ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #3 : บทเรียนที่ 2 พบเพื่อน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.16K
      79
      13 ธ.ค. 46

                                                    บทเรียนที่ 2    พบเพื่อน





               เวลาหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปเร็วปานจะดม    ซึ่งมันก็หมายความว่า โรงเรียน อับดุล อินเตอร์  พร้อมที่จะเปิดเรียนแล้ว      ความจริง วา เองก็อยากจะให้มันเปิดเร็วๆ  อยู่แล้วเหมือนกัน    ในตอนแรกนั้น วา กะว่าจะ หอบของมาอยู่ที่หอของโรงเรียนเลย  แต่ว่า ตอนปิดเทอมตอนที่วา ไปสมัครเรียน  ดูเหมือนจะไม่มีคนมาพักอยู่เลย   จึงไม่ได้หอบของมาตอนปิดเทอม    



             ปัญหาก็คือ  วันนี้เป็นวันเปิดเรียน  แถม วาจะต้อง หอบของทั้งหมดไป ที่โรงเรียนอีก        เขาคงดูตลกน่าดู  เด็กนักเรียนใหม่พร้อมกับ สัมภาระ      คิดแล้ววาก็รู้สึกเขิน   แต่ทำไงได้ เอ้า! ต้องรีบไปแต่เช้าด้วยวันนี้ จะได้เอาของไปเก็บในหอพักที่โรงเรียน     กี่โมงแล้วเนี่ย    วา ถามตัวเองพร้อมกับ ดูนาฬิกาข้อมือ  ซึ่งตอนนี้บอกเวลาตี 4.10 น.      



             วา ตรวจเช็คของเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนที่จะเดินออกจากบ้าน พร้อมกับล็อคประตูบ้าน   อากาศยามเช้าวันนี้ดูเป็นใจสำหรับวันเปิดเรียนใหม่จริงๆ    วาสูดหายใจเข้าเต็มปอด    นี่ก็ใกล้ฤดูหนาวแล้วสินะ      ฤดูหนาวเป็นฤดูที่วาชอบมาก  เพราะ มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นถึงแม้อากาศจะหนาวก็ตามที      



           วันนี้วาเรียกรถแท็กซี่พร้อมกับ บอกสถานที่ว่า จะไปโรงเรียนอับดุล  อินเตอร์เหมือนครั้งแรก ที่ไป   แต่คราวนี้แท็กซี่ ทำท่าทางไม่ค่อยอยากจะไปอย่างแรง    วา จึงบอกว่า จะให้เงินเพิ่มอีก 50 บาท  ถ้าเขายอมพาไปส่ง    แท็กซี่จึงตกลง               เวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง รถแท็กซี่ก็นำว่า มาถึงโรงเรียนอับดุล อินเตอร์     วา ดูนาฬิกาข้อมือ อีกทีเพื่อความแน่ใจว่า เขามาตาม เวลาที่เขาได้ตั้งไว้      ใช่แล้วตอนนี้เวลา 5.20น.  เขามาก่อนเวลาที่เขาคิดไว้ 10 นาที          



          วาหอบสัมภาระ ข้าวของที่เขานำมาจากบ้านตรงไปที่ยังหน้าประตูโรงเรียน   และเขาก็ต้องแปลกใจที่ วันนี้มียามเฝ้าประตูโรงเรียนด้วย ไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่เขา มาตอนปิดเทอม    แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้เขาตกใจ   ถ้าหากว่า ยามที่ยืนอยู่หน้าประตู นั่นไม่ได้ใส่ชุดโจรสลัดยืนอยู่         วา คิดในใจ โอ้ จอชย์   นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย   หรือว่าจะมีโจรสลัดบุกโรงเรียน  คิดไปคิดมามันก็เป็นไปไม่ได้นี่   เอาไงดี    ขณะที่วากำลังลังเล   ว่าจะผ่านหน้าประตูโรงเรียนเข้าไปได้ไหมนั่น  ก็มีเสียงของเด็กคนหนึ่งตะโกนมาทางเขา

      

           “ เฮ้! นายมั่วยืน ทำอะไรอยู่ตรงนั้นนะ ไม่รีบเข้าไปในโรงเรียนล่ะ ฮ่าๆ  ”    วา หันไปมองที่เจ้าของเสียงที่อยู่ข้างประตูโรงเรียน   ก็พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง  ใส่เสื้อสีแดง กางเกงยีนสีน้ำเงิน   รูปร่างผอม ส่วนสูงน่าจะพอๆ กับเขา    ใส่แว่นตาใส่  ดูท่าทางมีความรู้พอสมควร          ยังไม่ทันที่วาจะหันไปพูดอะไรกับเขา    เขาก็พูดต่อว่า



           “ ดูท่าทางนายจะเป็นนักเรียนใหม่สิท่า  ถึงดูท่าทางไม่คุ้นกับกัปตันดูส เลย ”     วา คิดในใจ กัปตันดูส ? เขาคงไม่ได้หมายถึง โรสลัดที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนหรอกนะ          

          “ เออ คือ ใช่แล้วเราเป็นนักเรียนใหม่ ว่าแต่นายเป็นใครหรอ ”   วา ถามกลับ

       “ อ๋อ ขอโทษทีที่เสียมารยาม ลืมแนะนำตัวไป  เราชื่อ นีโอ เป็นรูมเมท หรือ เพื่อนร่วมห้องของนายไงละ   ว่าแต่นายชื่อ วา ใช่ไหม ”    นีโอถามพร้อมกับยิ้ม      ทำให้วาถึงกับงง ทำไมเดกคนนี้ถึงรู้ชื่อเราได้นี่  

      “ นายรู้ชื่อเราได้ไงเนี่ย ”   วา รีบถามกลับทันที

       “ ก็นายเป็นรูมเมทของเรานี่นา  เราได้รับแจ้งว่าจะมีคนมาอยู่ห้องเดียวกับเรา ตอนเปิดเทอมอ่านะ   เราคิดว่านายน่าจะมาตอนเช้าอ่านะ ซึ่งเราก็เดาถูกด้วย เลยมายืนดักรออยู่ตรงนี้   รอตั้งนานแน่ะ ดีนะที่ไม่มาสายกว่านี้  ไม่งั้นเราคงไม่รอแล้วแหละ  อากาศข้างนอกหนาวจะตายไป          เอาละๆ รีบเข้าหอไปเก็บข้าวของเถอะ  วันนี้เป็นวันเปิดเรียนใหม่ด้วย  คงต้องวุ่นวายน่าดูเลย   ”    พอ นีโอพูดจบ  เขาก็เดินนำหน้า วา ผ่านเข้าประตูโรงเรียน  

        “ อ้าว – เป็นอะไรไม่รีบตามมาเล่า ”    นีโอตะโกนเรียกวา ซึ่งตัวขอวาเองก็กำลังมึนๆ  ว่าทำไมอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้    แต่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของนีโอ วาก็รีบตามเข้าประตูโรงเรียน    วารู้สึกกลัวๆ ที่เขาจะต้องเดินผ่านกัปตันดูส     ขณะที่วากำลังจะเดินผ่านเข้าประตูโรงเรียน  กัปตีนดูสก็ชักดาบออกจากมาขว้างหน้าวา

      “นีโอ ช่วยด้วย !!! ”  วา ตกใจมากพร้อมตะโกนเสียงดังเรียกนีโอ  

       “ อ๋อ ขอโทษทีที่ลืมบอกไป คิดว่านายรู้กฎระเบียบของเราดีแล้วสะอีก   จะเข้าผ่านประตูโรงเรียนเรา ได้ต้องมีเข็มติดอยู่ที่อก มิเช่นนั้นจะไม่สามารถผ่านคนเฝ้าประตูได้นะ  เพราะเนื่องจากอาจจะมีเด็กนักเรียนที่ไม่ใช่โรงเรียนเราแอบลักลอบเข้ามาได้  ”     นีโอพูดพร้อมกับหัวเราะใส่วา

        วา รีบหยิบเข็มของโรงเรียนมาติดทันที   และแล้ว วา ก็นึกถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่ห้องการเงินขึ้นมาทันที  ที่บอกเขาว่าให้เก็บรักษาเข็มให้ดีๆ เพราะมันใช้ผ่านเข้าประตูโรงเรียน   แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะสำคัญมากขนาดไม่ติดจะเข้าไม่ได้เลย      หลังจากติดเข็มที่อกข้างขวาเสร็จเรียบร้อยแล้ว  กัปตันดูสก็ลดดาบลงพร้อมกับเปิดทางให้แก่วา        วารีบหอบสัมภาระวิ่งตามนีโอไป

         “ นายได้ทานอะไรมาหรือยังวา ”   นีโอหันหน้าไปถามวา

         “ เราหรอกินมาแล้วละ ขอบคุณมาก ”   วาตอบยิ้มให้แก่วา   รู้สึกดีใจที่ได้เพื่อนใหม่ตั้งแต่เช้าแถม ยังดูท่าทางนิสัยดีมีความรู้มากอีก  ท่าทางจะเป็นที่พึ่งได้         นีโอพาวาเดินไปทางขวาของโรงเรียนเรื่อยๆ     ทัศนียภาพของโรงเรียนในยามเช้าช่างดูสงบเยือกเย็นดีจัง  วาคิดในใจพร้อมกับมองสิ่งต่างๆ ทั่วโรงเรียน   และในที่สุดนีโอก็พาวามาถึงหอพักของโรงเรียน ซึ่งกว่าจะมาถึงก็เดินค่อนข้างจะไกลพอสมควร    หอพักของโรงเรียนมีสองหอแยกออกจากกัน  ซึ่งหอทั้งสองนี่ ดูช่างใหญ่โตมโหฬารและสูงราวๆ  20 ชั้น  ดูไม่ต่างจากโรงแรมระดับ 5 ดาวสักเท่าไร   ตัวหอทั้ง 2 เป็นสีขาว   นีโอพาวาเดินไปที่ประตูทางเข้าหอพักชายซึ่งอยู่ทางขวา     บันไดทางเข้านั้นเป็นหินอ่อนสีขาว  สองข้างบันไดมีรูปปั้นมังกรสีขาวทั้งสอง ดูแล้วสง่างามและยิ่งใหญ่  ท่าทางคงจะใช้เงินสร้างไม่น้อยเลยทีเดียว   เมื่อเข้ามาในหอพัก ซึ่งไม่ต่างจากโรงแรมสักเท่าไรนัก    ทางด้านขวาเป็นล็อบบี้ปูด้วยพรมสวยหรู  ทางด้านขวาคงเป็นร้านขายอาหารต่างๆ          วา คิดในใจว่าคงไม่มีหอพักไหนในโลกยิ่งใหญ่ไปกว่าที่หอพักของโรงเรียนอับดุล  อินเตอร์แห่งนี้เป็นแน่แท้   นี่มันโรงแรมระดับ 5 ดาวชัด      

