คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #57 : บทเรียนที่ 51 Winter wish คำขอของลมหนาว
บทเรียนที่ 51 Winter wish คำขอของลมหนาว
“ หะ หยุดนะ ” สโนว์รีบเข้ามารั้งครอสเอาไว้ ทำให้ครอสต้องหันกลับมาหาสโนว์ และในพริบตานั้น
..
‘ หมับ ! ’
หน้าของครอสก็ถูกวาซัดใส่เข้าเต็มเปาล้มลงในทันที เลือดสีแดงๆไหลซิบลงมาจากปากของครอส
“ กะ แก ” ครอสเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห ลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว
“ พะ พอที ” สโนว์ฉุดแขนครอส หันมองหน้าวาด้วยสายตาวิงวอน
“ ปล่อย !!! ” ครอสสลัดแขนของสโนว์ออกจากนั้นวิ่งเข้าหาวาอย่างไม่คิดชีวิต
“ ก็เอาสิ ! ” วาน็อตหลุดล้วงไพ่ออกจากกระเป๋ากางเกงหมายจะซัดใส่ครอสโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น เขาไม่เคยรู้สึกอยากจะซัดใครมากเท่านี้มาก่อน
“ หยุดเถอะ บอกให้หยุดไงทั้งคู่นั่นละ ! ” สโนว์ตะโกนเสียงสั่น น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม เธอไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนไปเป็นเลวร้ายถึงเพียงนี้
“ เฮ้ๆ เกิดอะไรขึ้น ! ” วิสด้อมที่เดินผ่านมาพร้อมกับคิง สตั้น และโทโมะซึ่งได้ยินเสียงร้องของสโนว์รีบวิ่งมาดู เมื่อเห็นเหตุการณ์ก็ถึงกับตกใจ รีบวิ่งเข้าไปล็อคแขนครอส
ส่วนด้านวานั้นคิง สตั้นทำท่าจะวิ่งไปหยุดแต่เมื่อเห็นวายืนหนีบไพ่อยู่ในมือโดยไม่มีทีท่าว่าจะทำอะไรจึงไม่ได้เข้าไปห้ามอะไร
“ แกอย่าเข้ามายุ่ง ปล่อย ! ให้ชั้นจัดการไอ้ผู้ชายหน้าไม่อายนี่ซะ ” ครอสคำราม พยายามดึงตัวออกจากการล็อคของวิสด้อม
“ เฮ้ๆ ใจเย็นก่อนสิพวก ” วิสด้อมออกแรงล็อคแขน ทางด้านโทโมะก็เข้าไปหาสโนว์ในทันที
“ ว่าอะไรนะ ! ” วาตะโกนถาม
“ แกมันหน้าไม่อาย ได้แต่รังแกผู้หญิง อย่าดีแต่ปากสิ ออกมาสู้กันซึ่งๆหน้ามา !! ” ครอสโต้กลับด้วยความโมโหถึงขีดสุด
“ วิสด้อม ปล่อยมัน ” วาตะโกนสั่ง “ ไม่งั้นถ้าโดนลูกหลงจะหาว่าไม่เตือนนะ ”
“ เฮ้ยๆ หยุดทั้งคู่นั่นละ ชักฉุนแล้วนะ ” วิสด้อมเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว โทโมะที่ดูเหตุการณ์อยู่เริ่มส่ายหน้า หากไม่ใช่ว่าเหตุการณ์กำลังตึงเครียดแล้วเธออยาจะเข้าไปเขกหัววิสด้อมสักโป๊กหนึ่งข้อหาจะช่วยห้ามเขาแล้วกลับเริ่มไฟติดเสียเองให้รู้แล้วรู้รอด
“ แน่จริงก็เอาสิ แกมันไม่กล้าหรอก คนเขาไม่ชอบก็ยังตามรังควานอยู่นั่นละ น่าสมเพชจริงๆ ! ” ครอสถากถาง
เมื่อได้ยินถึงตอนนี้ความอดทนของวาก็หมดสิ้น ซัดไพ่ที่อยู่ในมือใส่ครอสทันที
“ อย่านะ !!! ” สโนว์ห้ามปราม แต่สายไปเสียแล้ว
ไพ่ในมือของวาพุ่งใส่หน้าของครอสด้วยความรวดเร็ว หากโดนหน้าเข้าละก็จะต้องแผลอย่างแน่นอน
‘ ฟุบ ! ’
พริบตานั้นเองไพ่ที่เกือบจะพุ่งโดนหน้าของครอสก็ถูกฟันขาดเป็นสองส่วน ร่วงลงสู่พื้นช้าๆ
“ พอทีเถอะ ทั้งสองคน ” เสียงเรียบสั้น แต่เป็นดั่งคำประกาศิต ทำเอาทั้งสองคนหยุดตะโกนใส่กันทันที
เจ้าของเสียงค่อยๆสอดดาบเรียวเล็กกลับใส่ฝักดาบที่ข้างเอว ก่อนที่จะหันไปยังวาที่แสดงสีหน้าประหลาดใจขึ้น ราวกับเพิ่งได้สติ
“ นายน่ะหยุดก่อน ขอร้อง ” โซเฟียกล่าวเสียงเรียบกับวา แต่มันทำให้เขารู้สึกสงบลงได้อย่างประหลาด
“ ส่วนนาย
.. ” คราวนี้หันมาทางครอส เมื่อเห็นโซเฟียเข้ามายืนขวางระหว่างตนกับวา ครอสก็หยุดดึงแขนจากวิสด้อม “ ไม่ผิดหรอกนะที่จะช่วยเหลือผู้หญิงถ้าเขาถูกรังแกจริงๆ แต่ก่อนที่จะทำอะไรลงไปก็ช่วยดูเหตุการณ์ให้ดีเสียก่อนนะ ”
แม้ครอสจะงงๆกับคำกล่าวของโซเฟียบ้าง แต่ก็รับฟังอย่างสงบโดยไม่โต้ตอบใดๆทั้งสิ้น
สถานการณ์ดูเหมือนจะเริ่มคลี่คลายลง ความตึงเครียดค่อยๆหายไป เพราะเพียงแค่คำพูดไม่กี่ประโยคของโซเฟียเท่านั้น ช่างสมกับที่เป็นหัวหน้าห้อง และคณะกรรมการโรงเรียนจริงๆ
