรื่องกับเซ็ตจังเลยหล่ะ แต่ฉันก็ห้ามเอาไว้.

    ....ความจริงเซ็ตจังก็ไม่ผิดซะทีเดียวนี่น่ะ ใครจะไปอยากรักกับคนที่ไม่มีทางคุยด้วยกันได้ไหวหล่ะ
    มันต้องมีแอบคิดถึงคนอื่นในใจบ้างหล่ะมั้ง? แล้วทีฉันยังไม่มีใครอื่นเลยน่ะ!
    แล้วทำไมเซ็ตจังถึงทำอย่างนี้หล่ะ?? ดีที่อาซึนะจังเข้าใจฉันและชวนฉันไปนอนค้างด้วย

    .... แต่ ตอนนี้อาซึนะจังใกล้จะแต่งงานกับเนกิคุงแล้วนี่น่ะ ฉันจะอยู่ไปเป็น กขค เขาไปทำไมหล่ะ?
    อีกอย่างถ้าฉันเห็นพวกเขาอี๋อ๋อกันฉันเองนั่นแหล่ะที่จะทนไม่ไหว ฉันเลยขอไปนอนค้างที่อื่นแทน
    ....ตลกดีน่ะ คนอื่นๆเขาดูมีความสุขกันไปหมดแต่ฉันกลับต้องมาทนทุกข์แบบนี้อยู่คนเดียว................

    .......โนโดกะที่ได้อ่านก็ตะลึงและรีบโทรไปบอกข่าวนี้กับเซ็ตซึนะที่ไปผิดทางทันที!
    คุณโคโนกะไม่ได้อยู่กับคุณอาซึนะ! แถมในไดอารี่ก็ไม่ได้บอกด้วยว่าไปอยู่ที่ไหนด้วย!
    แต่อนิจจาโชคร้ายของเซ็ตซึนะเสียจริง เพราะตอนนี้องครักษ์สาวกำลังนั่งรถไฟใต้ดินอยู่โทรศัพท์จึงไม่มีสัญญาณและตัวเธอเองก็ไม่มีเบอร์ของคุณอาซึนะซะด้วย

    คุณหนูห้องสมุดที่อยากจะช่วยเซ็ตซึนะเต็มที่ก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปนอกจากรีบกดเบอร์โทรไปเรื่อยๆ เพื่อบอกข่าวร้ายนี้ให้อีกฝ่ายได้รู้ตัวเท่านั้น!
    ...........................................................................................................................................................................

    ทางด้านอายะจังที่ตอนนี้กำลังนั่งกอดเข่าอยู่กับตัวเองในห้องคนเดียว
    ใจก็นึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองและร้องไห้ออกมาไม่หยุด
    ที่สุดท้ายเธอยอมบอกว่าวันนี้เป็นวันที่มีจันทรคราสเต็มดวงให้กับพี่เซ็ตซึนะของเธอไปนั้นก็เพราะความดีที่พี่โคโนกะมีต่อเธอมาตลอดนั่นเอง

    ทั้งตอนพิธีไตรเวทย์ที่พี่โคโนกะยอมแลกด้วยชีวิตเพื่อกลับมาช่วยเธอและยังความใจดีที่อีกฝ่ายมอบมาให้เธออีก
    แต่ดูเธอตอบแทนน้ำใจของพี่สาวที่เกือบจะต้องตายเพราะเธอสิ โกหก โป้ปดเพื่อให้เธอได้สมหวัง ทั้งๆที่พี่ทั้งสองก็ดีกับเธอมาตลอด
    มารับเธออยู่ด้วยตามสัญญาแล้วยังดูแลเธอเป็นอย่างดีดุจน้องสาวของตัวเองจากเดิมที่เป็นเด็กบ้านนอกธรรมดาๆกลับมีโอกาสดีๆอย่างนี้ ทำไมเธอถึงทำตัวเลวๆแบบนี้ได้น่ะ

    ....แต่..มันก็ใช่ว่านักดาบน้อยอยากที่จะทรยศความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน
    เพราะอายะจังเองก็ยังรู้สึกเจ็บกับทุกคำพูดที่พี่เซ็ตซึนะปฏิเสธความรักของเธอ
    ....ทำไมพี่เซ็ตซึนะถึงยังมั่นคงกับพี่โคโนกะขนาดนี้น่ะ? แต่นั้นมันก็เป็นข้อดีที่ทำให้เธอหลงรักอีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?
    ฉะนั้นพี่เซ็ตซึนะที่บอกเธอว่าไม่ว่ายังไงก็มีพี่โคโนกะ....ต่อให้เธอรักแค่ไหนก็ต้องตัดใจสิน่ะ ตัดใจเพื่อความสุขขอพี่ๆทั้งสองคนยังไงหล่ะ

    ...แล้วฉัน....จะทำใจอย่างนั้นเหรอ?
    ..........................................................................................................................................................................

    “โธ่เอ้ย! มาแบตหมดอะไรตอนนี้น่ะ!”

    ...เซ็ตซึนะที่ตั้งใจจะโทรไปหาท่านโคโนเอม่อนที่อาจจะรู้เรื่องโคโนจังว่าอยู่ที่ไหนก็มองโทรศัพท์ที่ไร้ประโยชน์แล้วอย่างหัวเสีย
    แต่เธอที่รีบวิ่งจนมาถึงหอพักมาโฮระ ก็รีบเข้าไปถามผู้ดูแลหอโดยทันที

    “ขอโทษค่ะ! คากุระซากะ อาซึนะ กับสปริงฟิลด์ เนกิ พักอยู่ที่นี่ใช่ไหมค่ะ?”

    ....องครักษ์สาวถามอีกฝ่ายด้วยอาการหอบแฮ่กทำเอาผู้คุมถึงกับแปลกใจกับอาคันตุกะยามวิกาล
    แต่เขาก็รีบเปิดรายชื่อแขกที่เข้ามาพักแล้วก็ร้องออกมาทันที

    “ใช่ๆ คู่รักที่มาเตรียมงานแต่งงานกันใช่ไหม เขาอยู่ที่...”
    “เขาอยู่ที่นี่ยังไงหล่ะ!! คุณเซ็ตซึนะ!”

    .สิ้นคำ.....ร่างของคากุระซากะ อาซึนะก็ปรากฏกายขึ้นในชุดกระโปรงตัวยาว
    เธอปล่อยผมให้ยาวสลวยไม่มัดแบ่งเป็นสองข้างพร้อมกับกระดิ่งเหมือนสมัยก่อน
    อาซึนะยืนอยู่พร้อมๆกับ เนกิ สปริงฟิลด์ที่ตอนนี้อายุสิบหกปียืนอยู่เคียงข้าง อาจารย์ที่ไม่ใช้เด็กน้อยอีกต่อไปอยู่ในชุดจอมเวทย์และมัดรวบผมที่ยาวออกมาเล็กน้อย

    ในตอนนี้..อาซึนะนั้นจ้องมาที่เซ็ตซึนะอย่างเอาเรื่องทำเอาเนกิที่ยืนอยู่พยายามห้ามปราบอีกฝ่ายสุดฤทธิ์

    “อาซึนะ ค่อยๆคุยกันดีกว่าน่า คุณเซ็ตซึนะเขาไม่ใช่คนแบบนั้นซักหน่อยน่ะ”
    “แล้วคุณจะบอกว่าที่โคโนกะพูดมาโกหกอย่างนั้นเหรอ? ไม่รู้หล่ะ! ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องสั่งสอนคนที่บังอาจมาทำให้เพื่อนรักของฉันต้องร้องไห้เสียใจถึงขนาดนั้นให้ได้!!”

    พูดจบ..อาซึนะก็สะบัดจากมือของเนกิออกมา และเดินดิ่งมาเอาเรื่องกับองครักษ์สาวที่ยืนอยู่ด้วยอารมณ์ที่โมโหสุดขีดทันที
    สาวตาสองสีกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายและตะคอกถามด้วยอารมณ์เดือดอย่างสุดๆว่า

    “กล้าดียังไงถึงนอกใจโคโนกะห๊ะ! คุณเซ็ตซึนะ! ฉันนึกไม่ถึงเลยน่ะว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้!! รู้ไหมว่าโคโนกะเขาเสียใจมากแค่ไหนที่โดนแบบนั้น!! ฉันหน่ะไม่ปล่อยเธอเอาไว้หรอกน่ะ! คุณเซ็ตซึนะ!! ถึงโคโนกะจะขอฉันเอาไว้ก็เถอะ!!”

    ...พูดจบอาซึนะก็เงื้อมมือจะตบอีกฝ่ายเข้าเต็มแรง แต่เซ็ตซึนะที่มีสัญชาตญาณนักสู้อยู่เต็มเปี่ยมก็เอามือบังทางเอาไว้ทัน แต่ด้วยอาซึนะที่เป็นคนที่มีแรงมากกว่าบวกกับเธอที่ตระเวนไปฝึกวิชามาทั่วโลกและมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาหลายปี
    มือนั้นก็เข้าไปถึงใบหน้าของเซ็ตซึนะอย่างง่ายดาย

    ทว่า..เซ็ตซึนะก็หันมาใช้ทั้งสองมือตรึงแรงของฝ่ามือนั่นเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด! เธอถามกับอีกฝ่ายด้วยสายตาที่จริงจังว่า

    “คุณกำลังเข้าใจผิดน่ะค่ะคุณอาซึนะ! ดิฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างคุณอาซึนะพูดไปน่ะ! ไม่แม้แต่พยายามจะคิด! คุณอาซึนะกับคุณครูเนกิก็รู้จักดิฉันดีนี่ค่ะ! คนอย่างดิฉันจะกล้าทรยศกับโคโนจังได้อย่างนั้นหรือ?”

    ..อาซึนะที่ได้ฟังและดูแววตาตรงหน้าก็นิ่งไป แต่ด้วยความโมโหมาบดบังมันก็ทำให้เธอไม่เชื่อใจอีกฝ่ายอยู่ดี
    เนกิที่ดูเจ้าสาวในอนาคตของตัวเองเอาแต่อารมณ์อีกครั้งก็รีบเข้ามาห้ามให้อาซึนะผละมือจากอีกฝ่าย ก่อนจะมาพูดกับเซ็ตซึนะด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลางว่า

    “ผมไม่รู้หรอกน่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณสองคน คุณเซ็ตซึนะ แต่เมื่อตอนเย็น คุณโคโนกะเขาเสียใจเอามากๆและร้องไห้ไม่หยุดเลยน่ะครับ คุณเซ็ตซึนะช่วยอธิบายให้พวกเราฟังจะได้ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

    ...เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็อึ้งไป เธอรู้สึกเสียใจที่อยู่ๆโคโนจังก็ต้องมาร้องไห้เพราะความเข้าใจผิด
    จะว่าไปเธอก็ไม่รู้จริงๆหรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
    เธอรู้แต่ว่า..เธอต้องรีบเจอตัวโคโนจังให้ได้ก่อนตีหนึ่งครึ่งเท่านั้น และตอนนี้มันก็เหลืออีกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นด้วย ด้วยเวลาที่จำกัด
    องครักษ์สาวจึงหันไปพูดกับทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงที่จริงจังทันที

    “พูดตรงๆเลยน่ะค่ะคุณครูเนกิ คุณอาซึนะ ดิฉันไม่รู้หรอกค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆดิฉันไม่ได้คิดนอกใจอะไรนั่นแน่นอน มันต้องเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันแน่ๆ ได้โปรดเถอะค่ะ บอกดิฉันทีว่าตอนนี้โคโนจังอยู่ที่ไหน? ดิฉันต้องหาโคโนจังให้เจอภายในครึ่งชั่วโมงนี่น่ะค่ะ!”

    ...คู่รักที่ยืนฟังก็นิ่งไป แต่อาซึนะที่ยังมีทิฐิอยู่ก็เผลอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังแสดงความโกรธอยู่เต็มที่ว่า

    “ ฉันไม่รู้! และถึงรู้ฉันก็ไม่บอกด้วย! กลับไปซะเถอะคุณเซ็ตซึนะ! โคโนกะอาจจะมีความสุขกว่าถ้าไม่ได้เจอเธอก็ได้น่ะ!!”
    “อาซึนะ...แรงไปแล้วน่ะ ถึงจะโกรธก็เถอะแต่น่าจะฟังคุณเซ็ตซึนะบ้างน่ะ”
    “แรงแล้วยังไง? ฉันไม่ฟังคำแก้ตัวไร้สาระนั่นหรอก! แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ!!! โคโนกะเขาอดทนรอมาตั้งหกปีเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันจริงๆอีกครั้งกับคนที่เขารัก แต่ดูสิ่งที่คุณเซ็ตซึนะตอบแทนสิ! ทรยศกับความเชื่อของเพื่อนฉันยังไงหล่ะ!”

    ...เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็อึ้งไปทันที นี่ขนาดคุณอาซึนะเองยังไม่ยอมเชื่อและช่วยเธอเลย
    แล้วยังโกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟอีกด้วย คุณครูเนกิเองก็ดูเหมือนจะไม่ยอมบอกว่าโคโนจังอยู่ที่ไหน
    องครักษ์สาวที่มองไปที่นาฬิกาที่ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆแสดงถึงเวลาที่เหลือมันน้อยเต็มที
    เซ็ตซึนะที่ไม่เห็นทีท่าว่าทั้งสองจะยอมบอกเลยก้มหัวคุกเข่าให้ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ทันที
    ทำเอาทั้งเนกิและอาซึนะมองด้วยความตะลึงและเซ็ตซึนะที่เหลือเวลาไม่มากก็ก้มหัวขอร้องสหายทั้งสองของเธอ

    “กรุณาบอกมาเถอะค่ะว่าตอนนี้โคโนจังอยู่ที่ไหน! ดิฉันไม่มีเวลามาอธิบายเรื่องทั้งหมดตอนนี้หรอกน่ะค่ะ! แต่ดิฉันสาบานว่าดิฉันไม่ได้ทำเรื่องทำนองชู้สาวนั่นจริงๆ! ขอร้องเถอะค่ะ! บอกดิฉันมาเถอะ! คุณอาซึนะ! คุณครูเนกิ!!”
    “คุณเซ็ตซึนะ...ลุกขึ้นมาเถอะครับ!~ ทำอย่างนี้พวกเราลำบากใจกันน่ะครับ!”
    “งั้นคุณครูเนกิก็บอกดิฉันมาสิค่ะ ว่าตอนนี้โคโนจังอยู่ที่ไหน?”
    “ขอโทษน่ะครับคุณเซ็ตซึนะ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วย แต่ผมไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้คุณโคโนกะอยู่ที่ไหน ”
    “จริงเหรอค่ะ....แม้แต่คุณครูเนกิก็ไม่รู้หรือค่ะ...”
    “ครับ...ผมเสียใจด้วยจริงๆ”

    ...เซ็ตซึนะแหงนหน้าไปมองอดีตอาจารย์ของตนด้วยสีหน้าของความผิดหวัง
    เนกิฉุดร่างที่เริ่มจะไร้เรียวแรงของเซ็ตซึนะขึ้นมาด้วยความรู้สึกเห็นใจ
    เขาก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมอีกฝ่ายถึงรีบอยากจะเจอกับโคโนกะถึงขนาดนั้น
    และอาซึนะเองที่มองใบหน้าที่เศร้าสร้อยของอดีตสหายร่วมรบก็นึกใจอ่อน

    ความจริง...มันอาจจะเป็นการเข้าใจผิดก็ได้น่ะ คิดได้ดังนั้นอาซึนะจึงเปรยออกมาเบาๆเจตนาให้อีกฝ่ายได้ยินว่า..

    “โคโนกะคงอยากจะไปรำลึกถึงความหลังหล่ะมั้ง? ไม่รู้สิ...”

    ...องครักษ์สาวที่ได้ฟังก็หันขวับไปมองอาซึนะทันที แต่สาวตาสองสีก็ไม่พูดอะไรอีกแล้วทำท่าจะเดินจากไป
    ทว่า..แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เซ็ตซึนะรีบพูดขอบคุณอีกฝ่ายแล้ววิ่งไปจากที่นั่นทันที ทิ้งให้เนกิที่ยังงงๆกับคำพูดนั้นก็เอ่ยถามขึ้น

    “อาซึนะ รู้อยู่แล้วเหรอว่าคุณโคโนกะเขาอยู่ที่ไหนหน่ะ...”
    “เฮ้อออ~~ ไม่รู้หรอก”
    “อ้าว!~~~ แล้วทำไม?”
    “แต่ฉันไม่ได้โกหกน่ะเนกิ โคโนกะพูดอย่างนั้นก่อนที่จะลาพวกเรากลับจริงๆ มันคงเป็นที่ๆสองคนนั้นเขารู้กันแค่นั้นแหล่ะ”

    ....แล้วเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวในอนาคตก็กลับไปที่ห้อง โดยที่ภาวนาขอให้เพื่อนทั้งสองปรับความเข้าใจกันได้แล้วกัน
    พวกเขาช่วยเซ็ตซึนะได้แค่นี้จริงๆนั่นแหล่ะ...

    ....ทางด้านเซ็ตซึนะที่รีบวิ่งออกไป ก็พุ่งไปยังที่ๆเธอคิดอย่างไม่คิดชีวิต!
    ที่ๆจะรำลึกความหลังของเราสองคน ที่มันอยู่ใกล้ที่สุดและไปถึงได้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินก็ต้องที่มาโฮระเท่านั้น!
    ที่ๆโคโนจังจะสามารถไปนอนได้ด้วยมันก็มีแต่ที่นั่น! ที่ๆพวกเธอเปิดเผยความรู้สึกตรงๆต่อกันเป็นครั้งแรก! มันไม่มีที่อื่นอีกแล้ว!

    “โคโนจัง!!~~”

    ....เซ็ตซึนะเปิดประตูห้องเข้ามาในห้องพักเก่าของตนในสมัยม.ต้นด้วยสภาพที่เหนื่อยหอบ
    และที่ๆเธอคิดก็เป็นจริง! เพราะตอนนี้ที่ตรงหน้าของเธอองค์หญิงโคโนจังกำลังหลับใหลอยู่ภายใต้ฟูกที่นอนอยู่!!
    แต่เมื่อเซ็ตซึนะหันไปมองที่นาฬิกา ตอนนี้มันตีหนึ่งสามสิบสองนาทีแล้ว!!
    องครักษ์สาวที่มองมันก็เริ่มตัวเย็นวาบก่อนจะรีบเข้าไปปลุกหญิงสาวที่กำลังหลับใหลอยู่พลางหันไปมองนอกหน้าต่างเพื่อดูจันทรคราสของเวลานี้ทันที

    “โคโนจัง!~ โคโนจัง!~~ ตื่นสิโคโนจัง!! นี่ฉันเองน่ะ ตื่นขึ้นมาสิ!!~”

    .....ทว่า....พระจันทร์ตอนนี้มันกลับกลมโตไร้ซึ่งเงามาบดบังมันเสียแล้ว
    ...หรือว่าจันทรคราสมันเต็มดวงมันผ่านไปแล้ว? ไม่..ไม่หรอก อายะจังอาจจะบอกเวลาผิดไปก็ได้
    แค่เวลาสองนาทีจันทรคราสมันไม่เกิดเร็วถึงขนาดนั้นหรอก
    องครักษ์สาวที่ยังไม่ย่อท้อก็ยังนั่งปลุกองค์หญิงของเธอที่กำลังหลับใหลอยู่บนฟูกต่อไปเรื่อยๆ แล้วสลับไปมองพระจันทร์ที่นอกหน้าต่างไปมา โดยที่ใจยังภาวนาขอให้ที่เธอคิดเมื่อกี้นี้เป็นจริง

    “โคโนจัง! วันนี้ยังไงหล่ะวันที่ท่านเทพสามภพพูดถึง! วันที่เรารอคอยมันจบลงแล้วน่ะ! ได้ยินไหมโคโนจัง โคโนจังลุกขึ้นมาสิ!”
    “หรือว่า..โคโนจังยังโกรธเรื่องของอายะจังอยู่ โคโนจังฟังดีๆน่ะ ฉันไม่ได้มีอะไรกับอายะจัง จริงๆน่ะ ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ฉันหลับอยู่ แต่ฉันไม่ได้คิดนอกใจอะไรนั่นน่ะ ฉันมีแค่โคโนจังคนเดียวโคโนจังก็รู้นี่! ตลอดเวลาที่ผ่านมาโคโนจังยังรู้จักฉันไม่พอหรือยังไง? จะให้ฉันทำยังไงถึงจะให้โคโนจังยอมลุกขึ้นมาหล่ะ? น่ะโคโนจังฉันยอมทุกอย่างแล้ว ตื่นขึ้นมาหาฉันเถอะน่ะ~~”

    ...........เซ็ตซึนะที่เข้ามาถึงห้องอดีตพักของตัวเองก็ยังพยายามเรียกสาวผมยาวที่หลับใหลอยู่บนฟูกที่นอนไม่หยุด
    จนกระทั้งเวลาผ่านไปเนิ่นนาน แสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบกับหน้าต่างของห้องพัก
    เซ็ตซึนะที่ปลุกองค์หญิงของเธอมาหลายชั่วโมงก็มองไปยังพระอาทิตย์ที่อยู่ข้างนอกนั่นด้วยความสิ้นหวัง
    เพราะตอนนี้..มันถึงเวลาเช้า เวลาที่โคโนจังของเธอสมควรจะตื่นขึ้นมาได้แล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาเลย
    แถมเธอ ผู้ที่จะตื่นมาได้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้นกลับยังลืมตาอยู่ได้

    นั้นก็แสดงว่าวันที่ท่านเทพสามภพพูดถึงมันผ่านมาและได้ผ่านไปแล้ว....
    เธอปลุกคนรักของเธอขึ้นมาไม่สำเร็จ..โคโนจังต้องนิทราไปตลอดกาล...
    .เซ็ตซึนะมองร่างหญิงสาวที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมกอดอย่างเศร้าสร้อย
    น้ำตาที่พยายามอดกลั้นมานานก็เริ่มไหลออกมา ความจริงตรงหน้ามันทรมานใจของเธอยิ่งหนัก

    ทำไมน่ะ...สุดท้ายแล้ว..พวกเราก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม?

