ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #12 : บทเรียนที่ 11 จี ดาบคลั่ง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.99K
      84
      10 พ.ค. 47

                                           บทเรียนที่ 11      จี ดาบคลั่ง









                   วันเวลาผ่านไปเร็วปานจะดม   หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปแล้วนับตั้งแต่วันที่วามีเรื่องกับเซต       ตั้งแต่วันนั้นวาก็ไม่ได้ถูกใครหาเรื่องอีกเลย    และก็เป็นที่น่าแปลกที่วากับไซโคร แนช นั้นยังไม่ได้เจอกันเลย              



                   วารู้สึกดีใจมากที่เขาไม่ต้องถูกคนมาหาเรื่องอีก      ส่วนเซตนั้นก็ไม่ได้เข้ามาตามตื้อกับโซเฟียอีกนับตั้งแต่วันนั้น  นับว่าน่าแปลกใจอย่างยิ่ง                หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้วาได้รู้อะไรหลายๆ อย่างมากยิ่งขึ้น  อย่างเช่น    เขาเองก็เพิ่งรู้ว่า ที่นี่ให้นักเรียนหยุดเรียนได้แค่วันอาทิตย์วันเดียวเท่านั้น ซึ่งในวันอาทิตย์นักเรียนสามารถออกไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ตามสบาย             วาเองก็เคยยังสงสัยว่า  แล้วอย่างนี้จะไม่มีพวกโดดเรียนหรอ       “ ที่นี่ไม่มีใครเขาโดดเรียนกันหรอกนะ  ถึงแม้จะมีพวกหาเรื่องชาวบ้านเยอะก็ตามที ”      มิวเป็นคนไขข้อสงสัยให้วา   ตอนที่กำลังซ้อมวงดนตรีกันอยู่      



                     เรื่องการซ้อมวงดนตรีนั้นเป็นไปได้ดีกว่าที่วาคิดมาก     ในการนัดซ้อมวันแรกของอาทิตย์ที่แล้ว    เขาเพิ่งได้เห็นว่า  เพื่อนๆของเขาแต่ละคนนั้นฝีมือไม่ธรรมดาเลยทีเดียว          และเขาก็เพิ่งได้รู้ว่า   มิวเป็นหนึ่งในห้าเทพดนตรีของโรงเรียน       เทพดนตรีในที่นี้หมายถึง   นักเรียนที่เล่นดนตรีได้เก่งมาก  จนทุกๆคนต่างเรียกกันว่า เทพ นั่นเอง       ก็น่าแปลกใจอีกเหมือนกันที่วงเทพของมิวนั้นมีเซตรวมอยู่ด้วย              



                    วงดนตรีเทพของมิวประกวดวงดนตรีชนะทุกปี   ซึ่งประกอบไปด้วย      มือกีต้าร์เทพก็คือ มิว     นักร้องเทพคือ เซต    ที่น่าแปลกใจอีกอย่างก็คือ พิชากิ ก็คือก ลองเทพด้วย      วาได้ยินมาว่าพิชากิสามารถเหียบกระเดื่องในเวลาหนึ่งห้องดนตรีได้รวมกัน 8 ครั้งเลยทีเดียว        ส่วนมือเบสเทพก็มีความสามารถไม้แพ้กัน  เขาสามารถเล่นบสได้โดยใช้นิ้วขวาทั้งห้าของเขา  ซึ่งปกติคนทั่วไปเขาเล่นกันแค่สองนิ้วเท่านั้น    และปิดท้ายด้วยที่แปลกที่สุดก็คือ  คีย์บอร์ดเทพนั่นเอง  ฟังว่า คีย์บอร์ดเทพผู้นี้มีคีย์บอร์ดประจำตัวที่ไม่เหมือนใคร      เนื่องจากคีย์บอร์ดของเขานั้นเป็นวงกลมล้อมรอบตัวผู้เล่น       ซึ่งเวลาเล่นคีย์บอร์ดธรรมดาก็ยากอยู่แล้ว แต่นี่ถึงกับต้องหมุนตัวไปๆมาๆอีกด้วย   นับว่ามีฝีมือเลยทีเดียว  





                       ในการซ้อมวงนั้นทำให้วาได้รู้อะไรเพิ่มมาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ห้องซ้อมดนตรีที่โรงเรียนนี้มีด้วยกันหลายห้องเลยทีเดียว    ทำให้นักเรียนทุกคนหมดปัญหาในการแย่งซ้อมวงกัน                   การประกวดวงนั้นมีหลายรอบด้วยกัน  ซึ่งกติกาการเลือกเพลงในแต่ละรอบก็จะแตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน       โดยรอบคัดเลือกนั้นจะเริ่มขึ้นในอีกสามอาทิตย์ถัดไป            



                    

                        วาได้โชว์พลังเสียงของเขาให้เพื่อนๆได้ฟังกัน  ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้พวกของเขาผิดหวังเลยทีเดียว        เบต้านั้นมีฝีมือในการตีกลองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวันไหนที่เขาเครียดกับการเรียนในห้องเรียนมากๆ  ห้องซ้อมนั้นเรียกได้ว่า  แทบจะระเบิดเลยทีเดียว   เพราะการตีกลองอย่างบ้าคลั่งของเบต้านั่นเอง           เบต้า ดูยังไงก็ยังเหมือนหุ่นยนต์อยู่ดี   เวลาที่เขาเครียดแล้วมาตีกลองช่างเหมือนกับหุ่นยนต์ที่โปรแกรมรวนเลยทีเดียว    

                       ส่วนเสือใบ้นิคนั้นแม้จะผ่านไปนานเท่าไหร่ เขาก็ยังคงไม่พูดอีกเช่นเคย  หรือเรียกง่ายๆว่าแทบจะไม่ได้อ้าปากเลยทีเดียวถ้าไม่ใช่เวลากินข้าว       เสือใบ้นิคนั้นก็มีฝีมือในการเล่นเบสได้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว     เสียงเบสที่เล่นออกมาแต่ละครั้ง  ฟังดูแล้วหนักแน่นดีมาก    ทำให้วงดนตรีของวาฟังแน่นขึ้นไปอีกเยอะเลยทีเดียว            

                      ถัดมาอีกคนหนึ่งก็คือ มือคีย์บอร์ดประจำวงเก็นโซ นีโอนี่เอง     ด้วยความที่เป็นคนเคร่งขรึมและมีสติ    ทำให้เสียงที่ออกมาจากการเล่นคีย์บอร์ดของเขานั้นชวนหลงใหลไปตามๆกัน           คนต่อไปที่น่าจับตามองก็คือ  คณะกรรมการนักเรียนหรือว่าที่หัวหน้าห้อง โซเฟียนั่นเอง       เธอมีหน้าที่ในการเล่นกีต้าร์ด้วยการตีคอร์ดโดยยกหน้าที่การเล่นกีต้าร์โซโลให้มิวนั่นเอง            ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้หญิงที่เล่นกีต้าร์ได้เก่งขนาดนี้มาก่อน     มันทำให้วาและทุกคนต้องอึ้งไปเลยทีเดียว  ฝีมือของโซเฟียนั้นเรียกได้ว่า  ระดับสูงเลยทีเดียว      แต่ที่น่าจับตามองอีกคนหนึ่งและขาดไม่ได้เลยทีเดียวก็คือ มิว              เรียกได้ว่า มิว นั้นเป็นเสาหลักของวงเลยก็ว่าได้   เพราะฝีมือของมิวนั้นทุกคนก็ต่างยอมรับว่าอยู่ในระดับเทพเลยทีเดียว         ความสามารถในการเล่นกีต้าร์ของมิวนั้นน่าทึ้งมาก        ราวกับว่าเขาสามารถทำให้กีต้าร์มีชีวิตแล้วมาร้องเพลงให้ฟังเลยทีเดียว         จึงทำให้การซ้อมวงดนตรีนั้นเป็นไปได้สวยเลยทีเดียว      





                      

