คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : บทเรียนที่ 25 กางเขนสีเลือดและความทรงจำสุดท้ายของเจ้าชาย
บทเรียนที่ 25 กางเขนสีเลือด และความทรงจำสุดท้ายของเจ้าชาย
ทั้งสองเดินตามทางลัดไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าแม้จะมืดครึ้มไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ทางเดินในตรอกที่ทั้งสองเดินอยู่นั้นมืดไปสักเท่าไหร่ ดังนั้นทั้งสองคนจึงสามารถเดินได้เร็วเป็นพิเศษ
แต่ที่น่าแปลกก็คือ รีน่าเมื่อเดินไปสักพักกลับค่อยๆ เดินช้าลง จนเจ้าชายที่เดินนำหน้าไปนิดหนึ่งต้องชะลอฝีเท้าลง
“ ไม่รีบระวังจะเปียกไปทั้งตัวน้า ” เจ้าชายยิ้มให้ ส่วนรีน่ายิ้มหน้าเจือนจากนั้นก็ก้าวต่อไปอย่างช้าๆ
‘ จะบอกเขาตอนนี้เลยดีไหมนะ เพราะยังไงจะช้า หรือเร็วเราก็ต้องบอกเขาอยู่ดี แต่ทำไมนะ ทำไมเราถึงได้ ..’ รีน่าก้มหน้าเดินตามเจ้าชายไปเรื่อยๆ ในใจของเธอตอนนี้นั้นไม่ทราบว่ามีรสชาติเป็นอย่างไร เธอรู้ว่าสิ่งที่จะบอกออกไปนั้นแม้จะทำให้เธอเองรู้สึกเจ็บปวด แต่สักวันก็ต้องบอกอยู่ดี เมื่อเวลานั้นมาถึง แต่เธอเพียงแค่อยากจะให้เวลานั้นยืดยาวไปให้นานกว่านี้ นานกว่านี้อีกสักนิดหนึ่งก็ยังดี
เจ้าชายนั้นไม่ได้สังเกตท่าทางที่เริ่มจะไม่สบายใจของรีน่าเลยแม้แต่น้อย แต่เขาเองก็รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจขึ้นมา ซึ่งเขาเองก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ที่จู่ๆ ก็เกิดอาการไม่สบายใจขึ้นมา ราวกับว่าเขากำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างที่รักไป
‘ ทำไมอยู่ดีๆ เราถึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมานะ วันนี้เป็นวันดีแท้ๆ เป็นวันเกิดที่มีความสุขที่สุดของเรา แต่ทำไมนะถึงได้รู้สึกไม่สบายใจอย่างนี้ ’
เจ้าชายเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรที่ไร้สาระก็ส่ายหัวเล็กพร้อมกับเดินต่อไป
ทั้งสองเดินไปจนใกล้จะถึงสุดปลายทางซึ่งก็จะเป็นที่เรียกรถแท็กซี่แล้ว แต่ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินอยู่นั้นเองที่ซอยทางด้านขวางทั้งสองก็มีคนเดินเข้ามาขวางไว้
เจ้าชายตอนแรกไม่ทันได้สังเกตคนที่เดินมาขวางหน้าเขา คิดว่าเป็นแค่คนในละแวกนี้เดินผ่านมาเท่านั้น แต่เมื่อยืนรออยู่นานคนๆ นั้นก็ยังไม่หลีกทางให้ เจ้าชายจึงเริ่มสังเกตหน้าคนๆ นั้นดู
เมื่อเจ้าชายพินิตดูดีๆ แล้วในความมืดหน้าตาของคนๆ นี้ก็เริ่มเด่นชัดขึ้นมา จนเมื่อเจ้าชายรู้แล้วว่าคนๆ นี้เป็นใครเขาก็ถึงกับต้องตกใจขึ้นมาทันที คว้าจับมือรีน่าไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ
รีน่าเมื่อเห็นท่าทางตกใจของเจ้าชายจนถึงกับต้องคว้าจับมือของตัวเองไว้ ก็ลืมเรื่องกลุ้มใจที่กำลังคิดอยู่ พร้อมกับมองไปยังด้านหน้า ซึ่งเธอเองก็ต้องตกใจเช่นกัน
คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของทั้งสองนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเด็กหนุ่มหน้าแหลมผมตั้ง หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้นั่นเอง หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ยิ้มอย่างมีเลศนัยจากนั้นกล่าวทักทายทั้งสอง
“ ไง มีความสุขกันจริงๆ นะ ไม่คิดเลยว่าเราจะบังเอิญได้เจอกันในที่แบบนี้ ”
“ แก . ”
หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้หันขวับไปหาเจ้าชาย จากนั้นก็เริ่มหัวเราะ
“ อะไรกาน อะไรกาน มาถึงก็คิดจะไล่กันเสียแล้วหรอครับ แหมชั้นยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนแกเลยนะ ที่แกทำกับชั้นไว้ในวันนั้น ”
กล่าวพลางกับเริ่มเดินเข้ามาใกล้ เจ้าชายกุมมือรีน่าไว้แน่นกว่าเดิม
“ อย่าเข้ามานะ ถ้าแกคิดจะหาเรื่องกันละก็ ชั้นก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ ”
เจ้าชายกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ทำหน้าล้อเลียนจากนั้นก็จุ๊ปาก
“ แหมๆ ไม่เอาน่าวันนี้ไหนๆ ก็เป็นวันเกิดทั้งที่ ชั้นก็แค่อยากให้จะให้ของขวัญวันเกิดเป็นการตอบแทนแกเล็กๆน้อยๆ ”
