คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #63 : บทเรียนที่ 57 สูญสิ้นซึ่งลมปราณ
บทเรียนที่ 57 สูญสิ้นซึ่งลมปราณ
โซเฟียคิดอยู่สักพักก็ยิ้มขึ้น
“ อ๋อ จำได้แล้ว น้องที่เคยเจอกันเมื่องานประลองปีที่แล้วนั่นเอง แหะๆ โทษทีนะจ๊ะที่ตอนแรกพี่จำไม่ได้ คงเพราะเราดูน่ารักขึ้นมากละมั้ง ”
ซิลเวียร์หน้าแดงก่ำ
‘ กรี๊ด ! ดีใจจริงๆ พี่โซจำเราได้ด้วย ’
มันทำให้เธอนึกย้อนไปเมื่องานประลองระหว่างสถาบันปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอเพิ่งอยู่ชั้นมัธยมปีที่สาม ขณะที่เธอกำลังเดินอยู่คนเดียวเพราะผลัดหลงกับรูเกียร์ที่รีบจะไปประลองอาวุธให้ทัน กลุ่มนักเรียนชายจากโรงเรียนอื่นประมาณแปดคนก็เดินเข้ามาหาเธอ
‘ น่ารักจังเลย ชื่ออะไรหรอครับ ’ หนึ่งในนั้นเข้ามาถาม แม้คำพูดจะดูสุภาพแต่ท่าทางช่างน่ารังเกียจชะมัด ส่วนพวกที่ยืนอยู่ก็ไม่ต่างกัน มันเป็นสายตาที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจเดินต่อไป
‘ โอ้โห นอกจากน่ารักแล้วยังหยิ่งเสียอีก แบบนี้สิพี่ชอบ เราไปกินข้าวด้วยกันดีไหม ’ เจ้าหนุ่มคนนั้นเดินตาม
‘ ไปไกลๆ เลย ’ เธอพยายามไล่เจ้าพวกนั้นไป แต่ก็ไม่ได้ผล แม้จะรีบเดินเท่าไหร่ แต่ก้าวของเด็กหญิงคนนึง หรือจะสู้การก้าวของผู้ชายได้ ในที่สุดพวกนักเรียนเหล่านั้นก็พากันล้อมเธอเอาไว้
‘ แต่อย่าหยิ่งมากไปพี่ก็ไม่ชอบนะ ’ เจ้านักเรียนคนนั้นเข้ามาจับมือเธอเอาไว้ นั่นเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าเข้ามาจับมือเธอแบบนี้
‘ ปล่อยนะ ’ เธอตวาด ‘ ถ้าพี่รูเกียร์อยู่ละก็พวกแกเจ็บตัวแน่ ’
แต่ที่ได้ยินเป็นเพียงเสียงหัวเราะเท่านั้น
‘ ฮ่าๆ คิดหรอว่าพวกพี่จะกลัว นี่น้องไม่รู้หรอว่าพวกพี่เป็นใครกัน ’ เจ้าหนุ่มผิวดำกล้ามโตกล่าว
ถึงตอนนี้แม้จะมีนักเรียนคนอื่นเห็นเหตุการณ์แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง
‘ เพราะฉะนั้นยอมไปกินข้าวกับพี่ดีๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวนะ ’
ซิลเวียร์หมดความอดทนตบแก้มของเจ้าหนุ่มผิวดำโดยไม่ที่เจ้าหมอนั่นไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เธอก็ต้องผวาเมื่อมันหันมามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
‘ หนอย พูดดีๆไม่ชอบใช่ไหม ’
ฝ่ามือของเจ้าหนุ่มผิวดำแหวกอากาศเข้าใส่หน้าเธอ แม้เหตุการณ์จะถึงขั้นนี้ก็ไม่มีใครคิดที่จะเข้ามาช่วยเธอเลย
ไม่มีใครคิดจะช่วยเราสักคนเลยใช่ไหม
เด็กสาวหลับตาพริ้ม เตรียมตัวรับแรงตบ แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดใบหน้าของตนกลับไม่รู้สึกเจ็บสักที
“ พะ พี่
..” ตอนแรกเธอนึกว่าพี่รูเกียร์มาช่วยแล้ว แต่พอลืมตาขึ้นกลับพอว่าเป็นนักเรียนหญิงผูกผมคนหนึ่ง แต่มองไม่เห็นหน้าเพราะแผ่นหลังนั้นแทรกอยู่ระหว่างเธอกับเจ้าหน้าแหลม ในมือของนักเรียนหญิงจับแขนข้างที่จะตบใส่ซิลเวียร์เอาไว้
‘ ผู้ชายหลายคนรุมรังแกผู้หญิงไม่อายบ้างเรอะไง ’ เสียงนั้นกล่าวอย่างหนักแน่น แม้จะเป็นเสียงของผู้หญิงแต่เต็มไปด้วยความกล้าหาญและเฉียบขาด ทำเอาเจ้าหนุ่มผิวดำชะงักไปพักหนึ่ง
จากนั้นรอยยิ้มปรากฏขึ้นอีกครั้ง
‘ เธอเป็นใครกัน อย่ามาเจ๋อดีกว่า ถ้าไม่อยากเดือดร้อน ’
แต่หญิงคนนั้นส่ายหน้า
‘ ฮ่าๆ ดีถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปกับพวกเราด้วยเลยเป็นไง ’
แย่แล้ว ถ้าพี่รูเกียร์อยู่ด้วยก็คงจะดี
.
ขณะที่ซิลเวียร์กำลังขวัญหนี หญิงคนนั้นก็หันมายิ้มให้กับเธอ และนั่นเป็นรอยยิ้มที่ซิลเวียร์ยังคงจำได้จนถึงวันนี้ ช่างเป็นรอยยิ้มที่แสนจะน่ารัก และเต็มไปด้วยความอบอุ่นอะไรขนาดนี้นะ พริบตานั้นมันทำให้ความกลัวในใจของเธอสลายไปหมดสิ้น
จากนั้นหญิงสาวคนนั้นก็จับมือเธอ มือที่แสนจะลื่นนุ่มและอบอุ่นนั้นกำลังจูงเธอผ่านวงล้อมของพวกคนร้ายเหล่านี้ไป
อัศวินของหนู
..
แต่ทันใดนั้นเหล่าพวกผู้ร้ายก็เข้ามาขวางหญิงสาวคนนั้นและเธอไว้
‘ เฮ้ มันจะไม่ข้ามหน้าข้ามตากันไปหน่อยเรอะไง ’ เจ้าหนุ่มผิวดำยวน ‘ คิดว่าจะแย่งผู้หญิงของชั้นต่อหน้าได้ง่ายๆแบบนี้เรอะ ’
วงล้อมของพวกคนร้ายเริ่มโอบเข้ามาหาทั้งสอง
ทำยังไงดีๆ
..
