ลำดับตอนที่ #20
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : บทเรียนที่ 18 ผู้ชนะ - ดีว่า หรือไซโคร แนช ?
                                                บทเรียนที่ 18    ผู้ชนะ - ดีว่า หรือไซโคร แนช ?
           
              “ กระบวนท่าที่สิบสาม วายุพิชิตอัสนี  “ 
              คำพูดนี้เมื่อออกมาจากปากของดีว่าแล้ว คล้ายกับมีพลังพิเศษขุมหนึ่งพุ่งออกตามมาด้วย    ขณะนี้โลกคล้ายหยุดนิ่งลงอีกครั้งหนึ่ง        นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากจะคาดเดาได้เลยว่าใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่ ?
              วาได้แต่ยืนนิ่งมองทางไซโคร แนช ทีและดีว่าที    หากมีคนให้เขาพนันข้างใดข้างหนึ่งแล้วละก็เขาขอยอมไม่พนันเลยเสียดีกว่า    เนื่องจากโอกาสที่เขาจะได้นั้นมีเพียงแค่ ห้าสิบต่อห้าสิบเท่านั้น   
              มีบ้างบางคนบอกว่าการพนันถ้าเราไม่เป็นฝ่านเสียเปรียบบ้างแล้วละก็  การพนันก็จะไร้ซึ่งรสชาติ  บางคนถึงกับไม่เรียกว่าเป็นการพนันเลยก็ว่าได้      มีบ้างบางคนบอกว่าการพนันหากไม่มั่นใจถึงระดับเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ต่อสามสิบเปอร์เซนต์แล้วอย่าได้พนันเลยจะดีกว่า   
              แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดี  การพนันไม่ใช่สิ่งที่ดี  อย่างคำกล่าวที่บอกว่า  “ การพนันไม่เคยทำให้ใครรวย “ นั่นเอง         
              แล้วสำหรับท่านเองละ  ถ้าหากเลือกได้ละก็จะเลือกใครเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้กันแน่ ?
             
              เลือก 1  ไซโคร แนชชนะ
            เลือก 2    ดีว่าชนะ
              (  หมายเหตุ ; การเลือกทั้งสองทางเลือกนี้ไม่ว่าท่านจะเลือกให้ใครชนะก็ตามจะไม่มีผลต่อตัวเนื้อเรื่องแต่อย่างใด  )
           
             
              เลือก 1    ไซโคร แนชชนะ
             
              ในที่สุดความสงบนิ่งก็ยุติลงแล้ว  เมื่อดีว่าเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี      ความรวดเร็วในการจู่โจมออกนั้นเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวเลยทีเดียว        ส่วนไซโคร แนชเบิกตาพร้อมตั้งท่าเตรียมรับการจู่โจมอยู่แล้ว 
                ดีว่านั้นเมื่อพุ่งถึงตัวไซโคร แนชได้ก็ใช้ออกด้วย กระบี่ท่าวายุพิชิตอัสนี    กระบวนท่าใช้ออกด้วยความรวดเร็ว  ไร้ทิศทางจับได้ราวกับสายลมสมชื่อกระบวนท่าจริงๆ 
              หากไซโคร แนชไม่ถึงสมาธิออกมาใช้อย่างเต็มที่แล้วละก็  ยากที่จะปัดป้องการโจมตีของดีว่าได้เลยทีเดียว 
              “ มีเท่านีแองรึ กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนี สายลมหรือจะสามารถพิชิตสายฟ้าได้ ”
              “ พิชิตได้หรือไม่ได้ไว้ถึงตอนนั้นก็รู้ผลเองละครับ ”
              ทั้งสองแม้ต่อสู้กันอย่างสุดความสามารถแต่ก็ยังไม่วายแอบพูดคุยกันบ้าง    หากตอนนี้ไม่ว่าไซโคร แนชหรือดีว่าเสียสมาธิแม้แต่นิดเดียว  คนนั้นจะต้องเป็นฝ่ายผ่ายแพ้อย่างแน่นอน
              กระบี่ท่อนไม้ของดีว่าคล้ายไม่ใช่กับท่อนไม้แล้ว  แต่ถึงกับคล้ายสายลมเลยทีเดียว    กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีเคล็ดวิชาที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่ความรวดเร็วเพียงอย่างเดียว  แต่กลับอยู่ที่การเคลื่อนไหวที่ไร้ทิศทาง  ซ้ายทีขวาที จู่โจมบน จู่โจมล่างสลับกันไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าที่แน่นอน ไร้ทิศทางจับได้  หรือพูดง่ายๆก็คือ ใช้หลักการไร้ลักษณ์ซึ่งเป็นสุดยอดเคล็ดวิชานั่นเอง 
              แรกๆ นั้นวาเองก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่า กระบวนท่านี้จะช่วยทำให้ดีว่าเอาชัยไซโคร แนชได้อย่างไร    แต่ในตอนนี้วาเริ่มดุออกแล้ว    ความเร็วในการแทงออกของกระบี่ท่อนไม้ของดีว่าเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  คล้ายกับการเกิดของพายุนั้นเอง    แรกเริ่มก่อนที่จะเกิดพายุนั้นก็เกิดจากการหมุนของลมเพียงเล็กน้อย  แต่ภายหลังเมื่อลมหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก็ก่อตัวกลายเป็นพายุในที่สุด
              ดีว่าเมื่อแทงออกไปหนึ่งกระบี่ก็คล้ายกับมีมืองอกเงยออกมาจ้วงแทงเพิ่มอีกสองกระบี่    หากเป็นผู้อื่นแล้วละก็ไม่มีทางรับมือดีว่าได้ขึ้นขนาดนี้แล้ว  แต่ไซโคร แนชกลับแตกต่าง  แม้เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แต่ทว่าไซโคร แนชกลับยิ้มแล้ว 
              “ กระบวนท่าของเจ้าร้ายกาจจริงๆ  แต่คิดว่าจะใช้ไปได้ถึงเมื่อไหร่กันละ ? ”
              ดีว่าเมื่อได้ยินคำพูดของไซโคร แนชก็ถึงกับอดทึ่งไม่ได้  ไซโคร แนชรู้ได้อย่างไรว่ากระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีมีขีดจำกัด 
              กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีแม้กล่าวได้ว่าเกือบถึงขั้นไร้ลักษณ์แล้วก็ตาม แต่ทว่าจุดอ่อนของกระบวนท่านี้ก็มีนั่นก็คือ  แรกเริ่มในการใช้กระบวนท่านั้นช่องโหว่จะมีมากคล้ายกับสายลมที่พัดเบาๆในตอนเริ่มแรกก่อนที่จะเป็นพายุ    ส่วนจุดอ่อนต่อไปก็คือ ผู้ที่ใช้กระบวนท่านี้ต้องรีดเร้นลมปราณจำนวนมากถึงจะใช้กระบวนท่านี้ออกมาได้  โดยต้องโคจรลมปราณไปทั่วร่างกายเพื่อเพิ่มขีดจำกัดในการต่อสู้ให้สูงขึ้น  ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้ไร้ทิศทางเช่นสายลม  กระบวนท่านี้หากใช้จนถึงขั้นสูงสุดก็แทบเรียกได้ว่าไร้ผู้ต่อต้านเลยทีเดียว เฉกเช่นกับพายุลูกใหญ่ที่ก่อตัวขึ้น ไม่ว่าสิ่งของใดๆ ก็ไม่มีทางต้านทานแรงลมของมันได้   
            และนี่จึงนำมาสู่จุดอ่อนสุดท้ายของกระบวนท่านี้ นั่นก็คือ  กระบวนท่านี้เมื่อใช้ถึงขั้นสูงสุดแล้วจะใช้ออกได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น    หากไม่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีอาจใช้ได้เพียงแค่ห้าวินาทีเท่านั้น      ดีว่านั้นแม้จะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี  แต่ก็ยังใช้กระบวนท่านี้ในขั้นสูงสุดได้เพียงแค่ยี่สิบวินาทีเท่านั้น  และหลังจากนั้นพลังลมปราณของผู้ใช้ก็จะลดต่ำลง จนอาจถึงขั้นหมดสิ้นเลยก็ได้  เช่นเดียวกับพายุเมื่อหมดพลังงานก็จะกลับกลายเป็นเพียงแค่สายลมเบาๆ เท่านั้นเอง
            ไซโคร แนชนั้นเข้าใจถึงหลักการของกระบวนท่านี้  ดังนั้นจึงจงใช้ตั้งรับตั้งแต่แรกแล้ว    ในที่สุดกระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีก็ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดของกระบวนท่าแล้ว   
              “ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะใช้กระบวนท่านี้ได้อีกกี่วินาทีหรอกนะครับ  ผมรู้เพียงแต่ว่าตอนนี้การโคจรลมปราณของกระบวนท่านี้มาถึงจุดสูงสุดแล้วละครับ  และผมก็คงจะต้องเอาชนะรุ่นพี่ภายในเวลาอัดจำกัดนี้ให้ได้ !!! ”
              ในที่สุดดีว่าก็แสดงแสงยานุภาพสูงสุดของกระบวนท่านี้ออกมาแล้ว  การโจมตีออกของดีว่านั้นถึงขั้นตามองแทบไม่ทันเลยทีเดียว    พริบตานั้นเองสายลมรอบๆ บริเวณนั้นก็ก่อตัวขึ้น  การก่อตัวของสายลมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนคล้ายเป็นพายุหมุนเล็กๆ แล้ว
                ไซโคร แนชถึงแม้ว่าจะรวดเร็วเพียงใดก็ตาม  แต่ในที่สุดก็เปิดช่องโหว่ให้แก่ดีว่าแล้ว  ทำให้กระบี่ท่อนไม้ของดีว่าฟันเข้าใส่ไซโคร แนชหลายกระบี่    ความรุนแรงของแต่ละกระบี่นั้นเรียกได้ว่า ไม่แตกต่างกัน เพราะต่างก็รุนแรงจนถึงขั้นน่าตื่นตระหนก     
                การถูกดีว่าฟันใส่หนึ่งกระบี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายิ้มได้  เนื่องจากผู้ที่โดนนั้นถ้าไม่ล้มลงไปนอนกับพื้นก็แทบจะหมดสติเลยก็ว่าได้  อย่าว่าแต่ถูกฟันใส่หลายกระบี่เลย  แต่ไซโคร แนชกลับยังยิ้มได้อย่างมั่นใจ    หรือว่าไซโคร แนชไม่รู้สึกเจ็บกันแน่ ?
                สายลมรอบๆ พัดอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  แม้แต่ต้นไม้ใหญ่หน้าหอพักยังต้องพัดไปตามแรงลมของกระบวนท่านี้     
              ในขณะที่กระบี่ท่อนไม้ของดีว่ากำลังจะฟันใส่ไซโคร แนชอีกหนึ่งกระบี่นั้นเอง  ไซโคร แนชก็หายตัวไปแล้ว          ไม่รอให้ดีว่าโจมตีออก หรือแม้แต่ขยับตัว    ดาบคู่ท่อนไม้ของไซโคร แนชก็จู่โจมออกแล้ว  ไซโคร แนชปรากฎตัวที่ด้านหลังดีว่าพร้อมกับแทงดาบท่อนไม้ใส่ตรงกลางหลังของดีว่าเบาๆ  ถึงแม้จะเบาแต่เปี่ยมไปด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง             
              เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในพริบตาเดียวเท่านั้น  แต่ก็หยุดลงภายในพริบตาเดียวเช่นกัน  ดีว่าเมื่อถูกไซโคร แนชแทงใส่กลางหลังเบาๆ หนึ่งดาบก็คล้ายกับหุ่นยนต์  ถึงกับหยุดนิ่งอยู่กับที่ 
              สายลมที่พัดอยู่รอบๆ ตัวของทั้งสองคนก็สงบลงทันที    ดีว่าที่หยุดอยู่กับที่คล้ายกับหมดสติแล้ว    กระบี่ท่อนไม้ในมือของดีว่าล่วงหล่นสู้พื้น  พร้อมกับดีว่าที่ล้มลงเช่นกัน    แต่ดีว่าไม่ได้ล้มลงไปพร้อมกับกระบี่  เนื่องจากมีมือสองข้างโอบรับตัวดีว่าไว้  เป็นมือของไซโคร แนชนั่นเอง 
              ในที่สุดการตัดสินแพ้ชนะก็ปรากฎออกมาแล้ว  ผู้ชนะก็คือ ไซโคร แนชนั่นเอง !!!
          วาเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้ว่า ไม่มีทางเอาชนะไซโคร แนชได้แล้ว  เขาได้แต่ทิ้งดาบลงกับพื้น  พร้อมกับค่อยๆ เดินเข้าไปหาไซโคร แนชจากนั้นก็ช่วยพยุงดีว่ามานอนพิงกับต้นไม้ใหญ่หน้าหอพัก     
              “ รุ่นพี่คงจะไม่ร่วมทีมกับพวกผมแล้วใช่ไหมครับ ”
              ไซโคร แนชไม่ตอบ แต่หันมาพูดกับวา
              “ ยังเหลือเจ้าอีกคนไม่ใช่หรือ  ทำไมไม่ลองดูละ ”
              “ มีเรื่องบางเรื่องที่บางครั้งไม่ต้องกระทำเราก็สามารถรู้ได้เองอยู่แล้วละครับ  ตอนนี้ผมไม่มีทางสู้รุ่นพี่ได้หรอกครับ ”
              “ ถ้าตอนนี้ยังสู้ไม่ได้  งั้นเจ้าหมายถึงอีกหน่อยจะสู้ได้อย่างนั้นรึ ”
              วาได้แต่เงียบแล้ว  ความจริงเขาไม่คิดที่จะสู้กับไซโคร แนช หรือใครตั้งแต่แรกแล้ว   
              “ เอาละ  รอเพื่อนของเจ้าฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังก็แล้วกัน ”
             
