คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #86 : บทเรียนที่ 80 พันธมิตรในเงามืด
บทเรียนที่ 80 พันธมิตรในเงามืด
ร่างปริศนารู้สึกผิดคาดอย่างยิ่งที่จู่ๆก็โดนซ้อนแผนเอาเสียดื้อๆ
“ ยกมือขึ้นช้าๆ ” วาออกคำสั่ง
เมื่อร่างปริศนายกมือขึ้นวาก็รีบชิงปืนเลเซอร์มาทันที โดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสจะหันกลับมาอาศัยจังหวะเผลอยิงใส่วาได้เลย และนี่ก็นับเป็นความประหลาดใจข้อที่สองของร่างปริศนาเช่นกัน
“ นายเป็นใครกันแน่ ” ร่างปริศนาถามน้ำเสียงนุ่มจนวารู้สึกคุ้น ภายใต้ฮู้ดสีน้ำตาลที่ปิดบังศีรษะอยู่ไม่ทราบว่าซ่อนใบหน้าแบบไหนเอาไว้กัน
“ นี่ตกลงว่าเราหันไปได้หรือยัง ” โซเฟียถามคล้ายล้อเล่น แต่น้ำเสียงดูหวาดกลัวชอบกล
“ คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ ” วาบอก
เมื่อโซเฟียหันกลับมาก็ต้องตาเป็นประกายอุทานออกมา
“ ซะ ซอนมี ! ”
วาขมวดคิ้ว หรือว่าเธอจะหมายถึงนักร้องนำสาวเสียงหวานแสนน่ารักซอนมีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นหูของเขาก็ยังคงซื่อสัตย์กับเขาอยู่จริงๆ
ร่างปริศนากอดอกถอนหายใจ ซึ่งเป็นขณะเดียวกับที่วาอ้อมหน้ามาดูใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมนั้น
ปากได้รูปกระจับ พร้อมใบหน้ารูปไข่ที่กลมได้สัดส่วน แม้จะยังไม่เห็นเต็มตานัก แต่วาก็พอจะมั่นใจได้หลายส่วนว่านี่ต้องซอนมีอย่างแน่นอน ประกอบกับก่อนที่จะออกเดินทางวาก็จำผ้าคลุมที่เธอสวมใส่ได้อยู่
แต่ที่ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นักคือ ทำไมนักร้องสาวแสนหวานบนเวทีกลับมีพฤติกรรมน่ากลัวเช่นนี้ได้
“ เอาละพวกเธอชนะ อยากได้แผนที่ก็เอาไปซะ แต่เดี๋ยวอีกไม่นานเพื่อนๆในวงของชั้นก็จะต้องหาชั้นเจอ และเมื่อนั่นพวกเธออาจจะต้องเสียใจ ” ซอนมียื่นแผนที่ให้พร้อมจุ๊ปากอย่างเสียอารมณ์
“ เฮ้ ไม่ต้องให้พวกเราก็ได้ ” วาปฏิเสธ “ ทำไมไม่มาด้วยกันละ ”
“ ใช่ๆไปด้วยกันดีกว่านะ ” โซเฟียพยักหน้า
แต่ซอนมีจุ๊ปากเป็นคำรบสอง ราวกับไม่ค่อยพอใจกับข้อเสนอนั้น
“ อย่าไปกับเธอเด็ดขาดนะ ” เสียงตะโกนของโกจิเข้ามาแทรกการสนทนา “ จะ เจ้านี่แหละที่เป็นคนวางกับดักเอาปืนเราไป ทำให้เราไม่มีอาวุธต่อสู้กับพวกค้างคาวนั่น ”
วากับโซเฟียหันมามองหน้ากันราวต่างคนต่างขอความเห็นกันและกัน แต่สำหรับวาแล้วต่อให้โกจิมีปืนเขาก็ไม่คิดว่านั่นจะเรียกว่าอาวุธได้ เพราะมันไม่ใช่กำปั้นและกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ซึ่งน่าจะยากเกินกว่ามันสมองของโกจิจะใช้การได้
และก่อนที่วาจะตัดสินใจ โซเฟียก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้น
“ ไปด้วยกันทั้งหมดนี่ละ ” แน่นอนว่าทั้งหมดไม่ได้รวมโกจิอยู่ในนั้นด้วย
ซอนมีทำหน้าสงสัย
“ จริงอยู่ที่เธออาจจะไม่อยากมากับพวกเรา แต่สถานการณ์ในตอนนี้เธอกำลังเสียเปรียบอยู่นะ ต่อให้พวกเราไม่เอาแผนที่กับปืนของเธอไป การอยู่ตรงนี้คนเดียวก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ไว้รอเมื่อถึงตอนที่เธอเจอเพื่อนๆ แล้วพวกเราค่อยแยกกันก็ได้นี่ ”
ซอนมีกลอกตาคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหลับตาตอบไปอย่างเสียไม่ได้
“ แล้วอย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน ”
เธอแบมือขอปืนคืนจากวา ซึ่งวาก็ยื่นให้แต่โดยดี
“ พวกเรารีบไปกันเถอะ ”
“ เฮ้ อย่าทิ้งเราไว้ตรงนี้ ” โกจิคร่ำครวญ
“ แหะๆ ขอโทษด้วยนะโกจิ แต่ว่านี่เป็นกฎ พวกเราคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก อีกเดี๋ยวพวกปีศาจก็จะมารับตัวนายออกไปแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ ” โซเฟียปลอบ ซึ่งวาไม่แน่ใจว่านั่นเป็นการปลอบที่ดีนัก หรือเป็นเพราะเธอยังจำเหตุการณ์วันประลองรอบคัดเลือกที่โดนโกจิกับจินเจรุมเล่นงานเธออยู่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตามวาก็โบกมือลาโกจิที่ส่งสายตาเหมือนลูกแมวถูกทิ้งไว้เช่นนั้น พร้อมออกเดินทางต่อ
เบื้องหน้าหมอกสีขาวปกคลุมไปทั่วป่าช้าจำลอง ที่พอจะนำทางพวกเขาได้มีเพียงแค่แสงจากเสาไฟสไตล์โบราณที่ประจำตำแหน่งอยู่ระหว่างทางเท่านั้น อากาศภายในเริ่มเย็นและอับชื้นขึ้นทุกทีราวกับอยู่ในสุสานอย่างแท้จริง
“ เฮ้ ขอชั้นดูแผนที่ของพวกนายหน่อย ” ซอนมีกล่าว หลังจากที่พวกเขาเริ่มเดินกันมาได้ประมาณสิบห้านาทีโดยไม่เจออะไรเลย
