ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #51 : บทเรียนที่ 46 ขีดจำกัดขั้นสุดท้ายของเทพไรจิน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.86K
      48
      17 มิ.ย. 51

                       


                        
                                                                  
    บทเรียนที่
    46  ขีดจำกัดขั้นสุดท้ายของเทพไรจิน

     

     

     

    วี้ดๆๆๆๆๆ

    เสียงสัญญาณเตือนจากเข็มขัด และเกราะเท้าดังลั่นไปทั่ว ขณะที่เท้าข้างขวาของโคทาโร่กำลังอัดแน่นไปด้วยพลังสายฟ้าอันมหาศาล

    นักเรียนหลายคนที่ดูอยู่ถึงกับต้องเอามือเอาบิดหูไว้ เพราะเสียงที่แสนจะแสบแก้วหูนั่น แต่บางคนกลับจับจ้องไปยังการจู่โจมที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที โดยที่ไม่สนใจสัญญาณเตือนเลยแม้แต่น้อย

    ‘ RIDER KICK !!! ’

    และในที่สุดพริบตานั้นก็มาถึง เมื่อเสียงสัญญาณดังรั่ว และแสบแก้วหูถึงขีดสุด พร้อมสายฟ้าอันบ้าคลั่งที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมา

    ฟุบ !

    โคทาโร่กระโดดพุ่งตัวเข้าหาดีว่าด้วยความเร็วสูง ตวัดเท้าขวาที่สะสมไปด้วยสายฟ้าอันมหาศาลเตะใส่ดีว่าทันที

    และพริบตานั้นเองดีว่าก็แทงกระบี่ออกเช่นกัน เป็นเสี้ยววินาทีที่ทำให้หัวใจของหลายคนๆเกือบจะหยุดเต้น โดยเฉพาะคนที่มาเชียร์ดีว่า ทั้งนี้เพราะโคทาโร่รวดเร็วจริงๆ

    นี่ยังเป็นการชมดูที่ตื่นเต้นยิ่งเสียกว่าดูคาวบอยดวลปืนกันเสียอีก

    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเท่านั้น ชั่วพริบตาที่สายฟ้า กับสายลมปะทะกัน

    ปัก !โครม !

    ร่างของดีว่าถูกเตะกระเด็นไปไกลด้วยลูกถีบพลังทำลายมหาศาล ลอยล้มลงแน่นิ่งกับพื้นทันที ตามมาด้วยเสียงอุทานของเหล่าคนดูมาติดๆ

    ฟู่

    ควันสีขาวลอยออกมาจากเท้าขวาของโคทาโร่ จากนั้นโคทาโร่ประสานอินปิดท่าร่างอันสมบรูณ์ และสง่างามลง ราวกับเวลาที่ไรเดอร์จัดการกับเหล่าศัตรูลงเรียบร้อยแล้ว

    แต่โคทาโร่ในตอนนี้ถึงกับดูสง่างามกว่าไรเดอร์ทั้งหมดอีกหลายร้อยเท่า ทั้งนี้เพราะพลังความเร็วของลูกถีบนั้นถึงกับรวดเร็วกว่าไรเดอร์ในหนังเท่าที่หลายๆคนเคยดูมาเสียอีก และที่สำคัญนี่เป็นลูกถีบจริงๆไม่ใช่การตัดต่อทางภาพยนตร์

    เช้ง !

    นินจาเคน กับดาบเพลิงอัคคีที่ไร้ซึ่งเปลวเพลิงประสานกันพักหนึ่ง แม้แต่โซเฟีย หรือมาซาซึมุก็อดหยุดหันไปมองทางด้านของดีว่าที่ถูกท่าไม้ตายของโคทาโร่เตะกระเด็นไปไม่ได้

    ที่เหลือก็แค่เธอแล้วนะ นินจาเงาอัคคี มาซาซึมุกระซิบขณะกำลังประสานดาบกันอยู่

    มันก็ไม่แน่หรอก โซเฟียยังคงเชื่อในตัวของดีว่า

    ไม่เคยมีใครโดนลูกเตะของคุณโคทาโร่แล้วลุกขึ้นมาสู้ได้อีกแม้แต่คนเดียว มาซาซึมุกล่าวอย่างชื่นชม เทพอัสนีไรจินไร้ผู้ต่อต้าน และฮิงะจะต้องถูกฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง เตรียมตัวรับความพ่ายแพ้เสียเถอะ เจ้านินจาเงาอัคคี

    แหะๆ ก็บอกแล้วยังไงว่าไม่ใช่ๆ โซเฟียยังคงหัวเราะออก สายตาชำเลืองไปยังดีว่าที่นอนแน่นิ่ง โดยไม่มีท่าทีว่าจะลูกขึ้นมาได้เลย จากนั้นเห็นโคทาโร่ยังคงหลับตาประสานอินอยู่ ราวกับคิดว่าการต่อสู้ทั้งหมดจบสิ้นลงแล้ว

    ความจริงเธออยากลองจะตะโกนเรียกดีว่าในลุกขึ้นสู้ดู แต่เมื่อดูจากพลังทำลายอันมหาศาลเมื่อสักครู่แล้ว คำพูดของมาซาซึมุคงมิใช่แปลกปลอม หากเป็นเธอแล้วไม่แน่ว่าอาจจะหมดสติไปแล้วก็เป็นได้

    และที่สำคัญเธอในตอนนี้ก็ต้องรับมือกับมาซาซึมุ ซึ่งเธอก็กำลังถูกต้อนจนเสียเปรียบอย่างยิ่ง  แถมดาบเพลิงอัคคีในมือก็ไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้อีก

    หรือทีมมิราเคิลจะมาได้เพียงแค่นี้เท่านั้น  โซเฟียจะนึกเจ็บใจไซโคร แนชก็ไม่ได้ คงได้แต่นึกเจ็บใจตัวเอง แล้วก็วาที่จู่ๆก็หายตัวไป แต่ถึงต่อให้วาไม่ได้หายตัวไป เหตุการณ์ก็คงจะไม่ได้ดีไปกว่านี้สักเท่าไหร่

    แต่ทว่าแวบหนึ่งที่เธอเหลือบมองไปยังดีว่าที่นอนแน่นิ่งอยู่อีกครั้ง เธอก็พบเห็นอะไรบางอย่าง ถ้านั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอคิดไปเองแล้วละก็ ความหวังที่ยังจะชนะก็ยังคงมีอยู่ เพียงแต่ว่าในตอนนี้เธอจะสามารถรับมือกับมาซาซึมุที่ใช้เทพวายุ กับโคทาโร่ที่สามารถโจมตีใส่เธอได้ทุกเมื่อ ได้หรือไม่

    นับว่าเก่งมากนะเจ้านินจาเงาอัคคี ที่ยังสามารถรับมือเทพฟูจิน ชิโนบิ มาซาซึมุผู้นี้ได้ มาซาซึมุกล่าวขณะฟันนินจาเคนในมือใส่โซเฟียอย่างไม่ยั้ง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มจับจังหวะการโจมตีของมาซาซึมุได้บ้างแล้ว แต่รอจนคุณ   โคทาโร่โคจรพลังเสร็จก่อนเถอะ เกมก็จะจบลงทันที

    ที่แท้ที่ต้องยืนสงบนิ่งลงคงเพราะเมื่อกี้ใช้พลังไปเยอะ ถ้าเมื่อสักครู่นี้ดีว่าสามารถหลบการโจมตีได้ก็เท่ากับว่ามีสิทธิชนะไปเลยสินะ แต่อย่างน้อยโชคก็ยังเข้าข้างเราอยู่บ้าง ตอนนี้ยังพอมีเวลา ก่อนที่เจ้านินจาอีกคนจะโคจรพลังลมปราณเสร็จเราต้องรีบล้มเจ้าหมอนี่ให้ได้  

    โซเฟียเริ่มครุ่นคิด ทุกครั้งเวลาที่เธอเจอปัญหาที่หาทางออกไม่ได้ เธอมักจะค่อยๆตั้งสติ และหาทางแก้ไข

    เช้ง เช้ง เช้ง !

