ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #41 : บทเรียนที่ 36 สามวันของแต่ละคน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.96K
      46
      16 ม.ค. 51

                                                            บทเรียนที่ 36   สามวันของแต่ละคน

     

     

     

     

     

    โซเฟียไม่ได้โซโล่กลับจริงๆ  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การแสดงล่มลงแต่อย่างใด  เพราะสิ่งที่เธอโต้กลับมิวไปนั้นเป็นการตีคอร์ดแบบกวนๆ ซึ่งเข้ากับจังหวะการโซโล่ของมิวได้เป็นอย่างดี  แถมยังสามารถส่งกลับให้มิวโซโล่ได้อีกด้วย

     

    นับว่ามีไหวพริบดี สมกับเป็นเจ้าหญิงแห่งความกวนจริงๆ  วาที่ยืนมองอยู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

     

    ทั้งสองยังคงโต้ตอบกันไปเรื่อยๆ จนจังหวะเริ่มเร็วขึ้นๆ  แต่ก็ยังคงเล่นกันได้อย่างไม่พลาดเลย 

     

    วู้ๆ '

     

    เสียงเชียร์ดังตามจังหวะที่เร่งขึ้นเรื่อยๆ

     

    และในที่สุดมิวก็โซโล่ด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะยกมือขวาขึ้นกางอากาศ พร้อมกับเสียงกีต้าร์ที่ลากยาวเป็นการบอกว่า ยุติความบ้าแต่เพียงเท่านี้

     

    ' เอาอีกๆ '

     

    เสียงตะโกนดังจากผู้ชมทุกคน เช่นเดียวกันกับตอนที่พิชากิโซโล่กลองไม่มีผิด  ซึ่งมิวนั้นก็ไม่รอช้ารีบวิ่งกลับที่ไปกุมไมค์  โดยที่ทุกคนยังคงพยายามคุมจังหวะดนตรีให้อยู่

     

    " ว่ายังไงนะ !!! " มิวทำท่าเอียงหู

     

    เอาอีกๆ ’

     

    เสียงตอบจากผู้ชมดังขึ้น  นั่นทำให้รอยยิ้มปรากฎกว้างขึ้นบนใบหน้าของมิว 

     

    มิวหันหลังกลับไปมองเพื่อนร่วมวงพร้อมกับพยักหน้าให้เป็นเชิงว่า ' คุมจังหวะกันดีๆละ ขอโซโล่อีกรอบหนึ่งนะ '

     

    วาแม้จะถูกแย่งซีนส์ แต่การได้ยืนมองดูมิวโซโล่กีต้าร์แบบนี้นับว่าคุ้มค่าแบบสุดๆ และวาก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกแย่งความสนใจหรือไม่ เพราะนี่คือ วง ไม่ใช่การประกวดร้องเดี่ยว  การที่ทุกคนเข้าใจกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด  เพียงแต่ความคิดเช่นนี้หาได้น้อยนัก  จึงไม่แปลกที่ทำให้วงหลายวงที่ไม่เข้าใจกันต้องแยกวงกันออกไป

     

    " เอาละ ในเมื่อกระแสแฟนๆเรียกร้องเราก็จะเล่นให้อีกรอบก็แล้วกัน " คำพูดนี้ฟังดูคุ้นๆ แฮะวาคิด

     

     " ONE MORE TIME EVERYBODY , LET THE MUSIC TAKE CONTROL AGAIN !!!! " มิวเลียนแบบคำพูดของโซเฟีย  จากนั้นตั้งท่าโซโล่อีกครั้ง

     

    แล้วการโซโล่อันสุดยอดครั้งสุดท้ายประจำวันนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น มิวกำลังพาทุกคนเข้าไปสัมพัสกับโลกของเขา  ซึ่งก็ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆสำหรับความสุดยอด ที่แม้แต่พิชากิ ซึ่งยืนดูอยู่ถึงกับอยากจะกระโจนเข้าไปร่วมวงเล่นด้วย

     

    และพริบตานั้นเองราวกับคำสั่งจากเบื้องบน  เท้า และมือของเบต้าก็ปรับการตีกลองของเขาให้เปลี่ยนจังหวะ กลับเข้าสู่ท่อนธรรมดาในทันที  ทั้งนีโอ นิค และโซเฟียนั้นก็เป็นอันรู้กันเปลี่ยนการเล่นของตนให้กลับไปท่อนปกติในทันที

     

    มิวนั้นหลังจากแสดงการโซโล่อันสุดยอดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ลดเสียงกีต้าร์ของตนเข้ามาเล่นคลอกับวงตามปกติ   ส่วนวานั้นแม้จะทึ่งกับการเล่นของทุกคน แต่ก็ไม่ถึงกับไม่รู้  เพราะเป็นคนฟังดนตรีบ่อย บวกกับพรสวรรค์เล็กน้อย  ก็สามารถร้องขึ้นได้ทุกจังหวะอย่างพอดิบพอดี 

     

    ดูท่าหลังจากงานนี้สงสัยต้องเลี้ยงฉลองกันสักหน่อยแล้ว เนื่องในโอกาสเข้ากันได้ดีกันทั้งวงขนาดนี้

     

    ' และ ชั้นต้องทำให้ได้ เริ่มจากวันนี้................... '

     

    หลังจากผ่านการร้องไปสองท่อน พร้อมกับท่อนโซโล่แล้วในที่สุดก็ถึงตอนท้ายของเพลงเสียที  จังหวะเพลงเริ่มเร่งขึ้นเรื่อยๆ  ดนตรีที่ตอนแรกดูเหมือนต่างคนต่างเล่น กลับผสมเสียงกันได้อย่างลงตัว ต้องขอขอบคุณคนแต่งเพลงที่สามารถแต่งได้ถึงขนาดนี้  และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ทุกคนสามารถเล่นได้อย่างลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อถึงคราวเล่นจริงๆ

     

    เสียงกลองของเบต้าดังตุบๆ เรียกจังหวะชวนให้กระโดดตาม  ซึ่งนั่นก็ทำให้วากระโดดขึ้นจริงๆ  โดยที่มิวก็ไม่ยอมน้อยหน้ากระโดดตามไปสักพักก่อนที่จะโซโล่กีต้าร์ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ดนตรีที่เล่นอยู่ในตอนนี้น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง  ราวกับอยู่ในความฝัน และเป็นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่า เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนเกิดพลังเพื่อทำตามความฝัน ดั่งความหมายที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเพลง ครึ่งๆกลางๆ จริงๆ

     

    ' อยากเป็นอย่างคนนั้น อยากเป็นอย่างคนนี้ อยากเป็นอย่างเขาเสียที...............เฮ เย้ '  วาหลบเสียงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ จนคนฟังถึงกับขนลุกไปตามๆกัน นักเรียนหญิงหลายคนถึงกับเริ่มหันมาสนใจวา  

     

    นับถอยหลังเป็นวินาทีก็ได้ช่วงเวลาแห่งการสิ้นสุดใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ท่อนร้องเริ่มน้อยลงเน้นการเล่นของดนตรีแทน  ซึ่งทุกคนก็กำลังพยายามเล่นกันอย่างเต็มที่

     

    จนในที่สุดดนตรีก็เงียบลง พร้อมเสียงกีต้าร์ เบส คีย์บอร์ดที่ลากยาว  ก่อนที่นักร้องนำที่เกิดใหม่ในวันนี้จะโชว์พลังเสียงพื้นๆให้ทุกคนได้ขนลุกเล่นเป็นครั้งสุดท้าย

     

    ' และ พอ กัน ที ความครึ่งๆ กลางๆ..................................ฮืม อืม............  '    วาเอื้อนเสียงยาว ที่ตัวเขาในตอนนั้นยังไม่ทราบว่าตัวเองทำได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด เรียกได้ว่า ' let the music take control ' ตามที่โซเฟียบอกไว้ไม่ผิดจริงๆ