             
                  ไม่นานนักดีว่าก็ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา  สิ่งแรกที่ดีว่าเห็นก็คือ  วาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ  และหลังจากนั้นก็คือไซโคร แนชซึ่งยืนหันหลังอยู่ 
                ดีว่าค่อยๆ พยุงตัวขึ้น  โดยมีวาช่วยอีกเรื่องหนึ่ง
                “ รุ่นพี่ครับผม......... ”
                ไม่รอให้ดีว่ากล่าวต่อไซโคร แนชก็หันหน้ามาชิงกล่าวว่า
                “ ผลการต่อสู้ก็ออกมาแล้วนะ  เจ้าเป็นฝ่ายแพ้ ”
                “ ข้อนั้นผมเข้าใจครับ  ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องขอโทษที่ล่วงเกินไปนะครับ  เมื่อผมแพ้แล้ว ก็ต้องตามสัญญา ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวเลยก็แล้วกันนะครับ ”
                “ ช้าก่อน  ข้าไม่ได้บอกว่าถ้าเจ้าแพ้แล้วข้าจะไม่ร่วมทีมกับเจ้านี่    ข้าเพียงแค่บอกว่า  ถ้าเจ้าอยากให้ข้าไปร่วมทีมด้วยต้องเอาชนะข้าให้ได้ ”
                “ รุ่นพี่หมายความว่ายังไงกันครับเนี่ย ”
                “ เห็นแก่ความพยายามของเจ้า  ข้าจะยอมร่วมทีมกับเจ้า ”
                วาได้ยินเช่นนั้นก็ร้อง เย้ ออกมาทันที  ดูเหมือนว่าเขาจะดีใจกว่าดีว่าเสียอีก พร้อมกับกล่าวแทนดีว่า
              “ ขอบคุณมากครับรุ่นพี่ ”
                “ ช้าก่อนอย่าเพิ่งดีใจไปนะ ”
              วาทำหน้างง
              “ ทำไมหรอครับ ”
              “ ข้าจะร่วมมือกับพวกเจ้าในฐานะตัวสำรองเท่านั้นเข้าใจไหม ”
              “ แต่ว่าผมกะจะเป็นตัวสำรองนะครับ  รุ่นพี่เก่งกว่าผมตั้งเยอะทำไมถึงจะเป็นตัวสำรองละครับ ”
              “ ในสัญญาไม่ได้บอกไว้ไม่ใช่เรอะ  แค่ตกลงกันว่าให้ข้าร่วมทีม  หรือถ้าเราข้องใจละก็ข้าออกจากทีมก็ได้นะ ”
              “  ไม่ข้องใจหรอกครับ  แต่ว่า.........”
                ดีว่าจับไหล่วา  คล้ายกับบอกให้รู้ว่าไม่ต้องพูดต่อแล้ว
                “ ขอบคุณมากครับรุ่นพี่  แค่รุ่นพี่เข้าทีมเดียวกับผมก็ขอบคุณมากแล้วละครับ ”
                จากนั้นดีว่าก็กล่าวต่อ
                “ แต่ว่าผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ  รุ่นพี่รู้กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีได้ยังไงกันครับ ”
                “ เหอ  เรื่องแค่นี้ถ้าข้าไม่รู้แล้วละก็  ข้าคงไม่สามารถเป็นถึงพาลาดินได้หรอกนะ  อย่าว่าแต่กระบวนท่านี้เลย    อีกหลายกระบวนท่าไม่ว่าจะเป็นวิชากระบี่  ขวาน หรืออาวุธต่างๆ ข้าก็ศึกษามาเกือบหมดแล้ว  ”
                หากเป็นคนอื่นฟังไซโคร แนชพูดแล้วละก็ต้องหาว่า เขาเป็นพวกชอบโอ้อวดตนเป็นแน่    แต่ความจริงแล้วคำพูดนี้หาได้ผิดแปลกแม้แต่น้อยเลยไม่   
                “ ถ้าอย่างนั้นตอนที่รุ่นพี่โดนผมฟันใส่ก็หมายความว่า รุ่นพี่จงใจหรอครับ ”
                “ ถ้าเป็นตอนนั้นไม่ได้จงใจหรอกนะ  แต่มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ”
                “ ไม่จงใจ  แล้วรุ่นพี่ทนรับกระบี่ของผมได้ยังไงกันครับ ”
                “ เจ้าเองก็รู้ใช่ไหมว่าจุดอ่อนของกระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีคืออะไร ”
                “ รู้ครับ ”
                “ กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีไม่ใช่แค่มีระยะเวลาจำกัดในการใช้  แต่ยังต้องใช้พลังลมปราณอย่างสูงในการใช้ออกมา  โดยผู้ใช้ต้องเกร็งพลังลมปราณไปตามจุดต่างๆ ทั่วร่างกายเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ไร้ทิศทางเช่นสายลม  ดังนั้นหากคิดจะทำลายกระบี่ท่านี้ได้นั้นก็มีเพียงไม่กี่วิธีเท่านั้น 
              บางคนอาจรอจนกระบวนท่าใช้ถึงขีดสุด หรือพูดง่ายๆ ก็คือให้กระบวนท่านี้หยุดลงเอง  แต่คนที่คิดแบบนั้นส่วนใหญ่มักที่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้  เนื่องจากกระบวนท่านี้หากรอถึงตอนท้ายสุดของกระบี่ท่าจริงๆ แล้วละก็จะเป็นการปลดปล่อยลมปราณที่เกร็งอยู่ทุกจุดของผู้ใช้ใส่ศัตรู  ซึ่งถ้าไม่สามารถหลบได้แล้วละก็มีแต่แพ้กับแพ้แน่นอน  ถึงแม้ว่าข้าเองจะมีรีเจเนอเรเตอร์ก็ตามที ข้าก็ไม่คิดที่จะเสี่ยงรอจนถึงขั้นนั้นหรอกนะ 
              วิธีที่ข้าใช้ทำลายกระบวนท่าเจ้าก็คงจะรู้ว่ามันก็คือ  การทำลายจุดเกร็งลมปราณ  หากผู้ใช้ทุกทำลายจุดเกร็งลมปราณไม่ว่าจุดใดจุดหนึ่งแล้วละก็กระบวนท่านี้ก็จะหยุดชะงักลงทันที  ลมปราณก็จะแตกซ่าน  นับว่าเป็นจุดอ่อนสำคัญอย่างยิ่งของกระบวนท่านี้    แต่ว่าการที่จะแทงให้ถูกจุดเกร็งลมปราณนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจากมีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น  และถ้าหากแทงพลาดไปเพียงนิดเดียวก็ไม่สามารถทำลายจุดนั้นได้  แถมอาจต้องเป็นฝ่ายผ่ายแพ้เลยก็ว่าได้        ดังนั้นวิธีนี้จึงค่อนข้างเสี่ยง  แต่ผลที่ตามมาก็คุ้มค่าเช่นกัน ”       
                ไซโคร แนชยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็กล่าวต่อ
                “ ส่วนที่เจ้าถามว่าข้าทนทานกระบี่ของเจ้าได้ยังไงกันนั่นหรอ  นั่นก็เป็นเพราะว่าตอนนั้นเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจว่าจะทำลายจุดลมปราณที่กลางหลังของเจ้ายังไงกันละ    ข้าจึงโคจรลมปราณสายฟ้าขึ้น  แต่ว่าข้าก็ยังไม่เร็วพอถูกเจ้าฟันใส่หลายกระบี่ 
            แต่ละกระบี่เจ็บเกินต้านทานก็จริงแต่เจ้าอย่าลืมว่าข้ามีวิชารีเจเนอเรเตอร์อยู่    พริบตานั้นข้าจึงจำเป็นต้องใช้รีเจเนอเรเตอร์ออกมาความเจ็บปวดก็หายไปชั่วขณะหนึ่ง  พร้อมกันนั้นก็เกร็งพลังลมปราณสายฟ้าขึ้น  ท่าที่ข้าใช้อ้อมไปข้างหลังเจ้าเรียกว่า  เทเลพอต    เป็นการใช้พลังลมปราณสายฟ้ากระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฎิกิรินารีเฟรกขึ้น  ทำให้สามารถเคลื่อนไหวจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งด้วยความเร็วสูงกว่าปกติหลายเท่าตัวได้  ”       
              วาเมื่อได้ยินคำว่า เทเลพอต ก็อดประหลาดใจไม่ได้
              “ อย่างกับพวกหนังการ์ตูน หรือพวกเกมเลยนะครับ  ที่เคลื่อนที่จากอีกที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ”
              “ เหอ  แต่เสียดายที่มันไม่ได้สนุกอย่างที่เจ้าคิดน่ะสิ  จริงอยู่ว่ามันเป็นการเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ด้วยปฎิกิริยารีเฟรก  แต่ก็อันตรายพอสมควรเลยทีเดียว 
            เนื่องจากคนปกติจะไม่มีทางเกิดปฎิกิริยารีเฟรกได้ถ้าหากไม่เจอเรื่องที่จะก่อให้เกิดปฎิกิริยารีเฟรก เช่น  กระตุกมือเมื่อถูกไฟช็อต  หรือเข่ากระตุกเมื่อถูกทุบเข้า    ดังนั้นการใช้ลมปราณสายฟ้าให้เกิดปฎิกิริยารีเฟรกได้นั้นก็จะต้องทำโดยการส่งลมปราณสายฟ้าไปถึงสมอง  ทำให้ร่างกายเกิดปฎิกิริยารีเฟรกขึ้นยังไงละ ”
            “ ฟังแล้วน่ากลัวเหมือนกันนะครับเนี่ย ”
            “ ไม่ใช่แค่น่ากลัวหรอกนะ  ถ้าหากโคจรลมปราณสายฟ้าไปที่สมองผิดพลาด หรือมากเกินไปแล้วละก็ผลที่ต้องตามมา  อย่าให้ต้องคิดเลย ”
          “ มันจะเป็นยังไงหรอครับ ”
          “ ถ้าหากผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียว หรือส่งกระแสไฟฟ้าไปที่สมองมากเกินไปแล้วละก็ขั้นต่ำก็หมดสติทันที  หรือถ้าอย่างแย่ก็เป็นอัมพาตไปเลยละ ”
          “ รุ่นพี่รู้แล้ว ทำไมยังกล้าใช้อีกละครับ ”
          ไซโคร แนชมองไปที่ดีว่าพร้อมกับกล่าว
          “ ก็เพราะว่าเจ้านี่ทำให้ข้ารู้สึกไม่อยากที่จะแพ้ขึ้นมาน่ะสิ ”
          ดีว่าเมื่อได้ยินไซโคร แนชพูดเช่นนี้ก็ได้แต่ยิ้มแล้ว 
          คนเราบางคนครั้งหากเจอคู่ต่อสู้ที่ทำให้เกิดอาการไม่อยากแพ้ขึ้นมาละก็จะเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งขึ้น  บางคนถึงกับเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเลยก็ว่าได้    เนื่องจากในใจคนเหล่านั้นล้วนไม่อยากแพ้  เมื่อใจสู้แล้วไม่ว่าอะไรสักวันหนึ่งก็จะต้องสามารถฟันฝ่าไปได้  ขอเพียงใจไม่ท้อถอยเท่านั้น
            เลือก 2  ดีว่าชนะ
          ทั้งดีว่า และไซโคร แนชยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื่อนตัวแม้แต่น้อย          กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีของดีว่าจะสามารถพิชิตไซโคร แนชได้สมดังชื่อหรือไม่ ?
            สายลมรอบๆ ตัวของทั้งสองเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าต้องการจะมาชมการต่อสู้ของทั้งสองคนนี้ด้วย        สายตาของทั้งสองจ้องมองกันอย่างต่อเนื่องเหมือนกับว่ารอโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามเผลอเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็จะจู่โจมออกไปทนที          แต่ดูท่าว่าทั้งสองคนจะไม่มีท่าทีว่าจะเสียสมาธิ หรือเผลอเลยแม้แต่น้อย   
            ดีว่าเองรู้ดีว่าความจำกัดของกระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีเป็นอย่างไร    กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีนั้นไม่เพียงแต่ต้องดึงพลังลมปราณของผู้ใช้ออกมาทั้งร่างกายส่งไปยังจุดต่างๆ  เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเคลื่อนไหว    แต่ยังมีจุดอ่อนอีกหลายที่  เช่น  เมื่อกระบวนท่านี้สิ้นสุดพลังลมปราณของผู้ใช้จะหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง  หรืออาจเรียกได้ว่าถ้าไม่สามารถพิชิตคู่ต่อสู้ลงได้ก่อนที่จะเสร็จสิ้นกระบวนท่าก็จะเป็นฝ่ายผ่ายแพ้ไป  และกระบวนท่านี้ก็มีข้อจำกัดของเวลาด้วยเช่นกัน  สามารถใช้กระบวนท่านี้เมื่อถึงจุดสูงสุดของกระบวนท่าได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น 
              ดีว่าคล้ายกำลังคิดว่าควรที่จะใช้กระบวนท่านี้ออกไปจริงๆ ดีหรือเปล่า      ขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้นไซโคร แนชก็พุ่งตรงมาหาเขาแล้ว    ไซโคร แนชคงไม่ต้องการให้ดีว่าใช้กระบวนท่านี้ออกมาดังนั้นจึงรอจังหวะเป็นฝ่ายจู๋โจมเพื่อทำลายไม่ให้กระบวนท่านี้ใช้ออกได้
              ดาบท่อนไม้ทั้งสองพุ่งปราดไปยังดีว่าด้วยความรวดเร็ว  ในที่สุดกระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีก็ถูกทำลายลงแล้ว  ตั้งแต่ที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา    ดีว่าต้องคอยรับการโมตีของไซโคร แนชไปเรื่อยๆ
              การโจมตียิ่งมายิ่งรวดเร็ว  คราวนี้ฝ่ายที่เสียเปรียบท่าทางจะเป็นดีว่าเสียแล้ว    ดีว่าคิดเสียใจกับตัวเองที่เกิดความลังเลจนทำให้ถูกทำลายการตั้งกระบวนท่าไป    ดังนั้นตอนนี้ดีว่าได้แต่เป็นฝ่ายรับการโจมตีเสียแล้ว  เขาเองก็ยังคิดไม่ออกเช่นกันว่าจะใช้วิธีไหนเพื่อโค่นไซโคร แนช 
         
            “ วูบ !!! ”
            ดีว่าก้มหลบดาบท่อนไม้ของไซโคร แนชได้อย่างหวุดหวิด    หากเมื่อสักครู่นี้เขาช้าไปเพียงนิดเดียวละก็ผลที่ตามมาเป็นที่คาดคิดได้         
            ทันใดนั้นเองดาบท่อนไม้ของไซโคร แนชวกกลับเข้าหาตัวดีว่าอย่างรวดเร็ว      เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว   
            แต่สำหรับดีว่าแล้วกลายเป็นภาพที่ค่อยๆ เคลื่อนไหวเท่านั้นเอง    หรือนี่จะเป็นจุดจบของดีว่า ?  หรือว่าเขาจะไม่สามารถหลบดาบท่อนไม้นี้ได้จริงๆ ?
           
