คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : บทเรียนที่ 23 ความทรงจำของเจ้าหญิง และเจ้าชาย (2)
บทเรียนที่ 23 ความทรงจำของเจ้าหญิง และเจ้าชาย (2)
เจ้าชายพยายามฝ่ากลุ่มนักเรียนที่กำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่อย่างรีบร้อน และแล้วเขาก็ต้องพบว่าเบื้องหน้าของเขาปรากฏคนสองคนยืนประจันหน้ากันอยู่ ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่เขาได้ยินมาจริงๆ ด้วย
คนหนึ่งเป็นอาจารย์ในชุดมายากลกำลังยืนกอดอกอยู่ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นอาจารย์ในชุดนินจากำลังยืนกำหมัดท่าทางอารมณ์เสียอยู่ ดูท่าทางทั้งสองคนนี้จะไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่นัก
' นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นเนี่ย '
ขณะที่เจ้าชายกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไปนั้น อาจารย์ในชุดนินจา ซึ่งก็คือมาสเตอร์ชไนเดอร์ก็กล่าวขึ้น
" ผมคิดว่าเรื่องภายในชมรมของเรานั้น ไม่น่าจะต้องให้คนภายนอกอย่างคุณมาออกความคิดเห็นนะครับ "
" แต่ผมคิดว่าถึงแม้มันจะเป็นเรื่องภายในชมรมก็ตาม แต่การสั่งทำโทษนักเรียนแรงขึ้นขนาดนี้ก็ออกจะเกินไปหน่อยกระมังครับ "
มาสเตอร์ชไนเดอร์ท่าทางเริ่มโมโหมากขึ้นไปอีก สิ่งที่เขาทนไม่ได้ก็คือ การที่คนอื่นเข้ามายุ่งกับเรื่องของเขา โดยเฉพาะเรื่องภายในชมรมนินจาของเขา
" หึหึ คุณเองจะไปรู้อะไร การทำโทษแค่นี้สำหรับผมแล้วถือว่าเป็นอะไรที่เบามาก และที่สำคัญถ้าหากไม่มีความอดทนให้มันมากกว่านี้ละก็จะเป็นนินจาที่ดีได้ยังไงกัน !!! "
" เรื่องนั้นผมก็เข้าใจอยู่หรอกนะ แต่ยังไงผมก็ยังเห็นว่ามันออกจะหนักไปหน่อยนะครับ "
คราวนี้มาสเตอร์ชไนเดอร์ท่าทางจะหมดความอดทนเต็มทีเสียแล้ว
" ถ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณไม่ลองไปตั้งชมของคุณเอาเองละ หรือว่าไม่มีความสามารถกันแน่ "
คราวนี้ซาซาไรก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าไปเหมือนกัน
" ไม่ต้องห่วงครับ ผมต้องตั้งชมรมนักมายากลขึ้นมาแน่นอน แต่คำพูดที่ว่าไม่มีความสามารถเนี่ย ผมเองก็อยากจะให้ช่วยทดสอบดูเหมือนกันนะครับ "
ว่าแล้วในมือซาซาไรก็ปรากฏไพ่ขึ้นมาสามใบ
" ถ้าคุณสามารถหลบการซัดไพ่ทั้งสามใบของผมได้โดยไม่โดนเลย ก็ถือว่าผมไม่มีความสามารถ แต่ถ้าคุณไม่สามารถหลบได้ละก็ "
" หึหึ 'งั้นก็ได้ แล้วเราก็จะได้เห็นดีกัน "
มาสเตอร์ชไนเดอร์ความจริงเป็นคนที่เย็นชาอยู่แล้ว แต่พอยิ้มออกมายิ่งดูเย็นชาจนน่ากลัวกว่าเดิมอีก
เจ้าชายเห็นท่าไม่ค่อยดีนัก จึงคิดว่าควรจะเข้าไปห้ามก่อนที่จะเป็นอันตรายกันขึ้น แต่ก็ต้องถูกมือข้างหนึ่งสกัดหน้าไว้ขณะที่เขากำลังพยายามจะเข้าไปห้าม
เจ้าของมือข้างนั้นกลับเป็นเด็กหนุ่มผมยาวคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีส้มยาว เจ้าชายงงอยู่พักหนึ่ง หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้สามารถอ่านความคิดของเขาได้ หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้รู้ว่าเขากำลังจะเข้าไปห้าม ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงหยุดเขาไว้ละ
" นะ นี่ .."