    “โคโนจัง........”

    .......ไม่มีถ้อยคำอื่นอีกที่องครักษ์สาวจะพูดไปได้มากกว่านี้ มันจบลงแล้ว ทุกอย่าง
    องครักษ์สาวกระชับร่างบางของโคโนกะให้เข้ามาใกล้และกอดร่างนั้นแน่นด้วยความรู้สึกเสียใจเป็นล้นพ้น
    แล้วอย่างนี้พวกเธอจะรอมาถึงหกปีเพื่ออะไร...เพื่อต้องมาพรากจากกันอีกอย่างนั้นเหรอ?
    ......เพียงเพราะความเข้าใจผิดครั้งแรกในรอบหกปีมันทำให้พวกเธอไม่สมหวังไปตลอดกาลอย่างเลี่ยงไม่ได้ใช่ไหม???


    “ซะ..ซะ...เซ็ต....เซ็ตจัง...??”

    ....แล้วช่วงเวลาที่สิ้นหวังกลับกลายมาเป็นวินาทีแห่งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
    เพราะตอนนี้ โคโนกะที่เซ็ตซึนะใช้เวลาปลุกอีกฝ่ายมาตลอดทั้งคืนกำลังลืมตาตื่นขึ้นมา
    เธอที่อยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายมององครักษ์ของเธอด้วยความงงงัน ก่อนจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นและผละตัวออกห่างจากอีกฝ่าย
    เซ็ตซึนะมองเจ้าหญิงนิทราที่ตื่นขึ้นมาอย่างไม่เชื่อสายตา เธอในตอนนี้รู้สึกดีใจเป็นล้นพ้นที่ในที่สุด
    คำสาปของเหล่าเทพเจ้าก็คลายสลายไปเสียที แล้วเซ็ตซึนะที่มองโคโนจังของเธอด้วยความรู้สึกยินดีเป็นที่สุด
    ก็ยิ้มขึ้นมาและเข้าไปใกล้เจ้าหญิงนิทราที่พึ่งตื่นขึ้นมาทันที

    “โคโนจัง”

    เพี๊ยะ!!!

    “ปลุกฉันทำไมเซ็ตจัง!! ไม่ได้รักฉันแล้วไม่ใช่เหรอไง!! ทำไมถึงไม่ปล่อยฉันให้หลับต่อไปอีกหล่ะ!!”

    ....เซ็ตซึนะมองการกระทำของอีกฝ่ายด้วยความตื่นตะลึง! เธอที่เพิ่งถูกโคโนจังตบเมื่อครู่ก็อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก
    องครักษ์สาวเอื้อมมือไปลูบแก้มที่เพิ่งถูกตบนั่นแล้วหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ
    พวกเราสมควรจะดีใจทีได้เจอหน้ากันแท้ๆทำไมกลายเป็นแบบนี้หล่ะ?

    แต่โคโนกะนั้นกลับมีอารมณ์ที่ตรงข้ามกับเซ็ตซึนะโดยสิ้นเชิง
    แววตาที่มองมาที่เซ็ตจังของเธอเต็มไปด้วยความโกรธและเจ็บแค้น
    น้ำตากำลังหลั่งออกมาจากดวงตาหวานคู่นั้นพร้อมกับสายตาที่ดูไม่ดีใจกับที่ได้เจอหน้ากันครั้งแรกในรอบหกปีเลยซักนิด

    ทว่า...เซ็ตซึนะที่พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดถึงอะไร องครักษ์สาวรีบอธิบายให้องค์หญิงของเธอเข้าใจในทันที

    “โคโนจัง ทำไมถึงพูดแบบนั้นหล่ะ? ฉันต้องปลุกโคโนจังอยู่แล้วสิเพราะฉันรอคอยวันนี้มาตลอด เรารอวันนี้มาตลอดหกปีที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอ? ที่โคโนจังพูดกับฉันแบบนี้เพราะเรื่องของอายะจังใช่ไหม? ฟังให้ดีๆน่ะโคโนจัง ฉันไม่ได้มีอะไรกับอายะจังน่ะ ไม่มีจริงๆ”

    ...โคโนกะที่ได้ฟังก็อึ้งไป สายตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ไม่เชื่อกับคำพูดนั่นหนัก แต่ใจของเธอก็โอนเอนไปยังคำพูดขององครักษ์ของเธอเต็มที่
    แล้ว....ที่อายะจังบอกว่าคบกันมาสามเดือนแล้วหล่ะ? และที่อายะจังจูบกับเซ็ตจังหล่ะ?
    ด้วยอารมณ์หึงที่มันอยู่ในตัวของโคโนกะมันปะทุขึ้นมา เธอจึงยังดึงดันความคิดเดิมและตะเบ็งเสียงพูดกับองครักษ์ของเธอกลับไปว่า

    “อย่ามาโกหกฉันดีกว่าเซ็ตจัง! ถ้าไม่มีอะไรกันจริงๆแล้วจะพูดว่าอายะจังโกหกฉันอย่างนั้นเหรอ? เด็กคนนั้นไม่เคยโกหกใคร...ไม่แม้แต่กับพวกเราเพียงสักครั้งเดียว! แล้วยังสายตาที่มองเซ็ตจังตอนนั้นอีก...ทั้งหมดที่ฉันได้เห็นได้ยินยังจะให้ฉันเชื่อใจเซ็ตจังได้อีกอย่างนั้นเหรอ?!!”
    “ โคโนจัง.....”

    ....เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็มึนงงปนตกใจ อายะจังพูดอะไรไปทำไมโคโนจังถึงโกรธฉันขนาดนี้น่ะ?
    แล้วโคโนจังเห็นอะไร? แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม มันย่อมไม่ใช่อย่างที่โคโนจังคิดแน่ๆ!
    ในเมื่อวันที่เรารอคอยมันสิ้นสุดแล้วฉันจะปล่อยให้ความเข้าใจผิดนี่มันทำลายความสุขของพวกเราไม่ได้เด็ดขาด!

    คิดดังนั้นเซ็ตซึนะก็เข้ามาใกล้องค์หญิงของตนและจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาที่จริงจังกว่าครั้งใด
    ทำเอาโคโนกะที่คิดจะหนีห่างจากเซ็ตจังของเธอกลับถูกสายตาคู่นั้นสะกดเธอเสียอยู่หมัด
    แล้วองครักษ์สาวที่รู้ว่าโคโนจังกำลังใจอ่อนก็เอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ขึงขังแต่ก็แฝงไปด้วยความจริงจากใจของเธอว่า

    “ตลอดเวลาที่ผ่านมา...โคโนจังยังรู้จักฉันไม่พออีกเหรอ? เห็นฉันเป็นคนอย่างนั้นเหรอโคโนจัง? เจ้าชู้? ไม่ซื่อสัตย์? นอกใจ? หลอกลวง? โกหก? เคยเห็นฉันเป็นอย่างนั้นเหรอ? ไม่เชื่อใจฉันขนาดนั้นเลย ถ้าอย่างนั้นจะตบฉันสักกี่พันครั้งก็ได้น่ะโคโนจัง ฉันจะไม่หลบหรอก และจะไม่โกรธด้วย ขอเพียงโคโนจังกลับมาเชื่อใจฉันก็พอ...เอาสิโคโนจัง ตบฉันสิ”

    แล้วเซ็ตซึนะที่ท้าทายอีกฝ่ายก็ไม่พูดเปล่า เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ให้อีกฝ่ายพร้อมกับเอื้อมมือของตัวเองฉุดให้มือของโคโนจังมาจับที่แก้มของเธอด้วย
    เซ็ตซึนะจ้องไปที่ดวงตาของโคโนจังที่กำลังมองกลับมาที่เธออย่างไม่วางตาเช่นกันและพูดเชิญชวนเข้าไปอีกว่า

    “เอาสิโคโนจัง โกรธฉันไม่ใช่เหรอ? แค้นที่ฉันแอบไปมีคนอื่นไม่ใช่หรือไง? ตบสิ? ใช้มือนี้ตบฉันให้หายแค้นเลย แต่ถ้าไม่ตบฉันจะถือว่าโคโนจังหายโกรธฉันแล้วน่ะ...”

    ...ด้วยสายตาที่จ้องมากับน้ำเสียงที่ประชดประชันกึ่งน้อยใจ ทำเอาโคโนกะนิ่งไปกึ่งหนึ่ง
    ใจของเธอนั้นหลงไปกับสายตาที่จ้องมาที่เธอเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยภาพที่ริมฝีปากของอายะจังเข้าไปบรรจบกับริมฝีปากของเซ็ตจังของเธอมันยังสร้างความเจ็บให้เธออยู่

    ดังนั้น โคโนกะที่เริ่มจะสับสนเพราะไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดก็ทำได้แต่ฉุดมือของเธอกลับและก้มหน้าหนีสายตาที่กำลังทำให้ใจของเธอละลายอยู่เท่านั้น
    แต่นั้นก็เพียงพอแล้ว เซ็ตซึนะยื่นหน้าไปทางที่องค์หญิงของเธอก้มหน้าหนีอยู่ทำเอาสายตาของทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง
    โคโนกะที่เจอใบหน้าของอีกฝ่ายก็สะดุ้งตกใจ แต่องครักษ์สาวกลับยิ้มอย่างเป็นสุขพลางพูดขึ้นว่า

    “เชื่อใจฉันสิโคโนจัง ......เชื่อใจฉันน่ะ...”

    ...องค์หญิงที่กำลังหน้าแดงออกมาก็นิ่งมองอยู่สักพักและไม่ยอมตอบคำถามใดๆ นอกจากจะทำท่าลุกหนีอีกฝ่าย แต่มีหรือเซ็ตซึนะจะยอมแพ้
    ไม่ว่าโคโนกะจะลุกหนีไปทางไหนเธอก็จะตามไปดักหน้าของอีกฝ่ายไม่ลดละ
    จนโคโนกะที่หันซ้ายหันขวาก็หนีจากสายตานั่นไม่พ้นก็เริ่มทำหน้างอๆ ก่อนที่จะพูดกับอีกฝ่ายอย่างเหลืออดว่า

    “เซ็ตจัง!~~ เลิกตามฉันซะทีสิ!”
    “ก็โคโนจังไม่หายโกรธนี่ ฉันเลยมาตามง้ออยู่นี่ไง ถึงฉันจะไม่รู้ว่าฉันไปทำอะไรผิดก็เถอะ”

    ...เซ็ตซึนะที่พูดจบท้ายด้วยใบหน้าเศร้าๆแต่ก็กลับมาฝืนยิ้มให้โคโนจังอีกครั้ง
    มันทำเอาโคโนกะใจอ่อนยวบ นึกสงสารองครักษ์สาวตรงหน้าขึ้นมาทันที

    บางที..เซ็ตจังอาจจะไม่รู้อะไรจริงๆก็ได้น่ะ และถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงก็หมายความว่าอายะจังโกหกเราจริงๆอย่างนั้นเหรอ? เด็กที่เรียบร้อยอย่างนั้นหน่ะน่ะ?

    แต่ขณะที่โคโนกะกำลังครุ่นคิดหนักด้วยใบหน้าซึมๆ ทำเอาเซ็ตซึนะที่ดูท่าทางของอีกฝ่ายมานานก็เริ่มเศร้าใจ
    บางที...โคโนจังอาจจะไม่อยากเจอเราตอนนี้จริงๆก็ได้
    ถ้าเราไม่อยู่กับโคโนจัง..โคโนจังอาจจะมีความสุขกว่าอย่างที่คุณอาซึนะบอก งั้นเรา...ก็ไม่ควรอยู่ตรงนี้สิน่ะ คิดได้ดังนั้น

    เซ็ตซึนะที่ยื่นหน้าไปมององค์หญิงของเธออยู่นานก็ยอมถอยออกมานั่งคุกเข่า
    ก่อนจะก้มหน้านิ่งพูดกับอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่เธอไม่ได้ใช้มาพูดกับอีกฝ่ายมานานแสนนานว่า

    “ขออภัยค่ะโคโน....เอ่อ ..คุณหนูโคโนกะ ดิฉันผิดเองที่ทำให้คุณหนูไม่สบายใจ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่ะค่ะ ถ้าคุณหนูยังโกรธดิฉันและไม่อยากจะอยู่กับดิฉันอีก...ดิฉันจะเป็นฝ่ายไปเอง ขออภัยที่ทำให้ต้องเสียเวลาน่ะค่ะ”

    ...พูดจบ เซ็ตซึนะก็โค้งหัวให้กับคุณหนูของเธอด้วยท่าทีที่เธอเคยใช้ประจำเหมือนอย่างสมัยก่อน และลุกขึ้นเดินออกไปจากตรงนั่นด้วยท่าทางหงอยๆ อืม... อย่างนี้...มันอาจจะทำให้โคโนจังสบายใจขึ้นก็ได้
    โคโนจัง........จะได้มีความสุขซะทียังไงหล่ะ แต่เซ็ตซึนะที่ไม่ได้ดูสีหน้าของอีกฝ่ายคงไม่รู้หรอกว่า
    ตอนนี้โคโนกะดูการกระทำของเธอเมื่อสักครู่ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือกขนาดไหน?
    หัวใจของเธอมันหล่นตุ๊บไปที่ตาตุ่ม คำว่า “คุณหนู” ที่เซ็ตจังเลิกใช้มานานนั่น มันทิ่มแทงมาที่เธอ เธอเกลียดคำพูดนี้จากปากของเซ็ตจังที่สุด!
    เธอไม่อยากฟังมันจากองค์รักษ์ของเธออีกและเธอนึกว่าเธอจะไม่มีวันได้ฟังมันด้วย
    แต่นี่..เซ็ตจังของเธอกลับใช้คำพูดแบบนั่นอีกครั้ง ทำท่าทางห่างเหิน ให้ความเคารพเธอ มันไม่ใช่...มันไม่สมควรเป็นอย่างนี้อีกแล้วน่ะ!!

    ว่าแล้ว..โคโนกะก็รีบลุกไปขว้างทางองครักษ์ของเธอที่กำลังจะเดินออกไป ทำเอาเซ็ตซึนะที่กำลังรู้สึกท้อแท้อยู่ถึงกับสะดุ้งกับสายตาอันดุดันของอีกฝ่าย
    แล้วโคโนกะที่เข้ามาขว้างทางเอาไว้ก็พูดกับองครักษ์ของเธอด้วยน้ำเสียงที่โมโหและน้อยใจอย่างที่สุดว่า

    “ใจร้าย!!~ ใจร้ายที่สุดเลยน่ะเซ็ตจัง!!~ เรียกฉันว่าคุณหนูแบบนั้น!~ แสดงว่าเกลียดฉันแล้วใช่ไหม?!! ”
    “ปละ..เปล่าน่ะค่ะคุณหนู ไม่ใช่....”
    “คุณหนู!! คุณหนูอีกแล้ว!!!~ เลิกเรียกฉันแบบนั้นซะที!! ฉันไม่ใช่คุณหนูสำหรับเซ็ตจังอีกแล้วน่ะ!! ฉัน....ฉัน....ฉันเป็นของเซ็ตจังไปแล้วต่างหาก!! ได้ยินไหม?!! ฉันเป็นภรรยาของซากุระซากิ เซ็ตซึนะ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉันแล้ว!! พูดแบบนั้นกับภรรยาของตัวเองได้ลงคอ..ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยรึไง? หรือว่า..เซ็ตจัง..เซ็ตจัง.. ”

    ...ทว่า.....โคโนกะที่ไม่สามารถพูดต่อให้จบได้ก็เข้าไปจับเสื้อของเซ็ตจังของเธอตรงหน้าก่อนจะไปซบอกของอีกฝ่ายแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะทน
    นึกเสียใจที่เซ็ตจังของเธอมาทำห่างเหินแบบนั้นกับเธออีกครั้ง
    เซ็ตซึนะที่ยืนนิ่งอยู่นานก็ตัวแข็งทื่อด้วยความอึ้ง ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปกอดปลอบองค์หญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิด
    เพราะองครักษ์สาวนึกไม่ถึงว่าแค่การเปลี่ยนคำพูดของเธอจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจถึงขนาดนี้
    แต่ที่โคโนจังเพิ่งพูดออกไปมันก็ทำให้เธออายเหมือนกัน

    ภรรยาอย่างนั้นเหรอ?....โคโนจังนี่กล้าพูดออกมาแบบนี้เลยน่ะ ....แล้วฉันหล่ะ?
    ฉันที่ทำให้องค์หญิงตรงหน้าต้องมาร้องไห้เสียใจ...จะทำอะไรได้หล่ะนอกจาก...

    “ฉันขอโทษโคโนจัง อย่าร้องไห้เลยน่ะ ฉันผิดเองที่พูดแบบนั้น ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วฉันสัญญา ฉันแค่นึกว่าโคโนจังจะไม่อยากเจอฉันอีกเลยพลั้งปากพูดแบบนั้นไป เอ่อ..........ภะ..ภะ..ภรรยาที่รักของฉัน ยะ..ยกโทษให้ฉันเถอะน่ะ”

    ...โคโนกะที่ได้ฟังคำที่พูดด้วยน้ำเสียงอายๆและเสียงสั่นขนาดนั้นก็เงยหน้าขวับมามองอีกฝ่ายทันที
    และเธอก็ต้องพบว่าเซ็ตจังของเธอตอนนี้กำลังหน้าแดงเอามากๆ สายตาพยายามเบี่ยงหลบจากเธอเพราะไม่กล้าสู้หน้า
    เธอลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้เซ็ตจังของเธอไม่ได้อยู่ในร่างมารอีกแล้ว กลายเป็นเซ็ตจังคนเดิมที่ขี้อายไม่ใช่คนที่กล้าเข้าใกล้เธอง่ายๆเหมือนก่อน

    คิดได้ดังนั้น โคโนกะจึงเอื้อมมือไปจับแก้มของอีกฝ่ายให้องครักษ์สาวที่กอดเธออยู่มองมาที่ตน
    ก่อนจะส่งแววตาที่อ่อนลงกว่าเดิมไปให้แล้วพูดกับองครักษ์สาวของเธอว่า

    “อืม..เข้าใจแล้วเซ็ตจัง ฉันไม่โกรธเรื่องเมื่อกี้แล้วหล่ะ ว่าแต่เซ็ตจังจ๊ะ”
    “อะ..อืม มีอะไรเหรอโคโนจัง?”
    “ฉันมีเรื่องบางอย่างที่ต้องจัดการ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องทำ ฉะนั้น....ฉันคงต้องขอโกรธเซ็ตจังต่ออีกสักพักน่ะ....”