วายื่นแผนที่ให้หล่อนอย่างว่าง่าย จากนั้นซอนมีก็พินิจแผนที่สองแผ่นที่ไม่ซ้ำกันดู ถ้ามองจากรอยต่อแผนที่ของซอนมีเป็นแผนที่มุมซ้ายล่าง ส่วนของวาและโซเฟียเป็นส่วนมุมขวาบน ซึ่งยากต่อการดูพอสมควร
“ เป็นยังไงบ้าง ” วาชะโงกหน้ามาดู แต่ซอนมีก็จุ๊ปากอารมณ์เสียอีกครั้ง
“ แผนที่พวกนี้ไม่ได้ช่วยให้เรารู้ทางออกจากเขาวงกตหรอกนะ มันแค่ช่วยให้เรารู้ที่ซ่อนของอาวุธศักดิ์สิทธิ์อีกสามชิ้นเท่านั้นเอง ”
“ อืม แล้วอาวุธอีกสามชิ้นอยู่ที่ไหนละ ” วาถาม
ซอนมีชี้ไปยังตำแหน่งบริเวณกึ่งกลาง แต่นั่นไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ เพราะยังขาดแผนที่อีกสองส่วน
“ ดูจากที่เราอยู่ก็คือ ตรงนี้ ” เธอชี้ไปยังแผนที่มุมซ้ายล่างประมาณกลางๆ มันเขียนว่า ‘ ที่ซ่อนแผนที่ศักดิ์สิทธิ์ ’ และที่นั้นก็คือ อาคารชมรม จากนั้นก็ลากนิ้วขึ้นไปด้านบน เลยไปถึงแผนที่มุมขวาบน
“ ถ้าคาดไม่ผิดอาวุธอีกสองชิ้นน่าจะอยู่ในอาคารอีกสองที่ ส่วนอีกชิ้นที่เหลือน่าจะอยู่แถวๆสวนหลังโรงเรียน ”
เธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือที่ไหน เพราะชื่ออาวุธพร้อมกับตำแหน่งดันถูกตัดขาดจากส่วนที่ขาดหายไปพอดี
“ เอาเถอะ ยังไงตอนนี้เรารีบหาแผนที่ส่วนที่เหลือจะดีกว่า ”
เมื่อเดินทางต่อไปได้สักพัก พวกวาก็เริ่มได้ยินเสียงพูดคุยกันของผู้คน ดังนั้นพวกเขาชะลอฝีเท้า กระชับปืนเลเซอร์ในมือแล้วเดินย่องไปอย่างเงียบๆ โดยอาศัยพุ่มไม้จำลองเป็นที่ซ่อนตัว
เบื้องหน้าสายตาของทั้งสาม ปรากฏนักเรียนกลุ่มใหญ่ประมาณสิบยี่สิบคนได้ กำลังยืนออกันอยู่หน้าประตูไม้โบราณอันใหญ่
“ ดูเหมือนกำลังรออะไรกันอยู่เลยนะ ” วาหันไปพูดกับโซเฟีย ส่วนซอนมีใช้สายตาเรียวเล็กของเธอสอดส่องพฤติกรรม พลางคิดว่าหากเธอจัดการกับนักเรียนทั้งกลุ่มนี้ได้ แผนที่ศักดิ์สิทธิ์ก็มีโอกาสที่จะสมบรูณ์ได้โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในเขาวงกตนี่อีกต่อไป เพียงแต่ยังติดอยู่ที่วากับโซเฟียอาจจะขัดขวางแผนการของเธอเสียก่อน ดังนั้นเธอจึงคิดว่าควรจะจัดการกับทั้งคู่ก่อน
ขณะที่ซอนมีกำลังรอจังหวะจะลงมืออยู่นั่นเอง เสียงหัวเราะแหบแห้งที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“ มาถึงกันแล้วเรอะ Strangers !!! ” เจ้าอีกอในเสื้อคลุมหลังค่อมเปิดประตูโบราณออกมาพร้อมกับโคมไฟปลอมที่ใช้ไฟฟ้าจากหลอดไฟเผื่อกันกรณีที่ลมแรงเกินไป นอกจากนี้ยังไม่จำเป็นต้องเปลืองเทียนอีกด้วย
เหล่านักเรียนทั้งหมดต่างให้ความสนใจกับเจ้าอีกอ ซึ่งซอนมีเห็นว่าเป็นจังหวะอันดีอย่างยิ่งที่จะลงมือ ก่อนที่มันจะเริ่มเอ่ยปากพูด
“ ว่าอย่างไรกันบ้าง มีใครได้แผนที่ครบกันหรือยัง ” มันกล่าวพลางกวาดสายตาไปยังเหล่านักเรียน ทุกคนต่างพากันส่ายหน้าเมื่อมันจับจ้องมอง จากนั้นก็ฉีกยิ้มหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
“ รีบๆบอกมาดีกว่าว่าแผนที่อยู่ที่ไหนกันบ้าง พวกเราลองคุยกันหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีใครมีแผนที่ชิ้นสุดท้ายเลย ” เด็กหนุ่มตัวเล็กผมตั้งพูดด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก
“ ฮ่าๆ Calm your mind Stranger ! ” เจ้าอีกอหยอก “ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาปรากฏตัวในที่นี้ยังไงละ เพราะตอนนี้มีรายงานจากวงในว่า ผู้ที่ครอบครองแผนที่ชิ้นสุดท้ายหรือส่วนที่สี่นั้นถูกกำจัดไปหมดแล้วยังไงละ เพราะฉะนั้นหนทางเดียวที่พวกเจ้าจะรวบรวมแผนที่ให้ครบได้ก็คือ ต้องค้นหาภายในเขาวงกตนี้เท่านั้น ฮิๆๆๆ ”
“ อย่ามาโกหกกันหน่อยเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริง พวกเรามีแผนที่รวมกันแค่สามแผ่นก็พอแล้ว ” เด็กหนุ่มร่างเล็กหยิบแผนที่สามชิ้นออกมาโชว์ให้ดู ซึ่งจากพุ่มไม้ตรงที่วาซ่อนตัวอยู่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันบอกอะไรไว้บ้าง
“ เพราะฉะนั้นรีบเปิดประตูแล้วให้พวกเราออกไปข้างนอกได้แล้ว ”
“ เปิดประตูข้าก็ทำให้แล้วนี่ไงละพ่อหนุ่มน้อย แต่การจะออกไปข้างนอกได้หรือไม่นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเองแล้ว ”
“ ไหนแกบอกว่าจะออกเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่หรอ ”
“ ใช่ แต่ข้าไม่ได้บอกนี่ว่าต้องออกยังไง ฮิๆๆๆ ” เจ้าอีกอหัวเราะชอบใจ เด็กหนุ่มผมตั้งสีหน้าแดงกร่ำขึ้นมาเล็งปืนไปยังเจ้าอีกอ
“ ถ้าข้าเป็นเจ้าข้าจะไม่ทำเช่นนั้น ” เจ้าอีกอหรี่ตาสีหน้าดูน่ากลัวขึ้น แต่เด็กหนุ่มร่างเล็กไม่สนใจระดมยิงปืนเลเซอร์ใส่เจ้าอีกอ ทั้งๆที่แม้จะยิงไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะมันไม่ได้มีจุดยิงอยู่บนร่างกายเลย แต่เจ้าอีกอทำท่าเจ็บปวดราวกับถูกปืนยิงจริงๆ
