คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : บทเรียนที่ 24 กางเขนสีเลือดและความทรงจำของเจ้าชาย
บทเรียนที่ 24 กางเขนสีเลือดและความทรงจำของเจ้าชาย
ท้องฟ้ามืดครึ้มค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีจางลงเรื่อยๆ ช่วงเวลาเช่นนี้ความจริงเหมาะแก่การนอนรอพระอาทิตย์ขึ้นแท้ๆ แต่ภายในห้องนั้นกลับมีคนลุกขึ้นแล้ว
เจ้าชายลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขากลับไม่มีความรู้สึกง่วงหลงเหลือเลยแม้แต่น้อย เหลียวไปดูนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนผาผนังแล้วเป็นเวลาประมาณตีห้า
' นี่ทำไมเราถึงตื่นเช้าผิดปกติอย่างนี้น่ะ แถมไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่นิดเดียว '
เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว ที่เขาตื่นเช้า หรือใกล้เช้าผิดปกติแบบนี้ในวันนี้นั่นก็เพราะ วันนี้เป็นวันหยุดพิเศษของทางโรงเรียนนั่นเอง แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ วันนี้เป็นวันพฤหัส และสืบเนื่องจากวันนี้เป็นวันพฤหัสนั่นก็หมายความว่าวันนี้คือ วันเกิดของเขา และก็สืบเนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเขาอีก ดังนั้นจึงเป็นวันที่เขาได้นัดไปเที่ยวกับรีน่านั่นเอง
แต่เวลานัดหมายนั้นไม่ใช่เช้าตรู่ขนาดนี้ คงเป็นเพราะความตื่นเต้นทำให้เจ้าชายตื่นขึ้นมาได้
เจ้าชายตัดสินแล้วว่าจะไม่นอนต่ออีก เพราะเขารู้สึกว่าการที่เขาจะมีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาในเวลาแบบนี้คงจะมีไม่กี่ครั้งเท่านั้น และวันนี้ก็เป็นวันสำคัญสำหรับเขา เขาจึงกลัวว่าหากนอนต่ออาจจะตื่นขึ้นมาอีกทีไม่ได้ก็ได้
ดังนั้นเจ้าชายเลิกผ้าห่มขึ้น ยืนบิดขี้เกียจสักพักก็เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัวในทันที หลังจากนั้นเจ้าชายก็ใช้เวลาไปกับการเลือกเสื้อที่ใช้ใส่ในวันนี้
ไม่นานนักเจ้าชายก็สามารถเลือกเสื้อที่เขาจะใส่ในวันนี้ได้ ชุดที่เขาสวมใส่นั้นเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวท่าทางธรรมดาๆตัวหนึ่งเท่านั้น บนตัวเสือไม่มีลวดลายใดๆเป็นพิเศษ มีเพียงแค่สัญลักษณ์กางเขนสีเทาอยู่ที่ข้างแขนเสื้อด้านขวาเท่านั้น ส่วนกางเกงนั้นเจ้าชายเลือกกางเกงผ้าขายาวสีขาวตัวหนึ่ง เมื่อสวมใส่จนครบชุดแล้วกลับคล้ายเจ้าชายจริงๆ
เจ้าชายใช้เวลาในการจัดเตรียมของที่เขาจะเอาไปในวันนี้อยู่สักพักหนึ่ง ตรวจดูจำนวนเงินในกระเป๋าว่ามีพอหรือไม่ จากนั้นเมื่อเห็นว่าเตรียมพร้อมแล้วก็สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวพร้อมกับเดินออกจากห้อง แต่ก็เหมือนกับเพิ่งคิดได้ เขาสังเกตว่าเวลาในตอนนี้แค่เพียงตีห้าสิบห้านาทีเท่านั้น แต่เวลานัดคือ แปดนาฬิกา นั่นก็หมายความว่าหากเขาออกจากห้องไปตอนนี้ต้องรออยู่อีกสามชั่วโมงเลยทีเดียว
ดังนั้นเจ้าชายถอดร้องเท้าออกกลับเข้าห้องนั่งลงบนเตียง ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งก็เดินไปหยิบหนังสือนิยายเล่มหนึ่งจากนั้นก้าวออกจากห้องไป
เจ้าชายนั่งสั่งอาหารที่ลอบบี้ใต้หอมารับประทาน ใช้เวลาไม่นานนักก็ลุกขึ้นไปจากเงิน จากนั้นก้าวออกจากหอ
เมื่อออกมาห้องหอพบว่าอากาศข้างนอกค่อนข้างหนาวพอสมควร แต่เขากลับชอบอากาศแบบนี้เป็นพิเศษ
ที่เบื้องหน้าของเขาปรากฏคนในเสื้อคลุมสีส้มตัวหนึ่งวิ่งผ่านหน้าเขาไป เมื่อคิดอยู่สักพักก็จำจดออกว่าเป็นเด็กหนุ่มเมื่อวันนั้นที่เป็นคนใช้พลังลมหยุดไพ่ของซาซาไรไว้ แต่จะกล่าวทักทายก็ไม่ทันเสียแล้ว
เจ้าชายเดินตรงไปเรื่อยๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลนักก็ถึงต้นไม้ใหญ่เจ้าชายมองไปรอบๆพร้อมสูดอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่ค่อยทรุดนั่งลงใต้ต้นไม้ เห็นว่าพอมีแสงสว่างขึ้นมาบ้างแล้วก็เปิดหนังสือนิยายที่พกมานั่งอ่านไปเรื่อยๆ
เจ้าชายชอบการอ่านหนังสือใต้ต้นไม้นี้มากเพราะมันทำให้เขารู้สึกมีสมาธิกว่าปกติ ดังนั้นจึงเลือกที่จะลงมาอ่านที่นี่แทนที่จะนั่งอยู่บนห้อง
ไม่ทราบเวลาผ่านไปนานเท่าใด ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีขาว พระอาทิตย์ส่องแสงลงมาแล้ว เบื้องหลังเจ้าชายกลับปรากฏคนผู้หนึ่งขึ้นมาโดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้ตัว