ขณะที่เธอกำลังรู้สึกสับสนและกลัวนั้น หญิงสาวหรืออัศวินก็หันมายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
‘ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ แหะๆ ’
เธอผงกหัว ไม่ทราบทำไมถึงรู้สึกไว้ใจ และมั่นใจว่าเธอจะปลอดภัยได้ถึงขนาดนี้
เจ้าหนุ่มผิวดำพยักหน้าให้พวก จากนั้นเด็กชายสองคนเข้ามาหมายจะจับมือของหญิงสาวคนนั้นเอาไว้ แต่ก่อนที่มือของทั้งคู่จะทันได้สัมผัสตัวของหญิงสาว ร่างของหญิงสาวก็เคลื่อนหลบไปจากที่ตรงนั้นเสียแล้ว
ซิลเวียร์รู้สึกร่างถูกดึงนิดหน่อย ถึงกระนั้นเธอก็ไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย กลับกันเธอรู้สึกมั่นใจในมือที่กุมมือเธอไว้อยู่อย่างถึงที่สุด ราวกับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอแค่มีมือนี้กุมมือเธอไว้ก็จะไม่มีอะไรมาทำอันตรายเธอได้
ทั้งๆที่ยังไม่ทันจะได้รู้จักกันเลยแท้ๆ เธอเองก็ไม่ทราบว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน ที่ทำให้เธอยอมขยับตามแต่โดยดี
หญิงสาวคนนั้นพาเธอหลบไปมาอย่างคล่องแคล่ว
เมื่อเห็นว่าไม่ได้การณ์เจ้าหนุ่มผิวดำจึงส่งสัญญาณให้ทุกคนรุมเข้าไปจับตัวทั้งสองให้ได้
‘ แหะๆ เล่นแบบนี้ก็ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ ’ หญิงสาวอาศัยจังหวะกระแทกตัวใส่ชายที่กำลังเสียหลักอยู่ให้ล้มไป
แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถฝ่าวงล้อมของพวกคนร้ายไปได้หมด วงล้อมเริ่มใกล้เข้ามาทุกทีๆ แต่ถึงกระนั้นมือข้างนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเธอ
‘ เสร็จชั้นละนังตัวดี ’ เจ้าหนุ่มผิวดำยิ้มอย่างสะใจ
ขอโทษนะค่ะ เพราะหนูแท้ๆ ถ้าเราตั้งใจเรียนศิลปะการป้องกันตัวมากกว่านี้ละก็
‘ เฮ้ย พวกแกน่ะ ’ เสียงชายหนุ่มดังมาแต่ไกล ทันทีที่เจ้าหนุ่มผิวดำหันไปร่างของเขาก็ลอยกระเด็นไปไกลแล้ว จากนั้นเงาร่างสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่นักเรียนพวกนั้นอย่างรวดเร็ว
‘ พะ พี่รูเกียร์ ’ ซิลเวียร์ยิ้มอย่างดีใจ
ร่างของนักเรียนพวกนั้นถูกกระแทกกระเด็นล้มไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่สามารถโต้ตอบเงาร่างสายนั้นได้เลย เป็นการลงมือที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่ซิลเวียร์ได้เคยเห็นมา
ทุกร่างที่ล้มลงกับพื้นกุมท้องตนเองร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด
‘ แหะๆ โหดแฮะ ’ หญิงสาวหัวเราะ
‘ ไม่เป็นไรใช่ไหม ซิลเวียร์ ’ รูเกียร์รีบเข้ามาจับตัวเธอไว้ด้วยความเป็นห่วง ทำให้มือของเธอหลุดจากการเกาะกุมของหญิงสาวไป
เธอส่ายหน้า จากนั้นสีหน้าของรูเกียร์ดูน่ากลัวขึ้นมาอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ในมือดึงกระบี่สีขาวราวกับหยกออกมา เสียงกระบี่แปลบปร้าบคุกคามไปทั่วบริเวณ
‘ บังอาจมายุ่งกับซิลเวียร์ ! ’
กระบี่ในมือตวัดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้ง นักเรียนพวกนั้นก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างทิ่งแทงใส่ร่างของตน ชักดิ้นชักงออย่างเจ็บปวดถึงขีดสุด หากไม่ใช่ผู้ที่รู้ฝีมือรูเกียร์เช่นซิลเวียร์แล้วคงจะต้องประหลาดใจแน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซิลเวียร์ทราบดีว่ารูเกียร์กำลังพุ่งลมปราณใส่นักเรียนพวกนั้นอย่างรุนแรง
นักเรียนเหล่านั้นดิ้นทุรนทุรายราวกับจะขาดใจตายอยู่แล้ว
หญิงสาวที่ยืนดูอยู่เห็นท่าไม่ดี หมายจะวิ่งเข้าไปหยุดรูเกียร์เอาไว้แต่ก็ถูกอะไรบางอย่างๆรอบๆตัวเขากระแทกกระเด็นออกไป
‘ พอได้แล้ว เดี๋ยวก็ตายกันพอดีหรอก ’ หญิงสาวรีบห้าม แต่รูเกียร์ไม่มีท่าว่าจะหยุด
ซิลเวียร์ที่เห็นหญิงสาวห้ามปราม จึงรีบเข้าไปห้ามบ้าง แต่ก็ถูกลมปราณกระแทกกระเด็นออกมาเช่นกัน ดูเหมือนว่ารูเกียร์จะไม่รู้สึกตัวเพราะความโกรธ
‘ โอ๊ย ’ ซิลเวียร์เซล้มลง พอได้ยินเสียงนั้นรูเกียร์ก็เหมือนได้สติรีบกลับไปดูซิลเวียร์ จังหวะนี้พวกนักเรียนกลุ่มนั้นก็พากันรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ซิลเวยร์ทำหน้างอนลุกขึ้นยืนโดยไม่สนใจรูเกียร์
‘ แหะๆ ถ้าอย่างนั้นก็ขอตัวนะค่ะ ’ หญิงสาวขอตัวเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
‘ ขอบคุณมากนะ ’ รูเกียร์ก้มหัวให้เล็กน้อย ดูถือตัวราวกับคุณชายผู้สูงศักดิ์ แต่หญิงสาวไม่ถือท่าทียิ้มรับ