     

    และเสียงดนตรีครั้งสุดท้ายก็ดังขึ้นเป็นการปิดการเล่นลงอย่างสมบรูณ์ เสียงกลองของเบต้ารั่วขึ้นครั้งสุดท้าย และส่งกลองจบลงพร้อมกับเสียงสุดท้ายของกีต้าร์ เบส และคีย์บอร์ด พร้อมกับเสียงฮัมเพลงของวา

     

    " ขอบคุณมากครับ "  วากล่าวเสียงนุ่มให้กับทุกคน

     

    ราวกับโลกแตก เสียงปรบมือดังไปทั่วบริเวณนั้น วาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน คล้ายกับตนเองกำลังฝันไป  เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะทำได้  ไม่เคยแม้แต่จะกล้าคิด แต่ว่าวันนี้เขาก็ทำได้แล้ว การร้องเพลงบนเวทีครั้งแรกของเขา

     

    ความจริงความฝันกับความจริงนั้นต่างกันเพียงแค่คำๆเดียวเท่านั้น คือ  ' ทำกับไม่ทำ '

     

    เสียงเชียร์ยังคงดังอย่างไม่ขาดสาย  มิวโบกมือไปมาเรียกคะแนนจากแฟนๆ นีโอนั้นโค้งคำนับอย่างสุภาพ เสือใบ้นิคเพียงยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนโซเฟียปาดเหงื่อพร้อมกับถอนหายใจแล้วยิ้มอย่างโล่งอกที่ผ่านพ้นมาได้

     

    วานั้นไม่ทราบจะทำอย่างไรต่อไปดี จึงหันไปทางมิว ซึ่งดูเหมือนจะรู้งานที่สุด  และมิวก็รู้ดีว่าวากำลังคิดอะไรจึงพยักหน้ากับวา

     

    " โอเคๆ ถ้าอย่างนั้นนายก็บอกลาแฟนๆซะ เราจะได้ลงไปสงบจิตสงบใจข้างล่างกันที ฮ่าๆ "

     

    วายิ้มก่อนที่จะกล่าวออกไมค์

     

    " เอาละครับ การเล่นของพวกเรา GENSO ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้นะครับ ถ้ามีโอกาสหวังว่าพวกเราคงได้พบกันใหม่ สวัสดีครับ............"

     

    พร้อมกับเสียงปรบมือแสดงความชอบใจครั้งสุดท้ายที่ดังขึ้น

     

    วาเปาลมออกจากปาก  ทุกคนจัดวาง และเก็บเครื่องดนตรีให้เข้าที่ดังเดิมเสร็จเรียบร้อย    ขณะที่กำลังจะลงจากเวทีนั้นเด็กชายนักประกาศเจ้าเก่าก็รีบขึ้นมาบนเวทีหยุดทุกคนเอาไว้ก่อน

     

    " เดี๋ยวก่อนครับๆอย่าเพิ่งไปไหนกันนะครับ รอฟังคำติชมจากคณะกรรมการของเรากันก่อนนะครับ  " เสียงก้องผ่านไมค์ปรับอารมณ์ให้เข้าสู่โหมดพร้อมฟังคำวิจารณ์

     

    โซเฟียหัวเราะแหะๆ ตอนนี้ทุกคนพากันมายืนเรียงกันเป็นหน้าประดาน

     

    " แหม สุดยอดสมกับที่นักร้องนำวงที่แล้วบอกไว้จริงๆนะครับ คงจะซ้อมกันมายกใหญ่เลยนะครับเนี่ย วงGENSOของเรา " เด็กชายนักประกาศกล่าวกับผู้ชม

     

    เมื่อได้ยินคำว่า ซ้อมกันมายกใหญ่ โซเฟียก็หัวเราะออกมาเป็นคนแรก ตามด้วยวา มิว และเบต้า  ซึ่งเบต้าดูหน้าตาเจ้าเล่ห์ที่สุด

     

    " ฮะ แฮ่ม "  เสียงของโนโต้ดังขึ้น หยุดการโฆษณาของเด็กชายนักประกาศ

     

    " แหม ก็ว่าไปนั่น เอาละครับ ขอเชิญคณะกรรมการติชมได้เลยครับ "

     

    โนโต้ทำท่าเหมือนจะพูดก่อนเป็นคนแรก ซึ่งตามลำดับแล้วโนโต้ก็ควรจะเป็นคนพูดก่อนคนแรกจริงๆ แต่เงาจันทร์ทราบว่าหากโนโต้พูดก่อนคงจะต้องพูดอะไรไม่ค่อยเข้าท่าแน่นอน  แต่หากได้ยินคนอื่นกล่าวชมโนโต้คงจะชมตามตามระเบียบ จึงรีบชิงกล่าวก่อน

     

    " ก่อนอื่นต้องขอชมจากใจจริงเลยนะครับ ว่าสุดยอดมากๆ โดยเฉพาะตอนเซตเสียงเนี่ย มีการเล่นกลโชว์ไปด้วย ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ดีนะครับ " เงาจันทร์ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เสียเวลา แต่กลับกล่าวชมกลบเกลื่อนแทน วา และเพื่อนๆที่ยืนฟังอยู่อดจะอมยิ้มไม่ได้   " แล้วก็เล่นออกมาได้มันส์มาก โดยเฉพาะตอนโซโล่เนี่ยคงจะเล่นสดๆเลยใช่ไหมครับมือกีค้าร์ "

     

    ' สายตาแหลมดีนิ '  มิวยิ้ม พยักหน้ารับ

     

    " ยังไงก็............. " เงาจันทร์ประสานมือยิ้มให้กับทุกคน " หวังว่าคงจะเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศนะครับ ขอบคุณครับ "

     

    เสียงปรบมือดังขึ้นแสดงความยินดีที่พวกวาได้รับคำชม  ต่อจากนั้นก็เป็นคราวก่อนอาจารย์สาวเอวี่

     

    " รู้สึกว่า ตั้งแต่วงนี้ขึ้นมาบนเวที  ก็เริ่มสร้างความประหลาดใจให้แก่คนดูได้แล้ว........... " อาจารย์เอวี่เว้นวรรคให้ชวนคิดว่า นั่นใช่คำชมหรือไม่  " แหม ก็เล่นแสดงมายากล ไอ้เราก็ตกใจ นึกว่ามาผิดงาน แต่ที่ไหนได้ พอดนตรีขึ้นเท่านั้นกลับเล่นได้สุดยอดเหมือนไม่ใช่งานประกวดเลยแน่ะ นึกว่ามาคอนเสริต์ "

     

    กล่าวจบเสียงฮา พร้อมกับเสียงเชียร์ปรบมือก็ดังก้องขึ้น คงเพราะติดใตสไตล์การพูดของอาจารย์เอวี่ที่ชอบมาชมแบบอ้อมๆทีหลัง

     

    " ส่วนมือกีต้าร์นี่ก็เล่นได้แบบหลุดโลกดีนะค่ะ แล้วก็.............." หันหน้าไปมองวา " นักร้องนำใช่ไหมค่ะ "

     

    วาพยักหน้ารับ

     

    " อยากจะบอกว่า หนูมีการร้องที่ดีแล้ว แต่ถ้าไปฝึกพลังเสียงมาอีกสักนิด บวกกับเพิ่มอารมณ์เข้าไปอีกหน่อย นี่คนคงนึกว่าเป็นดารา................"