" ฮะ แฮ่ม " คนที่เบื้องหลังเจ้าชายส่งเสียง เจ้าชายซึ่งกำลังมีสมาธิกับการอ่านหนังสือไม่ทันสนใจสิ่งรอบข้าง เมื่อได้ยินเสียงถึงดับสะดุ้งหันกลับไปมองในทันที
คนที่ส่งเสียงนั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นรีน่านั่นเอง วันนี้เธอใส่เสื้อยืดสีขาวพร้อมด้วยเสื้อแจ๊กเก็ตสีขาว กระโปรงยีนสีขาว และรองเท้าผ้าใบสีขาว เธอแต่งชุดขาวเช่นนี้คล้ายกับนัดแน่ะกับเจ้าชายมาก่อนแล้ว แต่ที่น่าแปลกก็คือ ทั้งสองคนไม่ได้นัดแน่ะอะไรกันไว้เลย นั่นสร้างความประหลาดใจแก่ทั้งสองคนเป็นอย่างมาก
" อ่า ตกใจหมดเลยมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย " เจ้าชายถามพร้อมกับยิ้มให้
" ก็เมื่อสักครู่นี้เองละ "
เจ้าชายเมื่อเห็นรีน่าก็อดคิดไม่ได้ว่า วันนี้เธอดูสวยกว่าทุกวัน นั่นอาจเป็นเพราะวันนี้เธอแต่งตัวได้เข้าชุดเป็นพิเศษก็ว่าได้
" นี่กี่โมงแล้วหรอ "
" ก็ " รีน่าก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ " เจ็ดโมงสีสิบ"
" ยังไม่แปดโมงเลยนิ มาก่อนเวลาตั้งยี่สิบนาทีเลยนะเนี่ย " เจ้าชายหัวเราะ
" ถ้าอย่างนั้นจะรอให้แปดโมงก่อนแล้วเราค่อยมาก็ได้เอาไหม ตอนนี้เราจะได้กลับไปก่อน "
รีน่าแกล้งแหย่
" ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ ฮ่าๆ " เจ้าชายหัวเราะ จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้น " ว่าแต่ถ้าอย่างนั้นเราจะไปกันเลยดีไหม "
รีน่าพยักหน้าให้เจ้าชาย จากนั้นทั้งสองคนก็เดินตรงไปยังประตูหน้าโรงเรียนเพื่อไปขึ้นรถประจำทางไปยังสวนสนุก ระหว่างทางที่เดินอยู่นั้นเจ้าชายรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่น่าจดจำวันหนึ่งจริงๆ ถ้าหากทุกวันเป็นได้เช่นวันนี้ก็คงจะดีไม่น้อย
ทั้งสองคนใช้เวลาไม่นานนักในการรอรถประจำทาง จากนั้นก็นั่งรถมาสักพักก็มาถึงสวนสนุก รถประจำทางเมื่อจอดลงทั้งสองคนก็ก้าวลงจากรถ เบื้องหน้านั้นปรากฏผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน ไม่น่าเชื่อว่าเวลาเช้าเช่นนี้ผู้คนยังมากมายขนาดนี้
" โห คนเยอะจังเลยเนอะ " รีน่ากล่าวพร้อมมองผู้คนรอบๆ
" นั่นสิเนอะ แต่ก็ดีแล้วละ บรรยากาศจะได้สมกับเป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหน่อย "
ทั้งสองเดินตรงไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังที่ขายบัตรผ่านประตู บริเวณที่ขายบัตรก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บ้างมาเที่ยวเป็นกลุ่ม บ้างก็มากันสองคน หรือบางคนถึงกับมาคนเดียวก็มี แต่ไม่ว่าคนจะเยอะเพียงใดก็ตาม ก็ยังดีที่ทางสวนสนุกแห่งนี้นั้นมีช่องบริการต่อคิวให้มากพอที่จะทำให้แถวหนึ่งไม่ต้องต่อคิวกันยาวมากนัก
เจ้าชายกับรีน่าต่อแถวไม่นานนักก็ถึงเค้าเตอร์ขายบัตร ซึ่งที่เค้าเตอร์นั้นมีคนขายบัตรแต่งตัวเป็นตัวตลกอยู่
" ไม่ทราบว่ารับบัตรเข้ากี่ที่ครับ " เจ้าตัวตลกถาม
" สองที่ครับ " เจ้าชายตอบ พร้อมกับยิ้มเงินในกระเป๋าส่งให้เจ้าตัวตลก จากนั้นเจ้าตัวตลกก็ส่งบัตรแข็งคล้ายบัตรเครดิตสองใบให้กับเจ้าชาย พร้อมกล่าวคำ " ขอบคุณมากครับ "
เจ้าชายหยิบบัตรนั้น พร้อมกับเดินออก แต่ขณะที่เขาก้าวออกไปเพียงไม่กี่ก้าวเจ้าตัวตลกก็ตะโกนเรียกเขา
" มีอะไรหรอครับ " เจ้าชายเดินไปถามเจ้าตัวตลก
" อ๋อ คือว่าวันนี้ทางสวนสนุกของเรามีกิจกรรมพิเศษนะครับ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปี สำหรับคู่รักที่มาด้วยกันสามารถเข้าร่วมเกมชิงของรางวัลได้นะครับ กิจกรรมจะจัดในตอนเย็นของวันนี้ รายละเอียดอ่านได้ตามนี้เลยนะครับ "
เจ้าตัวตลกยื่นใบปลิวให้กับเจ้าชาย รีน่าเมื่อได้ยินคำว่าคู่รักก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ส่วนเจ้าชายนั้นแอบขำเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกมาจากช่องซื้อบัตร
" อะ นี่ค่าบัตรเข้า " รีน่ายื่นเงินค่าบัตรให้กับเจ้าชาย ส่วนเจ้าชายนั้นยังคงขำอยู่กับอาการอายของรีน่า
" ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าเราเลี้ยงก็แล้วกัน ก็วันนี้มันวันเกิดเรานี่น่ะ "
รีน่าเห็นเจ้าชายยิ้ม ยิ่งรู้สึกอายจึงมองค้อนเจ้าชายไปทีหนึ่ง จากนั้นหยิบบัตรของเจ้าชายพร้อมทั้งเดินไปที่หน้าประตู ทิ้งให้เจ้าชายยืนงงอยู่ เจ้าชายเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามไปในทันที
" โห น่าเล่นจังเลย " รีน่าเงยหน้ามองไปยังเจ้าเครื่องเล่นไวกิ้งยักษ์ เห็นผู้คนที่อยู่ข้างเครื่องเล่นส่งเสียงโห่ร้องกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ จึงชวนเจ้าชายเล่นดู