                      และอีกเช่นกันไม่ใช่แค่การซ้อมวงดนตรีอย่างเดียว     วายังต้องเตรียมการแข่งปิงปองระหว่างสถาบันด้วย       ทำให้เขาต้องไปซ้อมเล่นปิงปองที่ห้องชมรมปิงปองทุกวันหลังจากเลิกซ้อมวงดนตรีแล้ว      เป็นเวลาอย่างน้อยวันละ 2-3 ชั่วโมง     ซึ่งกว่าที่วาจะไปพักผ่อนก็ปาเข้าไปเป็นเวลาสองทุ่มกว่าๆ เลยทีเดียว     แต่ก็เป็นที่น่าแปลกที่วาเองกลับไม่มีอาการเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย    ในทางกลับกันเขาดูจะมีความสุขมากกว่าจะเบื่อเสียอีกต่างหาก              



              

                      ในการไปซ้อมปิงปองทุกครั้งนั้นดูเหมือนว่า  ระรินจะอยู่คอยดูวาซ้อมทุกวันเลยทีเดียว     และวาก็ได้มีโอกาสรู้จักกับระรินมากขึ้น           ทำให้วาได้รู้ว่า ระรินก็มีฝีมือในการเล่นปิงปองได้เก่งกว่าผู้ชายบางคนเป็นอย่างมาก     แต่วาก็ไม่ค่อยได้เล่นกับเธอสักเท่าไหร่นัก      เพราะต้องซ้อมการตีปิงปองกับโซลีนและพรีสไซ  ซึ่งจะเป็นตัวจริงในการลงแข่งปิงปองระหว่างสถาบัน            



                       การแข่งขันปิงปองระหว่างสถาบันนั้นแต่ละสถาบันสามารถส่งทีมที่เข้าแข่งขันได้แค่ทีมเดียวเท่านั้น   และแต่ละทีมมีจำนวนผู้เล่นได้เพียงแค่ทีมละ 3 คนเท่านั้น       ซึ่งตัวแทนโรงเรียนอับดุล อินเตอร์ ก็คือ  วา พรีสไซและโซลีนนั่นเอง    โดยโซลีนทำหน้าที่เป็นกัปตันทีม            



                         วา ในตอนนี้ได้ฟื้นฟูฝีมือของตัวเขาเองได้จนเท่าเดิมแล้ว  และดูเหมือนว่าจะสามารถพัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว     แต่ก็ยังดูเหมือนว่า เขาขาดอะไรไปบางอย่าง   ซึ่งโซลีนก็สามารถดูออกว่าวาขาดอะไรไป    

                       “ นายจำเป็นต้องมีไม้ประจำตัวของนาย  มิเช่นนั้นนายจะดึงพลังออกมาเล่นได้ไม่เต็มที่ ”    โซลีน บอกวาหลังจากเลิกซ้อมปิงปองแล้ว        ในตอนแรกโซลีนจะไปหาไม้ปิงปองประจำตัวมาให้วา   แต่วาก็ปฎิเสธเพราะเขาเองก็มีไม้คู่ใจของเขาเองอยู่แล้ว  หากแต่ตอนนี้มันอยู่ที่บ้านของเขานั่นเอง        วาบอกกับโซลีนว่า ในวันหยุดวันอาทิตย์นี้เขาค่อยกลับบ้านไปเอามันมา         ในตอนนี้วาจึงต้องยืมไม้ของระรินไปใช้ก่อน  ซึ่งระรินเองก็เต็มใจให้วายืมเช่นกัน                          



                  

                        “ พี่วาจะกลับไปเอาไม้ที่บ้านวันอาทิตย์นี้หรอค่ะ ”           ระรินถามวาหลังจากไปกินข้าวเย็นที่โรงอาหารกันเสร็จเรียบร้อย   และกำลังเดินกลับหอพัก           ระรินเริ่มเรียกวาว่า “ พี่ “ เมื่อรู้ว่า วาอยู่ชั้นสูงกว่าตนเอง     ซึ่งที่จริงจะเรียกว่าพี่หรืออะไรก็ได้  วาก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว

                         “ อืม ใช่แล้วละ ”        วาตอบกลับพร้อมกับมองไปรอบๆ โรงเรียน   เขาเริ่มรู้สึกชินกับสถานที่นี้ขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว    ท้องฟ้าตอนนี้มืดแล้ว    เพราะตอนนี้เวลาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว      แถมตอนนี้เข้าฤดูหนาวจริงๆแล้วด้วย       ลมเย็นๆพัดผ่านมาอีกระลอกหนึ่ง    วาสูดหายใจเข้าเต็มปอดด้วยความสดชื่น  ก่อนที่ระรินจะเอ่ยปากถามต่อ  

                         “ ไม้ปิงปองของพี่วาเป็นยังไงหรอค่ะ  ท่าทางจะดีน่าดูเลย ”

                         “ มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอกน   แต่พี่ใช้มันมานานแล้วตั้งแต่พี่ยังเล่นไม่ค่อยเป็นเลย     พี่ถึงรักมันเวลาที่ใช้แล้วรู้สึกว่าจะรู้สึกดีกว่าใช้ไม้ปิงปองที่ดีๆ ราคาแพงๆ เสียอีก ”            

                        “ จะบอกว่าไม้ปิงปองของระรินสู้ไม่ได้หรอค่ะ ”        ระรินแกล้งทำเป็นค้อน

                        “ เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ”          

                        “ เปล่าเหมือนกันค่ะ  ระรินแค่ล้อเล่นน่ะค่ะ ”        เด็กสาวหัวเราะ ดูแล้วสดใสเป็นอย่างมาก

                        “ ถ้าจะพูดถึงไม้ปิงปองของพี่แล้ว  มันก็ทำให้พี่นึกถึงเพื่อนพี่คนหนึ่งเหมือนกันนะ ”      

                       “ หรอค่ะ  แล้วเขาเป็นใครหรอค่ะ ”

                       “ เขาชื่อว่า ลมดำ น่ะ  แต่ก่อนเวลาว่างพี่มักจะเล่นกับเขาเสมอเลยละ   แต่ก็แพ้ประจำเลย ”

                       “ อย่างพี่วานี่ยังแพ้คนอื่นเขาอีกหรอค่ะ ”

                       “ พี่ก็ไม่ได้เก่งสักหน่อยนิ  ทำไมจะแพ้ไม่ได้ละ  ”        วา หันหน้ามายิ้มพร้อมกับมองหน้าระริน

                       “ อย่างน้อยก็เก่งกว่าระรินละกัน ”        

                        

                  

                       ทั้งสองคนเดินไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งถึงน้ำพุกลางโรงเรียนวาก็เริ่มเป็นฝ่ายพูดต่อ

        

                       “  พูดถึงเพื่อนพี่ที่ชื่อลมดำนะ   พี่ว่าฝีมือของเขาน่าจะพอๆ กับโซลีนเลยทีเดียวละ  หรืออาจจะเก่งกว่าด้วยซ้ำ ”

                       “ พี่วาพูดอย่างนี้ระรินชักอยากจะเห็นฝีมือของคนที่ชื่อ ลมดำ ขึ้นมาเลยนะค่ะ ”

                      “ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะได้เจอกับเขาในการแข่งปิงปองระหว่างสถาบันก็ได้นะ ”

                      “ แล้วถ้าพี่ต้องไปแข่งกับเขาใครจะเป็นฝ่ายชนะละค่ะ ”             ระรินถามด้วยความอยากรู้  แต่คำถามนี้ทำให้วาต้องเดินคิดอยู่สักพักเลยทีเดียว        

                      “ ระรินเคยดูหนังที่เกี่ยวกับการเดินเรือไหม ”

                     “ ก็เคยค่ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ระรินถามไปหรอค่ะ ”

                     “ แล้วเคยเห็นไหมเวลาที่เรือต้องมาเจอกับพายุในมหาสมุทรน่ะ ”

                     “ เคยค่ะๆ  เห็นออกบ่อย น่ากลัวมากๆเลยนะค่ะระรินว่า ”          ระรินพูดพร้อมกับคิดภาพพายุที่รุนแรงในมหาสมุทร      ท้องฟ้าที่มืดสนิทราวกับฝันร้าย    เสียงฝนและฟ้าร้องที่บ้าระห่ำ     เรือลำเล็กๆ ย่อมไม่สามารถทนอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้แน่นอน

                     “ ใช่แล้วละ พายุที่บ้าคลั่งมันน่ากลัวมากเลยทีเดียว ”

                     “ แต่ระรินก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีละค่ะ ว่ามันเกี่ยวกับไรกับฝีมือของเพื่อนพี่คนนั้น ”