             
             
                “ ปัก !!!! ”
                เด็กชายท่าทางคล้ายดีว่าคนหนึ่งล้มลงกับพื้น  แต่ถึงกระนั้นกระบี่ในมือของเขาก็ยังคงกำแน่นอยู่ในมือ    ราวกับว่าหากกระบี่ในมือของเขาหลุดออกจากมือเมื่อไหร่แล้วละก็    ทุกสิ่งที่พยายามมาจนถึงตอนนี้ก็จะสูญสลายไปในทันที       
              เด็กชายท่าทางคล้ายดีว่าพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นให้ได้      ดูจากสภาพร่างกายตอนนี้แล้วนับว่าบาดเจ็บมาไม่น้อยเลยทีเดียว   
                หากเปรียบเป็นเด็กคนอื่นแล้วคาดว่าท่าทางคงจะไม่สามารถลุกขึ้นได้แล้ว        นั่นเพราะไม่เพียงต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น    เขายังต้องต่อสู้กับสายตา
                สายตาที่เย็นชาจ้องมองร่างของเด็กชายที่กำลังพยายามลุกขึ้นอย่างสมเพชระคนกับความเกลียดชัง    เจ้าของสายตานั้นเค้นหัวเราะอย่างเย็นชา  ราวกับไม่เข้าใจว่าเด็กชายคนนั้นจะลุกขึ้นมาอีกทำไมกัน 
             
                 
                เด็กชายท่าทางคล้ายดีว่าเมื่อลุกขึ้นยืนได้แล้ว  ก็ใช้มือทั้งสองข้างเกาะกุมกระบี่ของตน  แต่ถึงแม้จะใช้มือทั้งสองข้างช่วยกันแล้วก็ตาม    ก็ยังคงไม่สามารถถือกระบี่ให้มั่นได้ 
                  กระบี่ในมือเด็กชายสั่นเอนไปเอนมาราวกับสามารถตกลงได้ทุกเมื่อ 
                มีบ้างบางคนถึงแม้เจ็บปวดแสนสาหัสเพียงใด  ก็ตามคนผู้นั้นก็ยังสามารถลุกขึ้นยืนขึ้นได้เสมอ  นั่นเป็นเพราะคนผู้นั้นมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นในใจนั่นก็คือ    “ ความหวัง ”
                เด็กชายคนนั้นก็เช่นเดียวกัน 
       
                ชายเจ้าของสายตาเย็นชาคู่นั้นยังคงจับจ้องที่เด็กชายคนนั้นอย่างเกลียดชัง  พร้อมกับกำกระบี่ในมือแน่น       
                “ แกนี่มันน่าสมเพชดีแท้  !!    คิดหรือว่าพี่ชายของแกจะสามารถช่วยแกได้  ”
                ชายคนนั้นคล้ายกับพยายามสะกดความโกรธแค้นในจิตใจของตัวเองไม่ให้พลุกพล่านออกมา  แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทำได้      ชายคนนั้นเตรียมพร้อมจะลงมืออีกครั้งหนึ่งแล้ว
                “  ผมจะ........ไม่...ยอม.......ให้คุณ......มา.......ดู......ถูก........พี่ชาย.........ผม ”
                เด็กชายพูดออกมาอย่างสุดฝืน
                ชายคนนั้นเมื่อได้ยินก็สะกดอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่แล้ว    ตวัดกระบี่ใส่เด็กชายคนนั้นทันที 
                สภาพร่างกายของเด็กคนนั้นตอนนี้ หรือยังจะสามารถปัดป้อง  หลบหลีกกระบี่นี้ได้อีก 
                ย่อมไม่ได้แน่นอน
                แต่ทว่าเด็กชายคนนั้นแม้แต่อาการพยายามจะหลบหลีกก็ไม่มีแม้แต่น้อย  กลับยังยืนนิ่งเตรียมรับกระบี่นั้นแล้วอย่างไม่เกรงกลัว 
                   
                 
                  “ ชิ้ง !!! ”
                  กระบี่ของชายคนนั้นถูกรับไว้ได้ด้วยกระบี่ของชายอีกคนหนึ่ง    ไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาเสี้ยววินาทีจะมีใครสามารถออกรับกระบี่นี้ได้
                  ชายเจ้าของสายตาเย็นชาตะลึงตะลานแล้ว    คราวนี้ผู้ที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาที่เย็นช้ากลับเป็นเขาเอง      ผู้ที่จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาก็คือ ชายผู้ซึ่งออกมารับกระบี่นั้นเอง
                พริบตานั้นเองร่างกายของชายเจ้าของสายตาเย็นชาคล้ายชาด้าน    ดูเหมือนชายผู้ซึ่งรับกระบี่นั้นสร้างความตื่นกลัวให้เขาอย่างยิ่งยวด
                  กระบี่ของทั้งสองยังคงประสานกันอยู่เช่นนั้น  แต่ชายผู้ซึ่งออกรับกระบี่มองที่ชายผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชาสุดจะบรรยายได้  ความโกรธ  ความเดือดดาลที่ก่อตัวขึ้นในสายตานั้นสุดที่จะบรรยายได้         
                  “ แกทำอะไรกับน้องชายของฉัน  !!!! ”
                  ชายผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา  ซึ่งดูเหมือนจะพยายามข่มกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ให้ได้        แน่นอนว่าชายอีกคนนั้นพูดไม่ออกแล้ว     
                  “ เช้ง !!! ”
                  กระบี่ในมือของชายคนแรกถูกสลัดออกไปจากมือแล้ว      กระบี่ลอยอยู่เหนือศีรษะของทั้งสอง    แต่ทันใดนั้นประกายกระบี่ก็วูบขึ้น         
                    กระบี่ที่ถูกตวัดลอยกลางอากาศเมื่อสักครู่ถูกกระบี่อีกเล่มหนึ่งตัดหักเป็นหลายท่อนแล้ว !!!
                    ชายผู้ซึ่งเพิ่งมาถึงก็คงเป็นพี่ชายของเด็กชายคนนั้นนั่นเอง 
                    เด็กชายตาแดงกล่ำค้ลายกับจะร้องไห้  แต่พยายามกลั้นเอาไว้        พี่ชายค่อยๆ ลูบหัวน้องชายตัวเองอย่างทะนุถนอมราวกับที่นั่นไม่มีชายคนเมื่อสักครู่นี้ยืนอยู่เลย     
                  สายตาของพี่ชายเปลี่ยนไปราวกับคนละคน  เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลอ่อนหนาว    ดูก็รู้ว่าเขาเองรักน้องชายตัวเองถึงเพียงไหน
                  “ อย่าร้องไห้นะ  เป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งนะเข้าใจไหม ”
                    ได้ยินอย่างนี้ น้องชายกับแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว 
                    “ ดีมากๆ  เข้มแข็งไว้นั่นแหละ  ถึงจะสมเป็นน้องพี่หน่อย ”
                    พี่ชายยังคงปลอบน้องชายต่อไปโดยไม่สนว่าน้องชายเขาจะพูดกับเขาบ้างหรือไม่    และไม่สนสายตาอาฆาตที่จ้องมองมายังเขาเช่นกัน
                  “ รอสักครู่นะ พี่ขอจัดการธุระกับคนที่มารังแกน้องชายของพี่หน่อย ”
                   
                  พี่ชายสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว  กลายเป็นเย็นชาอย่างสุดๆ    แต่ว่าชายที่ถูกทำลายกระบี่ทิ้งก็เปลี่ยนไปเช่นกัน  เปลี่ยนไปเป็นแฝงแววอาฆาตอย่างบอกไม่ถูก    คล้ายลืมความเกรงกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้แล้ว
                  “ แก......... แกบังอาจทำลายกระบี่สุดรักของฉัน ”
                  ชายคนนั้นกล่าวอย่างเคียดแค้นสุดบรรยาย  สายตาจับตจ้องไปยังพี่ชายราวกับอยากจะฆ่าเขา 
                  “ แค่กระบี่สวะอย่างนั้นยังน้อยเกินไป  ที่แกทำร้ายน้องชายฉัน  แกต้องชดใช้ ”
                    “ กระบี่สวะ !!!  ”          ชายคนนั้นเมื่อได้ยินคำนี้ก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว    ถ่าโถ่มออกไปคิดที่จะฆ่าพี่ชายของเด็กคนนั้นในทันที
                หมัดของชายคนนั้นไม่นับว่าเชื่องช้าแต่อย่างใด    แต่เมื่อต่อยมาใส่พี่ชายก็กลายเป็นเชื่องช้ายิ่งแล้ว    หมัดของชายคนนั้นไม่ถูกตัวของพี่ชายเลยแม้แต่น้อย      ทำให้เขาต้องเสียหลักแทบล้มลงไป
                “ ปัก !!! ”
                สันมือของพี่ชายฟาดใส่สันคอของชายคนนั้นเข้าอย่างจัง    อาจจะดูไม่รุนแรงมาก    แต่ความจริงแล้วพี่ชายแทบใส่พลังทั้งหมดลงไปในฝ่ามือเมื่อสักครู่แล้ว    ยังดีที่เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ได้ไม่ใส่พลังลมปราณไปให้หมด  มิเช่นนั้นชายคนนั้นอาจจะต้องหลับไปตลอดกาล......... 
                  ชายคนนั้นล้มลงหมดสติไปในทันที 
                  พี่ชายไม่แยแสแม้แต่น้อย  เดินกลับไปหาน้องชายตัวเองอย่างช้าๆ
                  “ พี่บอกแล้วใช่ไหม  ว่าอย่าไปยุ่งกับพวกมัน    นี่ดีนะที่พี่ตามมาทัน ”
                  “ ผม.....ผมขอโทษครับ  แต่ว่าพวกมันว่าพี่นี่ครับ ”
                  พี่ชายยิ้มอย่างหายสงสาร
                  “  อืม ไม่เป็นไรนะ  งั้นเดี๋ยวพี่จะพาไปส่งที่บ้านนะ ”
     
                    “ เฮ้ย ตื่นๆๆ ”
                  ชายที่ถูกสันมือฝาดใส่ค่อยๆ ได้สติขึ้นมา        ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา  ทั้งๆที่แค่เพียงถูกสันมือไปที่สันคอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
                  “ แกไปโดนอะไรมาวะ ” 
                  ชายอีกคนท่าทางจะเป็นเพื่อนของเขาถาม 
                  “ ข้าพลาดท่าให้กับไอ้เจ้าแดชน่ะสิ ”
                  เพื่อนของเขาส่ายหน้าเมื่อได้ยิน
                  “ แกนี่เสียชื่อโรงเรียนเราหมด ”
                  พูดพร้อมกับหยิบเศษท่อนกระบี่ที่ยังหลงเหลืออยู่ขึ้นมาดู
                “ แต่ดูท่าเจ้านั่นก็ร้ายกาจสมชื่อจริงๆ  แม้แต่กระบี่วิญญาณของแกมันยังทำลายได้ ”
                เมื่อนึกขึ้นได้ว่ากระบี่ของตนถูกทำลาย ชายคนนั้นก็โมโหขึ้นในทันที
                  “ คอยดูเถอะ  มันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่มันทำลงไป !!! ”
     
                พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงยามรัตติกาล    ความมืดคล้ายถูกแสงของดวงจันทร์ส่องให้สว่างขึ้น    เด็กชายคนหนึ่งยังคงฝึกกระบี่อยู่บริเวณสวนหลังบ้านของเขาอยู่อย่างนั้น        จนกระทั่งพี่ชายของเขามาเห็นเข้า
                “ ขยันจริงๆ นะ  อย่างนี้อีกหน่อยท่าทางจะเก่งกว่าพี่แน่เลย ”
                “ ไม่หรอกครับ  ผมไม่มีทางเอาชนะพี่ได้หรอกครับ ”
                พี่ชายตบหัวน้องชายเบาๆ ไปหนึ่งที
                “ อย่าพูดอย่างนี้สิ  พี่ไม่ใช่คนเก่งหรอกนะ  พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็เอาชนะพี่ไม่ได้จริงๆ หรอก ”
                “ แต่ว่าพี่สามารถจัดการกับเจ้านั่นได้นี่ครับ ”
                “ ก็เพราะว่าพี่มีคนที่จะต้องปกป้องอยู่น่ะสิ  แล้วอีกอย่างเจ้านั่นมันโตกว่าน้องตั้งหลายปีนะ ”
                น้องชายนิ่งเงียบไปสักพัก 
                “ ถ้าอยากเก่งเหมือนพี่ละก็  พี่จะสอนเพลงกระบี่ให้หนึ่งเพลงนะเอาไหม  เป็นเพลงกระบี่ที่ใช้ไม่ให้ใครมาข่มเหงเราได้ ”
                  “ จริงหรอครับ  อยากสิครับ  ผมอยากจะเก่ง  ผมอยากปกป้องคนที่ผมรัก  ผมไม่อยากให้ใครมาข่มเหงผม ”
                  พี่ชายยิ้ม 
                  “ แต่ต้องสัญญานะว่าจะทำตามที่พี่พูดทุกอย่าง ”
                  “ ผมสัญญาครับ ”
                  “ เพลงกระบี่ที่พี่จะสอนไม่ใช่เพลงกระบี่ธรรมดานะ  มันเป็นเพลงกระบี่ไม้ตายของพี่เลยทีเดียวละ  และมันก็ไม่ได้ฝึกฝนได้ในเวลาอันสั้นด้วยสิ  อาจบางทีต้องใช้เวลาเป็นปีเลย  แต่ถ้าฝึกแล้วต้องห้ามท้อเด็ดขาดเข้าใจไหม ”
                  “ ครับพี่  ผมจะไม่ท้อแท้  ผมจะฝึกให้ได้ไม่ว่ามันจะนานเท่าไร  และถ้าผมโตขึ้นผมจะเข้าโรงเรียนเดียวกับพี่  ผมจะเข้าชมรมจ้าวกระบี่เหมือนพี่  แล้วสักวันผมจะเก่งเหมือนพี่ให้ได้ครับ ! ”
                  “ กว่าจะเข้าพี่ก็คงจะจบไปแล้วละนะ  แต่ถ้าถึงเวลานั้นอย่าเก่งเหมือนพี่นะ  ต้องเก่งกว่าพี่ให้ได้รู้ไหม ”
                  พี่ชายมองขึ้นไปยังดวงจันทร์จากนั้นก็กล่าวต่อ
                  “ เพลงกระบี่ที่พี่จะสอนให้มีชื่อว่า  หมื่นกระบี่เหริสุริยัน จันทรา ”
                  น้องชายมีท่าทีดีใจ  แต่เมื่อคิดได้เรื่องหนึ่งก็ต้องทำหน้าเศร้าขึ้นมาในทันที
                  “ แต่ว่าอีกไม่กี่วันพี่จะต้องแข่งประลองอาวุธระหว่างสถาบันแล้วไม่ใช่หรอครับ  ยิ่งพี่จะต้องสู้กับเจ้าพวกนั้นอีกด้วย  แล้วพี่มาสอนผมอย่างนี้.............”
                  “ อีกไม่กี่วันจะแข่งแล้วจะเป็นไร  จะดูถูกแดช หมื่นกระบี่เหริที่หนึ่งแห่งชมรมจ้าวกระบี่คนนี้ไปแล้วนะ ฮ่าๆๆ  ”
                แดชหัวเราะอย่างเล่นๆ       
             