“ ได้โปรดหยุดเถอะครับ ” ใครบางคนในกลุ่มนักเรียนเอ่ยขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มร่างเล็กหันขวับ
“ นึกว่าใครกัน ที่ไหนได้ก็โพผู้สุภาพนั่นเอง เกิดคิดสงสารมันขึ้นมาเรอะยังไง ”
“ โอ้ ข้าแด่พระผู้เป็นเจ้า ” เด็กหนุ่มใส่กรอบแว่นสี่เหลี่ยมสีดำ ผิวขาวหน้าตาใสซื่อในชุดขาวคล้ายผู้แสวงบุญกล่าวต่อพระเจ้า “ ทำไมพวกเราถึงต้องโหดร้ายต่อเพื่อนร่วมโลกกันถึงขนาดนี้ด้วย ถ้าท่านยืนกรานที่จะยิงชายผู้นี้ต่อละก็ได้โปรดส่งวิญญาณของข้าไปแทนเพื่อเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้าเถิด หรือไม่เช่นนั้นก็นำปืนและแผนที่ของผมไปก็ได้ครับท่าน ”
“ เอาละๆ พอได้แล้ว ชั้นปวดหัว ” เด็กร่างเล็กเกาหัวแล้วหันไปยิ้มอย่างมีชัยกับเจ้าอีกอ“ เป็นไงจะยอมบอกทางออกให้พวกเราได้หรือยัง ไม่อย่างนั้นชั้นจะลองค้นตัวปีศาจอย่างแกดูว่าจะมีอะไรซ่อนไว้บ้าง ”
เท่าที่วาคิดเจ้าหนุ่มนี่กำลังอินกับเกมนี้เกินไปแล้ว หรือไม่อย่างนั้นก็อาจเป็นเขาเองที่ยังไม่รู้อิน แต่ที่เขารู้สึกได้ก็คือกำลังจะมีเรื่องไม่ดีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น จึงหันไปกระซิบบอกโซเฟีย ซึ่งบังเอิญกับที่ซอนมีกำลังจะเล็งปืนมาที่หลังเขาพอดี เธอจึงรีบทำเป็นหันหลังกลับไปดูลาดเลาให้
“ ระวังนะ รู้สึกเหมือนกำลังจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแล้ว ”
โซเฟียพยักหน้า รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน ส่วนซอนมีทำเป็นกล่าวตาม
“ ใช่ รู้สึกเหมือนว่าข้างหลังพวกเรามีบางอย่างกำลังมา ” เธอเหงื่อตกกลัวความจะแตกเรื่องที่เธอต้องการจะชิงแผนที่ทั้งหมดไป แต่แล้วเสียงประหลาดโหยหวนก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังจริงๆ
“ นะ นั่นมันเสียงอะไรกัน ” เด็กชายร่างเล็กกล่าว
“ นี่ต้องเป็นบทลงโทษของพระผู้เป็นเจ้าแน่ๆ พวกเราคงถึงคราวอวสานกันแล้ว ” โพผู้สุภาพกุมมือสวดอ้อนวอน
“ แกทำอะไรของแก ”
“ ฮิๆๆๆ ข้าบอกแล้วว่าถ้าข้าเป็นเจ้าข้าจะไม่ทำเช่นนั้น และนี่คือผลที่เมื่อเพลย์เยอร์ไม่เชื่อฟังผู้คุมกฎยังไงละ ” อีกอสีหน้าชั่วร้ายขึ้นมาอย่างน่ากลัว
เสียงร้องโหยหวนเริ่มดังขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้เหล่านักเรียนกลุ่มนั้นเริ่มหวาดหวั่นต่างพากันโทษเด็กหนุ่มร่างเล็กที่พลีพล่ามทำไม่ดีกับเจ้าอีกอ แต่ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว เมื่อดวงตาสีแดงหลายร้อยจุดปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือ เหล่าค้างคาวปีศาจ พร้อมกับเสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงที่แม้แต่พวกวายังต้องขนลุก เพราะถ้าเดาไม่ผิดนั่นต้องเป็นเสียงฝีเท้าของพวกโทรล์เป็นแน่ เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเดียว
“ พวกเราควรจะเผ่นกันได้แล้วนะคุณเด๋อ ” โซเฟียดึงแขนวา แต่เขาสีหน้านิ่งจับจ้องไปยังกลุ่มนักเรียนเบื้องหน้าที่กำลังแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด
“ ใช่รีบหนีกันเถอะ ” ซอนมีย้ำ แต่วายังคงนิ่งก่อนจะเอ่ยปาก
“ ตอนนี้ไม่มีที่ให้หนีแล้ว ” วากล่าวนักเรียนที่เบื้องหน้าเริ่มแตกกระจายกันไป “ ความจริงถ้าพวกนั้นปักหลักช่วยกันสู้ก็ไม่แน่ว่าจะสู้ไม่ได้ เพียงแต่คนพวกนั้นก็แค่กลุ่มคนเท่านั้น ส่วนพวกเราถ้าซุ่มอยู่ที่จุดนี้ก็อาจจะอาศัยจังหวะชุลมุนวิ่งเข้าประตูข้างหลังเจ้าอีกอได้ เพราะฉะนั้นพวกเธอรีบหมอบให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ซะ ”
ไม่เพียงแต่ซอนมีที่ตะลึงในความคิดความอ่านของวาที่ตัดสินใจได้เฉียบขาด โซเฟียเองก็เช่นกัน ทั้งสองจึงต้องยอมจำนนด้วยเหตุผลหมอบซุ่มตัวลงทำให้ไม่สามารถเห็นเหตุการณ์ที่เบื้องหน้าได้ นอกจากเสียโอดครวญที่ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ของนักเรียนที่พยายามจะวิ่งไปเข้าประตูเบื้องหลังเจ้าอีกอ ซึ่งมีโทรล์ร่างยักษ์ปรากฏขึ้นมาสองตัว
เด็กหนุ่มร่างเล็กขาสั่นด้วยความกลัว
“ เฮ้ย เพื่อนยาก เมื่อกี้ชั้นแค่ล้อเล่น ขะ ขอโทษ นะ ”
“ ฮิๆๆ มนุษย์ก็เป็นเสียอย่างนี้แหละ ชอบทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมยังไม่ชอบฟังใคร มันสายไปเสียแล้ว ตอนนี้เจ้ามีอยู่แค่สองทางเลือกคือ สู้ หรือวิ่งหนีให้สุดชีวิตเท่านั้น ” เจ้าอีกอชูนิ้วตาม “ หรือไม่อย่างที่สามก็คือ จงอ้อนวอนต่อพระเจ้าซะ แต่ข้าว่านั่นคงจะไม่มีประโยชน์หรอกนะ ”
