ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #7 : บทเรียนที่ 6 วันใหม่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.7K
      72
      28 ก.พ. 47

                                         บทเรียนที่ 6        วันใหม่

                                                        





                 อากาศหนาวของเครื่องปรับอากาศในห้อง      ทำให้วา ต้องตื่นขึ้นมา     เขารู้สึกว่า อยากจะนอนต่อเพราะ  เขายังง่วงอยู่มาก    แต่เขาคิดได้ว่า  เขาไม่ควรจะตามใจตัวเองมากนัก     เดี๋ยวจะเป็นเหมือนแต่ก่อน  ก็คือ ไปเข้าเรียนสายประจำ      ดังนั้น เขาจำเป็นจะต้องฝืนใจตัวเองตื่นขึ้นมา      

        

                 วา ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ 2-3 ทีบนเตียงก่อนที่จะหันไปมองนาฬิกาข้อมือของเขา       เวลาขณะนี้เช้ากว่าที่เขาคิด  ว่าเขาควรจะตื่นสะอีก         นี่ มันเพิ่ง ตี 5.15 น.  เองนี่หน่า          ใจหนึ่งเขาก็อยากที่นอนต่อไป    แต่ไหนๆ ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว   เขาจึงเดินไปเพื่อแปรงฟันตอนเช้าก่อนที่จะคิดทำอะไรต่อไป    



               ห้องทั้งห้องตอนนี้ ดูมืดสลัวๆ   เพราะว่า มันเพิ่งจะตี 5 เอง   ที่สำคัญนี่มันใกล้ฤดูหนาวแล้ว  ดวงอาทิตย์เลยขึ้นช้ากว่าปกติ         อุณหภูมิในห้องตอนนี้  มันช่างแสนจะเย็นนัก  วา จึงเดินไปปรับอุณหภูมิตรงแป้นหน้าประตูห้อง    จากนั้นจึงค่อยๆ  เดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน        



              นีโอ ยังคงนอนอยู่ที่เตียงของเขา    ครั้งสุดท้ายที่ วา จำได้ คือ เขานอนไปก่อนแล้ว   นีโอก็ยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะของเขาต่อไป      

            

              หลังจากแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว   เขาก็เริ่มตรวจดูอุปกรณ์ที่เขาจะต้องนำไปเรียนในวันนี้ใส่เป้ของเขาให้เรียบร้อย              วา เดินไปที่หน้าประตูเลื่อนกระจกซึ่งก็คือ ทางออกไประเบียงของห้องเขานั่นเอง      เขาค่อยๆ  แหวกผ้าม่านซึ่งปิดอยู่ออกจากนั้น   ก็เปิดประตูออก             อากาศภายนอกหนาวพอๆ กับอากาศในห้องของเขาเลยทีเดียว      



             เมื่อลมแรงๆ พัดมาครั้งหนึ่ง  เขา ถึงกับต้องกอดอกด้วยความหนาวสั่น   แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังชอบอากาศแบบนี้อยู่ดี          มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับได้อยู่ต่างประเทศ                      วา มองไปรอบๆ ระเบียง  ซึ่งห้องที่เขาอยู่นั้น   สามารถมองวิวทิวทัศน์  รอบๆ ตึกได้อย่างสวยงามมาก        โรงเรียนอับดุล อินเตอร์ นี้ช่างกว้างใหญ่นัก     ทำไมเขาไม่ไปเปิดเป็นสวนสนุกแทนสะเลยนะ      



            ขณะที่ วา กำลังจะกลับเข้าไปในห้อง  เพราะอากาศหนาวมาก      เขาก็เห็นคนๆ หนึ่ง  กำลังวิ่งออกมาจากตึก    ซึ่งทั้งๆ ที่อากาศออกจะหนาวขนาดนี้   ทำไมถึงออกมาทำอะไรแต่เช้าๆ  ก็ไม่รู้นะ         วา จ้องมองไปยังคนๆ นั้น  ซึ่งไม่นานเขาก็รู้คำตอบว่า คนๆ นั้นเป็นใครกันแน่            



            

           เด็กชายคนที่กำลังวิ่งอยู่ข้างล่างตึกไม่ใช่ใครอื่นใด    หากแต่เป็นดีว่า นั่นเอง    สังเกตุได้ไม่ยากเลย    เสื้อคลุมสีส้มที่โดดเด่นของเขานั่นเอง   ที่ทำให้ วา จำเขาได้อย่างแม่นยำ           แต่ทำไมถึงต้องออกมาวิ่งแต่เช้านะ      อากาศก็หนาวออกขนาดนี้     ไม่เห็นมันจะน่าวิ่งอะไรขนาดนั้นเลย      สงสัยจะเป็นพวกนักกีฬาวิ่งแข่งกระมัง  



            วา เดินเข้าไปในห้องอีกครั้งหนึ่ง   คราวนี้  เขาคิดที่จะอาบน้ำ  จากนั้นค่อยปลุกนีโอ         เขาจึงเดินไปเลือกเสื้อที่ตู้เสื้อผ้าของเขา   ซึ่งเมื่อวานตอนที่เขาอยู่ห้องคนเดียว     เขาได้นำเสื้อผ้าของเขาทั้งหมดมาใส่ไว้ในตู่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว           จากนั้นเขาก็ค่อยเข้าไปอาบน้ำ



          

             เมื่ออาบน้ำเสร็จ วา แทบจะแข็งเป็นน้ำแข็ง เพราะอากาศในห้อง  ที่ขนาดปรับอุณหภูมิลงแล้ว  ก็ยังคงหนาวอยู่อย่างนั้น         วา ค่อยๆ เดินไปปลุกนีโอ ซึ่ง  ไม่นานนัก   นีโอ ก็ตื่นขึ้นมา      นี โอ ค่อยๆ หยิ่บแว่นที่วางอยู่ข้างๆ หัวเตียงมาสวมใส่    



               “ สวัสดี ตอนเช้านะ นีโอ ”

               “ อืม สวัสดีนะ   แปลกใจจริงที่ทำไม นายถึงโดนไล่ออกจากโรงเรียนเก่าข้อหามาสาย ”       นีโอ พูดอย่างงัวเงีย   จากนั้นก็ค่อยๆ   ลุกขึ้นมาพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อย    



              “   เอ๊ะ นี่กี่โมงแล้วละ  ”

              “ ตอนนี้หรอ ก็ 5.50 น. แล้วละ  ”

              “ งั้น เดี๋ยวรอเราอาบน้ำสักครู่นะ   แล้วค่อยลงไปทานอาหารเช้าข้างล่างกัน ”

             “ โอเค ได้เลย   กินว่า ตอนนี้มิว กับ นิค เขาตื่นกันยังละ ”

             “ ไม่รู้สินะ   นายก็ลองไปแคะเรียกดูสิ   ระหว่างเราอาบน้ำก็ได้ ”

             “ อืม ”      

            

             นีโอ ก็ค่อยๆ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเขา    ส่วน วา ก็เดินออกไปจากห้องเพื่อที่จะไปหา มิว กับนิค              





            เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูห้อง วา ก็แคะประตูห้องนั้นประมาณ 2 ที          แต่ไมเหมือน ไม่มีสัญญาณตอบรับ  จากห้องที่ท่านเรียก    รู้สึกว่า ทั้งสองคนนี้ยังจะไม่ตื่นแฮะ   แต่ก็ไม่เป็นไร  ไว้ค่อยมาเรียกใหม่ละกัน  

           ขณะที่ วา กำลังจะเดินกลับห้องประตูห้องก็เปิดออก     ซึ่งคนที่เปิดออกมาก็ คือ เสือใบ้นิค นั่นเอง  ดูท่าทางเขาจะตื่นมานานแล้วด้วย   เพราะการแต่งตัวแสดงว่า    เขาพร้อมที่จะออกจากห้องทุกเมื่อ    





             “ สวัสดีตอนเช้านะ นิค ”

             “ …… ”  



               นิค ไม่ตอบเหมือนเดิม  แต่ก็โบกมือทักทาย  เหมือนกับว่า เป็นการบอก สวัสดีตอนเช้า  ให้วา     ซึ่ง วา ก็เริ่มที่จะชินๆ กับอาการของเขาแล้ว      อากาศข้างนอกห้องตรงทางเดินดูจะไม่โหดร้ายเท่ากับในห้องหรือนอกระเบียงสักเท่าไหร่นัก      



               “ แล้วมิว ละ นิค เขาตื่นหรือยัง ”

               “……..”  ( พยักหน้า )

              “ แล้ว ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่หรอ ”

              “……..”   ( ทำท่าทางเหมือนกับ ว่าอาบน้ำอยู่ )

             “ อืมๆ ถ้างั้น เมื่อไหร่เขาอาบน้ำเสร็จละก็  นายสองคนลงไปเจอเราที่ล็อบบี้ข้างล่างละกันนะ ”



             นิค พยักหน้าอีกครั้งก่อนที่ วา จะเดินกลับไปที่ห้องของเขา       เมื่อไปถึงที่ห้องของเขา   วาก็นั่งรออีกสักพักหนึ่ง   นีโอ ก็อาบน้ำเสร็จ  



            ทั้งสองเดินออกจากห้อง  และแน่นอน วา ไม่ลืมที่จะนำการ์ดรูดที่แป้นหน้าประตูของเขา  เพื่อเป็นการล็อคประตูห้องก่อนที่จะออกไปไหน      จากนั้นเขาก็เดินไปที่ลิฟท์    จากนั้นก็ยืนรอลิฟท์สักครู่ก็ลงไปที่ชั้นล่าง        

            

            ทั้งสองเดินไปยังที่  เมื่อวาน วา ได้นั่งคุยกับดีว่า  จากนั้นก็เลือกหาโต๊ะ  เพื่อที่จะนั่งรอ มิวและนิค



            “ เราจะต้องทานอาหารเช้ากันที่นี่ ใช่มั้ย นีโอ ”

            “ ใช่ แล้ว นายจะเลือกทานอะไรละ  หรือว่า นายจะเดินไปที่โรงอาหาร   ที่นี่ส่วนใหญ่มีแต่อาหารสำหรับอาหารเช้าเท่านั้นแหละ    เป็นอาหารพวกไม่ค่อยจะหนักท้องเท่าไหร่   แต่เราก็กินที่นี่ทุกเช้าแหละ ”

           “ งั้น ทานที่นี่ก็ละกัน   เพราะเราก็ไม่อยากเดินไปที่โรงอาหารแต่เช้า   มันไกลแล้วอากาศก็หนาวไม่ใช่เล่นด้วยวันนี้ ”          

          

             วา หยิบเมนูที่วางอยู่บนตะ มาดู     ที่นี่ดูหรูหราว่า โรงอาหารเยอะทีเดียว   ขนาดว่ามีเมนูอยู่ที่ข้างๆ โต๊ะด้วย     สมแล้วที่อยู่ในตึกๆ นี้   เพราะว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในตึกนี้มันไม่ต่างกับโรงแรมสักเท่าไหร่นัก      

            ดูจากเมนู แล้วราคาก็ไม่ค่อยจะแพงมากเท่าไหร่นัก    วา มองดูเมนูไปเรื่อยๆ    ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจได้ว่าจะทานอะไรดี    

          

            “ นีโอ นายจะทานอะไรหรอ  เรากะว่าเราจะทานซุปชาเขียวซะหน่อย ”    

             “ รู้สึก ว่านายจะบ้าชาเขียวเอามากนะ  ของเราก็คงเป็นข้าวผัดอเมริกันละ ”

             “ แล้วทีนี้เราจะต้องทำไงต่อ  เดินไปสั่งทีบาร์ใช่ป่ะ ”

             “ ใช่ แล้ว ไปกันเถอะ ”      นี โอลุกขึ้น เดินนำวาตรงไปยังบาร์ ซึ่งพนักงานที่ยืนอยู่หน้าบาร์ก็ต้อนรับเป็นอย่างดี

              “ รับอะไรดีครับ ”            พนักงานคนนั้นยิ้มถามอย่างสดชื่น

              “ ผมเอาข้าวผัดอเมริกันครับ ”          

             “ ส่วนผมเอาซุปชาเขียวครับ ”         นีโอ และวา สั่งพร้อมกับยิ้มตอบให้กันเขาเช่นกัน

             “ กรุณารอสักครู่นะครับ เดี๋ยวจะนำไปเสริฟ์ให้ที่โต๊ะ ”             เมื่อพนักงานพูดจบ เขาก็หันไปบอกเมนูให้กับพนักงานอีกคนซึ่ง  หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในประตูข้างกลัง  คงเป็นครัวทำอาหารแน่นอน



              “ ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย ว่าที่นี่จะมีบริการดีถึงเพียงนี้ แถมราคาอาหารก็ไม่แพงเลยทีเดียว  ”           วา ถามนีโอขณะที่กำลังเดินกับไปที่โต๊ะ

              “ หรอ สำหรับเรามันเป็นเรื่องธรรมดาแล้วละ  แต่มันก็จริงนะ   ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่มันหรูหราไปหมด  แถมราคายังถูกพิลึกเชียวละ ถ้านายเอาไปเทียบกับข้างนอก ”        

              “ แล้วอย่างนี้ เขาไม่ขาดทุนกันตายหรอ ”        

              “ ไม่หรอกนะ เพราะคนมาทานที่นี่กันเกือบทุกเช้าแหละ    อีกอย่างนะถ้าเขาขาดทุนเขาคงไม่อยู่มานานขนาดนี้หรอก ”      

              

             วา ยังคงแปลกใจอยู่ดีที่ ทำไมเขาไม่ไปเปิดเป็น สวนสนุกหรือโรงแรม แทนที่จะเป็นโรงเรียนไปซะเลยนะ      แต่เขาก็ดีใจที่มีโอกาสได้มาเรียนที่โรงเรียนดีๆ แบบนี้       สำหรับเขานั้น มันคือ โรงเรียนที่เขาคิดว่าดีที่สุดในโลกแล้วก็ว่าได้ตอนนี้        เป็นโรงเรียนที่ไม่มีใครเหมือน  แล้วก็ไม่มีวันเหมือนใครซะด้วย อย่างน้อยก็โดยเฉพาะ  คุณยามเฝ้าประตู ( กัปตันดุส )    