     

    ' ฮ่าๆๆๆ ' เสียงหัวเราะดังไปทั่ว ส่วนวานั้นยิ้มรับอย่างสุภาพ

     

    " แล้วก็โดยภาพรวมแล้วเล่นออกมาได้ดีมาก วงอะไรนะ เก็น โช เก็นโซ ใช่ไหม "  ทุกคนพยักหน้า  " ก็หวังว่าจะได้พบกันในรอบชิงนะจ๊ะ "

     

    เสียงปรบมือดังอย่างสะใจให้คำวิจารณ์ที่เมามันของอาจารย์เอวี่ ต่อด้วยเสียงนุ่ม พริวไหว ราวกับจะชวนให้ตัวลอยของพี่ป๊อป บุษบา

     

    " อืม จะขอติก่อนก็แล้วกันนะครับ ตอนเซตเสียงใช้เวลานานไปหน่อย แล้วก็อย่างที่อาจารย์เอวี่บอกนะครับ นักร้องร้องดีแล้ว แต่ยังขาดพลังเสียงไปบ้าง  " พี่ป๊อปทำหน้านิ่ง ก่อนจะกล่าวคำชม  " แต่ก็นะครับ การเล่นมันก็ต้องมีเรื่องผิดพลาดกันบ้าง ซึ่งพวกเราก็แก้สถานการณ์ได้ดี โดยเฉพาะนักร้องนำ ที่เอากลมาเล่นฆ่าเวลา เยี่ยมมาก " พี่ป๊อปชูนิ้วโป้งให้วา

     

    " ส่วนการเล่นวงนี่ขอชมเลยว่า เยี่ยมมาก เรียนจบแล้วสนใจจะเข้าค่ายเพลงเมื่อไหร่ มาบอกพี่ก็แล้วกันนะ โดยเฉพาะมือกีต้าร์ พี่ว่าพี่ๆที่ค่ายเพลงคงจะถูกใจเราเป็นพิเศษแน่ๆ " พร้อมชูนิ้วโป้งให้กับมิว ซึ่งมิวถึงกับแทบน้ำตาไหล ก้มหัวขอบคุณเป็นการใหญ่

     

    แล้วก็มาถึงคนสุดท้ายที่ทุกคนแสนจะรอคอย

     

    " ฮะ แฮ่ม " โนโต้ตอนแรกกะจะกล่าวติเสียงหน่อย แต่เมื่อเห็นทุกคนเห็นดีเห็นงามจึงเปลี่ยนเป็นกล่าวชมแทน " แหม เล่นกันได้ขนาดนี้นี่สุดยอดจริงๆเลยนะ พี่ชอบๆ " ซึ่งวาก็ไม่แปลกใจที่โนโต้จะกล่าวแบบนี้  ช่งไม่มีหลักการของกรรมการเสียเลย

     

    " แล้วก็น้องนักร้องนำเนี่ย ซ้อมมายากลมานานไหม " ไม่บอกก็รู้ว่า โนโต้ไม่ได้รู้เลยว่า นั่นไม่ใช่การซ้อม แต่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งกรรมการทุกคนต่างรู้กันหมด

     

    วาไม่อยากจะกล่าวอะไร เพียงแต่พยักหน้ารับ

     

    " ก็ฝึกซ้อมมาบ้างละครับ "

     

    " อ๋อหรอ แปลกดีๆ " โนโต้ลูบคลำมือไปมา พยายามหาคำวิจารณ์ที่ทำให้ตนเองดูดีที่สุด  " เอาละ พี่ก็ไม่ใช่ประเภทจะพูดอะไรมากหรอกนะ เอาเป็นว่ารู้กันก็แล้วกันนะ เล่นได้ดีมาก ชอบๆ "

     

    " ขอบคุณครับ "  วากล่าวอย่างนอบน้อม ซึ่งนั่นทำให้โนโต้ยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว พร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังขึ้นตามมารยาทของบางคน และบ้างที่ชื่นชมในตัวโนโต้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าจริงๆ โนโต้เป็นคนเช่นไร

     

    บางครั้งการไม่รู้ความจริง อาจจะดีกว่า เพียงแต่ว่าอย่างไรก็ตามความจริงก็ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ

     

     

    หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น พวกวาก็ค่อยๆเดินลงจากเวที  โดยที่วายังรู้สึกว่าเลือดของตนเองยังคงสูบฉีดอยู่

     

    " วู้.......... "  มิวเปาปากระบายอารมณ์ตื่นเต้น ก่อนจะพบว่าบริเวณด้านล่างมีนักเรียนหญิงหลายคนรอจะขอลายเซ็นจากตน ทั้งๆที่ตนเองไม่ใช่ดารา และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

     

    " หว๋า นี่มันอะไรกันเนี่ยยยยย !!! "

     

    " แฟนคลับของนายยังไงกันละ ท่าทางจะชอบไม่ใช่รึไง แหะๆ " โซเฟียทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่

     

    " แต่เยอะขนาดนี้คงจะไม่ไหวมั้ง เผ่นก่อนดีกว่าเรา " ว่าแล้วก็รีบวิ่งแทรกผู้คนหนีลับไปทันที  ทำให้ทุกคนอดขำมิวไม่ได้ ที่ปกติมักจะชอบบ่นว่า อยากมีแฟนคลับเยอะๆ   แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่มิวเพียงคนเดียวที่มีแฟนคลับเพิ่ม วา และโซเฟียเองก็มีกับเขาด้วย  และที่ดูเหมือนจะมีมากไม่แพ้มิวเลยก็คือ นิค เสือใบ้หน้านิ่งของเรานั่นเอง

     

    ดังนั้นจึงทุกคนจึงตัดสินใจกันอย่างเป็นเอกฉันท์ รีบวิ่งตามมิวไปในทันที เพราะดูท่าจะสู้พลังของแฟนคลับไม่ไหว โดยก่อนที่จะไปนั้นโซเฟีย และวาก็พากันโบกมือขอบคุณแฟนๆทุกคน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ

     

     

     

     

     

      ปรากระบี่ไร้เงา  !!!

    ดีว่าตะโกนขณะโคจรลมปราณใส่เงาที่อยู่เบื้องหน้า ปราณกระบี่พุ่งใส่เงานั้นอย่างจัง เพียงแต่ไม่สามารถทลายเงามืดนั้นลงได้

    เงามืดแทงดาบใส่ดีว่าด้วยความรวดเร็ว ซึ่งดีว่าไม่มีมีแม้แต่โอกาสจะหลบหลีก ต้องกระเด็นล้มลงบาดแผลในตอนนี้มีอยู่ทั่วตัวนับไม่ถ้วน

    แต่ดีว่าก็พยายามใช้กระบี่ประคองตัวลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะโคจรพลังลมปราณขึ้น พร้อมทำจากจู่โจมอีกครั้ง

    กระบี่สูญญากาศ !!!

    สายลมที่คล้ายใบมีดพุ่งตามพื้นเข้าใส่เงามืด แต่ทว่าก็ถูกเงามืดพังทลายไปในพริบตา ซ้ำยังสามารถโต้กระบี่สูญญากาศกลับใส่ดีว่าได้อีกด้วย

    ผลัก !’

    ดีว่ากระเด็นล้มลงอีกครั้ง 

    หึ นี่คือทั้งหมดของแกแล้วงั้นรึ ช่างน่าผิดหวังเสียจริงๆ ฮ่าๆๆๆ

    เสียงเงามืดหัวเราะใส่ดีว่า และภาพที่ปรากฎขึ้นมาเบื้องหน้าของเขาก็คือ จี ดาบคลั่งมีพัฒนาตัวเองจนดีว่าในตอนนี้ไม่สามารถจะต่อกรได้แล้ว

    เราจะต้องไม่แพ้………..

