ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #5 : บทเรียนที่ 4 ดีว่าปราณกระบี่ไร้เงา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.74K
      72
      29 ธ.ค. 46

                                        บทเรียนที่ 4       ดีว่าปราณกระบี่ไร้เงา



                  

                นาฬิกาข้อมือของวาบอกเวลา  15.30 น.  ขณะที่เขากำลังเดินออกมาจากตึกชมรมด้วยความสบายใจ    

    วันนี้เขาได้เรียนรู้พื้นฐานเบื้องต้นของมายากลไปบ้างแล้ว  ซึ่งดูท่าทางเขาจะชอบมันมาก        นี่เป็นวันเลิกเรียนวันแรกซึ่งวาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเขาเองจะทำอะไรต่อไปดี    แล้วก็ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ แต่ละคนตอนนี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง             ขณะนี้ก็เริ่มมีนักเรียนทยอยกันออกมาบ้างแล้ว   แต่ละคนรู้สึกว่าจะมีเพื่อนเดินมาด้วยกันทุกคนเลย  ไม่เหมือกนกับตัวเขาเอง      รู้สึกเหงาๆ ยังไงชอบกลแฮะ    จะเดินเข้าไปทักเลยก็ใช่ที่   ปล่อยไปเถอะ  เดินไปเรื่อยๆ ดีกว่า                    

                   วาจึงคิดจะใช้เวลาที่เหลือสำรวจรอบๆ โรงเรียน   แต่ก็นึกหวั่นๆ ในใจว่าจะเจอ ก็อบกับโกจิอีก   แต่เขาก็ไม่ได้นึกกลัวขนาดไม่กล้าที่จะเจออีก  เพียงแต่ไม่อยากเจอเท่านั้น   เอาเป็นว่าเดินระวังๆ ไปละกัน       จะเริ่มต้นจากไหนก่อนดีนะ  เดินไปหาเพื่อนที่ห้องชมรมหรือว่าเดินเล่นคนเดียวต่อไปดี    จะให้ไปหาเพื่อนที่ห้องชมรมก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนกันบ้าง   เพราะดูแล้วมีห้องเยอะแยะเหลือเกิน    

              

                  ในที่สุดวาก็ตัดสินใจกลับไปที่ห้องของเขาก่อนดีกว่า  รอนีโอกลับมาแล้วค่อยให้นีโอพาไปเดินสำรวจ      เมื่อคิดได้เช่นนั้น วาก็เริ่มออกเดนกลับไปยังน้ำพุใจกลางโรงเรียนเพื่อเดินกลับไปยังอาคารที่พัก  

                  วารู้สึกว่าลมหนาวค่อยๆ ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว   เขาสูดหายใจยาวๆ เข้าปอดด้วยความสดชื่น     ในที่สุดเขาก็เดินกลับไปถึงอาคารที่พักจนได้    ขณะที่เขากำลังจะเดินไปขึ้นลิฟท์ก็นึกอยากจะซื้อขนมหรือของกินไปไว้ในห้องบ้าง  เลยลองเดินไปแถวๆ ทางด้านซ้ายของตึกดู  ท่าทางจะต้องมีอะไรขายแน่นอน       เมื่อวาลองเดินไปดูก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ    

                 โอ้พระเจ้าจอย์ช !  มันยอดมาก   มันไม่ใช่แค่เป็นร้านขายขนมธรรมดา  มันยังเป็นคล้ายๆ ภัตตาคารในโรงแรมไปในตัวเสียอีกด้วย  ดูไปก็คล้ายๆ กับพวกที่ขายปีอปคอร์นในโรงหนังแต่ว่ามันหรูกว่านั้น   มีที่นั่งมากมายอยู่เต็มไปหมด     วาจึงได้ความคิดใหม่ว่า ก่อนที่เขาจะขึ้นห้องขอทานอะไรสักหน่อยก่อนดีกว่า     วากวาดสายตามองไปตามโต๊ะเพื่อหาโต๊ะว่าง    เพราะไม่ใช่ว่าจะไม่มีนักเรียนนั่งอยู่เลย    ก็มีอยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับเยอะ  



                ในที่สุดวาก็ตัดสินใจได้ว่าจะนั่งโต๊ะไหน   จากนั้นเขาก็เริ่มเดินไปที่โต๊ะ ริมกระจก  แต่ก่อนที่จะเดินไปถึงนั้นเขาก็ต้องชะงักไปสักครู่หนึ่ง   เนื่องจากเด็กนักเรียนคนที่นั่งอยู่คนเดียวนั้น ใส่ชุดที่ดูประหลาดตามาก  มันเป็นชุดคลุมสีส้มอ่อน ราวกับประกายแสงยามกลางคืน     วามองได้สักพักก็เดินต่อไปนั่งที่โต๊ะ  จากนั้นก็ นั่งลงพร้อมกับคิดว่าเขาจะทานอะไรดี      ระหว่างนั้นเขาก็ยังคงมองไปที่นักเรียนคนที่ใส่เสื้อคลุมท่าทางแปลกๆ คนนั้นอยู่   และแล้วนักเรียนคนนั้นก็หันหน้ามาทางวาพอดีพร้อมกับส่งยิ้มมาให้วา     ดูท่าทางเขาจะเป็นคนดี   วาจึงยิ้มกลับไป     ไม่ทันไรนักเรียนคนนั้นก็เดินเข้ามาหาวา     วารู้สึกเหมือนมีแรงลมอะไรบางอย่างเมื่อเขาเดินมาหาวา    

                “  นั่งด้วยคนได้ไหมครับ ”    

                 “ เอาสิ กำลังไม่มีเพื่อนอยู่เลย เราชื่อวา นะ ”      

                 “ ผมชื่อ ดีว่านะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก  หน้าไม่ค่อยจะคุ้นเลยนะครับ ใช่นักเรียนเข้ามาใหม่หรือเปล่าครับ ”

                 “ ใช่แล้วครับ ว่าแต่ทำไม ถึงรู้ละครับว่าเป็นนักเรียนเข้าใหม่ “

                 “ แหม จะไม่รู้ได้ยังไงละครับ ”       ดีว่าพุดพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ

                “ แล้วเพราะอะไรกันละครับ ”

                “ ก็ตอนนี้เขาพูดกันไปเกือบจะทั่วแล้วละสิครับ  ว่ามีเด็กนักเรียนเข้าใหม่คนหนึ่งกล้าไปมีเรื่องกับก็อบแห่งแก๊งเอ็ดดี้นะสิครับ  ”

               “ อ้าย หย๋า เขาพูดกันไปทั่วแล้วหรอครับเนี่ย  ที่จริงเราก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบหาเรื่องคนอื่นหรอกนะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป “

               “ ฮ่าๆ ล้อเล่นนะครับ เขาแค่พูดกันนิดๆ หน่อยๆ เองครับไม่ถึงกับทั่วโรงเรียนหรอก     ตอนแรกนึกว่าจะมีพวกอันธพาลเพิ่มเข้ามาในโรงเรียนอีก แต่ดูท่าทางผมจะคิดผิดไปนะครับ  ”

               “ ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนั้นช่างมัน  ว่าแต่ทำไมนายต้องใส่ชุดอย่างนี้ด้วยละ ”

               “ อ๋อ มันเป็นชุดประจำชมรมของผมนะครับ  ผมอยู่ชมรมจ้าวกระบี่นะครับ ”

              

              วาคิดในใจชมรมนินจามันก็แปลกแล้วนะเนี่ย  ยังมีชมรมจ้าวกระบี่อีกหรอเนี่ย  ยังกับพวกหนังจีนยังไง อย่างนั้นเลยแฮะ  

              

               “ แล้วชมรมของนายเรียนเกี่ยวกับอะไรหรอ “

               “ อืม ชมรมของเราหรอมันก็เรียนเหมือนกับชื่อของชมรมนะแหละ   คือ  เรียนการใช้กระบี่เพื่อให้เป็นจ้าวเห็นกระบี่ในที่สุดไงละ  แต่มันก็ค่อนข้างจะฝึกหนักอ่านะ  ”