    ......พูดจบ โคโนกะก็ผละไปจากอีกฝ่ายด้วยท่าทางเศร้าสร้อยแล้วเข้าไปเก็บข้าวของของเธออย่างเงียบๆ
    ทำเอาเซ็ตซึนะมองการกระทำและคำพูดเมื่อสักครู่ด้วยความไม่เข้าใจ
    ที่โคโนจังพูดกับเธอ..มันหมายถึงเรื่องอะไรกัน? หรือว่า..จะเป็นเรื่องของอายะจัง??
    ถึงจะคิดอย่างนั้นด้วยความกลุ้มใจ แต่องครักษ์สาวก็ไม่กล้าจะทำอะไรอย่างอื่นนอกจากยืนมองดูเงียบๆเท่านั้น ....

    ....................................................................................................................................................................................

    ......ในอพาทเมนท์ที่มีแต่ความเงียบสงัด อายะจังที่ออกนอนรอพวกพี่ๆของเธอที่โซฟาห้องรับแขกก็ผล๊อยหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาอาบแก้ม
    เด็กน้อยที่นอนรออยู่ร้องไห้ออกมาทั้งคืนด้วยความรู้สึกที่เสียใจของการกระทำของตนต่อพวกพี่ๆทั้งสอง
    และสักพัก อายะจังก็ต้องถูกปลุกพร้อมๆกับเสียงของประตูทางเข้าที่เปิดเข้ามา....

    ....ร่างของพี่เซ็ตซึนะที่ในอ้อมแขนมีพี่โคโนกะที่ถูกอุ้มกำลังนอนหลับใหลด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิท อายะจังมองการมาของพี่เซ็ตซึนะด้วยความแปลกใจ
    เพราะตอนนี้มันถึงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นแล้วพี่เซ็ตซึนะของเธอกลับยังตื่นขึ้นมาแถม
    ...พี่โคโนกะก็ยังคงหลับอยู่ ......ทำไมหล่ะ? พวกพี่ๆสมควรต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกันทั้งคู่แล้วสิ...หรือไม่ก็พี่เซ็ตซึนะต้องเป็นคนที่หลับอยู่แทน
    ไม่ใช่พี่โคโนกะ....เธอคาดหวังว่าจะได้เผชิญหน้าพี่โคโนกะเรื่องพี่เซ็ตซึนะต่างหากไม่ใช่แบบนี้ หรือว่า...??

    “พี่เซ็ตซึนะค่ะ....ทำไมพี่โคโนกะถึง......”
    “...........................................”

    .....แทนคำตอบ องครักษ์สาวส่งสายตานิ่งๆและใบหน้าที่เศร้าสร้อยไปให้ก่อนจะก้าวเดินไปยังห้องนอนของตนโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ทำเอาอายะจังที่มองอยู่เริ่มใจเสีย
    ความคิดในด้านเลวร้ายผุดขึ้นมาในหัวทันที หรือว่า...พวกพี่ๆของเธอแก้คำสาปนั่นไม่สำเร็จ! พี่เซ็ตซึนะปลุกพี่โคโนกะไม่ทัน! ทำให้พี่โคโนกะต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดกาลแทน!!

    และเมื่ออายะจังตามเข้าไปที่ห้องนอนด้วยอีกคน เธอที่เริ่มใจไม่ดีก็อยากจะถามพี่เซ็ตซึนะของเธอซะเหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่องครักษ์สาวที่ไม่แม้แต่จะหันมองมาที่นักดาบน้อยอีกก็ได้แต่พาร่างของโคโนกะไปยังเตียงนอนของตนอย่างสงบเท่านั้น ทำเอาอายะจังถึงกับจุกจนพูดอะไรไม่ถูก
    หลังจากนั้นเซ็ตซึนะก็เอาแต่นั่งนิ่งเฉยที่ข้างร่างขององค์หญิงที่นอนหลับใหลอยู่ ไม่แม้แต่จะพูดหรือทำอะไร นอกจากก้มหน้านิ่ง...และไม่หันมามองอายะจังที่ยืนอยู่หน้าเธออีกด้วย

    บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเศร้าและความอึดอัด ทำเอาอายะจังที่มองอยู่ตลอดปวดใจอย่างที่สุด
    นี่พี่เซ็ตซึนะต้องโกรธเธออยู่แน่ๆ โกรธที่เธอบอกเรื่องจันทรคราสช้าเกินไป...ทำให้พี่โคโนกะต้องเป็นแบบนี้
    และพออายะจังจะก้าวเข้าไปใกล้พี่เซ็ตซึนะของเธออีกครั้ง
    เซ็ตซึนะก็ลุกขึ้นและเดินผ่านตัวอายะจังออกจากห้องเงียบๆโดยไม่แม้แต่จะสนใจองค์หญิงน้อยตรงหน้า
    ทำเอาอายะจังที่มองการกระทำทุกอย่างรู้สึกใจเสียอย่างที่สุด ตาเบิกโพลงออกมาช็อคกับการกระทำอันเย็นชาของอีกฝ่าย

    แต่....มันก็สมควรแล้วนี่....โดนแบบนี้ โดนพี่เซ็ตซึนะเกลียดแบบนี้ แค่พี่เซ็ตซึนะไม่ฆ่าเธอทิ้งเสียแต่แรกก็ดีขนาดไหนแล้ว
    แล้วสักพักอายะจังที่พยายามหักห้ามใจตัวเองก็หันไปมองร่างที่หลับใหลของพี่โคโนกะตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เสียใจอย่างสุดซึ้ง
    ....จริงๆเหรอ? นี่มันเป็นความจริงอย่างนั้นหรอ? พี่โคโนกะ...ต้องนิทราไปตลอดกาลเพราะการกระทำของเธอ
    ....ทำไมฉันถึงได้เลวแบบนี้น่ะ ทั้งๆที่พี่โคโนกะก็ไม่เคยทำอะไรเราเลยแท้ๆ

    อายะจังที่คิดทบทวนอยู่ก็เริ่มจะรับความจริงตรงหน้าได้ว่าโคโนกะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปเพราะเธอ
    นักดาบน้อยตัวสั่นเทิ้มด้วยความรู้สึกเสียใจน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
    เธอค่อยๆก้าวไปหาร่างของพี่สาวโคโนกะที่หลับนิ่งอยู่แล้วทรุดตัวไปนั่งข้างๆพื้น
    มือเอื้อมไปกุมมือของโคโนกะแล้วเอามาแนบข้างแก้มสายตามองไปยังร่างตรงหน้าแล้วก็พูดกับอีกฝ่ายด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า

    “ไม่จริงใช่ไหมค่ะ? พี่โคโนกะ.....พี่...ต้องนิทราไปตลอดกาลจริงๆอย่างนั้นเหรอค่ะ?
    จะทิ้งหนูกับพี่เซ็ตซึนะไปเหมือนอย่างตอนพิธีไตรเวทย์นั่นอีกหรือค่ะ มันก็เพราะหนูใช่ไหมค่ะ?
    ที่พี่โคโนกะต้องมาเป็นแบบนี้เพราะหนู..เพราะหนูแท้ๆ ถ้าหนูไม่โกหกพี่โคโนกะไปตอนนั้น
    พี่โคโนกะก็ไม่ต้องโกรธพี่เซ็ตซึนะจนหนีออกจากบ้าน
    ถ้าหนูบอกเรื่องจันทรคราสตั้งแต่เนิ่นๆพี่โคโนกะก็ไม่ต้องมาเป็นอย่างนี้
    พี่เซ็ตซึนะต้องปลุกพี่ทันตอนจันทรคราสแน่ๆ หนูขอโทษค่ะพี่โคโนกะ...หนู.. หนูขอโทษ...”

    ...พูดได้แค่นั้น แต่เสียงสั่นเครือก็กลายเป็นการร้องไห้โฮแทน นักดาบน้อยฟุบหน้าร้องไห้ไปที่มือของโคโนกะที่เธอกุมอยู่ด้วยความรู้สึกผิดเต็มที่ ไม่นึกเลยว่าด้วยอารมณ์ชั่วแล่นของเธอในตอนนั้น ความอิจฉาที่เธอมีมันจะทำให้เรื่องทุกอย่างลงเอยแบบนี้
    ถ้าเธอรู้จักอดกลั้นสักนิด ยอมรับความจริงที่ว่าพี่เซ็ตซึนะมีเจ้าของอยู่แล้วและยอมเก็บงำความรู้สึกของเธออยู่ต่อไป เรื่องราวทั้งหมดมันคงไม่มาเป็นแบบนี้หรอก

    ถ้าหากตอนนั้นเธอเลือกที่จะพูดความจริงไปตรงๆว่าเธอแอบชอบพี่เซ็ตซึนะอยู่ข้างเดียว ไม่โกหกให้เธอสร้างโอกาสให้ตัวเองไปหล่ะก็ เรื่องแบบนี้มันต้องไม่เกิดขึ้น! มันต้องไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด!
    คิดดังนั้นแล้วอายะจังที่นั่งร้องไห้อย่างหนักก็พูดสารภาพความผิดที่เธอได้ก่อเอาไว้ต่อหน้าพี่สาวที่หลับใหลตรงหน้าไปด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า

    “พี่โคโนกะค่ะ หนูรู้ว่าจะพูดตอนนี้มันก็สายไปแต่หนู...หนูกับพี่เซ็ตซึนะไม่ได้คบกันหรอกน่ะค่ะ ได้ยินไหมค่ะ!~
    ..พี่เซ็ตซึนะเขาไม่เคยมีใครคนอื่นนอกจากพี่คนเดียว
    พี่เซ็ตซึนะเขาก็รอพี่โคโนกะมาตลอดเหมือนที่พี่โคโนกะรอ หนูรักพี่เซ็ตซึนะแค่ข้างเดียวเท่านั้น
    ...ที่..ที่หนูโกหกไปตอนนั้นเพราะหนูอยากอยู่กับพี่เซ็ตซึนะสองคนตลอดไป ตอนนั้นหนูคิดแค่นั้นจริงๆน่ะค่ะ
    หนูไม่ได้อยากให้พี่โคโนกะต้องกลายมาเป็นแบบนี้ เพราะหนูเกิดอิจฉาพี่โคโนกะขึ้นมาเลยโกหกไป
    หนูมันเลวเองที่กล้าพูดทำให้พี่โคโนกะต้องร้องไห้เสียใจถึงขนาดนั้น ทั้งๆที่พี่ก็ดีกับหนูมาตลอด ดูแลหนู รับหนูมาอยู่ด้วยกันแล้วก็รักหนูมากๆ
    แต่หนูก็ทำให้พี่ต้องเสียใจและเจ็บปวดอย่างที่สุด หนูมันไม่สมควรเป็นน้องสาวของพี่เลย!
    หนูไม่น่าทำแบบนั้นไปเลยใช่ไหมค่ะ? ที่พี่โคโนกะถามหนูว่าทำไมถึงทำกับพี่ได้ลงพร้อมๆกับน้ำตา
    ที่นองหน้าและสีหน้าที่เจ็บปวดนั่น พี่น่าจะถามหนูคนเดียวมากกว่า ทำไมหนูถึงทำแบบนี้กับพี่โคโนกะได้ลงคอน่ะ?
    ทำไมหนูถึงได้ทำแบบนี้กับพี่ได้ลงคอ!? ก็เพราะว่าหนูมันเลวอย่างที่สุดยังไงค่ะ!!
    ได้ยินไหมค่ะ! หนูมันเด็กไม่ดี..ร้ายกับพี่ หักหลังพี่สาวที่แสนดีอย่างพี่โคโนกะได้ลง!
    ฉะนั้น พี่โคโนกะต้องตื่นขึ้นมาว่าหนูน่ะค่ะ! ลุกขึ้นมาโกรธหนูและไล่หนูออกจากชีวิตของพวกพี่ไปไม่ใช่เป็นพี่ที่ต้องมานอนนิทราจากไปแบบนี้! ลืมตาขึ้นมาสิค่ะ! มาอยู่กับพี่เซ็ตซึนะแล้วให้หนูเป็นคนไปแทน!
    ให้หนูนิทราแทนพี่ก็ได้! แต่อย่าให้หนูต้องมารู้สึกผิดแบบนี้ !!
    หนูเสียใจมากขนาดไหนรู้ไหมค่ะที่พี่โคโนกะต้องมาเป็นแบบนี้! หนูยอมทุกอย่างแล้วแต่ขอให้พี่โคโนกะกลับมาเท่านั้น
    น่ะค่ะพี่สาวที่แสนดีของหนู...กลับมาหาพี่เซ็ตซึนะเถอะน่ะ !~~~”

    ....พูดจบ อายะจังที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปก็เข้าไปกอดร่างของโคโนกะแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะทน
    น้ำตาของนักดาบน้อยที่เมื่อคืนก็เสียไปมากมายอยู่แล้วกลับต้องมาร้องไห้ต่ออีกด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง นึกอยากจะขอโทษอีกฝ่ายสักพันครั้ง พี่โคโนกะก็ไม่ฟื้นขึ้นมา
    เธอแทบอยากจะนิทราแทนพี่โคโนกะไปเพื่อชดเชยความผิดแต่มันก็ทำไม่ได้
    เพราะทุกอย่างมันเป็นเพราะคำสาปของพวกทวยเทพเท่านั้น...ใช่แล้วเพราะคำสาป!
    ถ้าหากเธอ...ถ้าหากเธอไปหาทางแก้จากพวกคันไซให้จัดพิธีไตรเวทย์หรือเรียกท่านเทพสามภพอีกครั้ง
    พี่โคโนกะก็อาจจะฟื้นจากนิทราก็ได้! และคราวนี้จะให้เธอทำอะไรเพื่อให้พี่โคโนกะกลับคืนมาเธอก็ยอมทั้งนั้น!

    เมื่อคิดได้.... ไอเดียที่แล่นเข้ามาก็พาลทำเอาอายะจังที่คิดอะไรแบบซื่อๆ
    เข้าไปเขย่าตัวของโคโนกะที่นอนนิ่งด้วยน้ำเสียงที่เศร้าๆแต่ก็แฝงด้วยความกระตือรือร้นอย่างเต็มเปี่ยมว่า

    “พี่โคโนกะค่ะ! พี่โคโนกะ! ได้ยินหนูอยู่ใช่ไหมค่ะ! ฟังหนูดีๆน่ะค่ะพี่โคโนกะ
    พี่โคโนกะรอหนูก่อนน่ะ! หนูจะไปเรียกท่านเทพสามภพมาอีกครั้งแล้วให้ท่านเทพปลุกพี่ขึ้นมา!
    ถ้าเป็นท่านเทพต้องช่วยพี่ได้แน่ๆ และถึงมันจะมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรหนูก็ยอมทั้งนั้น!
    ฉะนั้น..พี่ต้องรอหนูก่อนน่ะค่ะ! หนูจะไปหาพวกสหพันธ์ให้มาช่วยจัดพิธีเรียกท่านเทพสามภพมา!
    แล้วที่นี่พี่ก็จะฟื้นขึ้นมาได้อีก! พี่โคโนกะจะได้อยู่กับพี่เซ็ตซึนะอย่างมีความสุขเสียที...มันต้องยังมีหวังแน่ๆพี่ต้องรอหนูน่ะ!~~~”

    ...พูดจบ..อายะจังที่มีความหวังเล็กๆก็รีบผละจากตัวโคโนกะไปด้วยท่าทางเร่งรีบ
    แต่แล้วเมื่อเธอหันหลังกลับไปเธอก็ต้องสะดุ้งกับพี่เซ็ตซึนะที่ยืนจ้องมาที่เธอเขม็งอยู่ตรงหน้า
    สายตาที่มองมานั่นมันทำเอาเธอเสียใจเอามากๆที่มองเธอมาแบบนั้นแต่..
    .เธอที่คิดแล้วว่ามันยังไม่หมดหวังซะทีเดียว แม้จะรู้สึกผิดมากซะจนไม่กล้าจะพูดกับพี่เซ็ตซึนะอีก
    แต่นักดาบน้อยก็รีบปาดน้ำตาของเธอออกและพยายามพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุดไม่ให้มีเสียงเครือหลุดออกมาว่า

    “หนู...หนูขอโทษที่ทำให้พี่โคโนกะต้องมาเป็นแบบนี้พี่เซ็ตซึนะ หนู..หนูจะรับผิดชอบเอง หนูจะไปเรียกท่านเทพสามภพขึ้นมาอีกครั้งแล้วให้พี่โคโนกะฟื้นขึ้นมา
    งั้น.หนู..หนูขอไปหาพวกท่านเอชุนก่อนน่ะค่ะ พี่เซ็ตซึนะอยู่กับพี่โคโนกะไปก่อนน่ะ”

    ...สิ้นคำอายะจังที่หลบสายตาของอีกฝ่ายมาตลอดก็เร่งฝีเท้าเพื่อออกไปจากห้อง แต่เซ็ตซึนะที่นิ่งอยู่นานก็พูดกับอีกฝ่ายเสียงเข้มว่า
    “ไม่ต้องอายะจัง มันไม่มีประโยชน์หรอก ไม่ต้องไปหาท่านเอชุนหรอกน่ะ”
    “ตะ..แต่ว่า มันยังมีหวังน่ะค่ะ!~ คราวนี่หนูจะเป็นคนเรียกท่านเทพสามภพขึ้นมาเอง ครั้งก่อนพี่เซ็ตซึนะเรียกท่านเทพมาพบได้หนูก็น่าจะเรียกได้เหมือนกัน ให้หนูไปเถอะน่ะค่ะ!~~~”

    ...ทว่า แม้อายะจังจะยืนกรานความคิดเดิมและทำท่าจะเดินออกไป
    แต่เซ็ตซึนะก็เดินมาขวางทางเอาไว้และมองมาที่อายะจังด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าเดิมจนอายะจังต้องประหลาดใจ
    แล้วเซ็ตซึนะที่มองมาที่อายะจังสักพักก็หันไปมองร่างหญิงสาวที่ลุกมานั่งอยู่บนเตียงที่ด้านหลังของอายะจัง
    เซ็ตซึนะที่เห็นว่าอีกฝ่ายใจอ่อนแล้วก็เปรยขึ้นมาพูดกับองค์หญิงของเธอว่า

    “โคโนจัง ให้อภัยอายะจังเถอะน่ะ เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าอายะจังเขาเสียใจขนาดไหนหน่ะ”
    “...........................................................”
    “เรื่องจะให้อภัยหรือไม่ฉันขอเป็นคนตัดสินใจเอง เซ็ตจังไม่ต้องมาปกป้ององค์หญิงน้อยของเซ็ตจังหรอก... ”

    ...สิ้นเสียง อายะจังก็หันขวับไปที่ด้านหลังของเธอทันที แล้วนักดาบน้อยก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตะลึง
    เพราะตรงหน้าของเธอคือพี่โคโนกะที่นั่งอยู่ที่เตียงด้วยใบหน้าที่ดูจะเศร้าสร้อยและนิ่งขรึมกว่าทุกที
    แต่..ไม่ผิดแน่! นี่พี่โคโนกะ...ไม่ได้นิทราไปตลอดกาล พี่เซ็ตซึนะแก้คำสาปได้สำเร็จ!
    ถ้างั้น..แล้วทำไม..ทำไมถึงไม่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่แรกหล่ะ?