              

             เมื่อวา และนีโอมานั่งที่โต๊ะได้สักครู่หนึ่ง    พนักงานเสริฟ์คนเดิมทิ่อยู่หน้าบาร์ก็เดินถือ ซุปชาเขียวและข้าวผัดอเมริกัน มาให้พวกเขา          

            

             “ เราต้องจ่ายเงินเลยรึเปล่านีโอ ”

              “ ไม่ต้องหรอก ไว้ทานเสร็จแล้วค่อยเอาบิลไปยื่นที่เค้าเตอร์ข้างๆ บาร์นั่นนะ เห็นมะ ”       นีโอ พูดพลางชี้ไปที่เค้าเตอร์สวยหรู ข้างๆ บาร์สั่งอาหาร  ซึ่งมีพนักงานอีกคนหนึ่งกำลังคอยยืนเก็บเงินอยู่      



               ในขณะนี้ก็เริ่มมีนักเรียนชายหลายๆ คนเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว  บริเวณที่นั่งรอบๆ ของ วา ที่เคยว่างเปล่า ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยนักเรียนชายมากมาย   ซึ่ง วา ก็กวาดสายตามองไปรอบๆ  หวังไว้อย่างยิ่งว่า อย่าได้เจอก็อบเลย     ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ  เขามองไปรอบๆ นักเรียนมากมายก็ไม่เจอก็อบเลย  



               บรรยากาศในที่นั้นดูเป็นกันเองอย่างมาก   นักเรียนแต่ละคนนั่งทานข้าว บ้างก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน   โดยเฉพาะโต๊ะที่อยู่ถัดจาก วา ไปทางขวาเล็กน้อย         เด็กชายคนหนึ่งดูท่าทางกำลัง อวดโม้กับเรื่องเล่าของเขาอย่างสนุกสนาน โดยคงจะไม่ทันสังเกตว่า เพื่อนๆ รอบโต๊ะ ไม่ได้สนใจเขาเลย

              

               ท่ามกลางนักเรียนมากมาย  หนึ่งในนักเรียนที่กำลังเดินเข้ามาทางนี้   ไม่ใช่ใครอื่นใดเป็นบุคคลที่เขาจำได้ขึ้นใจ      พิชากิ หัวหน้าแก๊งหมูดำ!! นั่นเอง       มาดเข้มสไตล์พิชากิเป็นสิ่งที่ยากจะลืมนัก          

            ดูเหมือนจะขาดไม่ได้เลยสำหรับพิชากิที่จะต้องมี จ๋อย และ ซักก้าเดินตามมาติดๆ  ซึ่ง วาก็จำคนทั้งสองได้อย่างแม่นยำเช่นกัน      วา เห็นดังนั้นจึงตะโกนเรียกพิชากิ และเพื่อนของเขา



            “ เอ้ พวกนายๆ ”        วาตะโกนพร้อมกับชุมือ โบกไปโบกมาก       ซึ่งไม่ยากนักในการที่ใครสักคนจะหันมามอง      พิชากิ เมื่อเห็นวา แล้วก็ยิ้มด้วยมาดเข้ม พร้อมกับยกมือขึ้นเล็กน้อย  แล้วก็เดินตรงเข้ามาหา วา          

           ส่วนนีโอ ทำหน้างงเล็กน้อย ที่คนอย่าง วา  ไปรู้จักกับ พิชากิ แก๊งหมูดำได้   แต่นีโอก็ไม่ได้รังเกียจ พิชากิเลย  เพราะเขารู้ว่า พิชากิ เป็นคนดี  แก๊งของเขาไม่เคยเลยที่จะไปหาเรื่องใครก่อน   นอกจากอาจจะมีแกล้งเพื่อนบ้างเล็กน้อย          

            

           “ ดีๆ วา ”       พิชากิ ทักทาย วา จากนั้นซักก้า กับจ๋อยก็เริ่มทักทายตาม

           “ ดนะนาย ”   ซักก้าเป็นคนเริ่มทักทายต่อจากพิชากิ    

          “ ดีด้วยๆ ”   จ๋อย ทักทายเป็นคนสุดท้าย

          “ ดีใจจังเลย ได้เจอพวกนายตั้งแต่เช้า ”         วา ยิ้มอย่างดีใจที่ได้เจอพิชากิ ซักก้า และจ๋อย     ส่วนนีโอ เมื่อเห็น วา ทักทายเรียบร้อยแล้วจึงเริ่มทักมายต่อ

          “ อืม ดีด้วยเช่นกันนะ  ถ้าไม่ไปนั่งไหน ก็นั่งกับเราก็ได้นะ ”

          “ ก็ดีเหมือนกันนะ เดี๋ยวเราขอไปสั่งอาหารก่อนมาก่อนนะ ”   พิชากิ บอกนีโอ จากนั้นก็เดินตรงไปบาร์ ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่า จะมีนักเรียนมากมายยืนอยู่ตรงแถวนั้นเพื่อสั่งอาหาร     โดยที่ไม่ต้องพูด ซักก้าและจ๋อยก็เดินตาม พิชากิไปโดยทันที                    วา คิดว่าเขาโชคดีแล้วที่ไม่ต้องเดินไปต่อแถวในตอนนี้     เขาเริ่มมองไปรอบๆ อีกครั้งเพื่อหามิว และก็นิค หรือไม่ก็นายเบต้า  แต่ก็ยังไม่เจอเลยสักคน   อาจจะเป็นเพราะคนที่มีอยู่เยอะแย่ะไปหมดก็ได้จึงทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นมิว กับนิคได้    



            

             ระหว่างที่วากำลังมองไปแถวบาร์นั้นเอง    มือของคนๆ หนึ่งก็วางลงที่บ่าของเขา

             “ สวัสดีตอนเช้านะ เพื่อน ”    มิว นั่นเอง  สงสัยจะเป็นเพราะว่า วา มัวแต่มองไปทางด้านอื่นจึงไม่เห็นเขานั่นเอง      ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มิวนั้นไม่ใช่ใครอื่นเลย    เสือใบ้นิคนั่นเอง    

            “ ดีนะ  นั่งก่อนสิ ”      

            “ ได้เลย แต่รอเราไปหาอาหารเช้ามายังชีพเราก่อนนะ ”  

            

           มิว เดินไปที่บาร์ทั้งๆ ที่ยังไม่วางเป้ที่สะพายกีต้าร์   ซึ่งดูท่าทางคงจะหนักไม่ใช่เล่น       ส่วนนิค วางเป้ลงที่เก้าอี้ข้างๆ นีโอ และเดินอย่างล่องลอยไปที่บาร์        

          