               “ แล้วต้องใส่ชุดอย่างนี้กันหมดทุกคนเลยหรอ   มันดูประหลาดดีอ่านะ ”

               “ ชุดอย่างนี้ใช่ว่าจะสามารถใส่กันได้ทุกคนนะครับ   เพราะมันเหมือนกับ เออ  สายต่างๆ ของพวกเทควันโดอะครับ   ถ้ามีฝีมือระดับต้นๆ ก็จะไม่สามารถใส่ชุดพวกนี้ได้   อย่างผมนี่ก็ไม่ค่อยจะเก่งเท่าไหร่หรอกครับ   ”



               ดีว่าพูดอย่างสุภาพ  วารู้สึกเหมือนกับว่าเวลาที่เขานั่งอยู่กับดีว่านั้น  เขารู้สึกได้ถึงพลังอะไรบางอย่าง   มันเหมือนกับเป็นแรงลมอยู่รอบ     เขาตลอดเวลาถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีลมพัด  หรือเปิดหน้าต่างอาคารเลยก็ตามที  แต่วาก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก

                

              “ ไม่เชื่อหรอกว่า นายไม่เก่งนะ ท่าทางนายน่าจะเก่งออก ว่าแต่อย่างนี้นายก็ต้องมีกระบี่คู่กายด้วยสินะ  “

              “ กระบี่หรอ ผมก็มีนะครับ  แต่อย่างที่บอกละครับ   คนไม่เก่งอย่างผมมีไว้มันก็ใช้อะไรไม่ค่อยจะได้นักหรอกนะครับ  แต่สักวันหนึ่งผมก็ฝันไว้ว่า    ผมจะสามารถผ่านบททดสอบของชมรมและเป็นคนที่ได้ครอบครอง  กระบี่สุดยอดไว้นะครับ  ”

              “ ว้าว  มีกระบี่สุดยอดด้วยหรอ  มันเป็นยังไงอะ  แล้วบททดสอบของชมรมมัน คือ อะไรกัน ”

             “ บททดสอบนะหรอครับ   อันนี้ผมคงบอกไม่ได้หรอกนะครับ  เพราะมันเป็นความลับของชมรม   แต่ถ้าเรื่องกระบี่สุดยอด ผมก็พอจะบอกได้นะครับ   กระบี่เล่มนั้นมีชื่อว่า   กระบี่เทพประกายแสง    ตัวกระบี่จะมีลักษณะเล็ก ทำให้รู้สึกเหมือนมีพลังลมกำลังเคลื่อนไหวอยู่   ตัวกระบี่ทอประกายสีม่วงอ่อนระยิบระยับ     มันมีพลังที่คาดไม่ถึงนะครับ    สามารถทำให้ผู้ถือมีความสงบได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลยทีเดียวเชียวละ      

               และแน่นอนครับ  ผู้ที่ถือกระบี่นั้นได้ย่อมไม่ใช่ผูที่มีฝีมือในระดับธรรมดาแน่นอน     จะต้องเป็นผู้ที่เก่งที่สุด   ในชมรมของผมเลยทีเดียวก็ว่าได้        ส่วนผมก็เพียงแค่หวังไว้อยู่ลึกๆ  ว่าจะได้มันมาครอบครองนะครับ   แต่รู้สึกว่ามันจะห่างไกลเกินไปนะครับ ฮ่าๆ ”

            

              “  คนเราถ้าพยายามยังไงก็ต้องได้นะครับ  ยกเว้นมันจะเป็นเรื่องความรักเพราะความรักบางครั้ง  ถึงเราจะพยายามเพียงไร   บางครั้งคนที่เขาไม่รักเราก็อาจจะไม่มีวันเห็นค่าเลยนะครับ   ”

             “ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ   แปลกดีนะครับมีการมาเปรียบเทียบกับเรื่องความรักสะด้วย     เรืองความพยายามผมนะ  ไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ หรอกนะครับ    แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  เลยทีเดียว   ”

             “ ว่าแต่จะไม่ถามหน่อยหรือครับ  ว่าผมอยู่ชมรมอะไรอะครับ ”

             “ แหม  มัวแต่เล่าเผลิน  ลืมถามไปโทษทีนะครับ   อันนี้ผมก็ไม่รู้หรอกครับ   อีกอย่างผมเป็นคนที่เดาไม่ค่อยจะเก่งนักหรอกครับ     แต่ถ้าจะให้ผมเดานะครับ  ผมขอเดาว่า คุณจะต้องอยู่ชมรมนักมายากลแน่นอน ”        

            “ รู้ได้ยังไงครับเนี่ย “

            “ แหม ก็กองใพ่ มันเพิ่งตกจากกระป่าของคุณไปเมื่อตะกี้นี้เองนะสิครับ  ”  

           “ อ้าวหรอ  ดีนะเนี่ยที่นายเห็น ฮ่าๆ  เก่งจังนะที่เดาถูก “



            วา หัวเราะพร้อมกับก้มลงไปหยิบกองใผ่     วาคิดในใจว่าคนๆ นี้ต้องไม่ใช่พวกที่บอกว่าตัวเองไม่มีฝีมือธรรมดาทั่วๆ ไปแน่ๆ   เพราะดูแล้วท่าทางจะเป็นคนที่มีไหวพริบและฝีมือพอตัวทีเดียว    หากแต่ไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง

            

            “  เออ ว่าแต่คุณวาครับ  คุณรู้จักคนที่ชื่อ  ไซไคร แนช  รึยังครับ ”          ดีว่าพูดด้วยท่าทางทีสุภาพเหมือนเดิม    หากแต่แววตาดูจริงจังมากขึ้น

           “ ไม่เคยหรอกครับ  ผมเพิ่งเข้ามาเรียนวันแรกเองนะครับ  ว่าแต่เขาเป็นใครหรอครับ ”

           “ เขาก็เป็นบุคคลอันตรายอีกคนหนึ่งในโรงเรียนเรานะครับ ”

           “  จริงหรอครับ  ชีวิตเราจะรอดมั้ยเนี่ย  ว่าแต่มีอะไรหรอ  เขาเป็นบุคคลอันตรายยังไงอะ   แบบเดียวกับก็อบนะหรอ ”

           “ เขาไม่ใช่พวกชอบหาเรื่องคนอื่นแบบก็อบหรอกครับ  แต่มันก็ไม่เชิงครับ   คือ  จะว่าไปเขาก็เหมือนคนโรคจิตนะครับ  แบบว่าเขาเป็นคนที่อยู่ชมรมนักสู้ศักดิ์สิทธิ์    เป็นคนที่มีความสามารถถึงขั้นเป็นพาลาดินได้เลยนะครับ   ซึ่งถือว่าหาได้ยากมาก      น้อยคนนักที่สามารถเป็นพาลาดินได้      

            เพราะฉนั้นเขาจึงเป็นคนที่มีความมั่นใจในความสามารถในการต่อสู้ของตัวเองเป็นอย่างมาก    ดังนั้นเองเขาจึงเที่ยวตระเวนหาคู่ต่อสู้ที่เขาคิดว่าเก่ง  เพื่อที่จะโค่นให้ได้  และเขาจะได้เป็นคนที่เก่งที่สุดในโรงเรียนไงละครับ     ”

            

          วา ได้ยินก็รู้สึกยิ่งแปลกใจกับโรงเรียนแห่งนี้เป็นอย่างมาก   ยิ่งคนที่ชื่อ  ไซไคร แนช  คงจะเป็นคนที่แปลกน่าดู   แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจว่า   จะเป็นอันตรายยังไงกับตัวเขาเองอยู่ดี



          “  แล้วคนที่ชื่อ ไซไคร  แนช  เขาจะเป็นตัวอันตรายสำหรับเรายังไงหรอ ”