    ดีว่ากัดฟันพยายามดันตัวลุกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  แสงสว่างจากกระบี่ในมือส่องประกายเข้าตาของดีว่า  ทำให้เขาหวนนึกถึงคำพูดของพี่ชาย

    สักวันหนึ่งเราอาจจะได้มีโอกาสสู้กับคนที่เอาชนะพี่ได้  ถ้าถึงเวลานั้นช่วยเอาชนะเขาแทนพี่ด้วยนะ

    ภาพพี่ชายตอนอยู่ในห้องพยาบาล ที่กล่าวพร้อมตาที่กำลังแดงกล่ำ ยังคงอยู่ในความทรงจำของดีว่าตลอดมา

    พี่ครับ ผม………..แค่จี ดาบคลั่งที่ผมเคยเอาชนะมาได้แล้วครั้งหนึ่ง  ตอนนี้ผมยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะแทงใส่ได้สักกระบี่  แล้วจะประสาอะไรกับ…………’

    แต่ดีว่าก็ยังคงไม่ท้อถอยลุกขึ้นมาได้ พร้อมตั้งท่าเพลงกระบี่ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

    พี่จะสอนเพลงกระบี่ชุดนี้เอาไว้ให้เราสำหรับปกป้องสิ่งสำคัญของเรานะดีว่า

    เสียงของแดชที่กล่าวกับเขาในสวนหลังบ้านเมื่อสามปีก่อนดังก้องขึ้นมา 

    ต้องใช้เพลงกระบี่ชุดนี้………เพลงกระบี่ที่แม้แต่ไซโคร แนชก็ยังเกือบจะต้านทานไว้ไม่ได้ (หาอ่านได้ในบทเรียนที่ 18 ส่วนเนื้อเรื่องภายใต้เงื่อนไขดีว่าชนะ)

    เอาละนะ เพลงกระบี่…….” ดีว่ากวาดกระบี่ขึ้นเป็นวงเตรียมจู่โจมใส่จีดาบคลั่ง สุริยัน จันทราเหิน !

    พร้อมกันนั้นร่างของดีว่าก็หายไป  และปรากฎตัวขึ้นอีกทีเหนือร่างของจีดาบคลั่ง  จากนั้นตัวของดีว่าก็หมุนด้วยความรวดเร็ว จีดาบคลั่งที่ยืนอยู่ไม่สามารถแทงกระบี่ใส่ดีว่าได้เลยแม้แต่น้อย เพราะพลังลมปราณที่หมุนอยู่เป็นทั้งโล่ห์ป้องกันให้แก่ดีว่า และอาวุธในการโจมตีในเวลาเดียวกัน

    ร่างเงาของจีดาบคลั่งพลันทลายหายไปในพริบตา พร้อมกับดีว่าที่ยืนหอบใช้กระบี่ประคองตัวเอาไว้ไม่ให้ล้มไป

    ชนะแล้วอย่างนั้นหรือ ?!

    ไม่ทันจะได้คิดเสียงๆหนึ่งก็ดังก้องขึ้น

    นั่นกระบี่ของนายหรอ ?

    เสียงผู้หญิง………..?!

    เงาร่างของหญิงสาวที่ดีว่าได้พบเจอเมื่อตอนไปชมการประลองที่โรงเรียนไอแซกปรากฎขึ้น  พร้อมคำถามที่ทำให้มือที่ถือกระบี่อยู่ของดีว่าต้องสั่นระริก

    กระบี่ดวงดาว…………’

    ใช่แล้วนี่คือกระบี่ของเรา กระบี่ของพี่ที่ยกให้ก่อนที่พี่จะไปต่างประเทศ………’

    ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ดีว่ายังคงหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย  ขณะนั้นคำถามอีกข้อหนึ่งก็ถูกเอ่ยขึ้น

    แล้วนั่นใช่กระบวนท่าของคุณจริงๆหรือ ?!

    ดีว่ามือสั่นระริกมากยิ่งขึ้น จนแทบจะประคองตัวไว้ไม่ไหว

    แล้วนั่นใช่วิถีกระบี่ของคุณจริงๆหรือ ?!

    ดีว่าก้มหน้าไม่ทราบในใจตอนนี้มีความรู้สึกเช่นไร  คล้ายตกอยู่ในวงวนเดิมๆอีกครั้ง

    คำถามของหญิงสาวคนนั้นยังคงดังขึ้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดดีว่าก็หมดความอดทนตะโกนก้องพร้อมกวาดกระบี่ออก

    พอได้แล้ว…….พอสักที !!!

    แต่คราวนี้เงาร่างของหญิงสาวไม่ได้หายไป แต่อย่างใดยังคงถามคำถามเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาอยู่เช่นนั้น ดีว่ากวาดกระบี่มั่วซั่วหวังให้เงาร่างที่อยู่เบื้องหน้าอันตธานหายไป

    พอได้แล้วๆ…………..!!!

    และแสงสว่างก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าของดีว่า 

     

     

     

    ฮะ ฮะ ฮะ

    ดีว่าสะดุ้งตื่นขึ้น ในมือของเขากุมกระบี่ดวงดาวไว้แน่น เหงื่อไหลทั่วใบหน้าของเขา  รอบๆตัวของเขาในตอนนี้มีแต่ความมืดมิด ที่แท้ตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้วดีว่าเองก็ไม่อาจทราบได้ รู้แต่ที่ๆเขานั่งอยู่ในตอนนี้เป็นบริเวณสวนหลังบ้านของเขาเอง

    นี่เราฝันไปอย่างนั้นหรือ ?

    ดีว่าพยายามตั้งสติ ข่มอารมณ์ที่กำลังค้างอยู่จากฝันให้สงบลง พร้อมกับคิดย้อนเหตุการณ์ที่ทำให้เขามานอนอยู่ที่นี่ได้

    ใช่แล้วหลังจากดูการประกวดวงดนตรีของวาเสร็จ เขาก็กลับไปซ้อมกระบี่ที่ชมรมจ้าวกระบี่ แต่ก็ไม่ประสบผลแต่อย่างใด แม้การดูการประกวดวงของวา พิชากิ และวงอื่นๆจะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เขาก็ตาม 

    ดีว่ายังคงไม่สามารถค้นหาวิถีกระบี่ของเขาเองได้

    ยังดีที่คำพูดของไซโคร แนชและวาในตอนนั้นยังคอยเป็นกำลังใจให้เขาได้บ้าง

    หลังจากฝึกซ้อมจนถึงเวลาที่นัดกันไว้กับพวกวา  เขาก็เดินไปร่วมกินเลี้ยงฉลองการประกวดวงครั้งแรกที่ผ่านไปได้ด้วยดี และเนื่องในโอกาสก่อนที่จะถึงการประลอง  จากนั้นเขาก็ขอตัวออกมาก่อน

    สามวัน…………..

    ดีว่าในตอนนั้นเงยหน้ามองฟ้า ก่อนที่จะได้พูดคุยกับไซโคร แนช ซึ่งไซโคร แนชแน่ะนำว่า  หากยังสับสนอยู่ก็ควรจะหาที่ๆตนเองเรียก สมาธิได้มากที่สุด เพื่อสงบสติอารมณ์ลงเสียก่อน 

    สถานที่ๆสามารถช่วยปลุกพลังใจขึ้นมาได้……..

    และก่อนที่ดีว่าจะตัดสินใจขอลาหยุดจากอาจารย์ประจำชั้นเพื่อกลับไปยังบ้านของตนนั้น ไซโคร แนชก็ได้พูดทิ้งท้ายไว้ว่า   ถึงแม้จะสามารถหาสถานที่ๆช่วยให้จิตใจสงบได้  แต่หากใจไม่ยอมสงบเอง ก็ไม่มีที่ๆไหนจะช่วยได้หรอก เพราะคนเราต่อให้หนีความจริงไปไกลแค่ไหนก็ตาม มันก็ยังติดอยู่ในใจของเราอยู่ดี 

    ซึ่งคำพูดนี้ดีว่าก็ทราบได้ เมื่อกลับมาฝึกกระบี่ที่บ้านของตนเองอีกครั้ง

     

     

    ในตอนแรกแม้จิตใจของเขาจะสงบลงได้จริงๆ  เนื่องจากความทรงจำที่พี่ชายเคยฝึกสอนกระบี่ให้เป็นเครื่องช่วยให้กำลังใจเขาได้  แต่เมื่อฝึกไปเรื่อยๆและไม่สามารถค้นหาวิถีกระบี่ของตนเองได้  ในที่สุดคำพูดและสิ่งที่ดีว่าได้พบเมื่อครั้งไปยังโรงเรียนไอแซกก็กลับมาหลอกหล๋อนเขาอีกครั้ง  จนดีว่าได้ลืมแม้กระทั่งคำพูดที่ไซโคร แนชเคยได้สอนไว้ว่า วิถี และกระบวนท่านั้นแม้จะไปเลียนแบบมาก็ยังนับว่าเป็นกระบวนท่าได้ แต่นั่นก็คือ วิถีแห่งการเลียนแบบยังไงละ

    สองวัน………….