“ ขอบคุณนะ แต่ชั้นไม่ต้องการ ช่วยหลีกทางให้หน่อยได้ไหม พวกเรากำลังรีบ ”
“ มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นสิเจ้าชาย ”
พอกล่าวจบที่ด้านซอยด้านขวาก็ปรากฏเด็กหนุ่มเกือบยี่สิบคนเดินออกมาจากด้านข้าง และหนึ่งในนั้นที่เจ้าชายจำได้ก็คือ เจ้าเด็กหนุ่มหน้าบากที่คราวนั้นก็ร่วมกันขู่เอาเงินจากเด็กแว่นคนนั้นด้วย
เด็กหนุ่มยี่สิบกว่าคนหันมามองทั้งสอง บางคนยิ้มให้รีน่าอย่างน่ารังเกียจ เจ้าชายยังคงกุมมือของรีน่าไว้ นั่นช่วยทำให้รีน่ายังคงมีสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่
“ ว่าไงละเจ้าชาย ถ้าคิดว่าสามารถผ่านไปได้ก็เชิญตามสบาย ชั้นก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าแกจะปกป้องเจ้าหญิงแสนรักของแกได้รึเปล่า ”
“ แก พวกแกมัน ”
เจ้าชายกล่าวอย่างแค้นใจ ‘ นี่ถ้าเราอยู่คนเดียวละก็ ต่อให้พวกแกจะมามากกว่านี้ เราก็ไม่นำพา แต่นี่เรา ’ เจ้าชายคิดแล้วคิดอีกพร้อมกับหันไปมองรีน่าที่กำลังแสดงท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด กลัวว่ารีน่าจะมีอันตรายไปด้วยไม่ทราบจะทำอย่างไรดี
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นหัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ก็กล่าวขึ้น
“ เอาละมีอะไรจะสั่งเสียไหมครับ เจ้าชาย ” พร้อมกันนั้นเด็กยี่สิบกว่าคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ แก ..” เจ้าชายไม่ทราบจะทำอย่างไรจริงๆ ได้แต่กุมมือรีน่าเอาไว้ เมื่อพวกมันเดินเข้ามาใกล้ๆ ทั้งสองก็เดินถอยไปเรื่อยๆ
“ พอเราบอกว่าวิ่งก็รีบวิ่งหนีไปเลยนะ ถ้าถึงแถวสวนสนุกละก็ต้องมีคนช่วยเราได้แน่ๆ ” เจ้าชายกระซิบรีน่าขณะกำลังเดินถอยหลังอยู่ รีน่าผงกหัวเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ ตอนแรกที่เธอเห็นเด็กหนุ่มยี่สิบกว่าคนนั้นเธอสั่นเล็กน้อย แต่เมื่อเจ้าชายกุมมือของเธอไว้สักพักสติก็เริ่มกลับมา
“ จะถอยไปถึงไหน หาา !!! ” หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ตะโกนจากนั้นเด็กหนุ่มยี่สิบกว่าคนก็วิ่งกรูกันเข้ามาหาทั้งสอง และเกือบจะพร้อมกันเจ้าชายก็ตะโกนว่า “ วิ่ง !!! ”
เจ้าชาย และรีน่าออกตัววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เสื้อผ้าทั้งสองในตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีเวลาคิดแล้ว สิ่งที่ตอนนี้ทั้งสองคิดก็คือ ต้องวิ่งให้เร็วที่สุด
แต่สายฝนก็ทำให้การวิ่งของทั้งสองต้องมีอุปสรรค ไม่สามารถวิ่งเร็วเกินไปได้ อีกทั้งรองเท้าที่รีน่าใส่นั้นแต่จะเป็นรองเท้าผ้าใบแต่พื้นที่เป็นยางนั้นโดนน้ำมากเกินไปทำให้ บางครั้งเธอเกือบที่จะลื่นล้มลง เจ้าชายยังคงกุมมือของรีน่าไว้แน่น เมื่อหันไปมองด้านหลังก็ปรากฏว่าเจ้าพวกนั้นเริ่มใกล้ขึ้นมาทุกทีๆ
‘ ทำยังไงดีๆ ถ้าขืนเป็นแบบนี้มีหวัง .. ใช่แล้วเราให้รีน่ารีบหนีไปหาคนมาช่วยก่อนก็ได้ ’ เจ้าชายขณะที่กำลังจะบอกให้รีน่าวิ่งไปก่อนนั้นก็รู้สึกว่ามือที่ตนกำลังกุมอยู่นั้นฉุดดึงตัวเองไปด้านหลัง พอหันกลับไปก็พบว่ารีน่าลื่นล้มลง เจ้าชายเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปประคองรีน่า ลืมความคิดอะไรไปหมดสิ้น
“ ไม่เป็นไรใช่ไหม ” เจ้าชายกล่าวจากนั้นสังเกตเห็นว่า ที่เข่าข้างขวาของรีน่าปรากฏแผลใหญ่ขึ้น แผลใหญ่นั้นเริ่มปรากฏเลือดซึมออกมาแล้ว เจ้าชายขณะกำลังตกใจอยู่นั้นก็ถูกเด็กหนุ่มยี่สิบคนตามมาทัน พร้อมกับล้อมไว้เรียบร้อยแล้ว
“ ไม่อยากจะเชื่อเลย คนที่ได้ฉายาว่าเป็นเจ้าชาย และว่าที่ประธานนักเรียนคนต่อไป กลับวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้ ”
หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้กล่าวพร้อมกับหัวเราะ แต่เจ้าชายไม่สนคำพูดของมันแม้แต่น้อย กลับสนใจต่อบาดแผลของรีน่ามากกว่า
“ ไม่เป็นไรนะ เราจะปกป้องเธอเองไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ”
“ ขอโทษด้วยนะ ถ้าเราไม่หกล้มป่านนี้ ป่านนี้ ..” รีน่ากล่าวจากนั้นเริ่มร้องไห้ เจ้าชายกัดฟันตัวเองแน่น จากนั้นหันหน้ามองรอบด้าน สบตากับเด็กหนุ่มพวกนั้นเกือบแทบทุกคน คล้ายกับจะจดจำใบหน้าพวกนี้ให้หมดสิ้น จากนั้นจ้องตาเขม็งไปที่หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้