          “ มันก็ไม่ใช่แค่สำหรับคุณคนเดียวหรอกนะครับ   เพียงแต่ว่าก็อย่างที่บอกแหละครับ    ก็ถ้าเขารู้ว่า คุณไปมีเรื่องกับก็อบเข้าละก็  เขาคงจะตามหาตัวคุณและก็ลองทดสอบฝีมือดูละครับ     ถึงแม้เขาจะรู้ว่า  คุณไม่ได้ชนะก็อบก็ตามที  แต่คนที่กล้ามีเรื่องกับพวกแก๊งเอ็ดดี้ ก็ต้องมีฝีมือพอตัวละครับ    

            ฝีมือของไซไคร แนชผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ ว่าเขาเก่งขนาดไหน รู้แต่ว่า เขาเป็นคนที่ขนาดแก๊งเอ็ดดี้ยังไม่ค่อยอยากจะยุ่งด้วยเลยละครับ     ลักษณะของเขานะครับ  เขาจะใส่เสื้อเชิ้ตยาวสีเทา  ความยาวของเสื้อเชิ้ตก็ยาวถึงขาเลยละครับ  ข้างตัวเขาก็จะมีดาบอยู่สองเล่มนะครับ     แต่ผมว่าเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกครับ  เพียงแต่ชอบทดสอบฝีมือคนอื่นเท่านั้นแหละครับ    แต่เขาก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่อยู่ดีแหละครับ  ”

        

         “  ขอบคุณที่ช่วยเตือนนะ  เราจะพยายามเลี่ยงละกันนะ  ”

         “ คุณอยู่ห้องแซทเทริน์ใช่มั้ยครับ ”

         “ ใช่แล้วครับ “

         “ ที่จริง คุณก็ไม่ถึงขนาดจะต้องกลัวเขามากก็ได้นะครับ   เพียงแต่เวลาไปไหนมาไหนควรจะมีเพื่อนอยู่ด้วยก็เท่านั้นเองแหละครับ    และอีกอย่างที่คุณไม่จำเป็นต้องกลัวเลย  เพราะว่าในห้องของคุณก็มี  คุณโซเฟียอยู่ทั้งคน ”

        

          วาเมื่อได้ยินดีว่าพูดเช่นนั้น ก็ถึงกับต้องอึ้งเล็กน้อย   คุณมีโซเฟีย  อยู่ในห้องทั้งคนนะหรอ   โซเฟียคนที่นั่งกับเขานะหรอ  จะสามารถช่วยอะไรเขาได้  



           “ เมื่อกี้พูดว่า คนที่ชื่อ โซเฟียใช่ป่ะนาย   โซเฟียในโณงเรียนมีกี่คนอะ ”

           “ ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกครับ โซเฟียมีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นแหละครับ  ก็คนที่อยู่ห้องเดียวกับคุณนั่นแหละครับ    เห็นอย่างนั้นก็เถอะนะครับ  แต่เธอก็เป็นถึง 1 ใน คณะกรรมการของประธานนักเรียนเลยเชียวนะครับ     จะว่าไปเขาก็เก่งไปหมดทุกอย่างเลยละครับ    เพราะฉะนั้นคุณก็หายห่วงไปได้เลยละครับ  ผมคิดว่าเขาคงยินดีช่วยคุณด้วยละครับ   ”  

          

            เรื่องอะไรจะต้องไปขอให้ผู้หญิงช่วยไม่มีทางสะหรอก  วาพูดกับตัวเอง แต่ก็ยังคงแปลกใจไม่หาย   ที่ว่าโซเฟียนะหรอ  จะช่วยเขาได้   แต่วาก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากมาย



             “ ตอนแรกเรากะว่าจะมากินอะไรที่นี่สักหน่อย  ตอนนี้เริ่มรู้สึกไม่หิวแล้วสิ   ”

            “  ส่วนผมก็มานั่งเล่นอยู่เฉยๆ  ละครับ กำลังไม่มีอะไรทำอยู่พอดี    พอดีวันนี้ที่ชมรมเลิกเร็วน่ะครับ   แต่ผมคิดว่า          ป่านนี้คนคงเลิกเรียนกันเกือบหมดแล้วละครับ  เดี๋ยวสักครู่คนคงแห่มาที่นี่กันเต็มไปหมดแน่เลยละครับ      ผมกะว่าจะไปวิ่งรอบๆ  โรงเรียนสักหน่อยจากนั้นค่อยกลับเข้าห้องนะครับ     คุณสนใจจะไปวิ่งกับผมมั้ยละครับ ”

            “ เออ มันก็ดีนะ   แต่ว่าวันนี้ยังไม่มีอารมณ์จะวิ่งสักเท่าไหร่   ไว้วันพรุ่งนี้ละกันนะ  ”

            “ งั้นผมขอตัวไปก่อนนะครับ  ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาผมได้เลยนะครับ  ผมยินดีช่วยเหลือเสมอนะครับ   แล้วเจอกัน.ใหม่นะครับ ”

           “ เช่นกันนะ ”

          

           ดีว่าลุกขึ้นพร้อมกับค่อยๆ   เดินไป  ซึ่งวาก็ต้องถึงกับหนาวไปทั้งตัว  เพราะเมื่อดีว่าลุกขึ้นมันเหมือนกับว่ามีพลังลมอะไรบางอย่างพัดอยู่บริเวณรอบๆ ตัวของเขา  ทำให้เขารู้สึกหนาวมาก        ว่าแล้วว่า คนๆนี้ไม่ใช่ธรรมดาจริงๆ  แต่วาก็ยังนึกไม่ออกว่าเพราะอะไร  ทำไมเขาถึงมีพลังลมแรงขนาดนั้น   คิดไปคิดมา   เขาก็คงคิดไปเองนั่นแหละ     วานั่งอยู่สักครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นและค่อยๆ  เดินออกไปจากบริเวณร้านอาหาร







            ณ   ห้องน้ำชายตึกอาคารชมรม   เด็กนักเรียนคนหนึ่งกำลังยืนหัวเราะอยู่ด้วยความสนุก   เพราะเขาเพิ่งแกล้งทำผีหลอกนักเรียนชายคนหนึ่งจนหัวโกล๋น ไปได้สำเร็จ        

            

            “ ฮ่าๆๆ   เจ้าพวกนี้นี่ขี้กลัวชะมัดเลยว่ามะ  จ๋อย ”

           “ นั่นสิ ซักก้า แกล้งคนนี่มันสนุกจริงๆ เนอะ   ”      ขณะที่ทั้งสองคนนั้นกำลังคุยกันอยู่   จ๋อยก็ได้ยินเสียงคนๆ หนึ่งเดินมาทางห้องน้ำ

          

            “ เฮ้ๆ เงียบๆ  แป๊ปหนึ่ง  รู้สึกว่าจะมีคนมาใหม่แฮะ   รีบไปแอบเร็ว ”      พูดจบทั้งสองคนก็เริ่ม   ไปหาที่หลบเพื่อที่จะได้แกล้งหลอกนักเรียนคนที่เข้ามาใหม่  ซึ่งหลายๆ คนก็รู้อยู่แล้วว่า ทั้งสองคนนี้เป็นพวกโรคจิตชอบแกล้งนักเรียนที่ผ่านเข้ามาในห้องน้ำ    และสองคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก  1 ในสมาชิกแก๊งหมูดำนั่นเอง  ซึ่งเป็นที่รู้ๆ  กันอยู่ในเรื่องการคุมส้วมประจำโรงเรียน



            เสียงเดินค่อยๆ  ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใช่แน่นอนซักก้าคิดอยู่ในใจ   คนๆนั้นต้องเข้ามาในห้องน้ำนี้แน่นอน  และไม่นานก็จะต้องถูกเขาหลอกหัวโกล๋น  เหมือนกันนักเรียนคนที่เขาเพิ่งหลอกไปได้คนแรก          เสียงประตูห้องน้ำค่อยๆ เปิดออกมาอย่างเบาๆ       ซักก้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา  แต่เมื่อจ๋อยเห็นเช่นนั้นจึง เตือนไม่ให้ซักก้าหัวเราะ        แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนนั้นจะได้หลอกคนที่เพิ่งเข้ามาในห้องน้ำ   คนๆ นั้นก็พูดขึ้นมาว่า