จากนั้นโซเฟียเหลือบหางตาไปยังสโนว์ที่คุกเข่าสะอื้นอยู่ โดยมีโทโมะคอยปลอบอยู่ข้างๆ และราวกับเจ้าตัวจะรู้ตัวว่าถูกโซเฟียจับจ้องด้วยสายตาชนิดที่ไม่ทราบว่าต้องการจะว่ากล่าวเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า เธอก็รีบเช็ดน้ำตาจากนั้นเปลี่ยนประกายตาเป็นแข็งกร้าวมองกลับไปยังโซเฟียทันที
‘ หึ ’ โซเฟียเบือนหน้า หัวเราะในลำคอ จากนั้นกล่าวขึ้นกับทั้งสองฝ่าย
“ เรื่องที่เกิดขึ้นถ้าฝ่ายปกครองรู้เข้าคงจะรู้นะว่าจะเป็นยังไง ”
ครอสกอดอกจ้องไปยังโซเฟีย ราวกับต้องการจะมองทะลุไปยังวาที่อยู่ด้านหลังเสียมากกว่า ส่วนวานั้นเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แต่ในมือยังคงกำไพ่ในสำรับไว้แน่น
“ เราไม่สนหรอกนะว่าใครจะเป็นฝ่ายผิดฝ่ายถูก แต่การใช้กำลังตัดสินปัญหามันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นสำหรับคนมีการศึกษาอย่างพวกเธอ และในสถานศึกษาเช่นนี้ โดยเฉพาะกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬาตัวแทนโรงเรียนแล้วด้วย
.”
“ โหดชะมัด
. ยัยนี่ โอ๊ย ! ” วิสด้อมแอบพึมพำ ก่อนจะโดนโทโมะที่ได้ยินเข้ากระทุ้งข้อศอกใส่เพื่อให้หุบปากลง
“ เอาละเรื่องในวันนี้ขอให้ยุติเพียงเท่านี้ ถ้าใครมีปัญหาก็เชิญเข้ามาคุยกับเราได้เลย ” ขณะกล่าวมองหน้าทั้งครอส และวาราวกับต้องการจะเค้นถามด้วยสายตาอีกทีหนึ่ง “ ส่วนเรื่องที่จะเคลียร์กันก็ขอให้ไปเคลียร์กันหลังจากจบการประลอง หรือไม่ก็ในสถานที่อื่นตามแต่จะสะดวก แล้วก็เรื่องนี้ใครผิดใครถูกก็ช่วยไปพิจารณากันดูด้วยนะ ”
ตอนกล่าวประโยคหลังสายตาของเธอหันไปมองยังสโนว์ราวกับจงใจ
“ เอาละ ถ้าอย่างนั้นในฐานะตัวแทนคณะกรรมการโรงเรียนอับดุล ขอให้ทุกคนแยกย้ายกันไปได้ ขอบคุณสำหรับคนที่หวังดีเข้ามาช่วย ” ส่งสายตาไปยังวิสด้อม ซึ่งยิ้มพยักหน้าอยู่ รวมทั้งโทโมะและคิง สตั้นด้วย
“ ส่วนใครคิดว่าอยากจะพูดอะไรก็มาคุยกับเราได้ ” โซเฟียก้มหน้าจากนั้นแบมือทั้งสองข้างออกเป็นการบอกเชิญทุกคนให้แยกย้าย
“ เฮ้ ใจเย็นๆนะพวก มีอะไรค่อยมาเล่าให้ฟังก็ได้นะ ” วิสด้อมเดินมาตบบ่าวาเบาๆ ก่อนที่จะถูกโทโมะลากคอเสื้อให้จากไปอย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวว่าจะเกิดศึกใหม่อีกคู่หนึ่ง เพราะเห็นวายังคงหอบหายใจอย่างหงุดหงิดอยู่
“ ครอสๆ ไปกันเถอะนะ ” สโนว์กล่าวเสียงเบา คล้องแขนครอสแล้วดึงเบาๆ
แต่ครอสยังคงยืนนิ่งจับจ้องไปยังวาที่ถูกโซเฟียยืนบังอยู่ จากนั้นสายตาจับจ้องไปยังโซเฟียที่มองตาตนอย่างไม่กลัวเกรง
“ หืม ว่าไงจ๊ะ ” โซเฟียกอดอกกล่าวกับครอสอย่างนิ่งสงบ โดยไม่มีท่าทียั่วโมโหเลยแม้แต่นิดเดียว
“ ฝากบอกเพื่อนของเธอด้วยนะ ว่าอย่าให้ชั้นเห็นหน้าอีกไม่อย่างนั้นละก็
.” ครอสชี้นิ้วไปยังวาที่รีบก้าวออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูด แต่ถูกโซเฟียกางแขนห้ามไว้ก่อนที่จะเกิดศึกกันขึ้นอีกครั้ง
“ นายน่ะพอเลย ” โซเฟียเค้นเสียงแข็งกล่าวสวนครอสไปอย่างไม่เกรงใจ “ เรื่องในวันนี้นายเป็นคนผิด ยังจะไปว่าคนอื่นเขาอีกหรอ ”
“ เข้าข้างกันนี่ เพื่อนเธอรังแกแฟนเราชัดๆ แบบนี้ต่อให้เป็นผู้หญิงเราก็ไม่เกรงใจหรอกนะ ” ครอสกล่าวเสียงแข็ง
แฟนงั้นหรอ
.วากำหมัด
“ ไม่เอาน่าครอส ” สโนว์ตบแขนครอส ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลนิดหนึ่ง
โซเฟียเค้นหัวเราะใช้สายตาคมกริบมองกลับไปยังครอส
“ ก็อย่างที่บอกไงว่าไม่ผิดหรอกที่นายจะปกป้องแฟนนาย เราเองก็ชื่นชมคนที่เป็นสุภาพบุรุษเหมือนกัน เพียงแต่เรื่องในครั้งนี้มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอกนะ ” จากนั้นมองไปยังสโนว์ที่เกาะแขนครอสอยู่ “ ถ้าอยากจะรู้เรื่องจริงๆ ก็ลองถามคนที่ยืนข้างนาย หรือแฟนนายดูเองก็แล้วกัน ”