    เสียงปะทะกับระหว่างสองศาสตราวุธดังลั่น แม้การโจมตีของมาซาซึมุจะรวดเร็วถึงเพียงไหน แต่ขณะนี้โซเฟียก็สามารถรับการโจมตีได้ทั้งหมดแล้ว

    นี่ไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย หรือคนเขียนลำเอียงแต่อย่างใด

    แต่เป็นเพราะเวลาที่เธอใช้สมาธิเพื่อคิดหาทางแก้ปัญหานั้น ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นการแบ่งแยกสมาธิของเธอ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้จิตใจ และพลังสมาธิของเธอเข้มแข็งกว่าเดิมเข้าไปอีกหลายเท่าตัว

    ดังนั้นการรับการโจมตีของโซเฟียในตอนนี้จึงเป็นการผสมผสานระหว่างพลังสมาธิอันหนักแน่น และสัญชาตญาณในการรุกรับอันเป็นเลิศของอัศวินที่เธอเฝ้าฝึกฝนมาโดยตลอด

     

                                      .........................................................................

     

    ขณะที่ด้านบนเวทีกำลังร้อนเป็นไฟเพราะการเป็นแข่งขันอันดุเดือดนั้น ที่ด้านบนที่นั่งคนดูก็กำลังจะเริ่มร้อนเป็นไฟแล้วเช่นกัน

    วีวี่ที่เห็นดีว่าถูกเตะกระเด็น ล้มลงแน่นิ่งไป ถึงกับหัวใจตกวูบ ยิ่งได้เห็นดีว่าผูกผ้าผืนที่เธอให้ไปแล้วยิ่งรู้สึกร้อนรนเข้าไปอีก

    ในตอนแรกเธอรู้สึกดีใจอย่างมากที่ดีว่าอุตส่าห์ผูกผ้าที่เธอให้ไป แต่ตอนนี้จู่ๆเธอก็คิดว่าจะเป็นเพราะผ้าของเธอหรือเปล่าที่นำโชคร้ายไปให้ดีว่า จนกระทั่งมิวที่นั่งข้างๆสังเกตอาการวิตกจากสีหน้าของวีวี่ได้อย่างชัดเจน จนอดไม่ได้ที่จะต้องพูดปลอบเพื่อให้เธอสบายใจลงบ้าง แม้ว่าตัวเขาจะหมั่นไส้อาการชื่นชอบดีว่าเป็นพิเศษของวีวี่อยู่บ้างก็เถอะ แต่เมื่อเห็นทั้งโซเฟีย และดีว่าที่กำลังโดนเล่นงานอยู่ ก็ทำให้หมดอารมณ์ที่จะเถียง หรือแหย่วีวี่ไปเลย

    ขณะที่มิวกำลังปลอบวีวี่อยู่นั้น จู่ๆทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงใสๆจากผู้หญิงที่นั่งด้านหลังลอยขึ้น

    สมน้ำหน้า งี่เง่าชะมัด ทั้งๆที่จัดการเจ้านินจานั่นได้ตั้งแต่ตอนที่มันกำลังโคจรพลังได้แท้ๆก็ไม่ทำ  

    ตามปกติในการชมดูอะไรก็ตาม ย่อมต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นธรรมดา แต่ครั้งนี้คำวิจารณ์ของผู้หญิงคนนี้ดูออกจะรุนแรงไปหน่อย ในตอนแรกวีวี่ก็ไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่นัก แต่เมื่อฟังๆดูแล้วมีแต่ประโยคที่กล่าวว่าแต่ดีว่าทั้งนั้นก็อดที่จะหันไปชำเลืองมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรไม่ได้

    ฮ่าๆ เอาน่า ซิลเวียพี่ก็รู้ว่า มันมีโอกาสที่จะจู่โจมในตอนนั้นได้ เพียงแต่ว่าเขาก็ไม่ได้ทำพลาดไปเสียทั้งหมดหรอกนะ เพราะตอนที่เจ้านินจานั่นโคจรพลังอยู่นั้นมันเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น หากจู่โจมช้าไปเพียงวูบเดียวก็อาจจะต้องแพ้ไปแล้วก็ได้

    เมื่อได้ยินประโยคนี้วีวี่ค่อยรู้สึกว่า ค่อยน่าให้อภัยได้อยู่บ้าง

    ชายที่พูดกล่าวนั้น เป็นชายผมยาว หน้าขาวราวกับหยก สวมใส่ด้วยชุดเสื้อคลุมสีขาว ซึ่งดูๆไปแล้วคล้ายคลึงกับชุดประจำชมรมของดีว่า กับซากุระอย่างยิ่ง ท่าทางคล้ายกัคุณชายผู้สูงศักดิ์ผู้หนึ่ง มือทั้งสองข้างซุกอยู่ใต้แขนเสื้อยาว หัวเราะอย่างโอ่อ่า ซึ่งตรงกันข้ามกับชายผู้ที่นั่งอยู่ทางด้านขวาของเขาอย่างสิ้นเชิง

    ชายผู้นี้สวมใส่ด้วยเสื้อคลุมสีดำสนิทแถมยังนำฮู้ดที่ด้านหลังเสื้อมาปกปิดใบหน้าไว้อย่างมิดชิด และหากมองไม่ผิดแล้วละก็วีวี่คิดว่า ภายใต้ใบหน้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมวกเสื้อคลุมนั้นยังสวมใส่ด้วยหน้ากากแฟนท่อมอีกชั้นหนึ่ง ราวกับว่าไม่ต้องการจะให้ผู้คนได้พบเห็นใบหน้าของเขาก็มิปาน ส่วนแขนทั้งสองข้างของชายผู้นี้ใส่ไว้ด้วยปลอกแขนเหล็กสีดำสนิท และหากสังเกตดีๆนั่นไม่ใช่ปลอกแขนธรรมดา แต่ล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวนที่ดูแล้วราวกับพวกนักโทษในยุคกลางอย่างใดอย่างนั้น ดูโดยรวมแล้วชายผู้นี้ให้ความรู้สึกขนลุกได้เป็นอย่างยิ่ง

    วีวี่เพียงชำเลืองมองชายผู้นั้นไม่นานก็ต้องรีบละสายตาไป เพราะเกรงว่าหากถูกจ้องกลับคงไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนัก

    และในที่สุดเธอก็ได้เห็นเจ้าของเสียงใสที่คอยแต่จะตำหนิดีว่าอยู่ตลอด เจ้าของเสียงนั่งอยู่ทางซ้ายจากถัดชายชุดขาว เธอเป็นเพียงเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มผู้หนึ่งเท่านั้น ไว้ผมม้าที่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังมัดผมสีดำสนิทของเธอไว้ด้วยโบว์สีดำสนิท ชุดที่ใส่อยู่เป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำ ที่ปกคอเสื้อเป็นผ้าขาวตัดกับลายดำ ที่คอผูกโบว์เส้นเล็กสีแดงยาว บ่งบอกให้รู้ว่าน่าจะอยู่ในระดับชั้นมัธยมต้นเท่านั้น ที่อกข้างขวาประทับไว้ด้วยตรารูปนกฟินิกซ์สีทองตัดกับกรอบสีดำที่ดูงามสง่า ส่วนกระโปรงสเกิ้ตที่สวมอยู่ก็เป็นสีดำเช่นเดียวกับเสื้อ ด้านล่างใส่ถุงเท้าสีขาวยาว กับรองเท้าผ้าใบสีดำ