             “ ออกมาสะ เจ้าพวกลูกแกะที่หลงทางเอ๋ย  จงออกมารับโทษของเจ้าต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้!! ”



            เสียงนั้นทำให้ทั้งจ๋อยและซักก้าถึงกับต้องงง  เพราะมันเป็นคำพูดที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอมา  โดยเฉพาะซักก้าเขาแทบจะอดหัวเราะไม่ได้              ในเมื่อทั้งสองคนรู้ว่ามีคนรู้แล้วว่า   เขาทั้งสองหลบอยู่เพื่อที่จะแกล้ง    จึงเลิกล้มความตั้งใจและออกไปหาเจ้าของเสียงๆ  นั้น  

            

             เมื่อทั้งสองคนเห็นหน้าของเจ้าของเสียงๆ นั้นก็ต้องถึงกับช็อค    ถ้าเขาทั้งสองคนมีโอกาสย้อนเวลาได้  เขาคงจะไม่ยอมออกมาตามที่เจ้าของเสียงนั้นพูดแน่นอน                 เจ้าของเสียงยิ้มสะเหยะ สายตาที่มองมายังคนทั้งสองดูไม่ค่อยจะเหมือนสายตาของคนปกติเท่าไหร่นัก   ดูแล้วน่ากลัวพิลึก       ซักก้ายิ้มหน้าเย๋ๆ   ไปยังชายคนนั้น    ดูท่าทางเขาจะกลัวๆ  อยู่เหมือนกัน



           ชายคนนั้นหยิบดาบทั้งสองเล่มออกมาจากข้างๆ   ลำตัวของเขา นำมันมาตั้งท่าประกบกัน เป็นรูปไม้กางเขน       เสื้อเชิ้ตสีเทาที่ยาวเกือบจะถึงพื้น  และสร้อยคอไม้กางเขน   ทำให้ซักก้าและจ๋อยรู้ทันทีว่า ชายคนนั้นเป็นใคร  



           “ เออ คือ พวกเราแค่แกล้งคนเล่นๆ นะ เออ ถ้านายจะเข้าห้องน้ำละก็ เดี๋ยวเราไปก่อนก็ได้นะ แหะๆ ”    ซักก้าพูดด้วยเสียงสั่นๆ  พร้อมกับพยายามจะเดินผ่านชายคนนั้นไปให้ได้    แต่ก็ไม่สำเร็จชายคนนั้น  นำดาบมาขวางหน้าซักก้าและจ๋อยทำให้  ทั้งสองคนถึงกับต้องกลืนน้ำลาย และเดินถอยหลังกลับไป         ชายคนนั้นสะเหยาะยิ้มพร้อมกับค่อยๆ  เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองคนนั้น   พร้อมกับยังนำดาบประสนกันเป็นรูปไม้กางเขนไปด้วย  

        

           “ เอายังไงดีเพื่อนจ๋อย  ท่าทางยังไงเขาก็คงไม่ปล่อยเราไปง่ายๆ แน่เลย  ไอ้หมอนี่โรคจิตชะมัด ”  

           “ ทำไงดีละ ซักก้า ”

           “ อย่างนี้เห็นทีต้องสู้ตายละ ”      



            ซักก้าวิ่งนำจ๋อยตรงไปยังชายคนนั้น   หมายจะดันชายคนนั้นให้กระเด็น  เพื่อที่ตนเองจะได้หนีออกจากห้องน้ำไปได้         แต่ก็ถูกชายคนนั้นใช้ไหล่ชนกับ   ทำให้ซักก้าถึงกับกระเด็น เซไปโดนจ๋อย  จนล้มลงทั้งคู่



             “ โอ๊ยๆ  เจ็บนะเนี่ย ”    ซักก้าเริ่มโมโหปกติเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยจะโมโหใครง่ายๆ    

             “ เจ้าพวกลูกแกะน้อยที่หลงทางเอ๋ย  อย่าคิดจะหนีไปได้เลย  จงสำนึกผิดและยอมรับโทษของเจ้าสะ  ”

             “ เฮ้  นายต้องการอะไรกันแน่  จะบ้าไปแล้วเรอะ   แค่แกล้งเพื่อนเล่นๆ  นี่กะจะเอากันถึงตายเลยเรอะ  อย่างนี้ขอสู้ตายยยยย  ”          

              

              ซักก้าพูดด้วยอาการโมโห   เขาคงควบคุมตัวเองไม่ได้      ในขณะที่ชายคนนั้นยังไม่ทันระวังตัว       ซักก้าก็ลุกขึ้นและปล่อยหมัดตรงไปที่กลางลำตัวของชายคนนั้น       ซึ่งขณะที่เขาปล่อยหมัดไป  เขาเผลิอลื่นหมัดจึง  เช๋ไปโดนที่หน้าของชายคนนั้นเต็มๆ            พร้อมกันนั้นซักก้าก็ล้มลงอีกครั้ง    

        

                “ เฮ้ นาย คือ เราไม่ได้ตั้งใจจะต่อยหน้านายนะ  คือ  เราแค่เออ  มันเป็นอุบัติเหตุนะนาย ”         ปกติซักก้าไม่ค่อยเป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท  แต่เมื่อกี้เขาทำไปเพราะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่             แต่ชายคนนั้นก็ไม่ได้มีอาการว่าจะ  เจ็บปวดอะไรกับหมัดของซักก้าที่ปล่อยไปเต็มๆ หน้าเขา        



                 ชายคนนั้นกลับหันหน้ามายิ้มให้กับซักก้าและจ๋อย    พร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง    



               “ ฮ่าๆๆ   เจ้าพวกลูกแกะน้อย ที่ตกอยู่ในความกลัวเอ๋ย     นอกจากยังไม่ยอมที่จะสำนึกผิดแล้ว  ยังบังอาจทำร้ายข้าผู้เป็นตัวแทนแห่งพระเจ้าอีก    อย่างนี้ต้องเจอโทษ  ประหาร !  ”        

            

               ชายคนนั้นหัวเราะด้วยความบ้าคลั่งอีกครั้ง     ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกกลัวอย่างมาก       จากนั้นชายคนนั้นก็ชูดาบทั้ง 2 เล่มขึ้นเหนือศีรษะและนำมาประสานกัน  



             “ ข้า!! แด่เทพฮามาผู้ยิ่งใหญ่   ขอจงประทานความแหลมคมอันศักดิ์สิทธิ์   ให้แก่ข้าด้วยเถิด ”

            

              “ พิธีชำระ  -  ดาบ – สาย – ฟ้า !!!! ”            

          

               ประกายสายฟ้าก็ปรากฎขึ้นบนดาบทั้งสองเล่มนั้น   แสงสว่างของมันทำให้ทั้งสองคนแสบตา    จากนั้นเสียงสายฟ้าก็ดังลั่นห้องน้ำตึกอาคารชมรม        เมื่อสิ้นเสียงนั้นชายคนนั้นก็ลดดาบลง   พร้อมกับเก็บมันเข้าด้ามดาบ        พร้อมกับกำไม้กางเขนทั้งคอของตัวเองขึ้น    และก้มคอลงเล็กน้อย

        

              “ อา เมน ”          

              

              ชายคนนั้นค่อยเดินไปที่ประตูห้องน้ำ    ก่อนที่เขาจะออกไป   เขาก็หันหลังกลับไปดูชายทั้งสองคนนั้น    พร้อมกับสะเหยะยิ้มเล็กน้อย  

              “  แต่ก็ถือว่าไม่เลวนะ  ที่สามารถทำร้ายข้าได้   แม้จะเป็นแค่อุบัติเหตุก็ตามที่ ฮ่าๆ  ”

              

              หลังจากนั้นเขาก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งเหมือนเดิม         ปล่อยทิ้งเด็กชายทั้งสองคนนอนสลบอยู่ในห้องน้ำ      