“ ขอร้องละ ช่วยหลีกทางให้พวกเราเถอะ ”
“ อะไรนะ ได้ยินไม่ค่อยชัด ” หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ยิ้มอย่างพอใจ
“ ช่วยหลีกทางให้พวกเราด้วย !!! ”
“ โอ้ !!! ” หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ทำตาโต จากนั้นชี้ไปยังทั้งสองคน “ พวกแกดู เจ้าชายที่แต่ก่อนเข้ามาขวางชั้น ว่าชั้นเลวอย่างนู้นอย่างนี้ กลับมาขอร้องชั้นให้หลีกทาง ชั้นควรจะทำยังไงดีน้า ช่วยบอกหน่อยซิ ”
“ ผมว่านะครับ เราก็หลีกทางให้เขาเถอะ ” เจ้าเด็กหนุ่มหน้าบากกล่าวขึ้น ด้วยหน้าตามีเลศนัย “ แต่หลังจากที่เราทำธุระของเราเสร็จแล้วนะ ”
พอกล่าวจบเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ถึงตอนนี้เจ้าชายเริ่มโมโหแล้วกล่าวเสียงแข็งออกไปว่า
“ พวกแกยังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่อีกหรือเปล่า แกไม่เห็นหรอว่ามีผู้หญิงกำลังเจ็บอยู่น่ะ !!! ”
“ เฮอะ ความเป็นลูกผู้ชายงั้นหรอ มีสิ นี่ไงละ !!! ” เด็กหนุ่มหน้าบากกล่าวจากนั้นเดินเข้าไปฉุดดึงแขนของรีน่าขึ้นมา
“ โอ๊ย เจ็บนะ ” รีน่าร้อง
ถึงตอนนี้เจ้าชายก็หมดความอดทนแล้ว พริบตานั้นเองเด็กหนุ่มหน้าบากก็ถูกหมัดของเจ้าชายซัดใส่เต็มหน้าเซถอยไปด้านหลัง มือที่ฉุดแขนรีน่าไว้ก็ถูกปล่อยออกทันที
เลือดไหลซึมออกมาจากปาก และจมูกของเด็กหนุ่มหน้าบาก เด็กหนุ่มหลายๆ คนเข้าไปช่วยพยุงกันไว้ เด็กหนุ่มหน้าบากถูกหมัดของเจ้าชายซัดใส่เต็มๆ แทบจะหมดสติ แต่พอสักพักเมื่อรู้สึกตัวก็เอามือเตะปากกับจมูกของตนก็พบว่ามีเลือดไหลออกมามากมาย แทนที่จะแสดงความเจ็บปวดกลับสลัดแขนที่ช่วยพยุงตัวเองไว้อยู่ออกจากนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวอย่างยิ่ง แต่เจ้าชายกลับไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ต้องตื่นตระหนกจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มหน้าบากซึ่งตัวโตกว่าตัวเองมากเป็นเช่นนี้แล้ว รับรองต้องกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแน่นอน แต่เจ้าชายกลับจ้องหน้าเด็กหนุ่มหน้าบากเขม็งคล้ายกับว่าเพียงหมัดเดียวก็ยังไม่เพียงพอกับการกระทำที่เลวเช่นนี้
ความรู้สึกที่อยากจะปกป้องใครสักคน หรือทำอะไรเพื่อใครสักคนนั้น ถ้าหากใครเคยได้สัมผัสแล้วละก็จะรู้ว่า แม้ความตายก็ไม่ทำให้เรารู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเจ้าชายไม่เพียงแต่ไม่กลัว แต่ตอนนี้เขากลับโมโหเด็กหนุ่มพวกนี้อย่างมากแล้ว
“ แก เตรียมตัวตายได้เลย บังอาจมาต่อยหน้าของชั้น !!! ” เด็กหนุ่มหน้าบากล่าวด้วยความโมโห หน้าตาดุร้ายยิ่ง
“ เฮ้อ ช่วยไม่ได้ แกเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเองนะ งั้นชั้นก็คงต้องให้ของขวัญวันเกิดแกแก่สักหน่อยแล้ว ” ความจริงฝ่ายพวกมันเป็นพวกมาหาเรื่องก่อนแท้ๆ กลับบอกว่าเจ้าชายเป็นฝ่ายเริ่มก่อนได้หน้าตาเฉย
หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้กล่าวพร้อมกับหันไปมองพวกของตน “ พร้อมไหมทุกคน”
จากนั้นได้ยินเสียงพูดมากมาย ‘ พร้อมมานานแล้ว ’ ‘ แฟนแกน่ารักดีนะ ’ ‘ ชั้นเกลียดขี้หน้าไอ้หมอนี่มานานแล้วละ ’
“ งั้นถ้าพร้อมแล้วก็จัดการมันเลย !!! ”
หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ตะโกนจากนั้นเด็กหนุ่มยี่สิบกว่าคนก็กรูกันเข้ามาหาเจ้าชาย เจ้าชายรีบบอกกับรีน่า “ ถ้ามีโอกาสหนีได้ละก็รีบหนีไปเลยนะ ไม่ต้องห่วงเรา ไปตามคนมาช่วยเข้าใจไหม ”
“ แต่ว่า ”
ไม่ทันที่เจ้าชายจะกล่าวอะไรต่อเด็กหนุ่มหน้าบากก็เข้ามาซัดหมัดใส่หน้าเจ้าชายแล้ว ดีที่เจ้าชายฝึกฝนในชมรมไว้เยอะ สามารถหลบหลีกหมัดนี้ได้ทัน แต่สักพักก็รู้สึกว่าด้านหลังกำลังจะถูกคนล๊อคแขนไว้แล้วจึงรีบเบี่ยงตัวหลบออกมาจากนั้นตะโกนบอกรีน่า
“ รีบไปเร็วเข้าสิ !!! ”
รีน่าความจริงไม่คิดจะหนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว แต่คิดได้ว่าหากตัวเองอยู่รังแต่จะเป็นสร้างความกังวลให้แก่เจ้าชายมากกว่า สู้รีบหนีแล้วไปตามคนมาช่วยจะดีกว่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วก็รีบลุกขึ้นทันที คล้ายกับลืมความเจ็บปวดของรอยแผลที่เข่าไปโดยสิ้นเชิง กัดฟันวิ่งฝ่าวงล้อมออกไป