                “ หมื่นกระบี่สุริยัน จันทราเหริ !!!  ”
                  ดีว่าพลันกลับมามีสติอีกครั้งหนึ่ง    ดาบท่อนไม้เมื่อสักครู่ฟาดถูกเขาอย่างจัง    ทำให้เขาล้มลงหมดสติไปเสี้ยววินาที    แต่มือของเขายังคงกำกระบี่แน่นไม่ยอมปล่อย  ร่างกายของเขาบาดเจ็บไม่น้อย
                “ ลุกขึ้นมาสิ “  เสียงเพรียกจากส่วนลึกของจิตใจเขาพูดขึ้นมา  ดีว่าค่อยๆ ลุกขึ้นมาแล้ว    ท่าทางที่ลุกขึ้นมานั้นเหมือนกับเด็กชายคนคนนั้นไม่มีผิด      ภาพของเด็กชายคนนั้นคล้ายกับซ้อนขึ้นมาประสานรวมกับร่างของดีว่า 
                ใช่แล้ว !!!  เด็กชายคนนั้นก็คือ ดีว่า เมื่อในอดีตนั่นเอง  เป็นดีว่าเมื่อตอนเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2  ก่อนที่จะมาเข้าโรงเรียนอับดุล อินเตอร์ !!!     
                ไม่ว่าใครก็สังเกตได้ว่าแววตาของดีว่าเปลี่ยนไป  ไม่ใช่สายตาที่เคียดแค้น  แต่กลับเป็นสายตาที่มีความหวัง  มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ปรากฎขึ้นแล้ว 
                 
                  ไซโคร แนชได้แต่ยิ้มแล้ว  ดูเหมือนเขาจะสังเกตออกเช่นกันว่าดีว่าคงจะเอาจริง จริงๆ แล้ว
                  ดีว่าลุกขึ้นยืนพร้อมกับตั้งท่ากระบี่แล้ว    เขาแย้มยิ้มนิดหน่อย  พร้อมกับก้มหน้าเหมือนพูดอะไรอยู่กับตัวเอง
                  “ พี่ครับ ผมจะแสดงให้ดูว่าผมเข้มแข็งขึ้นแล้วนะครับ ”
                  พริบตานั้นเองร่างของดีว่าคล้ายมีเงาร่างของพี่ชายซ้อนขึ้นมาช่วยตั้งท่ากระบี่ด้วย 
                  “ เจ้านั่นคงจะเอาจริงแล้วสินะ ”
                  ไซโคร แนชคิดกับตัวเองในใจ  พร้อมกับเตรียมพร้อมเข้าโจมตีอีกครั้งหนึ่งแล้ว 
                  ดีว่าโคจรลมปราณเตรียมพร้อมแล้ว        “ ไปละนะครับพี่......... ”
                  พริบตานั้นเองเงาร่างของดีว่า และไซโคร แนชพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วสูงราวกับนัดกันไว้      ดาบท่อนไม้ทั้งสองของไซโคร แนชฟันใส่ดีว่าอย่างรวดเร็ว  แต่ร่างของดีว่าที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าไซโคร แนชได้หายไปแล้ว           
                  ดีว่าหายไปไหนแล้วละ ?  ข้างหลัง ข้างซ้าย หรือข้างขวาของไซโคร แนชละ ?
                  ไม่ใข่ !!! ดีว่าอยู่ข้างบนต่างหาก!!!
                  ร่างของดีว่าลอยอยู่กลางอากาศ  เหตุการณ์คล้ายเปลี่ยนเป็นภาพช้าอีกครั้งหนึ่ง    แม้แต่ไซโคร แนชยังต้องตกใจกับระดับความเร็วของดีว่า
                  “ เพลงกระบี่.........!!!! ”
              ดีว่าตะโกนขึ้นพร้อมกับร่างที่เริ่มหมุนตัวกลางอากาศด้วยความเร็วสูง  ราวกับจะหมุนเป็นสว่านเจาะลงใส่ไซโคร แนชยังไงยังงั้น   
                  “ หมื่นสุริยัน จันทราเหริ !!!! ”
               
                  ภาพทุกอย่างคล้ายหยุดนิ่งไปกับกาลเวลา  “ พี่ครับ ผมเก่งขึ้นหรือยังครับ ”  ดีว่ายิ้มอย่างหมดแรงก่อนจะหมดสติไป 
                  แล้วไซโคร แนชละ ?
                  มีคนเดียวที่รู้เหตุการณ์นั่นก็คือ วา นั่นเอง    วาเองก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน  แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้แล้ว  แม้ไซโคร แนชจะไม่หมดสติไปก็ตาม  แต่สำหรับวาแล้วละก็ ..
                  ไซโคร แนชแพ้แล้ว !!!
                   
                  ภาพที่วาเห็นเมื่อสักครู่นี้ก็คือ ดีว่ากระโดดขึ้นหมุนตัวด้วยความเร็วสูง  ปลายกระบี่ท่อนไม้กลายจะพุ่งลงใส่ไซโคร แนชในทันที    แต่ไม่ใช่เพียงท่อนเดียว  กระบี่ท่อนไม้ที่พุ่งลงใส่ไซโคร แนชคล้ายกับมีหมื่นกระบี่ !!!
                  ไซโคร แนชไม่สามารถรับการโจมตีของดีว่าได้เลยจริงๆ  ดาบท่อนไม้ทั้งสองหักออกเป็นหลายส่วน    ตัวไซโคร แนชก็ถึงกับล้มลงแล้ว  เพียงแต่ยังไม่หมดสติเท่านั้น
                    ความเจ็บปวดของไซโคร แนชตอนนี้นับว่าไม่มีคำบรรยายได้จริงๆ  นี่ถ้าเขาไม่สามารถโคจรลมปราณสายฟ้าได้ทันละก็คงต้องหมดสติไปแล้ว    เขานับว่าประมาทดีว่าไปจริงๆ 
                    ไม่นานนักเมื่อดีว่าได้สติขึ้น  ก็พบกับไซโร แนชซึ่งนั่งพิงกับต้นไม้ใหญ่หน้าพอหักกับวาแล้ว 
                  “ ผมเป็นฝ่ายแพ้สินะครับ ”
                    ดีว่าทั้งๆ ที่เพิ่งได้สติกลับถามเรื่องผลการต่อสู้ในทันที 
                  “ ไม่หรอก  คนที่แพ้น่ะข้าต่างหาก ”
                  “ จริงหรอครับเนี่ย  แต่ว่าผมหมดสติไปนะครับ ”
                  “ ไม่หรอก ข้ายอมรับว่าคราวนี้ข้าแพ้จริงๆ ”
                  “ งั้นก็หมายความว่ารุ่นพี่.........”
                  “ ตามสัญญาข้าจะร่วมทีมกับพวกเจ้าเอง ”
                    ไซโคร แนชยิ้มอย่างอบอุ่น ราวกับไม่ใช่ไซโคร แนชจริงๆ  แต่ขณะที่วากำลังจะร้อง เย้  ออกมานั้นเขาก็กล่าวต่อ
                  “ แต่ว่าข้าจะร่วมทีมในฐานะตัวสำรองเท่านั้นนะ ”
                    “ หาาา    ทำไมละครับ ”
                    วารีบถามกลับ
                    “ ก็ตามที่ตกลงกันไว้เจ้าไม่ได้บอกนี่ว่าข้าต้องเป็นตัวจริง  ข้าแค่บอกว่าชนะข้าได้แล้วข้าจะเข้าร่วมทีมด้วยเท่านั้น  หรือถ้าเจ้าข้องใจจะสู้กับข้าใหม่ก็ได้นะ  ถ้าชนะข้าได้จะยอมเป็นตัวจริง ”
                  “ มะ ไม่ละครับ  แค่ดูก็จะแย่แล้วละครับ ”
                  “ ส่วนเจ้าก็คงจะไม่ข้องใจใช่ไหม ”
                  ไซโคร แนชหันหน้าไปถามดีว่า 
                    “ ไม่หรอกครับ  แค่ได้รุ่นพี่มาร่วมทีมด้วยก็ยินดีอย่างยิ่งแล้วละครับ  แล้วอีกอย่างเมื่อกี้ผมก็เป็นฝ่าย.............”
                    “ ฝ่ายชนะ !! ”
                    ไซโคร แนชสวนขึ้นมาก่อนที่ดีว่าจะพูดจบ
                  ”  อย่าพูดว่าเจ้าเป็นฝ่ายแพ้อีกเข้าใจไหม  ” 
                  “ ถ้าอย่างนั้นถือว่าผมชนะใจรุ่นพี่ก็แล้วกันละครับ ”
                  “ เจ้านี่มันดื้อจริงๆ นะ”
                  ทั้งสามหัวเราะพร้อมๆกัน  ไซโคร แนชรู้สึกว่าเริ่มสนุกกดับรุ่นน้องสองคนนี้บ้างแล้วสิ  เขาคล้ายลืมเรื่องราวในอดีตของตัวเองไปชั่วครู่
                  ดีว่าแทบไม่เชื่อเลยว่าเมื่อครู่ตัวเองสามารถเอาชนะไซโคร แนชได้  ยังไงเขาก็ยังคิดอยู่ดีว่าถ้าไซโคร แนชไม่ประมาทเมื่อสักครู่นี้  เขาอาจจะเป็นฝ่ายแพ้ไปแล้วก็ได้  แต่สิ่งที่ทำให้เขาภูมิใจที่สุดก็คือ  เขาสามารถใช้เพลงกระบี่หมื่นกระบี่สุริยัน จันทราเหริสู้กับไซโคร แนชได้
                มันทำให้ดีว่านึกว่าพี่ชายของเขาแดช  และก็เหตุการณ์ในอดีต
                แต่ว่าเมื่อนึกถึงตอนนี้ดีว่าได้แต่ถอนใจแล้ว    เพราะมันทำให้เขานึกถึงวันนั้นด้วย
                วันประลองอาวุธระหว่างสถาบัน  เมื่อพี่ชายของเขาเข้ารอบชิงสี่คนสุดท้าย    ทั้งๆที่พี่ชายของเขาเป็นที่หนึ่งแห่งชมรมจ้าวกระบี่แท้ๆ    แต่กลับต้องมาผ่ายแพ้ให้แก่ชายผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างหมดท่า    ตอนนั้นเขาแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลย 
                  ภาพพี่ชายล้มลงต่อหน้าเขายังคงติดตา    แต่ที่ทำให้เขาแทบไม่เชื่อเลยก็คือ  คนที่สามารถล้มพี่ชายของเขาลงได้เป็นเพียงแค่เด็กมัธยมศึกษาปีที่ 3  เท่านั้นเอง       
                  วันนั้นหลังจากการประลองเสร็จสิ้น    ดีว่าก็เริ่มต้นฝึกฝีมือตนเองอย่างจริงไม่ว่าจะเป็นทั้งการเรียน และเพลงกระบี่    เขาเพียงหวังว่าสักวันจะได้ประลองกับคนที่สามารถโค่นพี่ชายของเขาลงให้ได้     
                  เขายังจำภาพเหตุการณ์หลังประลองเสร็จได้เลย  พี่ชายของเขาบาดเจ็บสาหัสแม้จะใส่ชุดเกราะก็ตาม  ทำให้ต้องพักรักษาตัวอยู่เกือบสามวัน  แสดงว่าเด็กคนนั้นมีพลังลมปราณไม่ธรรมดาทีเดียว  แถมยังเป็นมือกระบี่เช่นเดียวกันกับเขาด้วย 
                  หลังจากการประลองอาวุธได้ไม่นานนัก พี่ชายของเขาก็จบมัธยมศึกษาปีที่ 6    และพี่ชายของเขาถูกส่งให้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่นั้นมาเป็นระยะเวลาสามปีจนถึงวันนี้  เขาเองก็ยังไม่ได้พบกับพี่ชายของเขาเลย       
                  แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังคงจำได้แม่นยำก็คือ  สิ่งที่พี่ชายบอกกับเขาไว้ในห้องพักผู้บาดเจ็บนั่นก็คือ 
                “ พี่ขอโทษด้วยนะ  ที่พี่ไม่สามรถเอาชนะการประลองได้  แต่ขอให้รู้ไว้อย่างว่าถึงแม้เด็กนั่นจะอยู่แค่ม.3 แต่พี่ก็เอาจริงอย่างสุดความสามารถแล้ว    พี่เชื่อว่าสักวันน้องอาจจะมีโอกาสได้สู้กับเขาก็ได้  และเมื่อนั้นช่วยแก้หน้าให้พี่ด้วยนะ ”
                พี่ของเขาพูดอย่างยิ้มๆ  แต่ดวงตาเริ่มแดงก่ำแล้ว  แสดงว่าก็เจ็บใจเหมือนกับที่ต้องพ่ายแพ้           
                ดังนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ดีว่าจำได้แม่นยำก็คือ      ชื่อของเด็กม.3 ที่ล้มพี่ชายของเขาได้  ใช่แล้วละ........       
                “ เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อ  ซากุระ !!! “
            ( กลับสู่เนื้อเรื่องหลักดังเดิม )    x การที่ผมได้ให้มีการเลือกเนื้อเรื่องความจริงก็แอบแฝงปรัชญาที่ยิ่งใหญ่ไว้ให้ด้วยนะครับ  นั่นก็คือ ในชีวิตของคนเรานั้นทุกอย่างไม่ได้มีทางออกเพียงอย่างเดียว  มันสำคัญอยู่ที่การก้าวเดินของเรา  ไม่ว่าเราจะเลือกทางใดทางหนึ่งไปนั้นขอให้ก้าวไปอย่ายอมแพ้  สักวันเราก็จะผ่านไปทางนั้นไปได้สักวัน  ขอให้เป็นเพียงเป็นทางที่ดี  หรือถ้าเดินทางผิดก็สามารถเลือกเดินทางใหม่ได้  อย่างคำพูดที่ว่า  “ ชีวิตลิขิตเอง ”  x
              และแล้วในที่สุดทีมประลองอาวุธของดีว่าก็สามารถตั้งขึ้นมาจนได้ในที่สุด    และดูเหมือนว่าอุปสรรคที่แท้จริงกำลังจะค่อยๆ เริ่มต้นขึ้นต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงที่ชื่อ ซากุระ  หรือคู่ต่อสู้สุดโหดอีกหลายคน
                ทีมของดีว่าจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปได้หรือไม่  ไม่มีผู้ใดรู้    มีเพียงทางเดียวที่สามารถรู้ได้  นั่นก็คือ    เมื่อเวลานั้นมาถึงนั่นเอง !!!
               