              วา ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง หลังจากที่ เขาแยกตัวมาจากดีว่า    เขาก็ขึ้นมาที่นอนพร้อมกับนอนลงอย่างเหนื่อยล้า      วาหันไปมองที่นาฬิกาข้อมือของเขาเอง   ก็ปรากฎว่า  เขาได้หลับไปเป็นเวลา   30 นาทีกว่าๆ  ได้

             แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่า  นีโอจะขึ้นมาที่ห้องเสียที         แล้วตัวเขาเองก็ไม่คิดที่จะลงไปชั้นล่างอีก     นั่งอยู่เฉยๆ  ก็รู้สึกว่า มันออกจะน่าเบื่อๆ    รู้อย่างนี้เขาน่าจะไปวิ่ง  ออกกำลังกายกับดีว่าก็ดี              



              เขาค่อยๆ  มองไปรอบๆ ห้องเพื่อที่จะหาอะไรทำ    และแล้ว วาก็รู้ว่าสิ่งที่จะช่วยให้เขาหายเบื่อได้ก็อยู่  ข้างหน้าเขาแล้วนี่เอง     มัน คือ เครื่องคอมพิวเตอร์  ซึ่งดูแล้วช่างใหม่และสะอาดมาก         เขาลืมมันไปเสียสนิทเพราะตอนเช้า  เขาก็แค่เห็นมันตั้งอยู่เฉยๆ      

          

            เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นมีอยู่สองเครื่อง     ซึ่งแต่ละเครื่องก็ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของทั้งนีโอและวา           วาเดินไปนั่งที่โต๊ะของเขาพร้อมกับเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมา        มันเป็นเครื่องคอมที่ดีที่สุดที่เขาได้เคยเจอมา      ไม่ใช่แค่ด้วยความเร็วอย่างเดียวเท่านั้น        คุณภาพของลำโพงก็ใช่ย่อย     ท่าทางว่า  ราคามันจะไม่ใช่น้อยๆ    เผลิอๆ  อาจจะเทียบเท่ากับค่าเทอมโรงเรียนเก่า ของเขาเลยก็ว่าได้        



             เมื่อเปิดเครื่องคอมมา  วาก็ต้องพบกับโปรแกรมต่างๆ  ทั้งที่เขาคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย   แต่ที่ทำให้วาต้องผิดหวัง  คือ  มันไม่มีเกมเลยสักเกมในเครื่อง      แต่ไม่เป็นไร  เพราะวาเองก็ได้เตรียมเกมมาบ้าง     แต่ก่อนที่เขาจะนำเกมมาลงเล่นในเครื่องคอมนั้น                

            

             เขาก็อยากจะลองเข้าไปเล่นอินเตอร์เน็ท  และเล่นแชทดูก่อน      วาจึงค่อยๆ เปิดเวปดู  ซึ่งเวปโฮมเพจก็ คือ เวปประจำโรงเรียนเขานั่นเอง         แต่ วาก็ต้องประหลาดใจที่เวปโรงเรียน  ไม่เหมือนกับ  ตอนแรกที่เขาไปดูก่อนจะมาสมัครเรียน  มันต่างกันราวฟ้ากับดิน



              เขารู้สึก เอ๊ะใจเล็กน้อย ที่เวปของโรงเรียนได้เปลี่ยนไป แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับมัน     เวปมาสเตอร์คงอัพเดทเวป                 วา เปิดสำรวจเวปโรงเรียนไปเรื่อยๆ   ก็พบว่าเวปโรงเรียนเป็นแหล่งรวมข้อมูลต่างๆ  มากมาย  ซึ่งทั้งมีประโยชน์มาก และน้อยรวมอยู่ในนั้น  



              วา เปิดไปเรื่อยๆ จน ในที่สุดเมื่อเขา เข้าไปดูที่เวปบอร์ดของโรงเรียน     ก็ตกตกใจ เมื่อกระทู้อัพเดทล่าสุด มีหัวข้อชื่อว่า   “ คิดยังไงกับเด็กนักเรียนที่เข้ามาใหม่ ”            ซึ่งเด็กนักเรียนที่เข้ามาใหม่ก็คือ ตัวเขานั่นเอง



             วาเปิดเข้าไปดูเนื้อหานกระทู้นั้น  ก็พบว่ามีคนลงความเห็นมากมาย     สรุปความได้ว่า    ตอนนี้ตัวเขา กำลังเป็นที่จับตามองของนักเรียนส่วนใหญ่  

             เนื่องจากว่า   เขาเป็นคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่  แต่กลับกล้าไปมีเรื่องกับพวกแก๊งเอ็ดดี้        อ่านไปเรื่อยๆ   ก็มีความคิดเห็นนึงที่สะดุดตาของวามาก            



              “ มีเรื่องที่ต้องการจะคุย กับเด็กนักเรียนที่เข้ามาใหม่หน่อย   ถ้าสมมุตนายเปิดเข้ามาเห็น   ข้อความของเรา ก็ขอให้ติดต่อมาด้วยที่อีเมล์ทางด้านล่างนะ   ”       ข้อความนี้ส่งโดย    วีวี่  

            

              เมื่อ วาอ่านจนจบหมดทุกความคิดเห็น      วาจึงตั้งใจจะติดต่อกลับไปหา เจ้าของความคิดเห็นที่ชื่อ ว่า วีวี่      

    วา ออกจากเวปโรงเรียน  และเข้าโปรแกรมแชท   จากนั้นก็เริ่มติดต่อไปที่อีเมล์ของวีวี่





              “ ดีครับ ผม คือ เด็กนักเรียนใหม่นะครับ มิทราบว่ามีอะไรจะบอกผมหรอครับ ”      วา พิมข้อความทักทายแก่วีวี่        ซึ่งไม่นานนักวีวี่ก็ตอบกลับมาหา วา

             “ อ๋อ  ไม่คิดนะ ว่าจะติดต่อกลับมาเร็วขนาดนี้  เพิ่งเข้ามาใหม่    แต่ก็เล่นเวปบอร์ดตั้งแต่วันแรกเชียวนะ  ”



             “ มันก็ไม่แปลนี่ครับ   ว่าแต่คุณเป็นใครอะ ”        

             “ แหม ถึงขนาดเรียกคุณเลยหรอ  ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้    เราเป็นนักเรียนห้องเดียวกับนายนะแหละ    เพียงแต่ในชั่วโมงเราไม่ได้เดินไปทักทายเท่านั้นเอง    ”



            “ จริง ? ”

            “  จะโกหกกันไปถึงไหน  ทำไมละ ”          

            “ แล้วตกลง มีเรื่องอะไรที่จะคุยกับเรางั้นหรอ ”  

            “ ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรหรอกนะ  แค่อยากรู้จักเท่านั้นแหละ    แต่จะว่าไปนะ     มันก็ไม่ถึงกับไม่มีหรอกนะ    อ่านเวปบอรด์ดูแล้วไม่ใช่หรอ   เป็นไงมั่งละ ”

            “ ก็พอรู้แค่ประมาณว่า  ตอนนี้ข่าวเรื่องที่เรามีเรื่องกับก็อบมัน  ดังไปทั่วแล้วอะสิใช่มะ   ”

            “ ก็นะ  มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตมากหรอกนะ    ที่จริงนายไม่จำเป็นต้องกลัวก็อบหรอกนะ      

    เอาเป็นว่า วันหลังถ้านายถูกหาเรื่องอีก ก็มาบอกเราได้นะ              โดยเฉพาะที่จริงนายนั่งข้างๆ โซเฟียแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวใครแล้วละ          แต่คนที่น่ากลัว ก็น่าจะเป็นคนที่ชื่อ   ไซโคร  แนชอะสิ        นายเคยได้ยินชื่อของเขารึยังละ   “

              

            ไซโคร แนชรึ  เหมือนกับที่ดีว่าได้เคยบอกกับเขาไว้เลย  แต่วาก็ไม่คิดว่า  เขาจะเป็นตัวอันตรายจริงๆ  



