คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นในห้องเรียน 2-A
บรรยากาศในห้องก็ยังเหมือนปรกติ เสียงเจี๊ยวจ๊าวของนักเรียนในห้อง เสียงพี่น้องนารุทากิกำลังถูกพวกเจ้าหลิงเฉินไล่ตามเพราะพวกเธอแอบไปขโมยของกินอีกแล้ว เสียงพวกชมรมลีดเดอร์ที่กำลังเม้าท์เรื่องที่ไปช้อปปิ้งเมื่อวานอย่างสนุกสนาน เสียงของอาซึนะที่กำลังทะเลาะกับอายากะผู้เป็นหัวหน้าห้องอย่างดุเดือด แต่ทั้งหมดสำหรับโคโนกะที่เข้ามาเรียนนั่งอยู่กับโต๊ะของตนด้วยอาการหงอยๆ
มันเป็นเพียงอากาศธาตุ เพราะความจริงโคโนกะนั้นไม่อยากที่จะมาเรียน เธออยากที่จะไปดูแลองครักษ์ของเธอมากกว่า แต่เซ็ตซึนะยืนกรานที่จะให้เธอมาเรียนเสียงแข็งจนเธอจำใจต้องยอมมาเรียน ทว่าในใจของโคโนกะนั้นภาวนาให้วันนี้ผ่านไปโดยเร็วเพื่อที่จะได้กลับไปดูแลเซ็ตจังของเธอไวๆ
....ขณะที่กำลังเหม่ออยู่นั้น ก็มีเสียงๆนึงทักเธอขึ้น...
“คุณหนูค่ะ”
โคโนกะที่กำลังเหม่อก็ยังไม่สนใจ....แต่เอ๊ะ? คุณหนูเหรอ? ไม่จริง....แต่เสียงมันไม่ใช่
“คุณหนูค่ะ...”
และเมื่อโคโนกะเงยหน้าขึ้นไปมองเธอก็รู้ว่าเสียงนั้นมันไม่ใช่องครักษ์ของเธอหรอก
ยังมีอีกคนที่เรียนเธอว่าคุณหนูนี่น่ะ มานะนั้นเองที่เรียกเธออยู่ ข้างๆที่ยืนด้วยก็คือคาเอเดะ ทั้งสองก็อยู่ในอารมณ์ที่ไม่ต่างไปจากเธอเช่นกัน
มานะเข้ามาพูดกับโคโนกะด้วยสีหน้าจริงจังปนเศร้าเล็กๆ
“คุณหนูค่ะ ฉันกับคาเอเดะจะรีบไปหายาถอนพิษให้เร็วที่สุด พวกเราให้สัญญา ฉะนั้นระหว่างนี้ฝากเซ็ตซึนะด้วยน่ะค่ะ”
คำพูดตอนท้ายที่มานะรู้ว่าไม่ต้องพูดโคโนกะก็ต้องทำแน่นอนอยู่แล้ว โคโนกะเองก็พยักหน้าพลางส่งสายตาแห่งความหวังมาที่เพื่อนทั้งสองคน
“จ๊ะ ฝากด้วยน่ะคุณมานะ คุณคาเอเดะ”
ทั้งมานะและคาเอเดะต่างพยักหน้าเป็นการให้คำมั่นก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกระเป๋าเป้ใบโตทั้งสองคน ท่าคงจะมาเพื่อบอกลาเธอก่อน
ถึงพวกเขาจะรู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้เซ็ตจังเป็นอย่างนี้แต่จริงๆมันเพราะท่านตาของเธอต่างหาก
....ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งเคืองท่านตาของเธอ ตอนเที่ยงเธอต้องไปคุยกับท่านตาของเธอให้รู้เรื่อง
และเนกิก็เข้ามาในห้องพอดี ทุกคนจึงกลับเข้าที่เพื่อเรียนตามปรกติ.........
............................................................................
.....................................................................................................
ทางด้านเซ็ตซึนะ หลังจากที่บังคับให้คุณหนูกลับไปเรียนได้สำเร็จ เธอก็พยายามออกมาจากที่พักมายังข้างนอกคนเดียวพร้อมกับดาบยูนางิด้วยความทุลักทุเล บางทีไม่ระวังก็ชนโน่นนี่อยู่หลายครั้ง แต่เซ็ตซึนะก็ยังไม่ย่อท้อ เธอพยายามใช้ไม้เท้าและประสาทสัมผัสทุกอย่างที่เหลืออยู่คลำทางจนออกมาข้างนอกได้สำเร็จโดยไม่รอช้า เธอใช้ความทรงจำที่มีเกี่ยวกับสถานที่แถวนี้นำเธอไปที่ฝึกดาบประจำใกล้ๆทันที โดยใช้ไม้เท้าเป็นเครื่องนำทาง แต่กว่าจะมาถึงก็ทำเอาเซ็ตซึนะเจ็บตัวจากการเดินชนโน่นชนนี่เยอะพอตัวเลยทีเดียว
นักดาบสาวจึงค่อยๆทรุดลงนั่งพักทันทีที่ถึงที่หมายพลางพูดกับตัวเองเบาๆ
“นี่ฉัน.....เหนื่อยกับแค่การมาที่ฝึกถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”
แล้วความรู้สึกกลัวก็เริ่มคืบคลานเข้ามา เธอกลัวว่าเธอจะกลับมามองเห็นไม่ได้อีก
เธอกลัวว่าจะปกป้องคุณหนูของเธอไม่ได้อีกต่อไป เธอกลัวว่าเธอจะกลายเป็นคนไร้ค่า เธอกลัวว่าคุณหนูจะทิ้งเธอไป... ความกลัวมากมายผุดขึ้นมาในใจของนักดาบผู้ตาบอด ใครไม่ลองเป็นเธอก็คงไม่รู้ว่าตอนนี้จิตใจของเธอหวั่นไหวและบอบบางขนาดไหน กำลังใจอย่างเดียวที่ทำให้เธอไม่กล้าแสดงความอ่อนแอออกมาก็คือ การที่มีคุณหนูของเธอมาดูแลอยู่ข้างๆเท่านั้น...
....แต่บัดนี้ เมื่อเธอต้องมาอยู่คนเดียวในความมืดมิด ต้องลองมาทำอะไรคนเดียวตอนที่ตาบอด ความเดียวดายเกาะกุมในใจของนักดาบสาวชินเมริวโดยไม่รู้ตัว
...........แล้วเซ็ตซึนะก็ค่อยๆร้องไห้ ปลดปล่อยความเสียใจกับสภาพพิการของตัวเองออกมา เธอนั่งร้องไห้อยู่เนิ่นนานจนไม่รู้ว่าเวลานั้นผ่านไปนานมากแค่ไหน ความคิดไปไกลถึงขนาดว่าตัวเธอจะเป็นเช่นไรถ้าคุณหนูทิ้งเธอไปจริงๆ
......ถ้าคุณหนูเบื่อเธอหล่ะ?......ถ้าวันนึงคุณหนูรำคาญเธอที่เธอพิการและไม่อยากจะเจอหน้าเธออีกหล่ะ?
......................สำหรับมนุษย์ที่ยังยึดติดกับคำว่ารัก โลภ โกรธ หลงแล้ว การที่อยู่ๆต้องมาตาบอดจินตนาการเรื่องเลวร้ายก็มักจะมาหลอกหลอนมนุษย์อย่างเรามากมายโดยที่เราไม่รู้ตัว.....ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ที่ไร้ความทะเยอทะยานอย่างซากุระซากิ เซ็ตซึนะก็ตาม
แต่เซ็ตซึนะก็คิดขึ้นได้ในที่สุด เธอยังต้องอยู่เพื่อคุณหนูของเธอต่อไป ไม่ว่าคุณหนูจะต้องการเธอหรือไม่ก็ตาม เธอปฏิธานไว้แล้วชีวิตที่เหลือนับแต่วันที่ท่านพี่ซึรุโกะตาย เธอจะมอบให้แก่เพื่อนคนแรกและคนที่เธอรักที่สุดเพียงคนเดียว
ว่าแล้วเซ็ตซึนะก็ยันตัวลุกขึ้นมา แล้วชักดาบยูนางิขึ้นมาด้วยแรงฮึดครั้งใหม่........
“ใคร....มันจะไปยอมแพ้ง่ายๆหล่ะ....”
พูดจบ เซ็ตซึนะก็เริ่มฝึกดาบด้วยตัวเองที่เธอทำอยู่ประจำทันที....แม้คราวนี้ตาเธอจะมองไม่เห็น
แต่ประสาทอย่างอื่นของเธอยังอยู่ เธอต้องใช้มันที่เหลือชดเชยสิ่งที่หายไป
แล้วเซ็ตซึนะก็ฝึกดาบของเธอไปเรื่อยๆคนเดียว ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบของป่ารอบๆ.......
..........................................................................................................................................................................................
ในห้องท่านผอ. ตอนเที่ยง...
“ท่านตา! ทำไมท่านตาถึงให้เซ็ตจังไปทำงานที่เสี่ยงอย่างนั้น! แล้วตอนนี้เซ็ตจังก็......เซ็ตจังก็ตามองไม่เห็นแล้ว ท่านตาต้องรับผิดชอบ ท่านตาต้องหาทางรักษาเซ็ตจังให้ได้น่ะค่ะ!”
โคโนกะที่ยืนพูดใส่อารมณ์มาที่ท่านตาผู้เป็น ผอ.ของเธอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม อารมณ์โกรธของหลานสาวคนเดียวของเขาทำเอาท่านผอ.ตะลึงเลยทีเดียว
ตั้งแต่หลานของเขาเกิดมา โคโนกะไม่เคยโมโหหรือพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยเลยสักครั้ง ท่านผอ.ถึงจะตกใจแต่ก็ยังสงวนท่าที เขาลูบเคราสีขาวที่คางของตนช้าๆ ก่อนที่จะตอบหลานสาวที่กำลังมองเขาด้วยแววตาโกรธเคืองเอาจริงเอาจังว่า
“แน่นอนโคโนกะ ตาต้องหาทางช่วยเซ็ตซึนะคุงจนถึงที่สุดอยู่แล้ว เซ็ตซึนะคุงต้องหายแน่ๆ หลานไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่ะ”
“จริงๆน่ะค่ะท่านตา”
โคโนกะเปลี่ยนท่าทีมาเป็นแววตาแห่งความหวังทันที
ผอ.ที่เห็นหลานสาวของตนอ่อนลงก็เบาใจ เขาหันไปถามเรื่องเซ็ตซึนะต่อว่า
“แล้วตอนนี้ อาการของเซ็ตซึนะคุงเป็นยังไงบ้างหล่ะ? โคโนกะ”
“ก็ยังอ่อนเพลียอยู่ค่ะ แต่นอกจากเรื่องที่ตามองไม่เห็นแล้วอย่างอื่นก็ดูสบายดี ว่าแต่ท่านตาต้องหาทางรักษาตาของเซ็ตจังเร็วๆน่ะค่ะ”
โคโนกะที่ย้ำเรื่องรักษาอีกทีได้เห็นท่านตาของเธอพยักหน้ารับปากช้าๆก็สบายใจ ก่อนที่เธอจะขอตัวไปหาเซ็ตซึนะเพื่อทำอาหารกลางวันไปให้แล้วก็ออกจากห้องไป
ท่านผอ.ซึ่งมองไล่หลังหลานสาวของตน เขานั่งกลุ้มใจพลางมองไปที่ปฏิทิน.....
“นี่มันก็ใกล้วันเข้ามาแล้ว.....ถ้าพวกมารเกิดเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาจริงๆ เราอาจจะต้องทำพิธีเป็นปีนี้เลยก็เป็นได้.... เฮ้อออ นี่ตระกูลโคโนเอะจะต้องไร้ผู้สืบสกุลในรุ่นนี้หรือนี่..........”
แล้วเขาก็รีบโทรไปถามความคืบหน้ากับหมอที่ดูแลตาของเซ็ตซึนะทันที แม้เขาจะรับปากหลานสาวไปเรื่องการรักษา แต่ทว่า....ความจริงในตอนนี้มันยังไม่มีที่จะยารักษา เพราะยาที่จะแก้ต้องมาจากคนที่ผลิตพิษนั้นขึ้นมาเท่านั้น แถมไอ้ปิศาจนั้นก็ได้ตายไปแล้ว
จนเขาเองตอนนี้ก็จนใจ ได้แต่ฝากความหวังไว้กับหมอและพวกทัตสึมิยะที่กำลังไปหายาแก้ตัวอื่นมาแทนแค่นั้น
...................................................................................................................................................................
ที่ห้องพักของเซ็ตซึนะ.....
“กลับมาแล้วจ๊า~~ เซ็ตจังรอนานไหม? ป่านนี้แล้วหิวแย่เลย~”
โคโนกะที่เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับถุงกล่องข้าวในมือทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง แต่แล้วเมื่อเธอมองไปรอบๆห้องก็พบแต่กับความว่างเปล่า
ในห้องไม่มีเซ็ตจังอยู่!! เซ็ตจังหายไปไหน?
โคโนกะที่เริ่มหวั่นใจเริ่มสำรวจห้องดีๆอีกครั้ง แต่ห้องเล็กอย่างนี้มองแป๊บเดียวก็รู้ว่าไม่มีคนในห้องน้ำก็เช่นกัน โคโนกะที่รู้แน่ว่าองครักษ์ของเธอไม่ได้อยู่ในห้อง เธอทิ้งข้าวของและลงไปตามหาข้างนอกทันที
“เซ็ตจัง! เซ็ตจัง! เซ็ตจัง อยู่ที่ไหนน่ะ? เซ็ตจังงงงง!”
โคโนกะที่ร้องเรียกชื่อองครักษ์ของเธอตลอดทางตั้งแต่ออกมาจากหอพัก เธอพยายามเดินไปรอบๆที่ๆเซ็ตจังของเธอน่าจะอยู่แต่ก็ไม่พบ ความวิตกเข้ามาในใจเธอทันที นี่เซ็ตจังเขาไปไหนของเขา ตาก็มองไม่เห็นแล้วแท้ๆ ถ้าเกิดล้มลงจนแขนขาหักแล้วจะทำยังไง?
ยิ่งคิดโคโนกะก็ยิ่งกังวลหนักกว่าเดิม เธอเร่งฝีเท้าตามหาองครักษ์ของเธอให้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาองครักษ์ของเธอไม่เจอซักที...
แต่โคโนกะที่กำลังร้อนรนเพราะหาองครักษ์ของเธอไม่เจอ
เธอไม่รู้หรอกว่าในตอนนี้เธอกำลังถูกสายตาของคนๆนึงจ้องมองอยู่ คนๆนั้นสวมชุดนักรบญี่ปุ่นโบราณ สวมหมวกฟางและหน้ากากยักษ์สีแดง นั้น...เป็นคนๆเดียวกับที่เซ็ตซึนะเคยประมือด้วยที่ศาลเจ้าในวันปีใหม่!!
สักพักหลังจากมันซุ่มดูคุณหนูโคโนกะอยู่นาน จนมันแน่ใจว่าเซ็ตซึนะนั้นไม่ได้อยู่กับคุณหนู มันจึงพุ่งเข้าหาโคโนกะทันที!
“เซ็ตจ....อู้!ๆๆๆ....อึ๊ก...”
โคโนกะที่กำลังร้องเรียกองครักษ์ของเธอถูกคนในหน้ากากประชิดเข้าด้านหลังและถูกโปะยาสลบ
เธอสลบคามือมันทันที ก่อนที่มันจะอุ้มตัวโคโนกะที่เพิ่งหมดสติและพาหายไปจากที่แห่งนั้น!!
ทางด้านเซ็ตซึนะ เธอกำลังนอนหายใจหอบหลังจากที่ฝึกดาบมานาน
แต่เมื่อสักครู่...แม้จะยังไม่แน่ใจ แต่ก็เหมือนกับว่าเธอได้ยินเสียงคุณหนูร้องเรียกชื่อของเธอจริงๆ เซ็ตซึนะจึงรีบลุกขึ้นคว้าดาบและใช้ไม้เท้า รีบไปทางต้นเสียงที่เธอได้ยินทันที......