เจ้าชายขณะกำลังพะวงว่ารีน่าวิ่งหนีไปหรือยังก็ถูกฟาดมือเข้าใส่ท้ายทอยทรุดลงไปทันที ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นว่า
“ ดูนั่น ยัยนั่นคิดจะหนีไปแล้ว อย่าให้มันหนีไปได้ตามจับตัวมันมา ”
เจ้าชายเมื่อได้ยินดังนั้นขณะจะทรุดลงไม่ทราบมีเรี่ยวแรงมาจากไหนยันตัวขึ้นหันหลังกลับซัดหมัดใส่ท้องของเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง สภาพเหตุการณ์ในตอนนี้ชุลมุนอย่างยิ่งนั่นเพราะไม่เพียงฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ท้องฟ้าที่มืดครึ้มแต่ยังรวมถึงจำนวนเด็กหนุ่มที่กำลังรุมทำร้ายเจ้าชายอยู่ด้วย
เจ้าชายความจริงหากฝึกฝนให้มากกว่านี้เด็กหนุ่มยี่สิบคนต้องไม่ใช่คู่มือของเขา แต่ตอนนี้เขายังเป็นแค่ระดับนักสู้ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ยังไม่ถึงระดับพาลาดิน จึงถือว่าเด็กหนุ่มยี่สิบกว่าคนนี้ยากแก่การเอาชนะได้ ไหนเลยยังต้องห่วงว่าพวกนั้นจะทำอะไรรีน่าอีก
เจ้าชายกัดฟันด้วยความโกรธ ‘ ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดแล้วแท้ๆ แต่พวกแก !!! ’ โถมเข้าซัดหมัดใส่เด็กหนุ่มหน้าบากที่ด้านหน้าอีก พยายามจะฝ่าวงออกไปหารีน่าให้เห็น มองไปเห็นเด็กหนุ่มสามคนรีบตามรีน่าไปใกล้จะถึงตัวรีน่าแล้ว
รีน่าขณะกำลังวิ่งอยู่นั้นอดห่วงเจ้าชายไม่ได้หันหลังกลับไปดูก็พบว่าเจ้าชายถูกล้อมไว้จนมองแทบจะไม่เห็นตัวแล้ว บ้างถูกต่อยใส่บ้าง บ้างเห็นเจ้าชายเบี่ยงตัวหลบ ซัดหมัดกลับใส่เจ้าพวกนั้นบ้าง ดีที่ยังไม่ถูกล๊อคตัวเอาไว้ได้ แต่แล้วที่ด้านหลังก็ปรากฏเด็กหนุ่มสามคนวิ่งตามตนเองมา หากจะเปรียบด้านความเร็วรีน่าเองก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน เพียงแต่ว่าบาดแผลที่หัวเข่านั้นกลับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นทุกทีๆ ประกอบกับพื้นที่ลื่นและความกังวลต่อเจ้าชายทำให้เด็กหนุ่มทั้งสามตามมาจนทันตัวเอง
“ โอ๊ย !! ช่วยด้วย !!! ” รีน่าร้องเมื่อโดนเด็กหนุ่มคนหนึ่งจับแขนไว้ได้ทัน
“ เฮอะ จะหนีไปไหนหรอยัยตัวดี จะร้องให้ใครช่วย !!! ”
“ ปล่อย เดี๋ยวนี่นะ ” รีน่าพยายามขัดขืน แต่แรงของเธอไหนเลยจะสามารถสู้เด็กหนุ่มคนนั้นได้
เจ้าชายได้ยินเสียงรีน่าร้องตะโกนก็หันไปเห็นรีน่ากำลังดึงมือกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่ ก็ไม่คิดอะไรวิ่งฝ่าเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าห้าหกคนออกไปในทันที
“ ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ !!! ”
เจ้าชายวิ่งตรงไปหารีน่า ขณะจะซัดหมัดใส่เด็กหนุ่มคนที่ดึงมือรีน่าอยู่นั้นก็รู้สึกว่าด้านหลังมีอะไรบางอย่างฟาดใส่ต้นคออย่างแรงต้องล้มลงในทันที ศีรษะรู้สึกมึนงงไปหมดแทบหมดสติลงในทันที
ที่แท้ขณะที่เขาไม่ทันระวังตัวก็ถูกหัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้เอาท่อนไม้ฟาดใส่ต้นคอ รีน่านั้นกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งไม่ทราบเพราะด้วยความกลัว หรือสงสารเจ้าชายกันแน่
“ เฮอะ เป็นยังไงละ นี่แค่เพิ่งเริ่มเท่านั้น แกจะต้องได้รับบทเรียนอีกเยอะ ” จากนั้นเจ้าชายรู้สึกว่ารอบๆ มีคนเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนรีน่าก็ถูกดึงเข้ามาใกล้ๆ
“ ว่าไงครับเจ้าหญิง ดูสภาพเจ้าชายของเธอในตอนนี้ให้ดีๆ เพราะต่อจากนี้สภาพมันจะไม่ค่อยน่าดูซักเท่าไหร่นัก ฮ่าๆ ” กล่าวพร้อมกับเหวี่ยงไม้ใส่สีข้างของเจ้าชาย เจ้าชายแทบร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่กัดฟันไว้ไม่ยอมแสดงความเจ็บปวดออกมา
“ ทนดีนี่ ดูซิจะทนไปได้ถึงไหน ” จากนั้นไม่ทราบว่าใครบ้าง รู้แต่ว่าตัวเองเริ่มเจ็บปวดขึ้นทีละน้อย เด็กหนุ่มพวกนั้นรุมกันต่อยตี บ้างก็เตะใส่เจ้าชายด้วยความสะใจ
ส่วนรีน่านั้นได้แต่ยืนร้องไห้ “ หยุดเถอะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย !!!”