เจ้าชายแค่เห็นก็รู้สึกสยองแล้ว เจ้าเรือไวกิ้งขนาดยักษ์นี้ไม่เพียงใหญ่กว่าที่สวนสนุกอื่น ทั้งเรื่องของความสูง และแรงในการโยนของไวกิ้งที่นี้นั้นเหนือกว่าที่อื่นๆเกือบสองถึงสามเท่าเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ต้องคิดเลยว่าหากคนที่กลัวความสูงเล่นเข้าไปจะมีสภาพเป็นอย่างไร
เจ้าชายเองแม้จะไม่กลัวความสูงแต่ก็อดที่จะสยองในใจไม่ได้ เขาความจริงไม่คิดที่จะเล่นเจ้าเครื่องเล่นเครื่องนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ไม่ทราบเพราะอะไรเมื่อรีน่าก้าวเข้าไปต่อคิวรอเครื่องเล่น ขาของเขากลับพาตัวเองไปโดยที่ตัวเองไม่ทันรู้ตัว แถมปากก็ไม่ได้เอ่ยปฎิเสธเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานนักเจ้าเครื่องเล่นไวกิ้งก็หยุดลงพร้อมด้วยประตูข้างๆเรือก็เปิดออก ผู้เล่นชุดก่อนค่อยๆก้าวลงจากเครื่องเล่น บางคนยิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางคนทำท่าตกใจเล็กน้อยราวกับฝันร้ายได้จบลงไปแล้ว แต่ที่ทำให้เจ้าชายต้องรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องก็คือ มีเด็กหนุ่มสองสามคนหามเพื่อนที่หมดสติลงมาด้วย นั่นยิ่งทำให้เจ้าชายรู้สึกกลัวเข้าไปใหญ่ ขนาดเขายังไม่ขึ้นเลยยังกลัวขนาดนี้ เมื่อขึ้นไปอาจมีสภาพเช่นเดียวกันกับเด็กหนุ่มคนเมื่อสักครู่นี้ก็เป็นได้
ไม่ทันจะคิดอะไรต่อเมื่อพนักงานจัดการกับผู้เล่นชุดก่อนเรียบร้อยแล้วก็เปิดประตูเชิญผู้เล่นชุดใหม่ เจ้าชายบอกกับรีน่าว่าควรจะเลือกที่นั่งแถวกลางเรือเพราะเวลาเรือโยนตัวขึ้นไปจะไม่สูงมากเกินไป แต่รีน่าคล้ายไม่ได้ยินกลับพาเจ้าชายเดินตรงไปที่หัวเรือ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดที่เรือจะถูกโยนไปสูงที่สุด
เจ้าชายไม่ทราบจะกล่าวอะไรดี รู้ตัวอีกทีเขาก็นั่งลงแล้ว
รีน่าเห็นสีหน้าของเขาไม่สู้ดีนักจึงแกล้งแหย่เล่น
" เป็นอะไรไปหรอ ท่าทางไม่ค่อยดีเลยนะ หรือว่ากลัว ถ้ากลัวจะเปลี่ยนไปนั่งตรงกลางก็ได้นะเราไม่ว่าหรอก "
เจ้าชายไหนเลยบอกว่าตัวเองกลัวได้ ในเมื่อขนาดรีน่ายังไม่แสดงท่าทางว่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
" ใครบอกว่าเรากลัวกัน ถ้าเรากลัว เราคงจะกลัวว่าเธอจะเป็นลมไปทั้งๆที่เล่นอยู่ต่างหากละ "
" อ๋อ งั้นหรอ "
ทั้งสองคนขณะกำลังจะกล่าวอะไรกันต่อเครื่องก็ล็อคตัวผู้เล่นไว้แล้ว จากนั้นก็ได้ยินเสียงนับถอยหลังเตรียมการเริ่มเล่น
เสียงนับถอยหลังดังขึ้น สาม สอง หนึ่ง !!!!!!
เรือไวกิ้งถูกโยนขึ้นในทันที เสียงผู้คนที่อยู่บนเครื่องโห่ร้องกรี๊ดกร๊าดเป็นการใหญ่ ส่วนเจ้าชายนั้นสัมพัสได้ถึงความเร็วในการโยนได้เป็นอย่างดี และแล้วทันใดนั้นเองด้านหัวเรือก็ถูกโยนขึ้นสูงขึ้นในทันที ความสูงนั้นประมาณตึกชั้นห้าชั้นหกเลยก็ว่าได้ และเมื่อมองลงไปที่เบื้องล่างแล้วก็อย่าได้พูดถึง มองจากตรงนี้ไปนั้นแทบจะเห็นผู้คนเป็นเม็ดข้าวเลยก็ว่าได้ เสียงผู้คนร้องลั่นเป็นการใหญ่
รีน่านั้นก็ร้องออกมาด้วยความหวาดเสียวเช่นกัน ส่วนเจ้าชายนั้นกลับนิ่งเงียบไปเสียแล้ว
รีน่านั้นแม้จะหวาดเสียวอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นเจ้าชายเงียบผิดปกติจึงคิดว่าเจ้าชายสลบไปแล้วจริงๆ รีบหันไปมองเจ้าชายแต่กลับพบกับสายตาของเจ้าชายจ้องมองมาที่ตนเองอยู่แล้วพร้อมกับรอยยิ้ม ถึงกับต้องหันหน้ากลับไปด้วยความอายในทันที
ตลอดเวลาที่เล่นเครื่องเล่นนี้เจ้าชายไม่ได้แสดงอาการหวาดเสียวเลยแม้แต่น้อย เขาเองก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่ทำไมไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย
เมื่อลงจากเครื่องเล่นเห็นรีน่าถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นแทนที่เธอจะยิ้มกลับทำหน้าแสดงความกังวล เจ้าชายเห็นรีน่าไม่ค่อยสบายใจจึงถาม
" เป็นอะไรไปหรอ ดูท่าทางไม่ค่อยสบาย เล่นไวกิ้งแล้วรู้สึกมึนหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นพักก่อนก็ได้นะ หรือว่าถ้าไม่สบายจริงๆเดี๋ยวเราลองไปหาที่พยาบาลให้ดูไหม "
รีน่าส่ายหน้า
" เปล่าหรอก เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่เห็นเธอไม่กลัวเลยน่ะสิ กลับนั่งเงียบ มันไม่สนุกหรอ ถ้าอย่างนั้นเราขอโทษนะที่ชวนเล่นน่ะ "