               
               
                                            _________________________________________
                 
               
               
                 
                   
                     
                 
                 
                   
                   
                   
                 
     
             
 
         
         
         
 
           
           
           
              “ กระบวนท่าที่สิบสาม วายุพิชิตอัสนี  “ 
              คำพูดนี้เมื่อออกมาจากปากของดีว่าแล้ว คล้ายกับมีพลังพิเศษขุมหนึ่งพุ่งออกตามมาด้วย    ขณะนี้โลกคล้ายหยุดนิ่งลงอีกครั้งหนึ่ง        นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากจะคาดเดาได้เลยว่าใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่ ?
              วาได้แต่ยืนนิ่งมองทางไซโคร แนช ทีและดีว่าที    หากมีคนให้เขาพนันข้างใดข้างหนึ่งแล้วละก็เขาขอยอมไม่พนันเลยเสียดีกว่า    เนื่องจากโอกาสที่เขาจะได้นั้นมีเพียงแค่ ห้าสิบต่อห้าสิบเท่านั้น   
              มีบ้างบางคนบอกว่าการพนันถ้าเราไม่เป็นฝ่านเสียเปรียบบ้างแล้วละก็  การพนันก็จะไร้ซึ่งรสชาติ  บางคนถึงกับไม่เรียกว่าเป็นการพนันเลยก็ว่าได้      มีบ้างบางคนบอกว่าการพนันหากไม่มั่นใจถึงระดับเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ต่อสามสิบเปอร์เซนต์แล้วอย่าได้พนันเลยจะดีกว่า   
              แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดี  การพนันไม่ใช่สิ่งที่ดี  อย่างคำกล่าวที่บอกว่า  “ การพนันไม่เคยทำให้ใครรวย “ นั่นเอง         
              แล้วสำหรับท่านเองละ  ถ้าหากเลือกได้ละก็จะเลือกใครเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้กันแน่ ?
             
              เลือก 1  ไซโคร แนชชนะ
            เลือก 2    ดีว่าชนะ
              (  หมายเหตุ ; การเลือกทั้งสองทางเลือกนี้ไม่ว่าท่านจะเลือกให้ใครชนะก็ตามจะไม่มีผลต่อตัวเนื้อเรื่องแต่อย่างใด  )
           
             
              เลือก 1    ไซโคร แนชชนะ
             
              ในที่สุดความสงบนิ่งก็ยุติลงแล้ว  เมื่อดีว่าเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี      ความรวดเร็วในการจู่โจมออกนั้นเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวเลยทีเดียว        ส่วนไซโคร แนชเบิกตาพร้อมตั้งท่าเตรียมรับการจู่โจมอยู่แล้ว 
                ดีว่านั้นเมื่อพุ่งถึงตัวไซโคร แนชได้ก็ใช้ออกด้วย กระบี่ท่าวายุพิชิตอัสนี    กระบวนท่าใช้ออกด้วยความรวดเร็ว  ไร้ทิศทางจับได้ราวกับสายลมสมชื่อกระบวนท่าจริงๆ 
              หากไซโคร แนชไม่ถึงสมาธิออกมาใช้อย่างเต็มที่แล้วละก็  ยากที่จะปัดป้องการโจมตีของดีว่าได้เลยทีเดียว 
              “ มีเท่านีแองรึ กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนี สายลมหรือจะสามารถพิชิตสายฟ้าได้ ”
              “ พิชิตได้หรือไม่ได้ไว้ถึงตอนนั้นก็รู้ผลเองละครับ ”
              ทั้งสองแม้ต่อสู้กันอย่างสุดความสามารถแต่ก็ยังไม่วายแอบพูดคุยกันบ้าง    หากตอนนี้ไม่ว่าไซโคร แนชหรือดีว่าเสียสมาธิแม้แต่นิดเดียว  คนนั้นจะต้องเป็นฝ่ายผ่ายแพ้อย่างแน่นอน
              กระบี่ท่อนไม้ของดีว่าคล้ายไม่ใช่กับท่อนไม้แล้ว  แต่ถึงกับคล้ายสายลมเลยทีเดียว    กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีเคล็ดวิชาที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่ความรวดเร็วเพียงอย่างเดียว  แต่กลับอยู่ที่การเคลื่อนไหวที่ไร้ทิศทาง  ซ้ายทีขวาที จู่โจมบน จู่โจมล่างสลับกันไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าที่แน่นอน ไร้ทิศทางจับได้  หรือพูดง่ายๆก็คือ ใช้หลักการไร้ลักษณ์ซึ่งเป็นสุดยอดเคล็ดวิชานั่นเอง 
              แรกๆ นั้นวาเองก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่า กระบวนท่านี้จะช่วยทำให้ดีว่าเอาชัยไซโคร แนชได้อย่างไร    แต่ในตอนนี้วาเริ่มดุออกแล้ว    ความเร็วในการแทงออกของกระบี่ท่อนไม้ของดีว่าเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  คล้ายกับการเกิดของพายุนั้นเอง    แรกเริ่มก่อนที่จะเกิดพายุนั้นก็เกิดจากการหมุนของลมเพียงเล็กน้อย  แต่ภายหลังเมื่อลมหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก็ก่อตัวกลายเป็นพายุในที่สุด
              ดีว่าเมื่อแทงออกไปหนึ่งกระบี่ก็คล้ายกับมีมืองอกเงยออกมาจ้วงแทงเพิ่มอีกสองกระบี่    หากเป็นผู้อื่นแล้วละก็ไม่มีทางรับมือดีว่าได้ขึ้นขนาดนี้แล้ว  แต่ไซโคร แนชกลับแตกต่าง  แม้เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แต่ทว่าไซโคร แนชกลับยิ้มแล้ว 
              “ กระบวนท่าของเจ้าร้ายกาจจริงๆ  แต่คิดว่าจะใช้ไปได้ถึงเมื่อไหร่กันละ ? ”
              ดีว่าเมื่อได้ยินคำพูดของไซโคร แนชก็ถึงกับอดทึ่งไม่ได้  ไซโคร แนชรู้ได้อย่างไรว่ากระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีมีขีดจำกัด 
              กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีแม้กล่าวได้ว่าเกือบถึงขั้นไร้ลักษณ์แล้วก็ตาม แต่ทว่าจุดอ่อนของกระบวนท่านี้ก็มีนั่นก็คือ  แรกเริ่มในการใช้กระบวนท่านั้นช่องโหว่จะมีมากคล้ายกับสายลมที่พัดเบาๆในตอนเริ่มแรกก่อนที่จะเป็นพายุ    ส่วนจุดอ่อนต่อไปก็คือ ผู้ที่ใช้กระบวนท่านี้ต้องรีดเร้นลมปราณจำนวนมากถึงจะใช้กระบวนท่านี้ออกมาได้  โดยต้องโคจรลมปราณไปทั่วร่างกายเพื่อเพิ่มขีดจำกัดในการต่อสู้ให้สูงขึ้น  ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้ไร้ทิศทางเช่นสายลม  กระบวนท่านี้หากใช้จนถึงขั้นสูงสุดก็แทบเรียกได้ว่าไร้ผู้ต่อต้านเลยทีเดียว เฉกเช่นกับพายุลูกใหญ่ที่ก่อตัวขึ้น ไม่ว่าสิ่งของใดๆ ก็ไม่มีทางต้านทานแรงลมของมันได้   
            และนี่จึงนำมาสู่จุดอ่อนสุดท้ายของกระบวนท่านี้ นั่นก็คือ  กระบวนท่านี้เมื่อใช้ถึงขั้นสูงสุดแล้วจะใช้ออกได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น    หากไม่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีอาจใช้ได้เพียงแค่ห้าวินาทีเท่านั้น      ดีว่านั้นแม้จะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี  แต่ก็ยังใช้กระบวนท่านี้ในขั้นสูงสุดได้เพียงแค่ยี่สิบวินาทีเท่านั้น  และหลังจากนั้นพลังลมปราณของผู้ใช้ก็จะลดต่ำลง จนอาจถึงขั้นหมดสิ้นเลยก็ได้  เช่นเดียวกับพายุเมื่อหมดพลังงานก็จะกลับกลายเป็นเพียงแค่สายลมเบาๆ เท่านั้นเอง
            ไซโคร แนชนั้นเข้าใจถึงหลักการของกระบวนท่านี้  ดังนั้นจึงจงใช้ตั้งรับตั้งแต่แรกแล้ว    ในที่สุดกระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีก็ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดของกระบวนท่าแล้ว   
              “ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะใช้กระบวนท่านี้ได้อีกกี่วินาทีหรอกนะครับ  ผมรู้เพียงแต่ว่าตอนนี้การโคจรลมปราณของกระบวนท่านี้มาถึงจุดสูงสุดแล้วละครับ  และผมก็คงจะต้องเอาชนะรุ่นพี่ภายในเวลาอัดจำกัดนี้ให้ได้ !!! ”
              ในที่สุดดีว่าก็แสดงแสงยานุภาพสูงสุดของกระบวนท่านี้ออกมาแล้ว  การโจมตีออกของดีว่านั้นถึงขั้นตามองแทบไม่ทันเลยทีเดียว    พริบตานั้นเองสายลมรอบๆ บริเวณนั้นก็ก่อตัวขึ้น  การก่อตัวของสายลมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนคล้ายเป็นพายุหมุนเล็กๆ แล้ว
                ไซโคร แนชถึงแม้ว่าจะรวดเร็วเพียงใดก็ตาม  แต่ในที่สุดก็เปิดช่องโหว่ให้แก่ดีว่าแล้ว  ทำให้กระบี่ท่อนไม้ของดีว่าฟันเข้าใส่ไซโคร แนชหลายกระบี่    ความรุนแรงของแต่ละกระบี่นั้นเรียกได้ว่า ไม่แตกต่างกัน เพราะต่างก็รุนแรงจนถึงขั้นน่าตื่นตระหนก     
                การถูกดีว่าฟันใส่หนึ่งกระบี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายิ้มได้  เนื่องจากผู้ที่โดนนั้นถ้าไม่ล้มลงไปนอนกับพื้นก็แทบจะหมดสติเลยก็ว่าได้  อย่าว่าแต่ถูกฟันใส่หลายกระบี่เลย  แต่ไซโคร แนชกลับยังยิ้มได้อย่างมั่นใจ    หรือว่าไซโคร แนชไม่รู้สึกเจ็บกันแน่ ?
                สายลมรอบๆ พัดอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  แม้แต่ต้นไม้ใหญ่หน้าหอพักยังต้องพัดไปตามแรงลมของกระบวนท่านี้     
              ในขณะที่กระบี่ท่อนไม้ของดีว่ากำลังจะฟันใส่ไซโคร แนชอีกหนึ่งกระบี่นั้นเอง  ไซโคร แนชก็หายตัวไปแล้ว          ไม่รอให้ดีว่าโจมตีออก หรือแม้แต่ขยับตัว    ดาบคู่ท่อนไม้ของไซโคร แนชก็จู่โจมออกแล้ว  ไซโคร แนชปรากฎตัวที่ด้านหลังดีว่าพร้อมกับแทงดาบท่อนไม้ใส่ตรงกลางหลังของดีว่าเบาๆ  ถึงแม้จะเบาแต่เปี่ยมไปด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง             
              เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในพริบตาเดียวเท่านั้น  แต่ก็หยุดลงภายในพริบตาเดียวเช่นกัน  ดีว่าเมื่อถูกไซโคร แนชแทงใส่กลางหลังเบาๆ หนึ่งดาบก็คล้ายกับหุ่นยนต์  ถึงกับหยุดนิ่งอยู่กับที่ 
              สายลมที่พัดอยู่รอบๆ ตัวของทั้งสองคนก็สงบลงทันที    ดีว่าที่หยุดอยู่กับที่คล้ายกับหมดสติแล้ว    กระบี่ท่อนไม้ในมือของดีว่าล่วงหล่นสู้พื้น  พร้อมกับดีว่าที่ล้มลงเช่นกัน    แต่ดีว่าไม่ได้ล้มลงไปพร้อมกับกระบี่  เนื่องจากมีมือสองข้างโอบรับตัวดีว่าไว้  เป็นมือของไซโคร แนชนั่นเอง 
              ในที่สุดการตัดสินแพ้ชนะก็ปรากฎออกมาแล้ว  ผู้ชนะก็คือ ไซโคร แนชนั่นเอง !!!
          วาเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้ว่า ไม่มีทางเอาชนะไซโคร แนชได้แล้ว  เขาได้แต่ทิ้งดาบลงกับพื้น  พร้อมกับค่อยๆ เดินเข้าไปหาไซโคร แนชจากนั้นก็ช่วยพยุงดีว่ามานอนพิงกับต้นไม้ใหญ่หน้าหอพัก     
              “ รุ่นพี่คงจะไม่ร่วมทีมกับพวกผมแล้วใช่ไหมครับ ”
              ไซโคร แนชไม่ตอบ แต่หันมาพูดกับวา
              “ ยังเหลือเจ้าอีกคนไม่ใช่หรือ  ทำไมไม่ลองดูละ ”
              “ มีเรื่องบางเรื่องที่บางครั้งไม่ต้องกระทำเราก็สามารถรู้ได้เองอยู่แล้วละครับ  ตอนนี้ผมไม่มีทางสู้รุ่นพี่ได้หรอกครับ ”
              “ ถ้าตอนนี้ยังสู้ไม่ได้  งั้นเจ้าหมายถึงอีกหน่อยจะสู้ได้อย่างนั้นรึ ”
              วาได้แต่เงียบแล้ว  ความจริงเขาไม่คิดที่จะสู้กับไซโคร แนช หรือใครตั้งแต่แรกแล้ว   
              “ เอาละ  รอเพื่อนของเจ้าฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังก็แล้วกัน ”
             