             “  เคยสิ ที่อยู่ชมรมนักสู้……  อะไรนั่นใช่ป่ะ ”

             “  ใช่ๆ  ชมรมนักสู้ศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละ   ว่าแต่ ทำไมถึงได้รู้ละเนี่ย    ไม่น่าเชื่อ เพิ่งเข้ามาใหม่วันแรก  แต่ก็รู้อะไรๆ  เยอะจัง  ”

            “ พอดีเราเจอกับคนที่ชื่อ ดีว่า ตอนเลิกเรียน แล้วเขาก็เล่าเรื่อง ของคนที่ชื่อ  ไซโคร  แนชอะไรเนี่ยให้ฟัง     ประมาณว่า เขาเป็นคนที่ชอบทดสอบฝีมือของคนอื่นหรอ  แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราละ    

             หรือจะบอกว่า ที่เราไปมีเรื่องกับแก๊งเอ็ดดี้มันน่าสนใจมาก     จนเขาอยากจะทดสอบฝีมือด้วยเลยหรอ  ”

            

             หลังจากรอคำตอบอยู่ 30 – 40 วินาที   วีวี่ก็ตอบวากลับมา



             “ โอ้  ไม่น่าเชื่อ นายรู้จักท่านดีว่าด้วยหรอเนี่ย     กรี๊ดๆ  ”

             “ รู้จักสิ  แต่ก็เพิ่งเจอกันนะ  ทำไมหรอ จะกรี๊ด  ทำไมมิทราบ ”

             “ อ๋อ โทษที ลืมตัว ”

             “ เหอๆ   แล้วตกลงมีอะไรจะบอกเรามั้ยเนี่ย ”

             “ ก็แค่อยากจะบอกว่า  ระวังไซโคร แนช ไว้ละ     ถ้ามีอะไรก็บอกโซเฟียได้นะ  แต่ถึงยังไงคงไม่ต้องถึงให้มือท่านดีว่าหรอกนะ  อิอิ    เดี๋ยวเราต้องไปแล้วละนะ   แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้นะ บ๊าย บาย ”

          

               พิมพ์จบวีวี่ก็ออกไปจากการออนไลน์           วา รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ วีวี่เรียกดีว่า ว่า “ ท่านดีว่า “    

    วา ค่อยออกจากโปรแกรมต่างๆ ในเครื่องคอม    และเขาก็ปิดเครื่อง         วา ค่อยเดินกลับไปนอนลงที่เตียงของเขา     จะว่าไม่กังวลเลยก็ไม่ได้   คนที่ชื่อ ไซโคร แนช จะเป็นคนยังไงนะ    แล้วทำไมต้องเป็นเขาด้วย    

          

            ทำไมเขาต้องเจอกับเรื่องอย่างนี้ด้วย ทั้งๆที่ มันก็เป็นแค่วันเข้าเรียนวันแรกแท้ๆ    แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่   เขาได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนดีๆ         วา นอนหลับตาค่อยๆ  คิดไปเรื่อยๆ      

          

            เวลาผ่านไปเรื่อยๆ   เขาก็เริ่มง่วงนอน   แต่ยังไม่ทันทีวาจะได้หลับ  เสียงประตูห้องก็เปิดขึ้น    นีโอนั่นเอง เขากลับมาแล้ว     ทำให้วาต้องตื่นขึ้นมาทักทายนีโอ



           “ ทำไมนายมาช้าจังเลยอะ ”  

           “ พอดีที่ชมรมมีงานยุ่งนิดหน่อย ”

           “ ยุ่งเรื่องไรหรอ ”

           “ ก็หลายๆ เรื่อง วันนี้ชมรมมีงานเยอะมากเลยละ  ”      

          

           นีโอ พูดพลางหอบเป้ที่เต็มไปด้วยหนังสือของเขา ไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของเขา        จากนั้นก็เริ่มนำหนังสือแต่ละเล่มออกมาจากเป้      

          

           “ ว่าแต่  เออ - - นายรู้จักคนที่ชื่อว่า  ไซโคร แนช อะไรนี่บ้างป่ะ ”

           “ คนที่ชื่อ ไซโคร แนช หรอ รู้จักสิ มีอะไรหรอ ”

           “ นี่ นายยังไม่รู้อีกหรอ  เรื่องที่เขาตามล่าตัวเราอยู่อะ ”

           “ แล้วเขาจะตามล่านายไปเพื่ออะไรละ ”

           “ ก็มีคนที่ชื่อ ดีว่า แล้วก็วีวี่มาเตือนเราบอกว่าให้ระวังคนที่ชื่อไซโคร แนช ไว้อะ

      เขาบอกว่า เขาอยากจะทดสอบฝีมือของเรา   เพราะเราไปมีเรื่องกับพวกแก๊งเอ็ดดี้ไว้อะ ”  

        

           นีโอได้ฟังที่วาพูดก็รู้สึกเป็นห่วง  เพียงแต่ว่า   เขาไม่คิดว่า ไซโคร แนช จะเป็นคนที่ชอบหาเรื่องคนอื่น  นีโอกระดกแว่นที่ตกลงมาของเขา ให้ขึ้นไปเหมือนเดิม



           “ เรื่องคนที่ชื่อ ไซโคร แนช นายหายห่วงไปได้เลยนะ    เขาไม่ได้อันตรายอย่างที่นายคิดหรอก    หรือถ้ามีอะไรละก็  บอกเราได้เลยนะ  ”

           “ ขอบคุณมากนะ นีโอ   ว่าแต่วันนี้ที่นายบอกว่ามี งานเยอะนะ  มีอะไรบ้างละ ”

           “  อันที่จริงมันก้ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกนะ   แค่ต้องอ่านวิชาศาสตร์ต่างๆ สัก 2- 3 เล่ม เท่านั้นเอง   แต่ไม่ใช่ว่าอ่านหมดเล่มนะ  มันเป็นเรื่องละนะ ”

          “  ถ้าเป็นเราอ่านอย่างนี้ทุกวันต้องตายแน่เลย   ว่าแต่นายเจอมิว  นิค แล้วก็โซเฟียบ้างมั้ย ”

          “ ระหว่างรู้สึกว่าจะเจอแต่ มิว นะ  ส่วนคนอื่นไม่รู้เลย      รู้สึกว่า วันนี้มิวจะดูอารมณ์ไม่ค่อยดียังไงชอบกล   เหมือนกันว่า  เขาไปเจอปัญหาอะไรสักอย่างละ ”

        “ พอดีเราอยากไปเดินเล่นรอบๆ โรงเรียนน่ะ  เห็นว่านายมีงานเยอะ  กะว่าจะให้พาไปเดินรอบๆ โรงเรียนหน่อย  ตอนเย็นๆ อย่างนี้อากาศยิ่งดีๆ อยู่เลย ”

        “ มันก็จริงอย่างที่นายว่าแหละ  วันนี้เราคงไปเดินเล่นไม่ได้หรอก   แค่นั่งอ่านตั้งแต่ตอนนี้ยังไม่รู้จะทันเลยรึเปล่านะ  ”

        “ แล้ว นายเจอมิวครั้งสุดท้ายตอนไหนละ ”

        “ เจอนานมาแล้วละ  ตอนเดินออกมาจากตึกห้องชมรม  ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนนะ  ถ้าอยากไปเดินเล่นลองไปชวน เขาดูที่ห้องสิ  “  

        “  เขาอยู่ห้องที่เท่าไหร่นะ ”

        “ นายน่าจะจำได้นะ ถึงจะไม่รู้เลขที่ห้อง   ห้องเขาอยู่ทางริมขวาสุดของชั้นนี้อะ   ลองไปหาเขาดูก็ละกันนะ ”

      

          วา โบกมือพร้อมกับโค้งให้แก่นีโอ เป็นเครื่องหมายบอกว่าขอบคุณ   จากนั้นก็เดินออกจากห้อง      ห้องริมขวาสุด อยู่ไม่ไกลนัก    วาค่อยๆ เดินตรงไปยังห้องของมิว    