    ดีว่าที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น นั่งลงที่ระเบียงไม้พร้อมเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่ส่องสลัวๆ เนื่องจากถูกเฆมสีดำบดบังเอาไว้  บดบังให้ทุกสิ่งถูกกลืนอยู่ในความมืด แม้แต่ดวงดาวก็ยังส่องประกายอย่างริบหรี่

    เหลืออีกเวลาแค่สองวันเท่านั้น การประลองระหว่างสถาบันก็จะเริ่มขึ้นแล้ว……….’

    ดีว่าถอนใจอย่างหมดหวัง ตั้งแต่ฝึกกระบี่มา เขายังไม่เคยรู้สึกถอดใจเท่าครั้งนี้มาก่อน  และแล้วคำพูด และภาพการต่อสู้ในฝันเมื่อสักครู่ก็เข้ามารบกวนในจิตใจของเขาอีกครั้ง

    ในตอนนั้นถ้าหากเราใช้เพลงกระบี่สุริยัน จันทราเหินใส่จีดาบคลั่ง แล้วเราจะเอาชนะได้จริงๆงั้นหรือ ?!

    ไม่มีคำตอบ…….. ไม่มีแม้แต่ความมั่นใจ……. เขาทราบดีว่านั่นเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น  เพระจีดาบคลั่งที่เขาได้เจอในตอนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เพลงกระบี่ชุดนี้จะสามรถเอาชนะได้แล้ว หรืออย่างน้อยดีว่าก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น

    และเขาก็ไม่ได้ประเมินฝีมือของจีดาบคลั่งเกินจริงเสียด้วย เขามั่นใจอย่างนั้น 

    แม้เขาจะเคยใช้เพลงกระบี่ชุดนี้เอาชนะไซโคร แนชมาได้อย่างไม่เป็นทางการก็ตาม  แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองชนะแต่อย่างใด

    ยังไม่พอ เพลงกระบี่ชุดนี้ยังไม่พอที่จะใช้เอาชนะจีดาบคลั่ง หนำซ้ำเรายังไม่สามารถหาวิถีกระบี่ของตัวเองได้อีก…………

    และถึงแม้เราอาจจะเอาชนะจีดาบคลั่งได้ แต่ว่า……………….

    แล้วภาพของหญิงสาวคนนั้นก็ปรากฎขึ้นมาซ้อนกับภาพของจีดาบคลั่ง

    สักวันหนึ่งเราอาจจะมีโอกาสได้ประลองกับเขาก็ได้ และเมื่อถึงตอนนั้นช่วยชนะแทนพี่ด้วยนะ

    ยิ่งคิด ดีว่าก็ยิ่งมั่นใจว่า หญิงสาวผู้งดงามที่คล้ายเซียนกระบี่ผู้นั้นก็คือ เซียนกระบี่ซากุระ ผู้สามารถฝึกปราณกระบี่ได้ถึงสายที่สิบสาย ซ้ำยังสามารถเอาชนะพี่ชายของตนซึ่งเป็นที่หนึ่งของชมรมจ้าวกระบี่ได้ตั้งแต่อยู่ ม.3

    ภาพของซากุระ (ตามคำสันนิษฐานของดีว่า ) ที่ใช้กระบี่สูญญากาศซัดใส่จีดาบคลั่งเช่นเดียวกับเขาแต่ให้ผลแตกต่างกัน กำลังวิ่งวนขึ้นมาในหัวของดีว่า และภาพการร่ายกระบี่ที่สอนให้แก่เขาก็กำลังปรากฎผลั่งผลูขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน

    ทำอย่างไรดีๆๆๆๆ

    ดีว่าก้มหน้า  เขาไม่อยากเป็นตัวถ่วงของใครๆ ถึงแม้จะไม่เคยมีใครว่าเขาเลยก็ตาม 

    บางครั้งความคิดของเราเองก็เป็นฝ่ายทำร้ายเราเอง  ซึ่งนั่นอยู่ที่ว่าเราจะสามารถปล่อยวางได้หรือไม่  ดังนั้นหลายคนที่ไม่สามารถปล่อยวางได้จึงต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในวังวนความทุกข์ที่ตัวเองสร้างขึ้น  ทั้งๆที่การปล่อยวางน่าจะง่ายดายที่สุด คือ ไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่ปล่อยไปเท่านั้น  แต่จะมีสักกี่คนเล่าที่คิด และทำได้

    จะปล่อยให้รุ่นพี่ คุณโซเฟีย แล้วก็คุณวาแบกรับภาระที่เราสร้างขึ้นมาไม่ได้เด็ดขาด !!!  รุ่นพี่เองก็มีคู่ต่อสู้เก่งๆหลายคนที่จ้องจะสู้ด้วยอยู่  ซ้ำยังมีเรื่องในอดีตที่รุ่นพี่ต้องเอาชนะให้ได้ด้วยตัวเองอยู่อีก   คุณโซเฟียเองแม้จะมีฝีมือแต่อย่างไรก็เป็นผู้หญิง และคู่ต่อสู้ต่อไปที่เราจะต้องเจอนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดาเลย  ครั้งนั้นที่เราจับคู่กับคุณโซเฟียเราก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย……. แล้วภาพความผ่ายแพ้ครั้งนั้นที่โกจิ และจินเจพิชิตโซเฟียลงได้ โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยก็ปรากฎขึ้นมา

    ส่วนคุณวา……. เขาเองก็พยายามอย่างเต็มที่ ซ้ำยังต้องแบ่งเวลาไปฝึกซ้อมปิงปองอีก  

    เมื่อคิดถึงตรงนี้ดีว่าก็หวนคิดถึงวา  ก่อนที่จะแยกกันตอนกินเลี้ยงได้ข่าวว่า  วาเองก็ต้องไปเตรียมฝึกซ้อมปิงปองอย่างเต็มที่เหมือนกัน

    และที่สำคัญเราเองก็เป็นฝ่ายที่อยากจะตั้งทีมประลองขึ้นมา  เราอยากจะไปสัมผัสกับเวทีที่พี่ได้เคยไป  อยากต่อสู้กับคนเก่งๆ  อยากรู้ว่า ด้วยฝีมือของเราในตอนนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน และ………….’

    ภาพของซากุระที่แย้มยิ้มปรากฎขึ้นมาในใจของดีว่า  แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ภาพของการต่อสู้ หรือคำพูดที่ทำให้เขารู้สึกท้อแท้อีก  กลับกันดีว่ารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจอย่างประหลาด เป็นความรู้สึกดีๆที่ช่วยสลัดความท้อแท้ของเขาในตอนนี้ออกไปได้อย่างหมดสิ้น  เขาเองไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ซึ่งก็ไม่ทราบว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันแน่ ?

    ดังนั้นดีว่าจึงได้แต่จ้องมองดวงจันทร์ที่ยังคงถูกเฆมหมอกยามรัตติกาลบดบังอยู่อย่างนั้น

    ดวงจันทร์ที่เปรียบเสมือนใบหน้ายามแย้มยิ้มของซากุระ  และเฆมหมอกที่ดีว่าจะต้องฟันผ่าไปให้ได้  เพื่อที่จะได้ไปประลองกับเธอ  หรืออะไรก็ตามแต่……………

    สองวันอย่างนั้นหรือ…………….