             
                  ไม่นานนักดีว่าก็ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา  สิ่งแรกที่ดีว่าเห็นก็คือ  วาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ  และหลังจากนั้นก็คือไซโคร แนชซึ่งยืนหันหลังอยู่ 
                ดีว่าค่อยๆ พยุงตัวขึ้น  โดยมีวาช่วยอีกเรื่องหนึ่ง
                “ รุ่นพี่ครับผม......... ”
                ไม่รอให้ดีว่ากล่าวต่อไซโคร แนชก็หันหน้ามาชิงกล่าวว่า
                “ ผลการต่อสู้ก็ออกมาแล้วนะ  เจ้าเป็นฝ่ายแพ้ ”
                “ ข้อนั้นผมเข้าใจครับ  ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องขอโทษที่ล่วงเกินไปนะครับ  เมื่อผมแพ้แล้ว ก็ต้องตามสัญญา ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวเลยก็แล้วกันนะครับ ”
                “ ช้าก่อน  ข้าไม่ได้บอกว่าถ้าเจ้าแพ้แล้วข้าจะไม่ร่วมทีมกับเจ้านี่    ข้าเพียงแค่บอกว่า  ถ้าเจ้าอยากให้ข้าไปร่วมทีมด้วยต้องเอาชนะข้าให้ได้ ”
                “ รุ่นพี่หมายความว่ายังไงกันครับเนี่ย ”
                “ เห็นแก่ความพยายามของเจ้า  ข้าจะยอมร่วมทีมกับเจ้า ”
                วาได้ยินเช่นนั้นก็ร้อง เย้ ออกมาทันที  ดูเหมือนว่าเขาจะดีใจกว่าดีว่าเสียอีก พร้อมกับกล่าวแทนดีว่า
              “ ขอบคุณมากครับรุ่นพี่ ”
                “ ช้าก่อนอย่าเพิ่งดีใจไปนะ ”
              วาทำหน้างง
              “ ทำไมหรอครับ ”
              “ ข้าจะร่วมมือกับพวกเจ้าในฐานะตัวสำรองเท่านั้นเข้าใจไหม ”
              “ แต่ว่าผมกะจะเป็นตัวสำรองนะครับ  รุ่นพี่เก่งกว่าผมตั้งเยอะทำไมถึงจะเป็นตัวสำรองละครับ ”
              “ ในสัญญาไม่ได้บอกไว้ไม่ใช่เรอะ  แค่ตกลงกันว่าให้ข้าร่วมทีม  หรือถ้าเราข้องใจละก็ข้าออกจากทีมก็ได้นะ ”
              “  ไม่ข้องใจหรอกครับ  แต่ว่า.........”
                ดีว่าจับไหล่วา  คล้ายกับบอกให้รู้ว่าไม่ต้องพูดต่อแล้ว
                “ ขอบคุณมากครับรุ่นพี่  แค่รุ่นพี่เข้าทีมเดียวกับผมก็ขอบคุณมากแล้วละครับ ”
                จากนั้นดีว่าก็กล่าวต่อ
                “ แต่ว่าผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ  รุ่นพี่รู้กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีได้ยังไงกันครับ ”
                “ เหอ  เรื่องแค่นี้ถ้าข้าไม่รู้แล้วละก็  ข้าคงไม่สามารถเป็นถึงพาลาดินได้หรอกนะ  อย่าว่าแต่กระบวนท่านี้เลย    อีกหลายกระบวนท่าไม่ว่าจะเป็นวิชากระบี่  ขวาน หรืออาวุธต่างๆ ข้าก็ศึกษามาเกือบหมดแล้ว  ”
                หากเป็นคนอื่นฟังไซโคร แนชพูดแล้วละก็ต้องหาว่า เขาเป็นพวกชอบโอ้อวดตนเป็นแน่    แต่ความจริงแล้วคำพูดนี้หาได้ผิดแปลกแม้แต่น้อยเลยไม่   
                “ ถ้าอย่างนั้นตอนที่รุ่นพี่โดนผมฟันใส่ก็หมายความว่า รุ่นพี่จงใจหรอครับ ”
                “ ถ้าเป็นตอนนั้นไม่ได้จงใจหรอกนะ  แต่มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ”
                “ ไม่จงใจ  แล้วรุ่นพี่ทนรับกระบี่ของผมได้ยังไงกันครับ ”
                “ เจ้าเองก็รู้ใช่ไหมว่าจุดอ่อนของกระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีคืออะไร ”
                “ รู้ครับ ”
                “ กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีไม่ใช่แค่มีระยะเวลาจำกัดในการใช้  แต่ยังต้องใช้พลังลมปราณอย่างสูงในการใช้ออกมา  โดยผู้ใช้ต้องเกร็งพลังลมปราณไปตามจุดต่างๆ ทั่วร่างกายเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ไร้ทิศทางเช่นสายลม  ดังนั้นหากคิดจะทำลายกระบี่ท่านี้ได้นั้นก็มีเพียงไม่กี่วิธีเท่านั้น 
              บางคนอาจรอจนกระบวนท่าใช้ถึงขีดสุด หรือพูดง่ายๆ ก็คือให้กระบวนท่านี้หยุดลงเอง  แต่คนที่คิดแบบนั้นส่วนใหญ่มักที่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้  เนื่องจากกระบวนท่านี้หากรอถึงตอนท้ายสุดของกระบี่ท่าจริงๆ แล้วละก็จะเป็นการปลดปล่อยลมปราณที่เกร็งอยู่ทุกจุดของผู้ใช้ใส่ศัตรู  ซึ่งถ้าไม่สามารถหลบได้แล้วละก็มีแต่แพ้กับแพ้แน่นอน  ถึงแม้ว่าข้าเองจะมีรีเจเนอเรเตอร์ก็ตามที ข้าก็ไม่คิดที่จะเสี่ยงรอจนถึงขั้นนั้นหรอกนะ 
              วิธีที่ข้าใช้ทำลายกระบวนท่าเจ้าก็คงจะรู้ว่ามันก็คือ  การทำลายจุดเกร็งลมปราณ  หากผู้ใช้ทุกทำลายจุดเกร็งลมปราณไม่ว่าจุดใดจุดหนึ่งแล้วละก็กระบวนท่านี้ก็จะหยุดชะงักลงทันที  ลมปราณก็จะแตกซ่าน  นับว่าเป็นจุดอ่อนสำคัญอย่างยิ่งของกระบวนท่านี้    แต่ว่าการที่จะแทงให้ถูกจุดเกร็งลมปราณนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจากมีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น  และถ้าหากแทงพลาดไปเพียงนิดเดียวก็ไม่สามารถทำลายจุดนั้นได้  แถมอาจต้องเป็นฝ่ายผ่ายแพ้เลยก็ว่าได้        ดังนั้นวิธีนี้จึงค่อนข้างเสี่ยง  แต่ผลที่ตามมาก็คุ้มค่าเช่นกัน ”       
                ไซโคร แนชยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็กล่าวต่อ
                “ ส่วนที่เจ้าถามว่าข้าทนทานกระบี่ของเจ้าได้ยังไงกันนั่นหรอ  นั่นก็เป็นเพราะว่าตอนนั้นเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจว่าจะทำลายจุดลมปราณที่กลางหลังของเจ้ายังไงกันละ    ข้าจึงโคจรลมปราณสายฟ้าขึ้น  แต่ว่าข้าก็ยังไม่เร็วพอถูกเจ้าฟันใส่หลายกระบี่ 
            แต่ละกระบี่เจ็บเกินต้านทานก็จริงแต่เจ้าอย่าลืมว่าข้ามีวิชารีเจเนอเรเตอร์อยู่    พริบตานั้นข้าจึงจำเป็นต้องใช้รีเจเนอเรเตอร์ออกมาความเจ็บปวดก็หายไปชั่วขณะหนึ่ง  พร้อมกันนั้นก็เกร็งพลังลมปราณสายฟ้าขึ้น  ท่าที่ข้าใช้อ้อมไปข้างหลังเจ้าเรียกว่า  เทเลพอต    เป็นการใช้พลังลมปราณสายฟ้ากระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฎิกิรินารีเฟรกขึ้น  ทำให้สามารถเคลื่อนไหวจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งด้วยความเร็วสูงกว่าปกติหลายเท่าตัวได้  ”       
              วาเมื่อได้ยินคำว่า เทเลพอต ก็อดประหลาดใจไม่ได้
              “ อย่างกับพวกหนังการ์ตูน หรือพวกเกมเลยนะครับ  ที่เคลื่อนที่จากอีกที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ”
              “ เหอ  แต่เสียดายที่มันไม่ได้สนุกอย่างที่เจ้าคิดน่ะสิ  จริงอยู่ว่ามันเป็นการเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ด้วยปฎิกิริยารีเฟรก  แต่ก็อันตรายพอสมควรเลยทีเดียว 
            เนื่องจากคนปกติจะไม่มีทางเกิดปฎิกิริยารีเฟรกได้ถ้าหากไม่เจอเรื่องที่จะก่อให้เกิดปฎิกิริยารีเฟรก เช่น  กระตุกมือเมื่อถูกไฟช็อต  หรือเข่ากระตุกเมื่อถูกทุบเข้า    ดังนั้นการใช้ลมปราณสายฟ้าให้เกิดปฎิกิริยารีเฟรกได้นั้นก็จะต้องทำโดยการส่งลมปราณสายฟ้าไปถึงสมอง  ทำให้ร่างกายเกิดปฎิกิริยารีเฟรกขึ้นยังไงละ ”
            “ ฟังแล้วน่ากลัวเหมือนกันนะครับเนี่ย ”
            “ ไม่ใช่แค่น่ากลัวหรอกนะ  ถ้าหากโคจรลมปราณสายฟ้าไปที่สมองผิดพลาด หรือมากเกินไปแล้วละก็ผลที่ต้องตามมา  อย่าให้ต้องคิดเลย ”
          “ มันจะเป็นยังไงหรอครับ ”
          “ ถ้าหากผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียว หรือส่งกระแสไฟฟ้าไปที่สมองมากเกินไปแล้วละก็ขั้นต่ำก็หมดสติทันที  หรือถ้าอย่างแย่ก็เป็นอัมพาตไปเลยละ ”
          “ รุ่นพี่รู้แล้ว ทำไมยังกล้าใช้อีกละครับ ”
          ไซโคร แนชมองไปที่ดีว่าพร้อมกับกล่าว
          “ ก็เพราะว่าเจ้านี่ทำให้ข้ารู้สึกไม่อยากที่จะแพ้ขึ้นมาน่ะสิ ”
          ดีว่าเมื่อได้ยินไซโคร แนชพูดเช่นนี้ก็ได้แต่ยิ้มแล้ว 
          คนเราบางคนครั้งหากเจอคู่ต่อสู้ที่ทำให้เกิดอาการไม่อยากแพ้ขึ้นมาละก็จะเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งขึ้น  บางคนถึงกับเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเลยก็ว่าได้    เนื่องจากในใจคนเหล่านั้นล้วนไม่อยากแพ้  เมื่อใจสู้แล้วไม่ว่าอะไรสักวันหนึ่งก็จะต้องสามารถฟันฝ่าไปได้  ขอเพียงใจไม่ท้อถอยเท่านั้น
            เลือก 2  ดีว่าชนะ
          ทั้งดีว่า และไซโคร แนชยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื่อนตัวแม้แต่น้อย          กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีของดีว่าจะสามารถพิชิตไซโคร แนชได้สมดังชื่อหรือไม่ ?
            สายลมรอบๆ ตัวของทั้งสองเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าต้องการจะมาชมการต่อสู้ของทั้งสองคนนี้ด้วย        สายตาของทั้งสองจ้องมองกันอย่างต่อเนื่องเหมือนกับว่ารอโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามเผลอเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็จะจู่โจมออกไปทนที          แต่ดูท่าว่าทั้งสองคนจะไม่มีท่าทีว่าจะเสียสมาธิ หรือเผลอเลยแม้แต่น้อย   
            ดีว่าเองรู้ดีว่าความจำกัดของกระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีเป็นอย่างไร    กระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีนั้นไม่เพียงแต่ต้องดึงพลังลมปราณของผู้ใช้ออกมาทั้งร่างกายส่งไปยังจุดต่างๆ  เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเคลื่อนไหว    แต่ยังมีจุดอ่อนอีกหลายที่  เช่น  เมื่อกระบวนท่านี้สิ้นสุดพลังลมปราณของผู้ใช้จะหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง  หรืออาจเรียกได้ว่าถ้าไม่สามารถพิชิตคู่ต่อสู้ลงได้ก่อนที่จะเสร็จสิ้นกระบวนท่าก็จะเป็นฝ่ายผ่ายแพ้ไป  และกระบวนท่านี้ก็มีข้อจำกัดของเวลาด้วยเช่นกัน  สามารถใช้กระบวนท่านี้เมื่อถึงจุดสูงสุดของกระบวนท่าได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น 
              ดีว่าคล้ายกำลังคิดว่าควรที่จะใช้กระบวนท่านี้ออกไปจริงๆ ดีหรือเปล่า      ขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้นไซโคร แนชก็พุ่งตรงมาหาเขาแล้ว    ไซโคร แนชคงไม่ต้องการให้ดีว่าใช้กระบวนท่านี้ออกมาดังนั้นจึงรอจังหวะเป็นฝ่ายจู๋โจมเพื่อทำลายไม่ให้กระบวนท่านี้ใช้ออกได้
              ดาบท่อนไม้ทั้งสองพุ่งปราดไปยังดีว่าด้วยความรวดเร็ว  ในที่สุดกระบวนท่าวายุพิชิตอัสนีก็ถูกทำลายลงแล้ว  ตั้งแต่ที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา    ดีว่าต้องคอยรับการโมตีของไซโคร แนชไปเรื่อยๆ
              การโจมตียิ่งมายิ่งรวดเร็ว  คราวนี้ฝ่ายที่เสียเปรียบท่าทางจะเป็นดีว่าเสียแล้ว    ดีว่าคิดเสียใจกับตัวเองที่เกิดความลังเลจนทำให้ถูกทำลายการตั้งกระบวนท่าไป    ดังนั้นตอนนี้ดีว่าได้แต่เป็นฝ่ายรับการโจมตีเสียแล้ว  เขาเองก็ยังคิดไม่ออกเช่นกันว่าจะใช้วิธีไหนเพื่อโค่นไซโคร แนช 
         
            “ วูบ !!! ”
            ดีว่าก้มหลบดาบท่อนไม้ของไซโคร แนชได้อย่างหวุดหวิด    หากเมื่อสักครู่นี้เขาช้าไปเพียงนิดเดียวละก็ผลที่ตามมาเป็นที่คาดคิดได้         
            ทันใดนั้นเองดาบท่อนไม้ของไซโคร แนชวกกลับเข้าหาตัวดีว่าอย่างรวดเร็ว      เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว   
            แต่สำหรับดีว่าแล้วกลายเป็นภาพที่ค่อยๆ เคลื่อนไหวเท่านั้นเอง    หรือนี่จะเป็นจุดจบของดีว่า ?  หรือว่าเขาจะไม่สามารถหลบดาบท่อนไม้นี้ได้จริงๆ ?
           