                    “ เกี่ยวสิเกี่ยวอย่างมากเลยทีเดียว………...  สไตล์การตีปิงปองของลมดำนั้นไม่ต่างกับพายุที่บ้าคลั่งสักเท่าไหร่หรอก  ”

                    “ แล้วมันเป็นยังไงหรอค่ะ ”

                    “ ลมดำมีลูกตัดที่ทรงพลังมากแต่นั่นก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับลูกบ้าในการเล่นของเขาหรอก    ฝีมือของเขายากนักที่จะจับทางถูก    ถ้าใครเล่นไม่เก่งละก็จะไม่ต่างกับเรือลำน้อยที่ลอยอยู่กลางพายุในมหาสมุทรเลยทีเดียวละ หรือถึงแม้จะมีฝีมือเก่งมากแล้วก็ตามที    ก็ยังเปรียบเสมือนกับเรือลำใหญ่ที่ต้องไปอยู่ท่ามกลางพายุที่บ้าคลั่งอยู่ดีนั่นแหละ    ถึงเป็นเรือลำใหญ่ก็ยังต้องเอนเอียงไปบ้างหรือไม่แน่ถ้าประมาทเมื่อไหร่เรืออาจจะจมไปเลยก็เป็นได้     ใครๆก็เลยต่างให้ฉายาลมดำว่า     พายุลมดำ  นั่นเองละ  ”

                   “ ฟังดูแล้วน่ากลัวจังเลยนะค่ะ  แต่พี่วายังไม่ตอบคำถามระรินเลยว่า   ถ้าแข่งกันใครจะเป็นฝ่ายชนะละค่ะ ”

                  “ ถ้าเป็นแต่ก่อนพี่อาจจะแพ้เขานะ ………..”

                  “ แล้วตอนนี้ละค่ะ ”

                 “ พี่ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน   เพียงแต่พี่สัญญาว่าจะเอาชนะเขาให้ได้ก็เท่านั้นเอง ”

                 “ ค่ะ ระรินจะเป็นกำลังใจให้นะ ”      



                  เมื่อทั้งสองคนเดินไปจนถึงหน้าหอพักระรินก็ขอตัวลาวากลับไปยังหอพักหญิงซึ่งอยู่ถัดไปจากหอพักชาย            การที่วาต้องซ้อมปิงปองวันละ 3 ชั่วโมงนั้นทำให้เขาเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากเมื่อซ้อมเสร็จแล้ว   แต่มันก็ช่วยเพิ่มความสามารถของวาไปอีกระดับหนึ่ง    เพราะได้ซ้อมเล่นกับโซลีนที่ถือว่าเป็นสุดยอดฝีมือของโรงเรียนนั่นเอง              



                

                    ส่วนด้านการเรียนวิชาต่างๆนั้นไม่ได้เป็นปัญหาให้แก่วาเป็นอย่างใด    เนื่องจากถ้าวันไหนเขาเรียนไม่เข้าใจละก็นีโอหรือไม่ก็โซเฟียจะเป็นคนช่วยสอนเขาในทันที         เขาเองก็เพิ่งรู้ว่าโซเฟียก็เป็นคนที่พึ่งได้ในด้านการเรียนเหมือนกัน  และอาจจะไม่ใช่แค่ด้านการเรียน  แต่ดูเหมือนว่าจะพึ่งได้ไปเสียทุกเรื่องเลยทีเดียว          



                   ส่วนในด้านการซ้อมเล่นมายากลของสานั้นเป็นไปได้สวยเลยทีเดียว   เนื่องจากในชมรมมีเขาอยู่แค่คนเดียวจึงทำให้สามารถเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี  เวลาไม่เข้าใจอะไรก็สามารถถามได้     แถมดูเหมือนซาซาไรจะช่วยสอนให้วาเป็นอย่างดีเสียด้วย             ในตอนนี้วาสามารถใช้ไพ่ได้อย่างชำนาญกว่าแต่ก่อนแล้ว    เขาสามารถปาใส่จุดต่างๆได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว     แถมยังสามารถเสกไพ่ให้ปรากฎขึ้นมาบนมือได้โดยที่ไม่ต้องไปมัวหยิบออกมาจากกองอีกต่อไป     และยังสามารถเล่นกลต่างๆที่เกี่ยวกับไพ่หรือนอกเหนือจากนั้นได้อีก 2 –3 กลเลยทีเดียว        บางครั้งวาก็ไปแสดงให้เพื่อนๆดูบ้าง  ซึ่งดูเหมือนว่าจะสร้างความแปลกประหลาดใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว    โดยเฉพาะโซเฟียและวีวี่ทั้งสองคนนี้มักจะพยายามหาทางจับผิดกลของเขาอยู่ตลอด    ซึ่งก็มีครั้งหนึ่งที่เขาโดนจับได้    ดูเหมือนว่าทั้งสองคนนั้นจะสะใจมากๆเลยทีเดียว            

                 ส่วนคนที่ดูท่าจะตะลึงนานที่สุดก็ดูจะเป็นมิวนั้นเอง    และในทางกลับกันคนที่ไม่แสดงทีท่าประหลดใจแต่อย่างใดออกมาก็คือ เสือใบ้นิค   นั่นเอง      เขาไม่สนแม้แต่จะสงสัยว่าทำไมไพ่ถึงหายไปจากมือของวาได้ภายในพริบตา  



                

                    ที่ทำให้วาประหลาดใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ  การจับคู่เข้าแข่งขันตอบปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนีโอและเสือใบ้นิคนั่นเอง     ไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองคนนี้จะสามารถเข้ากันได้  คงจะเหมือนกันตรงที่อีกคนหนึ่งไม่ค่อยพูดกับอีกคนไม่พูดเลยกระมัง    และเขาก็เพิ่งได้รู้ว่าเสือใบ้นิคนั้นเป็นผู้ศรัทธาในคณิตศาสตร์อย่างแรงกล้า  เรียกได้ว่า  ถ้าคณิตศาสตร์เป็นศาสนาขึ้นมาละก็   เขาคงจะอุทิศตนเข้าเป็นสาวกเอกทันทีเลยก็ว่าได้            



                    ที่น่าแปลกใจไม่แพ้กันอีกอย่างก็คือ การที่พิชากิเข้าแข่งขันตอบปัญหาความรู้รอบตัวของวิชาสังคมด้วย      วาเองก็อยากจะลงแข่งขันตอบปัญหาอยู่เหมือนกันแต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถตอบได้เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีความรู้รอบตัวสักเท่าไหร่นัก        แถมการแข่งขันตอบปัญหาความรู้รอบตัวยังต้องลงสมัครแบบเดี่ยวเสียด้วย   ยิ่งทำให้วาไม่กล้าลงแข่งเข้าไปใหญ่    และก็ดูเหมือนว่าจะมีการแข่งตอบปัญหคณิตศาสตร์เพียงอย่างเดียวก็อนุญาติให้ลงแข่งขันแบบคู่ได้                  



                   โซเฟียเองก็เคยชวนวาลงแข่งขันคณิตศาสตร์เหมือนกันแต่วาก็บอกว่าเขาเองไม่เก่งคณิตศาสตร์จึงขอไปคิดดูก่อน   ถ้าคิดออกเมื่อไหร่จะมาบอก        ซึ่งวาก็ตัดสินใจเรื่องนี้แล้วว่า  เขาน่าจะลองลงแข่งดู  เพราะเป็นการแข่งแบบช่วยกันคิดสองคน    อย่างน้อยถึงเขาคิดไม่ออกก็ยังมีโซเฟียช่วยอีกแรง      และดูเหมือนว่าถ้าเขาคิดจะลงแข่งขันละก็จะต้องไปติวเข้มพิเศษกับอาจารย์มาน่อฟทุกๆวันอาทิตย์โดยจะเริ่มขึ้นในอาทิตย์ที่จะถึงนี้นี่เอง    แต่ก็ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ต้องไปติวเข้มกับอาจารย์มาน่อฟ       เนื่องจากนักเรียนทุกคนที่ลงแข่งต้องไปติวเข้มกับอาจารย์มาน่อฟทุกคนมิเช่นนั้นจะไม่สามารถลงแข่งขันได้      โดยห้ามขาดในการติวเข้มทุกครั้งอีกเช่นกันมิเช่นนั้นจะหมดสิทธิ์ลงแข่ง        คงเป็นเพราะอาจารย์มาน่อฟต้องการในนักเรียนที่ลงแข่งทุกคนมีความพร้อมและประสิทธิภาพอย่างเต็มที่  เพื่อที่จะได้ไม่น้อยหน้าโรงเรียนอื่นๆ        และการคัดตัวก็จะเริ่มขึ้นหลังจากการติวเข้มครั้งที่4 เสร็จสิ้น    ซึ่งก็จะเหลือนักเรียนจากทั้งหมดที่ลงสมัครไว้พียงสองคู่เท่านั้นตามที่กติกาได้บอกไว้        ซึ่งวาเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถเป็นหนึ่งในสองคู่ตัวแทนของโรงเรียนได้   เพราะดูจากผู้เข้าสมัครแต่ละคนแล้วท่าทางมีฝีมือกันทั้งนั้น   ถ้าเปลี่ยนเป็นการแข่งปิงปองคู่ละก็วาคิดว่าเขาพอจะมีสิทธิ์ลุ้นบ้างละ