    แล้วอายะจังที่กำลังงงเต็มที่ก็หันซ้ายหันขวาเพื่อขอคำตอบจากพี่ๆทั้งสอง แต่ก็ดูเหมือนกับว่า
    ทั้งเซ็ตซึนะและโคโนกะที่ต่างจ้องมองกันละกันเขม็งด้วยสายตาเศร้าๆจะไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก
    จนอายะจังคิดเอาเองว่าเธอไม่ควรจะอยู่ตรงนั้นอีกเพราะท่าทางที่พี่ๆทั้งสองยังมึนตึงกันก็เพราะเธอแน่ๆ
    ดีแล้วหล่ะ..แบบนี้ก็ดีแล้ว..ในเมื่อพี่โคโนกะฟื้นขึ้นมาแล้วก็ไม่ควรมีเธออยู่คั้นกลางอีกระหว่างพี่ๆทั้งสองอีก
    เธอควรจะออกไปจากที่ตรงนี้ซะที คิดได้ดังนั้น อายะจังก็เดินออกจาห้องไปเงียบๆโดยไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก

    แต่ขณะที่เธอจะก้าวผ่านตัวพี่เซ็ตซึนะไป อยู่ๆเธอก็ถูกมือของพี่เซ็ตซึนะคว้าเอวของเธอเข้ามากอดเอาไว้
    แล้วองครักษ์สาวก็ถามอายะจังที่กำลังเดินออกไปด้วยน้ำเสียงที่เศร้าปนแปลกใจนิดๆว่าว่า

    “อ่า....เดี๋ยวอายะจัง .......จะไปไหนหน่ะ?”
    “...........เอ่อ....ออกไปค่ะ .ก็...พี่ๆได้อยู่ด้วยกันแล้วหนู...หนู....ก็ไม่ควรจะอยู่กับพวกพี่ๆอีก”
    “ใครบอกว่าอายะจังควรจะอยู่หรือไม่อยู่ อีกอย่าง..พวกเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันน่ะ ”
    “ คุย.....................เหรอค่ะ?......”
    “อืม.....ที่โคโนจังเขาแกล้งหลับตอนแรกเพราะต้องการพิสูจน์ตัวอายะจังหน่ะ เหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้น ...อายะจังคงพอจะเข้าใจน่ะ ”
    “ค่ะ.....แล้ว...”
    “แล้วฉันก็จะขอคุยกับอายะจังกันแค่สองคนเท่านั้น ไม่มีคำว่าเราสำหรับตอนนี้ เซ็ตจังออกไปก่อนแล้วกันน่ะ”

    ..สิ้นคำ เซ็ตซึนะขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เรื่องแบบนี้ ..ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องคุยด้วยสิ
    ก็มันเป็นเรื่องของพวกเราทั้งสามคนเลยนี่น่า...แต่โคโนกะที่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่ยังไม่ยินยอม
    เธอจึงส่งสายตาที่เศร้าแกมขอร้องไปให้องครักษ์สาวของเธอพลางพูดขึ้นว่า

    “ฉันแค่อยากจะคุยอะไรบางอย่างกับอายะจังเป็นการส่วนตัวเท่านั้น บางอย่างที่ให้เซ็ตจังฟังด้วยไม่ได้ ขอร้องเถอะน่ะเซ็ตจัง....มันไม่นานนักหรอก...”

    ...ได้ฟัง เซ็ตซึนะที่ถูกสายตานั่นวิงวอนมาก็จำใจต้องทำตามนั่นและเดินออกไปจากห้องเงียบๆ
    แม้เธอไม่อยากจะให้องค์หญิงทั้งสองคุยกันตามลำพังเลยก็ตาม
    และพอเซ็ตซึนะจะออกไปจากห้ององครักษ์สาวก็ไม่วายส่งสายตาของความเป็นห่วงมาให้อายะจังและส่งสายตาอ้อนวอนปรามโคโนจังให้อย่าทำอะไรรุนแรง

    แล้วสักพัก ร่างของเซ็ตซึนะที่เดินออกไปพร้อมกับปิดประตูให้ก็ทิ้งไว้แต่การเผชิญหน้าขององค์หญิงทั้งสองพระองค์เท่านั้น
    ฟากนึงคืออายะจังที่กำลังสับสนไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการคุยอะไรกับเธอ
    แต่ที่แน่ๆเธอกำลังถูกพี่โคโนกะโกรธอยู่ กับอีกฟากคือโคโนกะที่ทำหน้านิ่งๆแต่ก็มีรอยยิ้มนิดๆปรากฏออกมาและมองมาที่องค์หญิงน้อยอย่างไม่วางตา ทำเอาอายะจังเดาใจไม่ถูกว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร

    ทั้งสองต่างมองหน้ากันด้วยบรรยากาศอันเงียบเชียบ จนในที่สุด โคโนกะที่ดูเหมือนจะคุมเกมอยู่ก็เขยิบตัวและเรียกอีกฝ่ายขึ้นมาว่า
    “มานี่จ๊ะสิอายะจัง มานั่งคุยข้างๆพี่หน่อย~~”

    ...อายะจังที่ได้ฟังก็ยอมทำตามนั้นและค่อยๆเดินไปนั่งข้างพี่โคโนกะด้วยหัวใจที่นึกหวั่นเกรงอีกฝ่ายเต็มที่
    ใจตุ้มๆต่อมๆคิดกลัวสารพัดว่าเธอจะโดนอะไรบ้าง? ก็แน่หล่ะ..การที่พี่โคโนกะตื่นขึ้นมาได้แสดงว่า
    เธอโดนอีกฝ่ายหลอกตั้งแต่แรกแล้ว และดูเหมือนพี่เซ็ตซึนะจะยอมร่วมมือเสียด้วยสิ
    แต่ในเมื่อมันเป็นความผิดของเธอตั้งแต่ต้น พี่โคโนกะจะโกรธเธอมันก็ไม่แปลก เธอเต็มใจที่จะรับโทษทัณฑ์นี่เต็มที่อยู่แล้ว

    ดังนั้น อายะจังที่เตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วก็เข้ามานั่งด้วยท่าทางสงบและพยายามข่มความกลัวเอาไว้
    ฝั่งโคโนกะเองที่รู้ดีว่านักดาบน้อยกำลังกลัวตนก็ยิ้มออกมา ก่อนจะเข้าไปจับใบหน้าของอายะจังที่นั่งอยู่ข้างๆ
    เพื่อมาดูใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ ทำเอาตอนแรกอายะจังถึงกับสะดุ้งแต่สักพักนักดาบน้อยก็ต้องแปลกใจ
    เพราะตอนนี้พี่โคโนกะกำลังเอานิ้วเช็ดคราบน้ำตาที่มันยังหลงเหลือบนใบหน้าของเธอออกอย่างอ่อนโยน

    อายะจังมองกระกระทำนั่นด้วยความไม่เข้าใจ แต่โคโนกะที่กำลังยิ้มเศร้าๆอยู่ก็เข้ามาลูบหัวของอีกฝ่ายแล้วก็พูดขึ้นมาว่า

    “เด็กๆอย่างอายะจังมันไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกน่ะ ดูสิ......ตาช้ำหมดเลย เซ็ตจังพูดถูก ตาของอายะจังเหมือนกับเซ็ตจังจริงๆด้วย ตาสวยๆแบบนี้แต่กลับต้องมาร้องไห้มันน่าเสียดายออกน่ะ”

    ...พูดไปโคโนกะก็ยิ้มออกมาตามแบบพี่สาวที่แสนดีเหมือนทุกครั้ง แม้มันจะแฝงไปด้วยความเศร้าอยู่เต็มเปี่ยมก็ตาม
    อายะจังที่มองดูอยู่ตลอดก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก นักดาบน้อยที่ยังไม่กล้าสู้หน้าพี่โคโนกะนักก็พูดกับอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเสียใจจากก้นบึ้งออกมาว่า

    “เรื่องเมื่อวาน.........หนูขอโทษค่ะที่โกหกพี่โคโนกะไปแบบนั้น ทำให้พี่ต้องเสียใจมากๆ คือหนู.....”
    “พอเถอะจ๊ะ เมื่อกี้อายะจังก็พูดคำนี้มาจนเกินพอแล้ว คำพูดทุกคำเมื่อกี้มันพาลทำให้พี่โกรธอายะจังไม่ลง พี่รู้แล้วหล่ะจ๊ะว่าอายะจังรู้สึกเสียใจกับเรื่องเมื่อวานมากขนาดไหน แต่ที่พี่อยากรู้ก็คือพี่จะทำยังไงกับเรื่องของพวกเราต่างหาก....”

    ......อายะจังที่ได้ฟังก็สมองชาไปในทันที นั่นสิน่ะ...ตอนนี้พวกพี่ๆก็รู้ความรู้สึกของเธอไปแล้ว...
    พี่โคโนกะจะกังวลเรื่องนี้มันก็ไม่แปลกหรอกน่ะ งั้น..เราก็ต้องรับผิดชอบสิ ก็เรามันตัวปัญหานี่นา
    จากการที่เธอเห็นพี่โคโนกะนิทราไปแม้มันจะเป็นแค่การหลอกแต่มันก็อาจะเกิดขึ้นจริงๆได้เพราะการกระทำที่เอาแต่ใจแบบนั้น

    คิดได้อย่างนั้น อายะจังที่ตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวก็หันไปสบตากับพี่โคโนกะที่กำลังลูบผมของเธออยู่ด้วยแววตาที่จริงจังและพูดขึ้นมาว่า
    “หนูจะเป็นฝ่ายไปเองค่ะ~ หนูจะกลับไปอยู่กับพี่ฟูตะที่หมู่บ้าน...มันจะได้จบปัญหาของเรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไงค่ะ”
    “แต่ถ้าทำแบบนั้น..........เซ็ตจังคงไม่ยอมหรอกน่ะ”
    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ แต่ถ้าอธิบายดีๆพี่เซ็ตซึนะก็คงจะ...อ๊ะ”

    ....ทว่า..ยังไม่ทันจะพูดจบ อายะจังก็ถูกโคโนกะดึงเข้าไปกอดเสียแน่น
    ทำเอานักดาบน้อยอึ้งไปทันทีกับการที่เธอถูกสัมผัสด้วยความรักเช่นนั้นทั้งๆที่อีกฝ่ายควรจะโกรธเธออยู่ถึงจะถูก และโคโนกะที่ยังคงกอดน้องสาวตัวน้อยตรงหน้าอยู่เสียนานก็เผยยิ้มออกมาพลางพูดขึ้นว่า

    “และพี่เองก็ไม่ยอมเหมือนกันจ๊ะอายะจัง พี่อุตส่าห์ได้น้องสาวที่น่ารักแบบนี้มาอยู่ด้วยทั้งที พี่ไม่อยากให้อายะจังจากไปไหนทั้งนั้นหรอกน่ะ ถึงเมื่อวานพี่จะโกรธและเสียใจเอามากๆก็เถอะ”

    ....พูดจบโคโนกะก็ยิ้มให้กับอายะจังอย่างอารมณ์ดีโดยปราศจากความเศร้าใดๆทั้งสิ้น
    มันเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขอันแท้จริงที่แสดงให้เห็นว่าที่เธอพูดออกมามันไม่ใช่เรื่องโกหก
    ถึงเมื่อวานเธอจะโกรธอายะจังมากเลยก็เถอะ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังรักเด็กน้อยตรงหน้าคนนี้ไม่เปลี่ยน
    และเซ็ตจังเองเมื่อตอนที่รู้เรื่องที่เธอเจอมาเมื่อวานก็ตกใจอยู่มากเหมือนกัน

    ตอนแรกเซ็ตจังยังช็อคเอามากๆและทั้งๆที่ตัวเองก็เริ่มรู้สึกโกรธอายะจังขึ้นมาบ้าง
    แต่เซ็ตจังก็ยังแก้ต่างให้อายะจังสุดฤทธิ์ พยายามพูดกล่อมเธอให้อภัยให้กับอายะจังและพูดว่าตัวเองเป็นคนผิดเองที่ดูแลองค์หญิงน้อยไม่ดีทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ จนเธอทั้งใจอ่อนและน้อยใจในเวลาเดียวกัน ก็จะไม่ให้เธอน้อยใจได้ยังไงหล่ะ? เพราะนอกจากเธอที่เป็นองค์หญิงของเซ็ตจังแล้ว
    ก็มีอายะจังนี่แหล่ะที่เซ็ตจังดูจะหวงซะเหลือเกิน ทั้งห่วงและหวง แคร์ความรู้สึกเอามากๆ จนเธอเหมือนถูกแบ่งความรักไป ความรู้สึกเช่นนี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเธอไม่รู้ว่าอายะจังรักเซ็ตจังแบบเกินพี่น้อง
    แต่เธอก็ดันมารู้แล้วนี่น่ะ แล้วเมื่อวานเธอก็เสียใจเอามากๆด้วย

    ด้วยความที่ทั้งเธอและเซ็ตจังไม่ได้คุยกันตรงๆมาเป็นเวลานาน ความเชื่อใจในตัวอีกฝ่ายมันก็เลยลดลงและเปราะบางเอามาๆจนเธอไม่รู้ตัว ทางด้านอายะจังเองที่ยังถูกพี่โคโนกะกอดไว้เสียแน่น
    มันทำเอาเธอรู้สึกผิดยิ่งๆขึ้นไปอีก และนักดาบน้อยเองที่ไม่อยากจะสร้างปัญหามากไปกว่านี้ก็ยืนกรานความคิดเดิมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มอารมณ์เศร้าเต็มที่ว่า

    “แต่พี่โคโนกะค่ะ....ให้หนูไปเถอะน่ะค่ะ ทำแบบนี้แล้วพี่ๆก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แล้วหนูก็ไม่ได้อยากไปเพราะโกรธพวกพี่ๆด้วย หนูอยากไปเพราะหนูรักพวกพี่ๆมากต่างหาก น่ะค่ะพี่โคโนกะ~ วิธีนี้....มันดีที่สุดแล้วหล่ะค่ะ”

    ...โคโนกะที่ได้ฟังก็ได้แต่ทำหน้าปลงตกเล็กๆ ก่อนจะพูดออกทำนองบ่นๆออกมาให้อีกฝ่ายฟังว่า...
    “ไม่เอา..ยังไงพี่ก็ไม่ให้ไปหรอกน่ะอายะจัง เฮ้ออ!~~ ชอบเอาแต่หนีทั้งคู่เลยน้า~~
    ทั้งเซ็ตจังและอายะจังเนี้ย พวกซากุระซากิชอบแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้หรือไงน่ะ
    ตอน ม.ต้นเซ็ตจังก็เอาแต่หนีพี่มาทีนึงแล้ว แล้วอายะจังก็จะมาหนีพี่ไปอีก
    จะว่าพี่โหดร้ายหรือเอาแต่ใจอะไรก็ได้น่ะ แต่พี่ขอร้องหล่ะอายะจัง....อยู่กับพี่อยู่กับเซ็ตจังต่อเถอะน่ะจ๊ะ
    ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น พี่ไม่อยากต้องมาไล่ตามอายะจังอีกคนเหมือนตอนที่เซ็ตจังเอาแต่หนีพี่อีก
    น่ะจ๊ะ~ แค่คิดพี่ก็เหนื่อยแล้วหล่ะ ”

    .....ได้ฟังอายะจังก็นึกทั้งรักและสงสารพี่สาวตรงหน้ายิ่งกว่าเดิม ทั้งๆที่เธอก็ทำตัวร้ายกาจกับพี่โคโนกะเสียขนาดนั้น
    และพี่โคโนกะก็ยังต้องโกรธเธออยู่ แต่อีกฝ่ายก็ยังอยากจะให้เธออยู่ด้วยความเต็มใจ
    ทว่า..ถ้าให้เธออยู่ต่อ เธอคงจะรู้สึกเจ็บกับทุกครั้งที่พี่เซ็ตซึนะอยู่กับพี่โคโนกะแน่ๆ
    มันช่างเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากเสียจริง..คิดได้ดังนั้นนักดาบน้อยที่ครุ่นคิดหนักก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่พูดออกมาตรงๆว่า

    “บางทีที่พี่โคโนกะอยากจะให้หนูอยู่ต่ออาจจะเพราะนึกสงสารหนูก็ได้น่ะค่ะ แต่จะอยู่หรือไป หนูก็ต้องรู้สึกเจ็บอยู่ดี สู้ให้หนูไปจะได้เจ็บน้อยกว่าไม่ดีกว่าเหรอค่ะ พี่โคโนกะก็จะได้สบายใจด้วย เพราะไม่ว่ายังไง.....หนูก็รักพี่เซ็ตซึนะแค่เพียงฝ่ายเดียวอยู่แล้ว ก็พี่เซ็ตซึนะเขามีแต่พี่โคโนกะคนเดียวไม่เปลี่ยนเลยนี่ค่ะ”

    ...อายะจังพูดลงท้ายด้วยความเศร้า โคโนกะที่มองอยู่ก็นึกสงสารน้องสาวตรงหน้าขึ้นมาทันที
    เรื่องของหัวใจ..มันเป็นอะไรที่ห้ามไม่ได้นี่น่ะ ความรักมันทำให้คนเรากล้าทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั้งอย่างที่อายะจังโกหกเธอไว้เมื่อวานมันก็เป็นตัวอย่างที่ดี

    เซ็ตจังเองก็เช่นกัน....เซ็ตจังก็กล้าทำอะไรที่ดูเลวร้ายมากมายเพียงเพราะต้องการเธอมานักต่อนัก
    ก่อนจะกลับมาเป็นเซ็ตจังคนเดิมเหมือนทุกวันนี้ ทว่าที่อายะจังรู้สึกไปนั่นมันไม่ใช่เพียงฝ่ายเดียวอย่างที่นักดาบน้อยบอกนี่ คิดได้ดังนั้น โคโนกะที่เริ่มจะมีสีหน้าที่เศร้าขึ้นมาอีกหน ก็กลับมาทำตัวให้เป็นปรกติและพูดขึ้นว่า

    “ไม่หรอกน่ะ~ เซ็ตจังเองก็รักอายะจังไม่แพ้กันเลยหล่ะ~”
    “...ค่ะ ก็รักแบบน้องสาวพี่สาวเท่านั้นแหล่ะค่ะพี่โคโนกะ”
    “ไม่ใช่.....”
    “ค่ะ?”
    “เอาอย่างนี้!~ อายะจังมีสิทธิ์บอกเรื่องนี้ให้ใครต่อใครฟังก็ได้ แต่อายะจังต้องสัญญากับพี่ก่อนว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครว่าอายะจังรู้เรื่องนี้มาจากพี่ ยิ่งโดยเฉพาะกับเซ็ตจัง ตกลงไหมจ๊ะ?”
    “.....มันเป็นความลับมากเลยหรือค่ะ?”
    “ก็ทำนองนั้นหล่ะจ๊ะ แต่พี่จะไม่บอกจนกว่าอายะจังจะยอมตกลง สัญญาด้วยเกียรติ์ของนักดาบชินเมริวเลยน่ะ”

    ....อายะจังที่ไม่รู้ว่าพี่โคโนกะของเธอกำลังจะพูดเรื่องสำคัญอะไร แต่นักดาบน้อยก็พยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงตกลงอย่างแน่นหนัก
    พอพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรีของนักดาบที่เธอถูกปลูกฝังโดยพี่เซ็ตซึนะมาเธอไม่ชักช้าที่จะทำตามที่สัญญาไว้เช่นนั้นหรอก
    โคโนกะที่ได้เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มให้เล็กๆแม้เธอจะรู้สึกเจ็บที่ต้องพูดมันออกมาก็ตาม
    แล้วเธอที่ตั้งใจจะเปิดเผยเรื่องนี้อยู่แล้วก็ทำสีหน้าที่จริงจังไปให้กับน้องสาวตรงหน้าและพูดขึ้นว่า

    “ให้ฟังดีๆน่ะจ๊ะอายะจัง อายะจัง.....ไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวหรอกน่ะ อายะจังคิดกับเซ็ตจังยังไง เซ็ตจังก็แอบคิดอย่างนั้นกับอายะจังเหมือนกันแหล่ะ”
    “????”

    ...สิ้นคำ...อายะจังหันไปมองหน้าพี่โคโนกะขวับด้วยใบหน้าตื่นๆ
    คิ้วชนกันด้วยความฉงนและส่งสายตาเป็นคำถามอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ
    และโคโนกะที่อ่านสายตานั่นออกก็พยักหน้าให้เพื่อเป็นการยื่นยันก่อนจะหันไปมองที่ประตูของห้องนอนโดยไม่รู้ตัว

    โคโนกะที่ตอนนี้มีแววตาที่แอบเศร้าอยู่บ้างที่พูดไปแบบนั้นก็นั่งนิ่งไม่พูดอะไรออกมาอีกนอกจากยิ้มๆ
    แต่..อายะจังที่ได้ฟังไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด! ยังไงก็ไม่เชื่อ!~
    ก็เมื่อคืน...เมื่อคืนเธอที่อุตส่าห์พูดกับพี่เซ็ตซึนะถึงขนาดนั้น ทั้งอ้อนวอนและร้องไห้แสดงความในใจทั้งหมดออกมา
    แต่พี่เซ็ตซึนะก็ไม่เห็นมีท่าทีจะยอมรับรักเธอตอบเลยซักนิด!!
    แล้วทำไม..แล้วทำไมพี่โคโนกะถึงจะพูดทำนองว่าพี่เซ็ตซึนะก็คิดตรงกันกับเธอหล่ะ!!