‘ เดี๋ยวค่ะ ! ’ ซิลเวียร์รวบรวมความกล้าตะโกนออกไป ‘ ขอทราบชื่อพี่หน่อยจะได้ไหมค่ะ ’
หญิงสาวคนนั้นหันมายิ้มให้กับเธอ
‘ พี่ชื่อโซเฟีย แล้วเราละ ’
เขาถามชื่อเราด้วย
. ซิลเวียร์หน้าแดง
‘ นะ หนูชื่อซิลเวียร์ค่ะ ขะ ขอบคุณมากนะค่ะ ’
โซเฟียโบกมือให้จากไปพร้อมรอยยิ้ม
‘ พี่รูเกียร์ ! ’ ซิลเวียร์หันมายิ้มอย่างกระตื้อรือร้น ‘ ต่อไปหนูจะตั้งใจฝึกศิลปะการป้องกันตัวแล้ว ’
ได้ยินเช่นนั้นรูเกียร์ดีใจเป็นอย่างมาก
ขอบคุณมากนะค่ะพี่โซ ต่อจากนี้หนูจะเป็นคนปกป้องพี่เอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหนูจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพี่ได้
หนูขอสัญญาค่ะ พี่โซอัศวินของหนู
“ หนูได้ดูพี่โซแข่งประลองอาวุธด้วยนะ เท่สุดๆไปเลย ” ซิลเวียร์คลองแขนโซเฟียหัวเราะระริก
“ แหะๆ ไม่เท่าไหร่หรอกจ๊ะ ถ้าไม่ได้พี่ดีว่าช่วยไว้พี่คงแย่ไปแล้วละ ” โซเฟียยิ้มให้ดีว่า แต่สีหน้าของซิลเวียร์กลายเป็นขุ่นเคืองไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ ไม่จริงหรอกค่ะ ” ซิลเวียร์แย้งเสียงแข็ง “ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่โซถ่วงเวลาไว้ให้ป่านนี้มือกระบี่คนนี้คงแย่ไปแล้ว เขาน่ะเป็นตัวถ่วงพี่เสียมากกว่า ”
“ แหะๆ อย่าพูดแบบนั้นสิจ๊ะ ” โซเฟียอึ้ง หรือดีว่าเคยไปก่อเรื่องอะไรไว้กับซิลเวียร์เธอเลยดูไม่ชอบหน้าเขามากถึงขนาดนี้
“ ไม่หรอกครับ น้องเขาพูดถูกแล้วละครับ ” ดีว่ายิ้มอย่างสุภาพ ซิลเวียร์ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกขัดข้องใจ
“ พรุ่งนี้ซิลเวียร์ก็แข่งเหมือนกันนะค่ะ ”
“ หืม แข่งอะไรหรอจ๊ะ ครอสเวิดหรือเปล่า ” โซเฟียถาม
ซิลเวียร์ส่ายหน้าแขนยังไม่ยอมปล่อยโซเฟีย หลังจากที่โซเฟียเดาอยู่นานเธอก็เฉลยออกมา
“ หนูแข่งประลองอาวุธทีมต่อจากพี่โซวันพรุ่งนี้ค่ะ อิอิ ”
“ เอ๋ จริงหรอเนี่ย ” โซเฟียไม่คิดว่าเด็กหญิงคนที่ดูอ่อนแอเมื่อปีที่แล้วจะลงแข่งรายการโหดๆแบบนี้กับเขาด้วย แถมโรงเรียนที่สังกัดก็คือ ไกเซอร์ด้อมซึ่งเป็นหนึ่งในที่ทีมที่แข็งแกร่งที่สุดไม่แพ้เกบเรียลเลย
“ จริงค่ะ อย่าลืมมาเชียร์หนูด้วยนะ หนูจะเอาใจช่วยพี่โซ ถ้าเข้ารอบเราก็จะได้เจอกันรอบชิงด้วยละ ”
ยิ่งฟังโซเฟียยิ่งสงสัย ทีมที่แข็งแกร่งอย่างไกเซอร์ด้อมจะมีเด็กน่ารักที่ดูอ่อนแออย่างซิลเวียร์ร่วมด้วยได้อย่างไร อีกอย่างที่ผ่านมาถึงรอบนี้ได้ไม่น่าจะใช่แค่โชคช่วยแล้ว ดีว่าเองก็สงสัยเช่นกัน แต่เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ธรรมดาในตัวเด็กหญิงคนนี้
“ หิมะเริ่มตกแล้ว เรารีบไปเดินดูรอบๆก่อนแล้วค่อยเข้าไปข้างในกันนะค่ะ ” ซิลเวียร์ลากโซเฟียไปดื้อๆ โซเฟียไม่อยากขัดใจอีกอย่างเห็นซิลเวียร์เป็นเด็กน่ารักจึงตามไปแต่โดยดี
ตลอดเวลาดีว่าสังเกตสีหน้าของซิลเวียร์ดูความมีความุสขเป็นพิเศษเมื่อได้อยู่กับโซเฟีย ดังนั้นพลอยแอบยิ้มไปด้วยไม่ได้
ทั้งสามเดินไปเรื่อยๆ จนถึงสุดทางของบริเวณนี้ ซึ่งตรงนี้คือบริเวณเนินเขาที่ตรงไปยังชมรมอัศวินของโรงเรียนไอแซกที่ดีว่าเคยผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้นดีว่าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง มันเป็นเสียงลมแหวกอากาศไปมา ทิศทางตรงมาจากเบื้องหน้า ดังนั้นรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่จะห้ามซิลเวียร์ที่วิ่งตรงไปทางทิศนั้นก็ดูจะไม่ทันการณ์แล้ว
“ บอกมาซะดีๆ อะไรคือ จุดอ่อนของชั้น ” จีดาบคลั่งในเสื้อคลุมดำเค้นถามหญิงสาวในชุดเสื้อคลุมสีขาวที่มีลายดอกซากุระอยู่ประปราย
“ จะถามก็ควรจะถามกันให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ใช่หรอค่ะ ” หญิงสาวนั้นตอบอย่างสุภาพ ซึ่งที่แท้ก็คือ เซียนกระบี่ซากุระ
จีดาบคลั่งเคยได้ยินเรื่องที่ซากุระบอกว่าตนเองใช้ลมปราณผิดวิธี และมันจะส่งผลต่อร่างกายของเขาได้ ดังนั้นเมื่อเห็นซากุระเดินอยู่จึงตามมาสอบถาม แต่ด้วยวิธีการและท่าทางที่หยิ่งยโสของจีดาบคลั่งทำให้ซากุระออกจะไม่พอใจอยู่บ้าง
“ ชิ ถามดีๆไม่ชอบ งั้นคงต้องขอให้ช่วยชี้แนะหน่อยแล้วว่ามันผิดวิธียังไง ” จีดาบคลั่งตวาด มือกระชากดาบทมิฬอาวุธประจำกายอันน่าสะพรึงกลัวมาตวัดใส่ซากุระ
ซากุระส่ายหน้า พริบตานั้นกระบี่ไม้ในมือแทงสวนกลับใช้ออกด้วยกระบี่สุญญากาศหมายจะให้จีดาบคลั่งล้มลงก่อน แล้วค่อยบอกกล่าวให้ฟัง