เจ้าชายไม่ทันจะถามอะไร เด็กหนุ่มคนนั้นก็หันมายิ้มให้กับเจ้าชายพร้อมกล่าวอย่างช้าๆ
" การเข้าไปห้ามมันก็ดีอยู่หรอกนะครับในฐานะกรรมการนักเรียน แต่ผมคิดว่าถ้าคุณเข้าไปตอนนี้ละก็ ทั้งสองคนนั้นคงจะไม่พอใจแน่นอนเลย และคุณอาจจะโดนลูกหลงเข้าไปเองก็ได้นะครับ "
ขณะที่เด็กหนุ่มคนนี้กล่าวก็ปรากฏลมพัดโชยขึ้นมาวูบหนึ่ง
เจ้าชายเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงสามารถอ่านใจของเขาได้ แต่ที่เขารู้สึกได้ก็คือ คำพูดของเด็กหนุ่มคนนี้เชื่อถือได้จริงๆ
" แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น จะให้ทั้งสองคนนั้นสู้กันจริงๆหรอ "
เด็กหนุ่มคนนั้นพยักหน้า
" แต่ก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ ผมว่าผมพอมีทางแก้ได้นะครับ "
เจ้าชายไม่กล่าวอะไรอีก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะไม่รู้จะกล่าวอะไร หรือท่าทางที่น่าเชื่อถือของเด็กหนุ่มคนนี้กันแน่ แต่ตอนนี้เจ้าชายหยุดความคิดที่จะเข้าไปห้าม และเริ่มมองดูอยู่เฉยๆแล้ว
นักเรียนที่ต่างกำลังมุงดูอยู่นั้นต่างพากันเงียบไปตามๆกัน เพราะทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอะไรบางอย่าง หรือเป็นพลังสมาธิที่เกิดขึ้นจากตัวอาจารย์ทั้งสองคนนั้นกัน ?
" คุณพร้อมแล้วหรือยังละครับ "
ซาซาไรถามย้ำ
" หึหึ ผมน่ะพร้อมตั้งนานแล้วละ อยู่ที่คุณนั่นแหละกล้าซัดไพ่ออกมารึเปล่าก็เท่านั้น "
" ถ้าอย่างนั้นก็รับมือได้ครับ !!! "
ว่าแล้วซาซาไรก็ซัดไพ่ใบที่หนึ่งออกไป ความเร็วของไพ่ใบนี้เรียกได้ว่า แทบจะไม่เร็วเลยก็ว่าได้ ไพ่ของซาซาไรพุ่งลอยไปลอยมาตามลมอย่างช้าๆ
ไม่ว่าใครก็ดูออกไพ่ใบนี้ไม่มีทางซัดถูกมาสเตอร์ชไนเดอร์ได้แน่นอน ต่อให้ไม่ใช่มาสเตอร์ชไนเดอร์ก็ไม่มีทางถูกไพ่ใบนี้ซัดถูกแน่นอน
เจ้าชายที่ดูอยู่ก็คิดเช่นกัน พร้อมกับหันหน้าไปกล่าวกับเด็กหนุ่มในเสื้อคลุมสีส้ม
" ท่าทางไพ่ใบนี้จะต้องเสียเปล่าเสียแล้วสิ "
แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับกล่าวพร้อมกับแย้มยิ้มว่า
" ไม่หรอกครับ ไพ่ที่ซัดไม่ถูกตัวแบบนี้แหละครับ น่ากลัวที่สุด"
" หมายความว่ายังไงไพ่ที่ซัดไม่ถูกตัวถึงน่ากลัวที่สุด "
" นั่นก็เพราะว่ายังไม่ถูกตัวยังไงละครับ ถึงได้น่ากลัวที่สุด ก็เหมือนกับกระบี่เวลาที่ถูกแทงออกแต่ยังไม่ถูกตัวนั่นแหละครับ แม้ในตอนนั้นจะถือได้ว่าเป็นสภาวะที่อ่อนแอที่สุดของกระบี่ก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสภาวะที่น่ากลัวที่สุด "