           ไม่นานนัก พิชากิ ซักก้า และจ๋อย ต่างก็เดินกลับมาที่โต๊ะของวา และนีโอ       พิชากิวางมาดเข้มก่อนที่จะนั่งลง   ดูแล้วช่างเท่อะไรปานี้      



             “ สั่งอาหารอะไรกันหรอ ”              วา ถามทั้งสามคน

            “ เราสั่งข้าวพัดแกงกระหรี่นะนาย ”      ซักก้า เป็นคนพูดคนแรก    วา เริ่มรู้สึกว่า  ซักก้าชอบพูดคำว่า “ นะนาย ”     อยู่เกือบทุกครั้งที่เขาเอ่ยปากพูด    นั่นคงเอกลักษณ์ประจำตัวเขาละมั้ง    

           ส่วนจ๋อย เป็นคนถัดมา  

           “ ของเราสั่งก๋วยเตี๋ยวพัด  ”

          “ ส่วนเรา…….ฮ่ะ..แฮ่ม .. ”        พิชากิ พูดด้วยเสียงเข้มขรึมและดูท่าทางจริงจังเป็นอย่างมาก   ถึงมันจะเป็นเพียงแค่การบอกว่า ตัวเขาเองสั่งอาหารอะไรเท่านั้น        

           หลังจากหยุดไปสักพักหนึ่งจึงพูดต่อ         “ ส่วนเราสั่งข้าวพัดหมูดำจัมโป้ !! ”      

      

            เมนูที่พิชากิสั่ง  ทำให้ วา ถึงกับต้องอึ้งไปนิดหน่อย  ข้าวพัดหมุดดำจัมโป้ !!!!      วา ไม่รู้หรอกว่า  หน้าตามันจะเป็นยังไง  แต่ดูจากชื่อ มันช่างโหดคู่ควรกับเป็นเมนูให้พิชากิจริงๆ           หลังจากใช้เวลาตั้งสติอยู่นิดหน่อย   วาก็เริ่มถามกับพิชากิ    

          

            “ พิชากิ ว่าแต่นายอยู่ชมรมอะไรหรอ ”        วา ถามพร้อมกับตักซุปชาเขียวขึ้นมาเป่าช้าๆ   เพราะเนื่องจากมันยังไม่หายร้อนเท่าไหร่นัก

          “ เราหรอ  เราอยู่ชมรมดนตรีน่ะ ”        

         “ ใช่ ชมรมเดียวกันกับชมรมกวีพเนจรรึเปล่าละ ”        วา ถามเสร็จก็ทานชุปที่เป่าจนได้ที่แล้ว  พร้อมที่จะตักต่อ

         “ มันก็ใช่เหมือนกันนะ ”      



          พิชากิ พูดยังไม่ทันจะจบ มิว กับนิคก็เดินกลับมาที่โต๊ะแล้ว          มิว เมื่อหันไปเจอกับพิชากิ  ก็รู้สึกว่า   เกิดความหนักใจขึ้นเลกน้อย

          “ อ้าว ดีนะพิชากิ   นายรู้จักกับ วา แล้วหรอเนี่ย ”    

          “ อืม ดี”              



            มิว กับ นิค นั่งลงช้าๆ  จากนั้นโต๊ะ  ทั้งโต๊ะก็ตกอยู่ในความเงียบ    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร     แต่ วา ก็ไม่ได้สังเกตุ     ส่วนนีโอ นั้นตอนนี้เงียบพอๆ กับนิค  เพราะเขาไม่สนใจอะไรเลยนอกจากที่จะทานข้าวพัดอเมริกันของเขาไปเรื่อยๆ      จนในที่สุดวา ก็เริ่มถามต่อ



          “ อืม มิว เมื่อวานเราเดินไปที่ห้องนาย กะว่าจะเข้าไปคุยด้วยสักหน่อย   แต่พอได้ยินเสียงกีต้าร์ห้องนาย  เราก็ไม่กล้าเข้าไปเลยอะ     ทำไมนายเล่นกีต้าร์เสียงดังขนาดนั้นหรอ  ”

         “ ก็……  ไม่มีอะไรหรอก แค่เครียดนิดหน่อยเท่านั้นเอง   จริงมั้ยพิชากิ ”               พิชากิ ไม่ตอบหากแต่ยังคงทำหน้าเข้มขรึมอย่างนั้นต่อไป      

        “ เครียดเรื่องอะไรหรอ ”          วา ถามอย่างสงสัย

         “ ก็ คือ…….. มีปัญหานิดหน่อยกับ วงดนตรีของเราน่ะ ”    

         “ ปัญหาที่ว่า มันคืออะไรหรอ ”            

         “ ก็ คือ ปกติเนี่ย วงของเราเนี่ยจะเล่นด้วยกันมาตลอดเลย  มีพิชากิด้วยนะ   แต่พอมาเมื่อวานนี้น่ะสิ   อยู่ดีๆ ก็เกิดจะแยกวงกัน   เราไม่เข้าใจเลย  แล้วที่สำคัญนะ อีกไม่นานก็จะถึงเวลาประกวดวงสติงประจำโรงเรียนแล้วนะสิ ”

        “ น่าเสียดายจังเนอะ  แต่ไม่เป็นไรหรอก  นายก็ตั้งวงใหม่ได้ไม่ใช่หรอ ”

        “ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดน่ะสิ    พวกเราแต่ละคน ที่แยกกันต่างแข่งขันกันว่า   วงใครจะเป็นผู้ที่ได้รางวัลชนะเลิศในการประกวดน่ะสิ       และที่สำคัญเราจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก   แต่ถึงตอนนี้ก็ยังหาสมาชิกใหม่ไม่ได้เลยสักคนนะสิ  “

         “ ถ้าต้องการนักร้องนำวงละก็   บอกเราได้เลยนะ ฮ่าๆ ”             วา บอกกับมิวไปเล่นๆ  เพราะยังไงมิวคงไม่มีทางให้เขาเป็นนักร้องนำแน่          แต่ผลกลับผิดคาด มิว ตาเป็นประกายพร้อมกับมองหน้า วา

       “ นายพูดจริงหรือเปล่าเนี่ย   ในที่สุดเราก็ได้สมาชิกคนแรกของวงมาแล้ว  แถมเป็นนักร้องนำสะด้วยสิ   ดีใจจริงๆ  เย้ๆๆๆ ”            มิว ตะโกนพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง   ทำให้นักเรียนโต๊ะ อื่นๆ     แทบจะหันมามอง    



            

           วา ยังไม่ตั้งตัวก็กลายเป้นสมาชิกวงของมิวไปเสียแล้ว   แต่เขาก็ยังแปลกใจที่ มิว ดีใจขนาดนั้น



            “ เออ คือ นายแน่ใจหรอว่า จะให้เราอยู่วงนายน่ะ ”

            “ แน่สะ ยิ่งกว่าแน่สะอีก เพื่อนเอ๋ย ”

            วา สงสัยว่า มิวจะแน่ใจได้อย่างไรว่า  เขาจะร้องดีจริงจึงถามมิวไป                        

            “ แล้วนายจะรู้ได้ยังไง  ว่าเราร้องเพลงได้ดีหรือไม่ดีน่ะ ”  