“คุณหนูค่ะ.....คุณหนู....”
เซ็ตซึนะที่พยายามคลำทางเดินและร้องเรียกชื่อคุณหนูของเธอ ทว่าเมื่อเรียกไปหลายทีก็ยังไม่ได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับ เซ็ตซึนะก็เริ่มร้อนใจยิ่งขึ้น
เธอเร่งฝีเท้าขึ้นทันที แต่ไม่ว่าจะจะเร่งยังไง เธอในตอนนี้ที่เห็นเพียงความมืดมิด เซ็ตซึนะที่เดินไม่ระวังจึงหกล้มสะดุดหินข้างหน้า
“อุ๊กก!.................................ฮึ่มมมมม.....”
แต่ถึงจะล้มจนเจ็บตัว องครักษ์สาวก็ไม่ย่อท้อ ใจที่เป็นห่วงคุณหนูของเธอนั้นมันมากกว่าความเจ็บที่สะดุดล้มซะอีก เธอรีบพยายามยันตัวให้ลุกขึ้น ตามหาคุณหนูของเธอต่อทันที แล้วเมื่อลุกขึ้นมาได้ เสียงๆหนึ่งที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ดังขึ้นต่อหน้าเธอ พร้อมๆกับที่เธอรู้สึกถึงการมาของคนๆนั้น...
“ตามหาใครอยู่รึ? เจ้านักดาบ”
เสียงผู้ชายที่ต่ำและทุ้มอย่างนั้น ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยได้ยินมาก่อนแน่นอน
แต่เธอก็หันไปทางต้นเสียงนั้นทันที เพราะถึงตาจะมองไม่เห็นแต่เธอจับรังสีต่อสู้ของมันได้ ออโร่ร่าของมันแสดงความต้องการที่จะสู้อยู่เต็มเปี่ยมโดยไม่ต้องมองด้วยซ้ำ!
“แกต้องการอะไร!! แล้วแกเป็นใคร? มาทำอะไรที่นี้!”
พูดเสร็จ เซ็ตซึนะก็ชักดาบยูนางิขึ้นมาทันที และฝ่ายนั้นก็เช่นกัน เสียงชักดาบทำให้เซ็ตซึนะระวังตัวยิ่งขึ้น ทำยังไงดี? จะสู้ยังไงดี?
เธอที่ตอนนี้ตาบอดคงต้องพึ่งแต่การฟังเท่านั้นหล่ะมั้ง
........แม้จะรู้ว่าตนเสียเปรียบอยู่เต็มที่ แต่เซ็ตซึนะก็ไม่แสดงอาการหวาดหวั่นต่อคู่ต่อสู้งตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย...
“สายตาพิการไปแล้ว เจ้าจะยังสู้ได้อีกรึ? ฮึ...ต้องขอลองซะหน่อยแล้ว!!”
พูดจบ เซ็ตซึนะที่ระวังตัวอยู่ก็สัมผัสจิตของมันได้ว่ามันกำลังพุ่งมาที่เธอ
ในเสี้ยววินาทีของความเป็นความตาย เธอใช้ประสาทสัมผัสที่จับได้ใช้ดาบรับการโจมตีของมันได้อย่าหวุดหวิด แต่ก็ดูมันจะไม่สะทกสะท้านกับความสามารถของนักดาบที่สายตาพิการเลย
มันยิ้มอย่างพอใจกับความใจสู้ของคู่ต่อสู้ตรงหน้า
“เยี่ยม!! ใช้ประสาทสัมผัสอื่นแทนตา.....ข้าดูเจ้าไม่ผิดจริงๆ”
“อย่าพูดมากน่า! แกน่ะเป็นใครกันแน่!”
“ประดาบเดี๋ยวก็รู้เองแหล่ะ....”
เซ็ตซึนะที่ได้แต่ดันดาบกันไปมาเห็นว่าถ้าเอาแต่กันนั้นเธอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เธอเปลี่ยนมาเป็นผู้รุกบ้างทันที โดยใช้เสียงของฝีเท้าคาดเดาการเคลื่อนไหวของศัตรู
เซ็ตซึนะกระหน่ำโจมตีไม่ยั้งมือ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันรับการโจมตีของเธอได้ทั้งหมด....เหมือน..เหมือนตอนนั้นเลย...รึว่า...
“รึว่า แกเป็นไอ้คนที่สวมหน้ากากตอนนั้น!!”
ทว่า...ชายผู้นั้นก็ไม่ตอบ ถึงจะมองไม่เห็นแต่ต้องใช่มันแน่นอน!
เซ็ตซึนะที่รู้ว่าศัตรูตรงหน้าเป็นใครตัวเย็นวาบขึ้นมาทันที
ตอนนี้ตัวเธอไม่มีการ์ดบัคดิโอ้ติดตัวมาเหมือนคราวก่อน เธอเรียกใครมาช่วยก็ไม่ได้ เรียกอาวุธมาใช้ก็ไม่ได้ แล้วนี้เธอจะทำยังไงดี?? และที่ไม่น่าเชื่อก็คือ มัน....มันที่อยู่ที่เกียวโตตามมาถึงที่นี้เชียวหรือ?? มันมาทำอะไร? หรือว่า มันจะมาลักพาตัวคุณหนู แล้วคุณหนูหล่ะ ตอนนี้คุณหนูอยู่ที่ไหน????.....
“แก....แกเอาตัวคุณหนูไปใช่ไหม? "
เซ็ตซึนะที่คิดได้ว่าที่จู่ๆเสียงคุณหนูของเธอหายไปอาจเป็นเพราะมันเอาตัวคุณหนูของเธอไปก็ได้ แล้วเธอก็ได้คำตอบอย่างที่เธอกลัวจริงๆ
“อ้อ หมายถึงแม่หนูผมยาวน่ารักคนนั้นน่ะเหรอ? ตอนนี้แม่หนูนั้นนอนหลับอุตุอยู่ข้างหลังข้าเองหล่ะ ถ้าอยากได้คืนหล่ะก็ เอาชนะข้าให้ได้ซี่.......”
พูดจบ มันก็โจมตีเซ็ตซึนะอีกครั้ง
เซ็ตซึนะที่ตาบอดทำได้เพียงอาศัยเสียงแหวกอากาศของดาบในชั่ววินาทีสุดท้ายบอกทิศทางแล้วใช้ดาบรับเท่านั้น แต่มันก็โจมตีเข้ามาไม่หยุด
จนกระทั้งการโจมตีของมันท่าสุดท้ายทำให้เซ็ตซึนะกระเด็นล้มลงไป เสียงฝีเท้าของมันก้าวมาหาเซ็ตซึนะที่ล้มจุกอยู่ช้าๆ มันพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า
“อ้าวๆ จะยอมแล้วเหรอไง? ถ้ายอมแพ้แล้ว งั้น....ฉันจะขอแม่หนูคนนั้นไปแล้วกันน่ะ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ใครบอกว่าฉันยอม! แก.......อย่าหวังจะเอาตัวคุณหนูไปได้เลย!! ย๊ากกกกกกก!!!!”
เซ็ตซึนะที่ฟังมันว่าจะเอาตัวคุณหนูของเธอไปเท่านั้น ก็เกิดความโมโห เธอฮึดขึ้นมาพุ่งเข้าโจมตีมันทันที ทำเอามันเกือบพลาดไปเหมือนกัน ดีที่มันรับการโจมตีนั้นได้ทันฉิวเฉียด
“ดี~ นี้หล่ะที่ข้าต้องการ!”
แต่เซ็ตซึนะนั้นเลือดขึ้นหน้าเสียแล้ว เธอไม่สนใจที่จะฟังมันพูดอีก นักดาบสาวโจมตีมันใส่เป็นชุดอย่างรวดเร็วและบ้าคลั่งจนมันได้แต่ตั้งรับกับการโจมตีอันหนักหน่วงและรุนแรงที่สุดที่มันไม่เคยเจอตั้งแต่ได้ประมือกับเซ็ตซึนะมา จนมันเกือบจะพลาดท่าแต่ยังใช้ความได้เปรียบของมันคือการมองเห็น มันเคลื่อนตัวเองไปทางต้นไม้โดยหวังจะใช้ต้นไม้เป็นตัวหยุดดาบ
และในจังหวะที่เซ็ตซึนะจะฟันเต็มแรงในทิศที่มันล่อเอาไว้ เธอไปฟันเอาที่ต้นไม้นั้นตามที่มันวางแผนไว้พอดี ทว่า...ต้นไม้นั้นกลับขาดเป็นสองเสี่ยงทันทีที่โดนคมดาบของเซ็ตซึนะ ทำเอาชายในหน้ากากมองด้วยความตะลึง นี่ขนาดยังไม่ได้รวมจิตใช้ท่าไม้ตายเลยน่ะ! ทำไมถึงทำได้ถึงขนาดนี้....มันไม่รู้ตัวหรอกว่ามันได้ไปจุดอารมณ์เดือดของนักดาบสาวเข้าให้แล้ว!!
เซ็ตซึนะที่ไม่รู้ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไปเพราะกำลังบ้าเลือด
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคู่ต่อสู้หยุดนิ่ง เธอไม่รอช้าที่จะใช้จังหวะนี้นำไม้ตายมาใช้กับมันทันที
“ซันคูเซ็นนน!!!!”
.
.
.
.
.
.
.
“ซันคูเซ็นนนน!!!!”
“พลั๊วววววว!”
“แคร๊กก”
มันเองที่เรียกสติกลับคืนมาจากความตะลึงก็หันมาใช้ท่าเดียวกันโต้กลับเช่นกัน
ผลจากการประดาบ ทั้งคู่กระเด็นออกไปทั้งสองฝ่าย
เซ็ตซึนะที่โดนกระบวนท่าโจมตีของฝ่ายตรงข้ามก็ล้มลงไป แต่ในใจนั้นกำลังตื่นตะลึง
นี่มัน...ใช้ท่าไม้ตายเดียวกับเธอ แถมยัง.....สูสีกันอีกด้วย! ในเสี้ยววินาทีที่เธอจะใช้ มันก็แก้เกมด้วยการใช้ไม้ตายได้เช่นกัน แถมยัง....ด้วยความแรงที่พอๆกันอีกต่างหาก! นี้มันเป็นใครกันแน่? จะมีชินเมริวซะกี่คนกันที่ใช้ท่าเดียวกับเธอ!!!
แต่ขณะที่เธอกำลังคิดนั้นก็สายไปเสียแล้ว มือเธอที่จะจับดาบยกขึ้นมา
กลับถูกตรึงเอาไว้ที่พื้นทำให้หยิบขึ้นมาไม่ได้ ท่าฝ่ายนั้นจะเหยียบเอาไว้ และเซ็ตซึนะก็รู้สึกว่าที่คอของเธอถูกปลายดาบของอีกฝ่ายจ่อเอาไว้บังคับให้เธอต้องเชิดหน้าขึ้น เธออยู่ในสภาพยอมจำนนทันที เซ็ตซึนะจึงได้แต่เจ็บใจที่ตอนนี้เธอสู้อะไรมันไม่ได้
......เพราะอีกฝ่ายฟื้นตัวได้ก่อนเธอ เพราะอะไร? ทำไมมันถึงลุกขึ้นมาได้ก่อนหล่ะ? หรือจริงๆแล้ว การโจมตีของเธอไม่เป็นผล!!
..แล้วเซ็ตซึนะก็ได้คำเฉลยจากปากของผู้ที่มีชัยเหนือเธอ
“ถ้าตาไม่บอดหล่ะก็ ข้าคงต้องตายไปแล้วแน่ๆ ฮึๆๆ อายุแค่นี้แต่ฝีมือยอดจริงๆ”
มันที่เอาดาบจ่อคอของเซ็ตซึนะอยู่พูดขึ้น.....นี่ที่เธอพลาด ไม่ใช่ว่าไม่ได้ผล แต่ไม่โดนหรอกหรือ? เธอกะระยะพลาด.....สายตาที่บอดไปทดแทนด้วยประสาทหูยังไม่พอรึนี้!!
เซ็ตซึนะที่รู้ว่าไม่มีหนทางจะสู้อีกต่อไป เธอต้องถูกมันฆ่าแน่ๆ แต่...ชีวิตของเธอ เธอไม่เสียดายหรอก แม้มันจะดูไร้ศักดิ์ศรีแต่เซ็ตซึนะก็เริ่มพูดกับมันว่า
“ตอนนี้ฉันไม่มีทางสู้แกแล้ว ฉันแพ้แกอย่างหมดรูปจริงๆ แต่ฉันขอร้องแกอย่างเดียว.....ปล่อยคุณหนูไปซะเถอะ”
รู้ทั้งรู้ว่าความหวังนั้นริบหรี่ แต่เธอก็ต้องลอง
ในใจภาวนาให้อีกฝ่ายเห็นแกความเป็นนักดาบเหมือนกันสักครั้ง ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้วนอกจากเกียรติ์ของนักดาบที่เธอมีมาตลอดแลกกับตัวคุณหนูของเธอ ถ้าเธอไม่ตาบอดเรื่องมันคงจะไม่จบเช่นนี้แน่...ถึงจะคิดเจ็บใจแต่ตัวคุณหนูสำคัญที่สุด
แต่ทว่าฝ่ายนั้นก็ยังนิ่งไม่ตอบ เซ็ตซึนะที่รอคำตอบอยู่นาน เธอจึงเริ่มขอร้องอีกครั้ง
“ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง แต่ก็พอรู้ว่าแกเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีของนักดาบพอตัว ขอร้อง...แกจะฆ่าจะแกงหรือจะให้ฉันทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น ขอเพียงให้คุณหนูปลอดภัยเป็นพอ นึกว่าเป็นคำขอสุดท้ายของศัตรูของแกก็ได้....”
เซ็ตซึนะที่พยายามอ้อนวอนยอมทุกอย่างทั้งๆที่ปลายดายยังจ่อคอเธออยู่อย่างหมดท่า
แต่ฝ่ายนั้นก็ยังคงนิ่ง ไม่ตอบอะไร จนเซ็ตซึนะที่นิ่งฟังอยู่เนิ่นนานเริ่มทนไม่ไหว เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังคิดอะไร? ทำอะไร? แต่ไม่ตอบอะไรเธอนี่มันแปลว่าอะไร??
และช่วงที่เซ็ตซึนะกำลังเจรจาขอร้องให้ปล่อยคุณหนูของเธอนั้น
โคโนกะที่สลบเพราะยาสลบก็กำลังสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าก็คือ มีคนๆนึงในชุดนักรบญี่ปุ่นโบราณสีเข้มสวมหมวกฟางที่ขาดวิ่นยืนเอาดาบจ่อที่คอขององครักษ์ของเธอที่กำลังนั่งคุกเข่า ที่ปลายเท้ามีหน้ากากสีแดงที่แตกเป็นสองส่วนตกอยู่ หลังจากเรียบเรียงเหตุการณ์และพิจารณาคำพูดขององครักษ์ของเธอสักพัก ตัวเธอเย็บวาบทันที เซ็ตจังของเธอแพ้!
และกำลังขอร้องให้เอาชีวิตตัวเองเพื่อให้ตัวปล่อยตนที่ถูกทำให้สลบไป
....โคโนกะไม่รีรอเธอรีบสลัดอาการมึนจากฤทธิ์ยาสลบแล้ววิ่งเข้าไปห้ามทันที
“หยุดน่ะ! ห้ามฆ่าเซ็ตจังน่ะ จะเอาตัวฉันไปไม่ใช่เหรอ? ฉันมาแล้วนี่ไง ปล่อยเซ็ตจังไปสิ!!!”
โคโนกะที่วิ่งเข้ามากางมือห้ามอีกฝ่ายที่เอาดาบจ่อเซ็ตซึนะเอาไว้ เธอจ้องไปทางมันเขม็ง จนมันต้องรีบเอาหมวกฟางบังหน้าแทบไม่ทัน เซ็ตซึนะตกใจที่อยู่ๆก็ได้ยินเสียงคุณหนูของเธอ เซ็ตซึนะรีบไขว่ขว้าเอามือจับตัวคุณหนูตามต้นเสียงทันที
“คุณหนู..คุณหนู เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ?”