กล่าวถึงตรงนี้เจ้าชายก็เริ่มเข้าใจแล้วเช่นกัน เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้สามารถมองการต่อสู้ออกได้ถึงขนาดนี้ ใช่แล้วละ ไพ่ที่ยังซัดไม่ถูกตัวถึงจะเรียกได้ว่าน่ากลัวที่สุด ก็คงเปรียบเสมือนปืนที่ยิงกระสุนออก แต่ยังไม่ถูกตัวนั่นเอง นั่นก็เพราะว่าเราไม่มีทางคิดได้เลยว่ามันจะมาถูกตัวของเราเมื่อไหร่ และหากยิ่งคิดมากก็ยิ่งต้องเสียสมาธิ ยิ่งต้องเกิดความกังวล หากไม่มีพลังสมาธิเพียงพอก็คงต้องโดนเข้าแน่นอน
ไพ่ใบนี้จึงนับได้ว่าน่ากลัวมากสำหรับมาสเตอร์ชไนเดอร์นั่นเอง
ไพ่ของซาซาไรยังคงลอยไปลอยมาอย่างไร้ทิศทาง คล้ายเป็นนกไปที่บินเล่นไปมาอยู่กลางอากาศ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นอาจจะต้องเสียสมาธิจนคลุ้มคลั่งไปแล้ว
แต่มาสเตอร์ชไนเดอร์ยังคงยืนอยู่กับที่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไพ่ใบนี้คล้ายต้องการทดสอบความอดทนของทั้งสองคน
ไพ่ยังคงลอยไปลอยมาอย่างไร้ทิศทาง มันคล้ายรอคอยโอกาสจู่โจมใส่มาสเตอร์ชไนเดอร์ในทันทีที่มีจังหวะ
และแล้วไพ่ก็เริ่มลอยขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ หากมาสเตอร์ชไนเดอร์แหงนหน้ามองตามไพ่ไปในตอนนี้ละก็จะต้องโดนแสงอาทิตย์เข้าเต็มๆ ตาแน่นอน
มาสเตอร์ชไนเดอร์ไม่ได้แหงนหน้ามองไพ่ใบนั้น
และทันใดนั้นไพ่ใบนั้นก็พุ่งดิ่งลงมาใส่กลางหัวมาสเตอร์ชไนเดอร์ กลางหัวนั้นถือว่าเป็นหนึ่งจุดบอดที่สำคัญของคนเราเลยทีเดียว นั่นเพราะหากเราไม่ได้แหงนหน้ามองขึ้นย่อมไม่มีทางรู้ได้แน่ว่ามีอะไรอยู่ที่กลางหัวของเรา ยิ่งในสภาวการณ์เช่นนี้แล้วด้วย ไม่ว่าใครก็ดูออกว่ามาสเตอร์ชไนเดอร์ต้องโดนไพ่ใบนี้แน่นอน
และก็เป็นจริงดังคาดไพ่ปักใส่หัวของมาสเตอร์ชไนเดอร์แล้วจริงๆ เสียงนักเรียนบางคนอุทานขึ้น ไม่ทราบว่าเป็นความดีใจหรืออะไรก็ตาม ส่วนซาซาไรนั้นไม่ได้ยิ้มขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับปั้นหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิมเสียอีก
เสียงนักเรียนอุทานขึ้นได้ไม่นานก็ต้องเงียบไปในทันใด นั่นเพราะมาสเตอร์ชไนเดอร์ที่ยืนอยู่ตอนนี้กลายเป็นท่อนไม้ไปเสียแล้ว
แล้วมาสเตอร์ชไนเดอร์ตัวจริงอยู่ที่ไหนกันตอนนี้ ?
" ฟุบ !!! "
ควันปรากฏขึ้นเบื้องหลังของซาซาไรด้วยความเร็วสูง มาสเตอร์ชไนเดอร์เมื่อปรากฎกายขึ้นก็ซัดมีดนินจาใส่ไพ่ที่เหลือสองใบในมือของซาซาไรทันที
ที่แท้มาสเตอร์ชไนเดอร์กลับวางแผนทำลายไพ่ที่เหลือสองใบของซาซาไรทิ้ง นั่นก็เพราะหากไม่มีไพ่เหลือให้ซัดซาซาไรก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
แต่แล้วไม่ทันที่มีดของมาสเตอร์ชไนเดอร์ที่ถึงตัวของซาซาไรตัวของซาซาไรก็เกิดระเบิดขึ้น ไพ่หลายร้อยใบกระจายออกมาจากตัวซาซาไร
แล้วซาซาไรตอนนี้หายไปไหนแล้ว ?