เจ้าชายเห็นรีน่าเป็นห่วงว่าตัวเองสนุก หรือไม่สนุกแค่นี้ก็เป็นกังวลใจ รู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย จึงยิ้มขึ้นบอกไปว่า
" ไม่หรอก มันสนุกจะตายไป แต่ที่เราไม่แสดงอาการกลัวเลยเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งๆที่ก่อนขึ้นกลัวแทบตาย คงเพราะเราเห็นเธอกลัวมั้งเราเลยไม่กลัว ฮ่าๆ "
รีน่าได้ยินดังนั้นแม้จะไม่ค่อยเข้าใจในความหมายของเขา แต่ก็สบายใจขึ้นเยอะ ดังนั้นชวนเขาไปเล่นเครื่องเล่นเครื่องต่อไป
แต่ที่เจ้าชายรู้สึกก็คือ เขากลัวแทบตาย แต่เมื่อเห็นรีน่ากลัวถ้าเขายังกลัวอยู่ก็คงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้ หากเธอเป็นอะไรขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงต้องไม่กลัว นี่คล้ายเป็นหนึ่งในคติของเขา หากต้องการปกป้องใครสักคน แต่ตัวเองไร้ซึ่งจิตใจที่เข้มแข็งแล้ว ยังจะสามารถปกป้องใครได้อีก
จากนั้นทั้งสองคนก็เล่นเครื่องเล่นไปอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเมืองกระจกซึ่งข้างในเต็มไปด้วยกระจกมากมาย เวลาส่องจะได้ภาพไม่เหมือนกันเพราะกระจกจะมีรูปทรงแตกต่างกันไปมากมายนับไม่ถ้วน มีครั้งหนึ่งรีน่าส่องกระจกแล้วกลายเป็นรูปร่างอ้วนขึ้นมา ทำให้เจ้าชายอดหัวเราะแทบไม่ได้ หรือไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปในบ้านผีสิงซึ่งจัดทำได้เหมือนจริงอย่างยิ่ง แต่เจ้าชายคิดว่างานฮาโลวีนที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นมานั้นก็น่ากลัวไม่แพ้กัน และเครื่องเล่นอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งต่อให้ใช้เวลาสองสามวันก็ไม่มีทางเล่นจนหมดทั้งสวนสนุก
เวลาผ่านไปรวดเร็วอย่างยิ่ง เจ้าชาย และรีน่าเองก็รู้สึกเช่นนั้น ซึ่งที่จริงเวลาแห่งความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นานจริงๆ และขณะนี้ก็ใกล้ถึงเวลาของกิจกรรมพิเศษของทางสวนสนุกแล้ว นั่นก็คือ กิจกรรมแข่งขันของคู่รักที่มาเที่ยวนั่นเอง
เจ้าชายเองเหมือนเพิ่งนึกได้ จึงหยิบใบปลิวที่เจ้าตัวตลกให้มาในตอนก่อนเข้าสวนสนุกขึ้นมาดู ในใบนั้นไม่ได้เขียนอะไรไว้มากมาย เพียงแค่ว่าขอเชิญคู่รักที่มาในวันนี้เข้าร่วมกิจกรรมแข่งขันหาคู่รักประจำวัน คู่รักที่จะชนะก็จะได้ของรางวัลที่ทางสวนสนุกจัดขึ้นมา โดยเกมก็อาจจะเป็นการตอบปัญหา หรือวัดดวงของคู่รักเป็นต้น
รีน่าเห็นเจ้าชายหยิบใบปลิวนั้นขึ้นมาดูก็เพิ่งนึกได้เหมือนกัน ตัวเองอดเขินไม่ได้
" ว่าไงสนใจไหม " เจ้าชายถาม เขาความจริงไม่อยากคิดอะไรมาก ที่จริงถึงกับไม่กล้าถามเพราะเกรงใจรีน่า แต่กว่าจะคิดได้ตัวเองก็ถามออกไปเสียแล้ว
" อะไรที่ว่าสนใจ " รีน่ากล่าวทำเป็นไม่รู้ พร้อมกับชี้ไปยังใบปลิว " หมายถึงไอ้กิจกรรมคู่รักอะไรเนี่ยหรอ "
เจ้าชายอายเล็กน้อย พร้อมกับพยักหน้า เห็นรีน่าทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิดในใจว่า เธอคงจะต้องบอกปฎิเสธแน่นอน ไม่แน่อาจจะโกรธเขาก็ได้ ดังนั้นจึงคิดจะเปลี่ยนเรื่อง แต่ไม่ทันที่จะเปลี่ยนเรื่องรีน่าก็กล่าวออกมา
" อืม มันก็น่าสนใจดีนะ ลองไปเล่นกันดูไหม "
คำพูดของรีน่าทำให้เจ้าชายถึงกับตะลึง เขาไม่คิดว่าเธอจะบอกอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเธอยอมรับเขาเป็นแฟนทางอ้อมแล้วอย่างนั้นหรือ ? แต่ไม่ทันไรความคิดของเขาก็ต้องสลายไปนั่นเพราะรีน่ากล่าวดักมาว่า
" นี่ๆ อย่าคิดอะไรมากนะ ที่เราอยากเล่นก็เพราะ . เพราะอยากได้ของรางวัลก็เท่านั้น "
เจ้าชายแอบผิดหวังในใจ แต่ก็ยิ้มให้กับรีน่า
" อืม แต่สำหรับเราแค่เธอยอมไปเล่นด้วยก็ถือว่าเป็นของรางวัลแล้วละ "
รีน่าเมื่อได้ยินก็ต้องมองค้อนใส่เขาทีหนึ่ง แต่ตัวเองอดที่จะอดยิ้มไม่ได้
ทั้งสองพากันเดินไปยังสถานที่จัดกิจกรรม ซึ่งมองจากตรงนี้ไปไกลๆก็พอจะเห็นลางๆแล้ว ที่บริเวณงานนั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นคู่รักที่จะมาร่วมกิจกรรมกันในครั้งนี้ หรือไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่ต้องการจะมาดูกิจกรรมในครั้งนี้ และคนของทางสวนสนุกที่แต่งตัวเป็นตัวการ์ตูน หรือตัวตลกต่างๆมากมาย กำลังแจกของเล็กๆน้อยให้กับผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น