แต่เมื่อใช้กระบี่สุญญากาศออกไปก็พบว่าผิดท่า ลมปราณกระบี่ที่แหวกอากาศเมื่อพุ่งเข้าใส่จีดาบคลั่งก็กลายเป็นอากาศธาตุ
“ ฮ่าๆ รับพลังของเธอคืนไปซะ ” จีดาบคลั่งยื่นมือซ้ายที่ไม่ได้จับดาบไว้ออก ราวกับกำลังดูดซับพลังลมปราณของซากุระ จากนั้นควงดาบตวัดกลับใส่ซากุระ พลังลมปราณที่ระเบิดออกมานั้นรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
ความจริงซากุระจะใช้ลมปราณสวนกลับไปก็ได้ แต่เห็นว่าเป็นการเปลืองเรี่ยวแรงเสียเปล่า อีกอย่างลมปราณสายนี้แม้จะรุนแรงก็จริงแต่ด้วยฝีมือของเธอก็ไม่ยากเกินไปที่จะหลบหลีกได้ ดังนั้นเบี่ยงตัวเล็กน้อยหลบไป
มิคาดจะมีสาวน้อยคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นมา ซึ่งเป็นวิถีที่ลมปราณของจีดาบคลั่งวิ่งใส่พอดี หากเป็นผู้ฝึกวิชาลมปราณโดนเข้าไปก็ต้องเจ็บปวดพอตัว แต่ถ้าไม่ใช่คนที่ฝึกลมปราณอาจจะเป็นอันตรายได้เลยทีเดียว แต่ด้วยสภาวะที่รวดเร็วเพียงเสี้ยววินาทีเช่นนี้ ด้วยท่าร่างของซากุระไม่สามารถจะช่วยเหลือได้ทันแล้ว
แต่ซากุระตัดสินใจในเสี้ยววินาทีนั้นรีบซัดลมปราณอีกสายใส่ หวังจะคลี่คลายลมปราณที่รุนแรงของจีดาบคลั่งลงไปได้บ้าง
“ ระวังครับ ”
ดีว่าตะโกน ไม่ครุ่นคิดอะไรทั้งสิ้นทุ่มเทลมปราณดีดตัวเข้าหาซิลเวียร์จากนั้นผลักเธอและโซเฟียให้พ้นจากวิถีลมปราณอันรุนแรงทั้งสองสาย
‘ ปัก ปัก !!! ’
ทั้งลมปราณของซากุระ และจีดาบคลั่งพุ่งเข้าใส่กลางหลังของดีว่าอย่างหนักหน่วง ดีว่ารู้สึกลมหายใจขาดช่วงความเจ็บปวดพุ่งขึ้นจนเกือบจะหมดสติไป รีบพยายามโคจรลมปราณสายที่สองต่อปราณ แต่รู้สึกหายใจติดขัดยากที่จะรักษาได้ ส่วนซิลเวียร์กระเด็นล้มลงหัวเข่าขูดกับพื้น โซเฟียก็ล้มลงเพียงแต่ไม่ได้เป็นอะไร
“ ดีว่า ”
ซากุระตกใจไม่คิดว่าจู่ๆ จะมีคนโผล่เข้ามา รีบวิ่งเข้าไปประคองดีว่าก็พบว่าลมปราณในร่างกายของดีว่าสับสนไปหมด เนื่องจากถูกลมปราณอันหนักหน่วงสองสายเข้าพร้อมๆกัน
จีดาบคลั่งก็ตกใจไม่แพ้กัน แม้จะอยากสู้ต่อแต่เห็นว่าเป็นดีว่าจึงหยุดมือชั่วคราว เพียงแต่ไม่คิดที่จะเข้าไปช่วย
ทางด้านรูเกียร์ที่คลาดกับซิลเวียร์เริ่มลนลาน ความผิดที่เกิดขึ้นจากการที่เขาผลัดหลงกับเธอเมื่อปีที่แล้วเริ่มทำให้เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องราวเช่นนั้นขึ้นอีก ดังนั้นจึงรีบวิ่งหาซิลเวียร์
ท่ามกลางผู้คนมากมายเช่นนี้ แต่ท่าร่างของรูเกียร์ยังคงความสง่างามได้อย่างน่าประหลาด หลบซ้ายหลีกขวาแทบไม่สัมผัสถูกตัวใคร ราวกับเซียนวิเศษที่เหาะเหินเดินอากาศได้ สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนที่พบเห็นไปตามๆกัน
เมื่อวิ่งมาจนถึงบริเวณเนินเขาหลังโรงเรียนรูเกียร์ก็พบเสียงลมแหวกอากาศ จึงรีบตะบึงตามเสียงไป
‘ ไม่นะ ซิลเวียร์พี่จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ’
และภาพที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาก็คือ ดีว่าผลักซิลเวียร์กระเด็นล้มไปกับพื้น เข่าขาวนวลเริ่มปรากฏคราบเลือดขึ้น
“ ขอโทษนะ จะรีบรักษาให้เดี๋ยวนี้ละ ” ซากุระรีบโคจรลมปราณหมายจะรักษาอาการของดีว่าที่บาดเจ็บไม่เบา แต่ทันใดนั้น ความกดดันขุมหนึ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็แผ่เข้ามา จีดาบคลั่งก็สัมผัสได้เช่นกัน
“ ระวังค่ะ ”โซเฟียที่อยู่ห่างจากตรงนั้นตะโกนออกมา เพราะเห็นสายลมอันเกรี้ยวกราดสามสายพุ่งเข้าหาทั้งดีว่า ซากุระหรือแม้กระทั่งจีดาบคลั่ง
สายลมความจริงไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไปเพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับเวลาที่เห็นพายุเฮอร์ริเคนเพราะพลังอันมหาศาลทำให้มีสิ่งที่พัดติดมากับมันด้วย จึงมองเห็นเป็นรูปร่างนั่นเอง
สายลมอันเกรี้ยวกราดพุ่งเข้าหาทั้งสามอย่างรวดเร็ว แม้ซากุระจะเก่งเพียงใด แต่ถูกจู่โจมในเวลาเช่นนี้ยากที่จะป้องกันได้ หรือต่อให้ป้องกันได้ก็ทำได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ยามกระทันหันไม่ทันได้ครุ่นคิดรีบโคจรลมปราณต้านกลับไป แต่พลังลมปราณนั้นรุนแรงเกินไปเพียงต้านทานไม่ให้ถูกตัวเอง แต่ไม่อาจป้องกันให้แก่ดีว่าได้
‘ อั๊ก ! ’ ลมปราณกระแทกเข้าใส่ท้องน้อยดีว่าอย่างจัง สติเริ่มเลือนลาง
“ แกเป็นใคร ” จีดาบคลั่งที่รับลมปราณสายนั้นเข้าไปเต็มๆตะโกนถามอย่างหน้าตาเฉยราวกับไม่เป็นอะไรเลยสักนิด