           นีโอเมื่อเห็นท่าทางตะลึงของวาก็หัวเราะออกมาเบาๆ        “  เอาละๆ อย่ามัวแต่ชมเผลิน รีบตามมาห้องของเราอยู่ที่ชั้น 5 แน่ะ นายนี่เป็นคนทาทางตลกดีจริง “   คำพูดของนีโอทำให้วาตื่นจากอาการตะลึง และเดินตามเขาไปเรื่อยๆ  จนไปถึงหน้าลิฟท์    ลิฟท์มีทั้งหมด 2 ด้าน คือ ด้านทางซ้ายและขวา ด้านละ 4 ตัว    

          นีโอเดินตรงไปกดปุ่มลิฟท์  ไม่ทันไรลิฟท์ก็เปิดช่างรวดเร็วสะนี่ยิ่งกระไร   วาเดินตามนีโอเข้าไปในลิฟท์    เมื่อวามองไปที่แป้นกดปุ่มลิฟท์ก็ต้องพบกับความตะลึงต่อ

            โอ้โห – อะไรกันนี่ทำไมแถบคำสั่งต่างๆ มันเยอะแยะมากมายขนาดนี้ และชั้นก็ไม่ได้มีแค่ 20 ชั้นอย่างที่วาคิด แต่มันกลับมีถึง 50 ชั้น !!    เหมือนจะรู้ทันใจวา นีโอก็พูดขึ้นมาว่า

            “ ไม่ต้องตกใจไปหรอกนา  แถบคำสั่งมันดูเยอะก็จริงแต่ก็ใช้เหมือนลิฟท์ธรรมดานะแหละ  ”   สักครู่หนึ่งลิฟท์ก็ค่อยๆ เปิดออก            วาเดินตามนีโอไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ที่ห้องๆ หนึ่งแล้ว  นีโอก็หยิบการ์ดใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า  

            “ เอ้า – นี่รับไป มันเป็นการ์ดรหัสไว้เปิดประตูห้องของเรานะ ”    นีโอยื่นการ์ดให้วา  มันเป็นการ์ดแข็งสีเงินสลักด้วยตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน    

            “ นายเอาการ์ดใบรูดกับแผงวงจรที่ประตูสิ ”    

           “ ทำไมตองให้เราเป็นคนรูดด้วยอ่าเนี่ย ”  วาถามไปแต่มือก็นำการ์ดไปรูดกับแผงวงจรที่ประตูห้อง  

           “ ก็มันเป็นห้องของนายเพราะฉะนั้นนายก็ควรจะเปิดมันถึงแม้ว่า เราจะอยู่ห้องเดียวกันก็เถอะ ถือว่าเป็นการเปิดต้อนรับนักเรียนใหม่ละกัน  ”     แป้นที่แผงวงจรเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวซึ่งก็หมายความว่า ประตูสามารถเปิดได้แล้ว   วาค่อยๆบิดกลอนประตูห้องออก   สิ่งที่วาเห็นนั้นทำให้เขาหายเหนื่อยจากการแบกสัมภาระมานาน   มันเป็นห้องที่วิเศษมากในสายตาของวา    ราวๆ กับห้องสูทของโรงแรมก็ไม่ปาน  

           “ นั่นเตียงของนายนะ ทางด้านขวานะ ”   นีโอชี้มือไปที่เตียง   เมื่อรู้เช่นนั้นวาก็วางสัมภาระพร้อมกับวิ่งกระโดดไปนอนแผ่ที่เตียง    โอ้ มันช่างนุ่มอะไรปานนี้ นี่หรือเตียงที่เราจะใช้นอนตลอดการอยู่ประจำ มันนุ่มกว่าที่บ้านเราอีกนะเนี่ย วาคิด

          “ มาถึงก็นอนแผ่เชียว ไม่จัดของหน่อยหรอ นี่ก็ 6 โมงสิบแล้วนะ  ”    

          “ ขอเวลาสกครู่เถอะกำลังสบายเลย ”

          “ ตามสบาย งั้นเราขอเวลาไปจัดของๆ เราก่อนนะ ”    พูดเสร็จ นีโอก็เดินไปกดปุ่มเปิดเครื่องปรับอากาศตรงข้างๆ ประตูทางเข้าห้อง   จากนั้นก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะของเขา  แล้วก็นั่งจัดอุปกรณพร้อมนำใส่เป้  สิ่งที่นีโอนำใส่กระเป๋านั้นมีแต่หนังสืออย่างเดียวเท่านั้น   วาคิดในใจว่าโรงเรียนนี้ก็คงเหมือนโรงเรียนธรรมดาๆ นั่นแหละ คือ เรียน เรียน เรียนแล้วก็สอบ        

          “ เราต้องเตรียมอะไรบ้างสำหรับวันนี้ละ นีโอ  ”    วาถาม และนีโอก็หันหน้าจากเก้าอี้มาทางวา

          “ วันนี้คงไม่ต้องเตรียมอะไรมากหรอกนายแค่เตรียมอุปกรณ์การเรียนพวกเครื่องเขียนธรรมดาไปก็พอแล้วละ   ตอนเช้าเราจะเรียนพวกวิชาการกัน แต่ส่วนตอนบ่ายของทุกวันก็จะเป็นพวกชมรม แต่ละคนก็จะมีชมรมเป็นของตัวเอง    อย่างเช่นเราก็จะอยู่ชมรมผู้รอบรู้ เรียนเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์ต่างๆ ในโลกนี้ พูดง่ายๆก็คือ พวกความรู้รอบตัวนั่นแหละ “    

         “ โรงเรียนนี้ทำไมเน้นกิจกรรมเยอะจัง เรียนกิจกรรมทุกบ่ายเลยหรอเนี่ย  อย่างนี้ถ้าใครเลือกกิจกรรมพวกกีฬาก็เล่นแต่กีฬาทุกบ่ายเลยละสิ แล้ว ถ้ายิ่งคะแนนไม่ดีจะเรียนรอดหรอ วิชาการมีแค่คาบเช้าเอง  ”  

        “ เรื่องนั้นนะหรอ  นายเป็นคนมาสมัครเองกลับไม่รู้หรอว่าโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนที่เน้นกิจกรรมมากกว่าวิชาการนะ  คะแนนวิชากิจกรรมมีตั้ง 4 หน่วยกิจเชียวนะ  เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยวิชาการจึงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเราสักเท่าไร  แต่สำหรับเราเนี่ยเป็นพวกชมรมผู้รอบรู้เพราะฉะนั้นคนในชมรมจึงมีแต่พวกหัววิชาการทั้งนั้นแหละ คือ พูดง่ายๆ ว่าชมรมเรามีแต่พวกหัวกะทิยังไงละ ”   นีโอชี้แจงให้วาฟัง ทำให้วายิ่งรู้สึกประหลาดใจกับโรงเรียนของเขามากขึ้นไปอีก

        “ แล้วอย่างนี้เราควรจะเข้าชมรมอะไรดีละ เราไม่อยากถูกจับยัดเข้าชมรมแบบโรงเรียนเก่าเราหรอกนะ เพราะตอนนั้นชมรมที่เราจะเข้ามันเต็มนะ   ”   วาคิดในใจ ว่าถ้าเขาต้องถูกบังคับให้ไปอยู่ชมรมที่ตัวเองไม่ชอบแบบที่โรงเรียนเก่าเขาต้องแย่ไปตลอดการเรียนที่นี่เลยนะเนี่ย

       “ เรื่องนั้นหายห่วงไปได้เลยเพราะที่โรงเรียนเรามีชมรมให้เลือกเยอะมาก แบบว่านายแทบจะเลือกไม่ถูกเลยเชียวละ และชมรมหนึ่งก็มีคนไม่มากสะด้วย เพราะมันมีชมรมเยอะมาก  ”  

       “ งั้นนายช่วยยกตัวอย่างชมรมที่โรงเรียนนี้ให้ดูหน่อยสิ ”  วาเริ่มอยากรู้เพราะเพื่อที่เขาจะได้เตีรียมตัวเลือกชมรมที่ตัวเองชอบให้ได้  

       “ ยกตัวอย่างแล้วอย่าเพิ่งตกใจไปละ ก็อย่างเช่นชมรมเรา ชมรมผู้รอบรู้, ชมรมดนตรี  ชมรมจอมยุทธ์ ชมรมนินจา  ชมรมคอมพิวเตอร์  ชมรมอัศวิน  ชมรมกีฬา และรุ้สึกว่าปีนี้จะมีชมรมเข้ามาใหม่นะ คือ ชมรมนักมายากล ชมรมที่พูดมาทั้งหมดก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ ถ้านายอยากรู้รายละเอียดอะไรมากกว่านี้ก็ค่อยไปถามอาจาร์ยเอาเองละกันนะ อีกอย่างหนึ่งคือ แต่ละชมรมจะมีแบ่งย่อยเข้าไปอีกอย่างเช่นชมรม นักดนตรีเนี่ย ก็จะแบ่งเป็น นักร้อง กีต้าร์ หรือเรียนเครื่องดนตรีแต่ละชนิดแยกออกมา หรือ ชมรมกีฬาก็มีย่อยมาอีกเป็นกีฬาแต่ละชนิด  “      จากที่วาได้ฟังนีโอพูดมานั้นยิ่งทำให้วาสนใจโรงเรียนนี้มากขึ้นไปอีก ทำไมชมรมมันเยอะขนาดนี้เนี่ย   แต่ที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือ ชมรมนักมายากลซึ่งอาจจะเป็นเพราะ มันเป็นชมรมที่มาใหม่พร้อมกับเขาด้วยกระมัง   และที่สำคัญเขาเป็นคนชอบมายากลอยู่แล้วสะด้วย