" ฟุป !!! "
ท่อนไม้ของมาสเตอร์ชไนเดอร์ถูกผ่าออกเป็นสองส่วน ปรากฏเป็นตัวคนผู้หนึ่งออกมาระหว่างท่อนไม้นั่น
ใช่แล้วคนๆนั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นซาซาไรนั่นเอง
เสียงนักเรียนหลายคนปรบมือแสดงความชอบใจ นั่นทำให้มาสเตอร์ชไนเดอร์เกิดความโมโหขึ้นอย่างมาก
" ไพ่ใบแรกผ่านไปแล้ว เสียดายเหลือเกินที่ไม่โดนนะครับ แต่ถ้าคิดจะทำลายไพ่ของผมละก็คงจะง่ายไปหน่อยกระมังครับ "
ซาซาไรแย้มยิ้ม จากนั้นก็คลี้ไพ่ที่อยู่ใบมือทั้งสองใบออกเป็นเชิงให้รู้ว่าการซัดไพ่ครั้งต่อไป จะเป็นการซัดไพ่ทั้งสองใบนี้พร้อมกัน ซึ่งกฎไม่ได้บอกว่าห้ามซัดพร้อมกันเพียงแต่บอกว่า ถ้าสามารถหลบการซัดไพ่ทั้งสามใบได้ถือว่าชนะ ข้อนี้มาสเตอร์ชไนเดอร์ก็รู้เช่นกัน
" หึหึ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามัวโอ้เอ้อยู่เลย รีบๆลงมือมาเลย จะได้รู้ผลกันสักที !! "
" ถ้าอย่างนั้นก็น้อมรับคำขอครับ "
ว่าแล้วซาซาไรก็ซัดไพ่ออกในทันที เห็นอยู่ว่าซาซาไรซัดไพ่ทั้งสองใบ แต่ไพ่กลับพุ่งออกมาแค่ใบเดียวเท่านั้น แล้วอีกใบหนึ่งหายไปไหนกันแน่ ?
ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดแล้ว ไพ่ของซาซาไรใบนี้ไม่เชื่องช้าเหมือนเช่นใบแรก แต่พุ่งเข้าใส่มาสเอตณืชไนเดอร์ด้วยความเร็วสูง ไพ่พุ่งต่ำลงเลียดกับพื้นเข้าใส่มาสเตอรไนเดอร์
มาสเตอร์ชไนเดอร์กระโดดหมุนตัวหลบไพ่ของซาซาไรได้อย่างหวุดหวิด แต่แล้วพอไพ่พุ่งผ่านมาสเตอร์ชไนเดอร์ไปไม่ทันไร ไพ่ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนแทบจะเท่ากับตัวของมาสเตอร์ชไนเดอร์
ไพ่ใบยักษ์หมุนกลับเข้าใส่หลังของมาสเตอร์ชไนเดอร์ด้วยความเร็วสูง ขนาดของไพ่นั้นเพียงพอจะให้โดนตัวมาสเตอร์ชไนเดอร์ได้อย่างง่ายๆ ไหนเลยรวมกับความเร็วของไพ่อีก เห็นได้ชัดว่ามาสเตอร์ชไนเดอร์ต้องโดนไพ่ใบนี้เข้าแน่ๆ
แต่แล้วร่างของมาสเตอร์ชไนเดอร์ก็แยกออกเป็นสองร่างในทันใด ร่างหนึ่งของมาสเตอร์ชไนเดอร์ถูกไพ่ใบยักษ์ซัดใส่แต่ก็กลายเป็นท่อนไม้อีกเช่นเคย ส่วนอีกร่างหนึ่งนั้นหมุนตัวขึ้นไปเหยีบบนท่อนไม้พร้อมกับยิ้มกอดอกด้วยความยินดี
" หึหึ คราวนี้เราก็รู้ผลกันแล้วสินะว่าใครกันที่มีความสามารถ "
ไพ่ทั้งสามซัดไม่ถูกมาสเตอร์ชไนเดอร์จริงๆ แต่ซาซาไรกลับไม่ได้แสดงสีหน้าว่าพ่ายแพ้เลยแม้แต่น้อย กลับแย้มยิ้มออกมาเสียด้วยซ้ำ
" ใช่แล้วละครับ เท่านี้เราก็รู้ผลแพ้ชนะกันแล้ว "
มาสเตอร์ชไนเดอร์เมื่อเห็นท่าทีของซาซาไรก็รู้ว่าผิดท่าเสียแล้ว และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ไพ่ใบหนึ่งพุ่งเข้าใส่มาสเตอร์ชไนเดอร์ด้วยความเร็วสูงจากด้านบน
คราวนี้ต่อให้มาสเตอร์ชไนเดอร์มีความสามารถเพียงไหน หรือเร็วเพียงใดก็ต้องถูกไพ่ใบนี้เข้าแน่นอน
ที่แท้ตอนที่ซาซาไรซัดไพ่นั้นไม่ได้ซัดออกทั้งสองใบพร้อมกัน แต่จงใจทำให้เหมือนกับซัดออกสองใบ และที่ทำให้ไพ่กลายเป็นใบยักษ์นั้นก็เพื่อหลอกล่อความสนใจของมาสเตอร์ชไนเดอร์ โดยอาศัยจังหวะที่มาสเตอร์ชไนเดอร์หมุนตัวกลางอากาศ ซึ่งใช้จุดอับในการมองเห็นในตอนนั้นซัดไพ่ใบสุดท้ายขึ้นไปรออยู่แล้ว