พริบตานั้นฝ่าเท้าแหวกอากาศตวัดเตะจีดาบคลั่งกระเด็นออกไป ความรวดเร็วในการลงมืออยู่ในเหนือความคาดหมายของจีดาบคลั่งนัก ยังดีที่ร่างกายได้ดูดซับพลังลมปราณเมื่อสักครู่เข้าไป จึงรีบยืมพลังมาใช้ตอบสนองด้วยความรวดเร็ว ตวัดตัวดาบเข้าป้องกันเท้านั้นได้ทัน แต่พลังเตะรุนแรงเกินไปยังคงทำให้กระเด็นไปอยู่ดี
จากนั้นเงาร่างสายนั้นพุ่งเข้าหาดีว่าที่กุมท้องด้วยความเจ็บปวด ลมปราณรอบๆตัวเงาร่างนั้นแผ่พุ่งอย่างเกรี้ยวกราด ทำเอาผมของซากุระต้องปลิวไสวตาม
‘ อะไรกัน นี่มัน
..?! ’ ซากุระรีบตวัดกระบี่ปัดป้องเงาร่างสายนั้นจากนั้นโคจรลมปราณใส่เงาร่างสายนั้น
‘ ฟ้าว ! ’เมื่อลมปราณของทั้งสองปะทะกันก็เกิดคลื่นอันรุนแรงขึ้น โซเฟียที่ดูอยู่ตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสน ส่วนซิลเวียร์นั้นอ้าปากค้าง
“ พี่รูเกียร์ ! ”
แขนข้างซ้ายของรูเกียร์กำลังยันอยู่กับกระบี่ไม้ในมือของซากุระ ส่วนมือขวาถือร่มกระดาษสีน้ำตาลอยู่อย่างมั่นคงไม่มีการไหวติงแม้สักนิด จากนั้นเพียงหันไปมองซิลเวียร์วูบหนึ่ง และนั่นทำให้ซิลเวียร์หน้าซีดขึ้นมาทันที
มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเช่นเดียวกับตอนเกิดเรื่องเมื่อปีที่แล้ว รูเกียร์ในสภาพนี้ยากที่จะรับฟังอะไรจากเธอได้
“ พี่โซ ” ซิลเวียร์กระตุกแขนโซเฟีย “ ช่วยหยุดพี่รูเกียร์ที ”
โซเฟียได้แต่พยักหน้า จากนั้นรีบประเมินสถานการ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เธอเองก็ทราบถึงความร้ายกาจของชายผู้นี้ดี
“ นายทำอะไรของนาย ” ซากุระถามขณะกำลังยันกระบี่อยู่กับแขนซ้ายของรูเกียร์ แต่คำตอบที่ได้เป็นเพียงแค่แววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเท่านั้น
“ พวกแกทั้งหมดต้องชดใช้ ” จากนั้นแขนซ้ายตวัดผลิกวูบคว้ากระบี่ไม้ของซากุระไว้ เท้าซ้ายตวัดเตะใส่ซากุระอย่างรวดเร็ว รวดเร็วจนแม้กระทั่งตัวเธอเองยังคิดไม่ถึงว่าจะมีคนสามารถเร็วได้ขนาดนี้
“ แก ! ” แต่ทันใดนั้นจีดาบคลั่งพุ่งเข้าหารูเกียร์จากด้านหลัง พร้อมตวัดเท้าเตะใส่เช่นกัน
‘ ฟึ่บ ! ’
แต่ไม่ทันได้เข้าใกล้ก็รู้สึกมีพลังลมปราณอันมหาศาลกดใส่ตัว เท้าทั้งสองข้างต้องหยุดชะงัก เข่าทั้งสองงอลงเหมือนมีของหนักบางอย่างกำลังกดใส่ โดยที่ตนไม่สามารถจะยกออกไปได้ จากนั้นรูเกียร์ดึงกระบี่ของซากุระแทงรอดหว่างแขนของตนเข้าใส่กลางอกของจีดาบคลั่ง สร้างความเจ็บปวดอย่างยิ่งให้แก่จีดาบคลั่ง ส่วนซากุระที่เซไปทางรูเกียร์รีบโคจรลมปราณเพื่อเปลี่ยนท่าร่างแต่รู้สึกไม่สามารถทำได้
‘ ระ หรือว่านี่คือ ลมปราณสายที่สิบเอ็ด ดูดดาว !!! ’
แต่ก่อนที่ท้องของซากุระจะถูกรูเกียร์เตะใส่ก็พบว่าดีว่ากระโจนเอาตัวมารับแทน ส่งร่างของดีว่ากระเด็นล้มลงจากนั้นกุมท้องอย่างเจ็บปวดถึงที่สุด
“ พอได้แล้ว ” โซเฟียร้องห้าม วิ่งเข้าหารูเกียร์
“ พี่โซอย่าค่ะ ” ซิลเวียร์ฉุดโซเฟียไว้ “ พี่รูเกียร์ในตอนนี้น่ากลัวมากนะค่ะ ถ้าพี่โซไม่ระวังอาจจะเป็นอันตรายก็ได้ ”
“ แต่ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ ” โซเฟียที่เห็นเหตุการณ์สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
เมื่อเห็นดีว่ากระเด็นออกไป รูเกียร์ก็ผลักซากุระออกไปอย่างไม่ใส่ใจ มุ่งเข้าหาดีว่าอย่างรวดเร็ว
“ ชิ กะ แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร เจ้านั่นมันเหยื่อของชั้น ! ” จีดาบคลั่งกัดฟันข่มความเจ็บปวดจากนั้นหยิบกระบี่ไม้ของซากุระที่หล่นอยู่ซัดใส่รูเกียร์
ทันใดนั้นรูเกียร์เพียงตวัดกระบี่ที่ยังอยู่ในฝักของตนออก ก็โคจรเป็นลมปราณสายที่หก พายุสลาตันป้องกันกระบี่ไม้ที่ซัดใส่ได้โดยไม่ได้หันหลังกลับเลยแม้แต่น้อย
ดีว่ารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว จากนั้นก็พบว่าเงาสายหนึ่งทอดทับยังร่างตน ชายผู้นั้นใส่ชุดสีขาวราวกับเซียนถือร่มกระดาษสีน้ำตาลอยู่อย่างสง่า เพียงแต่แววตาคู่นั้นช่างเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจนน่ากลัว
‘ ชิ้ง ! ’
กระบี่สีขาวราวกับหยกถูกชักออกมาจากฝักลายมังกร ส่งเสียงคำรามอื้ออึงไปทั่วบริเวณ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้ตื่นตระหนกอีกแล้ว
“ แย่แล้ว พี่รูเกียร์คิดจะใช้มังกรพิโรธกับดีว่า ” ซิลเวียร์กล่าว
โซเฟียไม่ครุ่นคิดอีกแล้วรีบวิ่งไปหยุดรูเกียร์ ซากุระกับจีดาบคลั่งเองก็เช่นกัน
“ จงชดใช้ในสิ่งที่แกทำซะ ด้วยลมปราณสายที่สิบสามของข้า มังกรพิโรธ !!!”
“ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ” โซเฟียตะโกน จากนั้นพยายามจะเข้าไปผลักรูเกียร์ แต่จู่ๆรู้สึกเหมือนขาสะดุด หรือโดนอะไรบางอย่างซัดใส่ล้มลงกับพื้น จากนั้นรู้สึกว่าท้องของตนโดนอะไรบางอย่างต่อยใส่
‘ นะ นี่หรือที่เรียกว่ากระบี่สุญญากาศ กับปราณกระบี่ไร้เงาเจ็บใช่เล่นแฮะ ’ โซเฟียแม้จะเจ็บถึงเพียงนั้นแต่ก็รีบดีดตัวลุกขึ้น
“ พี่โซ ! ” ซิลเวียร์หน้าแดงด้วยความโกรธเมื่อเห็นโซเฟียถูกทำร้าย
‘ ต่อให้เป็นพี่รูเกียร์ก็ให้อภัยไม่ได้ ’ พริบตานั้นร่างอ้อนแอ้นก็กระโดดเด้งตัวขึ้นวิ่งไปหารูเกียร์
“ ทำแบบนี้มันอันตรายเกินไปแล้วนะ ” ซากุระที่ได้ยินคำว่า ลมปราณสายที่สิบสาม ตื่นตระหนกมาก เพราะทราบถึงพลังของมันดี ขนาดลมปราณสายที่สิบสองถ้าไม่จำเป็นจริงๆเขายังไม่นำมาใช้กันเลย เพราะผลก็เป็นอย่างที่ทราบกันดี เช่นตอนที่ดีว่าใช้กับโคทาโร่ ทำเอาต้องเข้าห้องพยาบาลไปเลยทั้งคู่
ซากุระเมื่อคว้ากระบี่ของตนขึ้นมาได้ก็ซัดกระบี่สุญญากาศใส่หลังรูเกียร์ ความรวดเร็วและรุนแรงจีดาบคลั่งเองก็ทราบดี แต่นั่นเพียงแค่ช่วยชะลอให้รูเกียร์ช้าลงไปเท่านั้น เขาเพียงตวัดกระบี่ก็ปรากฏลมปราณคุ้มครองกายขึ้น
“ รีบเข้าไปหยุดเขาเร็ว ” ซากุระบอกจีดาบคลั่ง
“ ชิ ไม่ต้องมาสั่งชั้น ” จีดาบคลั่งพอถึงตัวของรูเกียร์ก็ตวัดดาบทมิฬใส่ทันที
จากนั้นซากุระทั้งท่าโคจรลมปราณสายที่เก้า หรือท่าศรสวรรค์ ‘ ถ้างั้นต้องทะลวงปราณพายุสลาตันนั่นให้ได้เสียก่อน ’
“ น่ารำคาญจริงๆ ” รูเกียร์หันหลังกลับจากนั้นตวัดกระบี่ของตนเข้าปะทะกับดาบทมิฬ เสียงอาวุธทั้งสองปะทะกันดังสนั่น ร่มกระดาษในมือขวาของตนสั่นไหวเล็กน้อย
จีดาบคลั่งตวัดดาบอย่างคล่องแคล่วแต่ถูกรูเกียร์รับไว้ได้หมด โซเฟียที่กำลังจะเข้าไปหยุดชะงักเพราะขืนเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าในตอนนี้อาจได้รับอันตรายได้ จึงรีบอ้อมเข้าไปประคองตัวดีว่าออกมา
‘ น่าตกใจจริงๆ จีดาบคลั่งเก่งขึ้นกว่าเมื่อคราวที่แล้วมาก แต่ถึงอย่างนั้นรูเกียร์กลับต้านทานกระบวนท่าได้หมด ทั้งๆที่มือขวายังถือร่มอยู่แบบนั้น แถมยังแทบไม่สั่นไหวเลยสักนิด ฝีมือของชายคนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ ’
โซเฟียส่ายหน้ารีบก้มดูอาการของดีว่า
“ นี่ ไหวหรือเปล่า ”
ดีว่าไอหลายครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ วะ ไหวครับ ช่วยพยุงผมขึ้นที ”
ดีว่าตบจุดใส่อกของตัวเองสองครั้ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อตั้งสติได้ก็ต้องตกใจกับภาพเบื้องหน้า
“ นะ นี่มันอะไรกันครับเนี่ย ”
“ แหะๆ ดูเหมือนว่าเราต้องรีบหยุดเจ้าคนนั้นก่อนนะ ไม่รู้เขาเกิดโมโหอะไรขึ้นมา ”
“ เอ๊ะ ” ดีว่าอุทานเมื่อเห็นซากุระกำลังโคจรท่าศรสวรรค์เล็งใส่รูเกียร์ ส่วนโซเฟียอุทานเพราะเห็นซิลเวียร์กำลังเดินเข้าไปหาจีดาบคลั่งที่กำลังโรมรันพันตูกับรูเกียร์อยู่
“ อันตรายนะ อย่าเข้าไปเลย ” โซเฟียร้องห้าม จากนั้นพอจะหันไปขอความเห็นจากดีว่าก็พบว่าดีว่าวิ่งเข้าไปหาซิลเวียร์แล้ว
‘ หมับ ’
“ อย่าเพิ่งเข้าไปจะดีกว่านะครับ ”
ดีว่าจับแขนซิลเวียร์ไว้ ความจริงเขาไม่อยากทำเช่นนี้ แต่ดูท่าหากไม่รีบห้ามไว้ซิลเวียร์อาจจะโดนลูกหลงได้ หารู้ไม่ว่าซิลเวียร์ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าถูกตัวมากที่สุด
“ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ” ซิลเวียร์พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ทันใดนั้นก็เป็นช่วงที่ซากุระตัดสินใจใช้ศรสวรรค์ออก
‘ ความจริงก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอก แต่ถ้าไม่รีบหยุดไว้ก่อนมันจะเป็นอันตรายได้ ’
พริบตานั้นลมปราณที่แหลมคม และรวดเร็วราวลูกธนูก็พุ่งตรงเข้าใส่รูเกียร์ที่กำลังโรมรันกับจีดาบคลั่งอย่างแม่นยำ ฝีมือในการเล็งเป้าของซากุระนับว่าร้ายกาจจริงๆ