“ แก ! ถ้าอย่างนั้นก็ขอเอาแกลงนรกไปด้วยละกัน ” เด็กหนุ่มร่างเล็กโกรธสาดกระสุนใส่เจ้าอีกอไม่ยั้ง แต่ดูเหมือนคราวนี้จะแตกต่างกันออกไป เจ้าอีกอกางผ้าคลุมสีดำที่ปกปิดร่างของมันออกมา เผยให้เห็นอาวุธปืนกว่ายี่สิบกระบอกอยู่ข้างใน
“ ข้าต้องเป็นคนที่พูดประโยคนั้นเสียมากกว่า เพราะตอนนี้ข้าก็อยู่ในนรกอยู่แล้ว ! ”
“ Farewell Stranger !!! ”
ในชั่วพริบตาเจ้าอีกอก็สาดกระสุนใส่ร่างของเด็กหนุ่มร่างเล็กไปกว่าสามสิบนัด จนในที่สุดเสียงชุดเกราะก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณเหมโอเวอร์ ก่อนที่น้ำหนักตัวจะเริ่มเพิ่มขึ้นจากแม่เหล็กของชุดเกราะส่งร่างของเด็กหนุ่มร่างเล็กล้มมลงกับพื้นอย่างหมดท่า
“ กะ แกเป็นใครกันแน่ ”
“ ข้าหรอ ข้าก็คือ จ้าวแห่งนรกเข้าวงกตอีกอยังไงละ ฮิๆๆๆ ” แต่ความสนใจของเจ้าอีกอก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อด้านหน้าโพผู้สุภาพยังคงคุกเข่าอ้อนวอนอยู่เช่นนั้น มันจึงเอ่ยปากถามเด็กหนุ่ม
“ ไม่คิดเลยว่าเจ้าก็สนใจวิธีการอ้อนวอนที่ข้าเสนอไปด้วย ความจริงข้าก็เห็นใจเจ้านะพ่อหนุ่มน้อย แต่บางครั้งโลกก็ไม่ยุติธรรมเช่นนี้แหละ ”
โพทำเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงสวดอ้อนวอนต่อไป ขณะที่โทรล์ร้างยักษ์สองตนค่อยๆเดินเข้ามาตน
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ” หลังจากสวดจบโพก็หันไปกล่าวกับเจ้าอีกอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบใสซื่อ ก่อนที่แววตาของเด็กหนุ่มจะเปลี่ยนไป ภายใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมแววตานั้นแฝงประกายรังสีฆ่าฟันสุดบรรยาย แม้ขนาดเจ้าอีกอยังต้องกลัว
“ ชื่อของท่านคือ จ้าวนรกแห่งเขาวงกตอีกอสินะ ” เด็กหนุ่มถาม
“ อืม และนั่นจะเป็นชื่อสุดท้ายที่เจ้าจะได้ยินในค่ำคืนนี้ ” เจ้าอีกอตอบ แล้วโบกมือลา เดินเข้าประตูไปอย่างไม่แยแส แต่ในส่วนลึกยังรู้สึกได้ถึงความกลัวที่ตนไม่เคยรู้สึกมาก่อนจากเด็กหนุ่มผู้ใส่ซื่อ
“ ไม่เป็นไรหรอก เพราะข้าจะหาท่านให้พบ และจะมอบทัณท์ทรมานที่สาสมให้ในภายหลัง ” โพกล่าวหลังจากร่างของเจ้าอีกอลับประตูเข้าไปแล้ว ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า “ อ่า เพราะโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมนี่เอง ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงจำเป็นต้องส่งข้ามาสินะ ”
โพกำชับปืนเลซอร์ในมือ พร้อมดันแว่นขึ้น
“ เข้ามาเลยเจ้าพวกปีศาจ เพราะข้านี่แหละคือ กฎ ! ”
“ I am the LAW !!! ”
แต่เจ้าปีศาจโทรล์ไม่สนใจคำพูดของเด็กหนุ่มหวดกระบอกยักษ์ที่ทำจากยางใส่อย่างไม่ปราณี
โพอาศัยจังหวะโยกตัวหลบวิ่งอ้อมไปด้านหลังของเจ้าปีศาจโทรล์ตัวแรกอย่างรวดเร็วก่อนจะสาดกระสุนเข้าที่จุดตายด้านหลังเพียงไม่กี่นัดเจ้าปีศาจก็ล้มลง ก่อนที่จะตัวที่สองจะตามไปติดๆ
‘ โครม ! ’
โพเงยหน้ายิ้ม รอยยิ้มของเขามีความสุขกับการเข่นฆ่าจนน่ากลัว พร้อมเดินไปยังร่างที่ล้มลงของเด็กชายร่างเล็กที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
“ แกเป็นใครกันแน่ ”
โพไม่ตอบแต่เหยียบมือของเด็กหนุ่มร่างเล็กจนต้องยอมแบมือออกจากปืนของเขา แล้วก้มลงหยิบปืน ขณะที่กำลังล้มหัวลงมาใกล้เขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นรอยยิ้มอันใสซื่อ
“ ข้านะหรือ ข้าก็คือ โพผู้สุภาพยังไงละครับ ”
“ ไอ้บ้าเอ๊ย ให้ชั้นออกไปได้ก่อนเถอะ แล้วแกจะต้องเสียใจที่ทำอย่างนี้กับชั้น ”
โพไม่สนใจเด็กหนุ่มร่างเล็กที่พร่ำด่าทอเขาอีกต่อไป เขาหันหลังให้กับประตูแล้วเดินตรงไปสู่หายนะที่เบื้องหน้า ที่มีค้างคาวปีศาจหลายร้อยตัวรออยู่ ท่ามกลางเหล่านักเรียนที่กำลังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน
โพวิ่งตรงรี่เข้าไปหานักเรียนชายคนแรกที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่กำลังโดนค้างคาวปีศาจสิบตัวรุมทำร้าย
“ ช่วยด้วยครับๆ ”
“ ไม่ต้องห่วงข้ามาช่วยแล้ว ” โพกระซิบจากนั้นยิงปืนเลเซอร์คู่ที่มาใส่ปีศาจค้างคาวรอบๆ เด็กหนุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือตาเป็นประกาย
“ ขะ ขอบคุณมากครับ ”
แต่ทันใดนั้นค้างคาวปีศาจที่ด้านหลังก็บินตรงรี่เข้ามายังร่างของโพ แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อโพจับร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นเข้ามาเป็นโล่กำบังแทน ก่อนที่ค้างคาวปีศาจอีกหลายสิบตัวจะรุมบินเข้ามาทำร้ายเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายนั่นจนพลังชีวิตหมด