           ในที่สุด วา ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของมิว    วาเคาะประตูห้อง 3 ครั้ง จากนั้นก็ยืนรอ        ไม่มีปฎิกิริยาหรือ เสียงที่จะบอกว่า  มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในห้องๆ นั้น         คงจะไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นจริงๆ   วาจึงถอนใจจะเดินกลับไปนอนต่อที่ห้องของเขาอย่างเดิม    



           แต่ทันใดนั้นเอง ประตูห้องก็เปิดออก  ทำให้วา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมมันถึงเงียบขนาดนี้         ก็เพราะว่า  คนที่อยู่ในห้องคนเดียวก็ คือ เสือใบ้  นึกนั้นเอง        

        

           “ เออ คือ มิวอยู่มั้ย เรากำลังเบื่อๆ จะหาเพื่อนคุยนะ นิค “

           “ …….. ”  



           เสือใบ้ ส่ายหน้าซึ่งก็แปลว่า มิวไม่อยู่     เมื่อมิวไม่อยู่ วา  ก็คงไม่คิดจะไปเดินเล่นกับเสือใบ้นิคแน่นอน    เพราะ มันก็ไม่ต่างจากการที่เขาเดินคนเดียวเท่าไหร่นัก           แต่คิดไปคิดมา ก็ยังดีกว่าต้องไปนอนอยู่แต่ในห้องละนะ

            

            “  ว่าแต่ นายว่างมั้ยตอนนี้ ”

            “……… ”       ( พยักหน้า )

            “ งั้น นายช่วยพาเราไปเดินเล่นรอบ โรงเรียนหน่อยสิ  ได้มั้ย ?  ”

           “……….. ”  

        

          นิค พยักหน้าพร้อมกับยกมือขึ้น เป็นเครื่องหมายบอกว่า  ให้รอสักครู่      ขอเก็บของในห้องสักครู่

        

          “ นายกำลังจะบอกว่า ให้เรารอหน่อยหรอ  โอเคได้เสมอเลย เพื่อน  อย่านานนักละ  “

      

            เสือใบ้นิค ไม่พูดแต่ก็เดินเข้าไปในห้อง สักพัก เขาก็เดินออกมา   พร้อมกับพยักหน้าให้วา        จากนั้นวาจึงเดินไปที่ลิฟท์กับนิค            



             ลิฟท์ค่อยๆ เปิดออก  วาก็พบกับนักเรียนจำนวนมาก   นั่งคุยกัน หรือไม่ก็จับกลุ่มคุยกันอยู่แถวล้อบบี้    แต่วาก็ไม่ค่อยสนใจ         เขาหวังอยู่อย่างเดียว    ในตอนนี้ขออย่าให้เจอ  ไอ้พวกแก๊งเอ็ดดี้  อย่างเดียวก็พอใจแล้ว





              

              “ โอ้ววววววว – วววววว ”       เสียงคำรามดังลั่นห้องน้ำของพิชากิ    ฟังดูแล้วทรงพลังอย่างมาก     พิชากิถึงกับตกใจเมื่อเขาเห็นเพื่อนร่วมแก๊งของเขาสองคน    นอนสลบอยู่ในห้องน้ำ ตอนที่เขาเข้าไปถึง        



              พิชากิวิ่งต้องเข้าไปประคองเพื่อนทั้งสองคนของเขาไว้      

          

               “  พวกนายสองคนไปโดนอะไรมาเนี่ย !!! “

               “ เออ เราก็แค่กำลังแกล้งนักเรียนอื่นๆ   ตามที่เราทำอยู่ทุกวันแต่ทว่า   วันนี้เราซวยหน่อยเท่านั้นเอง   ”

          

               ซักก้าเป็นผู้ตอบพิชากิ   ตอนนี้เขาค่อนข้างจะหายดีแล้ว    ส่วนจ๋อยนั้นปกติก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว   เจอเหตุการณ์อย่างนี้   ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่            



               “ บอกเรามาสิ   ว่าใครมาทำอะไรพวกนายอย่างนี้  เดี๋ยวเราจะไปจัดการมันเอง ”           พิชากิวันนี้ดูอารมณ์เสียผิดปกติ  ซึ่งซักก้าและจ๋อยก็สังเกตุได้

            

               “ เราว่าคนที่ควรจะใจเย็นๆ น่ะ น่าจะเป็นนายมากกว่านะ  พิชากิ   วันนี้นายเป็นอะไรดูอารมณ์เสียผิดปกติ ”

               “ ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ”      

              

              ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ซักก้าก็รู้ว่า พิชากิวันนี้คงมีเรื่องให้อารมณ์ไม่ดี  เพราะฉนั้นเขาไม่ควรจะเล่าเรื่องอะไรให้พิชากิฟังมากกว่านี้    ไม่อย่างนั้นถ้าเขาอารมณ์ไม่ดีมากๆ  แล้วเกิดโกรธขึ้นมาละก็…………



             “ เอาเป็นว่า นายบอกมาดีกว่า  เมื่อกี้พวกนายยังพูดไม่จบว่าใครเป็นคนทำร้ายพวกนายนะ ”  

              “ คือ ไม่มีอะไรหรอก  แค่เล็กๆ น้อยๆ นะ ”  

            

             ซักก้าพยายามจะไม่บอกพิชากิ หรือถ้าจะบอกคงเป็นวันที่เขาอารมณ์ดีกว่านี้      แต่นั่นยิ่งทำให้พิชากิอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น



                 “ บอกมาเดี๋ยวนี้  ว่าใครเป็นคนทำพวกนาย !! ”    



                พิชากิ พูดด้วยเสียงที่ดุดันและ ท่าทางจริงจัง        แต่ซักก้าก็ยังไม่ยอมบอก  



                 “ เออ ….. ไซโคร แนช เป็นคนทำเราน่ะ . . . .”

            

                 จ๋อยกลัวพิชากิจะโมโหจึงบอกออกไป    ซึ่งซักก้าก็หันไปมองจ๋อยสายตาเชิงว่าในใจ       เมื่อพิชากิได้ยินดังนั้น   ก็ทำหน้าเข้ม ซึ่งนั่นเป็นบุคลิกของเขาอยู่แล้ว      



                 “ แล้ว เราจะได้เห็นดีกัน ไซโคร แนชชชชช !!! ”





                 พิชากิคำรามก้องไปทั่วห้องน้ำ    จ๋อยยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก ผิดกับซักก้าซึ่ง ไม่อยากให้มันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเลย        เขาไม่อยากให้ต้องมีคนมาทะเลาะวิวาทกันอีก        ถ้าพิชากิเกิดไปมีเรื่องกับ ไซโคร แนช ละก็ เขานึกภาพแทบไม่ออกเลยว่า อะไรมันจะเกิดขึ้น        

                

                 เมื่อหัวหน้าแก๊งหมูดำ ซึ่งไม่เคยคิดจะทะเลาะกันใครไปเจอกับ  จอมโรคจิตประจำโรงเรียน  ซึ่งไซโคร แนชก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะชนะเอาได้ง่ายๆ         เอาอะไรมันจะเกิดขึ้น          

              

            ถ้าพิชากิคิดจะมีเรื่องกับ  พวกแก๊งเอ็ดดี้ เขาจะไม่ห้ามเลย   เพราะเขาก็ไม่ค่อยจะชอบแก๊งเอ็ดดี้อยู่แล้ว         แต่ถึงจะยังไง เขาก็ไม่อยากให้เพื่อนของเขาต้องไปมีเรื่องกับใครอยู่ดี



             “ ไม่เป็นไรหรอก พิชากิ เราไม่ได้โกรธแค้นอะไรเขาขนาดนั้น  ให้อภัยเขาเถอะนะ  “

            

             พิชากิ หันมาจ้องหน้าซักก้า  สายตานั้นเป็นสายตาที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน   จากนั้นพิชากิก็เดินออกไปจากห้องน้ำ ทิ้งให้เหลือไว้แต่  ซักก้ากับจ๋อยอยู่เพียงสองคนตามเดิม  

          

             “ นายนี่มันจริงๆ เลย  บอกเขาไปทำไมนะ ”

             “ ก็เรากลัวนี่หน่า “

             “ โธ่ – เอ๊ย …….”