    วีวี่นึกไม่ออกว่านี่เป็นเครื่องแบบของโรงเรียนอะไรกันแน่ แต่ที่เธอสนใจก็ไม่ใช่เรื่องโรงเรียนอยู่แล้ว ทั้งนี้เพราะเด็กผู้หญิงคนนั้น หรือที่ชายชุดขาวเรียกว่า ซิลเวีย   ยังคงกล่าวโจมตีดีว่าต่อ ราวกับไม่ได้เห็นสายตาไม่เป็นมิตรของวีวี่เลยแม้แต่น้อย

    ดูสิๆ ซิลเวียชี้ไปยังดีว่าที่นอนนิ่งอยู่ สีหน้าไม่พอใจยิ่งกว่าวีวี่เสียอีก เพียงแต่เป็นความไม่พอใจคนละแบบกันเท่านั้น   ไร้ประโยชน์สิ้นดี เป็นตัวถ่วงพี่โซจริงๆ พี่โซเค้าเลยต้องสู้อยู่คนเดียว แล้วถ้า…..แล้วถ้า….. ถ้าพี่โซเกิดแพ้ขึ้นมาละ จะให้หนูทำยังไง

    วีวี่ยิ่งฟังยิ่งชักฉุน แต่ด้วยความสงสัยในคำพูดของซิลเวีย จึงทำให้อารมณ์โมโหของเธอลดลงไปได้บ้าง

    พี่โซอย่างนั้นหรอ ? แต่โซเฟียบอกว่าไม่เคยมีน้องสาวนิ หรือว่าเราจำผิดกันแน่นะ วีวี่ขณะกำลังคิดอยู่ก็ได้ยินชายชุดขาวผู้ขึ้น

    โธ่ ซิลเวียของพี่ช่างน่าสงสารจริงๆ ชายชุดขาวปลอบ เฮ้อ ถ้าเปลี่ยนเป็นพี่ละก็ต่อให้เจ้านินจาสองคนนั้นรุมเข้ามาโจมตีพร้อมกัน ก็ไม่มีทางพลาดท่าได้ถึงขนาดนั้นหรอก ยิ่งจังหวะที่เจ้านินจาสายฟ้านั่นกระโดดเตะ แค่เอียงตัวหลบนิดหน่อย แล้วแทงกระบี่เฉียงๆออกไปก็พอปลิดชีวิตมันได้แล้วแท้ๆ กระบวนท่าสวนกลับยังนับว่าห่างไกลอีกหลายเท่านัก ช่างเป็นที่น่าเสื่อมเสียแก่มือกระบี่ทั้งหลายเสียจริงๆ ชายที่ชื่อดีว่านั่น

    ถึงตรงนี้วีวี่เริ่มรู้สึกว่าคำพูดของทั้งชายชุดขาวเริ่มจะไม่เข้าท่าเหมือนซิลเวียขึ้นมาแล้ว

    อย่าพูดสิค่ะ ยิ่งพูดยิ่งหงุดหงิด ซิลเวียค้อนแบบเด็กเอาแต่ใจ ถ้าพี่โซต้องแพ้เพราะเจ้าดีว่านั่น หนูไม่ยอมให้อภัยแน่ จริงๆก็ไม่ชอบตั้งแต่ที่ขึ้นไปคู่กับพี่โซตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วยสิ

    อย่างว่านั่นละซิลเวีย หุบเหวไม่มีทางทะยานขึ้นมาเทียบกับฟ้าได้หรอก ยิ่งมาคำพูดของชายชุดขาวยิ่งเริ่มดูจะรับไม่ได้มากกว่าซิลเวียเสียอีก

    ขณะที่วีวี่กำลังจะน็อตหลุด มิวที่นั่งอยู่ด้านข้างและสังเกตสีหน้ามาโดยตลอดก็รีบห้ามไว้ แต่ทว่า………

    แล้วก็นะ หนูก็ไม่ชอบใจมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เธอที่นั่งอยู่ตรงนั้นมีปัญหาอะไรมิทราบ ?! ซิลเวียหลับตา ก่อนที่จะหันไปลืมตามองวีวี่อย่างช้าๆ และเมื่อสายตาอันไม่เป็นมิตรของทั้งสองคนประสานกัน มิวก็รู้สึกได้ในทันใดว่า ระเบิดกำลังจะลงในไม่ช้านี้แล้ว


              
                                                               .............................................................................



    ตั้งสติเอาไว้สิ โซเฟียพยายามตั้งสมาธิเพื่อรับนินจาเคนไปพลาง วิเคราะห์สถานการณ์ไปพลาง การวิเคราะห์สถานการณ์ถือเป็นสิ่งที่เกือบจะทุกชมรมที่เกี่ยวกับการต่อสู้ได้สอนให้แก่นักเรียน โดยเฉพาะชมรมอัศวินนั้นถือเป็นหนึ่งในชมรมที่เข้มงวดเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะตั้งแต่สมัยอดีตกาลแล้ว หากอัศวินไม่สามารถอ่านสถานการณ์ได้ละก็ คงไม่สามารถปกป้องกษัตริย์ หรือทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปได้ และโดยส่วนตัวโซเฟียเองก็คนที่เฉลียวฉลาดอยู่แล้วความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ของเธอจึงดีเป็นพิเศษ

     ประเมินพลังชีวิตของฝ่ายเราแล้วตอนนี้เหลืออยู่ 800 หน่วย ดีว่า 1,200 หน่วย ส่วนฝ่ายนั้นเจ้าหมอนี่ 1,000 หน่วย และนินจาอัสนีนั่น 2,800 หน่วย 

    ยิ่งคิดการเคลื่อนไหวก็เริ่มเปลี่ยนไป จากตั้งรับเริ่มเปลี่ยนเป็นหลบบ้าง รับบ้าง

    วิเคราะห์จากฝีมือ และพลังที่เหลืออยู่ หากไม่สามารถจัดการมาซาซึมุคนนี้ได้ก่อนที่โคทาโร่จะโคจรพลังเสร็จ โอกาสแพ้คงจะสูงมาก

    สายตาของโซเฟียเปลี่ยนเป็นคมกริบ สอดส่ายสายตาไปทั่วทั้งเวที จากนั้นจดจ้องยังการเคลื่อนไหวของ     มาซาซึมุที่เอาแต่โจมตีมาอย่างไม่ยั้ง

    ถึงแม้ว่าดาบเพลิงอัคคีในตอนนี้จะใช้การไม่ได้ แต่หากจุดขึ้นด้วยความเร็วเพียงวูบเดียวฝ่ายนั้นก็ไม่น่าที่จะดับได้ทัน หรือต่อให้ดับทันก็ยังสามารถนำมาเป็นตัวล่อได้ อีกทั้งการเคลื่อนไหวของมาซาซึมุแม้จะรวดเร็ว แต่เรามองเห็นแล้วจุดอ่อนภายในความเร็วนั่น !

    ว่าแล้วโซเฟียก็ดีดขาเอี้ยวตัวไปทางขวาทันที หลบนินจาเคนที่เกือบจะฟันโดนศีรษะไปได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นหมุนตัวตวัดดาบเพลิงอัคคีในมือใส่เอวของมาซาซึมุอย่างรวดเร็ว

    ฟึบ !