เซ็ตซึนะที่ไม่ได้ห่วงสถานะของตนเองกลับถามถึงอีกฝ่าย แต่โคโนกะก็ไม่พูดอะไร เธอจ้องไปฝ่ายที่ยังเอาดาบจ่อที่คอเซ็ตจังของเธอ เธอสังเกตว่ามันไม่อยากให้เธอเห็นหน้า...รึว่า เธอจะรู้จักมัน? แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้น เธอพูดกับมันต่อทันที
“ฉันบอกว่าให้ปล่อยเซ็ตจัง แล้วฉันจะไปกับแก ได้ยินไหม?”
แต่มันซึ่งตอนนี้พยายามก้มหน้าหนีการถูกจ้องก็มิได้ตอบอะไร และมันก็ยังมิได้เอาดาบที่จ่ออยู่ออก เซ็ตซึนะที่มองไม่เห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายทำอะไร
แต่เห็นว่าคุณหนูของเธอจะยอมไปกับมันเพื่อแลกกับตัวเธอแทน เธอจึงพูดห้ามทันที
“ไม่ได้น่ะค่ะ! คุณหนูไปไม่ได้ แกห้ามเอาคุณหนูไปเด็ดขาดน่ะ!!”
แล้วอยู่ๆดาบที่จ่อก็ถูกเอาออกไปจากคอของเซ็ตซึนะ ทำเอาทั้งสองที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบแปลกใจ
ซามูไรคนนั้นก้มตัวลงไปหยิบหน้ากากที่ถูกผ่าสองซีกขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหันหลังและเดินจากไปมันเอาผ้าปิดบังใบหน้า และพูดทิ้งท้ายไว้ว่า
“ครั้งนี้...ฉันยอมให้ก่อนก็ได้ เห็นแก่ฝีมือดีๆของเจ้า เจ้านักดาบ แต่ครั้งหน้า ฉันไม่ปล่อยไว้แน่ๆ เตรียมใจไว้เลยก็แล้วกัน”
พูดจบมันก็หายไปต่อหน้าคนทั้งสองทันที
เซ็ตซึนะที่ฟังเสียงเอาก็รู้สึกว่าตัวมันนั้นไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังถามคุณหนูของเธอว่า
“มัน...ไปแล้วเหรอค่ะคุณหนู”
“จ๊ะ...............................เฮ้ออออออออออออออ~~”
โคโนกะที่กางแขนค้างอยู่นั่งเข่าอ่อนทรุดลงไป สักพักเธอหันมากอดเซ็ตซึนะที่อยู่ด้านหลังแล้วพูดว่า
“เมื่อกี้ฉัน..... ฉันกลัวแทบตายแน่ะ เซ็ตจัง”
โคโนกะพูดด้วยเสียงสั่นเครือ แล้วเธอก็กอดตัวองครักษ์ของเธอแน่นกว่าเดิม แถมตัวนั้นยังสั่นงกจนเซ็ตซึนะรู้สึกได้ ทำเอาเซ็ตซึนะที่แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รู้ว่า
สภานะการณ์เมื่อสักครู่คุณหนูของเธอนั้น ต้องใช้ความกล้าหาญมากขนาดไหน เธอปลอบคุณหนูที่อยู่ในอ้อมกอดว่า
“เมื่อสักครู่ คุณหนูกล้าหาญมากๆค่ะ ดิฉันซะอีก.....ที่กลับมาตาบอด ดิฉัน...ดิฉันปกป้องคุณหนูไม่ได้”
พูดไปเซ็ตซึนะก็กำหมัด กัดฟันกรอด เธอเจ็บใจที่เธอต้องมามองไม่เห็น จะปกป้องคุณหนูก็ยังทำไม่ได้ ทั้งๆที่ตั้งใจจะใช้ประสาทสัมผัสที่เหลือใช้ปกป้องคุณหนูแล้วแท้ๆ
แต่.............มันยังไม่พอ.... เซ็ตซึนะในตอนนี้ร่ำร้องในใจ เธออยากหาย เธออยากมองเห็นเร็วๆ หรือไม่ก็อยากเก่งกว่านี้ เก่งจนเธอที่มองไม่เห็นก็สามารถปกป้องคุณหนูของเธอได้
แต่โคโนกะที่พอจะจับความรู้สึกขององครักษ์ของเธอได้ เธอเอื้อมมือมากุมมือของเซ็ตซึนะที่กำหมัดเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“เซ็ตจังไม่ผิดหรอก เซ็ตจังทำเต็มที่แล้วฉันรู้ดี ว่าแต่เราอย่าพูดกันอยู่เลย รีบกลับกันดีกว่าน่ะ.....”
พูดจบ โคโนกะก็จูงมือเซ็ตซึนะขึ้นห้องพัก และไปทานข้าวกลางวัน
แต่ตอนนี้ในใจของเซ็ตซึนะนั้น กำลังแค้นใจที่ตัวเองไม่สามารถช่วยคนที่รักได้ แม้ว่าจะทำเต็มที่แล้วก็ตาม เซ็ตซึนะนึกกังวลจนกินข้าวไม่ค่อยลง
ถ้าเกิดครั้งหน้ามันมาอีก เธอจะปกป้องคุณหนูของเธอได้อย่างไร?
ในตอนกลางวันหลังคุณหนูกลับไปเรียนคาบบ่าย เซ็ตซึนะก็นั่งนิ่งอยู่ในห้องกลุ้มใจกับภัยที่กำลังจะมาถึงพวกตนในไม่ช้า.......
ไม่แน่ ซามูไรคนนั้นอาจเป็นฝ่ายมารที่ต้องการขัดขว้างพิธีไตรเวทย์ก็เป็นได้!! แล้วปิศาจตนนั้น...ตัวที่ทำให้เธอตาบอดแล้วยังรู้ชื่อเธอ มันก็อาจจะมีส่วนด้วย!!
.............................................................................................................................................................
ในตอนบ่ายหลังเลิกเรียน
โคโนกะที่รอคอยเวลาเลิกเรียนมานาน เธอรีบเก็บของและบึ่งจะกลับไปที่หอพักของเซ็ตจังของเธอทันที
แต่ก็มีเสียงนึงมาร้องเรียกเธอไว้
“คุณโคโนกะครับ”
เนกิคุงนั้นเอง ทำเอาโคโนกะที่กำลังรีบหันมาถามด้วยความเร่งร้อน
“มีอะไรจ๊ะ เนกิคุง คือตอนนี้ฉันกำลังรีบน่ะจ๊ะ ไว้ทีหลังได้ไหม?”
แต่เนกินั้นกลับนิ่ง ข้างๆเนกิก็มีอาซึนะอีกคน เนกิพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ลำบากใจว่า
“เอ่อ คือ คุณโคโนกะครับ ผม.......ผมรู้เรื่องของคุณเซ็ตซึนะแล้วหล่ะครับ”
โคโนกะที่กำลังเก็บของเสร็จหันควับมาทันทีด้วยความตกใจ นี่เนกิคุงรู้ได้ยังไง เมื่อหันไปทางอาซึนะซึ่งก็ดูเหมือนจะรู้เรื่องแล้วเช่นกัน...โคโนกะถามขึ้นมาทันที
“รู้ได้ยังกัน ฉันยังไม่ได้บอกใครซะหน่อย....หรือท่านตาเป็นคนบอก?”
“คุณเซ็ตซึนะบอกผมเองหล่ะครับ ผ่านทางการ์ดบัคดิโอ้”
“เอ๋~~”
โคโนกะได้ฟังก็ได้แต่แปลกใจ เซ็ตจังน่ะเหรอ?
ทำไม? เซ็ตจังอยากให้ปิดเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ?
แต่อาซึนะที่เดาความคิดของรูมเมทของเธอออก เธอพูดด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลทันที
“คุณเซ็ตซึนะบอกแล้วด้วยว่า เมื่อกลางวันมีคนจะมาลักพาตัวเธอไป โชคดีที่มันปล่อยตัวเธอออกมา นี่โคโนกะ! เกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ ทำไมเธอไม่บอกพวกฉันซักคำ!”
โคโนกะที่ได้ฟังก็นิ่งไป ครั้นเมื่อไปมองที่เนกิคุงก็เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายกังวลเช่นกัน ทำไมเธอถึงไม่บอกน่ะเหรอ?....ก็เพราะ..ก็เพราะถ้าเรื่องมันถึงท่านตา เธอก็จะ....
“แล้วเรื่องนี้ พวกผมก็แจ้งให้ท่านผอ.ทราบแล้วด้วย แล้วท่านก็มีคำสั่งให้คุณโคโนกะอยู่แต่ในที่ๆปลอดภัยเท่านั้นครับ”
สิ้นคำพูด โคโนกะตัวเย็นวาบทันที นี่บอกไปแล้วเหรอ?
ที่เธอไม่อยากให้ใครรู้ ก็เพราะเธออาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนอีกน่ะสิ นั้นก็อาจจะรวมถึงการไปหาเซ็ตจังของเธอด้วย....
โคโนกะที่เริ่มมีลางสังหรณ์ในเรื่องนี้ เธอหันไปถามอาจารย์ตัวน้อยว่า
“ทำไมเนกิคุงบอกเรื่องนี้กับท่านตาไปหล่ะ อย่างนี้......ฉันก็ไปไหนไม่ได้เลยน่ะสิ”
โคโนกะถามอาจารย์ตัวน้อยของเธอด้วยความไม่เข้าใจปนเคืองๆ
เนกิก็มองโคโนกะด้วยสีหน้าที่หนักใจก็ให้เหตุผลว่า
“เพราะคุณเซ็ตซึนะเป็นคนบอกให้ไปบอกครับ ซึ่งผมเองก็เห็นด้วย คุณโคโนกะในตอนนี้ไม่ควรจะออกไปไหนคนเดียวโดยไม่มีคนคุ้มกันน่ะครับ แล้วคุณเซ็ตซึนะเองก็บอกว่าในสภาพตอนนี้ไม่สามารถคุ้มครองคุณโคโนกะได้ ท่านผอ. จึงมอบหน้าที่นี้ให้ผมกับคุณอาซึนะแทนชั่วคราว”
“ถ้างั้น......ฉันก็ยังไปหาเซ็ตจังได้ใช่ไหม?”
โคโนกะที่รู้ว่าเซ็ตจังเองที่เป็นคนบอกก็เริ่มวิตกทันที แต่เธอก็ยังความหวัง แม้จะไปหาคนเดียวไม่ได้
แต่ในเมื่อเพื่อนร่วมห้องพักของเธอเป็นคนคุ้มครอง เธอก็น่าจะไปหาเซ็ตจังของเธอได้ แต่ทว่า......
“ไม่ได้หรอกครับ ท่านผอ.ไม่อนุญาตให้คุณโคโนกะออกไปจากอื่น นอกจากหอพักกับโรงเรียนเท่านั้นครับ....”
ได้ยินคำที่พูดกันตรงๆก็คือถูกกักบริเวณ โคโนกะหน้าซีดทันที
ครั้นจะไปขอความช่วยเหลือจากรูมเมทของเธอ อาซึนะก็มีสีหน้าลำบากใจไม่แพ้เนกิเช่นกัน เธอส่ายหัวน้อยๆแล้วพูดขึ้นว่า
“ฉันเองก็ถูก อ.ทาคาฮาตะกำชับมาอีกที ว่าห้ามเธอออกไปหาคุณเซ็ตซึนะเด็ดขาด เธอคงต้องรอให้คุณเซ็ตซึนะเขามาหาเอง....”
“แต่ตอนนี้เซ็ตจังเขามองไม่เห็นน่ะ!! เซ็ตจังจะมาหาฉันได้ยังไงกัน? แล้ว..แล้วเซ็ตจังจะอยู่ยังไง? จะให้ฉันเอาตัวรอดแล้วทิ้งเซ็ตจังไว้อย่างนั้นเหรอ!”
โคโนกะสวนขึ้นทันควันเล่นเอาสองคนที่ยืนอยู่สะอึกทันที
แต่จะทำยังไงได้หล่ะ พวกเธอสองคนที่อยู่ๆเพิ่งมารู้ว่าเซ็ตซึนะตาบอด แถมโคโนกะยังถูกปองร้ายอีก พวกเธอทำอะไรไม่ค่อยถูกเหมือนกัน
รู้แต่ว่าสิ่งที่เซ็ตซึนะให้พวกตนทำนั้นถูกต้องที่สุดแล้ว
แม้โคโนกะจะห่วงเซ็ตซึนะขนาดไหน แต่โคโนกะที่อาจจะถูกลักพาตัวไปได้ทุกเมื่อเหมือนตอนเกียวโตอีก แถมเซ็ตซึนะก็อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถคุ้มครองโคโนกะได้อีกต่างหาก
ที่พวกตนทำได้ตอนนี้ คือทำตามที่เซ็ตซึนะบอกไว้แค่นั้น
“เข้าใจพวกเราด้วยเถอะน่ะครับ และนี้ก็เป็นความต้องการของคุณเซ็ตซึนะเองด้วย อย่าให้พวกเราต้องลำบากใจไปกว่านี้เลยครับ”
เนกิที่นิ่งอยู่นาน พูดขึ้นด้วยเสียงที่หนักใจในที่สุด อาซึนะก็เช่นกัน
“ส่วนเรื่องคุณเซ็ตซึนะ ท่านผอ.จะเป็นคนดูแลเอง เธอไม่ต้องห่วงทางนั้นหรอก ถ้าเธอห่วงคุณเซ็ตซึนะจริงๆก็น่าจะรู้ว่า สิ่งที่คุณเซ็ตซึนะห่วงมากที่สุดไม่ใช่ตัวของเขา แต่เป็นเธอต่างหาก เธอน่าจะทำตามที่เขาต้องการน่ะ”
โคโนกะที่ฟังคำพูดที่มีเหตุผลของเพื่อนรูมเมทของเธอก็ซึมทันที นั้นสิน่ะ เธอคงจะทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ เธอเองคงจะไปสู้ใครที่ไหนเขาไม่ได้นอกจากดูแลตัวเองไม่ให้เซ็ตจังของเธอต้องเป็นห่วงเท่านั้น
โคโนกะที่นิ่งคิดอยู่นานจึงพยักหน้าเป็นเชิงยอมจำนน ก่อนที่จะลุกขึ้นกลับไปที่หอพักโดยมีเนกิและอาซึนะเป็นคนดูแลตลอดทาง
..................................................................................................................................................................
แต่เมื่อกลับมาถึงหอพัก.....โคโนกะที่ตอนแรกดูจะเชื่อฟังคำสั่งของท่านตาก็พยายามคิดแผนการสารพัดเพื่อที่จะดอดไปหาเซ็ตจังของเธอให้ได้
แต่ไม่ว่าจะก้าวไปทางไหน เธอก็จะอยู่ในสายตาของเนกิคุงและอาซึนะโดยตลอด
ไม่เว้นกระทั้งตอนเข้าห้องน้ำหรือไปซื้อของ
จนกระทั้งเนกิขอตัวไปฝึกพิเศษกับเอวา เหลือเพียงโคโนกะกับอาซึนะสองคน....
“อาซึนะ~ ฉันขอร้องหล่ะ พาฉันไปหาเซ็ตจังเถอะน้า~”
โคโนกะที่ไม่สามารถหาวิธีหนีออกไปได้ก็อ้อนวอนรูมเมทของเธออีกครั้ง แต่อาซึนะที่กำลังทำการบ้านก็ส่ายหน้าพลางทำหน้าดุๆก่อนที่จะสนใจกับการบ้านของเธอต่อ ทำเอาโคโนกะอ่อนใจกับความใจแข็งของอีกฝ่าย แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้
“น่ะๆ อาซึนะ เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงเครปของโปรดเอง น่ะๆ”
“..................”