และที่สะดุดตาที่สุดก็คือ เวทีที่การจัดกิจกรรม หากจะบอกว่าเป็นเวทีที่จัดกิจกรรมตอบปัญหาธรรมดาก็ออกจะดูใหญ่เกินไปหน่อย แต่ก็ไม่น่าแปลกสำหรับสวนสนุกที่ใหญ่เช่นที่นี่ บนเวทีตกแต่งไปด้วยดอกไม้สีชมพูเป็นหลักและสีอื่นๆรวมๆกัน ดูแล้วน่ารักสวยงาม ส่วนพื้นหลังของเวทีเป็นรูปปราสาทคล้ายปราสาทในนิยายแฟนตาซีทั่วๆไป เพียงแต่ตกแต่งให้ดูสวยงามเหมาะสำหรับในการจัดกิจกรรมครบรอบ 10 ปีสวนสนุกแห่งนี้ และกิจกรรมสำหรับคู่รัก
เจ้าชายไม่อยากจะคิดเลยว่า หากเป็นวันวาเลนไทน์แล้วเวทีจะเลิศหรูอลังการขนาดไหน แต่ดูไปดูมากิจกรรมคู่รักนี้ก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงวันวาเลนไทน์ได้จริงๆ
และแล้วดูเหมือนว่ากิจกรรมฉลองครบรอบ 10 ปี และกิจกรรมคู่รักกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว เจ้าชายและรีน่าเดินเข้าไปถึงบริเวณหน้าเวทีพอดี เห็นพิธีกรตัวตลกขึ้นมากล่าวเปิดงาน และทันใดนั้นเสียงดังของพรุก็ดังขึ้น พรุถูกจุดขึ้นเป็นรูปสัญลักษณ์ตัวตลกประจำสวนสนุก และรูปต่างๆมากมาย ผู้คนรอบๆต่างปรบมือให้กับการความอลังการและความสวยงามของพรุ
จากนั้นพิธีกรตัวตลกก็กล่าวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสวนสนุกนี้ก่อนที่จะเชิญคู่รักที่มาในวันนี้เข้าร่วมกิจกรรม
" เอาละครับ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ทุกๆท่านรอคอยกันแล้วนะครับ กิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นในวันฉลองครบรอบ 10 ปี เราจะทำการสุ่มคู่รักที่มาในวันนี้ขึ้นมาแข่งขันกันบนเวทีนี้ โดยหากคู่รักคู่ไหนตอบได้ถูกใจกรรมการมากที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ ได้รับของรางวัลไป ซึ่งกรรมการของเราในวันนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้คนที่มาชมงานอยู่ในวันนี้ โดยเราจะมอบรีโมทให้แต่ละคน หากถูกใจคำตอบหรือคู่รักคู่ไหนก็ให้กดให้คะแนนกันตามใจชอบนะครับ "
จากนั้นเจ้าตัวตลกอ่านโน้ตย่อในมือพร้อมกับกล่าวต่อ
" เอาละครับ ต่อจากนี้เราจะทำการสุ่มคู่รักที่จะขึ้นมาบนเวทีนี้เป็นจำนวน 10 คู่ด้วยกันนะครับ เนื่องจากสีประจำสวนสนุกของเขาเป็นสีขาว ดังนั้นขอเชิญคู่รักที่มีเครื่องประดับ เสื้อผ้า หรือของอะไรก็ได้ที่เป็นสีขาวก้าวขึ้นมาบอกเวทีได้เลยครับ !!! "
พอเจ้าตัวตลกกล่าวเช่นนี้เสียงผู้คนมากมายก็พูดขึ้น เห็นคู่รักบางคู่จูงมือกันขึ้นเวที บางคู่มีตัวตลกเป็นคนชักชวนขึ้นไป บางคู่ไม่มีอะไรที่เป็นสีขาว แต่ฝ่ายชายบอกว่าตัวเองคิดมากมีผมหงอกสีขาว เจ้าตัวตลกกลับให้ผ่านขึ้นไปได้
เจ้าชายรู้สึกว่าบริเวณรอบๆเขาเต็มไปด้วยสายตาของผู้คนที่กำลังจับจ้องมา นั่นก็เพราะไม่เพียงเขาจะใส่ชุดสีขาวทั้งตัว แต่รีน่าเองก็ใส่ชุดสีขาวด้วยเช่นกัน ดังนั้นก็ไม่เป็นที่น่าแปลกที่ผู้คนจะต้องจ้องมองมายังเขา
ขณะนี้คู่รักที่อยู่บนเวทีมีทั้งหมด เก้าคู่แล้ว เหลือเพียงคู่เดียวเท่านั้น เจ้าชายตอนแรกคิดจะขึ้นไปเล่นๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับไม่กล้าที่ก้าวขึ้นไปแม้แต่น้อย แต่เขาก็คิดถึงรีน่าที่อุส่าห์ตกใจว่าจะขึ้นไปเล่นแล้ว ถ้าหากเขาไม่กล้าขึ้นไปก็คงจะทำให้เธอผิดหวัง
แต่ทันใดนั้นไม่ทันที่เจ้าชายจะก้าวไปไหนทั้งสิ้น เสียงของพิธีกรตัวตลกก็ดังขึ้น
" โอ้ !! และแล้วเราก็ได้คู่รักครบทั้งสิบคู่แล้วละครับ "
เจ้าชายได้ยินว่าได้ครบทั้งสิบคู่แล้วก็เกิดอาการผิดหวังขึ้นมาในทันที แต่ผู้คนบริเวณรอบๆกลับหันมามองยังเขาทั้งสองคนอยู่ แถมยังมากขึ้นอีกด้วย
" ใช่แล้วละครับ นั่นก็คือ คู่สุดท้ายของเรานั่นเอง "
ที่แท้พิธีกรตัวตลกบอกว่าครบแล้วนั้นรวมถึงเขา และรีน่าด้วยนั่นเอง โดยสาเหตุที่พิธีกรตัวตลกชี้มายังเขาก็เพราะเจ้าตัวตลกตัวหนึ่งเป็นคนยกมือขึ้นเลือกเขาทั้งสองคนให้นั่นเอง โดยเจ้าตัวตลกที่เลือกเขาทั้งสองคนนั้น เจ้าชายจำได้ว่าเป็นเจ้าตัวตลกที่ขายบัตรผ่านทางให้กับเขาในตอนเช้านั่นเอง
เสียงผู้คนโดยรอบปรบมือดังขึ้นอย่างชอบใจ เพราะเห็นการแต่งตัวของทั้งสองคนเข้าชุดกันได้เป็นอย่างดี เจ้าชายเห็นรีน่าหน้าแดงตัวเองแม้อายแต่ก็ต้องสะกดอาการเอาไว้ค่อยๆก้าวขึ้นไปบนเวที
" ตอนนี้เราได้คู่รักที่จะแข่งกันครบสิบคู่แล้วนะครับ ก็จะขออธิบายกติกาสักนิดหน่อย โดยกติกานั้นไม่มีอะไรยากครับ เราจะมีคำถามทั้งหมดสิบข้อโดยจะให้คู่รักแต่ละคู่เป็นคนตอบ หากคู่ไหนตอบได้โดนใจกรรมการก็จะได้ผ่านเข้ารอบไป คู่ไหนที่กรรมการให้คะแนนน้อยที่สุดก็ต้องตกรอบไป โดยสุดท้ายจะเหลือคู่รักประจำวันที่เป็นผู้ชนะเพียงคู่เดียวเท่านั้น เอาละครับถ้าพร้อมกันแล้วขอเชิญพบกับคำถามข้อแรกเลยครับ !!!! "