    ดาบเพลิงอัคคีฟันใส่อากาศธาตุ มาซาซึมุช่างรวดเร็วเสียจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของเธอ

    หลังจากล้มลงกับพื้นโซเฟียก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นยืนจากนั้นตั้งการ์ดแบบอัศวินในทันที  

    หึ ร้ายกาจมาก แต่ก็ไม่มีทางรวดเร็วไปกว่าเทพฟูจินได้หรอก มาซาซึมุตั้งท่าแบบนินจา มือที่ถือนินจาเคนไขว้อยู่ด้านหลัง อีกมือหนึ่งประสานอินเอาไว้

    แหะๆ เอาละในที่สุดก็ตั้งการ์ดได้ซะที คราวนี้ต้องลองวัดกันดูแล้วละว่าวิถีดาบแบบอัศวินจะสามารถต่อกรกับเทพฟูจินได้ไหม

    มือขวาของเธอชี้ดาบไปยังด้านหน้า ส่วนมือซ้ายนั้นแบออกไปด้านหลัง ขาขวายื่นออกไปด้านหน้า  คล้ายกับท่าของกีฬาแข่งฟันดาบ เพียงแต่ดูสง่างามกว่า

    โอ้ ! ท่าสวยดีนี่ มาซาซึมุย่อตัวลง จากนั้นเมื่อโคจรพลังลมปราณเสร็จก็พุ่งตัวเข้าโซเฟียในทันที  ร่างของมาซาซึมุที่พุ่งมายังเบื้องหน้าของเธอจู่ๆก็หายตัวไป

    และพริบตานั้นเอง เงาร่างของมาซาซึมุก็โผล่มาจากด้านหลังของโซเฟีย พร้อมตวัดนินจาเคนในมือออกอย่างรวดเร็ว

    เสร็จชั้นละ ! มาซาซึมุตะโกน

    เช้ง !

    ดาบเพลิงอัคคีตวัดวูบปัดป้องการโจมตีจากนินจาเคนได้อย่างทันถ่วงที ก่อนที่จะรุกต่อโดยแทงตรงเข้าใส่หน้าของมาซาซึมุทำให้ มาซาซึมุต้องรีบถอยตัวไปตั้งรับทันที

    เพลงดาบอัศวิน เวลาแห่งรุ่งอรุณ  (Time to awakens) !!! ”

    เมื่อแทงดาบออกเท้าขวาก็รุกคืบไปด้านหน้า จนตัวแทบจะชิดกันเลยทีเดียว จากนั้นขาซ้ายก้าวตาม เป็นการรุกคืบไปเรื่อยๆ ทั้งยังก่อกวนการเคลื่อนไหวจากด้านล่างโดยที่ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ดั่งใจ เพราะถูกรุกเข้าในระยะประชิดอย่างยิ่ง ทั้งยังขาขวาที่เคลื่อนออกมา สามารถสกัดการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามได้อีก ยิ่งหากไม่เคลื่อนถอยไป หรือโจมตีกลับ ก็จะถูกดาบฟันใส่ ไม่ก็สะดุดขาล้มลง

    เป็นการรุกแบบที่ไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ถอยหนีไประยะไกลได้ ทั้งยังรวดเร็วอย่างยิ่ง หากใครได้เห็นจะพบว่าเป็นภาพที่แสนจะเร้าใจ และสวยงามมาก ราวกับได้ชมเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นมายังขอบฟ้าในเวลาเช้า

    เช้ง เช้ง เช้ง ! ’

    นะ นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมถึงรวดเร็วขนาดนี้ มาซาซุมึที่ถอยหลังไปพลางรับดาบเพลิงอัคคีไปพลางกล่าวอย่างตกใจ เท้าทั้งสองเสียจังหวะไปเสียแล้ว

    ยิ่งคิดจะถอยหนียิ่งโดนรุกคืบต่อ นี่ถือเป็นจุดแข็งของท่าเวลาแห่งรุ่งอรุณ  เมื่อมาผนวกเข้ากับดาบเพลิงอัคคีที่มัลักษณะเล็ก และแหลมคมคล้ายเข็มหมุดที่ถูกออกแบบมาให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วในระยะประชิดแล้ว ยิ่งเพิ่มพลานุภาพของท่าเวลาแห่งรุ่งอรุณเข้าไปอีกหลายเท่าตัว

    ความเร็วในการฟันดาบของโซเฟียในตอนนี้ ถึงกับยังรวดเร็วกว่าเวลาที่ดีว่าใช้กระบี่ในระยะประชิดเสียอีก

    อะ อะไรกัน ! มาซาซึมุเริ่มรนราน เท้าทั้งสองขาดความมั่นคง จนเริ่มจะเสียการทรงตัวแล้ว

    การรุกคืบของโซเฟียทั้งรวดเร็ว ทั้งสง่างาม และไม่เปิดช่องโหว่ให้มาซาซึมุได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย เมื่อถอยหนีจนเริ่มเสียการทรงตัวสมาธิในการตั้งรับดาบเพลิงอัคคียังเบื้องหน้าก็เริ่มลดลงไปทีละน้อย

    นี่ละจุดอ่อนของนินจาคนนี้ เท้ายังไงละ ! ’

    ที่ผ่านมาแม้การเคลื่อนไหวของมาซาซึมุจะรวดเร็วก็จริง แต่โซเฟียเมื่อสังเกตการเคลื่อนไหวเท้าของมาซาซึมุดูก็พบว่าเป็นจุดอ่อน เพราะยิ่งรวดเร็วเท่าไหร่การก้าวเท้าจะยิ่งใช้พลังมาก หากโดนรุกโจมตีกลับจะเสียศูนย์ได้ง่าย ยิ่งปกติแล้วมาซาซึมุเคยแต่ใช้เทพวายุรุกคืบโจมตีใส่คนอื่น แต่ไม่เคยโดนรุกคืบโจมตีกลับ เลยยิ่งเสียเปรียบเป็นอย่างยิ่ง แถมท่าเวลาแห่งรุ่งอรุณนั้นยังเป็นท่าที่ทำให้สามารถรุกคืบได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีช่องโหว่ในการก้าวเท้าอีกด้วย

    เป็นท่าที่สามารถรุกคืบ และรับการโจมตีในระยะประชิดได้อย่างไร้ที่ติเลยทีเดียว เพียงแต่จะฝึกการฟันดาบ และการก้าวเท้าด้วยสเตปที่ไม่มีช่องโหว่แบบนี้ได้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องยาก และต้องใช้เวลาบวกกับพรสวรรค์พอสมควร

    อะ !!! เท้าซ้ายของมาซาซึมุสะดุดเข้ากับเท้าขวาของโซเฟีย

    จังหวะนี้ละ โซเฟียตวัดดาบเพลิงอัคคีด้วยข้อมืออย่างรวดเร็ว ปลดอาวุธ !!!

    ควับๆๆ

    ดาบเพลิงอัคคีในมือควงไปยังนินจาเคน จากนั้นตวัดข้อมือขึ้น นินจาเคนในมือของมาซาซึมุก็หลุดลอยขึ้นฟ้าไปในทันที ช่างเป็นภาพการปลดอาวุธที่สวยงามอย่างยิ่ง

    หากจะวิจารณ์ความรวดเร็ว และท่าทางแล้ว อาจจะดูเชื่องช้ากว่ากระบวนท่าปลดอาวุธของดีว่าอยู่บ้าง แต่ในเรื่องของความสง่างามนั้นเหนือกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง

    และพริบตาเดียวกันนั้นขณะที่นินจาเคนหลุดลอยออกไป และร่างของมาซาซึมุกำลังจะร่วงลงถึงพื้นนั้น โซเฟียก็หมุนตัวลากดาบเพลิงอัคคีลงกับพื้น จนเกิดประกายไฟขึ้น ก่อนที่จะก่อเกิดเป็นเปลวเพลิงรอบตัวเธอวูบหนึ่ง จากนั้นดาบเพลิงอัคคีก็ลุกโชติช่วงไปด้วยเปลวเพลิงอีกครั้ง

    SOFIA FINISH !!!