            “ คนเราถ้ามันมีแววแค่มองก็รู้แล้วละ ฮ่าๆๆ ”            

           “ งั้นเราอยู่วงนายก็ได้   ถ้านายคิดว่าเราทำได้นะ ”

           “ คนอย่างนายต้องทำได้อยู่แล้วละ ”                        มิว เมื่อหยุดดีใจได้แล้ว  จึงเหมือนคิดอะไรได้     ว่าแต่วงของพิชากิตอนนี้เป็นยังไงบ้างนะ   เมื่อคิดได้ก็ไม่รอช้ารีบถามไปโดยเร็ว

          

            “ ว่าแต่วงนายละพิชากิ  มีใครบ้างหรือยัง ”

            “ ของเราหรอ ตอนแรกเราก็กะว่าจะชวน วา เข้าวงสะหน่อยนะ      แต่ไม่เป็นไร   ในเมื่อเขาเข้าวงนายแล้ว       ส่วนวงเราตอนนี้ก็มี ซักก้ากับจ่อยเท่านั้นแหละ       ซักก้าเล่นเป็นกีต้าร์   ส่วนจ๋อยเล่นเป็นเบส  ”  

            “ อ้าว เราไม่รู้    ถ้างั้นก็ขอโทษทีละกันนะครับท่านผู้ชม ฮ่าๆ ”             มิว หัวเราะอย่างมีความสุข   เหมือนกับว่า อาการเครียดเมื่อกี้ของเขาไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อนเลยก็ว่าได้            



            ไม่นานนักอาหารที่แต่ละคน สั่งมาก็ถูกนำเอามาเสริฟ์ที่โต๊ะจนหมด      ตอนนี้แต่ละคนเริ่มตั้งหน้าตั้งตากันกิน    จนไม่มีใครคิดจะสนทนากันเลย    ส่วน วาและนีโอ นั้นทานจนเกือบจะหมดแล้ว            



           “ นีโอ วันนี้ 4 ชั่วโมงแรก เรามีเรียนอะไรบ้างหรอ ”              วา ถามนีโอ           นีโอเมื่อได้ยินคำถามก็เริ่มขยับแว่นให้เข้าที่  ทั้งๆที่มันก็ดูเข้าที่อยู่แล้วจากนั้นก็เริ่มตอบ

          “ วันนี้ 4 ชั่วโมงแรกในตอนเช้ามี วิชาแรกเป็นวิชาคริตศาสตร์   จากนั้นก็ ภาษาอังกฤษ ไทย แล้วก็สังคม ”

          “ อืม ขอบใจนะ อย่างนี้แสดงว่า เราจัดตารางสอนมาไม่ผิดจริงๆ     อยากเรียนวิชาสังคมของอาจารย์พิชายะเร็วๆ จังเลย    แต่น่าเสียดายที่ชั่วโมงแรกต้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์ กับอาจารย์มาน่อฟ      เราไม่ค่อยจะชอบเขาสักเท่าไหร่นักเลย ”

          

           วา พูดยังไม่ทันจะจบ  มิว เมื่อได้ยินคำว่า “ อาจารย์มาน่อฟ ”  ขึ้นมาก็เริ่มพูดเป็นการใหญ่



          “ นายนี่สมแล้วที่เป็นนักร้องนำของวงเรานะ   คิดเหมือนเราเลย  เราก็ไม่ค่อยจะสู้ชอบหน้าอาจารย์มาน่อฟสักเท่าไหร่   ปกติเราเป็นคนที่ไม่ค่อยจะคิดอะไรมากนะ    แต่เราว่าอาจารย์เขาโหดเกินไป  กดดันจนเกินไปอะ นายว่ามะ  ”                        

          ได้ยิน มิว พุดอย่างนั้นถึง วา จะเห็นด้วยนิดหน่อยก็ตามแต่  เขาก็ไม่ค่อยอยากจะว่า อาจารย์สักเท่าไหร่นัก    เพราะคงไม่มีอาจารย์คนไหนอยากให้ศิษย์ตัวเองไม่ได้ดีหรอก   เพียงแต่ว่า ว่าการสอนของอาจารย์มาน่อฟอาจจะอยู่นอกกรณีนั้น        

            

            “ แหม มันก็คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะ    แต่มันก็แค่มีส่วนบ้างนิดหน่อยละ ”      

            “ แต่เราว่านะ  ถึงเขาจะกดดันเรา หรืออะไรก็ตาม    เขากลับสอนรู้เรื่องอย่างพิสดารเลยเชียวละ   ”       นีโอ พูดแทรกแสดงความคิดเห็นออกมา   ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ    คำพูดของนีโอ ถึงขนาดทำให้นิค พยักหน้าเห็นด้วย      

            

           “ โธ่ นีโอ ก็นายตั้งใจเรียนขนาดนั้น  วันๆ เอาอ่านแต่หนังสือถ้าไม่เข้าใจก็แย่แล้วละ   ”        มิว ยังคงเถียงต่อไปเมื่อกับว่า เขาเรียนไม่เข้าใจจริงๆ

           “ แต่เราก็ว่า เขาสอนรู้เรื่องนะนาย  ถึงเราจะอยู่กันคนละห้องก็เถอะ  แต่เขาก็สอนเครียดเกินไปจริงๆ   เหมือนที่นายพูดนั่นแหละ ”           ซักก้า ก็แสดงความคิดเห็นด้วย



            ดูเหมือนว่า อาจารย์มาน่อฟจะตกเป็นประเดินในการสนทนาของโต๊ะนี้ไปเสียแล้ว      ตอนแรก วา ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่รู้สุกไม่ชอบวิธีการสอนของอาจารย์มาน่อฟสะอีก      



          “ เดี๋ยวน้า  เราเหมือนมีเรื่องที่อยากจะถามนาย  แต่เราคิดไม่ออกน่ะ พิชากิ ”       วา เหมือนยังคิดไม่ออกว่าเขาจะถามอะไรพิชากิ  ซึ่งนั่นก็คือ  เขาจะถามว่า  อาจารย์พิชายะ กับพิชากิ  ทำไมชื่อเหมือนกัน     แต่ก็ยังคงคิดไม่ออกอยู่ดี      

            “ มีอะไรจะถามเราหรอ ”         พิชากิ ถามพร้อมกับเคี้ยวเนื้อหมูดำไปด้วย  

            “ โทษทีนะ เราคิดไม่ออกแล้วละ   งั้นขอถามรื่องอื่นแทนละกัน   วงที่นายเล่นนายเล่นเป็นอะไรหรอ  ”

            “ เราหรอ เราเล่นเป็นกลอง ”        

            “ โห สุดยอดๆ  แล้วชื่อวงของนายละ ”

            ไม่ทันทีพิชากิจะตอบ ซักก้าก็ตอบแทนให้แล้ว

            “ ชื่อวงของพวกเราก็เหมือนกับ ชื่อแก๊งของเรานั่นแหละ   วง Black Pig  หรือ วงหมูดำนั่นเอง  ”