              

             ซักก้า พูดด้วยความอารมณ์เสียจากนั้นก็ วิ่งออกไปจากห้องน้ำ   เพื่อไปพูดกับพิชากิให้เขาใจเย็นลง  







              วา เดินเล่นไปเรื่อยๆ พร้อมกับนิค     แต่นิคจะไม่พูดเลยก็ตามที  แต่ วา ก็คิดว่ายังไงก็ยังคุ้มกับการที่ได้  สูดอากาศอันสดชื่อ   ของยามเย็นฤดูหนาว โรงเรียนอับดุล อินเตอร์แห่งนี้          มันช่างสดชื่นดีแท้       รู้สึกว่า ลมหนาวเริ่มจะมาแล้วสินะ        

            

             เมื่อวาเดินไปแถวสนามฟุตบอลประจำโรงเรียน      ก้พบนักเรียนหลายๆ คนกำลังเล่นฟตุบอลกันอยู่   บางคนก็นั่งจับกลุ่มคุยกันเล่นๆ   อยุ่บนสนาม  

            

            เนื่องจากสนามฟุตบอลกว้างมาก    จึงไม่ทำให้นักเรียนที่เดินเล่นไปมาในสนาม   ขวางพวกนักเรียนที่เล่นฟุตบอล            วา มองดูนักเรียนคนอื่นเล่นฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน       ตัวเขาเองก็อยากเล่นฟุตบอลเหมือนกัน   แต่ว่า เขาเล่นไม่ค่อยจะเก่ง   ส่งบอลยังส่งไม่ค่อยจะได้เลย              

            



            เขารู้สึกเข็ดกับ ฟุตบอลเพราะสมัยตอนเด็กๆ  เขามักจะเป็นคนทำทีมแพ้เสมอ    และ เขาก็ไม่ค่อยจะได้เล่นเป็นกองหน้านักหรอก   เพราะเขาชอบเป็น ผู้รักษาประตู      เขาชอบเป็นผู้รักษาประตูก็เพราะว่า   มันเป็นเหมือน ตำแหน่งที่ทำหน้าที่รับผิดชอบ   คะแนนของคนในทีม   ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามทำคะแนนได้          เท่าที่เขาจำได้  เขาก็ไม่ใช่ผู้รักษาประตูที่ดีเท่าไหร่นัก  แต่เขาก็ชอบที่จะเป็น        

        

             วาเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย    คิดยังไงเขาก็ไม่เคยเจอคนที่แปลกแบบนิคมาก่อน     คนอะไรทั้งชีวิตนี้จะไม่คิดที่จะพูดกันใครเลยเชียวหรือ             ข้างหน้าของวา  มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งกำลังเดินมาด้วยความเร็วมาก     และก็มีนักเรียนอีกสองคนวิ่งตามมา              



             วา ลองมองดูหน้าของเด็กที่เดินนำมาหน้าสุด      เขาเป็นเด็กนักเรียนที่หน้าเข้มแลโหดมาก ดูท่าทางคงจะอารมณ์ไม่ดีอยู่เป็นแน่แท้           เดกนักเรียนมาดเข้มรูปร่างค่อนข้างอ้วนคนนั้นเดินมาตัวความเร็วอย่างมาก    ทำให้วาหลบไม่ทัน      



              เมื่อทั้งสองคนชนกัน   โดยที่ วาไม่ทันจะตั้งตัว ก็ทำให้ วา ซึ่งตัวเล็กกว่าถึงกับหกล้ม



             “ เออ ขอโทษทีนะ  นายเป็นอะไรรึเปล่า “            

             “ ไม่เป็นอะไรหรอก  ขอบคุณนะ ”

            

             จากนั้นนักเรียนอีกสองคนที่  เดินตามนักเรียนคนที่ชนเขาก็   วิ่งเข้ามาหา      



            “ นึกว่านายจะไม่ยอมหยุดสะแล้วสิ ”      ซักก้าพูดพร้อมกับถอนหายใจ

           “ นายเป็นอะไรหรอ  ดูท่าทางรีบจัง ”            วา ถาม พิชากิ

            

                 พิชากิ ยิ้มให้กับ วา ซึ่ง  เขาไม่ได้ยิ้มมาตั้งแต่เดินออกมาจากตึกชมรม       ทำให้ซักก้ากับจ๋อยรู้สึกแปลกใจมาก  

            

                “ ไม่มีอะไรหรอก   ว่า แต่นายชื่ออะไรหรอ  ไม่ค่อยจะคุ้นหน้าเลยนะ “

                “ เราชื่อวานะ    พอดีเพิ่งเข้ามาใหม่วันนี้   แล้วนายละ ”

                “ เราชื่อพิชากิ  ยินดีที่ได้รู้จักนะ ”      

            

                ทั้งสองคนจับมือกันแล้วยิ้มให้กัน    เมื่อพิชากิเห็นนิค ก็ทักทายนิค        จากนั้นจ๋อยและซักก้าก็เริมทักทายตาม

          

                “ โอ้ ลืมไป ดีนะ นิค พอดีเราไม่ทันเห็นนายนะ “               นิค ยังคงทำหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม   เหมือนกับว่า ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น      



               “ ดีเช่นนะกันนะ วา แล้วก็นิคด้วย   เราชื่อซักก้านะ  “

               “ เราชื่อจ๋อยนะ ”

               “ อืม ยินดีที่ได้รุ้จัก  ว่าแต่พวกนายจะรีบไปไหนหรอ ”

               “ ไม่มีอะไรหรอก  แค่เมื่อกี้เราอารมณ์ไม่ค่อยดีไปหน่อย    พอมาชนกับนายเหมือนสติมันกลับคืนมาได้อ่านะ   ขอบคุณๆ ”  

              “ ไม่เป็นไร เหอๆ ”        

        

              มีงี้ด้วยเดินชนคนอื่นแล้วสติคืนกลับเข้าตัว           เมื่อทักทายกันไปเสร็จเรียบร้อย   วา ก็รุ้สึกคุ้นๆ กับชื่อนี้มาก               “ พิชากิ  ??? “       แต่เขาก็ยังนึกไม่ออก



              “ จะไปเดินเล่นด้วยกันมั้ย  เรากำลังขาดเพื่อนคุยอยู่เลย “

              “ วันนี้คงไม่ได้ละ  ไว้วันหน้าละกันนะ  เอาเป็นว่า พวกเราขอตัวก่อนนะ ”



              พิชากิพูดพร้อมกับยิ้มด้วยมาดเข้ม   จากนั้นก็เดินไปพร้อมกับจ่อยแล้วก็ซักก้า                    พิชากิรู้สึกว่า ถูกชะตากับ วา เป็นอย่างมากถึงแค่จะเจอกันเพียงไม่กี่นาทีก็ตามที        คงเพราะเดินไปชนกับวา ทำให้เขาได้สติกลับมา     เขาไม่ควรจะมีเรื่องทะเลาะกับใคร     เกือบไปแล้วเขาคิดกับตัวเอง      

          

             ซักก้ากับจ๋อยหันมามองหน้ากันแล้วก็ยิ้มจากนั้น      ก็เดินตามพิชากิต่อไป           วา ก็ดีใจที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นอีก         ตอนนี้เขามองดูท้องฟ้า  ดูแล้วคอนข้างจะเริ่มมืดแล้ว  จึงเหลือบมองนาฬิกาข้อมือดู         ปรากฎว่า มันเพิ่งแค่จะ 6 โมงเย็นเอง   นี่ แสดงว่ามันเป็นฤดูหนาวจริงๆ  แล้วสินะ      



            

                                        _______________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×