“ฉันขอไปเจอหน้าเซ็ตจังแค่สิบนาทีก็ได้ เถอะน้า~ อาซึนะจัง~~~”
“...................”
จะอ้อนเสียงหวานขนาดไหนอาซึนะก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเธออีก
จนโคโนกะเริ่มงอน แต่เธอที่เหลือบไปเห็นหนังสือเล่มที่เคยยืมโนโดกะเอาไว้...แม้จะยังอ่านไม่จบ แต่เธอก็ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ
โคโนกะเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นและเริ่มแสดงละครทันที
“อ๊ะ......ลืมสนิทเลย~”
“อะไรเหรอ โคโนกะ?”
โคโนกะที่ดึงความสนใจของรูมเมทเธอได้สำเร็จ สาวผมสีช็อคโกแลตหยิบหนังสือดังกล่าวมากอดไว้พลางพูดด้วยสีหน้าวิตกว่า
“ก็....หนังสือเล่มนี้น่ะ ฉันไปยืมจากโนโดกะจัง ทั้งๆที่มันผิดกฎของห้องสมุดน่ะสิ”
“เห~”
“ความจริงเขาไม่ให้เอาออกมาหน่ะ แต่ฉันไปอ้อนเอามาอ่านจากโนโดกะจังจนได้ แล้วนี้ฉันก็สัญญาเอาไว้แล้วว่าจะเอาไปคืนให้วันนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้จะมีอาจารย์อีกคนเอาไปอ่าน แล้วนี้ฉันจะทำยังไงดีหล่ะ? พรุ่งนี้อาจารย์คนนั้นอาจมาอ่านตั้งแต่เช้าก็ได้ ถ้าไม่รีบเอาไปคืนโนโดกะจังต้องเดือดร้อนแน่ๆ!”
พูดพลางโคโนกะก็แกล้งทำสีหน้ากังวล พาเอาอาซึนะที่มองไปที่หนังสือนั้นก็เชื่อสนิท เธอเองก็เริ่มวิตกเช่นกัน
แล้วสาวตาสองสีก็อาสาเอาไปให้
“งั้น เดี๋ยวฉันจะเอาไปคืนให้เอง ”
แล้วอาซึนะก็เพิ่งคิดได้ ตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอกับโคโนกะเท่านั้น แม้จะเริ่มมีลางว่าอาจจะถูกหลอกแต่ดูจากลักษณะของหนังสือมันก็ไม่น่าจะให้เอาออกมาได้จริงๆ
แล้วห้องสมุดก็อยู่เขตโรงเรียนด้วย อาซึนะจึงทำเสียงแข็งๆพูดกับรูมเมทติงต็องส์ของเธอ
“ก็ได้ๆพวกเราเอาหนังสือนี่ไปคืนด้วยกัน แต่ฉันจะไม่ใจอ่อนให้เธอไปหาคุณเซ็ตซึนะเด็ดขาด เข้าใจไหม? แค่ไปห้องสมุดแล้วกลับเท่านั้นน่ะ!”
“อื้ม!!~”
โคโนกะพยักหน้ายิ้มเป็นการตกลง
แต่ในหัวกำลังร้องไชโยที่แผนการของตนขั้นที่หนึ่งกำลังไปได้สวย~~
........เมื่อมาถึงห้องสมุด โคโนกะที่ถือเป้โดยมีหนังสือนั้นอยู่ข้างใน ทันทีที่เจอหน้าโนโดกะ เธอกระซิบบอกกับอาซึนะว่า
“นี่~ อาซึนะยืนรออยู่ตรงนี้แล้วกัน ฉันไม่อยากให้โนโดกะจังเขาลำบากใจถ้ารู้ว่าอาซึนะรู้เรื่องนี้หน่ะ งั้น...เดี๋ยวฉันไปหาเจ้าตัวเองน่ะ~”
พูดจบโคโนกะก็เดินลิ่วไปหาโนโดกะที่กำลังเรียงหนังสือเก็บบนชั้นทันที
ทิ้งอาซึนะที่กำลังจะทัดทานก็ห้ามไม่ทัน แต่ห้องสมุดมันก็มีทางเข้าออกทางเดียวนี่เนอะ ยังไงๆก็หนีออกไปโดยไม่ผ่านทางที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้อยู่ดี
สาวตาสองสีจึงตัดสินใจยืนรออยู่ข้างหน้าตามที่อีกฝ่ายบอก
“โนโดกะจัง~~”
โคโนกะที่เดินเข้ามาหาคุณหนูห้องสมุด เธอเดินยิ้มทักทายอีกฝ่ายที่ดูจะยุ่งๆอยู่
“ค่ะ? คุณโคโนกะ มีอะไรหรือค่ะ?”
“ฉันเอาหนังสือมาคืนหน่ะ~”
พูดจบ โคโนกะก็เปิดเป้ให้ดูหนังสือที่อยู่ด้านใน
โนโดกะมองมันตาโตก่อนจะรีบปิดกระเป๋าป้องกันไม่ให้ใครเห็น ก่อนจะพูดด้วยเสียงลุกลี้ลุกลนว่า
“ อย่าให้ใครเห็นสิค่ะ~ คุณโคโนกะ~ ว่าแต่คุณโคโนกะอ่านจบแล้วหรือค่ะ? สามวันเอง”
“ก็ไม่เชิงหรอกจ๊ะ ว่าแต่ว่าฉันมีเรื่องจะวานให้โนโดกะจังช่วยหน่ะ”
“เห~”
“เอาเป็นว่า เราไปคุยในที่ลับตาคนดีกว่าน่ะ~”
พูดจบ โคโนกะก็ทำท่าภาษาใบ้ให้รูมเมทที่ยืนรออยู่รู้ว่า เธอต้องแอบเอาหนังสือเข้าไปข้างในด้วยตัวเอง อาซึนะก็ทำท่าตกลง
ก่อนที่ทั้งโคโนกะและโนโดกะจะเดินหายไปในห้องสมุด
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“เห~~~ ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วยหล่ะค่ะ?”
โนโดกะที่ได้ฟังเรื่องที่อีกฝ่ายขอร้องเธอถึงกับร้องด้วยความแปลกใจ
แต่โคโนกะก็ยกมือไหว้พลางขอร้องด้วยสีหน้าขอความเห็นใจ
“น่ะจ๊ะ~ ......ช่วยหน่อยน่ะ เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง”
“ก็ได้ค่ะ...งั้นกรุณารอสักครู่น่ะค่ะ”
โนโดกะที่ถึงจะยังไม่เข้าใจ
แต่ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาและไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเธอก็ยินดีช่วย
แล้วคุณหนูห้องสมุดก็เดินหายเข้าไปในชั้นหนังสือข้างๆ
.
.
.
.
.
.
.
“ช้าจังน่ะ โคโนกะ....”
อาซึนะที่ยืนรออยู่นาน และไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะออกมาซักที
จนตอนนี้เธอเริ่มเดินกระสับกระส่ายไปมา และเมื่อสายตาเธอเหลือบไปเห็นคุณหนูห้องสมุด เธอก็ปรี่เข้าไปถามทันที
“โนโดกะๆ แล้วโคโนกะหล่ะ?”
“เอ๋~ คุณโคโนกะหน่ะเหรอค่ะ? กลับไปตั้งนานแล้วนี่ค่ะ”
“ห๋า!!”
อาซึนะที่ได้ฟังหน้าซีดทันที เป็นไปได้ยังไง?? ฉันยืนเฝ้าทางเข้าออกตลอดนี่น่า!
“แล้วทำไม่ฉันไม่เห็นหล่ะ? ฉันยืนอยู่ตรงนี้ตลอดเลยน่ะ!!”
โนโดกะที่ได้ฟังก็มีสีหน้างงๆ เธอนึกว่าเพื่อนสองคนนี้เขาจะรู้กันซะอีก โนโดกะรีบบอกกับอาซึนะทันทีว่า
“ก็คุณโคโนกะเขามาขอยืมรถเข็นหนังสือไปยืมขนของกับคุณอาซึนะไม่ใช่เหรอค่ะ? อ่ะนั้น! สงสัยจะใช้เสร็จแล้ว”
แล้วอาซึนะก็หันหน้าตามที่โนโดกะมองรถเข็นที่มีหนังสือกองโตวางอยู่ถูกเข็นโดยนักเรียนชั้นเดียวกัน
นักเรียนคนนั้นเอามันมาคืนให้กับคุณหนูห้องสมุดพลางพูดว่า
“อ่ะนี่....เอามาคืนให้แล้วน่ะ อ้อ... คนๆนั้นเขาฝากมาขอบใจด้วยหล่ะ”
แล้วนักเรียนคนนั้นก็ทำท่าจะเดินจากไป แต่อาซึนะรีบเดินตัดหน้าและตีหน้ายักษ์ถามทันที
“แล้วคนๆนั้น คนที่ผมยาวๆสีช็อคโกแลตใช่ไหม? ตอนนี้เขาอยู่ไหน??”
เด็กนักเรียนคนนั้นที่ถูกอีกฝ่ายถามเหมือนกับว่าตนได้ทำความผิดร้ายแรงมาก็ตกใจ เธอตอบด้วยเสียงตะกุกตะกักว่า
“ชะ...ใช่ ตะ...ตอนนี้เขากลับไปแล้ว”
“ไปไหน!!!”
“มะ..ไม่รู้ ฉันไม่รู้!~”
ดูน้ำเสียงที่ท่าทางจะกลัวเธอก็ท่าจะไม่รู้จริงๆ อาซึนะรีบเดินออกไปด้วยความโมโหทันที ทิ้งให้โนโดกะและเด็กนักเรียนคนนั้นมองตามด้วยความมึนงง.....
“หน๊อยยย!! ยัยโคโนกะ...เธอกล้าถึงขนาดหลอกฉันเชียวน่ะ!!”
อาซึนะที่พึมพำกับตัวเองด้วยความโกรธ แล้วเธอก็รีบจ้ำไปยังที่ๆเดียวที่รูมเมทของเธอน่าจะไปทันที!!
.
.
.
.
.
.
.
ทางด้านโคโนกะ เธอที่วานให้เพื่อนร่วมชั้นคนที่เอารถเข็นมาคืนเข็นรถออกจากห้องสมุด เพื่อพรางสายตาจากรูมเมทของเธอ แล้วเธอก็ก้มตัวย่องออกมา
ตอนนี้เธอกำลังวิ่งสุดชีวิตเพื่อไปยังหอพักของเซ็ตซึนะ ไม่รู้ว่าอาซึนะจะรู้ตัวรึยังน่ะ?
ฉันวิ่งเร็วสู้เขาไม่ได้ด้วยสิ ต้องรีบแล้ว! โคโนกะที่เพิ่งหลอกรูมเมทของเธอจนออกมาจากสายตาของอีกฝ่ายมาได้ก็มาถึงหอพักในที่สุดด้วยสภาพหอบแฮ่ก
สายตาเธอมองไปยังห้องของเซ็ตจังของเธอทันที นั้น!! ไฟยังเปิดอยู่! เซ็ตจังต้องอยู่ในห้องแน่ๆ!
.คิดได้ดังนั้น โคโนกะก็รีบขึ้นเข้าไปในหอโดยไม่รอช้า
“ก๊อกๆๆ เซ็ตจัง! เซ็ตจังอยู่ไหม?”
โคโนกะที่รีบขึ้นมาเคาะประตูห้องของเซ็ตซึนะพลางเรียก
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ โคโนกะจึงถือวิสาสะเข้าไปในห้องทันที แต่ทว่า....ก็ไม่มีใครอยู่ในห้อง..
“อะไรกัน~~”
โคโนกะที่พบกับความผิดหวังทรุดลงนั่งเข่าอ่อนทันที
แต่...เซ็ตจังอาจจะไปธุระข้างนอกก็ได้ เพราะไฟมันไม่ได้ปิดนี่ งั้นเรารออยู่ตรงนี้แล้วกัน แล้วโคโนกะที่ตั้งความหวังเอาไว้ก็นั่งรอ
ซักพักใหญ่ก็มีเสียงคนเปิดประตูเข้ามา
“แก๊ก...”
“เซ็ตจัง!.....อ๊ะ...”
อนิจจา โคโนกะหน้าถอดสีทันทีที่หันหน้าไปทางประตู
เพราะที่ยืนอยู่นั้นคือรูมเมททั้งสองของเธอในสภาพเหนื่อยหอบ
อาซึนะที่เห็นว่ารูมเมทของเธอนั่งอยู่ตามที่คิดก็มองอีกฝ่ายด้วยความโมโห เธอก้าวเท้าเข้ามาแล้วตวาดใส่ทันที
“กล้าดียังไงถึงขนาดมาโกหกฉันได้ห๊ะ! โคโนกะ!!”
“อ่ะ....เอ่อ...คือ”
“ถ้าเมื่อกี้เธอโดนลักพาตัวไปใครจะรับผิดชอบ!! ฉันที่โดนหลอกใช่ไหม?? ทำไมทำอะไรไม่รู้จักคิด!! ”
“พะ..พอเถอะครับ คุณอาซึนะ”
เนกิที่เห็นอารมณ์เดือดของอีกฝ่ายก็รีบปราม
เขาเข้าใจ....ว่าอาซึนะเป็นห่วงโคโนกะที่อยู่ๆก็หนีจากการดูแลออกมา
และเขาเองก็เข้าใจโคโนกะเช่นกัน และเนกิที่ดูจะเป็นกลางที่สุดก็เดินเขามาหาโคโนกะที่กำลังนั่งด้วยสีหน้าสำนึกผิด เธอเองก็เสียใจที่ต้องหลอกเพื่อนรักอย่างนี้แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ....
“คุณโคโนกะครับ ทำอย่างนี้มันไม่ดีเลยน่ะครับ ถ้าเกิดมันเป็นไปอย่างที่คุณอาซึนะพูดจริงๆ ไม่เพียงพวกเราเท่านั้นที่เดือดร้อน คุณเซ็ตซึนะก็คงจะไม่สบายใจไปด้วย”
“แต่ว่าเนกิคุง ฉัน...ฉันอยากเจอเซ็ตจังนี่นา ฉันอยากอยู่กับเซ็ตจัง อยากดูแลเซ็ตจัง เนกิคุงก็รู้ว่าตอนนี้เซ็ตจังตาบอดอยู่ ”
เนกิที่ได้ฟังโคโนกะที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ก็เห็นใจ แต่การกระทำของโคโนกะมันออกจะเสี่ยงเกินไปจนเขาเป็นห่วง
อาจารย์ตัวน้อยจึงพยายามอธิบายด้วยเหตุผลอีกครั้ง
“เอาอย่างนี่น่ะครับ วันนี้เรากลับกันก่อน แล้วผมจะบอกให้คุณเซ็ตซึนะมาหาคุณโคโนกะ ดีไหมครับ”
แต่โคโนกะที่คิดว่าตนมาถึงที่นี่แล้วเรื่องอะไรจะกลับไปง่ายๆ เธอส่ายหน้าและพูดปฏิเสธข้อเสนอของอีกฝ่าย
“ไม่.....ฉันขอรอเซ็ตจังอยู่ที่นี่แหล่ะ น่ะ...เนกิคุง แค่คืนนี้คืนเดียวเอง”
เนกิที่ได้ฟังก็มีสีหน้าลำบากใจ ระหว่างที่เขากำลังคิดหนักก็มีเสียงๆนึงดังขึ้น
“ไม่ได้!! เนกิคุง....พาโคโนกะกลับห้องเดี๋ยวนี่!!”