มาสเตอร์ชไนเดอร์เองก็รู้แล้วว่าตนเองจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน
แต่แล้วเหตุการณ์ก็แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ลมวูบหนึ่งพัดผ่านมาอย่างรวดเร็ว ความรุนแรงของลมนั้นเพียงพอจะให้ไพ่ของซาซาไรเปลี่ยนทิศทางไปในทันที
ไพ่ของซาซาไรถูกลมพัดตกลงกับพื้นในทันที
เสียงนักเรียนหลายคนกล่าวขึ้นอื้ออึงไปหมด ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่มีเพียงคนๆหนึ่งที่พอจะรู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นก็คือ เจ้าชายนั่นเอง
" นี่ นาย . "
เด็กหนุ่มแย้มยิ้ม
" อะไรหรอครับ "
" เป็นฝีมือนายใช่ไหม "
" ไม่ใช่หรอกครับ แต่เป็น . " เด็กหนุ่มคนนั้นมองไปเบื้องหน้า จากนั้นก็หันกลับมาหาเจ้าชาย " เป็นฝีมือของลมต่างหาก "
" เอาละครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ "
ว่าแล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว
" ดะ เดี๋ยวก่อนสิ "
เจ้าชายจะถามอะไรก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนักถ้าคุณได้มาอยู่ในโรงเรียนนี้
ต้องเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มคนเมื่อสักครู่นี้เป็นแน่ เด็กหนุ่มคนนี้คำนวณออกแต่แรกแล้วงั้นหรือ ว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่การกระทำเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าทำให้ซาซาไรพ่ายแพ้งั้นหรือ ?
" ดูท่าทางผมจะเป็นคนที่ไม่มีความสามารถจริงๆ เสียด้วย ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องชมรมของคุณ "
ซาซาไรกล่าวอย่างเหนื่อยใจ จากนั้นก็เตรียมจากไป ส่วนมาสเตอร์ชไนเดอร์ไม่ได้มีท่าทีว่าดีใจเลยแม้แต่น้อย เขาเองก็ทราบดีง่าหากเมื่อสักครู่นี้ไม่ใช่โชคช่วยเขาเองก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน
มาสเตอร์ชไนเดอร์ได้แต่ยืนนิ่งเงียบไม่กล่าวอะไร
" ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ " ซาซาไรโค้งเล็กน้อยจากนั้นก็เดินจากไป แต่ก็หันกลับมากล่าวอีกประโยคหนึ่ง " อ่อ เกือบลืมไป เรื่องตั้งชมรมนักมายากลเนี่ย ผมต้องตั้งมันขึ้นมาแน่นอนครับ แล้วพบกันใหม่ครับ "
และแล้วซาซาไรก็เดินจากไป ทิ้งมาสเตอร์ชไนเดอร์ให้ยืนขบฟันอยู่ตรงนั้นด้วยความหัวเสีย
หลังจากวันนั้นผ่านไปเจ้าชายก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองงานยุ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน เรื่องชมรม หรือเรียนกรรมการนักเรียน แต่เขาก็รู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้าง นั่นก็เพราะโซเฟียเริ่มทำงานในฐานะกรรมการคนหนึ่งได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นการแบ่งเบาภาระของเขาไปเยอะเลยทีเดียว
เจ้าชายเองยังเคยคิดไว้เลยว่า ถ้าเขาต้องเป็นประธานนักเรียนจริงๆ คงจะต้องบ้าตายก่อนแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าชายรู้สึกดีที่สุดตอนนี้ก็คือ เขาพบกับรีน่าบ่อยขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกว่าจะค่อยๆสนิทกับมากขึ้นเรื่อยๆเสียด้วย