        “ เท่าที่ฟังมานะ เรามีความรู้สึกว่าเราน่าจะเข้าชมรมนักมายากลนะ ฟังดูแล้วน่าสนใจดี คิดว่าไงบ้างละ ”

         “ อืม นายสนใจทางด้านมายากลด้วยหรอ เราว่ามันค่อนข้างจะยากนะ ท่าทางมันคงจะต้องใช้ประสาทสัมผัสเยอะมากสะด้วย จากที่เราได้เคยศึกษามานะ ”  นีโอบอกว่า

        “ เราไม่สนว่ามันจะยากหรือง่ายหรอก แต่เราถือว่าทุกคนมีความสามารถเท่ากันหมดทุกคนแหละ  มันอยู่ที่ว่าใครขยันหมั่นฝึกซ้อมมากกว่าใครเท่านั้นแหละ  ถึงมันจะยากแต่ถ้าเราหมั่นขยันฝึกซ้อมมันก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเราหรอก ”   วา พูดตามความรู้สึกของเขา

         “ พูดใช้ได้นิ เอาละ ถ้านายอยากจะเข้าจริงๆ ละก็ลองไปสมัครดูละกันนะ นี่ก็ได้เวลาแล้วละ  รีบๆจัดของให้เรียบร้อยละกัน  เราจะได้ลงไปข้างล่างเพื่อเข้าแถวเตรียมตัวไปเรียนกัน ”    วาได้ยินเช่นนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอยากจะไปเข้าเรียนเร็วๆ    แต่ที่สำคัญก็คือ เขาอยากจะได้เรียนวิชาชมรมเร็วๆ จัง  ชมรมนักมายากลหรอ มันจะเป็นยังไงน้า  ยิ่งคิดยิ่งสงสัย      วาจึงรีบจัดของเพื่อเตรียมตัวไปเรียนแต่เขาก็คิดไม่ออกว่าจะควรนำเอาอะไรไปบ้าง เขาจึงเอาแค่สมุดจดกับเครื่องเขียนใส่เป้ใบโปรดของเขาไป

       “ โอเค เราจัดของเสร็จเรียบร้อยแล้วละ จะไปกันเลยรึยังละ ”    วารีบบอกนีโอ เพราะเขาก็อยากจะไปเร็วๆ อยู่แล้ว

        “ เอาละในเมื่อพร้อมแล้วก็ไปกันเลย ”     นีโอส่งยิ้มไปให้วา เหมือนรู้ความในใจ   พร้อมกับเดินไปเปิดประตูห้องพัก วาเดินตามมาติดๆ  พอออกมากจากห้องพักแล้ววาก็ปิดประตู    

         “ อย่าลืมทุกครั้งที่เข้าหรือออกจากห้องให้ใช้การ์ดรูดกลับไปด้วย ห้องจะได้ล็อค ไหนนายลองทำสิ ”   วาทำตามที่นีโอบอก โดยนำเอาการ์ดจากมือนีโอไปรูดที่แผงวงจรอีกครั้งหนึ่ง  เมื่อแผงวงจรเปลี่ยนเป็นสีแดงก็แสดงว่าห้องได้ทำการล็อคเรียบร้อแล้ว   วาจึงยื่นการ์ดกลับไปให้นีโอ    

         “ ไม่ต้องคืนหรอกนั่นมันคือการ์ดของนายนะ พอดีเราลืมให้ตอนแรกอ่านะ ”    วาจึงเก็บการ์ดใบนั้นใส่กระเป๋าสตางค์ของเขา  รอบๆ บริเวณข้างนอกห้องยังไม่มีคนเลยสักคน สงสัยคงจะออกกันไปหมดแล้วมั้ง    วาและนีโอเดินตรงไปที่ลิฟท์ วากดที่ปุ่มรอลิฟท์       ขณะกำลังรอลิฟท์อยู่นั้น   ประตูห้องๆ หนึ่งซึ่งอยู่ทางด้านขวาในสุดก็ได้เปิดออก  พร้อมกับเด็กหนุ่มสองคนเดินออกมาจากห้อง   เมื่อสองคนนั้นเห็นนีโอจึงตะโกนทักทาย

         “ เฮ้ สวัสดีนีโอ แล้วก็เออ นั่นใครน่ะ ”  เด็กหนุ่มคนที่ใส่เสื้อสีขาวพร้อมกับเป้สะพายกีต้าร์ท่าทางมีความมั่นใจสูง  ตะโกนทักทาย

    พร้อมกันนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้ามานีโอ  แต่ที่วาสงสัยไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนนั้นเป็นใคร เพราะรู้อยู่แล้วว่าก็คงเป็นเพื่อนของนีโอ แต่ที่สงสัยก็คือ เด็กหนุ่มคนที่เดินมากับเด็กหนุ่มคนที่ใส่เสื้อสีขาวทำไมดูท่าทางไม่มีอารมณืความรู้สึกอะไรเลย แถมยังนิ่งมากอีกสะด้วย    เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงนีโอ เด็กหนุ่มคนที่ใส่เสื้อสีขาวก็พูดต่อ ผิดกับเด็กหนุ่มคนที่ใส่เสื้อสีขาวอีกคนหนึ่งซึ่งดูท่าทางชีวิตนี้คงไม่เคยได้พูดเลย  

          “ เป็นไงมั่ง เช้าวันนี้อากาศดีเนอะ นายว่าไหมนีโอ แล้วนั่นใครอะเพื่อนใหม่นายเรอะ   เออ คนที่นายบอกว่าเป็นรูมเมทคนใหม่รึเปล่านะ ”      นีโอได้ยินดังนั้นก็พูดกลับไปว่า

          “ นายเข้าใจถุกแล้วละ นี่เป็นรูมเมทของเราเอง ชื่อ วา แล้วว่าแต่นายเองจะไม่แนะนำตัวกันบ้างเลยรึ ”

           “ โอ้ ขอโทษทีนะนายวา เพื่อนใหม่ หวังว่าเราคงเข้ากันได้ดีนะ ฮะแฮ่มๆ  เรามีชื่อว่า……… ”  เด้กหนุ่มเสื้อขาวพูดค้างไว้แค่ตรงนั้นทำให้วาต้องถามต่อ

           “ ชื่อว่าอะไรละ ”  วาคิดในใจว่า นายคนนี้คงเป็นพวกชอบกวนประสาทชาวบ้านเป็นที่หนึ่งแน่ๆ

           “ อ่า ในเมื่อกระแสแฟนๆ เรียกร้องเราจะบอกให้ก็ได้  เรามีชื่อว่า มิว “  

           “ แล้ว เอ ส่วนนายละ ”   หลังจากถามมิวเสร็จวาก็หันกลับไปถามเด็กหนุ่มคนที่เดินมากับมิว   แต่เด็กหนุ่มคนนั้นก็หาได้พูดตอบอะไรกับว่าไม่  วายิ้มจ้องตาเด็กหนุ่มคนนั้นผ่านกรอบแว่นอยู่นานหวังว่า เขาคงพูดอะไรมาสักอย่างแต่ก็เปล่าประโยชน์     วาคิดในใจ มันเป็นใบ้รึเปล่าเนี่ย หรือว่าเป็นพวกไฮโซหัวสูงที่ท่าทางจะไม่ยอมพูดกับใคร  คิดไปคิดมายิ่งปวดหัว และที่สำคัญไอ้สองคนนี้มันอยู่ร่วมห้องกันเข้าไปได้ยังไงนะ  อีกคนหนึ่งเงียบตลอดอีกคนหนึ่งพุดตลอดเวลา

           “ เอาละๆ ไม่เป็นไรไม่อยากพูด เดี๋ยวเราจะแน่ะนำตัวให้แทน  นายนี่มีชื่อว่า นิค หรือที่เพื่อนๆ มักจะเรียกว่าเสือใบ้ รู้ไหมว่าเพราะอะไร ”   มิวพูดเสริมขึ้นมาทันที      วานึกขำในใจไม่ต้องมาถามหรอกว่าทำไมเพื่อนถึงเรียกว่าเสือใบ้ ก็ดูท่าทางเขาจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ  

          “ ไม่เป็นไรหรอก เราพอจะรู้ว่าทำไมเพื่อนๆ ถึงเรียกว่าอย่างนั้น   เออ ยินดีที่ได้รู้จักนะ นิค ”   วาหันไปยิ้มทักทายให้กับนิคหรือเสือใบ้อีกครั้ง แต่เขาก็หาได้มีปฎิกิริยาตอบสนองไม่  เพียงแต่แค่พยักหน้าเหมือนกับว่ารับรู้ถึงคำพูดของวาแล้ว

          “ นี่ ลิฟท์มากันแล้วนะ ”  นีโอหันมาบอกทุกคน     พอลิฟท์เปิดทุกคนก็เดินเข้าไปในลิฟท์  ในลิฟท์มีคนอยู่แค่สองสามคนเท่านั้น จึงทำให้ไม่ต้องเบียดกันมาก  ที่ในลิฟท์มีคนน้อยก็คงเพราะ ลิฟท์มันมีตั้งหลายตัว เลยไม่ต้องมาแย่งกันขึ้นตัวเดียว   พอลิฟท์พามาถึงชั้นล่างสุดประตูลิฟท์ก็ได้เปิดออก    ภาพที่ปรากฎต่อหน้าวาก็คือ เด็กนักเรียนจำนวนมากมาย   ยืนจับกลุ่มคุยกัน บ้างก็นั่งอยู่ที่โซฟา       วาเดินตามเพื่อนๆ ไปที่หน้าประตูตึกเพื่อจะไปอาคารเรียน  

          “ วันนี้ดูทุกคนคึกคักกันดีจริงๆ นะ ”   วาพูด เมื่อมิวได้ยินเช่นนั้นจึงพูดต่อว่า

          “ นั่นสิเนอะ แต่มันก็เป็นอย่างนี้ทุกเช้าแหละ ยิ่งวันนี้เป็นวันเปิดเรียนสะด้วยสิเนี่ย  ”       วาคิดไปคิดมามีเพื่อนพูดมากแบบมิวก็ดีเหมือนกัน เพราะมันทำให้เขารู้สึกเป็นกันเองดี  