“ เจ้าได้ทำประโยชน์ให้แก่โลกมนุษย์แล้ว สุดท้ายขออาวุธของเจ้าหน่อยนะ เพราะตอนนี้กระสุนของข้าหมดแล้ว ” โพชิงปินเลเซอร์จากเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายแล้วส่งปีศาจค้างคาวอีกสิบกว่าตัวลงหลุม
จากนั้นในเวลาไม่นานเขาก็จัดการกับปีศาจค้างคาวที่เหลือจนหมดสิ้น เพียงแต่วิธีการที่ใช้ในการจัดการกับพวกมันนั้นช่างอำมหิตยิ่งนัก เขาใช้ประโยชน์จากนักเรียนที่เหลือจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการยิงพวกเดียวกันเองเพื่อเอาอาวุธ หรือใช้เป็นโล่กำบัง
โพดูแผนที่จากร่างของนักเรียนทั้งหมดแล้วเก็บรวบรวมมา จริงอย่างที่เจ้าอีกอบอก เขาสามารถรวบรวมแผนที่ได้เพียงแค่สามส่วนเท่านั้น
ทางด้านพวกวาที่หมอบหลบอยู่นั้นไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงกรีดร้องของเหล่านักเรียนผู้โชคร้าย โซเฟียได้แต่ภาวนาให้พวกปีศาจไม่เห็นพวกหล่อน แต่ไม่นานนักหลังจากที่เสียงอาวุธปืนดังเป็นสายทุกอย่างที่ตกอยู่ในความเงียบ โดยวาเป็นคนแรกที่เริ่มเงยหน้าขึ้นจากพุ่มไม้มาดูเหตุการณ์ และสิ่งที่เขาเห็นก็คือ ร่างของเหล่านักเรียนที่ล้มนอนกันอย่างหมดสภาพ พร้อมกับเหล่าปีศาจ
‘ ใครเป็นคนจัดการกับปีศาจพวกนี้นะ หรือว่าทั้งหมดช่วยกันสู้จนตายกันหมดทั้งสองฝ่าย ’
ขณะกำลังสงสัยที่เบื้องหน้า เขาก็เห็นร่างของเด็กหนุ่มในชุดคลุมสีขาวคล้ายนักบุญยืนอยู่ท่ามกลางเหล่านักเรียนที่นอนหมดสภาพ และกำลังจะเดินเข้าไปยังประตู
วาจึงเอ่ยปากร้องเรียก
“ เฮ้ นาย ”
โพหันขวับด้วยความตกใจพร้อมเล็งปืนมายังตนเสียงอย่างรวดเร็ว แต่วาชูมือทั้งสองข้าง
“ อย่ายิงนะ นี่พวกเดียวกัน ”
‘ เอายังไงดีนะ ยังมีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่อีกหรอ ’ โพคิดสีหน้าแฝงแววเข่นฆ่าขึ้นมา แต่วาไม่สามารถสังเกตเห็นได้จากระยะไกล แต่ก่อนที่โพจะตัดสินใจยิงออกไปเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ ถ้าคิดจะยิงเจ้าหมอนี่ นายได้ลงไปนอนแน่ ” ซอนมีที่ไม่ทราบวิ่งออกจากพุ่มไม้ไปเมื่อไหร่ เล็งปืนเลเซอร์ไปยังโพจากด้านข้าง
โพแสยะยิ้มชั่วร้าย ตัดสินใจที่จะจัดการกับวาและซอนมีให้ราบคาบ
‘ เจ้าพวกนี้ต้องกำจัดให้หมด ! ’
“ อย่ายิงนะ ! ” โซเฟียร้อง ยืนขึ้นจากพุ่มไม้ด้านหลังวา ทันใดนั้นท่าทางของโพก็เปลี่ยนไป
‘ นะ นั่นมันรุ่นพี่โซเฟีย อัศวินเพลิง ! ’ มือไม้ของโพสั่นระริก แล้วรีบลดปืนเลเซอร์ลง
ซอนมียังคงเล็งปืนอยู่อย่างนั้น เธอรู้สึกไม่ไว้วางใจเด็กหนุ่มคนนี้เสียยิ่งกว่าตัวเธอเองซะอีก
“ ขะ ขอโทษด้วยครับ ผมตกใจไปหน่อย ” โพทำหน้าใสซื่อแล้วคุกเข่าลง “ โอ้ พระผู้เป็นเจ้าใยถึงได้โหดร้ายต่อพวกเราเช่นนี้ ”
วากวาดสายตาไปรอบๆเมื่อแน่ใจว่าพวกปีศาจตายไปหมดแล้ว จึงเดินเข้าไปบนไหล่โพ
“ ไม่เป็นไร ว่าแต่นายรอดมาได้ยังไงกันเนี่ย ”
“ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เมื่อสักครู่นี้ผมวิ่งไปซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้ พอรู้ตัวอีกทีทุกคนก็ตายกันไปหมดแล้ว ” ถ้าวาคิดไม่ผิดเด็กหนุ่มคนนี้มีอาการกลัวจนตัวสั่นจนน่าสงสารเสียด้วย
“ เอาน่าอย่างน้อยก้ยังดีที่นายรอดมาได้ จากนี้มากับพวกเราก็แล้วกัน ”
“ จริงหรอครับ ” โพตาเป็นประกายเงยหน้าขึ้น
“ จ๊ะ ” โซเฟียยิ้มให้ ทำให้โพตัวแข็งเป็นหินไปครู่หนึ่ง
‘ อ่า รุ่นพี่โซเฟียทำไมถึงสดใสได้ขนาดนี้นะ ในที่สุดพระผู้เป็นเจ้าคงจะเห็นใจถึงได้ส่งคุณมาให้เจอกับผมในที่แบบนี้สินะ ’
โพนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ตนได้แต่แอบมองรุ่นพี่โซเฟีย ตั้งแต่เข้าเรียมาเขายังไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เข้าใกล้เธอในระยะเกินกว่าห้าเหตุด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะทุกครั้งที่เขาพยายามจะเข้าใกล้เธอก็หายไปเสียแล้ว ซึ่งความจริงเป็นเพราะเขาเขินจนมัวแต่หลบตามองพื้นเองต่างหาก
แต่ครั้งนี้รุ่นพี่โซเฟียที่เขาแอบปลื้มกลับมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าราวกับปาฏิหาร์ยดังนั้นโพจึงลืมเรื่องที่คิดจะกำจัดพวกวาไปชั่วขณะ หรือเรียกได้ว่าทำตัวไม่ถูกนั่นเอง
“ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆครับ ” โพก้มหัวให้ราวกับพวกผู้ต่ำต้อยในหนังทั่วๆไป
“ แหะๆ ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกจ๊ะ ลุกขึ้นได้แล้ว พวกเราควรรีบเดินทางต่อก่อนที่จะมีอะไรประหลาดๆโผล่มาอีก ”