เสียงของท่านผอ.จากที่ไหนก็ไม่รู้ดังขึ้น ทำเอาโคโนกะที่ได้ยินถึงกับสะดุ้ง
เนกิที่นึกเอะใจจึงลองล้วงไปที่เสื้อของตน ที่แท้มันก็เป็นเสียงมือถือของเนกิที่เพิ่งได้มาจากท่าน ผอ. เมื่อเย็นนี่เอง เมื่อกี้เนกิเพิ่งวางหูจากท่านผอ.ไป
แต่ด้วยความที่เขาไม่เคยใช้มือถือมาก่อนก็เลยไม่ได้วางสาย ฉะนั้น...ทุกคำพูดที่ทุกคนในห้องสนทนา โคโนเอม่อนจึงได้ยินทั้งหมด
รวมถึงคำพูดของหลานสาวของตนที่ยังดื้อไม่ยอมกลับไปด้วย
แม้จะเริ่มกลัวท่านตาของตน แต่โคโนกะก็คว้ามือถือนั้นมาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนกับท่านตาของตนในสายว่า
“ท่านตาค่ะ หนูขอแค่คืนนี้คืนเดียว ให้พวกเนกิคุงอยู่กับหนูด้วยก็ได้ แต่ขอให้หนูได้เจอกับเซ็ตจังเถอะน่ะค่ะ”
แต่โคโนเอม่อนในสายก็นิ่งคิดอยู่นาน จนเขาตอบปฏิเสธเสียงแข็งในที่สุด
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้! ตาจะไม่ยอมเสี่ยงอีกแล้ว! เนกิคุง ทำวิธีไหนก็ได้พาโคโนกะมาที่หอพักให้เร็วที่สุด นี่คือคำสั่ง!!”
“คระ...ครับ..”
เนกิที่ได้ยินเสียงตามสายก็รับคำสั่งแบบหนักใจ ก่อนที่เขาจะกดปุ่มวางสายมันและร่ายคาถาเบาๆ
“ขอโทษด้วยน่ะครับ.....~ คุณโคโนกะ”
สิ้นคำ.......โคโนกะก็ค่อยๆรู้สึกง่วงนอนและก็ฟุบหลับไปเพราะเวทย์มนต์ของเนกิ ด้านอาซึนะเธอเดินเข้ามาในห้องและอุ้มตัวโคโนกะขึ้นมาแบกไว้ที่หลังของเธอ ความโมโหของสาวตาสองสีเมื่อกี้หายไปเพราะนึกสงสารรูมเมทคนนี้ของเธอขึ้นมาแทน ถึงจะน่าโกรธอยู่แต่ถ้าเธอเป็นโคโนกะเธอก็ต้องทำแบบเดียวกันโดยไม่ต้องสงสัย และระหว่างที่กำลังจะเดินออกไปจากหอก็เจอเซ็ตซึนะที่กำลังใช้ไม้เท้าคลำทางขึ้นห้องตัวเองพอดี
“อ๊ะ...คุณเซ็ตซึนะ ไปไหนมาครับเนี้ย?”
“เอ๋...คุณครูเนกิหรือค่ะ?”
.
.
.
.
.
.
.
.
แล้วเนกิก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เซ็ตซึนะฟัง นักดาบสาวฟังมันด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง ไม่นึกเลยว่าการตัดสินใจให้คุณหนูไปอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่นจะทำให้คุณหนูกล้าทำถึงขนาดนี้ เซ็ตซึนะที่นิ่งไปพลางเอามือลูบผมหญิงสาวที่กำลังนอนหลับด้วยความเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ถ้าตาของเซ็ตซึนะมองเห็นเธอคงต้องเศร้ายิ่งกว่านี่แน่เพราะที่ใบหน้าของโคโนกะตอนนี้ก็มีคราบน้ำตาอยู่ด้วย อาซึนะที่เห็นอาการดังกล่าวก็รีบชวนอีกฝ่ายขึ้นมาทันที
“นี่....คุณเซ็ตซึนะก็ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่ มานอนห้องเดียวกับพวกเราซะก็สิ้นเรื่อง นอกจากจะทำให้โคโนกะอยู่ในสายตาพวกเราแล้ว ยัยบ็องส์นี่จะได้อยู่กับคุณเซ็ตซึนะด้วย”
“นั้นสิน่ะครับ ผมว่าคุณโคโนกะต้องดีใจมากแน่ๆ”
เนกิที่ยืนอยู่ก็พูดสนับสนุนด้วยอีกคน
แต่เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็ได้แต่นิ่งไป......ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆและพูดขึ้นว่า
“ไม่ได้หรอกค่ะ ดิฉันตาบอดอยู่น่ะค่ะ อยู่ข้างๆคุณหนูก็รังแต่จะเป็นตัวถ่วง อีกอย่าง.....”
พูดได้แค่นั้น เซ็ตซึนะก็หยุดและไม่คิดจะพูดอะไรต่ออีก
นักดาบสาวปล่อยมือออกจากตัวคุณหนูของเธอและก็ทำท่าว่าจะเดินกลับห้อง
การกระทำของเซ็ตซึนะทำให้อาซึนะที่มองอยู่นานเริ่มขุ่นเคือง
ยัยโคโนกะอุตส่าห์ทำถึงขนาดนี้เพื่อมาเจอตัวแล้วแท้ๆ ทำไมถึงเฉยชาอย่างนี้น่ะ? ว่าแล้วเธอก็ตะเบ็งเสียงใส่องครักษ์สาวที่กำลังเดินหันหลังให้ทันที
“อีกอย่างอะไร?! โคโนกะเขาก็แค่อยากอยู่กับคุณเซ็ตซึนะเท่านั้น แค่นี้ก็ทำให้เขาไม่ได้เลยรึไง? เธอเป็นองครักษ์ภาษาอะไรเรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้หน่ะห๊ะ!! หรือว่าที่จริงแล้ว...คุณเซ็ตซึนะไม่เคยแคร์ความรู้สึกของยัยนี่เลย ที่เคยบอกฉันว่าจะคอยคุ้มครองโคโนกะก็โกหกมาตลอดเลยใช่ไหม!!!!”
“ตึง!!!”
“ไม่ใช่!!!”
เซ็ตซึนะที่ฟังก็เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวเธอเอาไม้เท้าฟาดใส่กำแพงอย่างแรงเป็นการระบายอารมณ์ทันที! ความรู้สึกของเธอมันอัดอั้นและยากจะอธิบายให้สหายร่วมรบทั้งสองของเธอให้เข้าใจได้ ดั้งนั้น....นักดาบสาวจึงพูดสวนกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มอารมณ์ของตนเต็มที่ว่า....
“นึกว่าดิฉันอยากจะทำเช่นนี้หรือค่ะ? แต่ตอนนี้ดิฉันพิการอยู่น่ะค่ะ แค่เรื่องเมื่อกลางวันก็ทำให้ดิฉันรู้สึกผิดมากพออยู่แล้ว! ....หน้าที่ขององครักษ์ก็คือการทำให้เจ้านายปลอดภัยที่สุด ถ้าหากดิฉันยังอยู่ข้างกายคุณหนูอีกมันอาจจะเป็นจุดอ่อนให้พวกฝ่ายมารก็เป็นได้ ! ฉะนั้น..โปรดเข้าใจการกระทำของดิฉันด้วย.... ”
ได้ฟังเหตุผลแท้จริงของเซ็ตซึนะ ทั้งอาซึนะและเนกิที่ได้ฟังก็อึ้งไป....ทั้งสองนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะคำนวณเรื่องนี้เอาไว้ถึงขนาดนี้
พูดจบเซ็ตซึนะก็เดินจากไปพลางพูดส่งท้ายว่า
“....ยังไงก็ ฝากโคโนจังด้วยน่ะค่ะ.....”
.....แล้วร่างของนักดาบร่างบางก็เดินหายเข้าไปในห้อง
ทิ้งให้เนกิและอาซึนะที่แม้จะเริ่มเข้าใจการกระทำของอีกฝ่าย
แต่ก็อดสงสารโคโนกะผู้ถูกปกป้องไม่ได้ ...... เพราะอาซึนะแน่ใจ.....สิ่งที่เซ็ตซึนะคิดมันต้องตรงข้ามกับสิ่งที่รูมเมทของเธอต้องการแน่นอน.....
........................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......นับแต่นั้น โคโนกะก็ไม่สามารถออกไปไหนได้อีกนอกจากหอพักกับโรงเรียนเท่านั้น โดยอยู่ในความดูแลของเนกิกับอาซึนะ และบอดี้การ์ดอีกครึ่งร้อยที่คอยสะกดรอยดูอยู่ห่างๆ ซึ่งนั้นก็ทำให้เธอกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย ทางเซ็ตซึนะเองก็ไม่ติดต่อกลับมา ถึงแม้ท่านตาของเธอจะบอกว่าเซ็ตซึนะจะสบายดีและยังอยู่ในความดูแลของหมอก็ตาม ครั้นจะขอท่านตาว่าจะไปหาเซ็ตจังก็โดนปฏิเสธเสียงแข็งเพราะอ้างว่ามันจะไม่ปลอดภัย และเธอเองก็ถูกคาดโทษเอาไว้ฐานขัดคำสั่งเมื่อหลายวันก่อน.....
แต่เมื่อโคโนกะถามถึงเรื่องการรักษา ท่านตาของเธอก็อึ้งๆไป ก่อนที่จะบอกว่ายังหายาแก้ไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็จะพยายามเต็มที่ พวกมานะเองก็ยังไม่ติดต่อกลับมาเช่นกัน จนเวลาผ่านไปกว่าเดือนก็ยังไม่มีวี่แววของทั้งคนที่จะมาปองร้ายเธอ และทางที่จะรักษาตาของเซ็ตซึนะ.......
ในห้องพักของโคโนกะ....
...โคโนกะที่นั่งเหม่ออยู่ริมหน้าต่างของห้องพักหลังจากกลับมาจากที่โรงเรียน เธอมองตาลอยไปทางหอพักที่องครักษ์ของเธอพักอยู่
ทำไมเซ็ตจัง.....ไม่ติดต่อกลับมาหาเธอซักครั้ง
หรือเซ็ตจังจะถอดใจเรื่องตาที่บอดจนไม่อยากจะเจอเธออีก?
หรือเซ็ตจังจะเกิดล้มป่วยไม่สบายแล้วท่านตาของเธอปิดบังเอาไว้.... ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ
แต่เธอในตอนนี้แค่จะขยับไปไหนก็ถูกมองตลอด ใจก็อยากจะไปหาแต่เธอก็ทำไม่ได้ แถมเซ็ตจังยังเป็นคนต้องการอย่างนี้เอง
เธอในตอนนี้จึงไม่มีกะจิกกะใจจะทำอะไรทั้งนั้นก็ได้แต่นึกน้อยใจที่อีกฝ่ายเอาแต่ห่วงว่าตัวเธอจะได้รับอันตราย แต่ไม่เคยห่วงจิตใจของเธอที่คิดถึงและรอคอยให้เซ็ตจังมาหาอย่างทรมานมั่งเลย.....................
..
“อืม....มืดแล้วหรือเนี้ย?”
โคโนกะที่ตื่นขึ้นมาในชุดนักเรียนมองไปรอบๆห้อง
เธอมองไปนอกหน้าต่างที่ท้องฟ้ามีสีมืดสนิท วันนี้ไม่มีแสงจากทั้งพระจันทร์และดวงดาวเลย
ทำเอาเธอหดหู่อย่างบอกไม่ถูก พลันสายตาเธอไปปะทะกับสายตาของคนผู้หนึ่งที่อยู่ๆก็โผล่มาที่หน้าต่าง โคโนกะตกใจกับผู้ที่ปรากฏตัวออกมาก็กะจะร้องกรี๊ดสุดเสียง ถ้าเผอิญไม่ใช่ว่า คนๆนั้น....คนๆนั้นคือ เซ็ตจัง!!
โคโนกะเปลี่ยนจากความตกใจเป็นความดีใจแทนทันที เธอรีบเปิดหน้าต่างและฉุดมืออีกฝ่ายให้เข้ามาในห้องแทบไม่ทัน
“เซ็ตจัง! เซ็ตจังมาหาฉันแล้ว! เข้ามาคุยด้วยกันสิ ฉันรอวันที่เซ็ตจังจะมาหาตั้งนานแล้วน่ะ~”
แต่เซ็ตซึนะที่อยู่นอกหน้าต่างก็นิ่ง แววตาดูเศร้าสร้อยและไม่ยอมเข้าไป โคโนกะสังเกตว่าเซ็ตจังของเธอลอยตัวอยู่ได้เพราะปีกสีขาวที่อยู่ด้านหลังก็ตกใจ
เพราะที่นี้มันเป็นหอพัก อาจจะมีใครมาเห็นเข้าก็ได้ เธอร้องถามด้วยอาการลนลานทันที
“เซ็ตจังทำไมบินมาอย่างนี้หล่ะ? เดี๋ยวใครก็เห็นเข้าหรอก รีบเข้ามาเร็วๆเข้า!”
ทว่า...เซ็ตซึนะที่บินอยู่นอกหน้าต่างก็ยังนิ่งอีก เธอส่ายหน้าน้อยๆ และแกะมือที่คุณหนูฉุดเธอให้เข้าไปในห้องออก ทำเอาโคโนกะมองด้วยความพิศวง
เซ็ตซึนะแหงนหน้ามองไปบนฟ้าอย่างเศร้าสร้อยชักพาให้โคโนกะมองตามว่าเซ็ตจังของเธอกำลังมองอะไรอยู่ ก่อนที่เซ็ตซึนะจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาว่า
“เงาคนนี้ไร้ค่าแล้วหล่ะค่ะ ชีวิตของมันจบลงไปแล้วเหมือนกับเงาที่ไร้แสงในคืนนี้ ดิฉัน....อยู่คุ้มครองคุณหนูไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว ”
“ไม่จริง! เซ็ตจังก็อยู่ข้างฉันก็ได้นี่นา! ไม่ต้องมาคุ้มครองฉันแล้ว! น่ะ...เซ็ตจัง เซ็ตจังกลับมาเถอะ...”
แต่เซ็ตซึนะที่ลอยตัวอยู่ก็เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงอ้อนวอนของอีกฝ่าย
เธอสยายปีกสีขาวให้กางออกเตรียมที่จะบินจากไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเข้าไปอีกราวกับจะเป็นคำพูดสุดท้ายว่า.............
“ลาก่อน ....................โคโนจังของฉัน”
.................
“ไม่น่ะ!!!!~~”
โคโนกะที่เผลอหลับข้างหน้าต่างสะดุ้งตัวตื่นจากฝันร้องห้ามสุดเสียง ตัวเธอมีเหงื่อแตกพลั่ก....ก่อนที่เธอจะตั้งสติและมองสำรวจไปรอบๆ ...ตอนนี้มันแค่บ่ายสี่เอง ยังไม่มืดซักหน่อย...
“นี่ฉัน........ฝันไปเองหรอกเหรอเนี้ย...”
แต่ถึงมันจะเป็นแค่ฝันแต่ก็ช่างเป็นฝันที่เหมือนจริงซะเหลือเกิน
....ความที่คิดถึงเซ็ตจังของเธอเป็นเอามากถึงขนาดเก็บเอามาฝันเรื่องร้ายๆอย่างนี้ขึ้นมาได้.....แต่ฝันนี้มันก็พอเป็นไปได้เหมือนกันนะ ก็เซ็ตจังหน่ะเป็นประเภทคิดมาก ชอบมองโลกในแง่ร้าย เซ็ตจังอาจคิดอยากจะไปจากเธอจริงๆก็ได้นับตั้งแต่องครักษ์ของเธอพลาดท่าเสียทีให้กับคนที่จะมาลักพาตัวเธอไป ยิ่งคิดโคโนกะก็ยิ่งกลุ้มใจกลัวว่าองครักษ์ของเธอจะจากไปจริงๆ...เพราะการที่อีกฝ่ายไม่ยอมติดต่อกลับมาเลยมันก็อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกอย่างนึงก็ได้....