    ด้วยอารมณ์ที่กำลังสับสนเต็มที่ อายะจังที่หัวใจกำลังพองโตเล็กๆก็หันไปถามกับพี่สาวตรงหน้าทันที

    “พะ..พะ...พี่โคโนกะรู้ได้ยังไงค่ะ? มัน..มันเป็นไปไม่ได้หรอก!~ ก็เมื่อคืนพี่เซ็ตซึนะเขาปฏิเสธหนูไปแล้ว!~ จริงๆน่ะค่ะ ไม่ว่าจะยังไงพี่เซ็ตซึนะก็บอกหนูว่าพี่เซ็ตซึนะมีพี่โคโนกะคนเดียว พี่โคโนกะแค่อยากจะปลอบใจหนูใช่ไหมค่ะ?”
    “ถ้ามันเป็นแค่คำปลอบก็ดีน่ะสิอายะจัง แต่ที่พี่พูดออกมามันเป็นความจริง เซ็ตจังเขาแอบชอบอายะจังมาตลอดนั่นแหล่ะ รักอายะจังเอามากๆด้วย ตั้งแต่อายะจังยังเด็กๆเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าเซ็ตจังคงเห็นแก่พี่เลยพยายามทำเป็นลบมันออกไปและก็หักห้ามใจตัวเองให้รักอายะจังแบบน้องสาวแทน ถึงจะปิดพี่เอาไว้ยังไงพี่ก็รู้อยู่ดีนั่นแหล่ะ ก็ทั้งความเป็นห่วงและหวงอายะจังเกินน้องมันแทรกออกมาผ่านไดอารี่ที่เขียนคุยกับพี่ตลอดหกปีเลยนี่น่า.....ไม่แน่...ข้อได้เปรียบอย่างเดียวที่ทำให้เซ็ตจังยังมั่นคงกับพี่อาจจะเป็นเรื่องของเวลาก็ได้ พี่โชคดี.......ที่ได้เจอเซ็ตจังก่อนอายะจังยังไงหล่ะ~”

    .....ยิ่งคิดความจริงในข้อนี้โคโนกะก็ยิ่งเศร้าใจ แต่ก็ใช่ว่าเซ็ตจังของเธอจะผิดซะทีเดียว
    การที่เซ็ตจังแอบชอบอายะจังเกินน้องมาแสนนาน...มันไม่น่าแปลกใจเลยซักนิด
    ใครจะไม่รู้สึกหลงรักคนที่ยอมรับตัวตนของตนได้ทุกอย่างแบบนั้นหล่ะ การที่อายะจังเข้ามาในตอนนั้น
    เข้ามากอดปีกอย่างรักใคร่ เข้ามาพูดคุยอย่างกันเองด้วยท่าทางไร้เดียงสามันคงจะเติมเต็มส่วนที่เธอมอบให้เซ็ตจังไม่ได้ซะหล่ะมั้ง?

    ใช่ไหมหล่ะเซ็ตจัง? ..ไม่อย่างนั้นตอนนั้นเซ็ตจังคงไม่กลับไปหาอายะจังอีกทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องมีคนของสหพันธ์รออยู่หรอก
    ถึงจะอ้างว่าเซ็ตจังได้สัญญาเอาไว้ก็เถอะแต่ความจริงแล้วเซ็ตจังอยากจะไปเจออายะจังเร็วๆ
    จนลืมตัวทำอะไรที่เสี่ยงแบบนั้นไปต่างหาก ถ้าเราไปหาอายะจังหลังจากที่เรื่องมันซาๆไปฉันคงไม่นึกเอะใจเลยซักนิด
    ก็การที่กล้าเอาฉันซึ่งถูกคนของสหพันธ์ตามล่าอยู่ไปเสี่ยงแบบนั้นมันผิดวิสัยของเซ็ตจังนี่น่ะ

    แต่เอาเถอะเรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ และเซ็ตจังเองก็พยายามลืมและปิดบังความรู้สึกนี้ไม่ให้ฉันรู้มาตลอด
    ฉันก็เลยขอรับความปรารถนาดีนั่นและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้มาเสมอเช่นกัน
    และขณะที่คิดอะไรเพลินๆอย่างเหม่อลอย อายะจังเองที่นิ่งด้วยหัวใจที่เต้นตึกตักด้วยความรู้สึกดีใจไปนาน
    ก็ครุ่นคิดไปสักพักถึงเรื่องเมื่อวาน ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้นว่า

    “พะ..พะ..เพราะแบบนี้ใช่ไหมค่ะ พอหนูบอกว่าหนูคบกับพี่เซ็ตซึนะ พี่โคโนกะเลยเชื่อหนูสนิทและหนีออกไปทันที แต่พี่โคโนกะค่ะ..หนูกล้ายืนยันได้เลยว่าพี่เซ็ตซึนะเขาไม่มีทางทำแบบนั่นเด็ดขาด!~ถึงแม้..ถึงแม้พี่เซ็ตซึนะจะแอบชอบหนูก็เถอะ แต่พี่เซ้ตซึนะก็ยังมั่นคงกับพ่เหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นพี่เซ็ตซึนะคงฉวยโอกาสเมื่อวานกับหนูไปแล้ว ที่หนูพูดมาถูกต้องไหมค่ะ?”

    “จ๊ะ~ ความจริงพี่ก็ควรจะยึดมั่นแบบนั่นและเซ็ตจังก็ทำได้จริงๆเสียด้วย งั้น.... พี่ต้องขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้น่ะจ๊ะ แต่....อายะจังลองมาคิดกลับกันดูน่ะ
    ถ้าอายะจังลองมาเป็นพี่ที่ไม่ได้คุยกับเซ็ตจังมาเลยตลอดหกปี ไม่รู้เลยว่าเวลาที่เซ็ตจังอยู่กับอายะจังทำตัวยังไง ได้เห็นภาพแบบนั่น ได้ฟังคำพูดว่าคบกันอยู่จากปากของน้องสาวที่ไม่เคยพูดโกหกกับตัวเองมาก่อน แล้วยังรู้มาตลอดว่าเซ็ตจังเองก็แอบมีใจให้ด้วยอีก เป็นอายะจัง..อายะจังยังจะเชื่อใจเซ็ตจังได้เต็มร้อยอีกเหรอจ๊ะ มันต้องมีหวั่นๆบ้างหล่ะ แต่พี่หน่ะเชื่อคำพูดของอายะจังเข้าไปเต็มๆเลย...นิสัยไม่ดีเลยเนอะ ”

    .....พูดจบโคโนกะก็ยิ้มให้กับตัวเองอย่างเศร้าๆ ก็เธอเผลอไปตบเซ็ตจังทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่มีความผิดนี่น่ะ สงสัยต้องไปขอโทษเรื่องนี้เอาทีหลังแล้วหล่ะมั้ง? แต่ด้วยคำพูดดังกล่าวมันทำเอาอายะจังอึ้งไปทันที ที่เรื่องเมื่อวานมันเกิดขึ้นและทำให้พี่โคโนกะเสียใจก็เพราะเธอคนเดียวนั่นแหล่ะ เธอควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อแก้ไขมัน...แต่จะทำยังไงน่ะ? และโคโนกะเองที่กำลังนึกเสียใจที่ตบองครักษ์สาวของเธอเมื่อเช้าไปเสียนาน ก็เอ่ยความคิดขึ้นมาว่า

    “....หรือว่าเรื่องปัญหาของพวกเราจะให้เซ็ตจังเป็นคนเลือกดีน่ะ เลือกว่าจะทำยังไงต่อไปถ้าพี่บอกไปว่าพี่รู้ตั้งนานแล้วว่าเซ็ตจังคิดยังไงเรื่องของอายะจัง........ยังไงๆพวกเราก็รักเซ็ตจังมากๆทั้งคู่เลยนี่น่า ...ให้ตัวเซ็ตจังตัดสินก็คงดีที่สุดแล้วหล่ะน่ะ ถ้าจะคบพวกเราทั้งสองคนพี่ก็ยอมน่ะ”
    “พี่โคโนกะ....?”
    “?? อะไรเหรอจ๊ะอายะจัง?”
    “มัน......ไม่จำเป็นหรอกค่ะ”
    “ เอ๋!?~~”
    “อย่าให้พี่เซ็ตซึนะเขาลำบากใจเลยน่ะค่ะ ให้หนูเป็นฝ่ายไปเองดีกว่า...”
    “แต่อายะจังจ๊ะ ก็พี่บอกแล้วว่าไม่ว่ายังไง พี่ก็ไม่อยากจะให้อายะจังไปไหนยังไงหล่ะ”
    “ไม่ใช่ไปแบบนั่นค่ะ แต่....ไปจากใจ หนูจะเป็นคนตัดใจไปเอง พี่โคโนกะเข้าใจที่หนูพูดไหมค่ะ?”

    .....อายะจังที่พูดออกมาด้วยสายตาที่เศร้าๆแต่ก็แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นเต็มหัวใจ มันพาลเอาโคโนกะไม่เข้าใจในทันที ตัดใจอย่างนั้นเหรอ? ก็อายะจังเองก็รักเซ็ตจังเอามากๆเลยนี่น่า แค่เรื่องเมื่อวานก็ทำให้ฉันรู้ซึ้งพอถึงเรื่องความรู้สึกที่แท้จริงของอายะจังแล้ว แถมอยู่ๆคนเรามันจะมาตัดใจกับเรื่องแบบนี้ง่ายๆได้ยังไงกัน? คิดได้ดังนั้น โคโนกะที่นึกสงสารน้องสาวตรงหน้าขึ้นมาจับใจก็โต้ขึ้นมาทันที

    “ไม่ได้น่ะ!~ พี่ไม่เชื่อหรอกว่าอายะจังจะทำได้ ไม่ใช่สิ!~ ไม่ใช่ไม่เชื่อ!~ แต่พี่ไม่อยากให้ทำต่างหาก อายะจังจ๊ะ พี่รู้ว่าอายะจังยังรู้สึกผิดกับเรื่องเมื่อวานเอามากๆ แต่ซักวัน อายะจังก็จะหนีและฝืนหัวใจของตัวเองไปไม่พ้นอยู่ดี .แล้วเหตุการณ์มันก็จะกลับมาเป็นแบบนี้อีก พี่ว่าให้เซ็ตจังเลือกเองดีกว่า..แบบนี้แล้วพวกเราก็จะยอมรับสิ่งที่เซ็ตจังเลือกได้โดยสดุดีและไม่มีอะไรติดค้างด้วย”
    “หนูถึงยิ่งต้องทำยังไงหล่ะค่ะ หรือว่าพี่โคโนกะรู้แล้วว่าพี่เซ็ตซึนะเลือกว่าจะทำยังไง?”
    “.....................ไม่รู้สิจ๊ะ พี่ไม่รู้....ไม่รู้จริงๆ”
    “เห็นไหมค่ะ? พี่โคโนกะเองก็ยังไม่รู้ เพราะพี่รู้อยู่แก่ใจว่าพี่เซ็ตซึนะต้องคิดหนัก จนเลือกที่จะทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ จนแม้แต่พี่โคโนกะเองยังเดาใจไม่ถูก
    และบางทีการทำอย่างนี้มันอาจจะทำให้พวกเรามองหน้ากันไม่ติดอีกเลยก็ตลอดชีวิต
    ถ้าจนแล้วจนรอดพี่เซ็ตซึนะยังไม่ยอมเลือกอะไรเลยซักอย่าง แล้วอีกอย่างหนูเองก็อยากที่จะอยู่กับพวกพี่ต่อไปค่ะ ถึงแม้ตอนนี้หนูจะเจ็บเอามากๆ
    แต่หนูมั่นใจว่าหนูต้องทำได้ เพราะหนูเองก็รักพี่โคโนกะมากๆเหมือนกัน หนูไม่อยากจะทำร้ายพี่สาวที่แสนดีของหนูอีก ”
    “แต่..อายะจังจ๊ะ พี่ว่า...”
    “เชื่อหนูสิค่ะ เชื่อเหมือนที่พี่เชื่อพี่เซ็ตซึนะมาตลอด
    หนูขอเอาเกียร์ติของนักดาบชินเมริวมาเป็นประกันค่ะว่าต่อแต่นี้หนูจะเป็นน้องสาวที่น่ารักของพี่ๆทั้งสองคนตลอดไป
    ไม่มีทางเกินไปกว่านี้อีกเพราะหนูจะไม่บอกพี่เซ็ตซึนะเรื่องที่หนูรู้ว่าพี่เขาแอบชอบหนูอยู่แล้วด้วย
    และถ้าเกิดว่าพี่โคโนกะยัง ...เอ่อ..ยังติดใจเรื่องของเมื่อวาน...”

    .....พูดยังไม่ทันจบประโยค อายะจังก็หน้าแดงแป๊ดด้วยความอายทันที
    เพราะภาพที่เธอไปจูบพี่เซ็ตซึนะเมื่อวานมันผุดเข้ามาในหัว จากสายตาของเมื่อกี้ที่ดูเด็ดเดี่ยวแฝงไปด้วยความเศร้ากลับมาเป็นความเขินอายอีกครั้ง ทำเอาโคโนกะที่มองก็ยังงงๆ
    แต่การที่อายะจังตัดสินใจทำแบบนั่นมันดูเอาเปรียบอายะจังเกินไปมันน่าแปลกใจมากๆที่อายะจังเลือกที่จะทำแบบนี้หลังจากที่รู้ความจริงว่าเซ็ตจังก็ชอบอายะจังไม่ต่างกัน
    ถึงอายะจังจะรู้สึกผิดเรื่องของเรามากๆเลยก็เถอะ...แต่ถึงขนาดจะถอดใจไปง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?

    แล้วซักพักอายะจังที่เอาแต่หน้าแดง หลบสายตาพี่โคโนกะไปพักใหญ่ก็รวบรวมความกล้าพูดออกมาว่า

    “ พี่โคโนกะค่ะ คือหนู....หนูจะขอคืนค่ะ จูบของที่เซ็ตซึนะที่ควรจะเป็นของพี่โคโนกะคนเดียวเมื่อวาน หนูขอคืนให้พี่โคโนกะทั้งหมดเลยค่ะ”

    ...พูดจบอายะจังที่หน้าแดงก่ำที่สุดก็ค่อยๆลุกขึ้นมาและใช้ริมฝีปากของตัวเองจูบกับของพี่โคโนกะโดยไม่ทันตั้งตัว
    ทำเอาโคโนกะตัวร้อนผ่าวแล้วก็ตกใจเอามากๆในเวลาเดียวกันกับการคืนจูบที่อายะจังบอก
    ถ้าเธอไม่รู้ว่าตรงหน้าคืออายะจังหรือถ้าเธอไม่ได้คิดไปเองหล่ะก็...เธอแทบจะแยกรสจูบที่เธอกำลังได้รับอยู่ไม่ออกเลยทีเดียวว่ามันเป็นของอายะจังหรือเซ็ตจังกันแน่

    แล้วสักพักอายะจังก็ถอนริมฝีปากของตนออกมา แม้จะรู้สึกอายกับการกระทำเมื่อสักครู่ของตัวเองมากๆ
    แต่เธอต้องการให้พี่โคโนกะไว้ใจเธออย่างแท้จริงเธอจึงเลือกที่จะทำเช่นนี้
    แล้วอายะจังก็ยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายแม้ตนเองยังหน้าแดงก่ำไม่หายเลยก็ตามก็พูดขึ้นว่า

    “เพราะหนูรักพี่โคโนกะและรักพี่เซ็ตซึนะมากๆ มากเกินกว่าจะทำร้ายพี่ๆที่แสนดีกับหนูได้ลงหนูถึงทำแบบนี้ พี่โคโนกะต้องเชื่อในตัวหนูน่ะค่ะ”
    “อายะจัง....”
    “พี่โคโนกะอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมหนูถึงตัดสินใจอะไรได้เร็วแบบนี้ นั้นมันก็เพราะพี่โคโนกะนั่นแหล่ะค่ะ ความดีของพี่ทำให้หนูละอายเกินกว่าที่จะที่จะทำตามใจตัวเองได้อีก การที่หนูต้องมาร้องไห้ตอนที่พี่โคโนกะแกล้งหลับไปทำให้หนูคิดได้ ความสุขบางอย่าง...เราไปแย่งมันมาไม่ได้ และบางทีการที่เรามองดูความสุขที่เราต้องการอยู่ห่างๆมันอาจจะมีความสุขมากกว่าก็ได้ เพราะอย่างน้อยเราก็จะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิดที่ไปแย่งมันมา
    แต่ที่หนูพูดมาทั้งหมดไม่ใช่เพราะหนูฝืนใจทำน่ะค่ะแต่หนูเต็มใจ ฉะนั้น...ได้โปรดรับความปรารถนาดีจากน้องสาวคนนี้ด้วยน่ะค่ะ
    ไม่ต้องกังวลและเป็นห่วงเรื่องของหนูอีกเพราะช่วงเวลาในตอนนี้มันสมควรเป็นของทั้งพี่โคโนกะและพี่เซ็ตซึนะเสียที”

    ....ได้ฟังโคโนกะถึงกับอึ้งกับความคิดนั้นไปโดยทันที อายะจังเป็นแค่เด็กแท้ๆ
    ..แต่กล้าที่จะตัดใจ มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่และเสียสละได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    โคโนกะที่นั่งคิดทบทวนอยู่นานพลางมองไปที่แววตาอันกระตือรือร้นของอายะจัง เธอจึงได้แต่ยิ้มน้อยๆและพยักหน้าให้ ก่อนจะพูดกับน้องสาวของเธอขึ้นว่า

    “จ๊ะ~ พี่ขอรับความปรารถนาดีอันนี้ของอายะจัง ขอบใจน่ะที่ทำเพื่อพี่..ขอบใจ..ขอบใจจริงๆ”

    ..พูดจบ โคโนกะก็คว้าตัวอายะจังมากอดไว้แน่น เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาอีกให้กับน้องสาวที่แสนน่ารักคนนี้ตรงหน้า มันเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เอามากๆ แต่ถ้าจะพูดตรงๆ เธอเองก็เห็นแก่ตัวถ้าจะพูดว่าเธอดีใจที่มันจบแบบนี้
    เพราะเธอยังรักเซ็ตจังของเธอได้ต่อไปแล้วยังได้อายะจังมาอยู่ด้วยอย่างที่หวัง มันจะมีอะไรน่ายินดีไปกว่านี้อีกไหมน่ะ?