    แล้วดีว่าก็ยืนขึ้น พร้อมกำกระบี่ขึ้นมาฝึกซ้อมอีกครั้ง

    แม้จะเหลือเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีเราก็จะไม่ท้ออีกแล้ว  เราจะต้องทำให้ดีที่สุด แม้ที่สุดแล้วมันจะไร้ค่าก็ตาม……’

     

     

     

    เมื่อหนึ่งวันก่อนที่ดีว่าจะกลับบ้านของตนเอง ณ ห้องชมรมปิงปอง

     

    แน่ใจเรอะ ว่านายจะไม่ใช้ไม้ที่ทางชมรมเราจัดให้น่ะ ของดีๆทั้งนั้นเลยนะ ชอบแบบไหนก็สั่งได้เลย   พรีสไซถาม ขณะที่วาแสดงไม้ประจำตัวของเขาให้ดู

    อ๊ะๆ วายื่นไม้กลับ ก่อนที่พรีสไซจะทันเอื้อมมือมาหยิบไปดู

    หือ อะไรกัน  แค่นี้ทำเป็นหวงด้วยรึ พรีสไซยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

    ไม่ได้หวงหรอก  แต่กลัวของจะเสียน่ะ ฮ่าๆ   ในชมรมนี้คนที่ช่วยให้วาคลายเครียดได้ที่ดีที่สุดก็คือ  พรีสไซ นั่นเอง  ดังนั้นวากับพรีสไซจึงชอบซ้อมด้วยกัน และแหย่ด้วยคำพูดกันอยู่บ่อยๆ

    ก็ตามใจ ถ้าอยากจะใช้ไม้เก่าๆแบบนั้น แถมยังดูไม่ค่อยจะเข้าท่าสักเท่าไหร่ เอาเถอะ..อย่าแพ้ขึ้นมาก็แล้วกัน    หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นวาคงโกรธไปแล้ว ที่มาว่า ไม้สุดที่รักของเขาแบบนี้  ไม้ปิงปองที่อัดแน่นไปด้วยความทรงจำ……….. และภาพของคนๆหนึ่งก็ปรากฎขึ้นมา  ภาพขณะที่วากำลังซ้อมปิงปองอยู่กับลมดำสมัยอยู่โรงเรียนเก่า  ภาพหญิงสาวคนเดียวกันกับที่วาเจอตอนไปเที่ยวกับโซเฟียนั่นเอง  เธอกำลังยิ้ม พร้อมกับตะโกนให้กำลังใจแก่วา ซึ่งนั่นทำให้วาสามารถโต้ลูกยากๆของลมดำไปได้  แถมยังหันกลับมาชูสองนิ้วให้แก่เธออีก

    แต่ภาพนั้นก็ต้องอันตธานหายไป  เมื่อได้ยินพรีสไซกล่าวขึ้น

    ว่าแต่ลองมาซ้อมกันอีกสักรอบหน่อยไหม โดยใช้เจ้าไม้เก่าๆอันนั้นของนาย สู้กับเจ้าไม้เกรดเอของชั้นดู   พรีสไซชี้ไปที่ไม้ของตน พร้อมยิ้มอย่างภูมิใจ

    ฮ่าๆ กี่รอบมันก็เหมือนเดิมนั่นละ เดี๋ยวเราก็ชนะอีกอยู่ดี วายิ้มอย่างสะใจ

    อย่าทำเป็นได้ใจไป แล้วเจ้าจะต้องร่ำไห้คอยดู……….”

    พรีสไซขณะกำลังเดินไปยังโต๊ะปิงปองก็ถูกเบรกในทันที

    ช้าก่อน ! เสียงโซลีนที่เพิ่งกลับมาจากการไปซื้อของกินเล็กๆน้อยๆเข้ามาในชมรมกล่าวขึ้น

    มีอะไร เรื่องของกินไว้เล่นเกมนี้จบก่อนก็ได้น่า โซลีน พรีสไซเท้าสะเอว

    ไม่ใช่เรื่องนั้น โซลีนกล่าวหน้านิ่ง ก่อนวางถุงที่เต็มไปด้วยของกินเล็กๆน้อยๆลงที่โต๊ะสีขาวในห้องชมรม ซึ่งเวลานี้มีเพียงแค่สี่คนเท่านั้น คือ โซลีน พรีสไซ วา และระริน 

    ก่อนอื่น ระรินพี่ให้เวลาเราอีกแค่สิบห้านาทีเท่านั้นนะ เราควรจะกลับไปที่ห้องพักของเราได้แล้ว  เข้าใจไหม

    ระรินที่ได้ยินคำสั่งของโซลีน แม้อยากจะขัดคำสั่ง แต่ก็ทราบถึงนิสัยของประธานชมรมคนนี้เป็นอย่างดี คล้ายกับวาที่เข้าใจนิสัยของไซโคร แนชนั่นเอง

    แต่รุ่นพี่ค่ะ………   แต่ระรินก็อดที่จะต่อรองไม่ได้

    ไม่มีแต่ โซลีนอย่างหน้านิ่ง ระรินไม่อยากจะสบสายตาที่อยู่ภายใต้แว่นนั้นจึงหลบตาไปเสีย

    ถ้าอย่างนั้นหนูขอเวลาอยู่ดูพี่วาแข่งเสร็จก่อนนะค่ะ  ครั้งนี้เป็นตาสุดท้ายนะค่ะๆ  ระรินอ้อน น้าค้าๆ ถือว่าหนูทานอาหารก่อนจะขึ้นไปนอนก็ได้นะค่ะ

    โซลีนไม่ทราบจะจัดการกับรุ่นน้องคนนี้อย่างไร หันไปมองพรีสไซ และวาราวกับถามความคิดเห็น

      ปกติแล้วไม่มีใครในชมรมกล้าที่คุยสนิทสนมกับโซลีนมากถึงขนาดนี้  นั่นคงเป็นเพราะกลัวมาดขรึมๆของเขากันไปหมด  คงเป็นเพราะระรินนั้นป็นรุ่นน้องที่ขยันฝึกซ้อมบวกกับอัธยาศัยดี และตั้งแต่ที่วาเข้าชมรมมาก็เริ่มหันมาฝึกซ้อมมากกว่าเดิม  ทำให้ใช้เวลาอยู่ในชมรมมากขึ้น  จนในที่สุดจึงเริ่มสนิทกับทั้งโซลีน และพรีสไซ  และก็เป็นเหตุที่ทำให้โซลีนต้องใจอ่อนไม่สามารถไล่รุ่นน้องคนนี้กลับห้องพักได้สักที  ยิ่งใกล้วันแข่งขึ้นมาก็ยิ่งอยู่ที่ชมรมมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก  ทั้งๆที่ตนเองไม่ได้แข่งแท้ๆ

    ซึ่งโซลีนสันนิษฐานว่า คงจะต้องแอบชอบวา  และต้องการจะอยู่เป็นกำลังใจให้แหง๋ๆ

    วามองดูนาฬิกาข้อมือของตนก็พบว่า ขณะนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว แต่ด้วยความที่สงสารระรินจึงกล่าวกับโซลีนว่า

    ไม่เป็นไรหรอกมั้งครับรุ่นพี่  ถ้าอย่างไงให้ระรินได้ทานอาหารสักหน่อยก่อนจะไปนอนก็ได้ครับ เพราะตอนนี้ร้านข้างล่างก็คงจะปิดหมดแล้วด้วย  อีกอย่างของกินก็ซื้อมาตั้งเยอะเดี๋ยวจะทานไม่หมดกันพอดี