วาแอบขำ ‘ อะไรประหลาดที่ว่านี่รู้สึกว่า ยิ่งเดินทางก็จะยิ่งเจอนะเนี่ยคืนนี้ ’
“ เฮ้ จะมัวสนทนากันอีกนานไหม มาช่วยชั้นเก็บแผนที่จากเจ้าพวกนี้หน่อย ” ซอนมีบ่น เดินเก็บแผนที่ที่ตกกระจัดกระจายเกลื่อกลาดอยู่ตามพื้นจากนักเรียนทั้งหลายที่ทำตกระหว่างวิ่งหนี
“ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเก็บแผนที่บางส่วนมาไว้แล้วครับ ” โพยิ้มเป็นประกายแล้วมอบแผนที่อีกสองส่วนให้วาและโซเฟีย ส่วนซอนมีจุ๊ปากอย่างหงุดหงิดแล้วเดินหาแผนที่เอง
“ คุณซอนมีหรอคะ ” เสียงจากหนึ่งในนักเรียนที่นอนอยู่ไกลออกไปจากบริเวณที่พวกวายืนอยู่กล่าวกับซอนมี ซึ่งทำให้สีหน้าของเธอต้องเปลี่ยนไป เพราะนั่นเป็นหนึ่งในสมาชิกวงสตอเบอรี่ชีสเค้ก ‘ แทมมี่มือคีย์บอร์ด ’
“ แทมมี่ ทำไมเธอถึง… ”
“ อย่าหันหน้ากลับไปนะคะ แล้วก็อย่าทำตัวมีพิรุธด้วย” แทมมี่ส่งสายตาจริงจัง “ คุณซอนมีฟังชั้นให้ดีนะคะ พวกนักเรียนที่เกมโอเวอร์ไม่ได้ถูกโจมตีจากพวกปีศาจเพียงอย่างเดียว แต่มีชายในชุดขาวคนหนึ่งใช้พวกเราเป็นโล่หรือยิงพวกเราเพื่อเอากระสุน และชั้นคิดว่าน่าจะเป็นคนที่คุณซอนมีเล็งปืนใส่เมื่อสักครู่นี้คะ ”
ซอนมีเหงื่อตก แต่ก็อดจุ๊ปากตามความเคยชินไม่ได้
“ ปล่อยไว้ไม่ได้จริงๆด้วยเจ้านั่น ”
“ คุณซอนมีต้องระวังนะคะ ฝีมือของชายคนนั้นไม่ธรรมดาเลย ถึงจะเป็นคุณซอนมีก็คงเอาชนะเขาไม่ได้ ต้องรอโอกาสที่เขาเพลอแล้วรีบจัดการซะ ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อคุณและเพื่อนๆด้วย ”
“ เพื่อนๆหรอ แค่คนที่เจอระหว่างทางน่ะ แต่แทมมี่แล้วคนอื่นละ ” ซอนมีมีสีหน้าเป็นกังวล
“ ไม่ต้องห่วงพวกนั้นหรอกค่ะ ถ้าเจสซี่กับเจย์ละก็น่าจะอยู่ตรงทางไปถ้ำปีศาจมากกว่า เอาละคุณซอนมีรีบไปได้แล้ว แผนที่ของชั้นเป็นแผนที่ส่วนที่สามน่าจะพอเป็นประโยชน์ได้บ้าง อย่าให้เจ้านั่นจับได้นะคะว่าคุณซอนมีรู้ความลับเรื่องนี้เข้า ”
“ ขอบใจนะมากแทมมี่ แล้วชั้นจะชนะเกมนี้แทนในส่วนของเธอเอง ”
หลังจากเก็บรวบรวมแผนที่ได้ครบสามส่วนซอนมีก็เดินมารวมกลุ่มกับพวกวา
“ เอาละพวกเราไปกันเถอะครับ เหล่าพันธมิตรแห่งแสงสว่างผู้ที่ได้รับเลือกแล้วว่าจะเป็นผู้ปลิดชีพท่านเค้าท์ ”
โพถือโอกาสตั้งชื่อกลุ่มซึ่งวาคิดว่านั่นก็ฟังดูไม่เลวทีเดียว แต่ก่อนจะหันหลังเดินตาของเขาได้ประสานเข้ากับซอนมีเข้า สายตาคล้ายกำลังจะอ่านความคิดของซอนมี
“ อย่าไปกับมันนะ ! ” เสียงตะโกนดังขึ้นจากเด็กหนุ่มร่างเล็กที่อยู่ใกล้ประตูที่สุด “ มันเป็นคนที่ทำให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้ ”
แต่โพทำหน้าสงสัย ราวกับไม่เคยเจอเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน
“ อย่าไปสนใจชายคนนั้นเลยครับ เขาเป็นคนเริ่มยิงอีกอก่อน ทำให้ทุกคนต้องเป็นแบบนี้ เขาคงจะอยากให้พวกเราเกมโอเวอร์ไปด้วย ”
จากคำพูดของโพ และเหตุการณ์ที่วาและพวกโซเฟียเห็นก็เป็นเช่นนั้นจริง ดังนั้นทั้งสองเลยไม่สนใจและเดินหน้าต่อไป มีเพียงซอนมีเท่านั้นที่รู้ความลับทั้งหมด ทว่าเธอไม่สามารถบอกกับพวกวาได้ และก็ไม่มีเหตุผลด้วยที่เธอจะต้องช่วยพวกวา
ย้อนไปหลังจากเสียงนาฬิกาดังขึ้นครั้งแรกประมาณสี่สิบนาที ทุกอย่างรอบโรงเรียนก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว ไม่เว้นแม้แต่ห้องพยาบาลที่แสนอบอุ่น
เบต้าสะดุ้งตื่นขึ้นหลังจากหลับไปตั้งแต่เข้ามารักษาขาของเขา โชคยังดีที่อาการไม่รุนแรงนัก แค่ขาแพลงเฉยๆเท่านั้น แต่ด้วยความอ่อนเพลียทำให้เขาเผลอหลับไป และกว่าจะรู้ตัวนี่ก็เป็นเวลาเริมเทศกาลฮาโลวีนเสียแล้ว
ตอนนี้เขามีสองทางเลือกคือ นอนต่อให้ถึงเช้าในห้องพยาบาล หรือกลับหอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โปรแกรมในสมองของเขาบอกเช่นนั้น
หลังจากเดินไม่กี่ก้าวเขาก็รู้สึกว่าขาของเขาค่อนข้างจะปกติแล้ว แต่ก็คงจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาไต้องใช้มันมากนัก
“ ตื่นแล้วหรอจ๊ะ ความจริงอาจารย์ว่าจะปลุกเธอแล้วกลัวเธอจะพลาดงานเทศกาลไป ” อาจารย์สาวใส่แว่นตากรอบใสในชุดแพทย์สีขาวยิ้มให้กับเบต้า ทำเอาเขาเขินขึ้นมา
จริงๆแล้วอาจารย์คนนี้มีชื่อว่า เลิฟ และกำลังเป็นที่ร่ำลือในหมู่นักเรียนว่าเป็นอาจารย์สาวสวยเพียงคนเดียวในห้องพยาบาลที่น้อยครั้งนักจะมีใครได้เห็นเธอ เพราะเธอเป็นนักเรียนแพทย์ที่เพิ่งเข้ามาฝึกงาน ดังนั้นจึงมีเวลาไม่ค่อยแน่นอนนัก
เธอบิดขี้เกียจอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์