          “ แล้วนี่นายหอบกีต้าร์มาอย่างนี้แสดงว่านายอยู่ชมรมดนตรีอะไรพวกนี้ แน่ๆเลยใช่มะ ”   วารู้สึกสนุกเลยถามมิวต่อ

        “ โอ้ แน่นอนแต่เราไม่ได้อยู่ชมรมดนตรีอะไรอย่างที่นายคิด ชมรมที่เราอยู่มันมีชื่อว่า ชมรมกวีพเนจรต่างหากละ แต่มันก็ไม่ได้ต่างจากชมรมดนตรีทั่วๆ ไปสักเท่าไรหรอกนะ  ”

        “ ชื่อชมรมแปลกดีเนอะ ”   ทุกคนเดินตามนีโอพร้อมกับเดินชมวิวไปเรื่อยๆ

        “ นี่ แล้วนายคิดจะเข้าชมรมอะไรละ ”   มิวถามท่าทางอยากรู้มาก

        “ เราหรอตอนนี้ก็กำลังเล่งชมรมนักมายากลไว้อยู่อะ ”  

        “ อืม หรอแล้วไม่สนใจมาเข้าชมรมเดียวกันกับเราหรอ  หรือว่ากลัวเล่นไม่ได้  ถ้าเล่นไม่เป็นเดี๋ยวเราสอนให้เราไหม และที่สำคัญนะ ชมรมสาวๆ เพียบ ”  

        “ เหอๆ ไม่เอาละ ”  



          ทั้งหมดเดินไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็พบกับนักเรียนมากมาย  บางคนก็หันมาทักทายพวกของวา  บรรยากาศดูคึกคักเป็นพิเศษจริงๆ  สำหรับวันเปิดเรียนวันแรก   โดยเฉพาะนายมิวรู้สึกจะคึกคักเป็นพิเศษเวลาเดินผ่านกลุ่มนักเรียนหญิง   ส่วนนายนิคก็ยังคงทำท่าทางเหมือนเดิม คือไร้ซึ่งความรู้สึก           ทั้งหมดเดินไปถึงลานกว้างที่เป็นรูปวงกลมตรงกลางเป็นน้ำพุ ข้างทางประกอบไปด้วยต้นไม้ ต้นเล็กๆ  และสนามหญ้า    นีโอเดินนำทุกคนมาหยุดอยู่ตรงน้ำพุ พร้อมชี้ไปตรงทางข้างหน้าน้ำพุ  ซึ่งก็คือตัวอาคารเรียน อยู่ไกลจากน้ำพุไปไม่มาก    อาคารเรียนดูใหญ่โตและสวยงามมาก มันเป็นตึกสีขาวรูปทรงเหมือนปราสาท  ถ้าเทียบดูไม่ผิดก็ไม่ค่อยจะต่างจากทัชมาฮาลสักเท่าไร   วายืนมองพินิตดูด้วยความอัศจรรย์ใจ  

          

            “ เป็นไงบ้างอาคารเรียนเรา เห็นมองอย่างนี้แสดงว่าตอนมาสมัครเรียนนายคงไม่ได้เดินลึกมาถึงตรงนี้สินะ  เอาละเดินไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงแล้วละ  ไปกันเถอะพวกเรา ”  นีโอพูดพร้อมกับเดินนำหน้าต่อ

           เมื่อเดินตามทางยาวไปเรื่อยๆ  จนในที่สุดนีโอก็พาทุกคนมาถึงหน้าลานกว้างของอาคารเรียน   พร้อมกันนั้นนีโอก็เดินพาทุกคนไปหยุดอยู่ที่ชายคนหนึ่ง  ตรงแถวหน้าทางเข้าอาคาร    ชายคนนั้กำลังยืนสนทนากับชายอีกคนหนึ่งอยู่  พอนีโอเดินไปถึงตัวเขาก็ได้พูดทักทายว่า        

          “ สวัสดีครับรุ่นพี่ซาโต้ ”   เมื่อชายคนนั้นได้ยินจึงหันหลังกลับไปมองว่าใครเป็นคนมากล่าวทักทาย   ชายคนนี้เป็นคนที่มีหน้าตาคมเข้ม  ตัวสูงกว่าวานิดหน่อย แว่นที่เขาใส่อยู่นั้นทำให้เขาดูยิ่งใหญ่ราวกับว่ามีพลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่     เมื่อหันมาพบกับนีโอและเพื่อนเขาก็พูดทักทายกลับ

         “ อืม สวัสดีนีโอและเพื่อนๆ ทุกคน มาแต่เช้าเชียวนะ ”    รุ่นพี่ซาโต้ยิ้มให้แก่ทุกคน แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูมาดเข้มเหมอนเดิมอยู่ดี

        “ สวัสดีเช่นกันขอรับ ท่านประธานนักเรียนซาโต้ “  มิวรีบพูดเสียงดังพร้อมกระดกลิ้นเน้นเสียง ร เรือ  

        “ รุ่นพี่ครับนี่เป็นเด็กนักเรียนที่เข้ามาใหม่ ผมพามาฝากตัวให้ครับ เขาชื่อ วา ครับ ”    นีโอพูดพร้อมชี้ไปที่วา   รุ่นพี่ซาโต้จ้องมองมาที่วา   ราวกับว่าจะจ้องมองให้ทะลุไปถึงจิตใจของวา   วารู้สึกแปลกๆ  จึงพูดทักทายขึ้นว่า

        “ เออ สวัสดีครับคุณซาโต้ ”  ซาโต้เห็นท่าทางของวาดูอึดอัดๆ   ก็รู้สึกขำๆ นิดๆเพียงแต่ไม่แสดงออกให้เห็น

    จากที่ได้ยินมิวพูดมา ชายผู้นี้คงเป็นประธานนักเรียนสินะ ก็สมแล้วแหละที่ได้เป็นประธานนักเรียน ดูท่าทางออกจากเข้มและเก่ง      “ นีโอนายก็พาวาไปเข้าห้องเรียนก่อนเถอะ จะได้ให้เขารู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ อีก ”   ซาโต้พูดเสียงเรียบกับนีโอ  ดูๆไปแล้วทั้งสองคนนี้ยังกับพี่น้องกับแน่ะ ท่าทางการพูดคล้ายๆ กันเลย หากเพียงแต่ว่านีโอไม่ได้มีมาดเข้มเท่าซาโต้ก็เท่านั้นแหละ    

         “ ครับผม งั้นผมไปก่อนนะครับ  “   พูดจบนีโอก็หันมาทางเพื่อนๆ     “ ไปกันเถอะ ไป ”  แล้วนีโอก็พาพวกวาเดินเข้าไปในอาคารเรียน  ซาโต้จึงหันกลับไปคุยกับชายคนเดิมต่อ     นีโอเดินนำหน้าทิ้งห่างไปไกลพร้อมกับนิค  ส่วนมิวก็เรียกวามาคุยด้วยกันที่ข้างหลังโดยที่นีโอและนิคเดินไปไกลแล้ว         “  เป็นไง ท่านซาโต้ประธานนักเรียนโรงเรียนเรา  เข้มดีไหมๆ ”  

          “ สุดยอดเลยแฮะ สมแล้วละ ที่เป็นประธานนักเรียน ว่าแต่เขามีหน้าที่ทำอะไรบ้างละ   พวกประธานนักเรียนอะ ”   วาถามอย่างสนใจ

          “ พวกประธานนักเรียนน่ะหรอ  มีหน้าที่ก็ประมาณว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจรองจากฝ่ายปกครองเลยก็ว่าได้  ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นละก็ประธานนักเรียนจะเป็นผู้รับผิดชอบคนแรก  และที่สำคัญนะประธานนักเรียนเป็นผู้ดูแลนักเรียนที่ถูกรังแกจากพวกนักเรียนที่ชอบหาเรื่องชาวบ้านนะ ”  มิวพูดเสียงกระซิบกับวา  ราวกับไม่อยากให้นีโอได้ยิน           “ มีหน้าที่ดูแลพวกที่ถูกรังแกหรอ โรงเรียนนี้มีพวกที่ชอบหาเรื่องคนอื่นอยู่ด้วยเรอะเนี่ย  แล้วพวกประธานนักเรียนจะหยุดพวกอย่างนี้ได้หรอ ”  วาถามต่อ  

            “ จะว่าไปพวกชอบหาเรื่องมันก็มีอยู่ทั่วไปหมดแหละ  โรงเรียนเราก็มี ส่วนเรื่องที่ว่าประธานนักเรียนจะมีอำนาจหยุดพวกอย่างนี้ได้อย่างไรนั้น นายไม่ต้องห่วงหรอก   ประธานนักเรียนเป็นผู้ที่ได้ถูกรับคัดเลือกอยู่แล้วว่า สามารถควบคุม  เรื่องปัญหาต่างๆ ภายในโรงเรียนได้เป็นอย่างดี   ”  มิวมองหน้าวา   ท่าทางวายังอยากจะรู้อีก จึงรีบพุดต่อก่อนที่วาจะได้ถามว่า   “ นายกำลังอยากจะถามว่า ประธานนักเรียนยังไงละสิท่า  ก็ถ้าบอกให้หยุดไม่รู้เรื่องแล้วละก็  เขาก็จะใช้กำลังไงละ ”     แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่วาอยากจะถาม วาจึงบอกไปว่า    “ เปล่าหรอกนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะถาม แต่สิ่งที่เราสงสัยก็คือ  พวกชอบหาเรื่องของโรงเรียนนี้เป็นแบบไหนหรอ ”      

                

             “ โธ่ นึกว่าจะถามอะไรที่แท้ก็แค่นี้เอง พวกชอบหาเรื่องหรอ  มันก็ไม่เท่าไหร่รีอก โดยเฉพาะไอ้คนที่ชื่อ ก็อบ ”    ยังไม่ทันที่จะพูดจบมิวก็ต้องตกลงใจเพราะ  เด็กหนุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา ส่งสายตาไม่เป็นมิตรนักมาที่เขา  