ซึ่งอีกไม่นานก็จะเป็นวันหยุดพิเศษของทางโรงเรียน และช่วงนั้นก็จะเป็นวันเกิดของเขาด้วย เขาจึงคิดว่าจะชวนรีน่าไปเที่ยวด้วยกันสักหน่อย
แต่พอคิดขึ้นมาทีไรเขาก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาทุกที จะบอกว่าอายก็คงไม่ใช่ แต่ก่อนที่ถึงวันเกิดของเขานั้นเขาเองก็ตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องสอบเป็นพาลาดินให้ได้เสียก่อน ( พาลาดิน เป็นหนึ่งในระดับของชมรมนักสู้ศักดิ์สิทธ์ ซึ่งผู้ที่สามารถสอบเป็นพาลาดินได้นั้นถือว่าต้องเป็นคนที่เก่งมากๆเลยทีเดียว และคนที่สามารถสอบเป็นพาลาดินได้ในตอนนี้ยังไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว )
แค่คิดว่าจะต้องสอบเป็นพาลาดินให้ได้ขึ้นมาก็ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมากๆแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องทำให้ได้
ว่าแล้วเจ้าชายก็เตรียมตัวเพื่อที่จะไปสอบที่ชมรมนักสู้ศักดิ์สิทธ์ในทันที
ชมรมนักสู้ศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้ตั้งอยู่ภายในตึกอาคารชมรม แต่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของโรงเรียน นั่นก็เพราะชมรมนี้ใช้เนื้อที่ค่อนข้างเยอะ และตัวชมรมนั้นก็ไม่ใช่ตึก แต่เป็นโบสถ์ใหญ่หลังหนึ่ง
สองข้างประตูหน้าชมรมนั้นตั้งไว้ด้วยรูปปั้นนักรบสีขาวงามสง่า
พอก้าวเข้าไปในชมรมก็ปรากฏทางแยกซ้ายขวาเป็นทางยาว ส่วนด้านหน้านั้นเป็นห้องสำหรับทำพิธีการต่างๆ
เจ้าชายเดินตรงเข้าไปยังห้องพิธีก็พบกับหลวงพ่อในชุดเสื้อคลุมสีดำ บนเสื้อคลุมมีรูปกางเขนสีขาวอยู่
" ผมมาแล้วครับ "
หลวงพ่อ หรืออาจารย์ประจำชมรมหันมายิ้มให้กับเจ้าชาย ท่าทางสงบนิ่งยิ่งนัก
เจ้าชายมองไปรอบๆ ก็ปรากฏนักเรียนประจำชมรมไม่มากนัก ขณะที่กำลังจะกล่าวถามอะไรบางอย่าง ก็ปรากฏคนๆหนึ่งเดินเข้ามาหาเจ้าชาย
" แกกำลังมองหาชั้นอยู่งั้นรึ "
ชายรูปร่างอ้วนใหญ่คนหนึ่งกล่าวขึ้นด้านหลังเจ้าชาย
" ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ตำแหน่งพาลาดินยังไงๆซะ มันก็ต้องเป็นของชั้นเข้าใจไว้ด้วย "
ชายคนยืนหน้าเข้ามาใกล้จนหนวดของชายคนนั้นแทบจะติดกับหน้าของเจ้าชายพร้อมนั้นกล่าวด้วยความมั่นใจ
" ชิ อย่างแกหรือจะเอาตำแหน่งพาลาดิน ชั้นต่างหากละที่จะเป็นคนเอาตำแหน่งพาลาดิน "
เสียงนั้นกล่าวขึ้นจากด้านหลังชายอ้วนใหญ่ กลับปรากฏชายรูปร่างผอมสูงคนหนึ่งเดินเข้ามา ดูท่าทางเป็นคนที่มีความมั่นใจไม่แพ้ชายอ้วนใหญ่เลยทีเดียว
หลวงพ่อคล้ายกับชินกับท่าทางของคนทั้งสองคนนี้แล้ว จึงกล่าวขึ้นอย่างเรียบๆ
" เอาละที่พวกเจ้ามาในวันนี้นั้นหมายความว่าพวกเจ้าพร้อมที่จะสอบเลื่อนขั้นเป็นพาลาดินใช่แล้วหรือไม่ "
" แน่นอนอยู่แล้วครับ "
ชายผอมสูงเป็นคนตอบ
" แล้วเจ้าละ ออกัส " หลวงพ่อถามชายอ้วนใหญ่ หรือออกัส
" แน่นอนอยู่แล้ว และคนที่เป็นก็ต้องมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้น "
ส่วนเจ้าชายไม่รอช้าตอบไปในทันที
" ส่วนผมถึงแม้จะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าพร้อมแล้วละครับ "