    แต่ว่า………… โซลีนยังคงยืนกรานคำเดิม

    ถ้ารุ่นพี่กลัวว่าจะมีอันตรายระหว่างกลับ ก็ให้พี่วาไปส่งเหมือนเดิมก็ได้นิค่ะ ระรินยิ้มเอียงคอให้แก่โซลีน   อีกอย่างโรงเรียนเราก็ไม่เคยมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นด้วย  กัปตันดุสก็ยังอยู่ทั้งคน

    เอาน่าๆ ให้เขาอยู่ๆไปเถอะ รีบแข่งจะได้รีบกลับมาๆ พรีสไซที่รอจะเล่นอยู่รีบกล่าวสรุป

    โอเคๆ แต่ต้องรีบกลับเลยนะเข้าใจไหม  โซลีนถอนหายใจ

    ขอบคุณมากค่ะ  ระรินกล่าวเสร็จก็เดินไปหยิบขนมปังพิซซ่าออกจากถุง พร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆโต๊ะ

    ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มกันได้เลย ใช้ไม้คู่ใจของนายสักที    พรีสไซเตรียมเสริฟ์แล้ว แต่ก็ถูกโซลีนขัดจังหวะไว้

    ช้าก่อน ครั้งนี้ชั้นจะเป็นคู่มือให้เอง และนั่นทำให้วา กับพรีสไซต้องตะลึง  เพราะนับครั้งได้เลยที่โซลีนจะยอมเป็นคู่ซ้อมให้ไม่ว่า วาหรือพรีสไซก็ตาม 

    เดี๋ยวก่อน ! แล้วชั้นละ พรีสไซชี้ที่ตัวเอง

    ของนายน่ะ แค่ดูไปก่อนก็พอ โซลีนยิ้มออกมาเล็กน้อย ซึ่งก่อนที่พรีสไซจะทันได้เอ่ยปากขัด โซลีนก็เสริฟ์ลูกปิงปองใส่วาแล้ว

    รับมือ !!!

    ลูกปิงปองแหวกอากาศด้วยความรวดเร็ว วาที่ยืนห่างจากโต๊ะไปเล็กน้อย ไม่ทราบตอนนี้มายืนอยู่หน้าโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ โยนปลอกไม้ปิงปองของเขาออกอย่างรวดเร็ว พร้อมโต้กลับด้วยใบหน้าแย้มยิ้มอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมานาน เป็นรอยยิ้มทุกครั้งที่วาได้เล่นปิงปองกับคนเก่งๆนั่นเอง

    ซึ่งวายังคงจำการผ่ายแพ้เมื่อครั้งแรกที่ได้พบกับโซลีนได้  และตั้งแต่นั้นเขาก็ฝึกฝนฝีมือมาตลอดเพื่อที่จะเอาชนะโซลีนให้ได้  แต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที  ครั้งนี้จึงนับว่าสมใจวาแล้ว  เพราะที่ผ่านมาโซลีนซ้อมให้ ก็เพียงแต่ซ้อมพื้นฐานเท่านั้นไม่ได้ทำการแข่งกันอย่างจริงๆจังๆ แบบครั้งแรกที่เจอกับวา

    หนี้ครั้งนั้นจะขอใช้คืนให้สาสมเลยละกันนะ

    โซลีนหวดลูกกลับด้วยท่าทีปลอดโปร่ง

     แสดงปีศาจที่หลับใหลในตัวนายให้ชั้นดูหน่อยซิ !!

    ได้ยินเช่นนี้วาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง

    ได้เลย คราวนี้ไม่แพ้แน่ !!!   พร้อมกับโต้กลับด้วยลูกที่หนักแน่น  และโซลีนก็มองวิถีของลูกออกว่า ผิดแปลกไปจากทุกครั้ง  หรือนี่จะเป็นเพราะผลของการเปลี่ยนมาใช้ไม้ประจำตัวกันแน่  ? และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่โซลีนยอมเป็นคู่มือให้กับวาก็เป็นได้

    เสียงการตอบโต้ระหว่างทั้งสองดังก้องไปทั่วห้องชมรม  ภาพการต่อสู้อันดุเดือดที่ทำให้แม้แต่ระรินยังต้องหยุดทานไปชั่วขณะ

    แล้วอีกสามวันเราคงจะได้เจอกันนะลมดำ…………..’  วาคิดขณะซัดลูกตบใส่พรีสไซอย่างต็มแรง

     

     

     

    ส่วนโซเฟียนั้นก็ทำตัวตามปกติ  เพียงแต่เธอสังเกตว่าช่วงสามวันก่อนการแข่งนั้นวาดูจริงจังกับการฝึกซ้อมปิงปองมากเป็นพิเศษ  จนบางวันถึงกับเผลอหลับไปในชั่วโมงอาจารย์พิชายะ จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ซ้อมกันถึงกี่โมงกี่ยามกัน แต่เธอก็ไม่ได้กวนเขาแต่อย่างใด  แถมยังช่วยจดโน๊ตให้อีกด้วย

    เราคงช่วยหมอนี่ได้แค่นี่ละ โซเฟียคิดขณะยัดสมุดโน๊ตของวากลับใส่ใต้เก๊ะ และเมื่อเหลือบไปเห็นดาบเพลิงอัคคีภายใต้ห่อผ้า ที่เธอนำมาในวันนี้ด้วย  เธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

    วันนั้นตอนที่เราประลองกับโกจิ และจินเจ  ตอนที่พลังลมปราณของดีว่าบังเอิญซัดมาถูกดาบเพลิงอัคคี แล้วจู่ๆไฟก็ลุกโชนขึ้นมา  ถ้าเราสามารถนำความบังเอิญนั้นมาใช้ให้เป็นประโชยน์ได้ก็คงดีนะ

    ว่าแล้วหลังจากพักเที่ยงเธอก็ใช้เวลาทั้งคาบชมรมเพื่อค้นคว้าวิธีที่จะเพิ่มพลังโจมตีให้กับดาบเพลิงอัคคี  แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ไม่มีใครทราบได้ 

     

     

     

    ไซโคร แนชเดินผ่านผู้คนที่เดินไปมาเต็มท้องถนนไปเรื่อยๆ    การเดินทางไปยังที่ต่างๆตั้งแต่เช้าแม้จะไกลก็ตาม แต่ตามความเป็นจริงไม่น่าจะทำให้ไซโคร แนชเหนื่อยล้าขนาดนี้ได้  ถ้าเช่นนั้นทำไมสีหน้าของเขาถึงได้ดูเหนื่อยล้าถึงขนาดนี้กัน ?  

    เมื่อเดินไปได้สักระยะหนึ่ง ก็หยุดลงเงยหน้าขึ้นมองป้ายยักษ์ที่เขียนว่า  ‘ WHITE LAND ’ ซึ่งก็คือ สวนสนุกนั่นเอง

    ที่นี่เป็นที่สุดท้ายแล้ว ที่ไซโคร แนชเดินทางไปเพื่อนึกถึงความทรงจำในอดีตของเขา

    ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด  ตั้งแต่วันที่การประกวดวงของวาผ่านไป  เขาก็เกิดนึกถึงรีน่าขึ้นมา  ภาพความทรงจำเกี่ยวกับรีน่าปลุกเขาให้ตื่นขึ้นกลางดึก 

    รีน่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างนะ ?

    ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ?  ข่าวล่าสุดที่ได้ยินก็คือ เธอถูกส่งไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ โดยคุณตาของเธอได้หาตัวหมอที่ดีที่สุดมาเพื่อรักษาเธอ

    เธอใช่หายดีแล้วหรือไม่ ?  อาการที่ถึงกับต้องส่งตัวไปรักษาที่ต่างประเทศนั้นคงจะไม่ใช่ธรรมดาๆ  ยังได้ยินข่าวลือว่า เธอเป็นอัมพาตไปครึ่งตัวแล้วด้วย  

    แล้วถ้าหากว่า เธอเป็นอะไรไป……………….