           “ ไงสวัสดีตอนเช้านะนายมิว แล้วก็……. ”   เด็กชายคนนั้นส่งสายตาหาเรื่องมาที่วา พร้อมกับสเหยะ ยิ้ม   “ นายนี่เป็นใครนะ ท่าทางไม่ค่อยคุ้นหน้าเลย สงสัยจะเป็นพวกเด็กใหม่  ”     มิวรีบกระซิบกับวา  “ เรารีบกันเถอะ ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก ”          ทันทีที่มิวกำลังจะพาวาเดินหลบ เด็กชายคนนั้นก็เดินมาขว้างหน้ามิวและวา อย่างรวดเร็ว ความเร็วระดับนี้มันไม่ใช่คนธรรมดาจะเดินได้     “ เฮ้จะรีบไปไหน นายมิว เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนายนะ  ไอ้ก็อบมันไม่เท่าไรนักร๊อกใช่มะ  เอ๊ะหรือว่าหูของชั้นฝาดไป กันแน่”      วาดูท่าทางเด็กคนนี้จะไม่มาดีแน่นอน คงเป็นพวกชอบหาเรื่องชาวบ้านแบบที่มิวว่า  

           “ เราว่านายคงหูฝาดไปเองนั่นแหละ เราไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย เรากำลังพุดกับเพื่อนของเราอยู่  จริงไหมวา ”  มิวหันหน้ามาทางวา   วาก็รู้ทันพยักหน้ากลบเกลื่อน    

          “ ท่าทางของนายนี่มันช่างทำให้ชั้นหงุดหงิดได้ดี จริงๆ นะนายมิว ”   เด็กชายคนนั้นพูดพร้อมกับเดินเข้ามากระชากคอเสื้อของมิว      วาเห็นเช่นนั้นจึงตะโกนพูดขึ้นว่า      “ เฮ้นั่นนายจะทำอะไรนะ ”       เด็กชายคนนั้นหันหน้ามามองวาทันที        “ เด็กใหม่อย่างนายไม่เกี่ยวอย่ามาแส่  เดี๋ยวจะเจ็บตัว ”  

          “ แล้วนายจะทำไมละ ปล่อยเพื่อนเราเดี๋ยวนี้นะ ”   วาพูดท้าทายกับเด็กชายคนนั้น  ทันทีที่วาพูดจบเด็กคนนั้นก็ปล่อยคอเสื้อของมิวแล้วผลักมิวกระเด็นออกไป    จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้ามาที่วา  ขณะที่เขากำลังจะผลักวา    วาก็เดินถอยหลังหลบได้  แต่ว่าเด็กคนนั้นก็เดินเข้ามาใหม่พร้อมกับง้างหมัด ต่อยตรงไปที่วา   วารู้และกำลังจะหลบอีกทีหนึ่งเพียงแต่ว่า  ความเร็วระดับนี้มันทำให้เขาไม่สามารถหลบทัน  ความเร็วที่เร็วกว่าคนธรรมดาทั่วๆไป        ทำให้ วาโดนหมัดนั้นไปเต็มๆ ที่ท้องและเสียหลักล้มไปทางข้างหลัง    เมื่อมิวลุกขึ้นยืนได้จึงรีบวิ่งไปกระโดดรัดคอของเด็กชายคนนั้น   “ แกจะทำอะไรเพื่อนชั้นนะ ”   มิวตะโกนขึ้น   นักเรียนทุกคนที่ยืนอยู่ตรงบริเวณนั้นแห่กันเข้ามาดูเหตุการณ์   มิวล็อคคอเด็กชายคนนั้นได้ไม่นานก็โดยทุ่มลงกลับพื้น  เด็กคนนั้นเดินตรงมาที่วา ซึ่งกำลังจุกอยู่กับพื้น  วาพยายามฝืนตัวยืนขึ้น    แต่ไม่ทันสะแล้วเด็กคนนั้นง้างหมัดอีกหมัดหวังจะต่อยไปที่หน้าของวาอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเอง       “ หยุดเดี๋ยวนี้นะนายก็อบ! ”   เสียงนั้นดังมาจากตรงประตูทางเข้า ซึ่งวาจำเสียงนั้นได้ มันเป็นเสียงของประธานนักเรียนซาโต้นั่นเอง    เด็กคนนั้นจึงชะงัก แล้วหันหน้าไปมองที่ซาโต้ด้วยสายตาอาฆาต   “ อย่ามายุ่งกับชั้นนะ  ไอ้พวกประธานนักเรียน ”    

            “ ชั้นก็ไม่อยากจะยุ่งกับนายสักเท่าไรหรอก ถ้านายไม่มานั่งหาเรื่องชาวบ้านไปวันๆนะนายก็อบ ”   สายตาของซาโต้ดูท่าทางเอาจริง  

           “ หรือว่านายอยากจะเจ็บตัวอีกคน พ่อประธานนักเรียน “    เด็กชายคนนั้นเบนความสนใจมาที่ซาโต้

           “ ถ้าพูดดีๆ แล้วนายยังไม่หยุดอีกละก็ เห็นทีชั้นจะต้องใช้กำลังแล้วละนะ ”   ซาโต้พูดด้วยเสียงเรียบท่าทาง ยังคงความสงบเหมือนเดิม    เด็กชายคนนั้นยิ้มด้วยความอาฆาตไปที่ซาโต้พร้อมกับหยิบของในกระเป๋ากางเกงออกมา ซึ่งมันก็คือ มีดนั่นเอง ดูแล้วมันก็ไม่ต่างจากมีดของนิจาสักเท่าไร   พร้อมกันนั้นก็วิ่งมาที่ซาโต้หมายจะแทงซาโต้ให้ได้  แต่ซาโต้ก็หาได้วิ่งหลบไม่  กลับยืนอยู่เฉยๆ  พร้อมกับจ้องตาคมกริบไปที่เด็กชายคนนั้น   ยังไม่ทันที่เด็กชายคนนั้นจะวิ่งเข้าถึงตัวซาโต้มีดก็กระเด็นหลุดออกจากมือของเขา  พร้อมกับทำให้เด็กคนนั้นกระเด็นหกล้มไปข้างหลัง     เด็กคนนั้นเมื่อล้มลงไปแล้วก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายาม จึงรีบเอื้อมมีดไปหยิบมีดที่อยู่ข้างๆ   แต่ทว่า  ร่างกายของเขาก็ไม่สามารถขยับได้    ซาโต้จ้องไปด้วยสายตาคมกว่าเดิมราวกับผู้มีพลังจิต  พร้อมกับพุดเสียงดุดัน

           “ ยังไม่คิดที่จะเลิกหาเรื่องชาวบ้านอีกใช่ไหม ”        เมื่อเด็กคนนั้นรู้ว่าท่าทางจะสู้ไม่ได้จึงเลิกแล้วยกมือขึ้นสองข้าง      

          “ โอเค คราวนี้ข้ายอมแพ้ แต่ฝากไว้ก่อนเถอะ ทั้งแก และไอ้สองคนนี้ด้วยโดยเฉพาะ  แกไอ้เด็กใหม่! ”   เด็กชายคนนั้นพูดพร้อมกับส่งสายตาอาฆาตไปที่วา  แล้วลุกขึ้นยืนหยิบมีดเก็บเข้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งหนี หายไป

            

           มิวลกขึ้นแล้วรีบวิ่งไปพยุงวาขึ้น    “ ไม่เป็นไรมากใช่ไหมเพื่อน ”  วา ยังรู้สึกเจ็บอยู่นิดๆ แต่ก็ฝืนลุกขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า  “ เราไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่นี้เอง  ”   พอพุดกับมิวเสร็จ วาก็หันหน้าไปหาประธานนักเรียน พร้อมกับพูดว่า  “ ขอบคุณมากนะครับที่มาช่วย  ถ้าไม่มาช่วยผมคงจะแย่ไปแล้ว ”   ซาโตยิ้มให้กับวา แล้วมองด้วยสายตาห่วงใย   “ ไม่เป็นไรหรอกนะ นี่มันเป็นหน้าที่ของพวกประธานนักเรียนอยู่แล้วละ  ว่าแต่นายไม่เป็นไรแน่นะ  ต้องขอโทษที่มาช้าไปหน่อย ”   พอซาโต้พูดจบ  ก็พบกับนีโอและนิควิ่งตรงมาที่วาโดยเร็ว    

           “ วานายไม่เป็นไรมากใช่ไหม ขอโทษทีนะ เรานึกว่านายเดินตามมาติดๆ สะอีกไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ถ้าเราอยู่ด้วยมันคงจะไม่เกิดขึ้นหรอก ”  นีโอบอกกับว่าด้วยท่าทีเป็นห่วงพอๆ กับซาโต้  

         “ เอาละ ในเมื่อไม่เป็นไรกันแล้วผมก็ขอตัวไปก่อนนะ ”   ซาโต้พูดพร้อมกับเดินจากไป  

         “โธ่ ไม่น่าเลย คอยดูเถอะ ชั้นจะต้องแก้แค้นให้ได้สักวัน ”   มิวพูดตอบท่าทางโมโหจัด  วาก็คิดในใจเช่นนั้น  เขาจะต้องแก้แค้นคืนให้ได้  ในใจวาตอนนี้ไม่สนใจที่จะเข้าชมรมนักมายากลแล้ว  วาต้องการที่จะเข้าชมรมที่เขาสามารถนำวิชาการต่อสู้ไปแก้แกค้นให้ได้   “ วาเราขอโทษด้วยนะที่ทำให้นายต้องพลอยโดนไปด้วยนะ ” มิวรีบขอโทษวา      “ ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน ว่าแต่นายคนเมื่อตะกี้ชื่ออะไรนะ ก็อบ รึเปล่า ”  วาถามกลับ        “ ใช่แล้วก็เพราะเรานั่นแหละ ที่ไปเอ่ยชื่อมันแล้วมันได้ยินพอดีเลยซวยอย่างนี้อะ ขอโทษอีกทีละกัน ”