แล้วขณะที่กำลังวิตกกังวลเรื่องความฝันพลันโคโนกะก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าใบหนึ่งที่ข้างในมีของที่เอามาจากเกียวโตกลับมาด้วย เธอลืมมันไปซะสนิท
โคโนกะจึงเข้าไปหยิบสิ่งที่อยู่ในกระเป๋านั้นออกมา มันคือหนังสือเวทย์มนต์ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษที่เธอขอเนกิคุงเอาไว้นั้นเอง โคโนกะหยิบมันมาดูสักพักก็เริ่มคิด
ดีหล่ะ!~ ในเมื่อตอนนี้ทุกคนต่างคิดว่าฉันอ่อนแอ ปกป้องตัวเองไม่ได้ ฉันก็จะฝึกไอ้เวทย์นี่หล่ะ.....ฉันจะได้ไม่ให้ใครมาเดือดร้อนเพราะฉันอีก แล้วจะได้ไปหาเซ็ตจังได้ซะที.....
แล้วโคโนกะก็เริ่มต้นฝึกเวทย์มนต์อีกครั้งต่อจากที่เกียวโตด้วยใจที่มุ่งมั่นยิ่งกว่าเดิม
จนกระทั้งวันเวลาผ่านไป.....แม้โคโนกะจะรอคอยวันที่องครักษ์ของเธอจะมาหา แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาขององครักษ์ผู้นี้ มีแต่ฝันร้ายเรื่องที่เซ็ตจังจากเธอไปซ้ำไปซ้ำมาคอยหลอกหลอนเธอตลอด จนเธอเริ่มคิดว่าฝันนั้นมันคงจะเป็นจริงเสียแล้ว .
.......................................................................................................................................
ทางด้านป่าข้างศาลเจ้าทัตสึมิยะ.....
“ยิงเข้ามาอีก!! ทัตสึมิยะ!!”
ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!
เซ็ตซึนะที่สวมชุดฝึกดาบยืนอยู่ห่างมานะที่กำลังยิงปืนใส่เธอในระยะห่างเพียงยี่สิบเมตร แม้ตอนนี้ตาทั้งสองข้างจะยังมองไม่เห็นแต่ดูเหมือนกระสุนทุกนัดที่ยิงเข้ามานั้นเซ็ตซึนะกลับหลบมันได้อย่างง่ายดายราวกับเธอรู้ทิศทางของมันล่วงหน้า หนำซ้ำยังใช้ดาบปัดมันได้ในบางครั้งอีกด้วย
ผลของการฝึกหนักมาตลอดกว่าหนึ่งเดือนสัมฤทธิ์ผลออกมาจนหน้าพอใจ
จนกระทั้งกระสุนของมานะหมดแม๊ก มิโกะแม่นปืนจึงพูดขึ้นว่า
“พักก่อนเถอะเซ็ตซึนะ เธอฝึกมาตั้งแต่บ่ายแล้วน่ะ”
มานะที่พูดจบก็นั่งลงไปพักใต้ต้นไม้ ตามมาด้วยเซ็ตซึนะที่ใช้ไม้เท้าคลำทางมาใต้ต้นไม้และนั่งลงตาม
นักดาบสาวนั่งลงก่อนจะล้มไปนอนหายใจหอบ ที่จริงเธอเหนื่อยมากๆ การที่ต้องใช้จิตและประสาทหูสร้างภาพในหัวเพื่อจับการเคลื่อนไหวของกระสุนที่มีความเร็วสูงมันเปลืองพลังงานไม่ใช่เล่น มานะที่เห็นสภาพของเพื่อนตาบอดที่หมดแรงก็อดถามขึ้นไม่ได้
“นี่..เซ็ตซึนะ เธอจะฝึกไปถึงไหนกัน? นี่มันก็เดือนนึงเข้าไปแล้วน่ะ เธอเองก็น่าจะไปหาคุณหนูของเธอซะบ้าง”
แต่เซ็ตซึนะที่ได้ฟังก็ไม่ตอบ
เธอยังคงนอนพักต่อไป มานะเองที่มองดูเพื่อนก็จนใจ เธอเงยหน้ามองดูท้องฟ้ายามเย็นที่ฉาบไปด้วยสีแดงส้มที่ดูแล้วให้ความรู้สึกเศร้าอย่างประหลาด บรรยากาศฉุดให้มานะพูดขึ้นด้วยอารมณ์ที่แสดงถึงความเสียใจของตนออกมา
“เซ็ตซึนะ ฉันขอโทษ....................ที่หายาแก้ให้ไม่ได้”
เซ็ตซึนะที่นอนนิ่งไปพักใหญ่ก็หันหน้าไปทางต้นเสียง เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติว่า
“ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ใช่ความผิดของทัตสึมิยะซะหน่อย ”
“ถึงงั้นก็เถอะ แต่ที่เธอต้องมาเป็นอย่างนี้ส่วนหนึ่งมันก็เพราะฉัน!”
มานะที่ตอนนี้เริ่มพูดด้วยความรู้สึกโมโหตัวเอง
แต่เซ็ตซึนะกลับพูดด้วยน้ำเสียงปกติปนปลอบสหายร่วมรบของเธอว่า
“บ้าน่า ฉันมันประมาทไปเองต่างหาก อย่าไปคิดมากซี่ ยังไงคนที่ใช้ชีวิตอย่างฉันถ้าไม่โดนแบบนี้ สักวันมันก็ต้องโดนแบบอื่นอยู่ดี ที่ตอนนี้ไม่ตายก็ดีถมแล้ว หรือทั้งหมดที่เธอพูดมานี้คิดจะโดดไม่มาซ้อมให้ฉันรึไง ฉันจ้างก็ได้น่ะ”
เซ็ตซึนะที่พูดเพื่อให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้โกรธเลยแถมยังมาพูดติดตลกตอนท้าย ยิ่งทำให้มิโกะแห่งศาลเจ้าทัตสึมิยะรู้สึกผิดยิ่งไปอีก
แต่มานะที่ไม่ใช่คนชอบเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองออกมา เธอพูดกลับต่อทันทีว่า
“เหอะ อย่าดีกว่า เธอจ้างฉันน่ะ เมื่อไหร่จะมีจ่าย ค่าจ้างฉันแพงน่ะจะบอกให้ .....นึกซะว่าฉันทำบุญก็แล้วกัน”
มานะที่พูดกวนแต่ก็ยังทำให้เซ็ตซึนะยิ้มออก เธอนึกขอบใจที่เพื่อนคนนี้ยังอยู่ช่วยเธอเสมอ เซ็ตซึนะเองก็ไม่คิดจะโทษพวกมานะเลยสักครั้ง
จะเรียกว่าเธอประมาทหรือโชคร้ายดีหล่ะ เธอก็เจอแต่เรื่องแบบนี้ประจำ
ยิ่งตอนนี้เธอรู้แน่ๆแล้วว่า ตาของเธอไม่มีทางหายแล้วแน่นอน เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนตอนที่ทั้งทัตสึมิยะและท่านคาเอเดะกลับมาพร้อมข่าวเศร้า พวกเขาทั้งสองสืบเรื่องยารักษามาทั่วจากทุกแหล่งของสายที่ทัตซึมิยะมี ซึ่งนั้นก็นับว่ามากที่สุดแล้ว แต่กี่ที่ๆก็ได้คำตอบเดิม คือต้องเอายาแก้จากไอ้ปิศาจที่ผลิตพิษนี้เท่านั้น แต่ไอ้ปิศาจแคระนั้นมันก็ตายไปแล้ว ร่างของมันได้หายสาบสูญเข้าไปในป่า ....ก็โดนยิงซะพรุนขนาดนั้นแถมยังโดนชูริวเคนยักษ์ซ้ำอีกร่างคงเละไม่มีเหลือ ยาแก้พิษก็คงกระจายหายไปหมด ทางเดียวที่จะหายคงต้องภาวนาให้มันฟื้นคืนชีพขึ้นมาละมั้ง?
เซ็ตซึนะที่รู้ว่าหมดหนทางก็เลยได้แต่ทำใจและตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลือแบบนักดาบตาบอดตลอดชีวิต ถึงตอนแรกเธอจะรับไม่ได้กับสภาพพิการถาวรถึงขนาดคิดจะฆ่าตัวตายไปหลายทีก็เถอะ
......ทว่ามันก็ยังมีอีกปัญหานึง ถึงเธอจะทำใจได้แต่ยังมีอีกคนที่ต้องทำใจไม่ได้แน่ๆ
นั้นก็คือคุณหนูของเธอ คุณหนูต้องหาทางทำทุกวิถีทางเพื่อมาหาเธอแน่ๆถ้ารู้ว่าตามันไม่มีทางรักษาอีก
และยิ่งตอนนี้คุณหนูกำลังถูกปองร้ายอยู่ เซ็ตซึนะจึงไม่อยากจะให้คนที่เธอรักต้องเสี่ยงภัย ดังนั้น แม้ทัตสึมิยะจะกลับมาแล้วเธอจึงขอร้องให้ปิดเรื่องที่ดวงตาของเธอไม่มีทางรักษาหายแล้วเอาไว้.....ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่ามันจะปิดไปได้นานขนาดไหน แต่ก็ให้นานที่สุดนั้นแหล่ะ
ขณะที่คิดไปเพลินๆ มานะที่นิ่งอยู่นานก็ถามคำถามเดิมขึ้นอีกครั้ง
“แล้วที่ฉันถามหล่ะ เมื่อไหร่เธอจะกลับไปหาคุณหนูของเธอซะที เซ็ตซึนะ?”
เซ็ตซึนะที่นอนพักก็ลุกขึ้น เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตอบว่า
“ก็จนกว่าฉันจะมั่นใจว่า......ฉันสามารถปกป้องคุณหนูได้เหมือนเมื่อก่อนนั้นแหล่ะ”
คำพูดที่แม้ตัวเซ็ตซึนะก็รู้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็ตั้งปฏิธานไว้แล้ว มันจะมีประโยชน์อะไรเล่าถ้าองครักษ์ไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้
เธอไม่มีหน้ากลับไปหาคุณหนูของเธอหรอก แม้จะรู้ว่าฝ่ายนั้นจะไม่คิดจะให้เธอไปคอยคุ้มครองเขาก็ตาม แต่ชีวิตของเธออยู่ก็เพื่อสิ่งนี้เท่านั้น อีกอย่างถ้าตอนนี้เธอกลับไปหาคุณหนู เธออาจห้ามใจตัวเองไม่ให้จากตัวคุณหนูมาอีกเลยก็เป็นได้
เซ็ตซึนะที่นั่งนิ่งก็ได้แต่พูดในใจ........ยังไงก็รอฉันก่อนแล้วกันน่ะ โคโนจัง.....
.........................................................................................................................................................
ในตอนค่ำ ที่ศาลเจ้าทัตสึมิยะ....
มานะที่พึ่งกลับมาจากการฝึกกับเซ็ตซึนะ เดินเข้าบริเวณที่พักด้วยความอ่อนล้า
เธอไม่ได้ล้าเพราะที่ต้องฝึกตลอดบ่ายหรอก เธอล้าเพราะความรู้สึกผิดที่ตนเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนต้องมาตาบอดมันกดดันเธออยู่ต่างหาก
ถึงอีกฝ่ายจะไม่คิดอย่างนั้นเลยก็เถอะ แล้วสักพักก็มีมือๆนึงสะกิดเธอที่ด้านหลัง มิโกะสาวชักปืนจ่อไปที่เจ้าของมือนั้นทันที!
“ใครน่ะ!”
“ข้าพเจ้าเองเจ้าค่ะ นินๆ”
นางาเสะ คาเอเดะที่ตอนนี้ยกมือทั้งสองข้างในท่ายอมจำนน
แต่ใบหน้ากลับยิ้มสบายๆตามปกติราวกับไม่เห็นปืนที่จ่ออยู่ตรงหน้า
มานะที่เห็นว่าผู้ที่มาสะกิดเธอเป็นใครก็ลดปืนลงทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
“มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงบ่อยๆแบบนี้ เดี๋ยวเป็นไข้โป้งฉันไม่รู้ด้วยน่ะ”
แต่คาเอเดะที่ฟังก็ดูไม่กลัวตามที่อีกฝ่ายพูดเลยซักนิด เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะพูดว่า
“ฝีมืออย่างท่านทัตสึมิยะ ไม่ปล่อยให้ปืนมันลั่นง่ายๆอย่างนั้นหรอกเจ้าค่ะ”
“ก็ไม่ได้จะปล่อย แต่ตั้งใจไงหล่ะ”
สิ้นคำพูดมิโกะผิวแทน คาเอเดะแอบเหงื่อตกเล็กน้อย นี่พูดจริงพูดเล่นเนี้ย?
แต่มานะเองก็ไม่ได้สนใจอาการของอีกฝ่ายมากนัก เธอนั่งถอดใจแล้วเหม่อลอยอยู่นาน จนคาเอเดะที่เข้ามานั่งใกล้ๆที่พอจะเดาสาเหตุได้พูดขึ้นมาว่า
“กลุ้มใจเรื่องท่านเซ็ตซึนะอยู่หรือเจ้าค่ะ?”
“อืม................................”
“แต่พวกเราก็พยายามกันเต็มที่แล้วน่ะเจ้าค่ะ ”
“............................................อืม”
มานะที่เอาแต่อืม ไม่ยอมพูดอะไรออกมา คาเอเดะที่ดูจะใกล้ชิดและรู้จักมานะมากที่สุดก็พอจะเข้าใจ คนอย่างท่านทัตสึมิยะไม่ใช่คนที่จะเผยเปิดความรู้สึกของตนออกมาง่ายๆ
แต่ถึงจะเป็นคนใจแข็ง คนยังไงก็ต้องเป็นคนจะให้เก็บงำความรู้สึกผิดอย่างนี้ไปตลอดไม่ได้หรอก
คิดได้ดังนั้น คาเอเดะก็พูดขึ้นมาว่า
“ถึงจะรู้สึกผิดยังไง แต่ถ้ามัวมากลุ้มใจมันก็ไม่มีประโยชน์เจ้าค่ะ สู้มาหาหนทางให้ท่านเซ็ตซึนะกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมให้เร็วที่สุดจะดีกว่า แม้ตาจะมองไม่เห็นเหมือนเดิมแต่คนเข้มแข็งอย่างท่านเซ็ตซึนะย่อมทำได้แน่ๆ ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้นเจ้าค่ะ นินๆ”
มานะที่นั่งเหม่อฟังก็ไม่ตอบอะไร แต่กลับมีน้ำตาไหลรินออกมาข้างแก้ม ทำเอาคาเอเดะที่นั่งข้างๆอยู่ถึงกับตกใจ นินจาสาวถามด้วยความเป็นห่วงทันที
“ท่านทัตสึมิยะ...เป็นอะไรไปเจ้าค่ะ? หรือข้าพเจ้าพูดอะไรผิด ขะ..ข้าพเจ้าต้องขออภัยจริงๆเจ้าค่ะ...ข้าพ..”
แต่มานะก็เอานิ้วแตะห้ามไม่ให้คาเอเดะพูดต่อ ก่อนจะเอามืออีกข้างเช็ดน้ำตาและพูดขึ้นว่า
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก เพียงแต่....ฉันเสียใจว่าสิ่งที่ฉันกำลังได้รับในตอนนี้ เซ็ตซึนะกลับไม่มีโอกาสได้รับมัน”
พูดจบเธอก็ยิ้มน้อยๆที่ดูเศร้าสร้อยให้กับนินจาของเธอ ความหมายของมานะก็คือเธอโชคดีที่มีคาเอเดะอยู่ข้างกายและคอยให้กำลังใจเธอตลอดเวลา แต่เซ็ตซึนะกลับเลือกที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพื่อให้คุณหนูของเธอปลอดภัยแทน
คาเอเดะที่ดูจะเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย เธอดึงมือของมานะที่มาแตะปากของเธอแล้วกุมเอาไว้ แล้วยื่นหน้ายิ้มเข้ามาใกล้อีกฝ่าย ทำเอามานะมองคาเอเดะตาตื่นและหน้าแดงที่อยู่ๆนินจาสาวเข้ามาใกล้เธอขนาดนั้น แล้วคาเอเดะก็ยิ้มๆกับท่าทางตกใจของมิโกะสาว ก่อนที่จะบอกว่า
“ข้าพเจ้ามีความคิดอะไรดีๆแล้วเจ้าค่ะ นินๆ”
......................................................................................................................................................