    ควับ ควับ !

    ดาบเพลิงอัคคีตวัดใส่หน้าอกของมาซาซึมุปรากฏเป็นเปลวไฟรูปตัว ‘S’ วูบหนึ่ง ราวกับเวลาที่หน้ากากโซโลจัดการกับคู่ต่อสู้  ก่อนที่ร่างของมาซาซึมุจะล้มลงกับพื้น

    การที่สามารถเห็นเปลวไฟเป็นตัวอักษรได้แสดงว่า การตวัดดาบต้องรวดเร็วพอสมควร เฉกเช่นกับเวลาดูการควงคบไฟนั่นเอง

    ฟับ ! ’

    ดาบเพลิงอัคคีจี้ไปยังคอหอยของมาซาซึมุที่ทำท่าว่ากำลังจะลุกขึ้นยืน  

    มะ ไม่จริง มาซึมุถอนหายใจสายตารู้สึกแสบไปหมด คงเพราะเบื้องหน้าเป็นดาบเพลิงอัคคีที่กำลังลุกโชติช่วงไปด้วยเปลวไฟนั่นเอง

    ขณะนี้พลังชีวิตของมาซาซึมุเหลือเพียงแค่ 200 หน่วย หากเพียงแค่โซเฟียกดดาบลงไปยังคอหอยของ  มาซาซึมุเท่านั้นก็จะสามารถเอาชนะเขาได้ทันที  แต่เธอไม่สามารถทำได้ทั้งนี้เพราะชมรมอัศวินได้สอนถึงศักดิ์ศรีและการให้เกียรติคู่ต่อสู้เอาไว้ และต่อให้ไม่สอนก็ตามเธอก็ไม่มีทางทำร้ายคู่ต่อสู้ที่กำลังล้มอยู่เป็นแน่

    เพียงแต่ครั้งนี้เธอจำเป็นจะต้องเอาดาบจ่อไว้อย่างนี้เพราะในเวลาแบบนี้ถ้าประมาทไป อาจจะเป็นฝ่ายพลาดท่าเสียเองก็ได้ อีกทั้งเธอต้องการรอให้ดีว่าลุกขึ้นมายืนได้ก่อน

    ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ โซเฟียกล่าวอย่างอ่อนโยน

    ฮ่าๆ มาซาซึมุที่นอนหันหน้าไปด้านอื่นหัวเราะอย่างสะใจ ปล่อยให้รอเสียนานเลยนะครับคุณโคทาโร่ !

    เมื่อได้ยินเช่นนี้โซเฟียก็รู้สึกว่าผิดท่าแล้ว ขณะกำลังจะหันหลังกลับไปเพื่อรับการโจมตีจากเบื้องหลังเงาร่างของโคทาโร่ก็กระชับนินจาเคนในมือฟันใส่เธอเสียก่อนแล้ว

    ลาก่อนนะเจ้านินจาเงาอัคคี ! โคทาโร่กล่าวอย่างมีชัย

    พี่โซ !!! ซิลเวียตะโกนขึ้น ทำเอาวีวี่ซึ่งกำลังน็อตหลุดอยู่นั้นต้องรีบหันกลับไปมองตามทันที

    ต่อให้โซเฟียจะรวดเร็วอย่างไร ก็ไม่มีทางรวดเร็วไปกว่าเทพสายฟ้าได้ ในตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะช่วยเธอจากนินจาเคนที่ตวัดใส่ร่างของเธออย่างรวดเร็วราวกับประกายสายฟ้าได้อีกแล้ว

    วี้ดๆๆๆๆๆ !

    พริบตานั้นเสียงลมแหวกอากาศที่ดังราวกับเครื่องบินเจ็ทก็ดังขึ้น แต่นั่นไม่ใช่เสียงที่เกิดขึ้นจากการโคจรลมปราณของโคทาโร่ และทั้งไม่ใช่เสียงจากมาซาซึมุด้วย

    แต่ก่อนที่ใครจะคิดอะไรได้นั้นร่างของเทพไรจินโคทาโร่ก็กระเด็นกลิ้งกับพื้นไปไกลเสียแล้ว

    จากนั้นเมื่อมองไปยังอีกด้านของเวทีก็ปรากฏว่า ดีว่าที่ล้มไปนั้นได้ลุกขึ้นมายืนอย่างสงบนิ่ง กระบี่ในมือถือไว้อย่างมั่นคง

    และนั่นหมายความว่าเมื่อสักครู่ต้องเป็นพลังจากปราณกระบี่ของดีว่า

    กระบี่สุญญากาศที่ครั้งหนึ่งโคทาโร่เคยหลบได้อย่างสบายๆ  ครั้งนี้กลับรวดเร็วเสียยิ่งกว่าการตวัดดาบของโคทาโร่เสียอีก

    ปะ เป็นไม่ได้ คุณชายชุดขาวเกือบจะหลุดคำนี้ออกจากปาก  ส่วนซิลเวียนนั้นเงียบลงในทันที

    วีวี่เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงหันกลับไปแย้มยิ้มให้ทั้งสองอย่างสะใจ

    หุบเหวไม่อาจทะยานขึ้นไปเทียบกับฟ้าได้ก็จริง แต่ฟ้าก็ไม่อาจหยั่งลึกถึงก้นเหวได้หรอก   คำพูดของวีวี่แม้คนอื่นจะฟังไม่เข้าใจ แต่ชายชุดขาวนั้นเข้าใจได้เป็นอย่างดี เพราะความนัยที่คล้ายกับคำพูดของขงเบ้งที่ได้กล่าวไว้กับกุนซือของซุนกวนว่า อันความคิดของพญาหงส์นั้น พวกนกหรือจะเข้าใจได้

    แล้วก็การจะชมดูอะไรก็หัดมีมารยาทเสียหน่อยนะค่ะ หรือถ้าคิดว่าตัวเองเก่งมากละก็ไว้รอตอนประลองจริงๆก็ยังไม่สายนะค่ะ เพราะเขาแข่งประลองอาวุธกันไม่ใช่แข่งประลองฝีปาก วีวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วถ้ามีอะไรก็ค่อยว่ากันหลังจากการประลองจบนะค่ะ ดิฉันขอตัวดูเพื่อนของดิฉันแข่งก่อนนะค่ะ พร้อมกับโค้งหัวให้เล็กน้อยอย่างมีมารยาท จากนั้นหันหลังกลับมานั่งชมดูการประลองตามปกติ โดยไม่สนว่ารังสีฆ่าฟันจากด้านหลังแผ่พุ่งออกมามากมายขนาดไหน

    มิวที่นั่งอยู่ยังต้องฝืนยิ้มอย่างร้อนๆหนาวๆ ไม่กล้าหันกลับไปดูสีหน้าของทั้งสองคนนั้น

    มะ มันจะมากไปแล้วนะ ! ซิลเวียขบฟัน ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอขนาดนี้มาก่อน ส่วนชายชุดขาวเมื่อเห็นซิลเวียมีอาการไม่พอใจ ก็เตรียมตัวออกหน้าให้ทันทีโดยที่ไม่สนว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดหรือถูก

    พอเสียที !  จู่ๆ ชายชุดดำที่นั่งอยู่ก็กล่าวขึ้น จริงอย่างที่เขาว่านั่นละ ถ้ายังจะก่อเรื่องอีกละก็…… ”

    ซิลเวียถึงกับไม่กล้าเอ่ยปากขึ้นมาจริงๆ ได้แต่ชำเลืองไปยังชายชุดขาวคล้ายขอความช่วยเหลือ