        “ ที่จริงเราผิดเองแหละ เราน่าจะอยู่ใกล้นายมากกว่านี้ ”   นีโอพูดด้วยท่าทางเสียใจ   วารู้เช่นนั้นจึงบอกนีโอไปว่า    “ ไม่เอาน่า ไม่ใช่เพราะใครหรอก  เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันไปเหอะ  เรารีบไปเข้าเรียนกันดีกว่านะ ”   วาพูดพร้อมยิ้มให้นีโอหวังว่าเขาคงจะไม่กลุ้มใจเรื่องที่เขาโดนทำร้าย   นิคพยักหน้าทำท่าทีเห็นด้วยกับวา  พร้อมกับกวักมือเรียกเพื่อนๆ  หมายจะสื่อบอกว่า รีบๆ ไปกันเถอะ  

          วายังคงคิดถึงตอนที่ซาโต้มาช่วยเขา  ทำไมซาโต้ถึงสามารถทำให้มีดของก็อบหลุดออกจากมือได้อย่างง่ายดาย  โดยที่เขานั้นไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย  สายตาที่ดูเหมือนมีหลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ของซาโต้นั้นทำให้วายิ่งสงสัยมากขึ้นจึงถาม มิวไปว่า      “ ทำไมมีดถึงหลุดมือของก็อบไปโดยที่ซาโต้แค่จ้องเขาเท่านั้นละ ”  

          “ ก็อย่างที่เราบอกไงว่า พวกประธานนักเรียนเป็นพวกที่มีความสามารถจะจัดการกับพวกปัญหาอย่างนี้โดยเฉพาะ พวกเขามีความสามารถเฉพาะตัวในการคุ้มครองนักเรียนทุกคนแตกต่างกันไป   อย่างประธานนักเรียนซาโต้  เห็นเขาลือๆ กันว่า เป็นผู้ที่มีความสามารถในการใช้พลังจิตได้คนเดียวในโรงเรียนเลยละ แต่เราก็ไม่ค่อยจะเชื่อหรอก เพิ่งจะมาเห็นจริงๆ ก็วันนี้แหละ  แต่ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี  คนเราจะมีพลังจิตได้ยังไง จริงไหม  ”    มิวอธิบายให้วาฟัง                     “ เราก็ว่าอย่างนั้นแหละ คนเราจะมีพลังจิตได้อย่างไร แต่ที่เห็นเมื่อกี้จะอธิบายได้ว่ายังไงกันละ ”      วาแสดงความคิดเห็นเช่นเดียวกันกับมิว

            “ เราก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ที่รู้ๆ ก็คือ เขาเก่ง  เอาละเราจบปัญหาเรื่องพลังจิตไปเถอะ  ยังไงๆ นี่มันก็โรงเรียนอับดุล อินเตอร์นะไม่ใช่โรงเรียนฮอกวอต์ หรือ เดอะไวท์โรด นักเรียนจะได้มีพลังจิตหรือเวทมนต์ได้  ”  



           พวกของวาเดินขึ้นไปที่บันไดวนท่าทางเก่าแก่ แต่ยังคงความหรูหราและยิ่งใหญ่  ไปยังชั้น 2  พอขึ้นไปถึงยังชั้น 2 นีโอก็พูดขึ้นว่า  “ ห้องเรียนระดับชั้นมัธยม 5 มีด้วยกัน4 ห้องนะ วา นายอยู่ห้องแซทเทรินนะ  “  

           “ ทำไมชื่อห้องมันแปลกๆ ดีจังเขาไม่เขาไม่เรียกห้อง 1 ห้อง 2 อะไรพวกนี้หรอ ”  

           “ แหม วา นี่มันโรงเรียนอับดุล อินเตอร์นะ ไม่เหมือนโรงเรียนทั่วๆ ไปหรอกนะ ”  มิวพูดเสริมพร้อมกับยิ้มได้อีกครั้ง  

           “ โอเค เออ ว่าแต่พวกนายอยู่ห้องไหนกันหรอ ”   วาถามหวังในใจว่าคงจะได้อยู่ห้องเดียวกันกับทุกคน

            “ พวกเราก็อยู่ห้องเดียวกันกับนายอะแหละ ”  นีโอบอกวา ส่วนนิคพยักหน้า และมิวก็ชู 2 นิ้วไปให้วา

            “ งั้นเราไปเข้าห้องเรียนกันเลยดีกว่าไหม ”   วาชวนเพื่อนทุกคนให้ไปเข้าห้องเรียน  พอเดินตามทางระเบียงไปเรื่อยๆ  จนถึงห้องจนเกือบสุดท้าย  นิคก็ชี้ไปที่ประตูห้องซึ่งหมายความว่า  ถึงห้องเรียนของเราแล้วนะ   ประตูห้องเป็นประตูเลื่อน    วาไม่กล้าเดินไปเปิดประตู  เพราะรู้สึกว่า คนในห้องจ้องมองมาที่เขา   มิวเห็นเช่นนั้นจึงเดินไปเปิดประตูห้องแล้ว  ตะโกนเข้าไปในห้องว่า    

            “ เฮ้ หวัดดีพวก นี่วาเพื่อนใหม่ของพวกเราทุกคนนะ ”    มิวหันมาส่งยิ้มให้วาแล้วกระซิบ    “ เข้าไปเลยสิ จะมันอายอะไร ”   วารู้สึกเขินๆ นิดหน่อยแต่ขณะที่เขากำลังจะค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง มิวก็ผลักเขา เข้าไปในห้องโดยที่เขายังไม่ทันที่จะตั้งตัว  ทำให้เขาเซไปชนกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง    

            “ เออ ขะ ขอโทษครับ ”  วารู้สึกอายมาก ที่เขาทำตัวเปิ่นๆ  เขาไม่กล้ามองหน้าเด็กหญิงที่เขาเซไปชน  

            “ ไม่เป็นไรหรอก  ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณเด๋อ  แหะๆ ”    เด็กหญิงคนนั้นบอก   วารู้สึกอายยิ่งขึ้นที่เขาโดนว่า ว่าเป็นคุณเด๋อ   คนทั้งห้องจ้องมองไปที่วา ทำให้เขารู้สึกอายมากยิ่งขึ้น    แต่ขณะนั้นเอง มิวก็เดินเข้ามากอดคอวา พร้อมกับตะโกนบอกกับเพื่อนๆ ในห้องต่อว่า    “ เป็นไงมั่ง สำหรับเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ของเรา  หวังว่าทุกคนคงจะยินดีต้อนรับเขานะ มีที่นั่งว่างไหมพวก  ”    มิวพุดขณะที่ยังกอดคอวาอยู่พร้อมดับมองไปรอบๆ  ห้องแล้วก็ชี้ไปที่นั่งตัวที่ว่างอยู่ตรงกลางๆ ห้อง        

             “ เอ้ ที่ตรงนั้นมีใครนั่งอยู่ไหม  ”    มิวตะโกนบอกเพื่อนทุกคน     เพื่อนทุกคนก็ส่ายหน้า

             “ เอาละในเมื่อไม่มีใครนั่ง งั้นเชิญนายไปนั่งเลยวา  นั่นเป็นที่นั่งใหม่สำหรับนาย ”    มิวเดินพาวาไปตรงที่นั่งแต่แล้ว    

             “ เดี๋ยวก่อนๆ ที่นั่งนั่นมันเป็นที่นั่งข้างๆ เรานะ ”   เสียงจากเด็กหญิงคนที่วาเดินไปชนตะโกนมาจากข้างหลัง   มิวจึงหันไปบอกเด็กหญิงคนนั้นว่า    

             “ ก็มันไม่มีคนนั่งนี่  จะให้เพื่อนใหม่เรานั่งไม่ได้เลยเรอะ แม่คุณ ”    เด็กหญิงคนนั้นเมื่อได้ยินดังนั้นจึงตะโกนตอบไปว่า

            “ แล้วใครบอกว่าไม่ให้ละค่ะ  คุณคนขี้เก๊ก เนอะนายเด๋อ ”   พูดจบก็หันไปส่งยิ้มให้กับวา  ทำให้เขารู้เขิยมากยิ่งขึ้น  ต้องมานั่งข้างผู้หญิงชอบกวนประสาทอีก  เอาเหอะ มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วละ  

          “ นี่เธอว่าใครขี้เก๊ก ” มิวหันไปต่อว่าเด็กหญิงคนนั้น ในขณะที่เด็กหญิงคนนั้นค่อยๆ  เดินเข้ามาหาวา  

          “ เราเปล่าว่านายนะ เราแค่พูดลอยๆ เอง หรือว่ามันลอยไปโดนละ มิทราบ “   เด็กหญิงพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ   ทำให้มิวรู้สึกมีน้ำโห  วาสังเกตเห็นท่าทางคงจะไม่ดีจึงบอกกับมิวไปว่า    

           “ เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก  เรามีที่นั่งแล้วขอบคุณนายมากนะ ”  

           “ งั้นนายนั่งไปก่อนนะวา เดี๋ยวเราขอตัวไปทักทายเพื่อนๆ ของเราที่ตรงโน้นสักหน่อย  ถ้าเหงาก้เดินไปหาได้นะ นี่ก็ใกล้เข้าเรียนแล้วละ ตั้งใจเรียนนะพวก  เรานั่งอยู่ตรงแถวนั้นนะ ”  มิวพูดพร้อมกับชี้ไปทางขวาของห้องแล้วเดินจากไป        พอมิวเดินจากไปยังไม่ทันที่วากำลังจะวางเป้  เด็กหญิงคนนั้นก็พูดขึ้นต่อว่า

           “ นี่ไม่คิดจะแน่ะนำตัวให้เพื่อนโต๊ะเดียวกันรู้บ้างเลยหรอ คุณเด๋อ ”    

           “ เออ คือเราชื่อ วานะ ไม่ได้ชื่อเด๋อ  ก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ ”   วาเริ่มรู้สึกหายเขินจึงพูดพร้อมกับมองหน้าเด็กหญิงคนนั้น   ทั้งสองสบสายตากัน  สักพักวาก็หลบสายตา   พร้อมกับคิดในใจ คนอะไรน่ารักจังเลย  สักพักวาก็ต้องสะดุ้งเมื่อ เด็กหญิงคนนั้นพูดขึ้นต่อมาว่า  