เสียงผู้คนปรบมือกันดังขึ้น เจ้าชายหันไปมองรีน่าทั้งสองพบสายตาจากนั้นก็ยิ้มให้กัน
" เธอว่าเราจะผ่านรอบแรกไหม " เจ้าชายถามพร้อมกับขำตัวเอง
" ก็ไม่รู้เหมือนกัน " รีน่ายิ้มให้ แต่ในใจกลับคิดอยากจะผ่านรอบแรกให้ได้ก็ยังดี
และแล้วพิธีกรตัวตลกก็เอ่ยคำถามข้อแรกขึ้น
" ข้อแรกถามว่า ครั้งแรกที่เจอกันนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร !!! "
พอผู้คนได้ยินก็ร้องชมชอบใจคำถามนี้เป็นการใหญ่ เจ้าชายกับรีน่าหันมามองหน้ากัน แต่ไม่ทันที่เขาทั้งสองจะคิดอะไร เจ้าตัวตลกก็เริ่มถามคู่รักคู่แรกที่อยู่ทางด้านขวาสุดเสียแล้ว
โดยที่คู่แรกบอกว่าได้เจอกันครั้งแรกเพราะตอนนั้นเรือโคลงเคลง ฝ่ายหญิงเซ ฝ่ายชายเห็นเลยเข้าไปช่วย ผู้คนปรบมือชอบใจเป็นการใหญ่ จากนั้นเจ้าตัวตลกก็ถามไปเรื่อยๆ โดยที่เจ้าชาย และรีน่าถือว่าเป็นคู่สุดท้าย มีบางคู่บอกว่าเพราะจูงสุนัขไปเดินเล่น แล้วสุนัขทั้งสองกัดกันเลยรู้จักกันก็มี จนกระทั่งในที่สุดก็ถึงคิวของคู่เจ้าชาย
ผู้คนต่างจับตามองคู่ของเขาเป็นพิเศษ มีบางคนคิดว่าคงเป็นการเจอกันที่โรแมนติกเป็นที่สุด เพราะดูจากการแต่งตัวที่คล้ายกันของทั้งสองคน แต่พอได้ยินเจ้าชายบอกว่าตอนนั้นเขาเข้าไปช่วยเด็กชายที่กำลังโดนซ้อมแล้วรีน่ามาเห็นทุกคนก็เงียบไปในทันที
เจ้าชายมองไปรอบๆไม่ทราบว่ากล่าวอะไรผิด คาดว่าตัวเองคงจะต้องตกรอบแรกแล้วแน่ๆ แต่ไม่ทันไรเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นมาทันที ผู้คนรอบๆกลับชอบเรื่องราวของเจ้าชายเป็นพิเศษถึงกับต้องเงียบไปพักหนึ่ง บางคนถึงกับคิดว่าเป็นการพบที่วิเศษที่สุดเลยก็ว่าได้
" เอาละครั้ง ตอนนี้ก็ถึงเวลาตัดสินแล้วนะครับ ขอให้ทุกคนช่วยกันกดคะแนนเลือกคู่ที่ท่านชอบด้วยนะครับ "
พิธีกรตัวตลกกล่าวขึ้น จากนั้นเสียงผู้คนปรึกษากันว่าจะให้คะแนนคู่ไหนดีดังขึ้นสักพัก ตัวเลขข้างบนหัวของคู่รักแต่ละคนก็วิ่งขึ้น
จากนั้นเมื่อตัวเลขหยุดลงหมด พิธีกรตัวตลกก็มองไปยังตัวเลขพร้อมกับยิ้มและกล่าวขึ้น
" เอาละครับ ในที่สุดเราก็ได้คะแนนกันเรียบร้อยแล้วนะครับ ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับคู่แรกที่จะต้องลงจากเวทีนี้ไปก่อนด้วยนะครับ คู่แรกที่จะต้องลงไปก่อนก็คือ "
เจ้าตัวตลกชี้ไปที่คู่รักคู่ที่สี่ ซึ่งได้คะแนนเพียงสามคะแนนจากร้อยเท่านั้น คู่รักคู่อื่นๆก็หันไปดูคะแนนของตัวเอง เจ้าชายก็เช่นกัน แต่เขาก็ต้องตกใจเนื่องจากคะแนนของเขานั้นได้มากถึงสี่สิบห้าคะแนน ซึ่งถือว่ามากเป็นอันดับหนึ่งของคู่รักทั้งสิบเลยทีเดียว
พิธีกรตัวตลกได้มอบของขวัญเล็กๆน้อยๆให้กับคู่รักที่ต้องลงไปก่อน จากนั้นก็เริ่มคำถามข้อที่สองต่อ และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงรอบที่เก้า เจ้าชายเองคิดว่าตัวเองต้องตกรอบสักทีเพราะคำถามนั้นถามว่าต้องสองคนมีฉายาว่าอะไรบ้าง
โดยที่เจ้าชายก็ตอบไปตรงๆว่ามีฉายาว่าเจ้าเช้ากับเจ้าหญิง ซึ่งเขาคิดว่าผู้คนจะต้องโห่เขาแน่นอน เนื่องจากมันดูเว่อร์เกินไป แต่แล้วคะแนนที่ออกมาก็พบว่าคู่ของเขายังคงได้คะแนนเยอะที่สุดอยู่ดี โดยที่คู่ที่บอกว่าฉายาพริกขี้หนู กับหมูแฮมเป็นอันต้องตกรอบไป
" โอ้ว!!!! ในที่สุดก็ถึงเวลาตัดสินกันสักทีนะครับ ตอนนี้คู่รักที่เหลืออยู่บนเวทีเหลือเพียงแค่สองคู่เท่านั้น และต่อจากนี้ไปก็เป็นคำถามสุดท้ายแล้วนะครับ โดยเราจะถามฝ่ายหญิงว่า ถ้าตอนนี้มีสิ่งที่อยากจะบอกฝ่ายชายที่สุด ฝ่ายหญิงอยากจะบอกฝ่ายชายว่าอะไรครับ !!!! "
พิธีกรตัวตลกกล่าวจบผู้คนปรบมือพร้อมกับส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเป็นการใหญ่ นั่นเป็นเพราะนี่เป็นคำถามที่โดนใจผู้คนจริงๆ เจ้าชายหันหน้ามามองรีน่าเห็นเธอทำท่าคิดอะไรสักอย่างอยู่ ตัวเองก็เกิดอายขึ้นมาทันที
' สิ่งที่อยากจะบอกงั้นหรอ อย่าบอกนะว่า . '
ขณะที่เจ้าชายกำลังคิดอะไรอยู่นั้น เสียงของพิธีกรตัวตลกก็ดึงเขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง โดยคู่เริ่มถามอีกคู่ก่อน
ซึ่งก็ได้ยินฝ่ายหญิงกล่าวว่า
" เอมี่รักเซตมากที่สุดเลยนะค่ะ "
พร้อมด้วยเสียงปรบมือดังลั่น เสียงคนเชียร์เป็นการใหญ่ เจ้าชายเองเมื่อได้ยินก็รู้สึกว่าคู่นี้คงรักกันมาจริงๆ จากนั้นรู้สึกหัวใจตัวเองเต้นแรงยังไงบอกไม่ถูก รู้สึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัวคล้ายเหลือแค่เขากับรีน่าเท่านั้น พิธีกรตัวตลกค่อยๆเดินมาหาเขากับรีน่าแล้วในตอนนี้