                      วาเดินเข้าหอพักตามปกติเหมือนเช่นเคย    เขาค่อยๆกดลิฟท์ซึ่งไม่นานนักลิฟท์ก็ลงมาถึง   ในที่สุดวาก็กลับมาถึงห้องของเขา    ด้วยความเหนื่อยล้าเมื่อเปิดประตูเข้าไป วาก็ตรงไปเอนตัวลงบนเตียงนอนของเขาทันที     ส่วนนีโอนั้นก็คงยังคงอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเหมือนเช่นเคย  และดูเหมือนว่าจะหนักกว่าเก่าเสียอีก    เนื่องจากนีโอก็ลงสมัครแข่งขันตอบปัญหาทางคณิตศาสตร์ทำให้เขาต้องอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว    



                        วารู้สึกขำตัวเองเล็กน้อย  ทั้งๆที่ตัวของเขาเองก็ลงแข่งเหมือนกันแต่กลับไม่เตรียมตัวอ่านอะไรเลย   คงเพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือจำพวกวิชาคณิตศาสตร์กระมัง    



                         “ เป็นไงบ้างซ้อมปิงปองวันนี้ ”         นีโอ ถามทั้งๆที่เขายังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ

                         “ อืม ก็ดีขึ้นเรื่อยๆนะ ”   วา ตอบกลับด้วยความเหนื่อยล้า  “ ว่าแต่นั่นนายกำลังทบทวนวิชาคณิตศาสตร์ใช่ไหมเนี่ย ”      

                         “ แน่นอน  นายอยากลองทดสอบตัวเองสักข้อสองข้อไหมละ ”

                         “ อืม ฟังดูก็ดีนะ  ขอลองหน่อยก็แล้วกัน ”         วา พูดพร้อมกับลุกขึ้นด้วยท่าทางคึกคักเหมือนว่ากำลังทั้งหมดของเขากลับมาเท่าเดิมแล้ว    ซึ่งนีโอหยิบหนังสือเล่มใหม่ที่เขากำลังอ่านอยู่ไปให้กับวาพร้อมกับชี้ไปที่โจทย์ข้อหนึ่ง          



                          วาหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาอ่านพร้อมกับพิจารณาอยู่สักพักหนึ่ง  ก่อนที่จะพูดกับนีโอ  



                         “ นี่มันอะไรกันเนี่ย  ยากกว่าที่อาจารย์มาน่อฟสอนเสียอีกนะเนี่ย ”

                        “ แนวโจทย์ที่แข่งขันกันก็ประมาณนี้แหละ  แต่เราว่ามันน่าจะยากกว่านี้เสียอีก    อาจารย์เขาถึงได้ให้มาติวเข้มกันยังไงละ ”

                        “ อย่างนี้ถ้าเราลงแข่งไปคงจะแพ้ตั้งแต่รอบแรกแน่ๆ เลย ”

                        “ แต่นายก็ไม่ได้ลงแข่งนี่ ”

                        “ คือเรามาคิดอีกทีมันก็น่าจะลองนะ   แต่พอมาดูโจทย์พวกนี้แล้ว……… ”           วา พูดพร้อมกับแลบลิ้น      

                       “ งั้นถ้านายจะลงแข่งแล้วละก็  เราจะช่วยติวให้อีกแรงก็แล้วกัน   เราจะได้ถือว่าเป็นการทวนมห้ตัวเองไปในตัว   แล้วอีกอย่างหนึ่ง  ถ้านายจะลงแล้วใครจะเป็นคู่ให้นายหรอ   ใช่โซเฟียรึเปล่าละ ”

                       “ อืม ใช่แล้วละ  เธอชวนเราลงแข่งเอง ”

                       “ ถ้าคู่กับโซเฟียแล้ว ก็ชนะได้ไม่ยากหรอกนะ   แต่ก็อย่าประมาทละ   เพราะพวกหัวกระทิเยอะมากเลยละ   ในรอบชิงน่ะ ”

                       “ นายเคยไปดูเขาแข่งแล้วหรอ ถึงรู้ว่าพวกหัวกระทิเยอะ ”

                       “ เราไม่ได้ไปดูหรอก  แต่เราลงแข่งเลยละ   รอบชิงตอนนั้นเหลือแค่สามทีมเองจากทั้งหมดที่ลงมาสิบหกทีม  ”

                      “ เก่งจังเลยนะ  แต่นายอย่าบอกนะว่านายลงคู่กับนิคไปในคราวนี้แล้วน่ะ ”

                      “ ก็ใช่ เราคู่กับนิคตลอดแหละ ”            

                    . “ แล้วนายเคยได้ไปดูเขาแข่งพวกปิงปองรึเปล่าละ ”             วา เมื่อคิดถึงการแข่งขันปิงปองออกก็รีบถามทันที              

                      “ ก็เคยมามั่งละ ”

                      “ หรอ แล้วพวกที่เข้ารอบชิงเป็นยังไงบ้าง ”

                      “ พวกนั้นน่ะหรอ ”       นีโอ ดันแว่นของเขาให้เข้าที่ก่อนที่จะพูดต่อด้วยท่าทางเคร่งขรึม    “ พวกนั้นไม่ต่างอะไรกับพวกปีศาจหรอก  ฝีมือของแต่ละคนเรียกได้ว่า  ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ”

                      “ ถึงขั้นปีศาจเลยหรอเนี่ย ”     วา ถามพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย     คงเป็นเพราะได้ยินคำว่า   “ ปีศาจ “    กระมัง

                     “ ใช่แล้วละ ตอนที่เราไปดูรู้สึกว่าจะเป็นรอบชิงชนะเลิศแล้วละ ”

                     “ อยากเห็นมั่งจังเลย  ว่าแต่แล้วโรงเรียนของเราละ เป็นยังไงมั่งตอนนั้น ”

                     “ โรงเรียนของเราตอนปีที่แล้วไม่ได้ส่งทีมไปเข้าแข่งขันหรอก เพราะรู้สึกว่าจะขาดตัวผู้เล่นไปคนนึงน่ะสิ ”

                    “ แต่เราก็เห็นคนเล่นเก่งๆ ในชมรมตั้งเยอะนิ ”

                    “ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน  คงจะเป็นเพราะการตัดสินใจของทางชมรมเขาเองละมั้ง ”

                   “ แต่ปีนี้โรงเรียนเราก็ได้ลงแข่งแล้วสินะ ”            วา พูดพร้อมกับยิ้มอย่างภูมิใจ

                  “ อืม นายนี่ก็เก่งเหมือนกันนะ  ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง    แถมที่สำคัญยังเป็นตัวจริงปิงปองของโรงเรียนเนี่ย   นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ”      

                   “ อย่าชมกันเกินไปสิ  เออว่าแต่โรงเรียนที่ได้แชมป์เป็นยังไงบ้างละ ”

                   “ เรื่องนั้นโทษทีนะ เพราะเราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายหรอก   แบบว่าไปดูผ่านๆน่ะ  แต่ได้ข่าวว่าโรงเรียนที่ได้แชมป์ปีที่แล้ว  จะมีผู้เล่นคนนึงที่แปลกมากๆน่ะ ”