    ไซโคร แนชแค่คิดก็รู้สึกถึงน้ำตาก็ซึมออกมาจากตาทั้งสองข้าง

    แต่ไซโคร แนชก็ได้แต่เฝ้ารอ เฝ้ารอ และก็เฝ้ารอการติดต่อจากเธอ ซึ่งก็ไม่ได้มีการติดต่อมาอีกเลย  

    แล้วยังคำสัญญาที่ว่า  หากเขาเข้าแข่งประลองอาวุธเมื่อไหร่จะคอยมาเป็นกำลังใจให้   และหากสามารถชนะเลิศได้จะให้ของขวัญชิ้นพิเศษแก่เขา………..

    ยิ่งคิด ก็ยิ่งปวดร้าว  เขายอมรับว่าไม่ควรจะยึดติดกับความทรงจำเหล่านี้ แต่ก็ดังคำพูดที่เขาได้ให้ไว้กับดีว่า   

    คนเราต่อจะให้หนีไปไกลแค่ไหนก็ตาม  ถ้าจิตใจยังคงติดอยู่ในความทุกข์  แล้วไม่ยอมทำใจให้สงบ  ก็ต้องทนทุกข์ไปอย่างนั้นอยู่ดี

    ไซโคร แนชกำหมัดแน่น

    ตอนนี้เราเข้าแข่งประลองอาวุธแล้วนะ  แล้วเธอละตอนนี้อยู่ที่ไหน  ช่วยมาเป็นกำลังใจให้เราทีสิ เหมือนแต่ก่อนยังไงละ………. แล้วเธอจะรู้บ้างไหมนะ  ว่าเราคิดถึงเธอขนาดไหน……

    สิ่งที่ตอนนี้ไซโคร แนชเหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ตัวเขา และเศษเสี้ยวของคำสัญญาเท่านั้นเอง

    ลมหนาวพัดผ่านร่างของไซโคร แนชทำให้เขาถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว  ไม่ใช่เพียงเพระความหนาวเหน็บเท่านั้น  แต่ที่สำคัญก็คือ ความอ้างว้าง และความปวดร้าวที่ในขณะนี้คล้ายเป็นเพื่อนของเขาไปเสียแล้ว

    ยิ่งเดินไปเรื่อยๆยิ่งนึกถึงครั้งที่มาเที่ยวสวนสนุกด้วยกันสองคน  ผู้คนรอบข้างในตอนนี้ต่างเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่ไซโคร แนชยิ่งเดินน้ำตาคล้ายจะไหลออกมาให้ได้   

    ภาพของรีน่าที่ยิ้มให้กับเขายังคงตราตรึงอยู่ในทุกความทรงจำ  ภาพความสุขที่ได้เล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวต่างๆด้วยกัน  ภาพรีน่าที่เอียงอายเมื่อพบว่าเขาจ้องหน้าเธอตลอดตอนที่เล่นเรือไวกิ้ง หรือแม้แต่ตอนขึ้นไปตอบคำถามด้วยกันสองคน  

    ทำไมตอนนั้นเราถึงไม่ทำสิ่งที่ดีๆให้เธอมากกว่านี้

    คนเรามักจะคิดเช่นนี้เมื่อได้สูญเสียสิ่งที่ตนเองรักอย่างยิ่งไป  ดังนั้นเมื่อเรามีโอกาสได้ทำอะไรดีๆตอนที่ยังมีโอกาสก็ควรรีบทำเสีย  เพียงแต่ไซโคร แนชในตอนนั้นก็นับว่า ได้ทำเต็มที่แล้ว   แต่เขาเองต่างหากเป็นฝ่ายที่ยังคงไม่ให้อภัยตัวเอง

    ไซโคร แนชยังคงก้าวเดินต่อไป กลืนความเจ็บช้ำในใจลงไป  เขาจะต้องอดทนให้ได้ แม้จะไม่สามารถอดทนได้ก็ตาม  

    ลมหนาวช่างคล้ายกับจงใจกลั่นแกล้งเขาเสียจริงๆ  เพิ่มความรุนแรงและความหนาวเหน็บให้เข้าไปสู่ขั้วหัวใจของเขา 

    และแล้วไซโคร แนชก็เดินมาจนถึงสุดทางเดินที่เกิดเรื่องในครั้งนั้น  เขาค่อยๆก้มลงกับพื้นช้าๆอย่างหมดแรง  ร่างกายคล้ายไม่สามารถรู้สึกอะไรได้อีก

    ใช่แล้วละ นี่คือที่สุดท้ายที่ความทรงจำของเราหยุดลงก่อนที่………….

    น้ำตาไหลออกมาแล้ว  และเขาไม่สามารถที่จะหยุดยั้งมันได้  ความรูสึกในใจของเขาตอนนี้เจ็บปวดจนไม่สามารถจะให้อภัยตัวเองได้  แค้นทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่โชคชะตาที่ทำให้เขาต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้   แค้นที่ตัวเองไม่สามารถปกป้องรีน่าได้

    ไซโคร แนชนำมือลูบลงที่พื้นอย่างช้าๆ ท้องฟ้าในยามนี้เริ่มมืดลงแล้ว  น้ำตาหยดเล็กๆหยดลงที่พื้นพร้อมกับหิมะสีขาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้าเป็นวันแรก 

    เรามันอ่อนแอจริงๆ ทั้งๆที่มันก็ผ่านไปนานพอสมควรแล้วแท้ๆ………. ’

    ยิ่งคิดยิ่งแค้นตัวเองที่ไม่สามารถลืมทุกสิ่งได้  ไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้

    ไซโคร แนชก้มหน้าจมดิ่งอยู่ในภาพความทรงจำของเขาสักพักหนึ่ง  ก่อนที่หิมะหยดเล็กๆจะค่อยๆร่วงหล่นลงมาผ่านหน้าของเขาไป  ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นและคล้ายกับปรากฎภาพของรีน่าขึ้นส่งรอยยิ้มมาให้กำลังใจเขา

    ไซโคร แนชปาดน้ำตาก่อนที่จะค่อยๆพยุงตัวเองขึ้น  แววตาอ่อนโยนดังเจ้าชาค่อยๆเย็นชาขึ้นเรื่อยๆจนกลับมาเป็นสายตาของไซโคร แนชดังเดิม

    เราจะต้องเข้มแข็ง !! แม้การรอคอย และตามหาเธออีกครั้งจะต้องปวดร้าวแค่ไหนก็ตาม  ต่อให้รอยเท้าต้องมอดไหม้ เราก็จะขอฟันฝ่าไปให้ได้  คอยก่อนนะรีน่า  แล้วเราจะชนะการแข่งครั้งนี้  จากนั้นก็จะตามหาเธอให้พบให้ได้  และต่อให้เธอจะเป็นอะไรไป   ถ้าชีวิตของเราคนนี้แลกได้ละก็………….’

     ไซโคร แนชกำหมัดแน่น จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองฟ้าพร้อมกับก้าวเดินออกจากที่ตรงนั้น  เขาตัดสินใจทิ้งความทรงจำทั้งหมดไว้ที่นี่อีกครั้ง  เขาจะต้องก้าวเดินต่อไป  เพื่ออะไรสักอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจทราบได้……….

     

     

    ปี้ป ปิ้ป

     

    เสียงเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คในห้องของไซโคร แนชดังขึ้นภายใต้ความมืดมิด  พร้อมกับข้อความที่ปรากฎขึ้นบนหน้าจอ

     

     

     

    ได้ยินไหมเจ้าชายของชั้น เรากำลังจะกลับไปทำตามคำสัญญาแล้วนะ ชนะเลิศให้ได้นะ………’

     

     

     

     

                   _______________________________________________

     

                

     

                                                                                                                        

     

     

     

     

                                     

     

     

     

     



     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×