เห็นพิธีกรตัวตลกทวนคำถามซ้ำจากนั้นก็ยื่นไมค์ไปให้รีน่าแล้ว
" สิ่งที่อยากบอกมากที่สุดตอนนี้น่ะหรอค่ะ " เจ้าชายไม่ทราบเป็นอะไรใจเต้น แรงขึ้นไปอีก และแล้วรีน่าก็กล่าวต่อ
" สิ่งที่อยากบอกมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ สุขสันต์วันเกิดนะ ! " รีน่ากล่าวพร้อมกับหันมายิ้มให้กับเจ้าชาย เจ้าชายเองแม้จะผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็อดดีใจไม่ได้
แต่ตอนนี้เจ้าชายเองก็รู้แล้วว่าผู้ที่ชนะจะเป็นคู่ของใคร พลางคิดในใจ ' เราคงมาได้แค่นี้สินะ แต่ก็ดีใจจริงๆ ที่ได้เสียงคำว่า สุขสันต์วันเกิดจากปากเธอ ไม่คิดว่าจะได้ยินแล้ว '
จากนั้นโดยไม่ต้องบอกกล่าวทุกคนก็เริ่มกดให้คะแนนคู่รักที่ตนเองชอบแล้ว เจ้าชายเองก็รู้ดีว่าตัวเองต้องไม่ชนะแน่ เพราะตอนที่รีน่ากล่าวออกมานั้นผู้คนโดยรอบเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงปรบมือสักนิดเดียวผิดกันกับรอบที่ผ่านๆมา
และแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าคะแนนได้หยุดวิ่งลงแล้ว พิธีกรตัวตลกทำท่าตกตะลึงจากนั้นยิ้มเป็นการใหญ่
" โอ้ว!!! ในที่สุดเราก็ได้คู่รักที่ชนะการแข่งครั้งนี้แล้วละครับ แถมยังชนะด้วยคะแนนที่เป็นเอกฉันท์ด้วยสิครับ "
จากนั้นได้ยินเสียงผู้คนโห่ร้อง บางคนตะโกนออกมาว่า " ใช่ๆ คู่นี้แหละโดนใจที่สุด "
เจ้าชายเมื่อได้ยินคำว่าโดนใจที่สุดก็รู้แล้วว่าต้องเป็นคู่ก่อนหน้าเขาแน่ เพราะการบอกรักกันแสดงว่าสมควรที่จะเป็นคู่รักที่รักกันมากจริงๆ
" และผู้ชนะคู่รักในวันนี้ก็คือ ."
ทุกคนนั้นคล้ายเตรียมการแสดงความยินดีให้กับคู่รักอีกคู่หนึ่ง
" คู่ของเจ้าหญิง และเจ้าชายคร๊าบ !!!!! "
เสียงปรบมือดังลั่น และเสียงกรี๊ดกร๊าดดังสนั่น เจ้าชาย และรีน่าเองแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ส่วนคู่รักอีกคู่ก็เช่นกันโดยเฉพาะฝ่ายหญิงถึงกับทำหน้าไม่พอใจการตัดสินในครั้งนี้อย่างแรง เนื่องจากคะแนนที่ปรากฏอยู่นั้นเป็นเก้าสิบเก้าต่อร้อยนั่นเอง
เจ้าชายหันไปมองหน้ารีน่า จากนั้นไม่ทราบจะกล่าวอะไรดี เห็นเธอยิ้มมาให้ด้วยเช่นกัน จากนั้นพิธีกรตัวตลกก็กล่าวเสริมมา คล้ายอยากให้คู่รักอีกคู่หนึ่งเข้าใจ
" คะแนนออกมาเป็นเช่นนี้ อาจเป็นเพราะว่าหลายคนเห็นว่าความรักนั้นไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยคำพูดเสมอไป การกระทำต่างหากที่สำคัญกว่า ยิ่งได้ยินคำพูดที่ว่า สุขสันต์วันเกิดยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจซึ่งกันและกัน นี่นับว่าโดนใจหลายคนมากเลยทีเดียว ดังนั้นก็ต้องขอแสดงความยินดีให้กับคู่เจ้าหญิงและเจ้าชายด้วยนะครับ !!! " จากนั้นกล่าวเสียงเบา " และก็ขอแสดงความเสียใจแก่คู่รักที่ต้องตกรอบไปด้วยนะครับ "
พิธีกรตัวตลกกล่าวคล้ายแอบหมั่นไส้คู่รักคู่นั้นด้วย และดูท่าเขาจะชอบคู่เจ้าชาย และเจ้าหญิงเป็นอย่างมาก
รีน่าเมื่อได้ยินคำว่าที่ว่า สุขสันต์วันเกิดเป็นการแสดงความใส่ใจแก่เจ้าชายก็อดเขินไม่ได้ เสียงปรบมือยังคงดังอย่างไม่ขาดสาย และพรุก็ถูกจุดขึ้นมา คราวนี้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นมืดแล้วถึงจะยังไม่มืดสนิทแต่ก็ทำให้แสงไฟของพรุนั้นส่องสว่างสวยงามขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง
เจ้าชายมองหน้ารีน่า เห็นหน้าของเธอภายใต้แสงไฟสวยงามเป็นอย่างยิ่ง อดยิ้มในใจไม่ได้
แต่ภายใต้แสงปรบมือแสดงความยินดี และพรุที่จุดประกายสวยงามอยู่นั้น ใครจะทราบว่ามีสายตาชิงชังหลายคู่มองมายังเจ้าชาย
หลังจากที่พิธีกรตัวตลกมอบของรางวัลพิเศษให้กับเจ้าชาย และรีน่าแล้วก็กล่าวขอบคุณทุกคนที่อุส่าห์มาเที่ยว และร่วมสนุกกับงานในครั้งนี้แล้ว เจ้าชายกับรีน่าก็คิดว่าน่าจะได้เวลาที่จะต้องกลับกันแล้ว
แต่รีน่ากลับชวนเขาไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้า เจ้าชายความจริงคิดอยากขึ้นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงขึ้นไปสักหน่อย
และมันก็ทำให้เขารู้ว่าความสวยงามของมุมมองที่มองจากข้างบนลงไปข้างล่างนั้นมันเป็นเช่นไร แสงไฟจากนั้นสวนสนุกที่เปิดสว่างไสวไปทั่วนั้นชวนให้บรรยากาศที่อยู่ข้างบนนี้ดีขึ้นมาจริงๆ
เจ้าชายมองผ่านกระจกออกไปมองบรรยากาศเบื้องล่างโดยที่ตัวเองไม่รู้เลยว่าถูกสายตาของรีน่าจับมองอยู่ตลอดเวลา
' เราจะให้เขาเลยดีไหมนะ '