เจ้าชายเจ็บจนแม้แต่สติในตอนนี้ก็เริ่มที่จะหมดไปแล้ว แต่ก็พยายามจะยันตัวเองขึ้นให้ได้ ขณะที่กำลังพยายามจะยันตัวขึ้นก็ถูกเตะใส่ต้องล้มลงไปอีกครั้ง จากความเจ็บเริ่มเปลี่ยนไปเป็นด้านชาคล้ายไร้ความรู้สึกแล้ว เลือดไม่ทราบไหลออกมาจากที่ใดบ้าง แต่สิ่งที่เจ้าชายรู้ในตอนนี้ก็คือ ตัวเองต้องลุกขึ้นให้ได้ จะต้องปกป้องรีน่าให้ได้
“ หยุดนะ บอกให้หยุดไง !!! ”
รีน่าร้องตะโกนอย่างไม่ขาดสาย
“ เธอนี่มันช่างน่ารำคาญจริงๆ ” เด็กหนุ่มที่เพิ่งเตะใส่เจ้าชายไปหันกลับมาง้างมือตบใส่หน้ารีน่า รีน่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนพวกนี้จะเลวร้ายได้ถึงขั้นนี้ มันทำได้แม้กระทั่งผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ รีน่ารู้สึกชาที่แก้มของตัวเอง ถึงกับต้องร้องไห้โฮออกมาในทันที
“ ยังจะร้องไห้อีกเรอะ !!! ”
เจ้าชายตอนแรกความจริงไม่มีแรงแม้แต่น้อย แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นตบหน้ารีน่าแล้วก็คล้ายลืมความเจ็บปวดไปหมดสิ้น ไม่ทันที่เด็กหนุ่มคนนั้นจะง้างมือตบใส่หน้ารีน่าอีกครั้งก็พุ่งตัวเข้าซัดหมัดใส่หน้าเด็กหนุ่มคนนั้นในทันที
การที่เจ้าชายสามารถลุกขึ้นฝ่าวงที่กำลังรุมซ้อมเขาอยู่ได้นั้น พวกเด็กหนุ่มที่กำลังรุมซ้อมเขาอยู่เองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน เด็กหนุ่มที่โดนต่อยใส่ยิ่งคาดคิดไม่ถึง
“ นะ นาย ..” รีน่าพยายามข่มตัวเองไม่ให้ร้องไห้ไปกว่านี้ เมื่อเห็นรอยแผลตามตัวของเจ้าชาย รอยช้ำบ่นใบหน้าและคราบเลือด เสื้อผ้าชุดขาวของเจ้าชายตอนนี้คล้ายเปลี่ยนเป็นสีดำของพื้น และร้อยเท้า กับสีแดงของรอยเลือดไปแล้ว
“ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม ไม่ต้องกลัวนะ เราจะปกป้องเธอเอง ” เจ้าชายหันมายิ้มให้กับรีน่า รอยยิ้มนั้นช่างอบอุ่นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นั่นทำให้รีน่ายิ่งกลั้นน้ำตาไม่ไหว ร้องไห้ออกมามากกว่าเดิม
เจ้าชายเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปกอดรีน่าทันทีพร้อมกับกล่าวปลอบประโลม
“ ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้องนะ เข้มแข็งไว้ เราจะปกป้องเธอเอง ”
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งนัก หลังจากเจ้าชายกล่าวจบเด็กหนุ่มคนที่โดนต่อยใส่หน้าก็ตะโกนก้องเข้ามาหมายจะเอาคืน พร้อมกันนั้นเด็กหนุ่มที่เหลือก็วิ่งกรูกันเข้ามาหาเจ้าชายอีก
“ แก !!! ”
เจ้าชายหันกลับมาด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างยิ่ง ถึงกับแทบทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นต้องผงะ แต่ก็ช้าไปแล้วที่เด็กหนุ่มคนนั้นจะรั้งหมัดกลับไปได้ทัน
เจ้าชายตะโกนบอกรีน่า
“ ถอยไปก่อน ”
จากนั้นเบี่ยงตัวหลบหมัด พร้อมกับจับต้นแขนของเด็กหนุ่มคนนั้นทุ่มเด็กหนุ่มคนนั้นหงายหลังลงไปกับพื้น ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเชื่อง่าเจ้าชายซึ่งตัวเล็กกว่าจะสามารถทุ่มเด็กหนุ่มที่ตัวโตกว่าได้ ยิ่งในสภาพร่างกายที่บาดเจ็บขนาดนั้นแล้วด้วย
เด็กหนุ่มคนนั้นเมื่อตัวล้มลงฟาดพื้นก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง มิคาดไม่ทันที่จะยันตัวลุกขึ้นก็ถูกเจ้าชายเตะใส่ที่สีข้างพร้อมกับถูกต่อยใส่หน้าเต็มๆ อีกหมัดหนึ่งเลือดกำเดาไหลออกมามากมาย เจ้าชายความจริงไม่ใช่คนที่จะซ้ำคนที่กำลังล้มลงอยู่ แต่อารมณ์โกรธที่รีน่าถูกตบใส่หน้านั้นทำให้เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
เจ้าชายเป็นคนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษมากอยู่แล้ว ความจริงต่อให้คนที่โดนตบหน้าไม่ใช่รีน่าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาก็โมโหได้เช่นกัน นี่ยิ่งเป็นรีน่าแล้วยิ่งโมโหขึ้นไปอีก เด็กหนุ่มคนนั้นหลังจากถูกต่อยใส่หน้าก็หมดสติไปในทันที
หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้เห็นลูกน้องถูกต่อยสลบไปคนหนึ่งถึงกับโมโหขึ้นมาเช่นกันตวาดใส่เจ้าชาย
“ ในเมื่อแกยังเหลือแรงอยู่ก็เตรียมตัวได้เลย ”