ที่ในห้องเรียน2-Aในเช้าวันรุ่งขึ้น.....
ในวันนี้ โคโนกะเข้ามาห้องเรียนด้วยอารมณ์หงอยๆเหมือนเดิม
แต่เมื่อจะเอาของเข้าใต้โต๊ะก็สังเกตว่ามีซองจดหมายวางไว้อยู่ แม้จะลังเลที่จะอ่านในตอนแรกแต่โคโนกะก็เลือกที่จะเปิดอ่านดูใต้เกะในที่สุด โดยในนั้นเขียนข้อความเอาไว้ว่า
ถ้ามีโอกาสได้เจอกับคนที่รัก แม้เพียงชั่วยามเดียว
..................... จะยอมแลกกับความเจ็บปวดในภายหลังได้หรือไม่?
อ่านข้อความในจดหมายเสร็จ โคโนกะรีบหันซ้ายหันขวาเพื่อหาคนส่งจดหมายทันที
แต่ในห้องก็มีแต่พวกเพื่อนๆของเธอทั้งนั้น และไม่มีใครที่รู้เรื่องของเธอเลยซักคน
จะว่าเป็นเนกิหรืออาซึนะก็ไม่น่าจะใช่ แล้วใครกันที่เป็นคนเขียนจดหมายนี้?
แต่ถึงจะเป็นใครก็แล้วแต่ ถ้าหากทำตามที่เขียนได้จริงๆล่ะก็ เธอยอมได้ทุกอย่างทั้งนั้น ว่าแล้วเธอก็รีบเขียนคำตอบลงไป และพับมันเก็บวางไว้ที่เดิมทันที ขณะที่กำลังจะแอบเก็บจดหมายโดยไม่ให้ใครเห็น
โคโนกะก็สะดุ้งจนสุดตัวเมื่อเสียงของคนๆนึงก็ดังขึ้น
“นี่ โคโนกะ บ่ายนี้มีวิชาพละ เธอเอาเสื้อมารึเปล่า?”
อาซึนะนั้นเองที่ทักขึ้น เพราะพักนี้โคโนกะนั้นมัวแต่ใจลอยลืมนู่นลืมนี่เป็นประจำจนเธอชักเป็นห่วง แต่โคโนกะที่แอบเอาจดหมายวางเข้าที่ หลบเกลื่อนพิรุธด้วยการทำเป็นหาเสื้อพละแล้วพูดขึ้นมาว่า
“ฉันว่ามันคงอยู่ในล็อคเกอร์หล่ะมั้ง? แต่บ่ายนี้ฉันคงไม่เล่นหรอก”
โคโนกะที่พูดแล้วทำหน้าเศร้าทำเอาอาซึนะทำอะไรไม่ถูก นอกจากบอกว่าเอามาก็ดีแล้ว อาซึนะเองตั้งแต่ได้รับหน้าที่ให้คอยจับตาดูโคโนกะ เธอก็คุยกับรูมเมทน้อยลงจนเหมือนกับว่าพวกเธอไม่ได้อยู่ห้องนอนเดียวกัน คงเพราะโคโนกะยังโกรธที่ไม่ยอมให้ออกไปพบคุณเซ็ตซึนะแน่ๆ
แต่นั้นมันก็เพื่อตัวของโคโนกะเอง ว่าแล้วอาซึนะก็นั่งลงข้างๆ รอเวลาที่จะเข้าเรียนอย่างเงียบๆ
จนเมื่อหมดเวลาเรียนคาบเช้า โคโนกะที่ไม่ได้มีกะจิกกะใจที่จะเรียน เธอรอดูว่าใครกันที่เป็นคนเขียนจดหมายนั้นขึ้นมา
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววของเจ้าของจดหมายจนเธอคิดว่าเธอคงถูกแกล้งหรือไม่ก็หลอกเอาแล้วแน่ๆ จนพักเที่ยงโคโนกะออกจากห้องเพื่อไปกินข้าวกลางวันพร้อมอาซึนะ และคนอื่นๆในห้องก็เช่นกัน
จนกระทั้งทุกคนในห้องออกไปกันหมดก็มีร่างของคนๆนึงที่แอบย่องเข้ามาในห้อง คนๆนั้นล้วงเอาจดหมายจากใต้เก๊ะของโคโนกะออกมาอ่าน
และเมื่ออ่านจบก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
“ ‘แน่นอนที่สุด’ เป็นคำตอบที่ข้าพเจ้าคาดไม่ถึงจริงๆ ไม่มีลังเลยสักนิด นินๆ”
แล้วคนๆนั้นก็หายตัวไปเพื่อดำเนินการตามแผนทันที
ในตอนบ่ายเมื่อโคโนกะกลับมา เธอรีบเข้ามาดูในเก๊ะโดยไม่ให้มีพิรุธทันที
ทว่าจดหมายนั้นได้หายไปแล้ว!! นี้แสดงว่าเรื่องที่เขียนจดหมายก็อาจจะเป็นจริงก็ได้ แล้วเธอก็รีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อเพื่อเรียนวิชาพละคาบบ่ายทันที โดยที่ใจจดจ่อรอที่จะให้ข้อความในจดหมายนั้นเป็นจริง
และไม่สนหรอกว่าความเจ็บปวดที่ว่านั้น มันจะเป็นอะไรก็ตาม.........
ในคาบบ่าย วิชาพละ....
วิชาที่เรียนยังคงเป็นวอลเลย์เหมือนเดิมเพียงแต่ทั้งหมดออกมาเรียนที่สนามด้านนอก
และถ้าใครไม่สังเกตดีๆก็คงไม่รู้หรอกว่า รอบๆนั้นมีบอดี้การ์ดแฝงตัวมาคอยคุ้มกันโคโนกะอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นคนสวน คนทำความสะอาด อาจารย์พละที่สอนอยู่แถวนั้น นักเรียนม.ปลายที่บังเอิญมีเรียนพละใกล้ๆกันหรือแม้แต่เพื่อนนักเรียนในห้องอย่าง มิโซระและอาซึนะก็ตาม ทั้งหมดต่างเฝ้าดูโคโนกะอย่างไม่ให้คลาดสายตา ทำเอาโคโนกะที่เปลี่ยนชุดพละไม่มีอารมณ์จะมาเล่นกีฬา
เธอเลือกที่จะมานั่งดูเพื่อนๆเล่นเงียบๆอยู่ข้างสนามแทน โคโนกะเองเมื่อมองไปรอบๆก็ไม่เห็นทางที่ว่าเธอจะไปหาองครักษ์ของเธอโดยไม่ให้พวกบอดี้การ์ดและรูมเมทของเธอรู้ตัวได้เลย
จนเธอก็นั่งถอดใจ นี่เธอคงจะโดนใครสักคนแกล้งเข้าจริงๆซะแล้วกระมัง........
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
แล้วจู่ๆ กระจกของอาคารเรียนชั้นสองเกิดแตกขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ!
ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหันไปมองด้วยความตกใจทันที รวมถึงพวกนักเรียนที่เรียนพละข้างนอกอาคารด้วย
พวกบอดี้การ์ดที่เห็นสถานะการณ์ชักไม่ค่อยดีก็ไม่ชักช้า พวกเขาเข้ามาประกบโคโนกะที่นั่งอยู่ข้างสนามทันทีโดยมีคนสวนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้า ใช้หูฟังถามสถานการณ์และรีบออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดทุกคนที่เข้ามาคุ้มกันโคโนกะโดยไม่รอช้า
“พาคุณหนูกลับไปที่หอพักโดยเร็วที่สุด เร็ว!”
แล้วทั้งคณะ รวมทั้งอาซึนะต่างรุมล้อมโคโนกะแล้วดึงตัวคุณหนูกลับไปหอทันที ท่ามกลางอาการตกใจของนักเรียนหลายๆคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
พวกที่ตกใจกับที่อยู่ๆกระจกก็แตกอยู่แล้ว แต่นี้อยู่ๆก็มีคนจากที่ไหนก็ไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมดมาคุ้มครองโคโนกะยิ่งทำให้พวกเธอตกใจขึ้นไปอีก
ตัวโคโนกะเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมองดูสถานการณ์ที่วุ่นวายด้วยอาการที่สับสน
แต่เธอก็ยอมไปตามที่บอดี้การ์ดนำทางโดยดี โดยในใจก็แอบหวังลึกๆว่านี้อาจจะเป็นแผนการของคนที่เขียนจดหมาย ที่จะทำให้เธอไปเจอกับเซ็ตจังก็ได้~~
แต่จนเมื่อจะเข้าไปถึงหอพักแล้ว หัวหน้าบอดี้การ์ดที่เอามือแนบฟังข่าวจากหูฟังอีกครั้ง
ก็สั่งให้ทุกคนหยุดด้วยอาการหน้าเสีย ก่อนที่เขาจะตรงมาที่โคโนกะพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักใจว่า
“กระผมต้องขอโทษจริงๆครับ เมื่อสักครู่ที่กระจกแตกเป็นเพราะฝ่ายวิจัยทำการทดลองผิดพลาดเลยเกิดระเบิดขึ้น แต่ตอนนี้ทางเราได้เคลียร์สถานการณ์เอาไว้แล้วคุณหนูสามารถกลับไปเรียนต่อได้แล้วครับ ไม่ทราบว่าคุณหนูจา....”
“งั้น ฉันขอกลับไปหอดีกว่าน่ะ ยังไงฉันก็ไม่อยากเรียนพละอยู่แล้ว”
โคโนกะที่พอรู้ว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุและพวกบอดี้การ์ดก็แตกตื่นกันไปเองก็ไม่ว่าอะไร แต่ขอตัวกลับไปหอพักด้วยน้ำเสียงที่เงียบสงบ หัวหน้าบอดี้การ์ดที่รู้ว่าพวกตนตื่นตูมมากเกินเหตุ ทำให้คุณหนูลำบากใจก็หน้าเสีย ก่อนที่จะโค้งตัวและกลับไปประจำที่ ส่วนพวกที่เหลือก็ไปส่งโคโนกะถึงหอพักโดยที่ยังคอยระวังให้อยู่ทุกฝีก้าว โดยที่อีกส่วนหนึ่งกลับไปตรวจสอบห้องวิจัยอีกครั้ง......
จนเมื่อเข้ามาถึงหอพักโดยมีอาซึนะและองครักษ์บางส่วนคอยอยู่ดูตลอด
โคโนกะทิ้งตัวนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยใจ เฮ้ออออ นี้ขนาดแค่กระจกแตกพวกบอดี้การ์ดยังแตกตื่นกันขนาดนี้ อย่างนี้เธอจะไปเจอเซ็ตจังได้ยังไงกันหล่ะ?
ว่าแล้วโคโนกะก็ผล๊อยหลับไปทั้งๆยังอยู่ในชุดพละทันที.......
.....................................................................................................................................................................
จนเมื่อเวลาผ่านไป โคโนกะที่หลับไปก็ตื่นขึ้นมา เธอสะลึมสะลือขึ้นมาสักพักก่อนที่จะต้องตกใจสุดขีด เพราะตอนนี้ ที่ๆเธออยู่มันไม่ใช่ห้องนอนของเธอ
แต่...แต่มันเป็น ดาดฟ้าของโรงเรียนต่างหาก!!
เมื่อโคโนกะมองไปรอบๆที่ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มแดง นี่เย็นแล้วหรือนี่? แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน แล้วอยู่ๆก็มีเสียงๆนึงดังขึ้น
.
.
.
.
.
.
.
.
“ทัตสึมิยะ.....ทำไมช้าจังน่ะ....”
โคโนกะหันไปตามเสียงที่เธอคุ้นเคยทันที
ที่เธอเห็นก็คือหลังของคนๆนึงที่ยืนเกาะลูกกรงเหมือนกับว่าคนๆนั้นกำลังรอใครอยู่ มือขวาของคนๆนั้นถือไม้เท้า ที่เอวเหน็บดาบยาวเอาไว้
ไม่ผิดแน่..............นั้น..นั้นคือ เซ็ตจัง!!
ทันทีที่โคโนกะรู้ว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือเซ็ตซึนะ เธอรีบตรงเข้าไปหาทันที แต่ก็ดูเหมือนเซ็ตซึนะนั้นรู้ว่ามีใครอยู่ด้านหลังเธอ
นักดาบชินเมริวหันควับ มือเปลี่ยนจากจับไม้เท้ามาจับดาบแทนทันที
“ใครน่ะ? แกมันไม่ใช่ทัตสึมิยะนี่!!~”
แต่คนที่เธอตะโกนถามนั้นนิ่งไม่ตอบกลับเลือกที่จะเดินเข้าหาเธออย่างช้าๆแทน จนเซ็ตซึนะเองที่มองไม่เห็นว่าบุคคลตรงหน้านั้นเป็นใคร แต่ฝ่ายนั้นกลับมีเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ เธอก็ตั้งท่าจะชักดาบเตรียมโจมตี แต่นักดาบชินเมริวจับรังสีการต่อสู้ไม่ได้เลย....แถม...กลิ่นตัวนี้มัน...
แม้จะยังไม่อยากเชื่อ....มันเป็นไปไม่ได้! ไม่มีทาง!....แต่เซ็ตซึนะก็เลือกที่จะใช้ใจแทนสมองของตัวเอง....เธอปล่อยมือออกจากดาบและพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งมั่นใจและไม่มั่นใจว่า
“คะ....คุณหนู.....”
โคโนกะที่ค่อยๆก้าวเข้ามาปิดปากของตัวเองไม่ให้ร้องออกมาทันที ตาของเธอเริ่มมีน้ำตาคลอออกมา นี่เซ็ตจังที่มองไม่เห็นจำเธอได้แม้ไม่ได้ยินเสียงเชียวหรือ?
แล้วโคโนกะก็เดินเข้ามาใกล้ช้าๆ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับใบหน้าองครักษ์ของเธออย่างทะนุทะนอมราวกับว่าเธอกลัวว่ามันจะแตกสลายไปต่อหน้าเธอ
“ฉัน....ฉันมาแล้ว เซ็ตจัง......”
เซ็ตซึนะเมื่อได้ยินเสียงของคนตรงหน้ายืนอึ้งทันที จริงหรือนี่? นี่เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง หรือมันเป็นเพียงจินตนาการที่เธอเคยวาดภาพเอาไว้ในความมืดมืดเป็นร้อยเป็นพันรอบ เซ็ตซึนะเอื้อมมือไปสัมผัสมือที่แตะใบหน้าของเธอเอาไว้ แล้วใช้มือลูบไล้มันเบาๆ ราวกับจะพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ฝันไป และเธอก็ได้คำยืนยันพร้อมกับความอบอุ่นที่จับอยู่ที่ใบหน้า
.....บุคคลตรงหน้านั้นคือคุณหนูของเธอจริงๆ
“คุณหนู.......”
เซ็ตซึนะที่พูดคำอื่นไม่ได้อีก เธอเอามือทั้งสองข้างกุมมือที่เธอรู้ว่ามันไม่ใช่เพียงจินตนาการของเธอทันที แววตาที่ว่างเปล่าเพราะตาบอดเริ่มมีน้ำตาไหลออกมา โคโนกะเองก็เริ่มร้องไห้เช่นกัน ความเศร้าและทรมานใจที่ไม่ได้เจอกันนานนับเดือนพังทลายไปทันทีเมื่อทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
.....แต่โคโนกะที่เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอกอดและซุกตัวไปที่องครักษ์ของเธอและตัดพ้อทั้งๆที่ร้องไห้ทันที.....
“เซ็ตจังบ้า! ทำไมอยู่ๆถึงหายไป!....ทำไมอยู่ๆไม่ติดต่อมาเลยหล่ะ! ฉันน่ะ...ฉันน่ะ...คิดถึงเซ็ตจังจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว จะไปหาก็ไปหาไม่ได้..... จะรอเซ็ตจังให้ติดต่อมาบ้างก็ไม่เคยจะติดต่อกลับมาเลยสักครั้ง เซ็ตจังหน่ะ...เซ็ตจังน่ะ...ใจร้ายที่สุด!!~ ไหนบอกว่าจะคอยปกป้องฉันตลอดไปไง!!~”
เซ็ตซึนะที่ได้ยินคุณหนูของเธอพูดไปร้องไห้ไปก็รู้สึกผิดเต็มที่.......