" นี่ลองดูที่นั่นสิ ตรงนั้นไงที่เราเล่นไวกิ้งกันไงละ " รีน่าต้องซุกของสิ่งหนึ่งกับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทันที เมื่อเจ้าชายหันมาชวนให้มองไปยังเรือไวกิ้งซึ่งทั้งสองเล่นเมื่อเช้านี้ เรือไวกิ้งในตอนนี้ต่างจากตอนเช้านักตรงที่บนเรือก็เปิดไฟสว่างไสวดูแล้วซ้ายกับเรือในความฝันของเด็กๆ
' ไว้ตอนกลับแล้วเราค่อยให้เขาดีกว่า '
รีน่าคิดจากนั้นก็ยิ้มขึ้น คล้ายอยากให้เวลานั้นมาถึงเร็วๆ ทันใดนั้นเสียงแปะๆ ก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา บนกระจกกระเช้ามีจุดน้ำเม็ดเล็กๆตกลงมา ใช่แล้วฝนเริ่มตกแล้วนั่นเอง เพียงแต่ว่าเพิ่งจะตกเพียง ปอยๆเท่านั้น
" แย่แล้วสิ ถ้าเกิดฝนตกหนักละก็แย่แน่ๆเลย ถ้าลงไปแล้วต้องรีบกลับกันแล้วละ " เจ้าชายกล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยอยากเปียกฝนเท่าไหร่นัก
ที่เบื้องล่างเครื่องเล่นกระเช้านั่นปรากฏเด็กหนุ่มประมาณสิบคน โดยแต่ละคนนั้นมีสีหน้าไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง ได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นโดยคนที่พูดนั้นคือ เด็กหนุ่มผิวคล้ำตัวใหญ่ ผมหยิกๆ มีรอยบากที่แก้มซ้าย
" แหม บังเอิญจริงๆเลยนะครับ ที่พวกเราเห็นมันเข้าเมื่อเย็นนี้น่ะครับ "
ใช่แล้วเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือ เด็กหนุ่มที่ขู่เอาเงินนายแว่น แล้วเจ้าชายเขามาขวาง และเขาก็เป็นหนึ่งในแก๊งเอ็ดดี้นั่นเอง
" หึ ดูท่าโชคจะไม่เข้าข้างแกเลยนะเจ้าชาย คราวนี้แหละชั้นจะทำให้แกได้รู้ว่าการมายุ่งกับคนอย่างชั้นมันเป็นอย่างไร ถือเป็นของขวัญวันเกิดแกเลยละกัน ฮ่าๆๆๆ "
คนที่พูดก็คือ เด็กหนุ่มหน้าแหลมผมตั้งหัวหน้าแก๊งเอ็ดดี้นั่นเอง
" เราจะจัดการมันตอนมันลงมาเลยดีไหมครับ " เด็กหนุ่มหน้าบากถาม
" อย่าเพิ่ง ตรงนี้ยังมีคนอยู่เอาเป็นว่าพอมันลงมาเราก็ตามมันไปเรื่อยๆก่อนแล้วกัน บอกพวกของเราข้างนอกสวนสนุกด้วยว่าวันนี้ชั้นมีอะไรสนุกๆให้ทำ "
" ได้ครับ "
เมื่อเห็นกระเช้าหยุดลง และผู้คนเริ่มลงมากันแล้วเด็กหนุ่มหน้าแหลมก็สั่งให้พวกไปหลบมองดูห่างๆ
เจ้าชาย หลังจากค่อยๆก้าวลงจากเครื่องก็รู้สึกว่าฝนตกมากขึ้นทุกทีแล้ว เจ้าชายกลัวรีน่าจะเป็นหวัดแต่ตนเองก็ไม่มีร่ม หรืออะไรที่สามารถกันฝนได้เลย ดังนั้นคิดโทษตัวเอง แต่ขณะที่กำลังจะโทษว่าตัวเองนั้นรีน่าก็สะกิดเขา
" นี่ไม่รีบเดินเดี๋ยวก็เปียกหรอก เอ๊า " พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าของเธอให้เป็นเชิงว่าเอาไว้กันฝนเถอะ ส่วนตัวเธอนั้นไม่เป็นไรอยู่แล้วเพราะเธอใช้หมวกที่ติดมากับเสื้อแจ็กเก็ตของเธอมาคลุมหัวเรียบร้อยแล้ว
" อืม ขอบใจนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เรารีบไปกันเถอะ " เจ้าชายกล่าวพร้อมกับรีบก้าวออกไป โดยไม่เอาผ้าเช็ดหน้าของรีน่ามาใช้
ทั้งสองกึ่งเดินกึ่งวิ่งเป็นเวลาไม่นานนักก็มาถึงทางหน้าสวนสนุก แต่ตอนนี้ฝนเริ่มตกมามากแล้ว เมื่อมองไปด้านหน้าพบว่าบริเวณป้ายรถประจำทางเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ซึ่งแทบจะไม่มีที่ให้ยืนหลบฝนได้เลยแม้แต่น้อย
เจ้าชายนั้นเห็นท่าไม่ได้การเลยบอกกับรีน่าว่า
" นี่พวกเราเรียกแท็กซี่กันกลับดีกว่านะ "
" อืม ก็ดีเหมือนกัน "
แต่ที่เรียกรถแท็กซี่อยู่คนละที่กับบริเวณป้ายเรียกรถประจำทาง หรือหากคิดจะยืนรอรถแท็กซี่ตรงป้ายรถประจำทางละก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน เนื่องจากเมืองนี้ได้มีการจัดระบบการจราจรเป็นอย่างดี โดยเฉพาะที่สวนสนุกแห่งนี้ซึ่งมีผู้คนมากมายต่อวันหากไม่มีการจัดระบบที่ดีพอละก็รถคงทำให้รถที่จะมาที่นี่ติดมากมายเลยทีเดียว
เจ้าชายพยายามเดินไปให้ถึงที่เรียกรถแท็กซี่ให้เร็วที่สุด แต่ทางที่จะไปไม่ใช่ใกล้ๆเลย บัดนี้ท้องฟ้ามืดมิดฝนที่ตกลงมาก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ภายใต้สายฝนเจ้าชายไหนเลยทราบได้ว่ามีคนหลายสิบคนกำลังติดตามเขาอยู่
" เฮ้อ ถ้าฝนตกหนักกว่านี้คงไม่ไหวแน่ เราไปทางลัดกันดีไหม " เจ้าชายบอกรีน่า ซึ่งเธอก็9v[ตกลง โดยทางลัดที่ว่านั้นเป็นทางแคบเล็กๆคล้ายๆซอยซึ่งสามารถเดินตัดผ่านไปถึงที่เรียกแท็กซี่ได้ เจ้าชายรู้จักทางลัดนี้เมื่อมาแถวที่นี่ครั้งก่อนกับพวกเพื่อนๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ตัดสินใจพารีน่าไปยังทางลัดโดยเร็ว
___________________________________
ความคิดเห็น