          “ อ๋อหรอตอนแรกนึกว่าไม่มีชื่อสะอีกก็เลยเรียกคุณเด๋อนะสิ ที่แท้ก็ชื่อวา นี่เอง เอาละส่วนเรามีชื่อว่า   โซเฟีย นะ เรียกสั้นๆ ว่าโซ  ก็ได้นะ ”  วาคิดในใจทำไมชื่อถึงได้เลิศเลอถึงเพียงนี้นะ  แต่เขากู้รู้อยู่แล้วว่า โซเฟียแกล้งทำเป็นไม่รู้ชื่อของเขา  เพราะมิวก็ตะโกนะสะออกดังขนาดนั้น   คงคิดจะพูดเพื่อกวนเขามากกว่าแต่ก็ช่างมันเถอะ  รีบๆ นั่งเพื่อพร้อมที่จะเรียนดีกว่า     เมื่อวาวางของแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ก้เริ่มมองไปรอบๆ ห้องเพื่อที่จะมองหา นีโอและนิคกับมิวว่าอยู่ที่ไหน  แต่ยังไม่ทันที่เขาจะมองหา  ประตูหน้าห้องก็เปิดออก  ชายรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน สีผิวคล้ำ  ในชุดเสื้อเชิ้ตก็เดินเข้ามา  วาเข้าใจว่าคงเป็นอาจารย์    

          

              ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ นักเรียนทุกคนเข้าประจำที่พร้อมที่จะเรียน   วาคิดในใจต่อไปหัวหน้าห้องก็ต้องสั่งว่า ทั้งหมดทำความเคารพสินะ ว่าแต่อยากรู้จังว่า หัวหน้าห้องของเขาเป็นคนแบบไหนกันนะ   ยังคิดไม่ทันจะเสร็จเสียงบอกทำความเคารพ ก็ดังมากจากเก้าอี้ตัวข้างๆ ของเขานั่นเอง    หา! อย่าบอกนะว่าหัวหน้าห้องคือ โซเฟียเด็กหญิงที่นั่งข้างๆ เขา   สิ้นเสียงโซเฟียสั่ง ทั้งหมดก็ยืนขึ้น

             “ สวัสดีครับ / ค่ะ อาจารย์  ”   นักเรียนทั้งห้องพูดพร้อมกัน  นั่นแสดงว่าหัวหน้าห้องนี้ก็คงเป็นโซเฟียอย่างแน่นอน  ไม่น่าเชื่อเลยว่าหัวหน้าห้องจะเป็นเด็กผู้หญิง

             “ ก็ สวัสดีตอนเช้านะนักเรียนทุกคน อ้าวนั่งลงได้ ”   อาจารย์คนนั้นพูดจบนักเรียนทุกคนก็นั่งลง  โซเฟียหันหน้ามามองทางเข้าเหมือนรู้ทันว่า วาคิดดูถูกเธอไว้ว่าเป็นหัวหน้าได้ยังไง  ยังไม่ทันก็เธอจะพูด  อาจารย์ก็พุดกับนักเรียนทุกคนว่า                 “ นักเรียนทุกคนก็คงรู้จักอาจารย์ดีแล้วนะ แต่ว่าวันนี้เรามีนักเรียนใหม่มาที่ห้องเรานะ อาจารย์ก็ขอแนะนำตัวก่อนนะ  อาจารย์มีชื่อว่า ดับเบิล   ”    อาจารย์ดับเบิลพุดพร้อมกับมองหน้าวาแล้วพูดต่อว่า      “ เอาละ เดี๋ยวอาจารย์จะแนะนำเพื่อนใหม่อย่างเป็นทางการให้ทุกคนนะ ไหนออกยืนหน้าห้องตรงนี้สิ นายวา ”    อาจารย์ดับเบิลกวักมือเรียกวา      วารู้สึกเขินๆ ที่จะต้องออกไปข้างหน้าห้อง

              

            “ นี่ๆ อย่าออกไปทำท่าเด๋อแบบตอนเดินมาชนเรานะ “  โซเฟียหันมาพูดกวนวา  ทำให้วารีบเดินออกไป  เหมือนจะแสดงให้เห็นว่า เข้าไม่ได้เด๋อสะหน่อย  แต่ด้วยความรีบเร่งทำให้วาเดินไปสะดุด กับขาของเพื่อนคนหนึ่งเกือบจะล้ม  คนทั้งห้องเลยพากันหัวเราะเขา   เมื่อเขาตั้งตัวได้ก็พบกับสายตาของโซเฟียซึ่งกำลังส่ายหน้า เหมือนกับว่า บอกแล้ว ไม่เชื่อ แหะๆ      วาเดินต่อไปยืนอยู่ข้างๆ อาจารย์ดับเบิล  

           “ ไหนเธอลองแนะนำตัวให้เพื่อนๆ สินายวา ”

            “ ผมมีชื่อว่า วา นะครับ ก็เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่  ขอฝากตัวด้วยนะครับ ”      วาพูดจบก็ก้มหัวโค้งคำนับ  เพื่อนๆ ในห้องก็ตบมือแสดงการต้อนรับ ให้แก่วา   วารู้สึกเป็นกันเองกับที่นี่มาก  ไม่เหมือนกับโรงเรียนเก่าของเขา คนในโรงเรียนเก่าของเขาแม้แต่หน้ายังไม่มองกันเลย        

           “ เอาละ ในเมื่อแนะนำตัวเสร็จแล้วก็เชิญไปนั่งไปนะ นายวา เอาละ ชั่วโมงแรกวันนี้  อาจารย์จะให้เป็นชั่วโมงฟรีละกันนะ ให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าไปคุยทักทายหรือแนะนำคัวกับเพื่อนใหม่ของเรานะ ”    พูดจบนักเรียนทุกคนก็เฮ ปรบมือชอบใจที่จะได้ชั่งโมงฟรี จะได้ไม่ต้องเรียน    วาจึงเดินกลับไปที่โต๊ะ  ก็ต้องพบกับสายตากวนๆ ของโซเฟีย พร้อมกับโดยล้อต่อว่า   “ เด๋อจนได้นะคุณชายวา ”   แต่คราวนี้วาไม่ค่อยจะรู้สึกอายแล้ว ก็พูดต่ไปว่า

          “ แต่เอาเหอะ แหม ตอนแรกนี่ไม่รู้เลยนะเนี่ย  ว่าเธอเป็นหัวหน้าห้อง ”  

          “ แล้วคิดว่าเราเป็นอะไรมิทราบละ ”    โซเฟียตอบก็ยังมิวายจะกวนเขาต่อ   ขณะที่วากำลังคิดจะถามต่อ นีโอ นิค และ มิว ก็เดินมาหา

          “ เป็นไงมั่ง มุขเด็ดดีนี่ ทำเป็นเดินสะดุด ”   มิวพูดเหมือนกับชอบใจที่วาเดินสะดุด    วาก็อยากจะบอกว่า นั่นมันไม่ใช่มุข แต่คิดไปคิดมาไม่ต้องบอกดีกว่า        

          “ สวัสดีนะ โซเฟีย ”  นีโอกล่าวทักทายโซเฟียส่วน นิคโบกมือทักทาย

          “  อืม หวัดดีนายนีโอ และก็เสือใบนิค เอะ โทษทีลืมไปเสือใบ้นิค แหะๆ ”   วาคิดในใจคนอะไรก็ไม่รู้หน้าตาก็ดีนะ  แต่กวนเป็นบ้าเลย แม้ขนาดคนใบ้ เอ๊ะไม่ใช่สิคนไม่ค่อยจะพูดยังกวนได้เลย  

        “ เออ ได้ข่าวว่า ตอนเช้านายสองคนโดนก็อบหาเรื่องหรอ ”   โซเฟียถามท่าทางอยากรู้  

        “ อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ที่จริงเราไม่อยากจะเอาจริงเท่านั้นแหละ ไม่งั้นป่านนี้นายนั้นเสร็จไปนานแล้วละ ”   มิวพูดกลบเกลื่อน

         “ แต่เราว่าไม่นะ รู้สึกว่านายจะโดนน่วมคนแรกเลยไม่ใช่หรอ นายมิว ”   โซเฟียพูดกลับเหมือนกับรู้เรื่องราวทั้งหมดโดยละเอียด  ทำให้มิวรู้สึกอาย

         “ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก เราเข้าใจนะ  ก็อบมันเป็นพวกชอบหาเรื่องชาวบ้านจริงๆ  ถือว่าตัวเองมีวิชานินจาแล้วก็นำไปใช้ในการกลั่นแกล้งคนอื่น  เราไม่ชอบเลย  ”  โซเฟียพูด วารู้สึกว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่โซเฟียพูดมีสาระตั้งแต่พูดมาทั้งหมด      

         “ เดี๋ยวนะ วิชานินจาที่เธอบอก เขาไปเรียนมาได้ยังไงละ ”   วาถามโซเฟีย

         “ แหม เขาคงทำตามหนังหรอกมั้ง ”   มีสาระไปได้แค่สักครู่ก็กวนต่อสะแล้ว  มิวจึงรีตอบแทนโซเฟียว่า

         “ ก็เพราะมันอยู่ชมรมนินจานะสิ  เจ้านี่เป็นคนที่เก่งมากสะด้วย เรียกได้ว่าอันดับต้นๆ ของชมรมเลยทีเดียวละ แต่ว่านิสัยแย่มากก็อย่างที่นายเจอไปแล้วตอนเช้าไงละ   มันก็ไม่ค่อยจะมีคนคบสักเท่าไรหรอก  ถ้าไม่ใช่นอกจากแก๊งของมัน  ”    

          “ แกงหรอ มีตั้งแก๊งไว้ด้วยหรอเนี่ย ”    วาถาม คิดในใจว่า ดีนะตอนเช้าไม่เจอมาทั้งแก๊ง

          “ ใช่แล้วละ แก๊งของก็อบเป็นแก๊งที่อันธพาลที่สุดในโรงเรียนเราเลยละ  ว่ากันว่านะ ถ้าแก๊งของก็อบทั้งหมดละก็นะ แม้แต่รุ่นพี่ซาโต้ก้ไม่สามารถสู้ได้  ”   นีโอพดด้วยท่าทางจริงจัง