จากนั้นหวดท่อนไม้ใส่เจ้าชาย เจ้าชายใช้ท่อนแขนรับท่อนไม้นั้นไว้ได้ ทำให้ท่อนไม้นั้นหักไป ความจริงท่อนไม้ท่อนนี้ไม่ถึงกับเปราะบาง แต่เป็นเพราะหัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ฟาดใส่ด้วยความแรงทำให้ท่อนไม้หักได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามท่อนไม้ขนาดนี้ก็เพียงพอจะทำให้คนแขกหักได้ แต่เจ้าชายคล้ายกับไม่เจ็บปวด พุ่งปราดตรงเข้ากระทุ้งศอกใส่อกของหัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้เสียหลักเซไปด้านหลัง จากนั้นก็ซัดหมัดใส่หน้าหัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้อีกสองสามหมัด แต่ละหมัดแรงเป็นพิเศษเนื่องเพราะความโกรธ
หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ถึงกับต้องเสียหลักเซล้มลงกับพื้น รู้สึกสมองมึนงง เด็กหนุ่มที่เหลือเมื่อเห็นหัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้เซถอยก็หยุดตั้งท่าอยู่ไม่บุกเข้าใส่เจ้าชาย
เจ้าชายหอบหายไปด้วยความเหนื่อยล้า จ้องมองหัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้อย่างไม่กระพริบสายตา เขาเองก็ทราบว่าร่างกายของเขาในตอนนี้นั้นบอบช้ำเกินที่จะยืนอยู่ได้ด้วยซ้ำ ขาข้างขวาของเขาเริ่มรู้สึกชาขึ้นมาทุกที เขาเพียงภาวนาว่าหัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้จะไม่ลุกขึ้น ภาวนาให้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น
ขณะที่เจ้าชายไม่ทราบว่าจะทำอะไรต่อไปดีนั้น ก็พบว่ารีน่าเข้ามาช่วยประคองแขนข้างขวาของตนเองไว้
“ เรารีบไปกันเถอะ ”
เจ้าชายพยักหน้าจากนั้นรีบก้าวจากไป แม้ขา และทั่วร่างกายจะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม เดินไปได้ไม่ไกลนักเบื้องหลังพลันปรากฏเสียงโวยวายของเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นขึ้น คาดว่าหัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้คงจะลุกขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เจ้าชายขณะที่กำลังจะหันหลังกลับไปดูก็ได้ยินเสียงคนวิ่งอย่างเร็วเข้ามาหาตัวเอง
เหตุการณ์ในตอนนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งนัก เจ้าชายเองเมื่อมาคิดทบทวนเหตุการณ์ดูอีกทียังคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ยิ่งภาวนาว่าเป็นความฝันเท่านั้น
ได้ยินเสียงตะโกนดังจากทางด้านหลังมากมาย แต่ที่ฟังได้ถนัดก็มีไม่กี่เสียงเท่านั้น
“ แก ตายซะเถอะ !!! ”
“ เฮ้ อย่านะ นั่นมัน ถึงตายเชียวนะ !!! ”
“ ใครก็ได้ห้ามเขาที !!! ”
สิ่งที่เจ้าชายเห็นก็คือ หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ถือมีดเล่มหนึ่งวิ่งเข้าหาตัวเอง ระยะ และความเร็วขนาดนี้ หากเป็นตอนที่สภาพร่างกายของเขาสมบรูณ์แล้วละก็อาจจะพอสามารถหลบพ้นได้ แต่สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่สามารถหลบพ้นมีดนี้ได้แน่นอน แม้สมองจะสั่งให้ร่างกายของเขาขยับหลบ แต่ร่างกายของเขากลับไม่อาจเคลื่อนไหวได้ตามใจคิด เช่นนี้เป็นว่าเขาจะต้องถูกมีดเล่มนี้แทงเข้าให้แล้วจริงๆ รสชาติของความตายเป็นอย่างไร เขาจะรอดชีวิตได้หรือไม่ นั่นย่อมไม่มีเวลาคิดแล้ว
แต่เจ้าชายไม่อาจทราบได้ว่ารสชาติของความตายเป็นอย่างไร อาจบางทีสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นยังเจ็บปวดยิ่งกว่ารสชาติของความตายเสียอีก
มีดเล่มนั้นไม่ได้แทงใส่เขา บัดนี้น้ำตาของเจ้าชายไหลออกมาแล้ว เนื่องเพราะมีดเล่มนี้กลับแทงใส่รีน่า !!! เป็นรีน่าเข้ามาขว้างเขาไว้ มีดเล่มนั้นแทงลึกเข้าไปยังท้องของเธอ เลือดค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากบริเวณบาดแผล ยิ่งไหลยิ่งมากจนเสื้อสีขาวของเธอต้องถูกย้อมเป็นสีเลือด ภายใต้สายฝนที่สาดกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย
เหตุการณ์ทุกอย่างคล้ายหยุดนิ่งลงชั่วขณะ หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้เบิกตาโผลงมองดูภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างตกตะลึง เขาเองไม่ทราบว่าตัวเองจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ลงไปได้ เมื่อครู่เขาเองไม่สามรถควบคุมอารมณ์โกรธของตนเองได้ชักมีดออกจากกระเป๋าเสื้อพร้อมวิ่งเข้าใส่เจ้าชาย
มือทั้งสองข้างของเขาสั่นเทาไปด้วยความกลัว และความรู้สึกผิด จิตใจของเขาปั่นป่วนไปหมดไม่ทราบจะทำอย่างไรต่อไป