ถึงมันจะเพื่อความปลอดภัยของคุณหนูก็ตาม แต่พอได้ยินคำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากคุณหนูของเธอ เซ็ตซึนะแทบอยากจะกลับไปอยู่ข้างกายคุณหนูของเธออีกครั้ง แต่เธอต้องใจแข็ง เธอในตอนนี้ไม่อาจคุ้มครองคนที่เธอรักได้อย่างแน่นอน เป็นได้แค่ตัวถ่วงของอีกฝ่ายเท่านั้น เซ็ตซึนะจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรนอกจากนิ่งเงียบกอดตัวคุณหนูของเธอไว้แน่นและลูบหัวของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาเท่านั้น............
จนกระทั่งเวลาผ่านไปเซ็ตซึนะที่นั่งพิงลูกกรงในอ้อมกอดมีคุณหนูของเธอที่ซุกมาที่ตัวเธอและร้องไห้อยู่ก็หยุดร้องในที่สุด โคโนกะปาดน้ำตาและแหงนหน้ามามององครักษ์ของเธอช้าๆ ซึ่งเซ็ตซึนะเองก็หันหน้ามาทางคุณหนูของเธอแม้จะมองไม่เห็นเช่นกัน
จนกระทั้งอยู่ๆก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาในหัวของโคโนกะว่า
“หมดเวลาแล้ว......”
โคโนกะที่ได้ยินคำนั้นในหัวตกใจทันที อะไรกัน หมดเวลาแล้วเหรอ? เธอพูดขึ้นมาอย่างลืมตัว
“ไม่น่ะ! เดี๋ยวสิ! อย่าเพิ่งหมดเวลาซิ! ฉันยังมีเรื่องที่จะคุยกับเซ็ตจังตั้งเยอะแยะ!”
เซ็ตซึนะที่อยู่ๆก็ไม่รู้ว่าคุณหนูของเธอเป็นอะไรไป เมื่อได้ยินเสียงขอร้องอย่างลนลานของคุณหนู เธอก็ถามขึ้นด้วยความงงงันทันที
“คุณหนู! คุณหนูเป็นอะไรไปค่ะ?”
แต่ในหัวของโคโนกะก็ยังมีเสียงดังต่อมาอีกว่า
“ข้าพเจ้า.........ให้ไม่ได้มากกว่านี้แล้ว หมดเวลาแล้ว...”
โคโนกะที่รู้ว่าตัวเองจะอยู่กับองครักษ์ของเธอต่อไม่ได้อีก เธออ้อนวอนต่อเสียงปริศนาที่ดังในหัวของเธอไม่หยุด
“ฉันขอร้อง! ขออยู่กับเซ็ตจังอีกสักนิดเถอะ! ได้โปรด....ขออีกแค่ห้านาทีก็ได้!”
“เห๋!”
เซ็ตซึนะที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร้องขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ จนเมื่อจับความรู้สึกที่อีกฝ่ายแสดงออกมาผ่านเสียงและท่าทางที่เธอสัมผัสได้ เธอก็เข้าใจในที่สุด......เซ็ตซึนะที่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูของเธอเอามือจับแก้มของคุณหนูของเธอที่กำลังลนลานเอาไว้
นิ้วโป้งนั้นคลึงไปที่แก้มขาวเนียนไปมาอย่างแผ่วเบา ทำเอาโคโนกะที่กำลังลกลนลานอยู่ชะงักนิ่งไป เซ็ตซึนะที่เห็นว่าคุณหนูของเธอเย็นลงแล้ว เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้นมาว่า....
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณหนู สักวัน....ดิฉันจะต้องกลับไปอยู่ข้างกายคุณหนูอีกครั้งแน่ๆ จนกว่าจะถึงวันที่ดิฉันสามารถปกป้องคุณหนูได้อีกครั้ง .................ช่วยรอดิฉันก่อนแล้วกันน่ะค่ะ....”
พูดจบ เซ็ตซึนะก็ค่อยๆก้มใบหน้าไปหาคุณหนูของเธอช้าๆ จมูกของทั้งสองสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงมากลายมาเป็นที่ริมฝีปากในที่สุด โคโนกะที่ไม่ขัดขืนก็ประทับริมฝีปากของเธอกลับไปด้วยความยินดีเช่นกัน เพียงชั่วครู่ก็มีเสียงดังเข้ามาในหัวของโคโนกะว่า
“เสียใจด้วย..................เวลาของเจ้าหมดลงแล้ว”
สิ้นเสียงนั่น โคโนกะก็ค่อยๆหมดสติและสลบลงไปทันที..........................
เซ็ตซึนะที่รู้ว่าคุณหนูของเธอสลบอยู่ในอ้อมกอดของตนก็มีความรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
......เธอที่สามารถอยู่กับคุณหนูได้เพียงแค่นี้ก็รู้สึกดีใจมากขนาดไหนแล้ว...
แต่ความเจ็บปวดที่ต้องจากลากันนั้นก็มีมากเช่นกัน เซ็ตซึนะที่นิ่งอยู่นานเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนๆนึงที่แผ่วเบาเอามากๆ แต่ถึงเบาขนาดไหนเธอก็รู้อยู่ดี เซ็ตซึนะพูดกับผู้ที่กำลังมาเยือนว่า
“จะมาเอาคุณหนูกลับแล้วเหรอ? ท่านคาเอเดะ”
คาเอเดะที่ก้าวเข้ามามองดูคู่รักทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ แต่เธอให้เวลาทั้งสองได้เพียงแค่นี้จริงๆ นินจาโคงะเข้ามาอุ้มร่างของโคโนกะที่สลบอยู่พร้อมกับหันมาพูดกับเซ็ตซึนะด้วยน้ำเสียงที่หนักใจว่า
“ต้องขออภัย ข้าพเจ้าไร้ความสามารถ ไม่สามารถยื้อเวลาไปได้มากกว่านี้แล้วเจ้าค่ะ นินๆ”
แต่เซ็ตซึนะที่นั่งนิ่งอยู่ก็ไม่ว่าอะไร เธอส่ายหน้าน้อยๆและพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่คาเอเดะพูดไว้ว่า
“ไม่หรอก แค่นี้มันก็มากเพียงพอแล้ว ดิฉันต้องขอบพระคุณมากจริงๆ”
แล้วคาเอเดะที่พยักหน้ารับคำขอบคุณก็รีบกระโดดกลับไปยังที่หมายให้ทันเวลาทันที ก่อนที่ความจะแตกไปถึงหูพวกบอดี้การ์ดครึ่งร้อยที่คอยคุ้มครองโคโนกะซะก่อน............
..................................................................................................................
.....อืมมมมม....ที่นี้ที่ไหน? ที่ดาดฟ้ารึเปล่า? แล้วเมื่อกี้ฉันได้อยู่กับเซ็ตจัง ...แล้ว......แล้วเซ็ตจังหล่ะ? เซ็ตจัง???
โคโนกะที่เรียบเรียงความคิดสักพักสะดุ้งตื่นทันที ทว่า รอบๆตัวเธอตอนนี้มันก็คือห้องของเธอเอง เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่ามันมืดแล้ว..... นี่เมื่อกี้ ฉันแค่ฝันไปหรอกเหรอ? แต่ทันทีที่คิดถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่เธอสัมผัสกับริมฝีปากขององครักษ์ของเธอ เธอก็รู้ว่าตนเองไม่ได้ฝันไป....มันเป็นความจริง...เพียงแต่...มันก็เป็นไปตามที่จดหมายนั้นเขียนทุกอย่าง พบได้เพียงชั่วยาม และยอมเจ็บปวดภายหลัง มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ โคโนกะที่ได้เจอเซ็ตซึนะแค่เพียงเวลาน้อยนิดนักในความคิดของเธอ
ยังไม่ทันจะถามไถ่เรื่องสารทุกข์สุขดิบของอีกฝ่าย หรือพูดคุยกันเรื่องอื่น เวลาก็ดันหมดลงซะก่อน......เพราะเธอมัวแต่ร้องไห้ดีใจที่ได้เจอกันจนลืมเรื่องอื่นจนหมดสิ้น.......พอมาถึงตอนนี้ เธอกลับต้องมาทุกข์ใจอีกครั้ง
ทำไม....ทำไมเวลาที่ได้เจอกันมันช่างน้อยขนาดนี้ ยิ่งเจอแล้ว เธอยิ่งอยากจะเจออีก.....ใจยังร่ำร้องอยากจะพบเซ็ตจังอีกครั้งซะให้ได้ แต่ว่า.......มันหมดเวลาแล้ว......แล้วโคโนกะก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วนี้เธอต้องรอไปอีกนานแค่ไหน?
คำสัญญาที่บอกให้เธอรอ....มันจะยาวนานไปถึงเมื่อไหร่กัน?
......แล้วความทรมานจากความคิดถึงที่เมื่อครู่ที่มันเพิ่งจางหายไปก็กลับมาสู่จิตใจของโคโนกะอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ
........................................................................................................................
“ขอบคุณที่ยอมช่วยน่ะเจ้าค่ะ ท่านอาซึนะ”
“..............ไม่เป็นไรหรอก ยังไงมันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ฉันจะทำเพื่อโคโนกะได้ ถ้ายังไงฉันไปก่อนน่ะเดี๋ยวพวกบอดี้การ์ดจะสงสัย”
อาซึนะที่พูดลาจบก็กลับเข้าไปที่หอ แผนการที่ทำให้ทั้งสองคนมาเจอกันจะสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าขาดคนในเข้ามาช่วย ซึ่งก็โชคดี อาซึนะที่ดูเหมือนจะเห็นใจและสงสารรูมเมทของเธอมานานยอมผิดคำที่รับปากกับอาจารย์ทาคาฮาตะไว้ด้วยการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น และช่วยล่อพวกบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าประตูออกมา โคโนกะที่อาจจะยังเคืองอาซึนะอยู่น่าจะดีใจที่รู้ว่ารูมเมทของเธอยังดีกับเธอเสมอ
...แม้ว่าตอนนี้โคโนกะจะทำตัวแอนตี้คนทุกคนรอบข้างที่มาคอยคุ้มครองเธอก็ตาม....
......คาเอเดะมองไปที่หน้าต่างห้องนอนของโคโนกะที่มีไฟเปิดอยู่สักพักนึง
ท่า...ท่านโคโนกะคงตื่นแล้ว แล้วเธอก็หันกลับมาจะเดินทางกลับที่พักพร้อมกับผู้ที่รอเธออยู่ข้างหน้า ผู้ที่รอเธอนั้นพูดขึ้นมาว่า
“เธอไม่คิดว่า ยิ่งพวกเขาเจอกัน จะไม่ยิ่งทรมานที่ต้องพรากจากกันอีกหรือ?”
แต่คาเอเดะที่ยืนฟังก็นิ่งไป ก่อนผู้ที่เป็นคนคิดแผนนี้จะพูดขึ้นว่า
“ข้าพเจ้าถึงต้องถามลองใจท่านโคโนกะว่ายอมรับได้หรือไม่....ซึ่งสำหรับข้าพเจ้าแล้ว คำตอบนั้นมันไม่มีความลังเลที่จะเสียใจในภายหลังเลยแม้แต่น้อย”
ถึงคาเอเดะจะพูดอย่างนั้น แต่ที่ใบหน้าก็ยังปรากฏสีหน้าของความรู้สึกผิดอยู่ชัดเจน
นี่ข้าพเจ้า ทำถูกรึเปล่าน่ะ? แต่มานะที่ดูสีหน้าคาเอเดะก็พอเดาออก เธออาศัยจังหวะที่นินจาโคงะเผลอจูบเบาๆที่ริมฝีปากหนึ่งที ทำเอานินจาโคงะถึงกับหน้าแดงที่อีกฝ่ายไม่เคยทำอย่างนี้กับตนมาก่อน แต่มานะที่เป็นฝ่ายเริ่มก็ยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะพูดกับคาเอเดะว่า
“แต่ถ้าฉันเป็นคุณหนู ฉันก็คงจะทำแบบเดียวกัน มันน่าเสียใจกว่าซะอีกถ้าเรามีโอกาสได้เจอคนที่เรารักอีกครั้ง แต่เรากลับทิ้งโอกาสนั้นเพราะมัวแต่กลัวว่าเราจะต้องเจ็บถ้าจะต้องแยกกัน............”
คาเอเดะที่นิ่งฟังก็ยิ้มพลางคิด..น้นสิน่ะ มิเช่นนั้นข้าพเจ้าคงมิกล้าลงมือทำตามแผนเช่นนี้หรอก และแล้วนินจาโคงะก็พูดกับมานะด้วยใบหน้าที่ไร้กังวลว่า
“ข้าพเจ้าก็คิดเช่นนั้นเจ้าคะ นินๆ”
มานะที่เห็นอีกฝ่ายสบายใจแล้วก็ชวนกันกลับ.....เพราะตอนนี้คาเอเดะยังให้คนอื่นๆรู้ไม่ได้ว่า พวกตนกลับมาแล้ว เดี๋ยวโคโนกะรู้เข้า เรื่องที่เซ็ตซึนะไม่มียารักษาตาก็จะความแตก
ทั้งสองเลยไปอยู่ด้วยกันที่ศาลเจ้าชั่วคราว และระหว่างกลับ คาเอเดะที่ยิ้มครึ้มอกครึ้มใจก็พูดขึ้นว่า
“นี่ๆ ท่านทัตสึมิยะ”
“มีอะไรหรือ คาเอเดะ?”
“ข้าพเจ้าขอแบบเมื่อกี้อีกรอบได้ไหมเจ้าค่ะ นินๆ”
มานะที่ได้ฟังอีกฝ่ายพูดแบบนี้ก็สะอึกหน้าแดงทันที คาเอเดะที่เห็นว่าได้โอกาสก็พูดอ้อนเข้าไปอีก....
“น่ะเจ้าค่ะ......นึกว่าแทนคำขอบคุณเรื่องวันนี้ก็ได้เจ้าค่ะ นิน....หง่ะ~”
แต่ไม่ทันจะอ้อนต่อ ปืนสั้นของมานะจ่อเข้าที่ปลายคางของคาเอเดะทันที ทำเอานินจาโคงะเหงื่อตก มานะที่มองคาเอเดะอย่างผู้มีชัย ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“ได้ใจใหญ่เชียวน่ะ........เรื่องที่เธอเอาฉันไปอ้างกับเซ็ตซึนะวันนี้ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเลย แถมยังให้ฉันไปทำกระจกอาคารนั้นแตกโดยไม่ให้พวกบอดี้การ์ดเห็นร่องรอยอีกเอาแต่งานลำบากมาให้ แล้วตัวเองก็แค่สะกดจิตคุณหนูแล้วก็อุ้มกลับไปอุ้มกลับมา ปล่อยให้ฉันต้องล่อพวกบอดี้การ์ดอยู่คนเดียวแล้วแบบนี้เรื่องขอบคุณ เอาเป็นลูกกระสุนแทนจะดีไหม?”
ได้ฟังมานะที่พูดแกมแอบแค้นเล็กๆทำเอาคาเอเดะหน้าถอดสี
.......แฮ่ะๆ จะว่าไปงานเรามันก็สบายจริงๆ คิดแผนดีๆขึ้นมาให้สองคนนั้นได้เจอกัน แต่ภาระก็ตกอยู่ที่ท่านทัตสึมิยะเกือบทั้งหมด มันก็สมควรแค้นอยู่น่ะเจ้าค่ะ นินๆ..... คาเอเดะเลยได้แต่หัวเราะเจื่อนๆและเดินกลับที่พักอย่างเรียบร้อยแม้ใจจะยังแอบเสียดายก็ตาม
.......................................(มานะเนี้ย ใจร้ายแฮ่ะ เหอๆๆ)
ความคิดเห็น