นี่นับว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่วารู้สึกว่าโซเฟียรู้จักพูดจา และดูมีเหตุผลมากกว่าปกติ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะสามารถทำให้อารมณ์โกรธของครอสลดลงไปได้ แถมยังยอมรับฟังอย่างประหลาด
อาจบางทีคล้ายกับคำพูดประโยคหนึ่งที่ว่า อยากให้ใครยอมรับเรา ก็ต้องเข้าข้างเขาเสียก่อนก็เป็นได้
“ จริงหรอสโนว์ ” ครอสหันไปกล่าวกับสโนว์ด้วยเสียงเย็นชา
“ ก็
..เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลังเถอะนะ ” สโนว์กล่าวเสียงค่อย แต่สายตากลับจดจ้องไปยังโซเฟียราวกับกำลังสื่ออะไรบางอย่างกันอยู่
“ แล้วถ้าคิดได้ขึ้นมาเมื่อไหร่ แต่เกิดอยากจะตัดสินกันแบบถูกต้อง หรือในฐานะลูกผู้ชายอะไรก็ว่าไป เราคิดว่าไหนๆนายทั้งคู่ก็เป็นนักกีฬาก็ตัดสินกันด้วยกีฬาแทนได้นี่ ” โซเฟียเสนอความคิดแบบกวนๆ ตามแบบฉบับของเธอ
“ หึ ” ครอสเค้นหัวเราะ ราวกับต้องการจะพูดว่า เรื่องนั้นยังไงชั้นก็ชนะอยู่แล้ว แต่คงเพราะเริ่มรู้สึกตัวแล้วจึงไม่พูดออกไป หรือความจริงก็คือ ในใจลึกๆของครอสคงเกิดยอมรับในตัวโซเฟียขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวแล้วต่างหาก
ไม่ว่าใครก็ตามหากรู้จักพูดจาอย่างฉลาด และมีเหตุมีผลย่อมจะทำให้คนยอมรับได้บ้างไม่มากก็น้อย
“ ไปกันเถอะ ” สโนว์ฉุดแขนครอส ก่อนที่เธอจะละสายตาไปนั้น ก็แอบหันไปชำเลืองดูอาการของวาเล็กน้อย ในแววตาทอแววห่วงใยอย่างประหลาด ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอย่างบอกไม่ถูก พร้อมเดินจากไปกับครอสในทันที
‘ ฟิ้ว ’ โซเฟียเบาลมจากปากอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อเห็นว่าทุกคนแยกย้ายไปกันจนหมดแล้ว
“ เฮ้อ ไม่คิดเลยนะว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ” เมื่อมองไปยังวาก็พบว่า วายังคงยืนก้มหน้ากำไพ่ในมือแน่น ใบหน้ายังคงแดงกร่ำอยู่
โซเฟียทำตัวไม่ถูกไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอเดินไปเก็บไพ่ที่ขาดเป็นส่วนสองขึ้นมา
“ ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้ไพ่ของนาย
” เธอชะงักเมื่อเห็นวาหลบตา ตั้งแต่รู้จักกันมาเธอไม่เคยเห็นวาโกรธใครขนาดนี้มาก่อน และเหมือนเธอจะรับรู้ได้ถึงความโกรธในตัววาที่กำลังคุกรุ่นอยู่ได้อย่างชัดเจน แต่เธอก็ยังปั้นยิ้มสู้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ ไม่เป็นไรนะ ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
แต่ทว่าก็ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจของวาที่พยายามกลั้นอารมณ์ไว้เท่านั้น
“ ทำไม ” เสียงแผ่วเบาเปล่งออกจากปากของวา ซึ่งตอนนี้กัดฟันแน่น ดูดุร้าย และเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
โซเฟียทำได้เพียงแต่ปิดปากลง มองวาอย่างเป็นห่วงเท่านั้น
ไพ่ในมือถูกกำรวบไว้แน่น มือสั่นระริก ลมหายใจกระชั้น
“ ทำไม ” เสียงที่แผ่วเบา บัดนี้เริ่มดังขึ้น โซเฟียรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดในน้ำเสียงนั้น
“ ทำไม ! ” วากล่าวเสียงกร้าว ความโกรธปะทุออกมาทีละน้อย จนคล้ายจะควบคุมไว้ไม่ได้อีกแล้ว
‘ หมับ ’ ขณะที่ความโกรธกำลังจะปะทุออกมา มือเรียวสวยคู่หนึ่งก็เกาะกุมมายังมือขวาของวา ซึ่งกำลังกำไพ่สั่นระริกอยู่ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ส่งผ่านมาจากมือคู่นั้น
แล้วจู่ๆ ความโกรธแค้นในใจเขาก็มลายหายไปวูบหนึ่ง สติเริ่มกลับมาทีละน้อย หรือจะเป็นเพราะความห่วงใยอันแสนอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากมือคู่นี้กัน
..
“ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ” โซเฟียกล่าวอย่างนุ่มนวล สายตาของเธอจับจ้องไปยังวาก็เพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ สายตาของทั้งคู่ประสานกันครู่หนึ่ง ก่อนที่วาจะลดสายตาของเขาลง
“ ขอโทษ ” เขารู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ความโกรธแค้นในใจก็ยังคงอยู่ เพียงแต่ตอนนี้มันถูกสะกดเอาไว้ด้วยมือคู่นี้ กับสายตาคู่นั้น
โซเฟียเม้มปากส่ายหน้า “ ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร ”
วามองยังตาของโซเฟีย ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นไม่น้อยไปกว่ามือทั้งคู่ของเธอที่กำลังกุมมือของเขาไว้เลย จากนั้นรอยยิ้มเล็กๆหลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายก็ค่อยๆพุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
“ ขอบคุณนะ ” วากล่าวขอบคุณ พยายามกลั้นอารมณ์อีกอย่างหนึ่งที่กำลังจะปะทุออกมา
ตาของเขาเริ่มใสขึ้น เขารีบหลับตาลงพร้อมสูดหายใจยาวๆ
“ รู้จักขอบคุณเป็นเหมือนกันนิ ” โซเฟียหัวเราะคลายบรรยากาศ จากนั้นค่อยๆคลายมือของตัวเองออก แต่มือข้างหนึ่งของเธอก็ถูกวาฉุดคว้าไว้
โซเฟียหันไปมองหน้าวาโดยไม่ปริปากใดๆทั้งนั้น
“ ขอโทษนะ ” วายิ้มเจือนๆ “ แต่ว่าช่วยจับมือเราไว้อย่างนี้สักพักเถอะนะ แค่วันนี้วันเดียวก็พอ ”
วาในตอนนี้เพียงหวังว่ามือคู่นี้ของโซเฟียจะไม่ปล่อยเขาไปเช่นเดียวกับสโนว์ ขอแค่วันนี้วันเดียว วันเดียวเท่านั้นที่เขาจะล้ม วันเดียวที่เขาจะเสียใจ
“ แหะๆ ก็ได้ แต่เราก็เขินเป็นนะ ” โซเฟียมองค้อนหน้าแดงขึ้นมานิดหน่อย
“ อืม นี่ ขอโทษด้วยนะเรื่องไพ่ ” โซเฟียยื่นไพ่ที่ขาดเป็นสองส่วนให้วา
วาหัวเราะเบาๆ ในตอนนี้เขาไม่อยากคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเลยจริงๆ แต่โซเฟียคล้ายพยายามดึงเขาออกมาจากเรื่องเหล่านั้น ไม่ทราบว่าที่จริงเธอต้องการให้เขาเลิกคิดเรื่องพวกนั้นจริงๆ หรือเธอไม่ได้ตั้งใจกันแน่
วารับไพ่ที่ขาดเป็นสองส่วนมา
“ โจ๊กเกอร์ ? ” เขาพึมพำ นึกถึงไพ่ใบนี้ ใบที่เขาเสี่ยงทายจับได้ในวันแรกที่ซาซาไรมอบกองไพ่ชุดนี้ให้แก่เขา พร้อมคำพูดของซาซาไรที่ดังขึ้นมาในหัว
‘ การที่คุณจับได้ไพ่ใบนี้แสดงว่า คุณจะต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตาที่ไม่คาดฝันบางอย่างในอนาคต ’
วาเค้นหัวเราะออกมา ช่างบังเอิญเสียนี่กระไร หรือนี่คือคำทำนายที่ซาซาไรดูให้กับเขา เพราะถ้าใช่สงสัยว่าเขาคงจะต้องไปขอเรียนวิธีดูดวงกับซาซาไรสักหน่อยแล้ว
“ ทำไมหรอ ” โซเฟียสงสัย วาจึงเล่าเรื่องวันแรกที่ซาซาไรมอบไพ่ชุดนี้ให้แก่เขา พร้อมกับเหตุการณ์ที่เขาเลือกได้ไพ่ใบนี้
“ โอ้โห ! เหลือเชื่อจริงๆ ” โซเฟียอุทาน “ เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อย่าลบหลู่เชียวนะ ”
วาไม่ตอบ เพียงเก็บไพ่ใบนั้นรวมกับไพ่ใบอื่นในสำรับ จากนั้นก็เก็บไพ่ทั้งหมดใส่กระเป๋ากางเกง
‘ โชคชะตาที่ไม่คาดฝันงั้นหรอ ’ วาคิดทวน นึกย้อนถึงอดีต ภาพของเขาและสโนว์ที่เคยความสุขด้วยกันทุกวัน เหตุผลที่ทำให้เขาอยากตื่นไปเรียนเช้าๆ เพราะถ้ามาสายเมื่อไหร่สโนว์จะคอยว่าเขาอยู่เสมอ
แต่ไม่นานความคิดนั้นก็ถูกแทรกด้วยภาพของครอส ภาพเหตุการณ์ที่เขากับสโนว์ทะเลาะกัน จนในที่สุดภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งขึ้นล่าสุดก็คล้ายคมมีดที่กรีดเข้ามาใส่จิตใจเขาอีกครั้งหนึ่ง