    แต่……….. ” ชายชุดขาวพยายามช่วย

    ไม่มีแต่รูเกียร์ ซิลเวียเป็นฝ่ายผิด ถ้ายังจะถือหางอีก เขาจะไม่ยิ่งเสียคนไปกว่านี้รึไง  ทางที่ดีนายควรจะให้ซิลเวียไปขอโทษเจ้าหล่อนด้วยซ้ำนะ

    รูเกียร์ถอนหายใจ โอเค ชั้นเข้าใจแล้ว แต่เรื่องขอโทษน่ะไม่ขอทำ

    เอ่อ ขอโทษนะครับ ชายชุดดำสะกิดวีวี่โดยไม่สนใจทั้งรูเกียร์ และซิลเวียอีกต่อไป

    ค่ะ วีวี่เมื่อเผชิญหน้ากับชายชุดดำแม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็สะกดอารมณ์ทำหน้านิ่งเอาไว้ มีอะไรหรอค่ะ

    จะมาหาเรื่องกันอีกก็คงต้องลุยกันซักตั้งละ………

    ผมอยากจะกล่าวขอโทษแทนเพื่อน และรุ่นน้องของผมทั้งสองคนด้วยนะครับที่เสียมารยาทไป

    มะ ไม่เป็นไรค่ะ ผิดคาดชายชุดดำที่ดูน่าจะไร้มารยาท และน่ากลัวที่สุดกลับเป็นมิตร และดูเป็นสุภาพบุรุษที่สุดผิดกับชายชุดขาวที่ชื่อ รูเกียร์ ลิบลับ

    ขอบคุณมากครับ กล่าวจบชายชุดดำก็กลับมานั่งกอดอกมองการแข่งขันดังเดิม  โดยไม่สนว่ารูเกียร์ และซิลเวียจะทำสีหน้าไม่พอใจยังไงบ้าง

    คิกคิก เป็นสุภาพบุรุษดีจริงๆ เสียแต่ทำตัวน่ากลัวไปหน่อยเท่านั้น วีวี่อมยิ้ม มิวที่เห็นเข้าก็รู้ทันว่าเธอคิดอะไรอยู่

    ให้มันน้อยๆหน่อย คอยดูเดี๋ยวจะฟ้องดีว่า มิวทำหน้าเซ็ง

    อะไร ?! นี่นายจะหาเรื่องเราอีกคนใช่ไหม วีวี่หันขวับมาทางมิว

    เปล่าๆ ใครจะกล้าหาเรื่องกับคุณละครับ ขืนมีเรื่องด้วยมีหวังผมโดนกระบี่สับเป็นชิ้นๆกันพอดี มิวแซว

    บ้า ! วีวี่ค้อนทุบใส่มิวทีนึง

    โอ๊ย ทำไมต้องใช้กำลังกันด้วยละ โธ่ นี่ถ้าไม่ติดว่า……นะ  มิวขณะจะกล่าวต่อเมื่อเห็นกำปั้นของวีวี่ชูขึ้นอีกครั้งหนึ่งก็หยุดพูด หันไปมองการแข่งต่ออย่างศิโรราบ




                                                                 ........................................................................

     

    ทำไมเจ้านั่นถึงยังสามารถลุกขึ้นมาได้อีกนะ รูเกียร์ครุ่นคิดสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ตั้งแต่ศึกษาวิชากระบี่มา นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เขาไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ เพราะอะไรกันทั้งๆที่ฝีมือก็ไม่ได้เรื่องแท้ๆ แต่ทำไมเราถึงรู้สึกหงุดหงิดใจขนาดนี้ก็ไม่รู้

    คะ คุณโคทาโร่ !!! มาซาซึมุตะโกนก้องพริบตานั้นร่างที่ถูกดาบเพลิงอัคคีจ่อคอหอยอยู่ก็พลิ้วตัวกระโจนขึ้นราวกับสายลม

    โซเฟียที่ไม่ทันระวังเพราะเพิ่งรอดจากเงื้อมือนินจาเคนของโคทาโร่มาอย่างหวุดหวิด   จะตวัดดาบฟันใส่   มาซาซึมุก็ไม่ทันเสียแล้ว

    เจ้าพวกนินจาเงาอัคคีช่างร้ายกาจนัก บังอาจทำกับคุณโคทาโร่ได้ มาซาซึมุประสานอิน จากนั้นกลิ้งตัวถอยหลังหยิบนินจาเคนของตนที่ถูกปลดมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพุ่งตัวถอยหลังตวัดนินจาเคนออกด้วยความรวดเร็ว

    คาไมทาจิ สายลมโจมตี !!!

    จากนั้นปรากฏสายลมคมกริบราวกับมีดพุ่งเข้าใส่ขาทั้งสองข้างของโซเฟียอย่างรวดเร็ว ผลิกร่างของเธอให้กระเด็นล้มลงราวกับถูกปราณกระบี่ของดีว่าซัดใส่ เพียงแต่ว่านี่เป็นการซัดใส่เพื่อให้คู่ต่อสู้ล้มลง ไม่ใช่เพื่อสร้างความบาดเจ็บใส่คู่ต่อสู้เหมือนปราณกระบี่ของดีว่าแต่อย่างใด

    ดีว่าที่เห็นเข้าก็รีบพุ่งตัวเข้าช่วยเหลือทันที แต่ทว่า……….

    ฟับ ฟับ ฟับ !

    ดาวกระจาย และมีดนินจา (คุไน) หลายสิบอันพุ่งเข้าใส่ดีว่า  การปัดป้องอาวุธลับเหล่านั้นเป็นเหตุให้ดีว่าเชื่องช้าไปวูบหนึ่ง

    ฟับ ฟับ !

    ตาข่ายจับเงา !

    พริบตานั้นมาซาซึมุก็ขว้างตาข่ายที่ทั้งสี่ด้านมีมีดนินจาคล้องอยู่กับห่วงเล็กๆ เข้าคลุมร่างของโซเฟียที่ล้มลงอยู่

    ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก !

    คุไนสี่เล่มปักเข้ากับพื้นอย่างมั่นคง แม้โซเฟียจะพยายามดิ้นรนยังไงก็ไม่สามารถจะสลัดหลุดได้

    มาซาซึมุวาดอักษรกลางอากาศจากนั้นกระโดดหมุนตัวขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างจับนินจาเคนในมือไว้มั่น หมายจะแทงใส่โซเฟีย

    ท่าไม้ตายเทพฟูจินเกราะฮายาเตะ (ลมหมุน) ปลิดชีพ !!!

    ร่างของมาซาซึมุหมุนคว้างกลางอากาศ บริเวณรอบๆตัวเต็มไปด้วยเกราะสายลมที่คมกริบราวกับมีด ทั้งยังแน่นหนาสมกับเป็นเกราะสายลมของเทพฟูจินจริงๆ

    ฉึก !

    คุไนเล่มหนึ่งถูกแรงดึงจากแขนของโซเฟียหลุดขึ้นมาจากพื้น แต่ทว่าไม่ทันเสียแล้ว เพราะเบื้องหน้าของโซเฟียตอนนี้มีเพียงความมืดเท่านั้น เป็นความมืดจากเงาร่างของมาซาซึมุที่กำลังจะปักนินจาเคนใส่ร่างของเธอภายในพริบตานี้นั่นเอง

    พี่โซ !!! ซิลเวียร้องลั่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  

    ในขณะที่ทุกสิ่งดูเหมือนจะมืดสนิทไปเสียหมดนั้น ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงสว่างจ้าอยู่ นั่นก็คือ ดาบเพลิงอัคคีในมือของเธอนั่นเอง

    คุณโซเฟีย ดาบ !!! ดีว่าร้องเรียก และเมื่อได้ยินเช่นนั้นโซเฟียก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เธอรีบแทงดาบเพลิงอัคคีขึ้นสวนเข้าใส่มาซาซึมุที่ห่างจากตนเพียงไม่กี่นิ้วทันที

    เปล่าประโยชน์น่า เมื่ออยู่ต่อหน้าเกราะสายลมของเทพฟูจินผู้นี้ เพลิงอัคคีของเจ้าก็ไร้ผล ! มาซาซึมุขณะกำลังจะใช้คาไมทาจิซัดเปลวเพลิงบนดาบเพลิงอัคคีให้ดับไปนั้น จู่ๆก็รู้สึกว่ามีสายลมมากมายพุ่งพวยเข้าใส่ตัว

    บ้าน่า ปะ เป็นไปได้ยังไง มันสามารถเจาะฟูจินเข้ามาได้ยังไงกัน

    พริบตานั้นเกราะสายลมของมาซาซึมุก็ถูกทำลายลงพร้อมกันนั้น………….