หลวงพ่อเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าชายก็ยิ้มขึ้นมา เหมือนกับพอใจในคำพูดเช่นนี้มากกว่า
ออกัส กับชายผอมสูงเมื่อเห็นหลวงพ่อยิ้มให้กับเจ้าชายก็ส่งสายตาชิงชังให้กับเจ้าชาย แต่เจ้าชายแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น นั่นยิ่งสร้างความโมโหให้แก่ทั้งสองคนเข้าไปอีก
" เอาละถ้าพวกเจ้าพร้อมกันแล้วละก็ตามพ่อมาทางนี้เลย "
ว่าแล้วหลวงพ่อก็พาทั้งสามคนออกจากห้อง และเดินไปทางขวาของทางแยก ทั้งสามเดินตรงไปเรื่อยๆไม่ทราบว่าในใจมีความรู้สึกอย่างไร ส่วนเจ้าชายนั้นรู้สึกแค่ว่าเขาไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด
เมื่อเดินมาจนสุดทางเดินก็พบกับประตูบานใหญ่หลวงพ่อค่อยๆ ผลักประตูนี้ออกอย่างช้าๆ ภายในห้องมืดมิดยิ่งนัก
" พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ก่อนนะ "
จากนั้นหลวงพ่อก็เดินตรงเข้าไปยังห้องที่แสนมืดมิดนั้น โดยที่ไม่ได้จุดไฟเลยแม้แต่น้อย
" เอาละ พวกเจ้าเข้ามาได้แล้ว พวกเราจะเริ่มการทดสอบนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ขอให้เจ้าพวกเตรียมตัวให้พร้อมด้วย "
" โอ๊ยๆๆๆ " เจ้าชายร้องออกมาเมื่อถูกนิ้วกดลงที่แผล " เล่นอะไรนี่ยมันเจ็บนะ "
" แหม ก็แค่อยากรู้นี่หน่าว่าเจ็บจริงรึเปล่า " รีน่าหัวเราะอย่างชอบใจ
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว เจ้าชายหลังผ่านการสอบออกมาก็พบกับรีน่าที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าหอโดยบังเอิญ รีน่าตอนที่เห็นเจ้าชายตอนแรกถึงกับตกใจที่ทำไมเจ้าชายถึงได้มีบาดแผลมากมายถึงขนาดนี้ จึงรีบไปเอาเครื่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาช่วยจัดการกับบาดแผลให้ และทั้งสองคนก็มานั่งกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นี่จนถึงตอนนี้
" ทำไมต้องทดสอบอะไรกันแบบนี้ด้วยนะไม่เข้าใจเลย "
" ก็ถ้าไม่ทดสอบโหดๆ ป่านนี้คนก็คงสอบผ่านกันหมดแล้วละ " เจ้าชายหน้ามุ่ย แต่พอหันไปสบตากับรีน่าแล้วก็อดที่จะเขินอายไม่ได้
" ฮืมม์ อากาศใต้ต้นไม้นี้ดีอย่างนี้นี่เองนะเนี่ย เพิ่งจะรู้ มิน่าละชอบมานั่งที่นี่คนเดียว " รีน่าสูดหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมกับมองไปรอบๆ
" ใช่แล้วละ เราชอบมานั่งใต้ต้นไม้ต้นนี้มากเลย มันทำให้เรารู้สึกมีสมาธิ และก็เวลาที่มีอะไรเครียดๆ ก็เหมือนกับเจ้าต้นไม้ต้นนี้มันคอยรับฟังปัญหายังไงก็ไม่รู้ "
" อืม ว่าแต่เธอสอบผ่านไหม "
เจ้าชายยิ้มเจือนๆ " เหอๆ ขอโทษทีนะ แต่เราไม่ผ่านละ "
" หรอ น่าสงสารจริงๆนะ "
" แต่ยังไงเราก็จะพยายามสอบต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะผ่าน ยังไงถ้าเราพยายามต่อไปเรื่อยๆ ก็ต้องสำเร็จแน่นอน "
" อืม อย่างนั้นแหละดีแล้ว " รีน่ายิ้มให้กับเจ้าชาย " อืม ว่าแต่หลังจากเข้าไปในห้องนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้นหรอ "
" จะให้เล่าจริงๆ อะหรอ "
รีน่าไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน
เจ้าชายทอดสายตามองไปยังท้องฟ้า จากนั้นค่อยๆเล่าเรื่อดงให้รีน่าฟัง รีน่าพอฟังจบก็มองเจ้าชายด้วยความแปลกใจ