                     “ แปลกยังไงหรอ ”

                     “ ก็เขาว่ากันว่าเจ้าคนนั้นมัน ตาบอด น่ะสิ ”          เมื่อวาได้ฟังนีโอพูดก็อึ้งไปอีกในทันที    คนตาบอดเนี่ยนะจะเป็นหนึ่งในทีมแชมป์

                    “ เราว่าไม่มีทางเป็นไปได้หรอก  ขนาดคนตาดีๆยังตีไม่ค่อยจะลงโต๊ะเลย   แล้วนับประสาอะไรกับคนตาบอด ”

                    “ อันนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะ   อาจจะเป็นแค่ข่าวืลือก็ได้นะ     แต่ว่านะคนตาบอดจะมีประสาทการฟังเสียงได้ดีกว่าคนปกตินะ  นายรู้ไหมละ ”

                   “ อืม เรื่องนั้นช่างมันเถอะ  ว่าแต่ไอ้โจทย์ข้อนี้มันทำยังไงหรอ ”            



                     วานั่งติวโจทย์เลขกับนีโอได้สักพักก็ขอตัวไปอาบน้ำ   จากนั้นเขาก็มานั่งติวโจทย์กันต่อ   แต่ก็ไม่นานนักวาก็ขอตัวไปนอนก่อนเพราะว่าเหนื่อยมาเกือบทั้งวันแล้ว          





                        ผ่านไปอีกหนึ่งวันกับชีวิตนักเรียนในโรงเรียนอับดุล อินเตอร์   วารู้สึกดีใจเล็กน้อยหรือเศร้าใจก็ไม่รู้   เนื่องจากหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้นั้น  เขาไม่ได้ฝันอะไรประหลาดๆ หรือแม้แต่ฝันถึงผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว   คงเป็นเพราะความเหนื่อยจากการซ้อมต่างๆ ทำให้เขาเกิดอาการหลับสนิทก็เป็นได้                 วันไหนถ้าวาตื่นมาเช้าๆแบบวันก่อนที่เขาไปเจอดีว่าอีกแล้วละก็    เขาก็จะไปวิ่งกับดีว่าด้วย          แล้วรู้สึกว่าหมู่นี้วาจะติดใจชอบไปวิ่งกับดีว่าเกือบทุกเช้าเลย   คงเป็นเพราะดีว่าชอบเล่าเรื่องต่างๆให้วาฟังกระมัง    



                       และเช้านี้ก็เป็นอย่างเช่นเคย  วาตื่นแต่เช้าเหมือนกับวันที่เขาฝันร้าย   ถึงแม้เขาจะยังไม่ค่อยหายเมื่อยที่ขาของเขาก็ตามที        วารีบอาบน้ำแต่งตัวจากนั้นก็รีบลงไปยังชั้นล่างทันที  โดยยังคงปล่อยนีโอให้นอนอยู่อย่างนั้นเหมือนเช่นเคย        



                      เมื่อวาลงมาถึงหน้าประตูทางเข้าหอพักก็ดูเหมือนว่า ดีว่าจะยืนรอเขาอยู่เหมือนจะรู้ว่า  วาจะลงมาเวลานี้พอดี    

                     “ สวัสดีตอนเช้านะครับ ”             ดีว่าเป็นฝ่ายเริ่มทักทาย

                     “ อืม ดีตอนเช้านะ   ไปกันเถอะ ”           วา ยิ้มตอบจากนั้นก็เริ่มวิ่งนำไปก่อนซึ่งดีว่าก็วิ่งตามมาติดๆ   อากาศเช้านี้ค่อนข้างจะหนาวมาก แต่ก็ดูเหมือนว่าวาจะชินกับอากาศแบบนี้แล้ว  





                      

                     วาและดีว่าวิ่งตามทางไปเรื่อยๆ ต่างคนต่างไม่ได้พูดกันเลย  จนในที่สุดดีว่าก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน



                      “ อากาศหนาวดีจังนะครับ ”

                      “ นั่นสินะ  แต่ดูท่าทางชุดที่นายใส่คงจะไม่ทำให้นายหนาวสักเท่าไหร่ใช่ไหมละ ”      ดีว่าอยู่ในชุดประจำของเขา ซึ่งก็คือ  ชุดเสื้อคลุมสีส้มอ่อนที่ยาวจรดเท้าพร้อมกับฮูด        ในตอนนี้วาเริ่มชินกับการแต่งตัวแบบนี้ของดีว่าแล้ว            เนื่องจากวาก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นชุดประจำชมรมจ้าวกระบี่ซึ่งมีไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะได้รับชุดนี้ไป  และคนที่จะได้ใส่ชุดนี้จะต้องมีฝีมือในด้านกระบี่ไม่น้อยเลยทีเดียว      เหมือนกับในวันแรกที่ดีว่าได้บอกวาไป    แต่วาเพิ่งจะมาสนใจถามอีกทีก็ตอนที่ได้วิ่งกับดีว่าทุกๆเช้าเนี่ยแหละ  

                      “ จำที่ผมเคยพูดไปเรื่องเทพกระบี่ประกายแสงได้หรือเปล่าครับ ”      

                      “ จำไม่ค่อยจะได้แล้วละ  แต่รู้สึกว่าตอนนั้นเราจะเคยถามนายแล้วว่าทำยังไงถึงจะได้มันมาแต่นายก็ไม่ได้บอกเรานิ ”

                      “ ใช่แล้วละครับ ”

                       “ ว่าแต่อยู่ดีๆ  ทำไมถึงมาถามเรื่องนี้ละ ”

                       “ เปล่าหรอกครับ   แค่อยากรู้ว่ายังจำได้อยู่หรือเปล่าก็เท่านั้นเอง ”     ดีว่าพูดพร้อมกับยิ้มอย่างใสซื่อ  ซึ่งวาก็รู้สึกว่าคนๆนี้ดูแปลกดี  เหมือนกับว่ามีความลับอะไรบางอย่างอยู่    แต่วาก็ไม่ค่อยอยากจะสนใจเท่าไหร่นัก   จึงไม่ได้เอ่ยปากถามถึง

                       “ แล้วนายได้ลงแข่งอะไรไปมั่งหรือเปล่า ”

                       “ ผมหรอครับก็มีลงแข่งการประลองอาวุธไปนะครับ ”

                       “ การประลองอาวุธหรอ ฟังดูน่าสนใจจัง   มันเป็นยังไงหรอ ”

                       “ มันเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างอันตรายนะครับ   เพราะผู้เข้าแข่งสามารถเลือกใช้อาวุธอะไรก็ได้เข้าต่อสู้ตามความถนัดนะครับ  แต่ก็ยังดีที่มีการบังคับให้ใส่ชุดป้องกันก่อนจะเข้าแข่ง     การตัดสินแพ้ชนะนั้นก็จะดูที่ว่า   ใครสามารถโจมตีใส่ฝ่ายตรงข้ามได้มากที่สุดคนนั้นจะเป็นครับโดยนับจากโมตีถูกเป้าหมายแตละครั้งเป็นแต้ม   มีเวลาให้รอบละ 3 นาที   หรือไม่ก็ทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้เองได้ก็จะเป็นฝ่ายชนะ ”

                        “ ฟังดูก็น่าสนใจเหมิอืนกันนะเนี่ย  ว่าแต่จะนับแต้มได้ยังไงหรอ ”

                        “ การนับแต้มก็ดูจากตำแหน่งที่เราโจมตีใส่อย่างเช่นถ้าถูกหัวก็จะเป็นจุดที่ได้แต้มสูงสุดนั่นเอง ”

                        “ ก็พอเข้าใจแล้วละนะ  แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่าจะมีใครพูดว่ายอมแพ้ก่อนด้วยหรอเนี่ย ”       วาถามด้วยความสงสัย   “ ในเมื่อมีเกราะป้องกันอย่างดีจะยังมีใครยอมแพ้ก่อนอีกหรอเนี่ย  “     แต่เมื่อดีว่าได้ยินคำถามของวานั้นเขาก็ยิ้มเหมือนกับว่า  ถ้าวาไปเห็นเองแล้วก็จะรู้เอง  

                      “ การขอยอมแพ้ก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยละครับ  ถ้าคุณไปเห็นการแข่งขันเองกับตา ”        