            “ อ่านะ ”            วา ตอนนี้ไม่คิดจะถามอะไรอีกแล้ว    



        

           หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยกันแล้ว      ทุกคนก็สะพายข้าวของกันออกมาข้างนอกตึก      วันนี้ต่างจากเมื่อวานตรงที่ กลุ่มของวา   ดูจะมีคนมากขึ้นอีกนิดหน่อย    ไม่เหมือนเมื่อวาน ที่เดินกันแค่ไม่กี่คน  



          วา มอบดูนาฬิกาข้อมือของเขาอีกครั้ง  ปรากฎว่า ตอนนี้เป็นเวลา  7.00 น.   อากาศดีอย่างยิ่ง      วา เดินมองบรรยากาศรอบๆ โรงเรียนไปเรื่อยๆ   เหมือนกับว่า ดูกี่ทีกี่ทีก็ไม่มีทางเบื่อ  



          ในที่สุดทั้งหมดก็เดินมาถึงบริเวณน้ำพุใหญ่กลางโรงเรียน  ซึ่งหมายความว่า  ถ้าเดินตรงไปอีกสักระยาหนึ่งก็จะถึงตึกอาคารเรียนกันแล้ว    





          หลังจากเดินกันมาจนถึงหน้าประตูห้องเรียนของวา แล้วพิชากิ ซักก้า และจ๋อย ต่างก็แยกย้ายกันไปที่ห้องของตนเอง



          ขณะที่ วา กำลังจะเปิดประตูห้องนั้น มิว ก็ชิงตัดหน้าเปิดประตูห้องเข้าไปก่อนสะแล้ว    จากนั้นเขาก็ตะโกนดังลั่นห้องอย่างเช่นเมื่อวานนี้  



          “ สวัสดีตอนเช้านะ ทุกๆ คน !!! ”

          

           นักเรียนในห้องบางคนก็ทักทายกลับ บางคนก็ก้มหน้าก้มตาคุยกับกลุ่มของเขาต่อไป  ราวกับว่า ชินชาแล้วกับการทักทายตอนเช้าของมิว        มิว เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้ว  เขาก็เดินตรงที่ยังที่โต๊ะของเขาเพื่อวางของโดยไม่สนใจที่จะรอ วา นีโอ หรือ เสือใบ้นิคที่เดินมาด้วยกันเลย            



            เสือใบ้นิค เป็นคนต่อไปที่เดินเข้าห้องต่อจาก มิว     ซึ่งเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องก็ไม่ได้สนใจที่จะทักทายใครเลย         และคนทั้งห้องก็แทบจะไม่ค่อยทักทายเขาเช่นกัน  มีบ้างที่ยิ้มให้      ส่วนใหญ่คงจะรู้แล้วว่า  ถึงจะทักทายไป นิค ก็คงจะไม่ยอมตอบแน่นนอน        



            เมื่อ วา เดินเข้าไปในห้อง     คนทั้งห้องต่างก็กล่าวทักทายเขาเป็นอย่างดี   ซึ่ง วา ก็ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนเหล่านั้นนัก  ได้แต่ยิ้มๆ แล้วก็โบกมือให้       แต่ที่สะดุดตา วา นิดหน่อยก็ คือ เด็กนักเรียนผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ทางด้านขวาของห้องเรียน      เด็กผู้หญิงคนนั้นมองมาที่ วา พร้อมกับโบกมือทักทาย ราวกับว่า รู้จักกับ วา เป็นเวลานาน      แต่ วา ก็ยังนึกไม่ออกว่า เป็นใครกันแน่                       วา จึงเดินต่อไปเรื่อยๆ  เมื่อถึงกลางห้องก็เดินตรงเข้าไปยังที่นั่งของเขา  ที่เห็นมาแต่ไกลก็เป็นเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ  โต๊ะของเขาโซเฟียนั่นเอง            

          

            โซเฟีย วันนี้แต่งตัวดูเรียบร้อยมาก   เสื้อยืดสีส้มพร้อมกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินอ่อนๆ        เมื่อเห็น วา เดินเข้ามาถึงโต๊ะของเขาแล้ว โซเฟียจึงถือโอกาสทักทาย



            “ สวัสดี ตอนเช้านะค่ะคุณชาย  ”

           “ เช่นกันขอรับ นายหญิง ”                  คราวนี้ วา กวนกลับไปด้วย  ทำให้โซเฟียอารมณ์ดีมากขึ้น  คงจะชอบที่ วา ไม่เงียบไปเหมือนเมื่อวาน  แต่กลับมีการกวนกลับมาบ้าง              

          

           วา นั่งลงพลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง   คงจะเหนื่อยที่ต้องเดินทางมาไกล กว่าจะถึงห้องเรียน  แต่คิดไปคิดมา    ถ้าแลกกับการเดินชมวิวกับอากาศที่สดชื่นอย่างนี้ทุกวันเขาก็ยอม      ไม่ทันที่จะนั่งพักให้สบายหายเหนื่อย   มิว ก็เดินมาที่โต๊ะของ วา พร้อมกับเสือใบ้นิค   ส่วนนีโอ นั้นยังคงจัดของในเป้ของเขาอยู่จึงยังไม่ได้เดินมา        



            “ ดีนะโซเฟีย ”         มิว กล่าวทักทายโซเฟีย  ส่วนนิค แค่ยกมือขึ้นเท่านั้น

            “ ดีนะมิว ที่จริงนายไม่ต้องทักทายเราก็ได้นะ   เห็นตะโกนลั่นห้องเมื่อกี้ไปแล้วนิ แหะๆๆ  

             โซเฟีย เมื่อกล่าวทักทายมิว จบ ก็กล่างทักทายเสือใบ้นิคต่อทันที

            “ อ๋อ แล้วก็ดีตอนเช้านะ นิค ถึงนายจะไม่พูดก็ตามที  ”        

            

            “ เฮ้ สวัสดีนะทุกคน ”      เสียงนั้นดังมาจากข้างหลังของ มิว  ซึ่งเมื่อหันไปก็พบว่า เป็นเด็กผู้ชายส่วนแว่นตารูปเหลี่ยม  ท่าทางเหมือนหุ่นยนต์ เบต้า นั่นเอง         ไม่รอช้าเบต้าเดินมารวมกับคนอื่นๆ  ที่บริเวณโต๊ะของวา    



            “ พวกนายนี่ก็แปลกดีนะ  ทีแต่ก่อนไม่ยักจะมาสุ่มกันที่โต๊ะของเราตอนเช้าเลยนะ  พอมี วา มาทีก็มารวมพลกันเลย ”        

           “ แหม ก็เพิ่งจะรู้ว่า  มารวมกันที่โต๊ะนี้มันดีอย่างงี้นี่แหละ ”       มิว เป็นคนพูดตอบโซเฟีย    จากนั้นเขาจึงพูดต่อ  

          “ เอาละ เช้านี้เราจะมาเปิดประเด็นกันเรื่อง………. ”                  พูดยังไม่ทันจะขาดคำ  ก็มีเด็กผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่ง  ซึ่งเป็นคนเดียวกันที่ ทักทาย วา ราวกับรู้จักกันมานานเดินเข้ามาร่วมด้วย      