“ อาจารย์กำลังจะกลับพอดี แต่ก็แอบอิจฉาพวกเธอเหมือนกันนะ ถ้าอาจารย์มีโอกาสได้เล่นด้วยบ้าง อาจารย์ต้องไม่พลาดแน่ ” เธอยิ้มให้กับเบต้าที่สมองกลกำลังลัดวงจร
อาจารย์เลิฟเอียงคออย่างสงสัยที่เห็นเบต้าเงียบ เธอคิดว่าคงเป็นอาการของเด็กที่เพิ่งตื่นและกำลังเสียใจที่อดเล่นเกมวันฮาโลวีนเพราะขาแพลง ดังนั้นเธอบอกให้เบต้ารออยู่ตรงนั้นแล้วเดินไปหยิบอะไรบางอย่างมาให้
“ เอานี่ อาจารย์เก็บมาเผื่อเธอ ” เธอยื่นชุดเกราะพร้อมกับปืนเลเซอร์ให้เบต้า ซึ่งเบต้ารับมันมาโดยไม่ได้ใช้สมองส่วนซีรีบรัม
“ ขอบคุณครับ ”
“ ไม่เป็นไรจ๊ะ อาจารย์เข้าใจ ส่วนเรื่องขาก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ถ้าเธออยากจะเล่นก็เล่นได้เลยเต็มที่ แค่อย่าเพิ่งวิ่งเท่านั้นก็พอ ”
เธอยิ้มสดใสอีกครั้ง
“ แต่ถ้าเธอรู้สึกว่ายังไม่อยากเดิน หรือว่ากลัวก็ไม่เป็นไรหรอกนะ จะนอนพักที่นี่ต่อก็ได้ อีกเดี๋ยวอาจารย์แอนตี้ก็จะมาเข้าเวรแทนแล้วละ ”
ทันทีที่เบต้าได้ยินชื่ออาจารย์แอนตี้ก็ต้องมีสีหน้าเปลี่ยนไป เธอคือตำนานแห่งห้องพยาบาลที่ว่ากันว่าเป็นสาเหตุให้นักเรียนชายทั้งหลายหายป่วยเร็วที่สุด นอกจากนี้หากมีนักเรียนคนไหนทำท่าจะแกล้งป่วยเพื่อนอนอยู่ชั่วโมงเรียนแล้วละก็ ตำนานเรื่องลี้ลีบสยองขวัญมากกว่าก็จะออกมาจากปากเธอชนิดที่เรียกได้ว่า หากไม่รู้สึกกลัวในตอนนี้ ตอนกลางคืนก็ไม่เคยได้ยินว่ามีนักเรียนคนไหนหลับได้เลยในสามคืนแรก
เบต้ากลืนน้ำลายเอือก
“ ไม่เป็นไรครับ ผมอยากออกไปเล่นอยู่แล้ว ”
“ ต้องอย่างนี้สิ ” เลิฟชูนิ้วโป้งให้กำลังใจเบต้า “ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวอาจารย์แอนตี้จะให้คะแนนประเมินอาจารย์ต่ำเพราะว่าให้เธอออกไปเล่นข้างนอกตอนยังไม่ค่อยหายดี ”
เบื้องนอกเบต้าได้สัมผัสกับความหนาวเหน็บ แต่เพราะอาจารย์เลิฟเดินออกมาพร้อมกับเขาทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรถึงมันมากนักในตอนนี้
“ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ไปก่อนนะ ” เธอโบกมือลาเบต้า ราวกับอยู่ในมนต์สะกด เบต้ายืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะรู้ตัวอีกทีว่าบริเวณที่เขาเดินมาส่งเธอเป็นบริเวณโรงอาหาร
เมื่อคิดขึ้นได้เบต้าก็รู้สึกขอบคุณตัวเองที่ไม่ได้เดินไปส่งอาจารย์ถึงหน้าโรงเรียน ซึ่งความจริงมันควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะหอนักเรียนอยู่ทางทิศนั้น แต่เบต้ากลัวจะถูกอาจารย์เลิฟแซวจึงแกล้งทำเป็นขอแยกตัวก่อน
และในทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่เขาหลีกหนีมันมาโดยตลอด เสียงลมพัดท่ามกลางความเงียบกริบชวนให้เขาต้องผวา ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็มีแต่ความว่างเปล่า
‘ นี่พวกนักเรียนคนอื่นๆหายไปไหนกันหมด หรือว่าเรากำลังฝันอยู่ ’
เบต้าพยายามตั้งสติ นี่ไม่ใช่ความฝันแน่นอน มีเพียงการ์ตูนหรือนิยายเท่านั้นที่จะใช้มุขอย่างนี้ เพราะจะมีใครบ้างที่แยกไม่ออกระหว่างฝันกับความจริงกัน ดังนั้นเบต้ากระชับปืนเลเซอร์ในมือพร้อมสวมชุดเกราะเพราะไม่อยากถือให้เป็นภาระ บางทีเขาอาจจะจำเป็นต้องใช้มันก่อนจะถึงหอ
‘ แฮ่ก แฮ่ก ’
ซิลเวียร์วิ่งหนีปีศาจค้างคาวที่บินตามเธอมา หลังจากที่เธอเลือกเข้าประตูบานเดียวกับโซเฟียทุกอย่างก็เริ่มแย่ลง นอกจากที่เธอจะไม่เจอวี่แววของโซเฟียแล้ว หลังจากเปิดประตูไปสองสามบาน และเลือกทางไปถ้ำค้างคาวที่มืดแบบสุดๆ ซึ่งมีเพียงแต่คบไฟจำลองที่เก็บได้ระหว่างทางในมือของเธอเท่านั้นที่ช่วยให้เธอยังพอมองเห็นอะไรได้บ้าง และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าพวกค้างคาวบินตามมาทำร้ายเธอได้พักหนึ่งแล้ว
‘ ปิ้ว ปิ้ว ! ’
เธอหันไปยิงค้างคาวปีศาจสองตัว แต่ไม่โดนเลยสักนัด ความจริงเธอไม่ค่อยถูกกับอาวุธพวกนี้สักเท่าไหร่ โชคดีที่ฝีเท้าของเธอไม่เป็นรองพวกมัน หลังจากตัดสินใจวิ่งอย่างสุดชีวิตเธอก็หนีพ้นมาจากพวกมัน ที่เบื้องหน้าหลังโขดหินจำลองภายใต้ถ้ำอับชื้นมีช่องอยู่ดูแล้วน่าจะพอเป็นที่ซ่อนตัวได้บ้าง ดังนั้นเธอตัดสินใจพักเหนื่อยในช่องนั้น
‘ รอดจนได้ รู้อย่างนี้น่าจะใช้มีดพกจัดการมันซะเลย ’ เธอกว่าจะรู้ตัวอีกทีเธอก็พบว่าได้ทำมันหล่นกลางทางขณะวิ่งหนีไปเสียแล้ว เธอหลับตาปี๋อยากจะกรีดร้องแต่ก็พยายามควบคุมตัวเองไว้ เมื่อความเหนื่อยชนะเธอก็เอนหลังเข้ากับผนังโพรง
ขณะที่กำลังนั่งพักเหนื่อย เธอก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่สั่นสะเทือนจากด้านในถ้ำ เสียงอะไรบางอย่างกระทบกันดังถี่จนน่ากลัว ทำเอาเธอขนลุก