             
             
                “ ปัก !!!! ”
                เด็กชายท่าทางคล้ายดีว่าคนหนึ่งล้มลงกับพื้น  แต่ถึงกระนั้นกระบี่ในมือของเขาก็ยังคงกำแน่นอยู่ในมือ    ราวกับว่าหากกระบี่ในมือของเขาหลุดออกจากมือเมื่อไหร่แล้วละก็    ทุกสิ่งที่พยายามมาจนถึงตอนนี้ก็จะสูญสลายไปในทันที       
              เด็กชายท่าทางคล้ายดีว่าพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นมาจากพื้นให้ได้      ดูจากสภาพร่างกายตอนนี้แล้วนับว่าบาดเจ็บมาไม่น้อยเลยทีเดียว   
                หากเปรียบเป็นเด็กคนอื่นแล้วคาดว่าท่าทางคงจะไม่สามารถลุกขึ้นได้แล้ว        นั่นเพราะไม่เพียงต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น    เขายังต้องต่อสู้กับสายตา
                สายตาที่เย็นชาจ้องมองร่างของเด็กชายที่กำลังพยายามลุกขึ้นอย่างสมเพชระคนกับความเกลียดชัง    เจ้าของสายตานั้นเค้นหัวเราะอย่างเย็นชา  ราวกับไม่เข้าใจว่าเด็กชายคนนั้นจะลุกขึ้นมาอีกทำไมกัน 
             
                 
                เด็กชายท่าทางคล้ายดีว่าเมื่อลุกขึ้นยืนได้แล้ว  ก็ใช้มือทั้งสองข้างเกาะกุมกระบี่ของตน  แต่ถึงแม้จะใช้มือทั้งสองข้างช่วยกันแล้วก็ตาม    ก็ยังคงไม่สามารถถือกระบี่ให้มั่นได้ 
                  กระบี่ในมือเด็กชายสั่นเอนไปเอนมาราวกับสามารถตกลงได้ทุกเมื่อ 
                มีบ้างบางคนถึงแม้เจ็บปวดแสนสาหัสเพียงใด  ก็ตามคนผู้นั้นก็ยังสามารถลุกขึ้นยืนขึ้นได้เสมอ  นั่นเป็นเพราะคนผู้นั้นมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นในใจนั่นก็คือ    “ ความหวัง ”
                เด็กชายคนนั้นก็เช่นเดียวกัน 
       
                ชายเจ้าของสายตาเย็นชาคู่นั้นยังคงจับจ้องที่เด็กชายคนนั้นอย่างเกลียดชัง  พร้อมกับกำกระบี่ในมือแน่น       
                “ แกนี่มันน่าสมเพชดีแท้  !!    คิดหรือว่าพี่ชายของแกจะสามารถช่วยแกได้  ”
                ชายคนนั้นคล้ายกับพยายามสะกดความโกรธแค้นในจิตใจของตัวเองไม่ให้พลุกพล่านออกมา  แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทำได้      ชายคนนั้นเตรียมพร้อมจะลงมืออีกครั้งหนึ่งแล้ว
                “  ผมจะ........ไม่...ยอม.......ให้คุณ......มา.......ดู......ถูก........พี่ชาย.........ผม ”
                เด็กชายพูดออกมาอย่างสุดฝืน
                ชายคนนั้นเมื่อได้ยินก็สะกดอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่แล้ว    ตวัดกระบี่ใส่เด็กชายคนนั้นทันที 
                สภาพร่างกายของเด็กคนนั้นตอนนี้ หรือยังจะสามารถปัดป้อง  หลบหลีกกระบี่นี้ได้อีก 
                ย่อมไม่ได้แน่นอน
                แต่ทว่าเด็กชายคนนั้นแม้แต่อาการพยายามจะหลบหลีกก็ไม่มีแม้แต่น้อย  กลับยังยืนนิ่งเตรียมรับกระบี่นั้นแล้วอย่างไม่เกรงกลัว 
                   
                 
                  “ ชิ้ง !!! ”
                  กระบี่ของชายคนนั้นถูกรับไว้ได้ด้วยกระบี่ของชายอีกคนหนึ่ง    ไม่น่าเชื่อว่าภายในเวลาเสี้ยววินาทีจะมีใครสามารถออกรับกระบี่นี้ได้
                  ชายเจ้าของสายตาเย็นชาตะลึงตะลานแล้ว    คราวนี้ผู้ที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาที่เย็นช้ากลับเป็นเขาเอง      ผู้ที่จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาก็คือ ชายผู้ซึ่งออกมารับกระบี่นั้นเอง
                พริบตานั้นเองร่างกายของชายเจ้าของสายตาเย็นชาคล้ายชาด้าน    ดูเหมือนชายผู้ซึ่งรับกระบี่นั้นสร้างความตื่นกลัวให้เขาอย่างยิ่งยวด
                  กระบี่ของทั้งสองยังคงประสานกันอยู่เช่นนั้น  แต่ชายผู้ซึ่งออกรับกระบี่มองที่ชายผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชาสุดจะบรรยายได้  ความโกรธ  ความเดือดดาลที่ก่อตัวขึ้นในสายตานั้นสุดที่จะบรรยายได้         
                  “ แกทำอะไรกับน้องชายของฉัน  !!!! ”
                  ชายผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา  ซึ่งดูเหมือนจะพยายามข่มกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ให้ได้        แน่นอนว่าชายอีกคนนั้นพูดไม่ออกแล้ว     
                  “ เช้ง !!! ”
                  กระบี่ในมือของชายคนแรกถูกสลัดออกไปจากมือแล้ว      กระบี่ลอยอยู่เหนือศีรษะของทั้งสอง    แต่ทันใดนั้นประกายกระบี่ก็วูบขึ้น         
                    กระบี่ที่ถูกตวัดลอยกลางอากาศเมื่อสักครู่ถูกกระบี่อีกเล่มหนึ่งตัดหักเป็นหลายท่อนแล้ว !!!
                    ชายผู้ซึ่งเพิ่งมาถึงก็คงเป็นพี่ชายของเด็กชายคนนั้นนั่นเอง 
                    เด็กชายตาแดงกล่ำค้ลายกับจะร้องไห้  แต่พยายามกลั้นเอาไว้        พี่ชายค่อยๆ ลูบหัวน้องชายตัวเองอย่างทะนุถนอมราวกับที่นั่นไม่มีชายคนเมื่อสักครู่นี้ยืนอยู่เลย     
                  สายตาของพี่ชายเปลี่ยนไปราวกับคนละคน  เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลอ่อนหนาว    ดูก็รู้ว่าเขาเองรักน้องชายตัวเองถึงเพียงไหน
                  “ อย่าร้องไห้นะ  เป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งนะเข้าใจไหม ”
                    ได้ยินอย่างนี้ น้องชายกับแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว 
                    “ ดีมากๆ  เข้มแข็งไว้นั่นแหละ  ถึงจะสมเป็นน้องพี่หน่อย ”
                    พี่ชายยังคงปลอบน้องชายต่อไปโดยไม่สนว่าน้องชายเขาจะพูดกับเขาบ้างหรือไม่    และไม่สนสายตาอาฆาตที่จ้องมองมายังเขาเช่นกัน
                  “ รอสักครู่นะ พี่ขอจัดการธุระกับคนที่มารังแกน้องชายของพี่หน่อย ”
                   
                  พี่ชายสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว  กลายเป็นเย็นชาอย่างสุดๆ    แต่ว่าชายที่ถูกทำลายกระบี่ทิ้งก็เปลี่ยนไปเช่นกัน  เปลี่ยนไปเป็นแฝงแววอาฆาตอย่างบอกไม่ถูก    คล้ายลืมความเกรงกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้แล้ว
                  “ แก......... แกบังอาจทำลายกระบี่สุดรักของฉัน ”
                  ชายคนนั้นกล่าวอย่างเคียดแค้นสุดบรรยาย  สายตาจับตจ้องไปยังพี่ชายราวกับอยากจะฆ่าเขา 
                  “ แค่กระบี่สวะอย่างนั้นยังน้อยเกินไป  ที่แกทำร้ายน้องชายฉัน  แกต้องชดใช้ ”
                    “ กระบี่สวะ !!!  ”          ชายคนนั้นเมื่อได้ยินคำนี้ก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว    ถ่าโถ่มออกไปคิดที่จะฆ่าพี่ชายของเด็กคนนั้นในทันที
                หมัดของชายคนนั้นไม่นับว่าเชื่องช้าแต่อย่างใด    แต่เมื่อต่อยมาใส่พี่ชายก็กลายเป็นเชื่องช้ายิ่งแล้ว    หมัดของชายคนนั้นไม่ถูกตัวของพี่ชายเลยแม้แต่น้อย      ทำให้เขาต้องเสียหลักแทบล้มลงไป
                “ ปัก !!! ”
                สันมือของพี่ชายฟาดใส่สันคอของชายคนนั้นเข้าอย่างจัง    อาจจะดูไม่รุนแรงมาก    แต่ความจริงแล้วพี่ชายแทบใส่พลังทั้งหมดลงไปในฝ่ามือเมื่อสักครู่แล้ว    ยังดีที่เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ได้ไม่ใส่พลังลมปราณไปให้หมด  มิเช่นนั้นชายคนนั้นอาจจะต้องหลับไปตลอดกาล......... 
                  ชายคนนั้นล้มลงหมดสติไปในทันที 
                  พี่ชายไม่แยแสแม้แต่น้อย  เดินกลับไปหาน้องชายตัวเองอย่างช้าๆ
                  “ พี่บอกแล้วใช่ไหม  ว่าอย่าไปยุ่งกับพวกมัน    นี่ดีนะที่พี่ตามมาทัน ”
                  “ ผม.....ผมขอโทษครับ  แต่ว่าพวกมันว่าพี่นี่ครับ ”
                  พี่ชายยิ้มอย่างหายสงสาร
                  “  อืม ไม่เป็นไรนะ  งั้นเดี๋ยวพี่จะพาไปส่งที่บ้านนะ ”
     
                    “ เฮ้ย ตื่นๆๆ ”
                  ชายที่ถูกสันมือฝาดใส่ค่อยๆ ได้สติขึ้นมา        ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา  ทั้งๆที่แค่เพียงถูกสันมือไปที่สันคอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
                  “ แกไปโดนอะไรมาวะ ” 
                  ชายอีกคนท่าทางจะเป็นเพื่อนของเขาถาม 
                  “ ข้าพลาดท่าให้กับไอ้เจ้าแดชน่ะสิ ”
                  เพื่อนของเขาส่ายหน้าเมื่อได้ยิน
                  “ แกนี่เสียชื่อโรงเรียนเราหมด ”
                  พูดพร้อมกับหยิบเศษท่อนกระบี่ที่ยังหลงเหลืออยู่ขึ้นมาดู
                “ แต่ดูท่าเจ้านั่นก็ร้ายกาจสมชื่อจริงๆ  แม้แต่กระบี่วิญญาณของแกมันยังทำลายได้ ”
                เมื่อนึกขึ้นได้ว่ากระบี่ของตนถูกทำลาย ชายคนนั้นก็โมโหขึ้นในทันที
                  “ คอยดูเถอะ  มันจะต้องชดใช้ในสิ่งที่มันทำลงไป !!! ”
     
                พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงยามรัตติกาล    ความมืดคล้ายถูกแสงของดวงจันทร์ส่องให้สว่างขึ้น    เด็กชายคนหนึ่งยังคงฝึกกระบี่อยู่บริเวณสวนหลังบ้านของเขาอยู่อย่างนั้น        จนกระทั่งพี่ชายของเขามาเห็นเข้า
                “ ขยันจริงๆ นะ  อย่างนี้อีกหน่อยท่าทางจะเก่งกว่าพี่แน่เลย ”
                “ ไม่หรอกครับ  ผมไม่มีทางเอาชนะพี่ได้หรอกครับ ”
                พี่ชายตบหัวน้องชายเบาๆ ไปหนึ่งที
                “ อย่าพูดอย่างนี้สิ  พี่ไม่ใช่คนเก่งหรอกนะ  พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็เอาชนะพี่ไม่ได้จริงๆ หรอก ”
                “ แต่ว่าพี่สามารถจัดการกับเจ้านั่นได้นี่ครับ ”
                “ ก็เพราะว่าพี่มีคนที่จะต้องปกป้องอยู่น่ะสิ  แล้วอีกอย่างเจ้านั่นมันโตกว่าน้องตั้งหลายปีนะ ”
                น้องชายนิ่งเงียบไปสักพัก 
                “ ถ้าอยากเก่งเหมือนพี่ละก็  พี่จะสอนเพลงกระบี่ให้หนึ่งเพลงนะเอาไหม  เป็นเพลงกระบี่ที่ใช้ไม่ให้ใครมาข่มเหงเราได้ ”
                  “ จริงหรอครับ  อยากสิครับ  ผมอยากจะเก่ง  ผมอยากปกป้องคนที่ผมรัก  ผมไม่อยากให้ใครมาข่มเหงผม ”
                  พี่ชายยิ้ม 
                  “ แต่ต้องสัญญานะว่าจะทำตามที่พี่พูดทุกอย่าง ”
                  “ ผมสัญญาครับ ”
                  “ เพลงกระบี่ที่พี่จะสอนไม่ใช่เพลงกระบี่ธรรมดานะ  มันเป็นเพลงกระบี่ไม้ตายของพี่เลยทีเดียวละ  และมันก็ไม่ได้ฝึกฝนได้ในเวลาอันสั้นด้วยสิ  อาจบางทีต้องใช้เวลาเป็นปีเลย  แต่ถ้าฝึกแล้วต้องห้ามท้อเด็ดขาดเข้าใจไหม ”
                  “ ครับพี่  ผมจะไม่ท้อแท้  ผมจะฝึกให้ได้ไม่ว่ามันจะนานเท่าไร  และถ้าผมโตขึ้นผมจะเข้าโรงเรียนเดียวกับพี่  ผมจะเข้าชมรมจ้าวกระบี่เหมือนพี่  แล้วสักวันผมจะเก่งเหมือนพี่ให้ได้ครับ ! ”
                  “ กว่าจะเข้าพี่ก็คงจะจบไปแล้วละนะ  แต่ถ้าถึงเวลานั้นอย่าเก่งเหมือนพี่นะ  ต้องเก่งกว่าพี่ให้ได้รู้ไหม ”
                  พี่ชายมองขึ้นไปยังดวงจันทร์จากนั้นก็กล่าวต่อ
                  “ เพลงกระบี่ที่พี่จะสอนให้มีชื่อว่า  หมื่นกระบี่เหริสุริยัน จันทรา ”
                  น้องชายมีท่าทีดีใจ  แต่เมื่อคิดได้เรื่องหนึ่งก็ต้องทำหน้าเศร้าขึ้นมาในทันที
                  “ แต่ว่าอีกไม่กี่วันพี่จะต้องแข่งประลองอาวุธระหว่างสถาบันแล้วไม่ใช่หรอครับ  ยิ่งพี่จะต้องสู้กับเจ้าพวกนั้นอีกด้วย  แล้วพี่มาสอนผมอย่างนี้.............”
                  “ อีกไม่กี่วันจะแข่งแล้วจะเป็นไร  จะดูถูกแดช หมื่นกระบี่เหริที่หนึ่งแห่งชมรมจ้าวกระบี่คนนี้ไปแล้วนะ ฮ่าๆๆ  ”
                แดชหัวเราะอย่างเล่นๆ       
             