“ หืม ” ตาของรูเกียร์ชายไปด้านข้างวูบหนึ่ง
‘ ฟึ่บ ! ’
ร่มกระดาษถูกลมปราณศรสวรรค์ของซากุระซัดใส่กระเด็นหลุดออกจากมือของรูเกียร์ไป
‘ หลบได้หรือเนี่ย ’
ดีว่าตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรูเกียร์ชัดตา ทั้งฝีมือและพลังลมปราณเหนือชั้นกว่าเขาหลายเท่าตัว ทั้งๆที่การลงมือของจีดาบคลั่งอำมหิตถึงขนาดนั้น หากเป็นเขาต้องใช้สมาธิเต็มร้อยเพื่อรับมือ คงไม่สามารถหลบศรสวรรค์ที่คนยิงเป็นซากุระได้อย่างแน่นอน
หิมะเริ่มตกหนัก แต่การต่อสู้ครั้งนี้กลับไม่มีวี่แววว่าจะยุติลง ยิ่งเป็นการทวีความกดดันยิ่งขึ้น
“ บอกให้ปล่อย ” ซิลเวียร์กล่าวเสียงแข็ง
รูเกียร์ที่ได้ยินหันขวับไปทางดีว่า มือขวาโคจรลมปราณพลางรับดาบของจีดาบคลั่ง จากนั้นอัดพลังลมปราณอันหนักหน่วงใส่จีดาบคลั่ง
“ ปะ เปล่า ” ยังไม่ถึงจะพูดว่าเปล่าประโยชน์ท้องของจีดาบคลั่งก็รู้สึกปั่นป่วน ความรู้สึกคล้ายกับครั้งที่โดนปราณกระบี่ไร้เงาของดีว่าซัดใส่ แต่ครั้งนี้เจ็บปวดยิ่งกว่า
‘ ทำไมเราไม่สามารถดูดพลังลมปราณของมันได้ ’
ยังไม่ทันจะได้คิดเท้าของรูเกียร์ก็ถีบใส่ท้องจีดาบคลั่ง จากนั้นคล้ายระเบิดลูกหนึ่งปะทุขึ้นในท้อง จีดาบคลั่งกระเด็นล้มลงกุมท้องอย่างเจ็บปวด
‘ ลมปราณสายที่สาม ระเบิดเวลา อย่างนั้นหรอเนี่ย ! ’
ที่แท้ไม่ใช่จีดาบคลั่งไม่สามารถดูดกลืนลมปราณได้ แต่เป็นเพราะรูเกียร์จงใจใช้ลมปราณสายที่สาม ซึ่งถึงแม้จะถูกดูดกลืนไป แต่สุดท้ายก็จะระเบิดสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ที่โดนเข้าไปอยู่ดี ทางแก้คือ ต้องใช้ลมปราณสายที่ห้าสลายพลังเอาเท่านั้น แต่จีดาบคลั่งไม่ได้ฝึกลมปราณมาโดยตรงไม่สามารถล่วงรู้ถึงเคล็ดลับข้อนี้
รูเกียร์พุ่งเข้ามาดีว่าด้วยความเร็วที่น่าตื่นตระหนก ดีว่าเห็นไม่ได้การจึงผลักซิลเวียร์ออกไปให้พ้นตัว จากนั้นชักกระบี่ดวงดาวออกต้านทานโดยไว
นี่เป็นครั้งแรกที่ดีว่าเผชิญหน้าด้วยกระบี่กับรูเกียร์โดยตรง เพียงรับได้ไม่กี่กระบวนท่าร่างกายก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดเพราะความบอบช้ำจากการโดนลมปราณหลายสายเข้าเมื่อสักครู่ หากอยู่ในสภาพเต็มร้อยคงจะสามารถต้านทานกระบี่ของรูเกียร์ได้นานกว่านี้แน่
“ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ”
ซากุระตะโกนพร้อมซัดกระบี่สุญญากาศใส่รูเกียร์ แต่รูเกียร์ไขว้เท้าพริ้วร่างหลบได้อย่างสวยงาม โชคดีที่ซากุระเข้ามาช่วยไว้ทันไม่เช่นนั้นดีว่าคงแย่แล้ว ทั้งสองช่วยกันรุมจู่โจมใส่รูเกียร์โดยซากุระพยายามซัดลมปราณให้รูเกียร์หยุดชะงักเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายแก่ทุกคน แต่รูเกียร์รวดเร็วเกินไป ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดการต่อสู้ครั้งนี้ได้เลย
“ ชิ ”
จีดาบคลั่งยันตัวลุกขึ้นด้วยความโกรธ จากนั้นตวัดดาบทมิฬในมือวิ่งเข้าหารูเกียร์
‘ กระบวนท่า ดาบมารคลั่ง !!! ’
แม้รูเกียร์จะไม่เคยสู้กับจีดาบคลั่งมาก่อน แต่เห็นกระบวนท่าที่ใช้ออกมีความร้ายกาจอย่างยิ่ง ประกอบกับตอนนี้ต้องตั้งรับทั้งดีว่าและซากุระหากไม่รีบจัดการจีดาบคลั่งให้ได้ ตนเองจะต้องย่ำแย่แน่จึงตวัดกระบี่ในมือออกใช้ด้วยปราณกระบี่สายที่หกพายุสลานตัน
พลังลมปราณที่คล้ายพายุหมุนรอบตัวรูเกียร์ส่งผลให้ดีว่า ซากุระและจีดาบคลั่งต้องร่นถอยไปวูบหนึ่ง เพราะหากเข้าใกล้มากกว่านี้คงโดนพลังลมปราณอัดจนกระเด็นแน่
พริบตานั้นรูเกียร์กางแขนทั้งสองข้างออก ดูเหมือนท่าโคจรลมปราณเพียงแต่ดีว่า กับซากุระไม่เคยเห็นมาก่อน
“ หรือว่า ” ซากุระกล่าวอย่างตกใจ ทำเอาดีว่าและจีดาบคลั่งต้องหันมาสบตากันด้วยความสงสัย แต่ก่อนที่จะรู้ตัวนั้นก็ได้ยินเสียงซิลเวียร์ตะโกนขึ้น
“ ระวังนะค่ะ พี่เขากำลังจะใช้มังกรพิโรธแล้ว ”
“ มังกรพิโรธ ? ” จีดาบคลั่งขมวดคิ้ว
“ ปราณกระบี่สายที่สิบสาม ” ซากุระกล่าว “ รีบโคจรลมปราณ ไม่ก็รีบหลบให้พ้นระยะซะ ! ”