ทันใดนั้นฟ้าผ่าลงมือด้วยความเกรี้ยวกราด คล้ายต้องการจะเรียกสติของทุกผู้คนขึ้นมา หัวหน้าแก๊งเอ๊ดดี้ยิ่งตกใจเข้าไปอีก ไม่ทราบทำอย่างไรรีบดึงมีดออกพร้อมกันนั้นวิ่งหนีออกอย่างไม่คิดชีวิต เด็กหนุ่มที่เหลือก็วิ่งหนีตามเช่นกัน ฝนตกกระหน่ำลงมากว่าเดิม ฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างลงมาอย่างไม่ขาดสาย เสียงฝนบวกกับเสียงฟ้าร้องดังสนั่นไปทั่วบริเวณนั้น
แต่เจ้าชายกลับพบว่ารอบกายของตนเองนั้นเงียบสงัด ขาของเขาคล้ายไม่มีความรู้สึก จะยืนต่อไปก็ไม่อาจยืนได้มั่นคง จะก้าวเดินต่อไปก็ไม่อาจก้าวเดินได้ ใบหน้าของเขาคล้ายชาด้านไร้ความรู้สึกแล้ว ดวงตาของเขายังคงเหม่อมองไปยังข้างหน้าราวกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความฝัน
‘ เปรี้ยง !!! ’ สายฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง บริเวณรอบๆ นั้นสว่างจ้าขึ้นมาชั่วคราว สายฟ้าครั้งนี้คล้ายช่วยเรียกสติเจ้าชายขึ้นมา เจ้าชายค่อยๆ ประคองรีน่านอนลงกับพื้น โดยนำหัวของเธอหนุนตักของเขาไว้
“ ทำใจดีๆ ไว้นะ ” เจ้าชายพยายามประคองรีน่าให้มั่นคงที่สุด แต่มือทั้งสองของเขาไม่ทราบว่าเป็นอะไรกลับใส่ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ เธอ จะต้อง เธอจะต้อง ” เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป แต่สายฝนคล้ายกลืนน้ำตาของเขาไปหมดสิ้น
ขณะที่ไม่ทราบจะทำอย่างไรต่อไปนั้นพลันได้ยินเสียงของรีน่ากล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า “ เธอ ไม่ เป็น อะไร ใช่ไหม ” คำถามนี้ยิ่งทำให้เจ้าชายต้องหลั่งน้ำตามากกว่าเดิม
“ อย่า ร้อง . ” รีน่าเอื้อมมือขึ้นพยายามที่จะเช็ดน้ำตาให้เขา แต่ร่างกายของเธอคล้ายไม่มีเรี่ยวแรงอีกต่อไป เจ้าชายรีบกุมมือข้างนั้นไว้
“ ทำใจดีๆ ไว้นะ เธอจะต้องไม่เป็นอะไรนะ เธอจะต้องไม่เป็นไร !!! ” เจ้าชายพยายามจะประคองรีน่าขึ้นมา เขาต้องรีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดให้ได้ แต่ขณะที่เขากำลังจะพยายามประคองตัวเธอขึ้นมานั้น
“ ดะ เดี๋ยว ” รีน่ากล่าวขึ้น จากนั้นพยายามล้วงมือไปที่กระเป๋าเสื้อทางด้านซ้ายซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่เธอถูกมีดแทงใส่ “ วันนี้ เป็น - วัน เกิด ของ เธอทั้งที อย่า - ร้อง ไห้ - สิ ” กล่าวพร้อมกับพยายามหยิบของในกระเป๋าเสื้อออกมา จากนั้นเธอชูสิ่งนั้นขึ้นมาช้าๆ
“ ไม่ต้องพูดแล้ว รีบไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ ” เจ้าชายพยายามตัดบท แต่เมื่อเห็นท่าทางของรีน่าที่พยายามจะพูดกับเขาให้ได้ ตนเองกลับไม่สามารถจะพาเธอไปได้อย่างที่ตัวเองต้องการ
“ ไม่ ได้ หรอก ” รีน่าขณะนี้ไม่ได้ร้องไห้ แต่เธอกลับยิ้มให้กับเจ้าชายราวกับว่าเธอช่างแสนมีความสุขเหลือเกิน “ ถ้า เกิดว่า ถ้าเกิดว่า .” รีน่ารู้สึกปวดที่บาดแผลขึ้นมา เลือดไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอก็พยายามฟื้นความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ ‘ ถ้าเกิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พูดกับเขาล่ะ เราจะต้องทนให้ได้ เจ็บแค่นี้ เจ็บแค่นี้ ’ เธอเพียงต้องการจะกล่าวสิ่งที่เธออยากจะบอกกับเขาให้ได้
“ ถ้าเกิดว่า นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พูดคุยกันอย่างนี้ละ ”
เจ้าชายตะลึงกับคำพูดของรีน่า ถึงกับภาวนาว่าจะไม่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ “ ไม่ ไม่ เราจะต้องได้คุยกันอีก อย่าพูดแบบนี้ เข้มแข็งเอาไว้นะ เราจะรีบพาเธอ พาเธอไปส่งโรงพยาบาลให้ได้ เธอจะต้องไม่เป็นไร ” เขาไม่ทราบว่าควรจะกล่าวคำพูดอะไรจริงๆ ได้แต่ปลอบเธอควรคำพูดซ้ำๆ
เธอชูสิ่งๆ นั้นขึ้นมา แม้กระทั่งท่ามกลางสายฝนที่สาดกระหน่ำ สิ่งๆ นั่นกลับทอประกายแสงสว่างขึ้นมาวูบหนึ่ง สิ่งๆ นั่นก็คือ จี้กางเขนสีเงินนั่นเอง หากแต่ตอนนี้มันถูกย้อมไปด้วยเลือด
“ นี่ ” รีน่ายิ้มให้กับเจ้าชาย “ วันนี้เรายัง ” พยายามฝืนอาการเจ็บที่บาดแผล ที่ยิ่งมายิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ เรายังไม่ได้ให้ของขวัญวันเกิดนายเลย ” เธอยื่นจี้กางเขนให้กับเจ้าชายอย่างช้าๆ เจ้าชายรับมาน้ำตาไม่ทราบไหลแล้วไหลอีกจนเหือดแห้งไปหรือยัง
“ สุข สันต์ วัน เกิด นะ ” เธอพยายามกล่าวไม่ให้เสียงของตัวเองสั่น “ แล้วก็ แล้วก็ ..”
เจ้าชายกุมมือของรีน่าแน่น
“ ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้ายังพูดอีกเธออาจจะ ..”