                “ หมื่นกระบี่สุริยัน จันทราเหริ !!!  ”
                  ดีว่าพลันกลับมามีสติอีกครั้งหนึ่ง    ดาบท่อนไม้เมื่อสักครู่ฟาดถูกเขาอย่างจัง    ทำให้เขาล้มลงหมดสติไปเสี้ยววินาที    แต่มือของเขายังคงกำกระบี่แน่นไม่ยอมปล่อย  ร่างกายของเขาบาดเจ็บไม่น้อย
                “ ลุกขึ้นมาสิ “  เสียงเพรียกจากส่วนลึกของจิตใจเขาพูดขึ้นมา  ดีว่าค่อยๆ ลุกขึ้นมาแล้ว    ท่าทางที่ลุกขึ้นมานั้นเหมือนกับเด็กชายคนคนนั้นไม่มีผิด      ภาพของเด็กชายคนนั้นคล้ายกับซ้อนขึ้นมาประสานรวมกับร่างของดีว่า 
                ใช่แล้ว !!!  เด็กชายคนนั้นก็คือ ดีว่า เมื่อในอดีตนั่นเอง  เป็นดีว่าเมื่อตอนเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2  ก่อนที่จะมาเข้าโรงเรียนอับดุล อินเตอร์ !!!     
                ไม่ว่าใครก็สังเกตได้ว่าแววตาของดีว่าเปลี่ยนไป  ไม่ใช่สายตาที่เคียดแค้น  แต่กลับเป็นสายตาที่มีความหวัง  มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ปรากฎขึ้นแล้ว 
                 
                  ไซโคร แนชได้แต่ยิ้มแล้ว  ดูเหมือนเขาจะสังเกตออกเช่นกันว่าดีว่าคงจะเอาจริง จริงๆ แล้ว
                  ดีว่าลุกขึ้นยืนพร้อมกับตั้งท่ากระบี่แล้ว    เขาแย้มยิ้มนิดหน่อย  พร้อมกับก้มหน้าเหมือนพูดอะไรอยู่กับตัวเอง
                  “ พี่ครับ ผมจะแสดงให้ดูว่าผมเข้มแข็งขึ้นแล้วนะครับ ”
                  พริบตานั้นเองร่างของดีว่าคล้ายมีเงาร่างของพี่ชายซ้อนขึ้นมาช่วยตั้งท่ากระบี่ด้วย 
                  “ เจ้านั่นคงจะเอาจริงแล้วสินะ ”
                  ไซโคร แนชคิดกับตัวเองในใจ  พร้อมกับเตรียมพร้อมเข้าโจมตีอีกครั้งหนึ่งแล้ว 
                  ดีว่าโคจรลมปราณเตรียมพร้อมแล้ว        “ ไปละนะครับพี่......... ”
                  พริบตานั้นเองเงาร่างของดีว่า และไซโคร แนชพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วสูงราวกับนัดกันไว้      ดาบท่อนไม้ทั้งสองของไซโคร แนชฟันใส่ดีว่าอย่างรวดเร็ว  แต่ร่างของดีว่าที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าไซโคร แนชได้หายไปแล้ว           
                  ดีว่าหายไปไหนแล้วละ ?  ข้างหลัง ข้างซ้าย หรือข้างขวาของไซโคร แนชละ ?
                  ไม่ใข่ !!! ดีว่าอยู่ข้างบนต่างหาก!!!
                  ร่างของดีว่าลอยอยู่กลางอากาศ  เหตุการณ์คล้ายเปลี่ยนเป็นภาพช้าอีกครั้งหนึ่ง    แม้แต่ไซโคร แนชยังต้องตกใจกับระดับความเร็วของดีว่า
                  “ เพลงกระบี่.........!!!! ”
              ดีว่าตะโกนขึ้นพร้อมกับร่างที่เริ่มหมุนตัวกลางอากาศด้วยความเร็วสูง  ราวกับจะหมุนเป็นสว่านเจาะลงใส่ไซโคร แนชยังไงยังงั้น   
                  “ หมื่นสุริยัน จันทราเหริ !!!! ”
               
                  ภาพทุกอย่างคล้ายหยุดนิ่งไปกับกาลเวลา  “ พี่ครับ ผมเก่งขึ้นหรือยังครับ ”  ดีว่ายิ้มอย่างหมดแรงก่อนจะหมดสติไป 
                  แล้วไซโคร แนชละ ?
                  มีคนเดียวที่รู้เหตุการณ์นั่นก็คือ วา นั่นเอง    วาเองก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน  แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้แล้ว  แม้ไซโคร แนชจะไม่หมดสติไปก็ตาม  แต่สำหรับวาแล้วละก็ ..
                  ไซโคร แนชแพ้แล้ว !!!
                   
                  ภาพที่วาเห็นเมื่อสักครู่นี้ก็คือ ดีว่ากระโดดขึ้นหมุนตัวด้วยความเร็วสูง  ปลายกระบี่ท่อนไม้กลายจะพุ่งลงใส่ไซโคร แนชในทันที    แต่ไม่ใช่เพียงท่อนเดียว  กระบี่ท่อนไม้ที่พุ่งลงใส่ไซโคร แนชคล้ายกับมีหมื่นกระบี่ !!!
                  ไซโคร แนชไม่สามารถรับการโจมตีของดีว่าได้เลยจริงๆ  ดาบท่อนไม้ทั้งสองหักออกเป็นหลายส่วน    ตัวไซโคร แนชก็ถึงกับล้มลงแล้ว  เพียงแต่ยังไม่หมดสติเท่านั้น
                    ความเจ็บปวดของไซโคร แนชตอนนี้นับว่าไม่มีคำบรรยายได้จริงๆ  นี่ถ้าเขาไม่สามารถโคจรลมปราณสายฟ้าได้ทันละก็คงต้องหมดสติไปแล้ว    เขานับว่าประมาทดีว่าไปจริงๆ 
                    ไม่นานนักเมื่อดีว่าได้สติขึ้น  ก็พบกับไซโร แนชซึ่งนั่งพิงกับต้นไม้ใหญ่หน้าพอหักกับวาแล้ว 
                  “ ผมเป็นฝ่ายแพ้สินะครับ ”
                    ดีว่าทั้งๆ ที่เพิ่งได้สติกลับถามเรื่องผลการต่อสู้ในทันที 
                  “ ไม่หรอก  คนที่แพ้น่ะข้าต่างหาก ”
                  “ จริงหรอครับเนี่ย  แต่ว่าผมหมดสติไปนะครับ ”
                  “ ไม่หรอก ข้ายอมรับว่าคราวนี้ข้าแพ้จริงๆ ”
                  “ งั้นก็หมายความว่ารุ่นพี่.........”
                  “ ตามสัญญาข้าจะร่วมทีมกับพวกเจ้าเอง ”
                    ไซโคร แนชยิ้มอย่างอบอุ่น ราวกับไม่ใช่ไซโคร แนชจริงๆ  แต่ขณะที่วากำลังจะร้อง เย้  ออกมานั้นเขาก็กล่าวต่อ
                  “ แต่ว่าข้าจะร่วมทีมในฐานะตัวสำรองเท่านั้นนะ ”
                    “ หาาา    ทำไมละครับ ”
                    วารีบถามกลับ
                    “ ก็ตามที่ตกลงกันไว้เจ้าไม่ได้บอกนี่ว่าข้าต้องเป็นตัวจริง  ข้าแค่บอกว่าชนะข้าได้แล้วข้าจะเข้าร่วมทีมด้วยเท่านั้น  หรือถ้าเจ้าข้องใจจะสู้กับข้าใหม่ก็ได้นะ  ถ้าชนะข้าได้จะยอมเป็นตัวจริง ”
                  “ มะ ไม่ละครับ  แค่ดูก็จะแย่แล้วละครับ ”
                  “ ส่วนเจ้าก็คงจะไม่ข้องใจใช่ไหม ”
                  ไซโคร แนชหันหน้าไปถามดีว่า 
                    “ ไม่หรอกครับ  แค่ได้รุ่นพี่มาร่วมทีมด้วยก็ยินดีอย่างยิ่งแล้วละครับ  แล้วอีกอย่างเมื่อกี้ผมก็เป็นฝ่าย.............”
                    “ ฝ่ายชนะ !! ”
                    ไซโคร แนชสวนขึ้นมาก่อนที่ดีว่าจะพูดจบ
                  ”  อย่าพูดว่าเจ้าเป็นฝ่ายแพ้อีกเข้าใจไหม  ” 
                  “ ถ้าอย่างนั้นถือว่าผมชนะใจรุ่นพี่ก็แล้วกันละครับ ”
                  “ เจ้านี่มันดื้อจริงๆ นะ”
                  ทั้งสามหัวเราะพร้อมๆกัน  ไซโคร แนชรู้สึกว่าเริ่มสนุกกดับรุ่นน้องสองคนนี้บ้างแล้วสิ  เขาคล้ายลืมเรื่องราวในอดีตของตัวเองไปชั่วครู่
                  ดีว่าแทบไม่เชื่อเลยว่าเมื่อครู่ตัวเองสามารถเอาชนะไซโคร แนชได้  ยังไงเขาก็ยังคิดอยู่ดีว่าถ้าไซโคร แนชไม่ประมาทเมื่อสักครู่นี้  เขาอาจจะเป็นฝ่ายแพ้ไปแล้วก็ได้  แต่สิ่งที่ทำให้เขาภูมิใจที่สุดก็คือ  เขาสามารถใช้เพลงกระบี่หมื่นกระบี่สุริยัน จันทราเหริสู้กับไซโคร แนชได้
                มันทำให้ดีว่านึกว่าพี่ชายของเขาแดช  และก็เหตุการณ์ในอดีต
                แต่ว่าเมื่อนึกถึงตอนนี้ดีว่าได้แต่ถอนใจแล้ว    เพราะมันทำให้เขานึกถึงวันนั้นด้วย
                วันประลองอาวุธระหว่างสถาบัน  เมื่อพี่ชายของเขาเข้ารอบชิงสี่คนสุดท้าย    ทั้งๆที่พี่ชายของเขาเป็นที่หนึ่งแห่งชมรมจ้าวกระบี่แท้ๆ    แต่กลับต้องมาผ่ายแพ้ให้แก่ชายผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างหมดท่า    ตอนนั้นเขาแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลย 
                  ภาพพี่ชายล้มลงต่อหน้าเขายังคงติดตา    แต่ที่ทำให้เขาแทบไม่เชื่อเลยก็คือ  คนที่สามารถล้มพี่ชายของเขาลงได้เป็นเพียงแค่เด็กมัธยมศึกษาปีที่ 3  เท่านั้นเอง       
                  วันนั้นหลังจากการประลองเสร็จสิ้น    ดีว่าก็เริ่มต้นฝึกฝีมือตนเองอย่างจริงไม่ว่าจะเป็นทั้งการเรียน และเพลงกระบี่    เขาเพียงหวังว่าสักวันจะได้ประลองกับคนที่สามารถโค่นพี่ชายของเขาลงให้ได้     
                  เขายังจำภาพเหตุการณ์หลังประลองเสร็จได้เลย  พี่ชายของเขาบาดเจ็บสาหัสแม้จะใส่ชุดเกราะก็ตาม  ทำให้ต้องพักรักษาตัวอยู่เกือบสามวัน  แสดงว่าเด็กคนนั้นมีพลังลมปราณไม่ธรรมดาทีเดียว  แถมยังเป็นมือกระบี่เช่นเดียวกันกับเขาด้วย 
                  หลังจากการประลองอาวุธได้ไม่นานนัก พี่ชายของเขาก็จบมัธยมศึกษาปีที่ 6    และพี่ชายของเขาถูกส่งให้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่นั้นมาเป็นระยะเวลาสามปีจนถึงวันนี้  เขาเองก็ยังไม่ได้พบกับพี่ชายของเขาเลย       
                  แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังคงจำได้แม่นยำก็คือ  สิ่งที่พี่ชายบอกกับเขาไว้ในห้องพักผู้บาดเจ็บนั่นก็คือ 
                “ พี่ขอโทษด้วยนะ  ที่พี่ไม่สามรถเอาชนะการประลองได้  แต่ขอให้รู้ไว้อย่างว่าถึงแม้เด็กนั่นจะอยู่แค่ม.3 แต่พี่ก็เอาจริงอย่างสุดความสามารถแล้ว    พี่เชื่อว่าสักวันน้องอาจจะมีโอกาสได้สู้กับเขาก็ได้  และเมื่อนั้นช่วยแก้หน้าให้พี่ด้วยนะ ”
                พี่ของเขาพูดอย่างยิ้มๆ  แต่ดวงตาเริ่มแดงก่ำแล้ว  แสดงว่าก็เจ็บใจเหมือนกับที่ต้องพ่ายแพ้           
                ดังนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ดีว่าจำได้แม่นยำก็คือ      ชื่อของเด็กม.3 ที่ล้มพี่ชายของเขาได้  ใช่แล้วละ........       
                “ เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อ  ซากุระ !!! “
            ( กลับสู่เนื้อเรื่องหลักดังเดิม )    x การที่ผมได้ให้มีการเลือกเนื้อเรื่องความจริงก็แอบแฝงปรัชญาที่ยิ่งใหญ่ไว้ให้ด้วยนะครับ  นั่นก็คือ ในชีวิตของคนเรานั้นทุกอย่างไม่ได้มีทางออกเพียงอย่างเดียว  มันสำคัญอยู่ที่การก้าวเดินของเรา  ไม่ว่าเราจะเลือกทางใดทางหนึ่งไปนั้นขอให้ก้าวไปอย่ายอมแพ้  สักวันเราก็จะผ่านไปทางนั้นไปได้สักวัน  ขอให้เป็นเพียงเป็นทางที่ดี  หรือถ้าเดินทางผิดก็สามารถเลือกเดินทางใหม่ได้  อย่างคำพูดที่ว่า  “ ชีวิตลิขิตเอง ”  x
              และแล้วในที่สุดทีมประลองอาวุธของดีว่าก็สามารถตั้งขึ้นมาจนได้ในที่สุด    และดูเหมือนว่าอุปสรรคที่แท้จริงกำลังจะค่อยๆ เริ่มต้นขึ้นต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงที่ชื่อ ซากุระ  หรือคู่ต่อสู้สุดโหดอีกหลายคน
                ทีมของดีว่าจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปได้หรือไม่  ไม่มีผู้ใดรู้    มีเพียงทางเดียวที่สามารถรู้ได้  นั่นก็คือ    เมื่อเวลานั้นมาถึงนั่นเอง !!!
               
               
               
                                            _________________________________________
                 
               
               
                 
                   
                     
                 
                 
                   
                   
                   
                 
     
             
 
         
         
         
 
           
           
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น