    ข้าแด่อัคคีแห่งความมืดเอ๋ย ! จงทำตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้กับสายลม !! แปรเปลี่ยนเป็นเพลิงนรกเผาพลาญศัตรูของข้าให้มอดไหม้ชั่วกัปชั่วกัลป์ !!!

    ‘ INFERNO FLAME !!! ’

    เปลวเพลิงจากดาบเพลิงอัคคีลุกโชนขึ้นในทันใด จากนั้นพุ่งพวยเข้าครอกใส่ร่างของมาซาซึมุกลางอากาศอย่างไร้ความปราณี

    เกราะสายลมของมาซาซึมุแม้จะถูกทำลายลงแต่ด้วยพลังลมรอบๆตัวของมาซาซึมุยังคงอยู่ทำให้ยิ่งเร่งไฟจากดาบเพลิงอัคคีให้ยิ่งลุกโชนเข้าไปอีก

    เปลวเพลิงในครั้งนี้จึงลุกโชนมากกว่าครั้งแรกถึงหลายเท่าตัว แต่ก็เป็นเวลาแค่เพียงวูบเดียวเท่านั้น นินจาเคนในมือของมาซาซึมุร่วงลงกลางอากาศ  ก่อนที่ร่างของมาซาซึมุจะหล่นทับร่างของโซเฟีย  พร้อมพลังชีวิตที่ลดลงจนเหลือเพียง 0 หน่วยของมาซาซึมุ

    ส่วนโซเฟียนั้นพลังชีวิตลดลงไป 400 หน่วยเนื่องจากการใช้ท่าประสานกับดีว่าในระยะประชิดทำให้เปลวเพลิงลุกเข้าใส่ตัวเองด้วย ประกอบกับร่างของมาซาซึมุที่หล่นเข้ามาทับก็เท่ากับเป็นการโจมตีอย่างหนึ่งด้วย เธอจึงเหลือพลังชีวิตเพียง 400 หน่วย

    ใช้ปราณกระบี่สายที่ห้าสลายพลังเกราะสายลมนั่น จากนั้นซัดปราณกระบี่ไร้เงาเพื่อเพิ่มพลังให้กับดาบเพลิงอัคคีอย่างนั้นสินะ นับว่าตัดสินใจได้ไม่เลวนี่ รูเกียร์ยิ้ม แต่ก็ยังไม่ยอมรับในตัวของดีว่าอยู่ดี แต่ก็ยังห่างไกลนักหากเปลี่ยนไปใช้ศรสวรรค์ (ปราณกระบี่สายที่เก้า เป็นการอัดลมปราณให้พุ่งใส่คู่ต่อสู้ราวกับยิงศร ซึ่งสามารถเจาะหรือทำลายพลังลมปราณของคู่ต่อสู้ได้ แต่จะส่งผลแค่จุดเล็กๆเท่านั้น และต้องอาศัยความแม่นยำในการโจมตีด้วย เพราะพลาดเป้าได้ง่าย แต่ความรวดเร็ว และรุนแรงนั้นจัดว่าอยู่ในอันดับต้นๆเมื่อเทียบกับลมปราณทั้งสิบสามสาย ) ยิงใส่ก็สามารถทำลายได้ทั้งเกราะสายลม และก็จัดการเจ้านินจานั่นไปพร้อมๆกันด้วย ไม่เห็นต้องเปลืองแรงถึงขนาดนี้เลย แถมเพื่อนร่วมทีมยังจะไม่ต้องได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

    ขะ ขอโทษด้วยนะพวกพ้องฮิงะทั้งหลาย ข้าไม่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จ ไม่สามารถกอบกู้ฮิงะได้อีกแล้ว  มาซาซึมุครางรู้สึกร้อนไปหมดทั้งตัว ทั้งยังไม่สามรถขยับได้อีก ทั้งนี้เพราะเมื่อต่อสู้แพ้ในการแข่งแบบสองต่อสอง หรือแบบสามต่อสามก่อนที่การแข่งจะจบลงนั้น ชุดเกราะจะถูกทำให้ขยับไม่ได้ เพื่อที่จะได้ไม่ไปรบกวนการแข่ง หรือถ้าเป็นกรณีพิเศษอาจมีการขอลากตัวออกไปจากเวทีก่อนได้

    แหะๆ ขอโทษด้วยนะจ๊ะ   โซเฟียพยายามดันร่างของมาซาซึมุที่นอนนิ่งอยู่ให้ออกไปจากร่างของตนเองก่อน จากนั้นพยายามดึงตาข่ายที่คลุมตัวออกมาให้หมด

    วี้ดๆๆๆๆ

    เสียงสัญญาณแสบแก้วหูดังลั่นขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะคิดอะไรได้นั้นดีว่าก็รีบพุ่งเข้าไปยืนขวางหน้าโซเฟียที่ยังแกะตาข่ายออกจากตัวไม่ได้อยู่ทันที

    RIDER SLASH !!! ”

    เงาร่างของโคทาโร่พุ่งตรงเข้าหาดีว่า จากนั้นตวัดนินจาเคนในมืออย่างรวดเร็วห้าทีติดต่อกัน แต่ละครั้งที่ฟันออกทั้งรุนแรง และรวดเร็วราวกับประกายสายฟ้าที่ผ่าลงมาจากเทพไรจินก็มิปาน

    ฟับ ฟับ !

    ดีว่าสามารถรับการโจมตีจากโคทาโร่ได้ถึงสามครั้ง แต่สองครั้งสุดท้ายการ์ดกระบี่ก็ถูกทำลายลง ส่งผลให้ถูกนินจาเคนในมือของโคทาโร่ฟันใส่ร่างของดีว่าอย่างไร้ความปราณี ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการหมุนตัวถีบใส่อย่างรวดเร็ว ทำเอาดีว่าที่เสียหลักเพราะถูกนินจาเคนที่ฟันใส่อย่างรุนแรงต้องถูกถีบกระเด็นออกไป

    พลังชีวิต  1,200 หน่วยของดีว่านั้นลดเหลือเพียงแค่ 600 หน่วยเท่านั้น ซึ่งก็หมายความว่า หากเมื่อสักครู่นี้    ดีว่าไม่สามารถตั้งรับการโจมตีได้ถึงสามดาบละก็คงจะต้องผ่ายแพ้ไปแล้ว ฝีมือของหัวหน้านักเรียนนินจาฮิงะโคทาโร่ช่างร้ายกาจเสียจริงๆ

    ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนที่สามารถรับไรเดอร์สแลชของเราได้ถึงสามครั้ง โคทาโร่แม้จะอดทึ่งไม่ได้ แต่ก็ไม่ละพลังสมาธิลงแม้แต่น้อย รีบหันหลังกลับไปหมายจะจัดการกับโซเฟียที่เกือบจะหลุดออกจากตาข่ายของมาซาซึมุได้แล้ว

    ฟึ่บ

    ร่างของโคทาโร่ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของโซเฟียในทันที ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เธอเพิ่งจะหลุดออกมาจากตาข่ายได้ เธอรีบคว้าดาบเพลิงอัคคีในมือขึ้นมา

    ฟับ !