    และอายะจังที่กอดพี่สาวของเธอตอบแม้จะรู้สึกเสียใจอยู่บ้างแต่ความยินดีมันมีมากกว่า
    มีความสุขใจที่มากกว่า เพราะสุดท้ายแล้วความปรารถนาที่อยากจะให้พี่ๆทั้งสองอยู่อย่างมีความสุขมันก็ประสบผลสักที

    ...แล้วหลังจากนั้น อายะจังก็ขอตัวไปคุยกับพี่เซ็ตซึนะที่รออยู่ข้างนอก
    โคโนกะมองตามด้วยความรู้สึกยินดีและรู้สึกผิดเล็กๆในเวลาเดียวกัน
    แล้วสักพักเธอที่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็ไปสะดุดกับกระดาษแผ่นนึงที่มันแล่บออกมาจากหมอนหนุนของเซ็ตจัง
    และเมื่อเธอลองไปหยิบมันออกมาดูองค์หญิงก็ต้องตกตะลึง เพราะมันเป็นกระดาษพยนต์ที่เซ็ตจังของเธอใช้เป็นประจำ
    เพื่อเสกร่างจำแลงออกมานี่ แต่เมื่อกี้ตอนเข้ามา ถึงเธอจะหลับตานิ่งแต่เธอก็มั่นใจว่ามันไม่ได้โผล่ออกมาแบบนี้แน่ๆ
    ครุ่นคิดไปซักพักโคโนกะก็ค่อยๆยิ้มออกมาน้อยๆให้กับกระดาษพยนต์นั่นและเปรยออกมาเบาๆว่า

    “พอเป็นเรื่องของอายะจังแล้วก็เป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาทุกทีเลยน่ะ คุณองครักษ์หลายใจ ไม่ไว้ใจกันบ้างเลยน่ะ”

    .....หลังจากนั้น อายะจังที่เข้าไปเล่าเรื่องเมื่อวานให้ฟังและคุยเคลียร์กับพี่เซ็ตซึนะของเธอด้วยท่าทางที่ปกติที่สุดแกมสำนึกผิดก็ทำเอาองครักษ์สาวถึงกับยิ้มออกและรู้สึกดีใจที่เรื่องทุกอย่าง
    มันจบลงด้วยดีไปด้วย เธอเข้าไปลูบหัวขององค์หญิงน้อยตรงหน้าอย่างเอ็นดูและรักใคร่ จนอายะจังเองก็รู้สึกดีใจมากขึ้นไปอีกกับที่พี่เซ็ตซึนะของเธอไม่ถือโทษโกรธเธอเรื่องเมื่อวาน
    เซ็ตซึนะที่ทำท่ามีความสุขออกมาให้อายะจังเห็นจนพาลเอาเรื่องกังวลทุกอย่างที่เธอมีในเรื่องนี้ได้หมดไป

    ....ถึงแม้ในใจของเธอในตอนนี้ เธอจะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอได้รับรู้มาเมื่อสักครู่นี่ก็ตาม...
    .......................................................................................................................................................

    .............................

    สองอาทิตย์ต่อมา...ในห้องพักรับรองของมาโฮระ

    ...เซ็ตซึนะที่มาแวะคุยกับเนกิและอาซึนะก็กำลังสนทนากับอดีตสหายร่วมรบอย่างออกรสระหว่างที่รอโคโนกะกลับมาจากการซื้อของ
    “โธ่!~~ คุณเซ็ตซึนะเลยอดไปงานแต่งของพวกเราเลย น่าเสียดายเนอะเนกิ”
    “นั้นสิครับ ทุกๆคนในห้อง3-a ก็จะไปร่วมงานกับเกือบหมดเลยน่ะครับ ขาดก็แต่คุณคาเอเดะที่ติดสอบเลื่อนขั้นอยู่เท่านั้นเอง ทั้งๆที่นัดแขกเหรื่อได้มากขนาดนั้นแล้วแท้ๆ แต่พวกเราก็ต้องยกเลิกงาน พวกเราไม่น่าติดแข่งงานประลองที่เยอรมันกะทันหันเลยหล่ะครับ”
    “ค่ะ ดิฉันเองก็เสียดายเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรหรอกน่ะค่ะ โอกาสหน้าก็ยังมี ถ้ากำหนดงานแต่งงานได้อีกครั้งก็รีบบอกมาน่ะค่ะ รับรองดิฉันกับโคโนจังต้องไปร่วมด้วยแน่ๆ ”
    “แน่นอนครับ พวกเราต้องบอกคุณเซ็ตซึนะกับคุณโคโนกะให้เร็วที่สุดอยู่แล้ว เพราะไม่ว่ายังไงเพื่อนฝ่ายเจ้าสาวก็ต้องเป็นคุณโคโนกะไม่เปลี่ยน”
    “แล้วเพื่อนฝั่งเจ้าบ่าวคือใครหรือค่ะ? หรือว่าจะเป็นคุณโคทาโร่?”
    “ครับ!~ ถึงฝ่ายนั้นจะไม่อยากเข้าโบสถ์สักเท่าไหร่ คุณเอวาเจลีนก็ด้วย แต่พวกเขาก็ยอมมาน่ะครับ”
    “ดีจังเลยน่ะค่ะ แล้วอย่างนี้ใครจะมาเป็นคนจูงเจ้าสาวอย่างคุณอาซึนะเข้าโบสถ์หล่ะค่ะ? ขอโทษที่ต้องถามน่ะค่ะ แต่ปรกติคนจูงเจ้าสาวต้องเป็นคุณพ่อไม่ใช่หรือค่ะ?”
    “แหมๆๆ!~~~ ก็จะใครซะอีกหล่ะจ๊ะเซ็ตจัง นอกจากอดีตหวานใจของอาซึนะจัง อาจารย์ทาคาฮาตะยังไงหล่ะ!~~”

    ....แล้วเสียงอันร่าเริงของโคโนกะก็ดังขึ้นมา พร้อมๆกับร่างของสาวผมยาวที่ในมือถือมีของกินอยู่เต็มสองถุง
    เธอที่เพิ่งกลับมาจากการซื้อของก็กลับมานั่งคุยกับทั้งสามคนในห้องพักของอาซึนะและเนกิด้วยท่าทางร่างเริงด้วยคำพูดพี่โคโนกะเพิ่งพูดนั่นทำเอาอาซึนะที่หน้าแดงอยู่รีบสวนเพื่อนรักของเธอกลับว่า

    “อด่งอดีตอะไร? จะยังไงอาจารย์ทาคาฮาตะก็ดูแลฉันตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว เขาก็เหมือนพ่อของฉันอยู่แล้วน่ะ”
    “จริงเหรอโคโนจัง น่ายินดีมากๆเลยน่ะค่ะคุณอาซึนะ อ.ทาคาฮาตะก็เหมาะที่จะเป็นคนจูงคุณอาซึนะเข้าโบสถ์จริงๆ ไม่มีใครจะทำหน้าที่นี้ได้ดีสมเท่าอ.ทาคาฮาตะอีกแล้วหล่ะค่ะ”
    “ใช่ไหมหล่ะจ๊ะเซ็ตจัง!~ เป็นทั้งคุณพ่อและอดีตคนที่แอบหลงรักไปในตัว~ แต่แหมอาซึนะจังเนี้ย~ พูดแซวแค่นี้ทำอายไปได้ เดี๋ยวเนกิคุงเขาหึงไม่รู้น่ะ~~ อ่ะๆ นี่จ๊ะไอติมที่อาซึนะจังฝากซื้อ กินแก้เขินไปแล้วกันน่ะ!~”

    .....อาซึนะรับถ้วยไอติมที่ว่านั่นอย่างว่าง่ายแล้วรีบจัดการกับมันพลางมองไปยังเพื่อนรักที่เพิ่งแซวเธอด้วยอารมณ์เคืองนิดๆ
    ทว่าเนกิที่ดูจะไม่ใส่ใจเพราะยังไงอ.ทาคาฮาตะก็แต่งงานกับอาจารย์ชินนะไปแล้วมันก็ไม่มีอะไรต้องห่วง
    แล้วสักพักก็เหมือนว่าเขาจะนึกขึ้นได้ จอมเวทย์หนุ่มรีบไปเตือนเจ้าสาวของตนที่กำลังกินไอติมอยู่ว่า

    “อาซึนะ พวกเราต้องไปเอาใบรับรองสถานะของคุณจาก อ.ชินนะไม่ใช่เหรอ?”
    “อ่ะใช่ลืมสนิทเลย พวกเรารีบไปเอาก่อนห้องธุรการจะปิดดีกว่า งั้น โคโนกะ คุณเซ็ตซึนะ นั่งรอพวกเราไปก่อนน่ะ เดี๋ยวพวกเรามา”

    ...แล้วสักพัก ทั้งอาซึนะกับเนกิก็หายไปจากห้องเพื่อไปเอาใบรับรอง
    ทิ้งให้เซ็ตซึนะและโคโนกะอยู่ในห้องกันสองคน แล้วโคโนกะที่นั่งกินไอติมอยู่ก็เอื้อมมือไปหยิบการ์ดแต่งงานที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา

    มันเป็นการ์ดแบบเวทย์มนต์ที่น่าสนใจเอามากๆแตกต่างจากการ์ดธรรมดาทั่วไป
    เพราะทันทีที่โคโนกะเปิดการ์ดรูปหัวใจสีชมพูนั่นออก มันก็จะมีภาพของเนกิและอาซึนะในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว
    ยืนอยู่บนการ์ดลอยขึ้นมาในแบบสามมิติ แล้วทั้งสองก็พูดเชิญชวนแขกเข้ามารวมงานแต่งและเรื่องกำหนดวันเวลา

    ถึงแม้การ์ดนี้จะไม่มีโอกาสได้ใช้แล้วก็ตาม แต่โคโนกะก็มองไปที่การ์ดนั่นด้วยท่าทางมีความสุขพลางเปรยขึ้นมาว่า

    “ดีจังน้า~~ อาซึนะจังจะได้แต่งงานแล้ว ถึงงานนี้จะถูกเลื่อนไปก็เถอะ แต่คงต้องได้แต่งกันไม่พ้นปีนี้แน่ๆ น่าอิจฉาจริงๆเลยเนอะเซ็ตจังเนอะ~~”
    “หื๋อ!?~ อะ..อืม อืม”
    “อาซึนะในชุดเจ้าสาวก็สวยมากๆเลยหล่ะ เนกิคุงก็หล่อดูแมนมากเลย แหมๆ~ ชักอยากจะไปงานแต่งของพวกอาซึนะจังเร็วๆซะแล้วเรา”
    “ระ..เหรอ? ฉะ..ฉันก็อยากไปเหมือนกัน”
    “ถ้าเกิดพวกเราแต่งงานขึ้นมาบ้าง เซ็ตจังอยากจะจัดยังไงหล่ะจ๊ะ?”
    “อ่า..เอ่อ..ฉันยังไงก็ได้ ละ..แล้วแต่โคโนจังก็แล้วกัน”

    ...เซ็ตซึนะตอบรับทุกคำถามด้วยท่าทางตะกุกตะกักขณะที่กำลังดื่มน้ำผลไม้อยู่
    เพราะเธอรู้เจตนาของอีกฝ่ายดี โคโนจังของเธอกำลังคิดเรื่องงานแต่งงานของพวกเธอขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
    และต้องการทวงถามจากเธอ จะว่าไปหลังจากเราตื่นขึ้นมาก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับโคโนจังสักครั้งเลยนี่น่ะ แล้วซักพัก เซ็ตซึนะที่เริ่มหน้าแดงขึ้นมาก็พูดขึ้นว่า

    “อ่ะ...เอ่อ...เอ่อ...โคโนจัง...”
    “จ๊ะ~ มีอะไรเหรอจ๊ะเซ็ตจัง?”
    “.............................................”
    “ฉะ..ฉันหิวจังเลย โคโนจังซื้ออะไรมาให้ฉันกินบ้างหน่ะ?”

    ...ทำเอาโคโนกะที่แอบลุ้นอยู่ในใจหัวใจหล่นวูบ เธอนึกว่าเซ็ตจังจะพูดเรื่องแต่งงานกับเธอเสียอีกแต่ก็เปล่า
    แต่..พวกเราพึ่งจะมาเจอหน้ากันเองนี่น่ะ มาคิดเรื่องอะไรแบบนี้ก็คงจะเร็วไปหน่อยหล่ะมั้ง
    แล้วแถมยังจะเรื่องอายะจังอีก ถ้าพวกเราเกิดแต่งงานกันตอนนี้ มันก็น่าสงสารอายะจังแย่ที่น่าจะยังทำใจไม่ได้
    เอาเถอะ ปล่อยให้เป็นเรื่องของจังหวะและเวลาก็แล้วกัน

    คิดได้ดังนั้นแม้ใจจะแอบเศร้าแต่โคโนกะก็ยิ้มให้กับเซ็ตจังของเธอในท่าทางปกติ
    และหยิบข้าวกล่องขึ้นมาวางไว้ตรงหน้า ก่อนจะพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า

    “ข้าวปั้นจ๊ะ!~ ฉันรู้ว่าเซ็ตจังชอบกินข้าวปั้นเจ้านี้ฉันเลยซื้อมาฝาก มีไส้บ๊วยดองของโปรดเซ็ตจังด้วยน่ะ~~”
    “อ่า...อืม.ขอบคุณน่ะ โคโนจัง”

    ...เซ็ตซึนะรับกล่องข้าวปั้นนั่นมาและนั่งกินต่อไปเงียบๆ
    เธอพยายามไม่สบตากับโคโนจังที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำอีกฝ่ายถึงกับฉงน...
    หรือว่า..เซ็ตจังจะกลุ้มใจเรื่องที่เราพูดเรื่องแต่งงานไปน่ะ แล้วทำไมต้องหน้าแดงถึงขนาดนั้นด้วยหล่ะ? หรือว่าเซ็ตจังจะไม่สบาย??

    คิดได้ดังนั้น โคโนกะที่นึกเป็นห่วงขึ้นมาก็เข้าไปนั่งใกล้ๆองครักษ์สาวของเธอก่อนจะเอาหน้าผากตัวเองไปแตะกับอีกฝ่าย
    ทำเอาเซ็ตซึนะที่ยังไม่ทันตั้งตัวถึงกับสะดุ้งกับใบหน้าที่เข้ามาใกล้เธออย่างกะทันหันนั่น
    ทว่าโคโนกะก็ดูจะไม่ใส่ใจและเอ่ยกับคนไข้จำเป็นที่เธอกำลังวัดไข้อยู่ว่า

    “ ตัวรุ่มๆน่ะเซ็ตจัง มีไข้นิดหน่อย หน้าก็แดงด้วย อาการเป็นหวัดเบื้องต้นน่ะเนี้ย ไม่สบายแบบนี้ทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรกจ๊ะเซ็ตจัง”
    “อะ..อะ..เอ่อคือ..ฉันไม่เป็น....”
    “ยังจะว่าไม่เป็นอะไรอีก อ่อ แต่วันนี้ฉันก็รีบอยากจะมาเจออาซึนะจังเร็วๆนี่น่ะ เลยไม่ทันสังเกตว่าเซ็ตจังไม่สบายแบบนี้ อืม...งั้นเซ็ตจังนอนพักก่อนดีกว่าน่ะอาการแบบนี้นอนพักสักพักใหญ่เดี๋ยวก็หาย แล้วฉันจะไปเอาผ้าห่มของอาซึนะจังมาให้ รอแป๊บนึงน่ะ~~”

    ...แล้วโคโนกะที่กังวลกับเรื่องอาการตัวร้อนของอีกฝ่ายก็รีบไปที่เตียงของอาซึนะเพื่อไปเอาผ้าห่มมาทันทีโดยไม่ฟังเสียงทัดท้าน ทว่า...ทันทีที่เธอหันกลับมาหาเซ็ตจังก็ต้องพบกับโซฟาที่ว่างเปล่า ร่างขององครักษ์สาวหายไปจากเก้าอี้รับแขกเสียอย่างนั้น
    ทำเอาโคโนกะนึกตกใจหันซ้ายหันขวาหาเซ็ตจังของเธอให้ควัก
    แล้วอยู่ๆก็มีมือมาปิดตาทั้งสองข้างของเธอเอาไว้จากด้านหลัง เจ้าของมือนั่นเข้ามาพูดกระซิบกับเธอข้างๆหูว่า

    “ อะ..เอ่อ.. ฉัน...ฉันเชื่อใจโคโนจังน่ะ ฉะนั้นถ้าฉันยังไม่แกะผ้าผูกตานี้ออก โคโนจังก็ห้ามดึงผ้านี่เด็ดขาดเลยน่ะ”

    ......สิ้นเสียงที่คุ้นเคยจากองครักษ์สาวของเธอ โคโนกะที่ได้ฟังก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้น
    เพราะเธอไม่รู้ว่าเซ็ตจังของเธอกำลังจะทำอะไร แต่ที่แน่ๆเซ็ตจังไม่เคยทำเรื่องน่าแปลกใจอะไรแบบนี้มาก่อน
    ไอ้เรื่องไปเอาผ้าห่มอะไรนั่นเธอลืมไปหมดเสียสนิท แล้วอยู่ๆก็มีผ้ามาผูกที่ตาของเธอไว้อย่างที่บอก
    ทำเอาโคโนกะทำท่าจะเอาผ้านั่นออกแต่ก็ถูกเซ็ตซึนะพูดห้ามเอาไว้แล้วกระซิบพูดกับเธอว่า

    “อย่าสิโคโนจัง!~ อยู่เฉยๆสิ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แล้วก็ห้ามโวยวายด้วยน่ะ”

    ...โคโนกะที่ได้ฟังก็นิ่งไปแต่ใจก็กำลังตื่นเต้นไปทุกทีๆ แล้วสักพักเธอก็ต้องร้องว้ายด้วยความตกใจ
    เพราะตอนนี้ตาของเธอที่ปิดสนิทแต่กลับรู้สึกถึงตัวที่ถูกอีกฝ่ายยกมาอุ้มเอาไว้ในอ้อมกอดและกำลังเดินพาเธอไปที่ไหนซักแห่ง ทำเอาเธอนึกสงสัยจะถามกับองครักษ์ของเธอเสียให้ได้

    แต่ทันทีที่เธอจะถาม..ก็ดันได้ยินเสียงอะไรซักอย่างแปลกๆ มันเป็นเสียงวืดแล้วสักพักเธอก็รู้สึกเสียวๆตรงท้องน้อย
    นี่เซ็ตจังกำลังพาเธอไปที่ไหนกันน่ะ? และหลังจากนั้นเธอก็ถูกเซ็ตจังปล่อยตัวลง
    ทันทีที่โคโนกะเท้าแตะถึงพื้นก็หันรีหันขวางเพราะตอนนี้เธอกำลังได้กลิ่นหอมอะไรบางอย่าง มันเป็นกลิ่นของดอกไม้.....หอมจริงๆน่ะเนี้ย~

    แล้วสักพักใหญ่ผ้าที่ผูกตาของโคโนกะอยู่ก็เปิดออก โคโนกะที่สามารถมองเห็นสิ่งได้อีกครั้งก็ต้องตะลึง!!
    เพราะตอนนี้ รอบๆตัวของเธอเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันหลากหลายเต็มไปหมดสวนดอกไม้ปูพรมจนสุดลูกหูลูกตา
    นี่มันทุ่งดอกไม้เหมือนที่นั่นนี่!! ที่ๆเธอกับเซ็ตจังเคยไปด้วยกันมาก่อน!!
    โคโนกะมองทุกอย่างด้วยอาการที่ตกใจและประหลาดใจอย่างที่สุด ก็จะไม่ให้โคโนกะตะลึงได้ยังไง
    ก็..ก็เมื่อกี้ฉันอยู่ที่ห้องพักของมาโฮระอยู่เลยนี่น่า!! แล้วฉันจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงในชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียว?

    และขณะที่โคโนกะกำลังตะลึงไม่หายตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เสียงขององครักษ์สาวของเธอก็ดังขึ้น

    “โคโนจัง......”