      

          “ เราขอร่วมด้วยคนนะ ”         ไม่ทันให้ขาดตอนเด็กหญิงผมสั้นคนนั้นก็หันไปหา วา พร้อมกับกล่าวต่อ

          “ นี่ อย่าทำเป็นไม่รู้สิว่า เราเป็นใคร  จำเราไม่ได้แล้วหรอ ”            



            แต่ วา ก็ยังทำหน้างง  เพราะเขายังไม่เคยแม้แต่จะคุยกับเด็กผู้หญิงคนนี้เลย  แล้วจะมาหาว่าเขาจำตัวเองไม่ได้  ได้อย่างไรกัน          มิว เมื่อถูกขัดคอก็จึงกวนกลับไปว่า      



            “ ไม่ใช่คู่แท้ปาฎิหารย์ซะหน่อย   เขาถึงจะจำเธอได้นะ   คุณเธอ ”        

            “ นิ เราไม่ได้ถามนายสักกะหน่อย ว่าจำเราได้รึเปล่า เราถาม วา หรอก ”            

            เด็กผู้หญิงผมสั้นรีบกล่าวต่อโดยไม่ได้มองหน้ามิว    

          “ ในเมื่อจำเราไม่ได้จริงๆ  เราจะบอกให้ก็ได้   รับรองนายต้องจำเราได้แน่นอน    เราชื่อ วีวี่ไง  คนที่เธอเล่นแชทด้วยเมื่อวานในคอมพิวเตอร์น่ะ ”            





            เมื่อได้ยินดังนั้น วา ก็จำได้  เด็กผู้หญิงผมสั้นคนนี้ก็คือ วีวี่ นั่นเองคนที่เขาได้คุยด้วยเมื่อวานในแชท        แต่อย่างว่าจะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะ  ถึงจะเคยเจอกันในแชท  ก็ใช่ว่าจะรู้ว่าเป็นคนๆ นี้    เพราะไม่สามารถรู้หน้าตาของคนเล่นได้    



             “ อ๋อ เราจำได้และ ขอโทษทีนะ  แต่ว่าแต่ว่าเหอะ  ใครจะไปรู้ว่าเป็นเธอละ  ก็เราไม่เคยเห็นหน้านี่หน่า ”

            “ มันก็จริงด้วยแฮะ ฮ่าๆ ”        วีวี่ หัวเราะเหมือนเพิ่งนึกได้              โซเฟียรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ทั้งสองคนนี้มารู้จักกันได้    

            “ เอาละๆ   ในเมื่อพระเอกจำนางเอกจำกันได้แล้ว   ข้าพเจ้าก็จะขอเปิดประเด็นที่ข้าพเจ้าต้องการจะพูดขึ้นเมื่อกี้ ณ บัดนี้ นะครับท่านผู้ชม ”        มิว กำลังจะพูดต่ออีกครั้งก้ถูกวีวี่ขัดคอต่ออีก

            “ ใครว่า เราเป็นนางเอกมิทราบ ถ้าเราจะเป็นนางเอกละก็    พระเอกจะต้องเป็นท่านดีว่า คนเดียวเท่านั้น  อิอิ”                    วีวี่พูดพร้อมกับ หัวเราะอยู่คนเดียว   ทุกคนก็ไม่ได้สนใจอะไรท่าทางของเธอมาก  คงเพราะอาจจะชินแล้วก็ได้   ส่วน วา นั้นยังคงเห็นว่าแปลกอยู่          



            “ โอเค ครับๆ คุณนางเอก   ถ้าไม่มีอะไรแล้วละก็  กระผมขออนุญาติกล่าวต่อนะครับ     คือ ว่าประเด็นที่เราจะมาพูดในวันนี้ก็ คือ ทุกคนคงจะรู้แล้วสินะว่า  

            ทุกๆปี โรงเรียนของเราจะมีการจัดการแข่งขันปะกวดวงสติงประจำโรงเรียน   ซึ่งทุกคนก็คงจะรู้จักวงของเราเป็นอย่างดีนะ      แต่ปัญหาก็คือว่า  ปีนี้วงของเราได้แยกแล้ว  

          โดยเหตุผลนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดแต่ว่า   แต่ละคนล้วนต้องการจะแข่งขันกันว่า   วงของใครจะได้เป็นแชมป์ของปีนี้      

          แล้วในตอนนี้เราก็ได้ตั้งวงใหม่ของเราขึ้นมาเองโดยมี   เรากับ วา แค่สองคน    อยากจะถามว่า   มีใครอยากจะเข้ามาร่วมวงกับเราบ้าง     ”



          เมื่อมิว พูดจบทุกคนต่างนิ่งเงียบใช้ความคิดกันอยู่สักครู่หนึ่ง  คนแรกที่พูดออกมาก้ คือ นายเบต้า



          “ เราขอเข้าร่วมกันนายด้วยได้ป่าว  ว่าแต่มีใครเล่นเป็นกลองรึยังละ ”

          “ ยังไม่มีหรอก เราเล่นเป็นกีต้าร์ ส่วน วา นั้นตอนนี้เป็นนักร้องนำ   ถ้านายอยากจะเล่นกลองละก็เข้ามาได้เลย ”               มิว ยิ้มอย่างดีใจ        “ ไชโย ในที่สุดเราก็ได้สมาชิกวงเพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้ว   เป็นมือกลองสะด้วย  แต่ก็ต้องขอทดสอบความสามารถนายหน่อยนะ ”

              “ ไม่มีปัญหา  ไม่รู้จักเราสะแล้ว ฮ่าๆๆ ”        เบต้า หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  ราวกับว่า เขาพร้อมที่จะแสดงฝีมือให้ มิวดูทุกเมื่อ          โซเฟีย เมื่อได้ยินมิว พูดว่า วาเป็นนักร้องนำก็อดที่จะขำไม่ได้  



              “ เดี๋ยวก่อนนะ นายพูดว่า วา เป็นนักร้องนำวงนายหรอ   นายเด๋อเนี่ยนะ แหะๆ ”  

             “ ใช่แล้ว  เขาเป็นนักร้องนำวงเราเองละ  ทำไมหรอครับท่านกรรมการนักเรียน ”  

             “ ป้าว ! ~  ป่าว หรอก ไม่มีอะไรหรอก แหะๆ ”               โซเฟีย หัวเราะต่อแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ    คงกะแค่จะกวน วา เล่นๆ เท่านั้น      

            “ ว้าว เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าวงนายแยกวงกันอะ  สงสัยนี่คงจะเป็นข่าวใหญ่ของโรงเรียนเชียวละ ”        



            วีวี่ ทำท่าทีประหลาดใจกับข่าวที่ได้ยินมา   แต่มิว ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก  คงจะชินกับนิสัยของวีวี่ ที่เหมือนกับนักข่าวสะแล้วละมั้ง        