มือของเขาเย็นยะเยียบ เหงื่อเม็ดเล็กๆไหล่ออกตามมือ ซึ่งดูเหมือนว่าโซเฟียจะสังเกตได้
“ ไม่เอาน่า คิดมากแบบนี้ไม่สมกับเป็นคุณเด๋อเลยนะ ” โซเฟียกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ มาสิ จะพาไปดูอะไรดีๆ ”จากนั้นจูงมือของเขาให้ก้าวตามไป
วาเดินตามไปแต่โดยดี ไม่แม้แต่จะคิดถามว่าเธอจะพาเขาไปที่ไหน
สายลมเย็นเฉียบ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะวาไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าความชาด้าน เขาไม่สนใจต่ออะไรทั้งสิ้นนอกจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ และความทรงจำในอดีต
บริเวณที่ทั้งคู่ยืนอยู่คือ ประตูด้านหลังของปราสาท และเป็นเพียงหนึ่งในสองประตูใหญ่ที่เปิดอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ท้องฟ้าเบื้องบนทุกปกคลุมไปด้วยหมู่เมฆที่บดบังดวงจันทร์เอาไว้ มองตรงไปตามสองข้างทางเห็นเป็นสวนดอกไม้เช่นเดียวกันกับตอนที่วาพบกับสโนว์ด้านนอกปราสาทครั้งแรก เพียงแต่ที่ดูแตกต่างไปจากนั้นก็คือสีสันของดอกไม้ หากเป็นบริเวณด้านหน้าของปราสาทสีสันของดอกไม้จะเป็นสีสลับคละกันอย่างงดงามตระการตา แต่ที่บริเวณด้านหลังที่วากำลังอยู่กลับผิดแปลกออกไป ดอกไม้ที่ปลูกอยู่นั้นกลับมีเพียงสีเดียวและชนิดเดียวเท่านั้น คือ สีขาวของหิมะ หรือที่เรียกกันว่า วินเทอร์วิส (Winter wish คำขอของลมหนาว)
วินเทอร์วิส เป็นดอกไม้ชนิดพิเศษที่หาดูได้ยากมาก และมีเพียงไม่กี่ที่เท่านั้นที่จะปลูกมันขึ้นได้ เพราะต้องอาศัยลักษณะของดินที่อุณหภูมิคงที่ แสงแดดที่ไม่มากจนเกินไป และอื่นๆอีกมาก เช่นวิธีการรดน้ำ หรือแม้แต่สภาพอากาศ
ดอกของมันพิเศษกว่าดอกไม้ทุกชนิด เพราะกลีบของมันจะเป็นแฉกๆ ดูไปคล้ายผลึกของหิมะ แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นและดูเหมือนว่าจะพิเศษที่สุดก็คือ วินเทอร์วิสจะไม่ผลิกลีบของมันออกมาเลย จนกว่าจะถึงฤดูหนาว และในวันที่หิมะตกมาครั้งแรกกลีบดอกถึงของมันจะค่อยๆบานออกมา นับว่าเป็นดอกไม้ที่จะบานเพียงช่วงเดียวคือ ช่วงที่หิมะตกลงมา จึงเป็นที่มาของชื่อวินเทอร์วิส เพราะเป็นคล้ายคำขอของลมหนาวที่จะแสดงสิ่งสวยงามให้มนุษย์เราได้เห็นกันเพียงปีละไม่กี่วันเท่านั้น
“ นี่ เป็นไงสวยไหมละ ” โซเฟียกระชับมือของวา เรียกเขาให้ตื่นจากภวังค์
“ อืม สวยมากเลย ” วาตอบกลับ เขามองไปรอบๆด้วยความพิศวง อารมณ์ที่กำลังเศร้าหมองจู่ๆจางหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ วินเทอร์วิสหลายร้อยดอกกำลังผลิบานต่อหน้าเขาอย่างหน้าอัศจรรย์ เป็นภาพที่งดงามหาที่ติไม่ได้จริงๆ
“ รู้ไหมว่านี่คือดอกวินเทอร์วิส ” โซเฟียถาม
“ เพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรกนะเนี่ย ” วาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ วินเทอร์วิสจะผลิดอกออกและสวยงามที่สุดตอนที่หิมะตก นายคงเคยได้ยินมาบ้างใช่ไหม ” โซเฟียหันไปมองหน้าวา
ได้ยินเช่นนี้ในใจวากลับคิดขึ้นมาว่า แล้วตัวเขาใช่เหมือนกับวินเทอร์วิสหรือไม่ ที่จะผลิบานอย่างสวยงามได้ก้ต่อเมื่ออยู่กับสโนว์
“ อืมเคยสิ ที่เคยได้ยินมาก็ว่าแปลกแล้วนะ แต่ได้มาเห็นกับตายิ่งน่าอัศจรรย์จนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยละ ” วามองไปรอบๆราวกับพยายามจะจดจำภาพที่งดงามนี่ไว้ให้ได้หมด