“ แล้วก็ ..” เธอรู้สึกว่าภาพหน้าของเจ้าชายที่เบื้องหน้าค่อยๆ มืดลงทุกทีๆ แต่ทว่า ‘ เราจะต้อง บอกเขาให้ได้ ความ รู้ สึก ของ เรา ’
“ เรา ชอบ นาย นะ ”
จากนั้นเจ้าชายรู้สึกว่ากุมข้างที่ตนกุมอยู่นั้นค่อยๆ คลายออกจากมือของตัวเอง ดวงตาของรีน่าค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างคล้ายหยุดนิ่งลงตลอดกาล
ฝนยังคงตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างลงมาคล้ายกับต้องการจะพิพากษาโทษผู้กระทำผิด แต่ฟ้าไหนเลยสามารถลงโทษผู้กระทำผิดให้กับเขา และเธอได้
เจ้าชายกอดรีน่าไว้แนบกาย “ เรา เรา ก็ชอบเธอนะ ” น้ำตาไม่อาจสามารถกลั้นไว้ได้ “ คอยก่อนนะ เธอจะต้องไม่เป็นไร คอยเราก่อนนะ คอยเราก่อนนนนนนนนน นะ ”
ใช่แล้ว . เขาเพียงภาวนา เพียงภาวนาว่า เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น ฝันร้ายที่ไม่นานเขาก็จะตื่นขึ้นมา
ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้น แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นก็ต้องพบว่าชีวิตของเขาไม่อาจเหมือนดังเดิมได้อีกต่อไปแล้ว สิ่งแรกที่เขาพบเมื่อตื่นขึ้นมาก็คือ เขานอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาลของโรงเรียน โดยคนที่นั่งอยู่ข้างเขาก็คือซาโต้เพื่อนคนสนิทของเขา
ซาโต้เล่าว่าเมื่อคืนเขาพารีน่าไปที่โรงพยาบาลได้สำเร็จ จากนั้นเมื่อพ่อแม่ของรีน่า และตัวซาโต้เองมาถึงก็พบว่าเขาเองสลบหมดสติไปแล้ว ส่วนรีน่าพ่อแม่ของเธอหลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วก็รีบพาเธอไปยังโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งทันที พอเขาถามว่าอาการของเธอเป็นอย่างไรบ้างนั้น ซาโต้ก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วบอกว่า เขารู้เพียงแต่เธอเสียเลือดมาเกินไป ไม่แน่ว่า แต่ซาโต้ไม่กล่าวต่อ เจ้าชายไม่รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
ซาโต้บอกกับเขาว่า เขาสลบไปเป็นเวลาสองวันเต็มๆ ตอนแรกมีไข้ขึ้นด้วยซ้ำ แต่เขาไม่สนเขาพูดเหล่านั้น เขายังอยากให้คนที่ต้องเสียเลือดและถูกส่งโรงพยาลบาล และยังไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดียังไงก็ตัวเขาเอง
เมื่อคิดถึงตรงนี้น้ำตาของเขาก็หลั่งออกมาอีกครั้ง น้ำตาที่ในชีวิตน้อยครั้งที่คนอย่างเขาจะหลั่งออกมา แม้แต่ซาโต้เองก็อดแปลกใจไม่ได้
เจ้าชายลุกขึ้นจากเตียงในทันที พร้อมกับดึงสายน้ำเกลือออก ราวกับไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
“ นี่ นายจะไปไหน ร่างกายของนายยังไม่ .. ” ซาโต้พยายามจะเข้ามาประคองเขาให้กลับไปนอน แต่เมื่อเห็นสายตาของเจ้าชายกลับไม่อาจสามารถเดินเข้ามาใกล้เขาได้แม้แต่นิดเดียว เจ้าชายเดินไปหยิบเสื้อของเขาที่ด้านข้างจากนั้นล้วงหาสิ่งๆ หนึ่ง สิ่งๆ นั้นคือ จี้กางเขนนั่นเอง จากนั้นก็สวมมัน กางเขนสีเทาที่ต้องย้อมไปด้วยเลือดจนกลายเป็นสีเลือด พร้อมกับเดินออกจากห้องพยาบาลทันที แต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากห้องพยาบาลนั้นซาโต้ก็ถามขึ้น
“ แล้วนี่นายจะไปไหน ถ้าเป็นเรื่องของเจ้าพวกแก๊งนั่นละก็เราได้รายงานให้ทางอาจารย์ใหญ่เรียบร้อยแล้วนะ เขากำลังจัดการพวกนั้นอยู่ คงจะถูกส่งเข้าคุก ไม่ก็ไล่ออกจากโรงเรียนแล้วละ ”
เจ้าชายหากไม่เห็นว่าคนที่กำลังพูดกับเขาอยู่เป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานานคงจะเดินจากไปแล้ว
‘ เฮอะ ส่งเข้าคุกงั้นรึ !! ไล่ออกงั้นรึ !! นี่หรือสิ่งที่พวกมันต้องชดใช้ แค่นี้เองเรอะ !!! กับการที่ชีวิตคนดีๆอย่าง
..’ เจ้าชายกำหมัดแน่น พยายามจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ให้ได้ ‘ ฟ้าช่างไม่ยุติธรรม ฟ้าช่างไม่ยุติธรรม !!! ’ จากนั้นเมื่อสงบสติของตัวเองลงได้ก็กล่าวเสียงเย็นชากับซาโต้
“ มีอะไรที่นายจะพูดอีกไหม ”
“ แล้วเรื่องรับตำแหน่งประธานนักเรียนคนใหม่ในวันที่ ”
“ ไม่ ” เจ้าชายกล่าวเสียงแข็ง “ นายไปรับแทนก็แล้วกัน คนที่ไม่สามารถปกป้องใครได้อย่างเรา ไม่มีหน้าจะรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ”
“ แต่เดี๋ยวสิ จะให้บอกเขาได้ยังไงว่า เจ้าชาย!! .”
ซาโต้ถึงกับต้องชะงักเมื่อกล่าวคำว่าเจ้าชาย เนื่องเพราะเจ้าชายไม่ทราบหันมาจ้องมองเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ อย่า มา เรียก ข้า ว่า เจ้าชายอีก !!! ” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที ซาโต้คล้ายไม่รู้จักคนๆ นี้เลยแม้แต่น้อย “ และ ต่อจากนี้จงเรียกข้าว่า ไซโคร แนช !!! ในเมื่อฟ้าไม่ให้ความยุติธรรมแก่ข้า ข้าก็จะเป็นคนที่ให้ความยุติธรรมแก่ตัวข้าเอง ลาก่อน ซาโต้ .. ”
จากนั้นก้าวออกจากห้องอย่างช้าๆ ซาโต้เองไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใดจึงไม่สามารถหยุดเขาได้ และจากนั้นนามว่า ‘ เจ้าชาย ’ ก็เริ่มหายไป อาจจะเรียกได้ว่า หายไปพร้อมกับ กางเขนสีเลือด และความทรงจำของเขาก็เป็นได้
_______________________________________
ความคิดเห็น