                      “ ท่าทางคงจะโหดน่าดูเลยนะ  เราว่าเราขอแค่แข่งปิงปองก็พอแล้วละ ”

                      “ ถ้าผมว่างแล้วจะแวะไปดูนะครับ  ยังไงก็อย่าให้เสียชื่อตัวจริงโรงเรียนนะครับ  ”

                      “ แน่นอน ”         วายิ้มให้อย่างมั่นใจ   ซึ่งดูเหมือนว่าดีว่าจะชอบรอยยิ้มนั้นมากเลยทีเดียว

        

                     และมื่อวาวิ่งกับดีว่าวิ่งกันจนเหนื่อยได้ที่แล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับไปที่ห้องของตนเองเหมือนเช่นเคย    วากลับไปที่ห้องของเขาพร้อมกับจัดเตรียมอุปกรณ์ในการเรียนให้เรียบร้อย      ซึ่งเมื่อนีโอและเขาพร้อมแล้วต่างก็พากันลงไปทานอาหารเช้าที่ชั้นล่าง   โดยก่อนที่จะลงไปก็ไม่ลืมแวะไปชวนเสือใบ้นิคและมิวมาด้วย  



                    

                       พนักงานชายค่อยๆเดินนำอาหารมาเสริฟ์ให้วา นีโอ มิว และเสือใบ้นิคตามลำดับ  และเมื่อทุกคนพร้อมแล้วต่างก็ลงมือทานกันตามสบาย   และเมื่อทานกันไปได้สักพักก็ดูเหมือนว่าจะมีสมาชิกมาร่วมทานเพิ่มอีก 3-4 คนเลยทีเดียว   ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นใด    หากแต่เป็นพิชากิ ซักก้า จ๋อย แล้วก็เบต้านั่นเอง  



                       “ วันนี้ท่าทางจะมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นเยอะแน่เลยนายว่าไหมนาย ”         ซักก้า ถามวาขณะที่กำลังคีบปลาย่างที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากอย่างช้าๆ  

                      “ เรื่องสนุกที่นายว่ามันคืออะไรหรอ ”

                      “ อ้าว นี่นายยังไม่รู้หรอว่า วันนี้มีอะไรพิเศษ ”     เบต้า ถามด้วยท่าทางเหมือนหุ่นยนต์       ซึ่งวาก็ส่ายหัวด้วยความสงสัย  

                       “ แสดงว่า ไม่ค่อยได้ไปอัพเดทข่าวในเวปเลยนะ ”      

                       “ ก็เราไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่นิ  แล้วตกลงวันนี้มีอะไรพิเศษงั้นหรอ”

                       “  ก็วันนี้จะมีโรงเรียนอื่นมาที่โรงเรียนเราน่ะสิ  ”

                       “ แล้วมาทำไมหรอ ”

                       “ ก็มาเยี่ยมชมอย่างนี้เป็นประจำแหละ ”

                       “ แล้วมีโรงเรียนอะไรบ้างหรอ ”

                       “ อืมรู้สึกว่าที่มาวันนี้จะมีแค่โรงเรียนเดียวนั่นแหละ  ก็คือ  โรงเรียนเกเบรียล  ”

                       “ เราก็พอจะรู้จักนะ ”

                       “ แต่เราไม่ค่อยชอบพวกเกเบรียลเลย  คราวที่แล้วเด็กโรงเรียนนั้นก็มาหาเรื่องเด็กโรงเรียนเรา   แต่ว่าคนดีก็มีนะ ”         เบต้า พูดอย่างผู้รอบรู้ในเรื่องข่าวสาร          ซึ่งเมื่อวาได้ยินคำว่า หาเรื่อง เท่านั้นแหละ  เขาก็คิดภาวนาในใจทันทีว่า    ขออย่าให้พวกที่มาวันนี้มายุ่งกับเขาเลย          





                       เมื่อทุกคนทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ต่างก็ตรงไปที่ยังตึกอาคารเรียนทันที    เช้าวันนี้นักเรียนทุกคนก็ยังคงดูคึกคักอยู่เช่นเคย    ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้สดชื่นขึ้นได้เป็นอย่างดี    

                            

                       “ ดีตอนเช้าครับผม ”      วาทักทายโซเฟียพร้อมกับค่อยๆนั่งลงที่โต๊ะของเขา

                      “ อืม ดีตอนเช้านะ ”            ขณะที่โซเฟียทักทายวากลับนั้น ก็ทำให้วาสังเกตอะไรเพิ่มมาได้อย่างนึง  นั่นก็คือ วันนี้โซเฟียดูจะแต่งตัวดีเป็นพิเศษ   ซึ่งปกติเธอก็ดูดีอยู่แล้ว  แต่ในวันนี้เธอยิ่งดูดีเข้าไปอีกทำให้วาต้องอดชมมิได้

                      “ แหม วันนี้ดูดีเป็นพิเศษเชียวนะ ”

                      “ แน่นอน ขอบคุณที่ชม  ก็วันนี้จะมีโรงเรียนอื่นมาเยี่ยมโรงเรียนเรานี่หน่า    แถมกรรมการนักเรียนอย่างเราก็ต้องทำหน้าที่ไปต้อนรับพวกนั้นเสียด้วยสิ ”

                      “ อ๋อ มิหน้าละ   แล้วคนที่จะมานี่เขามากันเยอะไหม ”

                      “ ก็ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกนะ  ประมาณช่วงเที่ยงๆเราก็ต้องออกไปต้อนรับพวกนั้นแล้วละ ”    โซเฟียหันหน้าไปพูดกับวา  ซึ่งเมื่อวาประสานสายตากับโซเฟียก็รู้สึกเขินขึ้นมาทันที   ปกติโซเฟียก็น่ารักอยู่แล้วว่า  วันนี้เธอแต่งตัวดูน่ารักขึ้นทำให้วายิ่งต้องเขินมากกว่าเดิม       แต่เมื่อวาสังเกตดีๆก็พบว่ามีอะไรบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนวางพิงอยู่ที่ขาโต๊ะของโต๊ะโซเฟีย     สิ่งนั้นมีลักษณะยาวดูๆแล้วน่าจะเป็นดาบซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยผ้าสีดำเข้ม              

                      “ นั่นมันคืออะไรหรอ ”       วาชี้ไปที่สิ่งที่เขาคิดว่ามันเป็นดาบ

                      “ อ๋อ นี่น่ะหรอ ”    โซเฟียถามซ้ำพร้อมกับหยิบเจ้าสิ่งนั้นขึ้นมา      “ มันก็คือ ดาบอัศวินยังไงละ ”   ไม่ผิดจริงๆด้วย มันคือดาบอย่างที่วาคิดไว้ตั้งแต่แรก   เพียงแต่ว่าวาไม่เข้าใจว่าผู้หญิงอย่างโซเฟียจะพกดาบมาทำอะไรเท่านั้นเอง      

                     “ แล้วเอามันมาทำอะไรหรอ ”           โซเฟียไม่ตอบแต่แกะผ้าที่คลุมดาบเล่มนั้นออก   ปรากฎให้เห็นดาบที่งามสง่าเล่มหนึ่ง  มันเป็นดาบที่เรียวยาวผิดจากดาบทั่วไปที่มักจะดูใหญ่โตและทรงพลัง  หากแต่ว่าดาบเล่มนี้ก็ดูแฝงไปด้วยความสง่างามและทรงพลังไม่แพ้ดาบทั่วๆไปเลยทีเดียว    ถ้าจะให้พิจารษดีๆแล้วละก็  มันเหมือนดาบของโซโลเลยทีเดียวเชียว

                     “  ก็วันนี้เราจำเป็นต้องใช้มันน่ะสิ ”       โซเฟียตอบกลับวาหลังจากค่อยๆ ห่อผ้าคลุมกลับไปเหมือนเดิม

                    “ จะเอาไปฆ่าใครงั้นหรอ ฮ่าๆ ”            วาแกล้งล้อเล่นพร้อมกับหัวเราะ

                    “ แหม ถ้าเราจะเอาไปฆ่าใครละก็  คุณเด๋อก็คงจะเป็นคนแรกแหละที่เราจะฆ่า แหะๆ ”      โซเฟียกวนคืน    จากนั้นก็พูดต่อ  “ นายเคยได้ยินเรื่องการประลองอาวุธไหมละ ”