โซเฟียแย้มยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ แต่นายรู้ไหมว่า วินเทอร์วิสจะสวยกว่านั้นได้อีกเมื่อไหร่ ”
“ หายังมีอะไรที่ทำให้มันดูสวยมากกว่านี้อีกหรือไง ” วาตะลึง ตอนนี้เรื่องที่คุ่นเขืองจิตใจหายไปหมดสิ้น
“ ถ้าบอกต้องเลี้ยงข้าวเรามื้อหนึ่งเป็นค่าความรู้โอเคไหม แหะๆ ” โซเฟียหัวเราะทีเล่นทีจริง
“ งกจริงๆเลยนะเธอเนี่ย ” วาแซว
“ งั้นก็ไม่ต้องรู้ละกัน ” โซเฟียทำท่าจะเดินกลับ วาจึงต้องรีบรั้งไว้
“ ก็บอกมาสิ ” วาคะยั้นคะยอ
“ ต้องเลี้ยงข้าวด้วยนะ ” โซเฟียยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาวาถอนหายใจเล็กน้อยในความแก่นแก้วของเธอ
“ เร็วๆสิ ” โซเฟียเร่ง สายตามองขึ้นไปยังหมู่เมฆที่กำลังเลื่อนออกไปทีละนิดๆ
“ โอเคๆ ยอมแพ้แล้วครับ บอกมาเถอะแล้วผมจะยอมเลี้ยงข้าวคุณหัวหน้าห้องครับ ” วายอมแพ้
“ ถ้าอย่างนั้นละก็
.. ” โซเฟียคลายมือที่จับวาออกมา จากนั้นชูมือทั้งสองข้างขึ้นทำท่าร่ายมนต์ไปยังเมฆที่กำลังลอยผ่านดวงจันทร์ไป
กลุ่มเมฆที่เบื้องหน้าค่อยๆลอยผ่านออกไปทีละนิดๆ จนกระทั่งมันลอยผ่านดวงจันทร์ไป ปลดปล่อยให้แสงจันทร์สาดส่องมายังเบื้องล่างแล้ว สิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้งที่เบื้องหน้าของวา
“ โอม เพี้ยง ! ” โซเฟียร่ายคาถา
แสงจันทร์ที่สาดส่องกระทบกับวินเทรอ์วิส ทำให้วิสเทอร์วิสหลายร้อยดอกที่อยู่รอบๆตัวเขาค่อยๆเกิดประกายแสงสีเงิน และทองระยิบระยับขึ้น จนกระทั่งประกายแสงเหล่านั้นสะท้อนกันไปมารอบกันหมด ดูงดงามตระการตากว่าดอกไม้นานาพรรณกว่าหลายร้อยพรรณเท่า
วารู้สึกราวกับอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ก็ไม่ปาน เรื่องขุ่นเคืองจิตหายไปหมดสิ้น แบบนี้สงสัยต่อให้เลี้ยงข้าวหลายมื้อก็คงต้องยอมแล้วละ
เขาจ้องมองภาพที่อันแสนงดงามนั้นอยู่นานสองนานกว่าจะรู้สึกตัวอีกที เมื่อโซเฟียกระชับมือของเขาอีกครั้ง
“ เป็นยังไงบ้างละ ” โซเฟียยิ้มอย่างภูมิใจในฝีมือของตน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะหลอกให้วาเลี้ยงข้าวได้หรือว่าทำให้วาได้เห็นอะไรดีๆกันแน่
“ ยังกับฝันไปแน่ะ ” วาอุทาน เขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นอะไรอย่างนี้หากโซเฟียไม่ได้พามา
“ ทีนี้ดีขึ้นบ้างรึยังละ ” โซเฟียมองมายังวา
“ ก็ดีขึ้น แต่จะให้พูดจริงๆก็ยังรู้สึกเจ็บๆอยู่ ” วาหลบตา ลำคอรู่สึกตีบตัน
“ เฮ้อ ไม่ไหวๆ ” โซเฟียส่ายหน้า “ นายนี่มันเกินเยียวยาจริงๆ แหะๆ ”
วาทำหน้าฉงน “ ยังไงที่เรียกว่าเกินเยียวยา ”
“ ไม่รู้สิ แต่เราคิดว่าเรื่องบางอย่างเก็บมาคิดมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ” โซเฟียทอดสายตาไปเบื้องหน้า “ จริงอยู่ที่ว่าเราอาจจะไม่รู้เรื่องอะไรของนายเลย และเท่าที่เห็นมานายก็คงจะโดนมาไม่ใช่น้อย แต่นั่นมันไม่ใช่ทุกสิ่งของชีวิตไม่ใช่หรอ ”
“ ก็คงงั้น ” วาตอบ แต่เขารู้ดีว่าไม่ได้รู้สึกเหมือนที่พูดเลย คนที่จมอยู่ในอารมณ์เศร้าหมองก็มักจะเป็นเช่นนี้
“ ถ้านายอยากจะเล่าให้เราฟังก็ได้นะ เรายินดีรับฟัง ถึงแม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่การเก็บอะไรไว้คนเดียวมันก็คงไม่ใช่เรื่องน่าสนุกหรอกนะ ” โซเฟียพยายามปลอบ วาอ่านได้จากสายตาของเธอ ในแววตานั้นคล้ายมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ แต่ไม่ทราบว่ามันเป็นอะไร