‘ ไม่นะ อย่าบอกนะว่าเป็นพวกปีศาจกะโหลกพวกนั้นอีก ’
พอคิดที่จะวิ่งหนีแสงไฟสีแดงจากด้วยตาของปีศาจค้างคาวก็ลอยมาจากระยะไกล ทำให้เธอรีบกดสวิทช์คบเพลิงจำลองเพื่อปิดมันลง แล้วรีบคลานเข้าไปในโพรง แม้เสียงประหลาดนั้นจะน่ากลัวและอยู่ในความมืดมิดกว่า แต่รู้สึกดีกว่าหากต้องเกมโอเวอร์เพราะปีศาจกะโหลกไม่ใช่เพราะพวกค้างคาวโง่ๆพวกนี้
ในที่สุดเธอก็คลานเข้ามาถึงต้นตอของเสียง พวกมันไม่ใช่ปีศาจกะโหลกแน่ๆ เพราะขาที่โผล่ออกมาจากความมืดด้านในนั้นเป็นขาที่มีเนื้อหนัง ทั้งยังสวมรองเท้าลำลองอีกด้วย แต่เจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนี้มีสี่ขาเท่านั้นเอง
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีดวงตาสีแดงสองดวงที่คล้ายกับพยายามซ่อนตัวจากเธออยู่
ซิลเวียร์เตรียมพร้อมที่จะสู้กับสิ่งมีชีวิตประหลาดนั่น ถ้ามันจะบุกเข้ามาโจมตีเธอก่อน แต่ถ้าไม่เธอจะรอพวกค้างคาวบินไปให้หมดเสียก่อนแล้วค่อยแจ้นหนีออกไป
แต่สิ่งมีชีวิตประหลาดหดขาทั้งสี่เข้าไปในความมืด จากนั้นมีเสียงอำอึงดังมาจากด้านใน ซิลเวียร์เล็งปืนไปทางมันพร้อมตัดสินใจยิงใส่อย่างไม่คิดชีวิต
“ เฮ้ยๆๆๆ ”
เสียงร้องดังมาจากด้านใน เป็นเสียงของชายและหญิง
‘ คราวนี้เป็นอมนุษย์ชายหญิงงั้นหรือเนี่ย ’
“ หยุดนะ อย่ายิง ” เสียงตะโกนดังขึ้น แต่ซิลเวียร์ไม่สนใจระดมยิงกระสุนทั้งหมดไปยังเจ้าสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวในความมืด
ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ซิลเวียร์เบาลมออกจากปากคิดว่าคงจะสามารถจัดการมันได้แล้ว แต่ไม่ทันไรก็ต้องพบว่าผิดคาดเมื่อแสงไฟปรากฏขึ้นพร้อมกับดวงตาสีแดงที่พุ่งเข้ามาหาเธอ
“ เธอก็ไปก่อนสิ ! ” เสียงผู้ชายตะโกนแล้วเงามืดก็พุ่งเข้าใส่ร่างซิลเวียร์ ร่างของทั้งสองสะดุดล้มลงกับพื้น ก่อนที่แสงไฟอีกอันจะปรากฏขึ้นตามหลัง
“ เป็นอะไรหรือเปล่า ” เสียงผู้หญิงตะโกนถาม เจ้าของเสียงนั้นเดินเข้ามาชูไฟมายังเธอ
“ อ้าว ซิลเวียร์ ” เสียงนั่นกล่าว ซึ่งถ้าซิลเวียร์จำไม่ผิดนั่นคือ วีวี่ ส่วนร่างที่นอนทับเธออยู่ก็คือ มิว
ซิลเวียร์กรีดร้อง เตะมิวกระเด็นออกไป
“ โธ่เว้ย ยัยเด็กบ้า ยิงมั่วซั่วแล้วยังทำร้ายร่างกายอีก ” มิวบ่น
“ หนูฟ้องพี่โซแน่ ” ซิลเวียร์ดูเสียขวัญ “ ร่างกายนี้ต้องถูกย่ำยีเสียแล้ว หนูขอโทษนะคะพี่โซ ฮือๆๆ ”
“ เฮ้ๆ หยุดร้องได้แล้ว เดี๋ยวพวกมันก็โผล่มาหรอก ” มิวไม่สนใจคำพูดของซิลเวียร์
“ ใช่จ๊ะ หยุดร้องเถอะนะจ๊ะคนดี ” วีวี่ปั้นหน้ายิ้มเหมือนแม่พระพร้อมกับเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ไหลลงมาด้วยความกลัวว่าจะมีพวกปีศาจโผล่มาอีก หลังจากที่เธอและมิววิ่งหนาเป็นชุดสุดท้ายทั้งคู่ก็จับผลัดจับพลูมาเจอกันอีกครั้ง ซึ่งวีวี่เป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาซ่อนตัวในนี้ก่อน แต่ที่พวกเธอไม่เจอซิลเวียร์ระหว่างทางเป็นเพราะว่าทั้งสองหลีกเลี่ยงเสียงทุกอย่างที่ได้ยิน และจากการเลือกทางเดินที่ลัดกว่าทำให้ทั้งคู่น้ำหน้าซิลเวียร์ที่มัวแต่มองหาโซเฟีย
‘ ตึง ตึง ตึง ! ’
ดูเหมือนสิ่งที่ทั้งสามหวาดกลัวจะเกิดขึ้นแล้ว เมื่อเสียงฝีเท้าบางอย่างดังขึ้นที่เบื้องหน้าของถ้ำขนาดเล็ก
“ พวกมันหาเราจนเจอแล้ว ” มิวกล่าวเสียงเรียบสงบ พร้อมยิ้มภายใต้แสงไฟจำลองด้วยมาดเท่ห์ แล้วหันไปยิ้มให้กับซืลเวียร์และวีวี่ ขณะที่บางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาหาพวกเขา
“ ขอโทษนะสาวน้อยทั้งสอง แต่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม พวกเธอวิ่งกันได้เร็วแค่ไหน ”
ไม่มีเสียงตอบจากทั้งคู่
“ นี่ไม่ใช่เวลามาทำเท่นะ รีบหนีเร็วเข้า ” วีวี่บอก แต่มิวกระชับปืนเลเซอร์ในมือขึ้นมา
“ ถ้าจะมีสักคนหนึ่งต้องเสียสละชีวิต เราขอทำหน้าที่นั้นเอง เอาละ ขอล่วงหน้าไปก่อนก็แล้วกันนะ ”
จากนั้นมิวก็เก็บปืนเลเซอร์และถือคบเพลิงวิ่งเข้าหาปีศาจโทรล์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับสไลด์ตัวลอดหว่างขาของมันราวกับหนูที่มุดลงท่อ จนซิลเวียร์กับวีวี่ต้องอ้าปากค้าง
“ รอดละโว้ยยยย ฮ่าๆๆ ” มิวโห่ร้องหลังจากใส่เกียร์หมาเป็นผลสำเร็จ นี่คือหน้าที่ที่ว่าใช่ไหม
‘ อีตานี่นั่นละสมควรจะตายมากที่สุด ! ’
ปีศาจโทรล์เข้ามาใกล้ซิลเวียร์กับวีวี่ขึ้นทุกที ทั้งสองมองหน้ากัน และโดยไม่ต้องบอกกล่าว ซิลเวียร์และวีวี่ก็ตัดสินใจวิ่งฝ่าเจ้าปีศาจโทรล์ไปเช่นกัน
ความคิดเห็น