    ....โคโนกะที่ได้ยินก็หันกลับไปตามเสียงเรียกทันที แล้วเธอก็ต้องตะลึงอีกรอบ
    เพราะตอนนี้เซ็ตจังของเธอกำลังยืนยิ้มอายๆอยู่ตรงหน้าในชุดสูททักซิโด้สีขาวครีมตลอดทั้งตัว
    เซ็ตจังในชุดที่ใส่อยู่ดูเท่ซะจริงแต่ดูท่าทางองครักษ์ของเธอจะขัดเขินกับชุดที่ใส่อยู่มิน้อย
    แต่..เซ็ตจังก็ดูดีมากๆซะจนโคโนกะอยากจะกรี๊ดให้( XD ) แถมยังผูกผมรวบต่ำไว้ด้านหลัง
    และเสยผมให้เรียบแปร่แทนที่จะไว้ทรงเก่าซะอีก

    อ๊า~ เท่~~ เท่ที่สุดเลย!~~ ฉันนึกแล้วว่าเซ็ตจังใส่ชุดนี้แล้วต้องเท่!
    แล้วเซ็ตซึนะที่หันมาพิจารณาที่องค์หญิงของเธอทั้งตัวก็หน้าแดงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
    องครักษ์สาวมองโคโนกะด้วยความตะลึงไม่แพ้กัน ก่อนที่จะพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักว่า

    “คะ..คะ..โคโนจัง ...สวย...สวยมากๆ งดงามที่สุดเลยองค์หญิงของฉัน”

    ....โคโนกะที่ได้ฟังก็งงงันก่อนที่จะก้มลงไปสำรวจตัวเอง แล้วเธอก็ต้องตะลึงอีกคำรบเพราะตอนนี้ ตัวเธอกำลังใส่ชุดเจ้าสาวสีครีมโทนเดียวกับชุดทักซิโด้ของเซ็ตจังของเธอ ชุดเจ้าสาวกระโปรงยาวฟูฟ่องตัวเสื้อนั้นเปิดโชว์ไหล่และช่วงลำคองามระหงส์ออกมา
    ก็มันจะไม่ให้เซ็ตซึนะตะลึงได้ยังไงเพราะโคโนจังของเธอใส่ชุดเจ้าสาวนั้นมันช่างงดงาม...งดงามจนไม่อาจจะเอาอะไรมาบรรยายได้อีก แล้วยังจะมงกุฎดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์บนศีรษะนั้นด้วย
    สมเป็นเจ้าสาวในฝันที่เธอรอคอยมานานเสียจริงๆ หกปีที่รอคอยมันคุ้มค่ายิ่งนัก...แต่..มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาตะลึงนี่น่ะ

    คิดได้ดังนั้น เซ็ตซึนะก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดเท่าที่มีขึ้นมาและหายใจเข้าลึกๆ
    หัวใจขององครักษ์สาวเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลยจนมันแทบจะดังออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน
    เซ็ตซึนะที่รู้สึกประหม่าเต็มที่เอื้อมมือไปคว้ามือซ้ายของโคโนจังเอาไว้และแล้วค่อยๆนั่งคุกเข่าข้างเดียงอยู่ตรงหน้าองค์หญิงของเธอ องครักษ์สาวใช้สายตามองไปที่อีกฝ่ายเขม็งด้วยใบหน้าที่แดงก่ำดึงมือนั่นมาใกล้ตัวเธอและจับมันไว้มั่น เธอพยายามเอ่ยอะไรบางอยากออกมากับหญิงคนรักตรงหน้า

    แม้มันจะเป็นคำพูด สั้นๆ ง่ายๆ แต่มันก็ยากที่จะเปล่งออกมาซะเหลือเกิน
    ทว่า..มันถึงเวลาของมันแล้ว การรอคอยอันแสนยาวนานมันสิ้นสุดลงเสียที
    ขอร้องเถอะน่ะความกล้าของฉัน...ฆ่าปิศาจมากมายนับพันๆตัวยังทำได้กับอีแค่ประโยคเล็กๆแค่นี้ ฉันจะพูดมันออกมาถามโคโนจังไม่ได้เชียวเหรอ?
    และแล้วเซ็ตซึนะที่นิ่งอยู่อย่างนั้นเสียนานแม้ตัวจะรู้สึกเขินเต็มที่แต่เธอ.....ก็พูดคำๆนั้นออกมาในที่สุด

    “ฉัน.....ฉันรักเธอโคโนเอะ โคโนกะ ได้โปรด......แต่งงานกับฉันเถอะน่ะ”

    .....สิ้นคำ ตัวทั้งตัวของโคโนกะก็ร้อนผ่าวอย่างที่สุด ยิ่งสายตาที่มองมาที่เธอเพื่อรอคำตอบมันยิ่งทำให้โคโนกะสะเทิ้นอายด้วยความเขิน คำถามที่เธอรอมาตลอดมันได้ถูกเอ่ยโดยเซ็ตจังของเธอแล้ว
    โคโนกะในยามนี้รู้สึกมีความสุขเป็นที่สุด จนน้ำตาแห่งความปลื้มปิติกำลังไหลออกมาเพราะคำพูดนั่น
    แต่โคโนกะที่รอคอยช่วงเวลานี้มานานแสนนานก็รีบปาดน้ำตานั่นทิ้ง
    เธอพยายามรวบรวมคำพูดมากมายเพื่อที่จะตอบคำถามนั่นให้สวยหรูและดูดีอย่างที่สุด
    ใจคิดสารพัดว่าจะตอบกลับเจ้าบ่าวของเธอตรงหน้ายังไงดี

    ทว่า...มันก็มีเพียงแค่คำๆเดียวที่เธอจะสามารถเปล่งมันออกมาได้
    คำตอบรับสั้นๆเพื่อที่จะตอบคำถามของอีกฝ่ายที่กำลังรอคำตอบเธออยู่เท่านั้น....

    “จ๊ะ~ ”

    ...โคโนกะตอบได้เพียงแค่นั้นแต่มันก็ทำให้เซ็ตซึนะยิ้มแก้มแทบปริ
    หัวใจของเธอพองโตอย่างที่สุดรู้สึกมีความสุขสุดๆกับคำตอบนั่น
    แล้วองครักษ์สาวก็บรรจงจุมพิตไปที่หลังมือขององค์หญิงตรงหน้าด้วยความยินดีเป็นล้นพ้นก่อนที่จะลุกขึ้นมากอดอีกฝ่ายไว้แน่น โคโนกะเองก็กอดตอบเซ็ตจังของเธอเช่นกัน
    มันไม่มีถ้อยคำอะไรอีกแล้ว มันไม่ต้องมีคำพูดใดๆอีกที่จะมาบรรยายในช่วงเวลานี้นอกจากทั้งคู่จะรักกัน
    และจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเท่านั้น แล้วคู่รักทั้งสองในชุดแต่งงานก็กอดกันกลมอยู่อย่างนั้น ท่ามกลางทุ่งดอกไม้อันแสนงดงามที่ทั้งสองกำลังยืนอยู่นั่นเอง

    ................................................................................................................................................................................................

    “ป่านนี้คุณเซ็ตซึนะจะพูดไปรึยังน่ะ เนกิ”
    “ไม่รู้สิน่ะ แต่พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา...มันก็ทำให้ผมนึกถึง......เอ่อ...ตอนนั้นของเรา...”

    ....ยังไม่ทันสิ้นประโยค เนกิเจ้าบ่าวหมาดๆก็มองไปที่อาซึนะ ภรรยาของตนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
    อาซึนะเองที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงอะไรก็รู้สึกเขินไม่ต่างกัน เพราะเนกิกำลังคิดถึงตอนที่เขาขออาซึนะแต่งงานนั้นเอง
    ที่พวกเธอทั้งสองคนนัดพวกเซ็ตซึนะมาคุยกันไม่ได้มีจุดประสงค์แค่มาทักทายเท่านั้น
    เพราะทั้งสองได้ยินคำเปรยของเซ็ตซึนะว่าอยากจะขอโคโนกะแต่งงานขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงถูกคู่บ่าวสาวในอนาคตจึงให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

    ทั้งแกล้งทำเป็นออกไปข้างนอกห้องและให้ใช้ไอ้เทมเวทย์มนต์ที่เป็นเหมือนกับบ้านพักขนาดย่อของเอวาเจลีนเพื่อเป็นสถานที่อันแสนโรแมนติกไว้เอ่ยคำพูดนั่น แม้มันจะเป็นไอเทมคล้ายของเอวาแต่มันก็สะดวกกว่าตรงที่มันเป็นเหมือนดินแดนแห่งจินตนาการที่จะให้เราเข้าไปอยู่ที่ไหนก็ได้ของโลกเพียงแต่มันเป็นแบบจำลองและผู้ที่เข้าไปก็เลือกที่จะใส่ชุดไหนเป็นแบบใดก็ได้ด้วยตามที่คิด

    ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกที่เซ็ตซึนะจะเลือกให้ตนอยู่ในชุดทักซิโด้สีขาวและให้โคโนกะอยู่ในชุดเจ้าสาวสีครีมอย่างที่องค์หญิงของเธอเคยพูดเล่นๆเอาไว้ เพราะเซ็ตซึนะรู้ดีว่ามันต้องเป็นความปรารถนาจากใจจริงของโคโนจังของเธอที่แอบพูดออกมาแบบนั้น แล้วสปริงค์ฟิลด์ทั้งสองก็มองไปยังไอเทมเวทย์มนต์ที่ว่านั่นก่อนจะผละจากไปด้วยท่าทางมีความสุข
    เพราะท่าทางสองคนนั่นคงจะยังไม่ออกมาจากดินแดนจำลองนั่นมาง่ายๆซะหล่ะมั้ง

    ..........................................................................................................................................................................

    ทางด้านอายะจังที่กำลังนั่งซึมอยู่ที่สวนสาธารณะของมาโฮระ ข้างกายเธอมีกระเป๋านักเรียนและดาบไม้ที่เธอใช้ฝึกดาบอยู่เป็นประจำ ทั้งๆที่มันก็ถึงเวลาเลิกเรียนแล้วแต่นักดาบน้อยก็ยังไม่คิดจะกลับบ้าน
    เพราะเธอรู้ดี ถึงกลับไปก็ไม่มีใครอยู่ อายะจังเอื้อมมือไปจับสร้อยคอที่เพิ่งได้มาและเหม่อไปคิดถึงช่วงเวลาที่เธอได้เจอกับพี่เซ็ตซึนะที่นัดเธอเอาไว้เมื่อตอนกลางวัน....มันมีคำพูดที่จะตรึงอยู่ในใจของเธอไปตลอดชีวิตดังก้องอยู่

    “อายะจัง พี่ขอบใจนะที่อายะจังทำแบบนี้
    ความจริง...มันก็ผิดที่พี่อยู่เหมือนกันน่ะที่ไม่ดูแลอายะจังให้ดี ทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปเสียหมด
    พี่รู้ว่าสิ่งนี้มันอาจจะทดแทนสิ่งที่อายะจังต้องมารู้สึกเสียใจและความเศร้าใจที่กำลังได้รับอยู่ไม่ได้
    แต่พี่อยากให้อายะจังเก็บสร้อยเส้นนี้เอาไว้น่ะ เป็นของที่ระลึกสำหรับพวกเราแค่สองคน
    นึกซะว่าเป็นของขวัญจากองครักษ์ที่ไม่เอาไหนอย่างหม่อมฉันก็แล้วกัน
    ถึงจะเป็นองครักษ์ที่แย่เอามากๆแต่หม่อมก็รักองค์หญิงน้อยเสมอน่ะเพค่ะ
    หม่อมฉันรักพระองค์ที่เป็นน้องสาวที่น่ารักคนนี้เสมอและจะรักตลอดไป หม่อมฉันสัญญา ”

    ....สิ้นคำพูดนั้น พี่เซ็ตซึนะก็เข้ามาจูบที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา
    พลางพึมพำอะไรบางอย่างออกมาแม้จะไม่แน่ใจแต่เธอก็เข้าใจว่ามันเป็นคำว่า “ขอโทษ”

    หรือว่า...พี่เซ็ตซึนะจะรู้น่ะ? ไม่หรอกน่า....เราไม่ได้บอกอะไรเลยนี่น่า
    แต่เมื่อตอนกลางวันพี่เซ็ตซึนะทำท่าทางเศร้าๆอย่างกับว่ารู้เรื่องที่เราคุยกับพี่โคโนกะจริงๆอย่างนั้นแหล่ะ
    ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ตัวเธอที่ได้ตัดใจจากพี่เซ็ตซึนะแล้วแม้มันจะเศร้าจนแอบไปร้องไห้หลายรอบแต่ก็สุขใจมากกว่า
    เพราะอย่างน้อยพวกพี่ๆของเธอที่เธอรัก ทั้งพี่เซ็ตซึนะและพี่โคโนกะก็กลับมามีความสุขได้จริงๆเสียที
    สมกับความตั้งใจที่เธอเคยมีต่อพี่ทั้งสองตั้งแต่เด็ก

    แล้วอายะจังที่ยิ้มกับความคิดนั่นทั้งน้ำตาก็หันมาดูสร้อยที่พี่เซ็ตซึนะของเธอมอบให้อีกรอบ
    มันเป็นสร้อยเงินที่มีจี้เป็นรูปปีกสีขาวเล็กๆน่ารักเหมาะกับตัวเธอ
    คงหมายถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพี่เซ็ตซึนะที่มีสายเลือดของมนุษย์ปักษาสิน่ะ
    แล้วขณะที่อายะจังกำลังมองสร้อยนั่นอยู่เพลินๆ เสียงๆนึงก็ดังขึ้นจนเธอต้องหันกลับไปมอง

    “แหม!~~~ น้องสาวอย่าเอาแต่เดินหนีแบบนี้สิจ๊ะ...แค่ไปกินข้าวกับพวกพี่เท่านั้นเองทำหวงตัวไปได้”
    “แต่หนูไม่มีธุระอะไรกับพวกพี่นี่! ขอโทษน่ะค่ะหนูนัดกับคุณแม่เอาไว้ขอตัวก่อน!”
    “อ๊ะ! เดี๋ยวๆสิจ๊ะ เมื่อกี้แม่ของน้องโทรมาบอกว่ากลับดึกไม่ใช่เหรอ? พวกพี่แอบได้ยินน่ะ เถอะน่าน้องสาวเลิกบ่ายเบี่ยงแล้วไปกับพวกพี่ๆดีกว่า...อย่าให้พวกพี่ต้องใช้กำลังบังคับเลยน่ะ”

    ......แล้วภาพที่อายะจังเห็นก็แทบจะทำให้เธอช็อค เพราะตอนนี้ไดโดจิเพื่อนของเธอกำลังถูกพวกรุ่นพี่ม.ปลาย ผู้ชายสามสี่คนที่ท่าทางเหมือนอันธพาลรุมอยู่ และท่าทางไดโดจิที่กำลังเดือดร้อนก็จะโดนพวกนั่นพาตัวไปซะด้วย ถูกพวกรุ่นพี่พาไปในตอนเย็นแบบนี้มันก็มีแต่ทำเรื่องมิดีมิร้ายเท่านั้นแหล่ะ

    คิดได้ดังนั้นอายะจังจึงไม่ลังเลที่จะคว้าดาบไม้ของตัวเองขึ้นมาและปรี่ไปหาไดโดจิเพื่อนของตนที่ตกอยู่ในอันตรายทันที
    “ขอโทษค่ะ พอดีเพื่อนหนูคนนี้เขานัดหนูเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว คงไปกับพวกพี่ๆไม่ได้หรอกน่ะ”

    ...อายะจังที่ก้าวเข้ามายืนอยู่หน้าไดโดจิและพูดเสียงเข้มกับพวกรุ่นพี่ม.ปลายที่ตัวโตกว่าอย่างไม่กลัวเกรง
    ทำเอาไดโดจิที่เห็นอย่างนั้นก็เข้าไปใกล้อายะจังอย่างลืมตัว เพราะเธอก็เริ่มจะกลัวพวกรุ่นพี่นี่มากแล้วเหมือนกัน
    พลางเรียกชื่อเพื่อนของเธอด้วยท่าทางหวั่นๆ ไดโดจิเห็นอายะจังเป็นที่พึ่งคนเดียวในตอนนี้
    ทำให้อายะจังต้องหันหน้าไปยิ้มหวานให้เป็นการปลอบก่อนจะหันสายไปจ้องเขม็งไปที่พวกรุ่นพี่นั่นอีกครั้ง

    ทว่า...นักดาบน้อยที่ต้องปะทะกับพวกม.ปลายเช่นนั้นก็พาเอาแต่ให้พวกมันคึกคะนองเข้าไปอีก
    เพราะอายะจังเองก็น่ารักใช่ย่อยไม่แพ้ไดโดจิที่พวกมันกำลังฉุดไปอยู่
    เห็นดังนั้น คนที่เหมือนจะเป็นหัวโจกจึงหันมาพูดชวนอายะจังที่เป็นเด็กม.ต้นขึ้นมาบ้าง

    “อ้อ~~ นัดกันไว้อยู่แล้วเหรอ แหมๆ พอดีเลย น้องก็ไปกินข้าวกับพวกพี่ซะเลยซิ น่ารักๆแบบนี้พี่ยินดีน่ะจ๊ะ~”
    “ฮ่าๆๆ พูดได้ถูกใจมากเลยลูกพี่!!~~”
    “คงไม่ได้หรอกค่ะ บังเอิญพวกเรามีธุระจำเป็นที่ต้องรีบไป ต้องขอตัวก่อน”

    ....พูดจบ อายะจังก็จูงมือของไดโดจิที่ยืนอยู่ด้านหลังและพาจะเดินออกไปทันที
    แต่มีรึว่าพวกมันจะปล่อยเหยื่อไปง่ายๆ พวกรุ่นพี่เดินมาดักทางสาวม.ต้นทั้งสองเอาไว้ และเริ่มมีท่าทางที่จะใช้กำลังมาแทนการพูดจาเสียแล้ว

    “อย่าปฏิเสธพวกพี่เลยน่ะจ๊ะ ไม่อย่านั้นจะหาว่าพวกพี่ไม่เตือนไม่รู้ด้วยน้า”
    “ใช่แล้วน้องสาว พวกพี่แก็งค์มังกรดำแห่งชิบุย่าเชียวน่ะ พวกมาเฟียแถวนี้พอได้ฟังยังขยาดเลย นี่พี่ไม่ได้ขู่น่ะน้อง~~”

    ...แล้วพวกมันก็ไม่พูดเปล่า ตัวหัวโจกล้วงเอามีดสั้นแบบพับได้ออกมาโชว์ให้ดูแถมสะบัดเล่นมีดพับนั่นไปมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มสแหยะ แล้วยังมีอีกสองคนที่ทำท่าจะล้วงเอาอาวุธออกมาขู่เช่นกัน
    ทำเอาไดโดจิที่มองอยู่เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัวจริงๆจนเผลอบีบมือของอายะจังที่จูงเธออยู่เสียแน่น
    อายะจังที่เห็นดังนั้นจึงบีบตอบเบาๆให้หายกลัวก่อนจะชูดาบไม้ไปทางพวกรุ่นพี่นั่นและพูดเสียงเข้มกว่าเดิมออกมาว่า

    “หนูรู้ค่ะว่าพวกพี่ไม่ได้ขู่ และหนูก็ไม่ได้ขู่เหมือนกัน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ช่วยหลีกทางให้ด้วยค่ะ”

    ....แต่ดาบไม้ก็แค่ดาบไม้ พวกรุ่นพี่ที่ได้เห็นก็ได้แต่หัวเราะลั่นกับท่าทางของอายะจังที่มาข่มพวกมันอย่างนั้น
    และทำท่าจะเข้ามาโดยไม่กลัวคำพูดนั่นเลยสักนิดทั้งๆที่ยังหัวเราะกันไม่หยุด
    อายะจังที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาก็ไม่อยากจะอยู่กับพวกมันไปให้มากกว่านี้
    พอเห็นว่าพวกมันที่เอาแต่หัวเราะมีแต่ช่องว่าง นักดาบน้อยจึงผละมือจากไดโดจิเพื่อนของตนและหันมาใช้ดาบไม้ฟาดใส่พวกมันด้วยกระบวนท่าดาบชินเมริวทันที!

    “พลั่ก! พลั๊วะ! อั๊ก!! อ๊ากกกกกกกกก!!!!”