                    “ เพิ่งจะรู้เมื่อเช้านี้เองตอนที่ไปวิ่งกับดีว่าน่ะ ”

                    “ ก็วันนี้เด็กที่มาจากโรงเรียนอื่น    เขาอยากจะมาประลองกับเด็กโรงเรียนเราหน่อยก็เท่านั้นเอง   ทางเราก็เลยต้องจัดให้เขาสักหน่อยยังไงละ ”

                    “ แล้วว่าแต่ เธอจะเอาไปให้ใครใช้หรอเนี่ย ”        

                    “ ถามแปลกจังนะคุณเด๋อ   เราเอามาเราก็ต้องเป็นคนใช้เองสิ   ”      เมื่อสิ้นคำพูดของโซเฟีย วาก็ต้องตะลึงทันที  ผู้หญิงที่ดูเรียบร้อย น่ารัก อย่างโซเฟียนะหรอ จะใช้อาวุธอย่างนี้ได้   แถมยังจะต้องไปเป็นคู่มือให้กับโรงเรียนอื่นเสียด้วย             จริงอย่างที่หลายๆคนว่า  คนอย่างโซเฟียนี่ไม่ธรรมดาเลยจริง     วาไม่สงสัยแล้วที่ว่าทำไมโซเฟียถึงช่วยปกป้องเขาได้  แต่เขาก็อยากจะเห็นฝีมือของโซเฟียเหมือนกันว่าจะเก่งกาจขนาดไหน  

                    “ ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ  เราอยากเห็นจังเลยถ้าเธอไปประลองแล้วจะเป็นยังไง ”

                    “ ก็ได้นะ  เพราะว่าเขาจะมาประลองกันที่ห้องชมรมเราเองละ   คงจะเป็นช่วงประมาณหลังเลิกเรียนนั่นแหละนะ   ถ้ายังไงก็มาดูได้นะ ”

                    “ อืม เราลืมไปเลย ”

                    “ ลืมอะไรหรอ ”

                    “ เรายังไม่เคยรู้เลยว่า เธออยู่ขมรมอะไร ”

                    “ แหะๆ เราก็ลืมบอกเสียด้วยสิ     งั้นบอกเลยก็แล้วกันนะ  ชมรมที่เราอยู่ก็คือ ชมรมอัศวิน ยังไงละ  ”

                    “ หาาา !!  ชมรมอัศวิน งั้นหรอ ”      

                    “ แน่นอน ทำไมหรอ ”            โซเฟียถามกลับมาหน้าตาเฉย    

                    “ ป่าวหรอก แต่มันน่าแปลกนะสิ   เราคิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าเธอจะอยู่ชมรมนี้  ไม่ใช่สิไม่คิดว่าจะมีชมรมนี้อยู่เสียด้วยซ้ำ ”

                     “ อืมนะ มันน่าแปลกขนาดนั้นเลยหรอ    เราว่ามันสนุกดีออกการดวลดาบแบบอัศวินน่ะ ”      โซเฟียยังคงพูดด้วยท่าทางปกติ  เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิด

                     “  เรื่องนั้นช่างมันเถอะ   แต่เราแปลกใจจริงๆนะเนี่ย ”       วายังคงแปลกใจไม่หาย แต่อย่างว่า ชมรมนินจายังมีได้เลยชมรมอัศวินจะมีบ้างก็คงจะไม่แปลกอะไร           “ แล้วถ้าเราจะไปลองประลองมั่งจะได้ไหมเนี่ย ฮ่าๆ ”       วาแกล้งถามเล่นๆดู        

                     “ อย่างคุณเด๋อเนี่ย  ก็ได้นะ  ว่าแต่จะเอาอะไรไปสู้กับเขาละ ”

                     “ ไพ่มั้ง ฮ่าๆ ”         วาหัวเราะต่อ  เขาไม่กะจะลองประลองอยู่แล้ว  ถึงแม้จะมีเกราะให้ใส่ก็ตามที

                    “ อืม ก็ถ้าจะประลองจริงๆละก็หลังจากเขาประลองกันแบบพิธีการเสร็จแล้วนายจะลองประลองดูก็ได้นะ   เขาจะเปิดโอกาสให้สำหรับคนที่อย่างประลองเหมือนกัน ”

                       “ เราคงไม่ประลองหรอกนะ  อีกอย่างเย็นวันนี้เราก็ต้องซ้อมวงกันด้วยไม่ใช่หรอ ”

                        “ เย็นวันนี้เราคงจะไปซ้อมวงด้วยไม่ได้หรอก  เพราะว่าถูกเรียกตัวไว้ในฐานะตัวแทนโรงเรียนน่ะ ”

                       “ นั่นสินะ เราก็คงจะไปดูไม่ได้ด้วยสิ  เพราะต้องซ้อมวงแล้วก็ซ้อมปิงปองอีก ”

                       “ ก็เอาอย่างนี้สิ   ลองชวนพวกเราไปดูกันเลยดีไหมละ   เราว่าพวกนั้นคงไม่ขัดข้องหรอก    อีกอย่างแค่วันเดียวคงจะไม่เป็นอะไรหรอก    ส่วนซ้อมปิงปองเราคิดว่านายก็น่าจะไปทันนะ ”

                       “  เข้าท่าๆ   งั้นเดี๋ยวเราจะลองไปชวนดูนะ ”  

                       “ งั้นก็ฝากด้วยแล้วกัน  แต่เราคิดว่ายังไงเขาก็ต้องมีการประกาศบอกให้นักเรียนได้รู้อยู่แล้วละ         แล้วว่าแต่เรื่องลงแข่งตอบปัญหาคณิตศาสตร์ละว่ายังไงจ๊ะ ”

                       “ เรื่องนั้นเราตัดสินใจแล้วละ  เราจะลงเป็นเพื่อนให้ก็แล้วกันนะ  แต่ไม่เก่งอย่าว่ากันนะ ”

                      “ ไม่เป็นไร  สู้ให้เต็มที่ก็แล้วกันนะ ”

                      “ แน่นอน ”         .ในเวลานี้วา รู้สึกอยากจะให้เวลามันผ่านไปให้ถึงหลังเลิกเรียนเร็วๆ จังเลย     เขาอยากจะเห็นฝีมือดาบของโซเฟียว่าจะเก่งกาจสักขนาดไหน    ผู้หญิงคนนี้มีอะไรซ่อนไว้เยอะจริงๆ วาคิดเช่นนั้น        





                        

                          ในที่สุดเวลาพักเที่ยงก็มาถึง  ซึ่งอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเลิกเรียนแล้ว  วาก็จะได้ไปชมการประลองแล้วสินะ       และก็ดูเหมือนว่าคงจะมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ไปชมการประลอง            เนื่องจากได้มีการประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ไปทั่วโรงเรียนหลังจากหมดการเรียนภาควิชาการในตอนเช้าอย่างที่โซเฟียว่าไว้เลย        

                  

                   โซเฟียวันนี้ไม่ได้ไปร่วมทานอาหารเที่ยงกับพวกวาด้วย    เนื่องจากเธอต้องออกไปต้อนรับพวกนักเรียนเกเบรียลที่จะมาเยี่ยมในวันนี้        

                     ระหว่างที่วากำลังเดินเพื่อที่จะไปที่โรงอาหารกับพวกของเขานั้นเอง          ไกลออกไปปรากฎรถตู้คันใหญ่สองคันวิ่งตรงเข้ามาในโรงเรียน      ซึ่งก็คงจะเดาได้ไม่ยากว่ารถตู้สองคันนั้นเป็นรถตู้ที่พานักเรียนโรงเรียนเกเบีรยลมาที่นี่นั่นเอง               วามองตรงไปยังรถตู้สองคันนั้นก็ค่อยๆจอดลงแถวหน้าประตูโรงเรียน พร้อมกับสะกิดบอกพวกของเขาให้หันไปดูด้วย      



                       ประตูรถตู้ค่อยๆ เปิดออก ซึ่งนักเรียนที่ยืนเตรียมต้อนรับอยู่ข้างๆ นั้นไม่ใช่ใครหากแต่เป็นโซเฟีย กับรุ่นพี่ซาโต้นั้นเองถ้าวามองไม่ผิด และยังมีนักเรียนอีก 2-3 คนที่ยืนอยู่ด้วย  