          “ มันก็แน่อยู่แล้วละ คนๆ เดียวจะไปสู้กับคนหลายๆ คนได้ยังไงละ นีโอ แต่ก็ใช่ว่าประธานนักเรียนจะมีคนเดียวสักหน่อยนิ ”  โซเฟียพูดเสริม

          “ อ๋อ ใช่สิลืมไปว่าเรายังมีประธานนักเรียน คนสวยอีกคนหนึ่งชื่อว่า โซเฟียอยู่ด้วยนิ ”    มิวพูดประชดโซเฟีย   ทำให้วาต้องตะลึงอีกครั้ง   โซเฟียเนี่ยนะ  ไม่ใช่เป็นแค่หัวหน้าห้องแต่ยังเป็นประธานนักเรียนอีกหรอเนี่ย   ผู้หญิงอะไรเนี่ยเก่งสุดยอด  แต่ว่าเธอจะมีความสามารถพิเศษอะไรนะ แล้วซาโต้หรือโซเฟียใครจะเก่งกว่ากัน

         “ นี่ๆ ไม่ต้องพูดประชดประชันก็ได้นายมิว ”   โซเฟียสงสายตาค้อนไปที่มิว

         “ เออว่า แต่เธอมีความสามารถพิเศษอะไรหรอ  ถึงได้เป็นประธานนักเรียนน่ะ ”   วารีบ ถามท่าทางสนใจอย่างยิ่ง      “ เราหรอ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก อย่าคิดว่าเราเก่งนะ  เราก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่เพื่อนๆ เลือกให้เป็นก็เท่านั้นเอง ”    โซเฟียตอบเหมือนไม่อยากบอกให้เขารู้ว่าเธอมีความสามารถพิเศษอะไร

           “ แล้วแก๊งของก็อบมีคนแบบไหนอยู่บ้างละ ”    วาเปลี่ยนคำถาม

           “ รู้แต่ที่แน่ๆ ไม่มีคนแบบนั้นในห้องเราแน่นอน นายหายห่วงไปได้เลยเพื่อน ”  มิวพูดแล้วยิ้มให้กับวา

           “ แก๊งของก็อบนะ มีชื่อว่า แก๊งเอ็ดดี้ เป็นแก๊งที่รวมตัวป่วนของโรงเรียนมาไว้ทั้งหมดเลย  มีหัวโจกทั้งหมด 5 คน คนแรกก็ คือ ก็อบมีวิชานินจาเพราะเรียนอยู่ที่ชมรมนินจาเป็นคนที่มีความสามารถน้อยสุดในแก๊ง  ส่วนคนต่อไปก็คือ  โกจิ ว่ากันว่าอยู่ชมรมนักกล้าม เป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีมันสมองสักเท่าไร มีแต่กำลังอย่างเดียว ฝีมือไม่ค่อยจะมี มีแต่ความบึกและอึด  ส่วนคนที่สาม คือ จินเจ เป็นคนที่มีความสามารถทั้งบุ่นและบู้ เรียกได้ว่าเป็นมันสมองของแก๊ง คงเป็นส่วนทดแทนโกจิ  เป็นคนที่มีความเฉลีวยฉลาดมากอยู่ชมรม ขุนศึก ส่วนคนที่สี่ คือ แซฟเบริน เป็นคนที่มีความสามารถในการแฮคเกอร์ประมาณว่าเรื่องคอมขอให้บอกเก่งคอมที่สุดในโรงเรียนเรา อยู่ชมรมแฮคเกอร์ ส่วนคนสุดท้าย……   ”     ยังไม่ทันที่โซเฟียจะพูดจบ เสียงของเด็กคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นว่า  

        

           “ เฮ้ เมื่อกี้ใครพูดว่า ไอ้แซฟเบรินเก่งคอมที่สุดในโรงเรียนนะ  ”    พอสิ้นเสียงนั้นทุกคนก็มองไปยังเด็กคนหนึ่งซึ่งตัวไม่สูงมาก ใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมท่าทางจะเป็นพวกบ้าคอม  

           “ เราเองแหละจะทำไมเรอะ คุณเบต้า”   โซเฟียตะโกนบอก เบต้า

           “ แค่อยากจะบอกว่า คนที่เก่งคอมที่สุดในโรงเรียนก็ คือ เรานายเบต้าคนนี้ต่างหากละ ไม่ใช่ไอ้แซฟเบริน ” เบต้าพูดด้วยท่าทางเอาจริง ดูแล้วชวนขำ เหมือนกับดูพวกหุ่นยนต์พูดอย่างนั้น  วาไม่สงสัยทำไมถึงได้ชื่อว่า เบต้า       “ อ๋อ งั้นหรอ ก็ได้ๆ คุณเบต้าเก่งที่สุดในโรงเรียนค่ะ  พอใจรึยังจ๊ะ ”   โซเฟียส่งสายตาค้อนต่อไปให้เบต้า

            “ เออ ว่าแต่พวกเธอคุยอะไรกันนะ ขอร่วมวงหน่อยได้ไหม เราก็อยากรู้จักกับเพื่อนใหม่เหมือนกันนะ ”   พูดเสร็จเบต้าก็เดินเข้าไปหาพวกวา    

            “ ไม่รู้สิ ว่าจะให้ร่วมวงด้วยดีรึเปล่านะ  ถ้าอยากร่วมวงละก็คงต้องถามคุณเสือใบ้ก่อนละนะ ”   โซเฟียพูดพร้อมหันหน้าไปยิ้มให้กับนิค   ซึ่งก็รู้ๆ อยู่แล้วว่า ชีวิตนี้เขา คงไม่ยอมพูดแน่ๆ แต่ก็พยักหน้าในกับเบต้าเป็นความหมายว่า  เชิญ    

            “ เมื่อกี้ถึงไหนแล้วเนี่ย  นายนี่ขัดจังหวะจริงๆ นะเบต้า ”   มิวพูดพร้อมกับส่งสายตาตำหนิไปให้เบต้า

            “ เอาละๆ เมื่อกี้ก็กำลังคุยกันถึงแก๊งเอ็ดดี้ไงว่ามีใครบ้าง แล้วโซเฟียก็พูดถึงคนสุดท้ายอยู่ไงละ ” นีโอพูดเสริม ไม่อยากให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน     วาก็อยากจะฟังต่อด้วยจึงรีบพูดกับโซเฟียว่า    “ ต่อสิๆ เรากำลังอยากฟังเลย ”    

             “ ไส เจีย เสียใจนะ เพราะว่าคนสุดท้ายในแก๊งเอ็ดดี้เนี่ย ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นใคร แม้แต่พวกประธานนักเรียนเองก็เถอะ   รู้แต่ว่าเป็นคนที่มีฝีมือมากที่สุดในก๊ง  ”    วารู้สึกเสียดายอยากจะรู้ว่าคนสุดท้ายเป็นใครจะได้ระวังตัวไว้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วรู้ไว้ 4 คนก็ยังดีกว่าไม่รู้เลยละเนอะ

           “ ว่าแต่มีแก๊งเอ็ดดี้แล้ว ไม่มีแก๊งอื่นเลยหรอ ”   วาถามโซเฟียต่อ

           “ มันก็มีอยู่แล้วละ  เพียงแต่ว่าแก๊งเอ็ดดี้เป็นแก๊งที่ร้ายที่สุดในโรงเรียนเราก็เท่านั้นเอง  อะๆ ถ้าอยากรู้ก็จะพูดให้ฟังอีกสักแก๊งละกันนะ แก๊งนี้มีชื่อแก๊งว่า แก๊งหมูดำ ”        อะไรกันนะแก๊งหมูดำ วาคิดในใจว่าทำไม คนคิดชื่อแก๊งถึงได้สิ้นคิดถึงเพียงนี้      จากนั้นโซเฟียก็พูดต่อว่า   “ แก๊งหมูดำถ้าจะเทียบความเก่งกับแก๊งเอ็ดดี้ละก็เทียบไม่ติดเลย เพราะว่าแก๊งหมูดำไม่ชอบหาเรื่องคนอื่นเหมือนกับแก๊งเอ็ดดี้     แก๊งหมูดำมีหัวหน้าแก๊งชื่อ  พิชากิ  ถ้านายได้เห็นก็คงจะรุ้เองว่าทำไมถึงตั้งชื่อแก๊งว่าแก๊งหมูดำ ส่วนลูกน้องแก๊งมีใครบ้าง เราจำไม่ได้แล้วละ  เพราะแก๊งไม่ค่อยดังเท่าไรหรอก เพียงแต่เขาว่ากันว่า  ถ้าหัวหน้าแก๊งหมูดำหรือพิชากิโกรธหรือโมโห เมื่อไรละก็ แม้แต่หัวหน้าแก๊งเอ็ดดี้หรือพวกประธานนักเรียนก็ไม่อาจจะต่อกรได้เลยละ  ”    

           “ โห ขนาดนั้นเลยหรอ แม้แต่ประธานนักเรียนอย่างซาโต้หรือเธอก็ไม่สามารถสู้ได้เลยหรอ ”  วาเริ่มรู้สึกกลัว

           “ แต่ว่านะ ตั้งแต่พิชากิเข้าเรียนมายังไม่เคยมีใครเห็นหมอนั่นโกรธเลยอะสิ แหะๆ ”   โซเฟียพูดพร้อมกับหัวเราะ      วาคิดมิหน้าละแก๊งถึงไม่ดัง  “ แล้วแก๊งหมูดำมีจุดเด่นตรงไหนหรอ ”  

           “ แก๊งหมูดำ น่ะหรอ เป็นแก๊งที่แปลกมากคือ แก๊งนี้จะคอยคุมอยู่แถว เออ ………..”   โซเฟียพูดไปแล้วหยุด         “ แถวไหนหรอ ”  วาถามต่อ

          “ ก็คุมแถวหน้าห้องน้ำนักเรียนไงละ !!!”   โซเฟียพูดพร้อมกับมิว         วาแปลกใจมาก แล้วมันจะตั้งมาคุมทำไมเนี่ยห้องน้ำนักเรียน  ตอนนี้ในใจว่าเกิดสนใจจะตั้งแก๊งขึ้นมาแล้วมั่งละสิ

                                          

                                                     ______________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×