    ....แล้วพวกรุ่นพี่ที่เอาแต่หัวเราะก็ได้แต่ร้องด้วยความเจ็บปวด
    เพราะเมื่อสักครู่อายะจังเพิ่งเอาดาบไม้ฟาดใส่หน้าแข้งของพวกรุ่นพี่นั่นจนพวกมันได้แต่ร้องโอดโอยกุมขาที่เพิ่งโดนดาบไม้นั่นเท่านั้น และทันทีที่พวกมันทั้งหมดล้มลง
    อายะจังก็รีบฉุดมือของไดโดจิที่กำลังมองสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ด้วยความตะลึง และพาไปส่งที่บ้านของไดโดจิทันที

    “บ้านคุณไดโดจิอยู่ที่ไหนค่ะ? เขตสามใช่ไหม?”
    “หา?...อ๊า? อ่า จ๊ะๆ ~”
    “อืม ไม่ไกลมาก เรารีบไปบ้านคุณไดโดจิดีกว่าน่ะค่ะ เดี๋ยวพวกนั้นจะตามมาทัน”
    “กลับไปบ้าน? ตามมาทัน?...อ่า..จ๊ะๆ เรารีบไปกันเถอะ”

    ....อายะจังจูงมือไดโดจิมาเรื่อยๆพลางเร่งฝีเท้าอย่างรีบเร่งและคอยหันหลังมาเป็นระยะด้วยใจที่นึกกังวล
    ถ้าเธอเก่งเท่าพี่เซ็ตซึนะหล่ะก็ เธอจะขออัดพวกมันให้หมอบไปเลย!
    เสียดายที่เธอเพิ่งได้เรียนดาบแค่สองสามปีเท่านั้นเลยทำอะไรพวกมันไม่ได้มากและยังต้องมาหนีพวกมันอีก

    แต่ตลอดทางที่อายะจังได้จูงไดโดจิกลับบ้านไปนั้น
    ไดโดจิมองเพื่อนของตนด้วยความรู้สึกที่แปลกออกไปจากทุกที
    เธอดีใจที่อายะจังมาช่วยเธอเอาไว้และรู้สึกขอบคุณมากจริงๆ ความอบอุ่นจากมือของผู้ที่มาช่วยตนมันทำให้เธอใจเต้นเล็กๆ
    จนกระทั้งทั้งคู่มาถึงหน้าบ้านของไดโดจิ อายะจังที่มาส่งเพื่อนอย่างปลอดภัยก็พูดกับอีกฝ่ายขึ้นว่า

    “ถึงแล้วหล่ะค่ะ บอกคุณพ่อคุณแม่เรื่องนี้ด้วยน่ะค่ะคุณไดโดจิ พวกท่านจะได้รับมือกับพวกมันได้ถูก”
    “จ๊ะ~ขอบคุณมากๆเลยน่ะที่มาช่วยฉันซากุระซากิจัง ซาะกุระซากิจังเก่งมากๆเลยรู้ไหมที่ล้มพวกคนโตๆแบบนั้นได้ ตอนนั้นซากุระซากิจังเท่มากเลยหล่ะจ๊ะ~~”
    “เอ่อ...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งค่ะ อีกอย่าง...ฉันยังอ่อนหัดเรื่องดาบอยู่เลย...ไม่งั้นคงไม่หนีมาแบบนี้หรอกค่ะ”
    “ไม่จริงหรอกน่ะ~ ซากุระซากิจังทั้งเก่งและทั้งสุดเลยหล่ะจ๊ะ เอ่อ...ว่าแต่...”
    “ว่าแต่....ว่าแต่อะไรเหรอค่ะ?”
    “เอ่อ...คือว่า....”
    “ค่ะ?”
    “คือว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกจ๊ะนอกจากฉันคนเดียว แล้ว...แล้ว....”

    ...แล้วไดโดจิที่ไม่เคยทำท่าเขินอายให้อายะจังได้เห็นมาก่อนก็เริ่มหน้าแดงๆ จนอายะจังที่ไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอกำลังจะพูดอะไรแต่นักดาบน้อยก็คิดไปเองว่า
    เพื่อนของเธออาจมีธุระอะไรบางอย่างกับเธอแต่อาจจะเกรงใจเธออยู่เลยไม่กล้าพูด ดังนั้นอายะจังที่ยืนอยู่จึงยิ้มๆออกมาและพูดขึ้นว่า

    “มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ หรือว่าคุณไดโดจิจะยังกลัวพวกอันธพาลเมื่อกี้อยู่....ถ้าอย่างนั้นฉันจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณไดโดจิจะกลับมาก็ได้ค่ะ”
    “จริงเหรอจ๊ะ!~ ขอบคุณมากๆเลยน่ะซากุระซากิจัง!~ งั้น....เราเข้าไปในบ้านกันเถอะน่ะ!~ ฉันจะทำคุ๊กกี้เป็นการตอบแทนเรื่องเมื่อกี้เอง!~ฉันทำคุกกี้อร่อยมากเลยน้า~~”

    ....แล้วไดโดจิก็ฉวยมือของอายะจังมาและพานักดาบน้อยเดินเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางกระตือรือร้น
    สาวผมยาวไขกุญแจและฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดีทำให้อายะจังมองตามก็รู้สึกมีความสุขเล็กๆไปด้วย
    และดูเหมือนอายะจังจะนึกเรื่องที่เธอสงสัยมานานขึ้นมาได้ เธอหันไปถามไดโดจิที่กำลังจะเปิดประตูเข้าบ้านไปว่า

    “เอ่อ..คุณไดโดจิค่ะ?”
    “จ๊ะ?”
    “ทำไมถึงคุณไดโดจิถึงชอบเรียกฉันว่า ซากุระซากิจังหล่ะค่ะ? ไม่มีใครเขาใช้ –จัง เรียกต่อท้ายนามสกุลกันนี่น่า มันแปลกๆน่ะค่ะ”

    ..ไดโดจิที่ได้ฟังก็ยิ้มให้อายะจัง ก่อนจะพูดถึงเหตุผลในข้อนั้นให้อีกฝ่ายได้ฟังอย่างร่าเริงว่า

    “ก็เพราะว่า...ซากุระซากิจังไม่ยอมเรียกฉันว่าโทโมโยะนี่จ๊ะ~(ว่าแล้วเชียว ว่าต้องเป็นเธอจริงๆด้วย) ซากุระซากิจังยังไม่ยอมเรียกชื่อจริงฉันเลยแล้วฉันจะไปกล้าเรียกชื่อจริงของซากุระซากิจังได้ยังไงหล่ะ? แต่ฉันก็อยากจะสนิทกับซากุระซากิจังเร็วๆก็เลยเรียกแบบนี้ หรือว่าซากุระซากิจังจะถือ ถ้างั้นต่อไปนี้ฉันจะเรียกแค่สกุลเฉยๆก็ได้จ๊ะ”
    “อ่ะ.เปล่าๆค่ะ คุณไดโดจิเรียกชื่อจริงของฉันก็ได้ค่ะ ฉันไม่ถืออะไรทั้งนั้น”
    “จริงๆน่ะ!~ งั้นต่อแต่นี้ฉันจะเรียกว่า อายะจัง!~ อายะจังไม่ว่ากันน่ะจ๊ะ~~”
    “อ่า...ค่ะ ตามสบายเลยค่ะคุณไดโดจิ”
    “บู้~~!! ไม่ใช่จ๊ะ!~ ไม่ใช่!~”
    “เห๋??”
    “โทโมโยะจังจ๊ะ!~ โทโมโยะจัง~ไม่ใช่คุณไดโดจิ แล้วก็ไม่ต้องมาค่ะ ขาอะไรเลยน่ะ เข้าใจไหม?”
    “อ่า...ค่ะ. เอ้ย!~ อืมๆ”
    ...โทโมโยะฟังคำนั่นก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีและก็ลากพาอายะจังเข้าไปในบ้านของตนอย่างมีความสุข
    อายะจังที่เดินตามเพื่อนหญิงคนแรกของเธอที่เธอเพิ่งช่วยเอาไว้ก็ใจที่เป็นสุขนิดๆ แม้หน้าของเธอจะเริ่มแดงๆที่ถูกอีกฝ่ายจูงมือเธอไปอย่างนั้น

    ทำไมถึงมาเขินเอาตอนนี้ก็ไม่รู้ทั้งๆที่เธอก็จูงอีกฝ่ายเดินมาตลอดทาง
    ถึงคุณไดโดจิ เอ้ย!~ โทโมโยะจังจะดูเจ้ากี้เจ้าการสักหน่อยแต่ก็ดีกับเธอเสมอเลยน่ะ บางที...บางทีฉัน...อาจจะอยากมีพระจันทร์ของตัวเองเข้าแล้วซะหล่ะมั้ง?
    .................................................................................................................................................

    .............................................

    ....ในดินแดนที่มีแต่สองเรา......
    “เรียกฉันแบบนั้นอีกซี่เซ็ตจัง~~ น้าๆ~”
    “แต่มันเขินๆยังไงก็ไม่รู้น่ะโคโนจัง......”
    “น้าๆ~ เซ็ตจังจ๋า~ ฉันอยากฟังนี่น่า~ น้า~~~~”
    “ก็ได้ๆ อะ..เอ่อ.......มะ..เมียจ๋า~ รักเธอที่สุดในโลกเลย”
    “ อ๊า!!~~ น่ารักที่สุดเลยเซ็ตจัง!~~ งั้นต่อแต่นี้ต้องเรียกฉันแบบนี้ตลอดไปเลยน่ะ~”
    “(////O_o////)!!! ....มะ..มะไม่ดีหล่ะมั้ง!~ อ่ะ..เอ่อ..คือ...อ่า..นานๆครั้งก็พอ น่ะโคโนจัง ”
    “ทำไมหล่ะเซ็ตจัง~~ ก็ฉันชอบนี่น่า~~ ฟังแล้วรู้สึกดีมากๆเลยน่ะ~~”
    “แล้วทำไมโคโนจังไม่ลองพูดเองมั่งหล่ะ จะได้รู้ว่าทำไม?”
    “โธ่!~ ไม่เห็นจะยากเลยเซ็ตจัง ก็พูดแบบนี้ไง ที่รักจ๋า~ รักเธอที่สุดในโลกเลย~~”
    “เฮ้! โคโนจังขี้โกงนี่!~ ไม่ใช่คำนี้ซักหน่อย”
    “เหรอ?~ แล้วเซ็ตจังอยากจะให้ฉันพูดคำว่าอะไรหล่ะ?”

    ....แล้วเซ็ตซึนะในชุดเจ้าบ่าวที่นั่งกอดเจ้าสาวโคโนกะอยู่ด้านหลังก็หน้าแดงแป๊ด ก่อนจะค่อยๆก้มไปกระซิบคำที่ว่าให้โคโนจังของเธอได้ฟัง
    ทำเอาโคโนจังที่ถูกอีกฝ่ายกอดเอวอยู่พอได้ฟังเองถึงกับหน้าแดงไม่แพ้กัน ก่อนจะแกล้งทำหน้าเอ๋ออ๋าเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่นทันที..

    “เอ!~~~ ป่านนี้อายะจังจะกลับถึงบ้านรึยังน้า~~”
    “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยน่ะโคโนจัง แน่จริงก็เรียกฉันแบบนั้นด้วยสิ”
    “แบร่!~~ ม่ายรู้~ม่ายชี้~”
    “ทีตัวเองก็ไม่กล้าพูดเหมือนกันนั่นแหล่ะ ขี้โกงจริงๆเลยน่ะโคโนจัง”
    “ไม่สนๆ~ ก็มันยากกว่าของเซ็ตจังตั้งเยอะเลยนี่น่า ไว้อารมณ์ดีๆแล้วจะเรียกแล้วกันน่ะจ๊ะเซ็ตจัง~~”

    ....แต่องครักษ์สาวที่ได้ฟังก็ยิ้มกริ่มออกมาและกระชับร่างตรงหน้าให้เข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม สักพักเธอก็เข้าไปไซ้ลำคอที่เปลือยเปล่าของเจ้าสาวตรงหน้าเล่นๆ
    แล้วพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเพ้อๆออกมาว่า

    “อืม~~ อารมณ์ดีๆ ทำให้อารมณ์ดีๆก็พอสิน่ะโคโนจัง”
    “ซะ..ซะ..ซะเซ็ตจัง!~ ไม่ใช่ตอนนี้น่ะ!~”
    “หื๋อ? อะไรน่ะ? ไม่ได้ยินเลย?”
    “เซ็ตจังอ๊ะ!~ เอาไว้วันหลังเถอะน่ะ”
    “ว้า~~ ”
    “ไม่ต้องมาว้าเลย!~ ถ้าไม่หยุดฉันโกรธจริงๆด้วย!~~”
    “ก็ได้ๆ ฉันแค่แกล้งนิดหน่อยเองโคโนจังอย่าโกรธฉันเลยน่ะ”

    สิ้นคำ....องครักษ์สาวก็หยุดการกระทำของตนและยอมนั่งอยู่เฉยๆโดยดี
    ทำเอาโคโนกะที่แกล้งโกรธก็แอบหัวเราะคิกก่อนจะเอนหลังพิงตัวของเซ็ตจังด้วยความรู้สึกที่เป็นสุขใจ
    ทว่า...การที่เธอมีความสุขเช่นนี้มันก็อดทำให้เธอรู้สึกผิดเล็กๆมิได้
    ด้วยความคิดอย่างนั้น โคโนกะจึงเอ่ยคำพูดที่รู้สึกเสียใจออกมาให้เจ้าบ่าวของเธอได้ฟังว่า

    “เซ็ตจังจ๊ะ...พวกเราทำร้ายอายะจังอีกครั้งรึเปล่าน่ะ พวกเราเห็นแก่ตัวเกินไปไหมที่ยังรั้งให้อายะจัง.....”

    ...แต่เซ็ตซึนะก็เอานิ้วแตะที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายที่อยู่ในอ้อมกอดก่อนที่จะพูดจนจบ
    โคโนกะหันจะไปถามองครักษ์ของเธอที่กอดเธออยู่ด้านหลังก็ทำหน้าเศร้านิดๆปนไม่เข้าใจ
    แต่เซ็ตซึนะกลับยิ้มหวานให้ และพูดกับองค์หญิงในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงที่ไร้กังวลว่า

    “โคโนจังไม่ต้องกังวลหรอกน่ะ อายะจังรักพวกเรามากๆและคิดเหมือนกับพวกเราเลยเลือกที่จะทำแบบนี้ เราควรจะรับความปรารถนาดีของน้องสาวคนนี้ต่างหากน่ะ ...”

    ...โคโนกะที่ได้ฟังก็ยิ้มอย่างเป็นสุข เธอรักอายะจังน้องสาวที่แสนน่ารักคนนี้เอามากๆ
    และเธอเองก็ไม่อยากจะทำให้อายะจังรู้สึกเจ็บมากไปกว่านี้อีกด้วย
    แต่ในเมื่อเซ็ตจังก็ยังพูดอย่างสบายใจมาแบบนี้ แสดงว่า...ฉันก็ไม่ควรต้องมากังวลอีกต่อไปแล้วสิน่ะ

    ทว่าแม้เซ็ตซึนะจะพูดให้อีกฝ่ายหายกังวลเช่นนั้นแต่ตอนนี้เซ็ตซึนะกลับมีสีหน้าที่รู้สึกผิดอยู่เสียเอง
    ..ที่อายะจังต้องมาเสียใจก็เพราะฉันสิน่ะ ฉันนี่มันเป็นองครักษ์ที่แย่จริงๆ
    ทำร้ายจิตใจขององค์หญิงน้อยเข้าอีกจนได้ ความเผลอไผลหัวใจของฉันอาจจะเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ก็ได้น่ะใครจะไปรู้
    แต่ก็ฉันมั่นใจว่าพวกเราต้องอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแน่ๆ
    ความสุขที่มีทั้งฉัน โคโนกะและอายะจังอยู่ด้วยกันสามคนยังไงหล่ะ

    แล้วโคโนกะที่ถูกเซ็ตจังของเธอกอดเสียแน่น ก็ทำหน้าบึ่งออกมาเล็กๆและบ่นให้อีกฝ่ายได้ยินว่า

    “ว้า!~~~ ขาดของสำคัญไปเลยน่ะ เซ็ตจังเนี้ยแย่จริงๆ~”
    “เห๋??~~”
    “แหวนไงจ๊ะแหวน เซ็ตจังหน่ะใจร้าย ลืมได้ยังไงก็ไม่รู้~~”

    ..โคโนกะที่พูดไปก็แกล้งทำหน้างอไปอย่างขำๆ แต่เซ็ตซึนะนั้นตอนนี้กำลังสะดุ้งใบหน้าซีดเผือก
    มันไม่ใช่ว่าเธอลืมหรอกน่ะ แต่เพราะว่าเธอไม่มีตังเหลือแล้วต่างหาก แค่เอาเงินไปซื้อสร้อยให้อายะจังก็หมดแล้ว
    แถมแหวนเงินมันก็ตั้งแพง....คนที่ไม่มีรายได้เป็นหลักเป็นแหล่งอย่างเธอมันจะหาเงินมาจากไหนหล่ะ?
    คิดๆแล้วเซ็ตซึนะก็นั่งคอตก พึมพำกับคนรักตรงหน้าด้วยเสียงที่รู้สึกผิดว่า

    “ขอโทษน่ะโคโนจัง ไว้คราวหน้าแล้วกันน่ะ”

    ..โคโนกะที่ได้ฟังเสียงนั่นก็หัวเราะคิก เซ็ตจังนี่ขี้กังวลไม่เปลี่ยนเลยน่ะ
    แล้วโคโนกะก็หันตัวกลับไปหาเซ็ตจังของเธอที่นั่งกอดเธออยู่ด้านหลัง
    เธอยิ้มให้เซ็ตจังอย่างร่าเริงแล้วใช้น้ำเสียงใสๆพูดกับอีกฝ่ายว่า

    “ถ้างั้นคราวหน้า ฉันขอเป็นงานแต่งงานจริงๆเลยแล้วกันน่ะเซ็ตจัง~แต่งพร้อมอาซึนะจังไปเลย!~~”
    “ห๋า!~~”
    “หาเหออะไรหล่ะเซ็ตจัง?~ แง๊~~~ งั้นที่เซ็ตจังขอฉันแต่งงานก็โกหกน่ะสิ~~”
    “ไม่ใช่น่ะโคโนจัง! ไม่ใช่!...แต่คือ...”

    ....เซ็ตซึนะที่นั่งอยู่ก็อ้ำอึ้งหาคำอธิบายให้ไม่ได้ จะพูดไปตรงๆว่าเธอมันจนก็ดูไม่ดีแฮ่ะ
    เฮ้ออออ~~~ งานแต่งนี่จัดที่เป็นแสนเชียวน่ะ แล้วไหนจะต้องฝ่าด่านท่านโคโนเอม่อนกับท่านเอชุนอีก
    คิดๆแล้วเซ็ตซึนะที่กังวลในข้อนี้เป็นที่สุดก็หน้าซีดอีกรอบ

    แต่อยู่ๆเธอก็ถูกโคโนจังจูบที่ริมฝีปากเสียอย่างนั้น เซ็ตซึนะที่สัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่นุ่มนิ่มตรงหน้าก็เริ่มหายกังวล
    สมองล่องลอยไปไกลอย่างมีความสุขและหันมาจูบตอบอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกรักไม่แพ้กัน
    หลังจากที่แลกรสสัมผัสอยู่อย่างนั้นมาเนิ่นนาน โคโนกะก็ถอนริมฝีปากของตนออกและยิ้มให้กับเซ็ตจังของเธออย่างอารมณ์ดีว่า

    “คนบ๊องส์~ คิดมากไปได้~ เห็นฉันเป็นคนอยากได้อะไรก็ต้องได้แบบนั้นเลยเหรอ?~ ฉันรอเซ็ตจังมาตั้งหกปีแล้วจะรออีกสักสองสามปีจะเป็นไรไป อีกอย่าง... แค่ที่เซ็ตจังทำให้ทั้งหมดในวันนี้ฉันก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว จริงๆน่ะเซ็ตจัง ขอบคุณที่ทำทุกอย่างเพื่อฉันน่ะ~~”

    ....พูดจบ โคโนกะก็ยิ้มให้อย่างมีความสุขตามคำพูดนั่น เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็รู้สึกดีใจจนเหลือล้นและยิ้มตอบ ก่อนจะกระชับร่างขององค์หญิงตรงหน้าเข้ามากอดอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่สุขล้นที่ไม่ต่างกัน
    ต่อแต่นี้...มันจะไม่มีอะไรมาพรากพวกเธออีกแล้ว สิ้นสุดการเดินทางที่มีแต่ความทุกข์ของพวกเธอสักที เงาและพระจันทร์ได้กลับมาครองคู่กันจริงๆโดยปราศจากอุปสรรคใดๆอีกต่อไป
    จะไม่มีคืนเดือนมืดที่ไร้แสงจันทร์และเงาสะท้อนอีก จะมีแต่คืนเดือนเพ็ญอันแสนสุขสำหรับพวกเธอเท่านั้น


    ดั่งนิทานปรำปะราหลายๆเรื่องได้เคยได้เล่ากล่าวต่อๆกันมา

    ..........................................................แล้วองค์หญิงกับองครักษ์ก็อยู่ด้วยกันต่อไปอย่างมีความสุข...

    ......................................... the end of themoon theshadow and thestar….
    …………………………the real ending of the choices of the chosen child….

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×