             “ เอาละ ตอนนี้ที่เราต้องการก็ คือ มือเบส  คีย์บอร์ด แล้วก็มือกีต้าร์อีกสักคน  ซึ่งตอนนี้เราพอจะรู้แล้วว่า  เราจะหามือเบสแล้วก็มือคีย์บอร์ดนั้นได้จากไหน ฮ่าๆ ”              มิว ทำสายตาเจ้าเล่ห์ พร้อมกับหันไปยิ้มให้กับเสือใบ้นิค          ซึ่งเขาก็คงรู้แล้วละ ว่าตัวเองคงจะต้องตกเป็นคนของวง มิว ภายในไม่ช้า



           “ เราหวังว่า นายจะไม่ปฎิเสธเรานะ นิค  มือเบสวงเรา ฮ่าๆๆ  ”            

            มิว รีบกอดคอนิค พร้อมกับหัวเราะ  ซึ่งนิค ก็ไม่ได้ทำท่าทางที่จะปฎิเสธ        แต่ที่น่าสงสัยก็คือ  คนอย่างนิค นะหรือเล่นเบสเป็นด้วย  

          

         “ เออ แล้วว่าแต่ มือคีย์บอร์ดที่นายว่าหาเจอแล้ว    เขาเป็นใครหรือ ”                วา ถามอย่างอยากรู้

         “ เขาก็ไม่ใช่ใครอื่นใดหรอก   คนที่นั่งอยู่คนโน้นยังไงละ ”            มิว  พูดพร้อมกับชี้ไปทางด้านขวาของห้องเรียนซึ่งเป้าหมายก็ คือ นีโอนั่นเอง        

          

          ทุกคนที่มองตามมิว นั้นต้องทำท่าประหลาดใจ   คนที่อ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่งอย่างนีโอ เนี่ยนะหรอ จะสามารถเล่นคีย์บอร์ดเป็น              



           วา ถึงกับงงอีกเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อ วง ของเขานั้นมีแต่คนที่ไม่คิดว่าน่าจะอยู่ด้วยกันได้มารวมตัวกัน   แถมแต่ละคนดูท่าทางจะเล่นเครื่องดนตรีไม่เป็นสักอย่าง          



          “ แล้วมือกีต้าร์คนสุดท้ายละ  นายคิดออกหรือยังว่าจะชวนใครดี ”           เบต้า ถามแทน วา ซึ่งกำลังจะถาม     มิวทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งจึงเอ่ยปาก    

        

          “ ไอ้เรื่องมือกีต้าร์ คนสุดท้ายเราก็คิดไว้แล้วละ ว่าจะชวนใคร   แต่ไม่รู้ว่า   เขาจะยอมเข้าวงหรือเปล่านะสิ  ”

          “ แล้วนายจะชวนใครหรอ ”             โซเฟีย เป็นคนถาม    ซึ่งมิวก็ สะเหยะ ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ไปที่โซเฟีย    

          

           “ มือกีต้าร์อีกคนที่เราจะชวนก็คือเธอยังละโซเฟีย !!!”      



            เพียงแค่พูดจบประโยคนี้  ทุกคนถึงกับต้องตกตะลึง   ที่ มิว ชวนมาทั้งหมดยังไม่น่าประหลาดใจเท่ากับ  การที่มิว    ชวนโซเฟียให้มาเป็นมือกีต้าร์                    เด็กผู้หญิงคนนี้นะหรือจะสามารถเล่นกีต้ารืได้    เป็นทั้งกรรมการนักเรียน  ทั้งหัวหน้าห้อง  แถมยังสามารถเล่นกีต้าร์ได้อีก  มันจะไม่เป็นการเก่งเกินไปหน่อยหรือ  



             “ กรี๊ด นายแน่ใจหรือว่า นายจะชวนโซเฟียน่ะ   นายรู้ได้ไงว่า เขาเล่นเป็นหรือไม่เป็น ”    

               วีวี่ อดไม่ได้ที่จะต้องถาม  ซึ่งโซเฟียก็พูดเสริมต่อ

            “ ใช่แล้ว อยู่ดีๆ นายก็มาชวนเราแล้วจะรู้ได้ไงว่าเราเล่นเป็นหรือไม่เป็น  หรือว่านายอ่านใจเราได้  แหะๆ  ”  

            “ ถึงเราจะอ่านใจคนไม่ได้ละก็นะ  แต่สำหรับคนที่เล่นกีต้าร์เป็น    เราแค่มองตาก็รู้แล้วละ ”      

              โซเฟีย ถึงกับแอบยิ้มเล็กน้อย รอให้มิว พูดต่อ

           “ เอาละ ถ้าทุกคนสงสัยละก็  อย่างน้อยลองสังเกตดูดีๆ สิ    ถ้าคนที่ไม่เล่นกีต้าร์เลยนิ้วจะไม่ด้าน    แต่ดูที่นิ้วของโซเฟียแล้ว   ค่อนข้างจะด้าน  

             ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า  เธอเล่นกีต้าร์เป็น   และที่สำคัญคนอย่างเธอถึงไม่ใช่กีต้าร์ ก็เล่นเป็นหมดไม่ใช่รึ ”



              คำพุดของมิว ถึงกับทำให้โซเฟียยอมจำนน เธอเล่นกีต้าร์เป็นจริงๆ      ส่วน วา นั้นยังประหลาดใจไม่หาย ผู้หญิงอะไรเป็นหมดทุกอย่าง  ขนาดกีต้าร์ยังเล่นเป็นเลย   และดูท่าทางฝีมอคงจะไม่ธรรมดาสะด้วยสิเนี่ย  



              “ ชมกันมากเกินไปแล้วนะ  คุณหัวหน้าวง ”      โซเฟีย ยิ้มให้กับ มิว  ซึ่งการที่เอเรียกมิว ว่า คุรหัวหน้าวง แสดงว่า ตัวเองยอมอยู่กับวง มิว แล้ว      

              “ แหม อะไรกันครับ  ถ้าจะให้วัดฝมือกันจริงๆ  ก็เกรงว่า กระผมจะสู้คุรไม่ได้หรอกครับ   แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ  เราไม่ใช่หัวหน้าวงหรอกนะ         เราเป็นแค่คนตั้งวง    ส่วนหัวหน้าวงนั้นเราคิดว่า………..”  

              

             มิว ทำท่าครุ่นคิดอยู่ว่าควรจะให้ใครเป็นหัวหน้าวงดี   เพราะเขาไม่ค่อยอยากจะเป็นหัวหน้าวง     เมื่อคิดอยู่ได้สักพักมิว จึงชี้นิ้วตรงไปที่ วา



            “ คนที่พวกเราจะเรียกว่า  หัวหน้าวงก็ คือ วา ต่างหากละ !!!! ”



            ทุกคนต่างหันไปมองหน้า วา เป็นตาเดียว       ส่วนตัวของ วา เองถึงกับยังไม่ทันที่จะตั้งตัว   เขาเนี่ยนะจะเป็นหัวหน้าวง    คนที่เล่นอะไรไม่เป็นเลยนอกจากร้องนำจะได้เป็นหัวหน้าวง  ?    

      

        

                               _______________________________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×