ดีว่าได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึงทันที ลมปราณสายที่สิบสามเขาเคยได้ยินว่า มีไม่กี่คนที่สามรถฝึกฝนได้ ซึ่งเท่าที่เขาเคยได้ยินมาก็น่าจะมีแค่ซากุระเท่านั้น แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าชายที่อยู่ตรงหน้าก็สามารถฝึกฝนได้สำเร็จด้วย
ใจหนึ่งเกิดความหวั่นเกรงอานุภาพของลมปราณ อีกใจหนึ่งอยากรับรู้ถึงพลังและความสามารถของมันขึ้น
‘ ปราณกระบี่สายที่สิบสาม ! ’
รูเกียร์ตวัดกระบี่ในมือไปมาเป็นกระบวนท่าอย่างรวดเร็ว
‘ มังกรพิโรธ !!! ’
จากนั้นลมปราณพลังมหาศาลแผ่พุ่งออกจากร่างของรูเกียร์ คล้ายมังกรบ้าคลั่งหลายตัวกำลังบินออกมาคุกคามใส่ดีว่า ซากุระและจีดาบคลั่งอย่างรวดเร็ว
ดีว่าขณะจะโคจรลมปราณต้านทานรู้สึกทรวงอกเจ็บปวด เพราะผลจากการบอบช้ำยังไม่หาย แต่ตอนนี้จะหลบก็ไม่ทันเสียแล้ว
พริบตานั้นร่างในเสื้อคลุมขาวลายดอกซากุระเข้ามาบังที่เบื้องหน้าของตน
“ คุณซากุระ ”
เห็นซากุระตวัดกระบี่ไม้ไปมา ไม่ทราบเป็นกระบวนท่าอะไร
‘ ปราณกระบี่สายที่สิบสาม ม่านบุปผาปกปักษ์ !!! ’
ทันใดนั้นรอบๆบริเวณที่ดีว่า และซากุระยืนอยู่ก็คล้ายมีพลังลมปราณอันอ่อนโยนห่อหุ้มป้องกันภัยขึ้น
‘ อัก ! ’
จีดาบคลั่งที่ไม่สามารถโคจรลมปราณได้เช่นดีว่า หรือซากุระโดนลมปราณของรูเกียร์ซัดใส่อย่างเต็มเปา นี่เป็นพลังลมปราณที่รุนแรงที่สุดเท่าที่จีดาบคลั่งเคยได้สัมผัสมา
“ กะ แก ”
จีดาบคลั่งพยายามดูดมังกรพิโรธเข้ามาใส่ตัว แต่สภาพที่เห็นดูทุลักทุเลจนน่ากลัว เนื่องจากพลังของมังกรพิโรธรุนแรงเกินไป จึงไม่สามารถกักเก็บไว้ได้โดยง่าย
มังกรพิโรธยังคงพุ่งเข้าใส่จีดาบคลั่งอย่างต่อเนื่องไม่มีวี่แววว่าจะหยุด
‘ ลมปราณหลายสายที่พุ่งออกมาเรื่อยๆแบบนี้ เหมือนเมื่อตอนนั้นเลย ’ โซเฟียเหงื่อตกนึกถึงตอนที่รูเกียร์ใช้ลมปราณสายนี้ใส่พวกนักเรียนโรงเรียนอื่น หากไม่รีบหยุดคงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตแน่ๆ
“ ต้องรีบช่วยเขาแล้ว ” ดีว่าบอกซากุระ
“ ไม่ได้นะ ม่านกระบี่นี้ไม่สามารถช่วยป้องกันคนได้เกินสองคน ถ้าพยายามขยายม่านกระบี่ให้มากกว่านี้ม่านกระบี่จะแตกสลายแล้วเราก็จะโดนปราณกระบี่ของชายคนนั้นเล่นงานเอาหมดนะ ”
“ แต่ว่า ” ดีว่าทนเห็นสภาพของจีดาบคลั่งไม่ไหว หากไม่รีบเข้าไปช่วยไม่แน่ว่าอาจจะไม่ได้เห็นจีดาบคลั่งอีก
“ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ”
ดีว่ากัดฟันวิ่งออกจากม่านกระบี่ของซากุระ เพียงพ้นออกมาก็พบกับพลังลมปราณอันเกรี้ยวกราดพุ่งเข้ามายังตน
“ กลับมานะ ” ซากุระร้องเรียกแต่ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว ดีว่าเมื่อตัดสินใจอะไรลงไปจะไม่หันหลังกลับมาเด็ดขาด
‘ เป็นไงเป็นกันละ เราจะไม่ยอมปล่อยให้ต้องมีใครได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด ’ ดีว่าหลับตาชูกระบี่ในมือตั้งไว้จรดอกไม่สนว่ามังกรพิโรธหลายตัวกำลังพุ่งเข้ามายังตน
‘ ลมปราณสายที่สูงที่สุดเท่าที่เราพอจะใช้ได้ในตอนนี้
.. ’
‘ ดังหมู่ดาวเคลื่อนคล้อย ลอยตะวัน
ปราณสิบสองพลันใช้ออกดังใจหมาย
พิฆาตทั้งผู้ใช้ ผู้โดนทำลาย
สูญสิ้นหมายทั้งสิ้น ทุกสิ่งอัน ’
จากนั้นลืมตาขึ้นเป่าลมเบาๆออก เป็นเพียงการเป่าปากเบาๆเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
..
‘ ช่วยจีดาบคลั่งด้วยเถอะ ปราณกระบี่สายที่สิบสอง เป่าหิมะ !!! ’
ลมปราณที่อ่อนโยนแต่แฝงพลังการเปลี่ยนแปลงสุดหยั่งพุ่งตรงเข้าหารูเกียร์ ก่อนที่มังกรพิโรธห้าตัวจะพุ่งเข้าใส่ตัวดีว่าอย่างเกรี้ยวกราด ราวกับจะปลิดชีพเขาลงในบันดล
ดีว่ารู้สึกราวกับชีพจรในร่างกำลังฉีกขาด จากนั้นสติเลือนลาง ล้มลงกับพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะอันหนาวเหน็บ เพียงแต่ที่ใบหน้ากลับแฝงไปด้วยรอยยิ้มอันอุบอุ่น ราวกับเตรียมหลับไปอีกนานแสนนาน
___________________________________
ความคิดเห็น