    นินจาเคนในมือของโคทาโร่ตวัดใส่โซเฟียอย่างไม่ลังเล ไม่ว่าจะรวดเร็วเพียงใด แต่ในสภาวะการณ์เช่นนี้ดาบเพลิงอัคคีก็ไม่สามารถตั้งรับได้ทันอย่างแน่นอน

    ดาบนี้เพื่อมาซาซึมุ !

    นินจาเคนฟันใส่โซเฟียแล้ว ไม่มีทางหลบรอดได้ ไม่มีทางหยุดได้อีกต่อไป………

    มะ ไม่ยอมหรอก ปราณกระบี่สายที่เก้า ศรสวรรค์ !!!  ดีว่าที่เพิ่งจะชันเข่าขึ้นมาได้ มือข้างซ้ายทำท่าคล้ายเล็งธนูอยู่ ส่วนมือขวาที่ถือกระบี่รีบดึงกลับไปด้านหลังชี้ไปยังร่างของโคทาโร่ในทันที

    จากนั้นลมปราณที่ถูกบีบอัดให้แหลมคม และทรงพลานุภาพราวกับศรแห่งสวรรค์ก็พุ่งแหวกอากาศตรงเข้าใส่นินจาเคนในมือของโคทาโร่ภายในเสี้ยววินาที ส่งผลให้สภาวะการโจมตีของโคทาโร่เสียหลักไปวูบหนึ่ง นินจาเคนที่ฟันใส่โซเฟียจึงลดความรุนแรงไปมาก

    เช้ง

    หลังจากถูกนินจาเคนฟันใส่ โซเฟียก็ไม่คิดแม้แต่ว่าตนเองจะหมดพลังชีวิตไปแล้วหรือไม่ เธอรีบพุ่งตัวออกห่างจากโคทาโร่ให้เร็วที่สุด 

    ศรสวรรค์ !’

    ดีว่าที่อยู่ในท่าชันเข่ายิงลมปราณใส่โคทาโร่อีกครั้งหนึ่ง โคทาโร่ที่ถูกศรสวรรค์ยิงใส่นินจาเคนยังคงไม่สามารถรักษาสภาวะร่างได้ก็ถูกศรสวรรค์ที่ยิงมาอีกครั้งหนึ่งเข้าอย่างจัง ร่างหมุนคว้างกระเด็นออกไปราวกับทหารที่ถูกลูกศรที่ทรงพลังยิงใส่ก็มิปาน

    คะ คุณโคทาโร่ ! มาซาซึมุร้องเรียก

    ปะ เป็นได้ยังไง รูเกียร์ไม่ได้หงุดหงิด เพียงแต่เต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมคนที่พลังฝีมืออ่อนด้อยเช่นนั้น แถมยังโดนโจมตีล้มลงไปแล้ว ถึงยังสามารถยิงศรสวรรค์ ซึ่งเป็นลมปราณสายที่ต้องใช้พลังงาน และพลังสมาธิมากๆออกไปโดนเป้าหมายได้อย่างแม่นยำได้อีก หนำซ้ำการตั้งท่าโคจรลมปราณมันไม่สามารถตั้งท่าด้วยท่าชันเข่าไม่ใช่หรือ มันต้องเป็นการยืนอย่างมั่นคงแล้วค่อยยิงออกไปสิ  แต่ถึงจะยิงออกมาได้ด้วยท่าชันเข่าก็ตาม แต่พลังของมันก็ไม่น่าที่จะรุนแรงถึงขนาดนั้นเลยนี่น่า เพราะอะไรกัน ?!  

    โซเฟีย และดีว่าขณะนี้สามารถลุกขึ้นมายืนหยัดได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว  แม้พลังชีวิตของทั้งคู่จะเหลือเพียง 350 หน่วย กับ 600 หน่วยก็ตาม

    ฮ่าๆๆๆๆๆ เสียงหัวเราะของโคทาโร่ที่กำลังพยุงตัวขึ้นมาดังก้องไปทั่ว พวกเจ้าเก่งมากที่สามารถต่อกรกับเทพไรจิน และฟูจินได้ถึงขนาดนี้

    เมื่อลุกขึ้นยืนก็พบว่าในมือซ้ายของโคทาโร่ถือไว้ด้วยคัมภีร์นินจาลึกลับสีดำที่ดูเก่าแก่เล่มหนึ่ง นินจาเคนในมือขวาถูกเสียบกลับไว้ข้างเอว จากนั้นโคทาโร่ก็ค่อยๆใช้มือขวาวาดอักษรกลางอากาศขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ดูจะเชื่องช้ากว่าอยู่มาก

    คะ คุณโคทาโร่ อย่าบอกนะครับว่าคุณจะใช้มัน มาซาซึมุตะโกนลั่น อะ อย่านะครับ ถ้าขืนใช้มันขึ้นมาคะ คุณโคทาโร่อาจจะรับไม่ไหวก็ได้นะครับ

    ไม่ต้องห่วงหรอกมาซาซึมุ ในฐานะของหัวหน้านักเรียนโรงเรียนฮิงะชั้นจะไม่ยอมให้ฮิงะต้องพ่ายแพ้อย่างนี้เด็ดขาด แม้จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม นายเองพยายามเพื่อชั้น และฮิงะมามากพอแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของชั้นบ้างละ โคทาโร่กล่าวขณะกำลังวาดมือไปมา

    คะ คุณโคทาโร่ มาซาซึมุน้ำตาซึม

    เอายังไงดีละ โซเฟียที่อยู่ตรงข้ามกับดีว่าส่งสายตาถาม

    ดีว่าพยักหน้า คงต้องรีบจัดการเสียแต่ตอนนี้แล้วละครับ

    ว่าแล้วทั้งสองคนก็พุ่งเข้าหาโคทาโร่จากทั้งด้านหน้า และด้านหลังอย่างพร้อมเพรียง แต่โคทาโร่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะตั้งรับเลยแม้แต่น้อย ยังคงวาดมือกลางอากาศพร้อมกับท่องคาถานินจาอยู่อย่างนั้น

    สุดยอดเคล็บวิชานินจาฮิงะ เทพสถิตร่าง ไรจินโอ !!!  

    พริบตาที่ดีว่า และโซเฟียตวัดดาบเข้าใส่โคทาโร่นั้นก็เป็นเวลาเดียวกับที่โคทาโร่ร่ายคาถาเสร็จพอดี
     

    ปลดผนึกเทพไรจินโอ ณ บัดนี้ !!!

    พริบตานั้นรังสีกดดันชนิดหนึ่งก็แผ่พุ่งออกจากร่างของโคทาโร่อย่างมหาศาล

    หมับ !

    มือทั้งซ้าย ขวาของโคทาโร่จับดาบ และกระบี่ของทั้งสองไว้ได้อย่างพอดิบพอดี แม้จะพยายามดึงคืนเท่าไหร่ก็ไม่สามารถสลัดหลุดออกมาได้

    หึหึ จงรับรู้ถึงสุดยอดพลังของวิชานินจาฮิงะไว้ซะ นี่คือขีดจำกัดขั้นสุดท้ายของเทพไรจินละ ไรจินโอ !!! ”

    ด้วยพลังชีวิต 350 หน่วย กับ 600 หน่วย ต่อหน้าเทพอัสนีคลั่งไรจินโอที่มีพลังชีวิตถึง 2,100 หน่วย หรือโซเฟีย กับดีว่ายังจะพอมีความหวังที่จะเอาชนะได้อยู่อีก ?

     

     

     

                       ____________________________________________________

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×