" โห งั้นนายก็เก่งมากเลยสิ ที่รอดออกมาได้เนี่ย "
" มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพราะถ้าเก่งจริงก็คงจะสอบผ่านไปแล้วละ "
" แล้วที่ว่าต้องเอาชนะคนยี่สิบคนให้ได้ด้วยตัวคนเดียวนี่จริงหรอ "
" อืม ก็จริงน่ะสิ "
รีน่าถอนหายใจ
" เอาเถอะ ยังไงก็ขอให้พยายามให้ได้เป็นพาลาดินสมใจละกันนะ ว่าแต่อาทิตย์หน้าก็มีวันหยุดพิเศษของทางโรงเรียนด้วยสินะ นายกะว่าจะไปไหนหรอ "
พูดถึงตรงนี้เจ้าชายก็เริ่มหน้าแดงแล้ว
" เราหรอ อืม " ยิ่งโดนรีน่าจ้องมาอย่างนี้แล้วยิ่งเขินเข้าไปใหญ่
" ก็กะว่าจะสอบเป็นพาลาดินให้ได้ก่อนนะ แต่ดูท่าคงจะไม่ทันแล้วละ " เจ้าชายพยายามรวบรวมความกล้า " แล้วเธอละ "
" เราหรอ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าหากว่ามีชวนออกไปเที่ยวก็คงดีสินะ "
" อ่า แล้วมีคนชวนไปเที่ยวแล้วหรือยังละ " เจ้าชายพยายามกลั้นความกลัวไว้
" ก็ ยังหรอกนะ "
" แล้วอยากไปไหนละ "
" ก็แล้วแต่คนชวนอีกนั่นแหละ " รีน่าหันมายิ้มให้กับเจ้าชาย เหมือนจะให้เจ้าชายเป็นคนชวนให้ได้
" อ่า ถ้าเป็นสวนสนุกอีโคแลนด์ละเป็นยังไง ไม่ไกลด้วย "
" อืม ก็ดีนะ " รีน่ายังคงจ้องมองเจ้าชายอยู่ " แหมแต่ก็นะ นายถามอย่างกับจะชวนเราไปเลยนะ "
" กะ ก็ " เจ้าชายหลบตารีน่า จากนั้นไม่ทราบว่าเขาเอาความกล้ามาจากไหน กล่าวออกไปในทันที
" ถ้าไม่รังเกียจจะไปเที่ยวสวนสนุกกับเราไหมละ "
โลกทั้งโลกคล้ายหยุดหมุนเจ้าชายมีความารู้สึกเหมือนกับถูกหยุดเวลาเอาไว้
รีน่าแอบยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็ตอบเจ้าชายไปว่า
" อืม ขอคิดดูก่อน " เจ้าชายถึงกับแทบอยากจะขุดหลุมฝังตัวเอง รีน่าสังเกตได้ก็แอบขำอยู่นิดๆ จากนั้นก็กล่าวต่อไปว่า " เอาละคิดเสร็จแล้ว เราตกลง "
เจ้าชายเมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ดีใจจนแทบจะกระโดดขึ้นมาเลยทีเดียว แต่เขาก็ต้องพยายามสะกดความดีใจเอาไว้
" แล้วว่าแต่เราจะไปวันไหนดีละ " เจ้าชายถามอย่างดีใจ
" เอาเป็นวันพฤหัสดีไหม เราขอทำการบ้านให้เสร็จก่อนหนึ่งวัน "
วันพฤหัสงั้นรึ วันนั้นเป็นวันเกิดของเจ้าชายนี่หน่า เจ้าชายรู้สึกโชคดีที่สุดในโลกเลยจริงๆ นี่คงจะต้องเป็นวันเกิดที่ดีที่สุดของเขาแน่นอน
" โอเค งั้นเป็นวันพฤหัสหน้าละกันนะ "
" อืม " รีน่าค่อยๆ ลุกขึ้น ลมพัดทำให้ผมของเธอถูกพัดไปพร้อมกับสายลม ช่างเป็นเจ้าหญิงที่แสนสวยจริงๆ เจ้าชายคิดเช่นนั้น " ถ้าอย่างนั้นเราขอตัวก่อนนะ ต้องรีบไปทำการบ้านน่ะ " รีน่ากล่าวจากนั้นโบกมือให้กับเจ้าชาย
" ได้ๆ งั้นไว้เจอกันนะ "
เจ้าชายโบกมือให้กับรีน่า ก่อนที่รีน่าจะเดินจากไป เจ้าชายไม่เคยคิดว่าเลยเขาจะโชคดีได้ถึงเพียงนี้ ดูท่าทางวันเกิดของเขาคราวนี้จะต้องเป็นวันที่เขาจดจำไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว
เขาจะชวนเธอไปเล่นเครื่องเล่นอะไรดีนะ หรือจะชวนไปกินอะไรดี หลังจากคิดอยู่ได้สักพักเจ้าชายก็ค่อยๆลุกขึ้น เตรียมตัวกลับเข้าหอ
ลมพัดเย็นสบายจริงๆ ถ้าความสุขอยู่กับเราเรื่อยๆ อย่างนี้ก็คงดีสินะ ..
_______________________________________
ความคิดเห็น