                      เด็กนักเรียนที่ลงมาจากรถตู้นั้นมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย พร้อมด้วยอาจารย์ที่คุมมาด้วยหนึ่งคน  และดูแต่ละคนจะไม่ธรรมดากันทั้งนั้น          ที่ทำให้นักเรียนพวกนั้นดูโดดเด่นกว่านักเรียนอับดุล อินเตอร์ ก็คงจะเป็นเพราะพวกนั้นมียูนีฟอร์มของโรงเรียนใส่มาเหมือนกันหมดทุกคนเลย       นักเรียนชายใส่แขนยาวเสื้อสีดำคอปกตั้งพร้อมกับกางเกงสีดำยาว   ส่วนนักเรียนหญิงนั้นมาในเสื้อสีขาวพร้อมกับกระโปรงยาวเกือบถึงเข่าสีข่าว     ดูแล้วเหมือนจงใจให้นักเรียนชายและนักเรียนหญิงใส่เสื้อสีสลับกันเลยก็ว่าได้    



                      นักเรียนเกเบีรยลแต่ละคนรู้สึกว่าจะมีเป้ประจำตัวมากันทุกคน  บางคนหอบเป้ใบใหญ่บางคนหอบเป้ใบเล็ก  คงจะเป็นเพราะเตรียมของมาในการประลองกันกระมัง      

      

                    ที่น่าสนใจที่สุดก็คือเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งที่ดูท่าทางหยิ่งยโสซึ่งยืนอยู่หลังสุดของกลุ่มดูจะไม่สนใจกับการต้อนรับของพวกโซเฟียเลย       และเมื่อพวกกรรมการนักเรียนพาเดินไปชมโรงเรียนเด็กนักเรียนคนนั้นกลับเดินไปคนละทางกับพวกของเขาโดยแยกออกมาคนเดียว   ดูเขาจะไม่สนใจอาจารย์ที่ติดตามมาด้วยเลย  คงจะเหมือนกับที่อาจารย์คนนั้นก็ไม่สนใจเขาเหมือนกัน          วามองดูอยู่สักครู่หนึ่งก็เดินต่อโดยไม่ได้ทำท่าทีว่าจะสนใจอะไรมากมาย      



            



                       ใต้ต้นไม้บริเวณสนามเด็กบอลโรงเรียนปรากฎเด็กนักเรียนประมาณ 4-5 คนยืนอยู่   และเด็กนักเรียนทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นใด  แต่เป็นเอมี่ เซต พร้อมกับเด็กชายร่างใหญ่ทั้งสองคนนั่นเอง      ดูเหมือนว่าพวกนี้จะยืนรอใครบางคนอยู่                     และในที่สุดคนที่พวกเขารออยู่ก็มาถึง    คนๆนั้นก็คือ เด็กนักเรียนชายจากโรงเรียนเกเบรียลนั่นเอง        



                          “ มาช้าจังนะ ”           เอมี่เป็นคนเริ่มทักทาย

                          “ ชิ อย่างน้อยก็มาถึงแล้วกัน   มีเรื่องอะไรงั้นเรอะ ”      เด็กชายคนนั้นพูดด้วยท่าทางหยิ่งยโส

                         “ แหม ใจเย็นๆก่อนสิ   นายก็น่าจะรู้แล้วนิว่าเราเรียกนายมาทำไม ”    

                         “ เรื่องไอ้เจ้านั่นนะหรอ ”

                         “ ใช่แล้วละ ”          เอมี่ยิ้มพยายามทำตัวให้ดูใสซื่อ

                        “ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา  ทำไมเราจะต้องช่วยพวกเธอด้วยละ ”      ดูเหมือนว่าเด็กชายคนนี้จะหยิ่งมากเสียด้วย  จนทำให้เด็กชายร่างใหญ่คนหนึ่งทนไม่ไหว    

                        “ หน๋อย แกพูดดีๆกับคุณเอมี่ไม่เป็นหรือไง ”

                        “ เจ้าอ้วนหรือแกอยากจะมีปัญหา ถ้ายังไงก็ได้เลยนะ ”             ดูเหมือนว่าเด็กชายร่างใหญ่อยากจะตรงเข้าไปตะบันหน้าเด็กชายคนนั้นอย่างเหลืออด แต่ก็ถูกสายตาของเอมี่หยุดไว้โดยไม่ต้องบอกกล่าว     และก็ดูเหมือนว่าถ้าเด็กชายร่างใหญ่จะเข้าไปตะบันหน้าเด็กชายคนนั้นจริงๆละก็    เด็กชายคนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเหมือนกัน

                        “ เจ้าอ้วนหรือแกอยากจะมีปัญหา ถ้ายังไงก็ได้เลยนะ ”       ส่วนเซตนั้นได้แต่ยิ้มสะเหยะโดยที่ไม่พูดอะไร    

                        “ โอ๊ย จะมามีปัญหาอะไรกันตรงนี้นะพวกเธอเนี่ย ”      เอมี่พูดพร้อมกับทำสายตาค้อน  ซึ่งดูแล้วก็น่ากลัวพอสมควร  

                        “ จะพูดอะไรก็รีบพูดมาเถอะ  ถ้าไม่รีบพูดเราก็จะไปแล้วนะ  น่าเบื่อชะมัด ”

                        “ นายช่วยไปจัดการคนที่ชื่อ วา ให้หน่อยสิ ”

                         “ เรื่องจัดการน่ะมันไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ   แต่ถ้าจัดการให้แล้วเราจะได้อะไรบ้างละ ”

                          “เรื่องค่าตอบแทนน่ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอก   แต่ถ้าจะจัดการเจ้านั่นก็อย่าลืมว่าห้ามมีเรื่องเด็ดขาด  ให้นายจัดการมันด้วยการท้าประลองแทนละกัน  ”

                          “ ชิ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะรับคำท้า ”

                          “ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง  มันต้องรับคำท้าแน่ๆ   แล้วถ้านายจัดการกับเจ้านั่นในการแข่งได้ละก็  ไม่แน่นายอาจจะได้ดวลกับดีว่าก็ได้ ”              สิ้นประโยคนั้นเมื่อได้ยินชื่อ ดีว่า ดูเหมือนว่าจะเรียกความสนใจจากเด็กชายคนนั้นได้เล็กน้อย  

                          “ งั้นก็ได้ แล้วถ้าไม่มีอะไรละก็ ขอตัวก่อนนะ ”         เด็กชายที่ท่าทางหยิ่งยโสค่อยๆ เดินด้วยท่าทางมั่นใจในตัวเองมาก     เมื่อเด็กชายคนนั้นเดินไปจนไกลแล้ว  ดูเหมือนว่าเด็กชายร่างใหญ่คนที่โดนด่าว่าอ้วนจะทนไม่ไหว

                          “ คุณเอมี่ครับ ผมหมั่นไส้มันจริงๆนะครับเนี่ย  นี่ถ้าคุณเอมี่ไม่ห้ามผมละก็…… ”

                          “ ถ้าเราไม่ห้ามนายละก็  นายนอนสลบคาพื้นแน่ ยังจะมาทำเป็นพูดดีอีก ”        เด็กชายร่างใหญ่คนนั้นเงียบไปเหมือนกับจะไม่เชื่อคำพูดของเอมี่แต่ก็ไม่กล้าขัด     ส่วนเซตนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่

                         “ เธอนี่จริงๆ เลยนะ   ไปรู้จักกับไอ้คนแบบนั้นได้ ”

                         “ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ค่ะ  แล้วเดี๋วคอยดูเองก็แล้วกันว่าผลมันจะถูกใจเซตไหม ”  

                         “ แล้วมันเป็นใครกันครับ ”    เด็กชายร่างใหญ่อีกคนดูท่าทางจะอดสงสัยไม่ได้จึงต้องถามออกไป

                         “ เจ้านั่นก็คือ  หนึ่งในสิบผู้เข้ารอบชิงการประลองยุทธ์ในปีที่แล้ว  “ จี ดาบคลั่ง “  ยังไงละ”  



                                             _____________________________________



                    



                  

                    

                    

                  

            

                    

                    

                      





                        









                        

            



        

                        













                  

                      

          

                  





                        



                        



                  



                  

                      

                      

          

            

                        

                

              
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×