“ ขอบใจนะ ” วารับคำ แต่ไม่ยอมปริปากใดๆ ได้แต่มองเหล่าวินเทอร์วิสที่ทอประกายด้วยแสงจันทร์ และพยายามสลัดอารมณ์เศร้าหมองเหล่านั้นให้หลุดออกไป
“ ไม่อยากเชื่อเลยเนอะว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ” วารำพึงขึ้น
“ ชีวิตมันก็แบบนี้ละ อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน ทุกอย่างมันหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตลอดละ อยู่ที่ว่าใจของเราจะหมุนตามมันไปหรือเปล่า ” โซเฟียตอบอย่างหนักแน่น
“ เรานี่มันอ่อนแอจริงๆ เจอเรื่องแค่นี้ก็รับไม่ได้แล้ว ” วาเริ่มคายความรู้สึกของเขาออกมาแล้ว
“ คนเราก็ต้องมีจุดอ่อนกันทุกคนแหละ ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะ ” โซเฟียยิ้มให้วา คล้ายต้องการจะบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวอะไรๆมันก็จะดีขึ้นเอง
“ ขอบใจนะ ” วากล่าวขอบคุณอีกครั้ง
“ นี่กี่โมงแล้ว ” โซเฟียมองมายังนาฬิกาข้อมือของวา
“ สี่ทุ่มครึ่งได้แล้ว ” วาตอบ
“ โห งั้นนายรีบไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้มีแข่งนะ แถมยังเป็นทีมที่เก่งมากด้วยไม่ใช่หรอ ” โซเฟียกล่าวเตือน
“ แต่เรายังไม่อยากไปนอนนิ ต่อให้นอนตอนนี้ก็คงไม่หลับหรอก ” วาถอนหายใจ ลมหนาวเริ่มทำให้เรารู้สึกหนาวขึ้นมาแล้ว
พริบตานั้นโซเฟียพลันกระชับมือของวาแน่น
“ นี่คุณ ! ” หล่อนมองตาแข็ง “ ถ้ามัวแต่คิดว่าตัวเองอ่อนแออยู่อย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะเข้มแข็งขึ้นมาได้สักทีละ แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้ไม่ใช่แค่การแข่งของนายคนเดียวนะ แต่เป็นการแข่งของโรงเรียน ทุกคนฝากความหวังไว้กับนายนะรู้ไหม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีม เพื่อนๆหรือคนอื่นๆ นายคงจะไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวังเพราะว่านายยอมล้มให้กับเรื่องแค่นี้ใช่ไหม ?! ”
“ ก็คงงั้น ” วารู้สึกเลือดลมเริ่มแล่นขึ้นมาอีกครั้ง
‘ ปัก ! ’ บ่าของเขาถูกตบด้วยมืออีกข้างหนึ่งของโซเฟีย หรือที่หล่อนมักจะเรียกว่า ‘ผ่ามือประกาศิตเรียกความหนักแน่น’
“ ตอบให้มันสมกับเป็นแมนหน่อย ” โซเฟียกดดัน
“ แหม ” วารู้สึกหงุดหงิดปนขำขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นี่เขาถูกผู้หญิงคนหนึ่งดูถูกว่าอ่อนแอขนาดนี้เชียวหรือ “ ก็ได้ๆ ”
โซเฟียชูมือขึ้น แต่ถูกวารีบห้ามเสียก่อน
“ เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนครับคุณหัวหน้า ผมพูดอะไรผิด ” วาตกใจ
“ ก็ได้อย่างนั้นหรอ ใช้ไม่ได้ ! นี่หรอตัวแทนที่คนอื่นเขาฝากความหวังไว้น่ะ ” โซเฟียเริ่มไซโคร
“ ครับผมจะทำให้ได้ครับ ” วากล่าวเสียงเรียบ
“ ดี แต่ยังไม่พอ ถ้าแค่นี้เอาชนะนายคนนั้นเขาไม่ได้หรอก ไม่สิ อย่าว่าแต่นายคนนั้นเลย ต่อให้แข่งกับเรานายก็ชนะไม่ได้หรอก ถ้ากำลังใจ ความฮึดสู้มันมีแค่นี้นะ ! ” โซเฟียยิ้มเย้ย
“ บอกสิว่านายจะรีบเข้านอน ไม่เก็บเรื่องพวกนั้นไปคิด แล้วก็จะเล่นให้เต็มที่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะได้เข้าไปซัดนายนั่นให้หมอบให้เราเห็นให้ได้ ”
ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรจู่ๆวาก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ความฮึดสู้กำลังเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ
“ ได้ครับ ผมจะรีบเข้านอนและจะสู้ให้เต็มที่พรุ่งนี้ ” วายิ้มรับกระชับมือของเธอแน่น
“ ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะสมเป็นคุณเด๋อที่เรารู้จักหน่อย ” โซเฟียยกนิ้วโป้งให้
บางครั้งในยามที่คนเราล้มก็เพียงแค่ต้องการใครสักคนที่ช่วยเรียกกำลังใจและความมั่นใจให้กลับคืนได้มาเท่านั้น แต่คงไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยได้ดีไปกว่าตัวเอง เพราะต่อให้จะมีคนพูดให้ฟังมากแค่ไหน หากเจ้าตัวไม่คิดที่จะลุกขึ้นมาจากหลุมแห่งความทุกข์เอง ก็คงไม่มีใครหน้าไหนช่วยได้
ในกรณีของวาเองก็เช่นกัน โซเฟียรู้ดีว่าเขาสามารถลุกขึ้นมาได้เอง เพียงแต่ว่าหากจะรอจนกว่าจะถึงเวลานั้นคงจะสายเกินไป อาจจะต้องแพ้การแข่งไปอย่างน่าเสียดายเสียก่อน เพราะไม่ได้เล่นเต็มที่ ซึ่งความจริงแล้วต่อให้การแข่งพรุ่งนี้จะเล่นเต็มที่ก็ใช่ว่าจะชนะ เรื่องนี้เธอเองก็รู้ดี ดังนั้นจึงไม่อยากให้วาต้องเสียใจภายหลัง เธอจึงจำเป็นต้องเรียกกำลังใจของเขากลับคืนมาให้ได้ และก็ดูเหมือนว่าเธอจะทำสำเร็จได้ไม่มากก็น้อย
ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อ ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเชื่อในตัวเองแล้วทุกอย่างก็ย่อมเป็นไปได้
“ อย่าลืมเสียละ นายต้องทำได้เราเชื่ออย่างนั้น ” โซเฟียถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นผ่านทางสายตา สายตาแห่งความเชื่อในตัวของเขา
“ อืม ขอบใจนะ เราก็จะเชื่อในตัวเธอที่เชื่อในตัวเราเหมือนกัน ” วาจ้องมองไปยังตาของโซเฟีย แสงจันทร์ที่สาดส่องไปทั่วกับวินเทอร์วิสที่กำลังทอประกายแสงทำให้ราวกับทั้งสองกำลังอยู่ในความฝัน
..
ลมหนาวพัดผ่านตัวของทั้งสองวูบหนึ่ง แต่ในความรู้สึกของวานั้นมันช่างดูอบอุ่นเหลือเกิน ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน รู้สึกแตกต่างกับครั้งที่ยืนอยู่สโนว์อย่างลิบลับ ตอนที่อยู่กับสโนว์พอลมหนาวพัดมาเขารู้สึกว่ามันหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจ แต่ก็ไม่อาจสลัดมันออกไปได้ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่า แม้มันจะหนาวแต่ในใจลึกๆกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ ฟู้ววว !!! หนาวเป็นบ้าเลยให้ตายสิ หวังว่าเพื่อนของเราคงไม่หนาวตายก่อนแข่งนะนิค ” มิวเป่าปาก กอดอกซุกมือทั้งสองข้างไว้เพราะความหนาวเหน็บจากอากาศยามเช้า เดินตามนักเรียนหลายคนที่กำลังมุ่งหน้าไปดูการแข่งที่ปราสาท ส่วนเสือใบ้นิคที่สวมเอียมัฟ (ที่ครอบหูกันหนาว) พยักหน้ารับคำหนึ่งที ซึ่งถ้าหากนิคไม่ยอมพยักหน้ามิวคงจะคิดว่าเขาไม่ได้ยินแล้วโวยวายแน่นอน
“ แต่อย่างน้อยข้อดีของการสูดอากาศยามเช้าก็คือ สุขภาพจะดีและแข็งแรงนะ ” นีโอเพือนร่วมของวา ในชุดสูทสีน้ำตาลกล่าวขณะเดินตามทางเข้าปราสาทเพื่อไปชมการแข่งปิงปองของวา
‘ แหง๋ละสิ ถ้าไม่ชอบจริง วันแรกที่ไปรับวามานายคงจะหนาวตายไปแล้วละ ’ มิวบ่นในใจ
“ รู้สึกลุ้นแทนวาจัง ” วีวี่ในชุดเสื้อหนาวสีชมพู พร้อมผ้าพันคอสีขาวสลับชมพูดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“ เหอๆ ของมันก็แน่อยู่แล้ว แต่ก่อนอื่นเธอช่วยเร่งเท้าก่อนที่เราจะหนาวตายก่อนได้ไหม ” มิวกัด คงเป็นเพราะหนาวจนพาลก็เป็นได้
“ ถ้าหนาวมากก็วิ่งเข้าปราสาทไปก่อนเลยสิ ทำไมต้องมาเร่งคนอื่นเขาด้วย ใครบอกให้นายไม่ยอมเตรียมเสื้อหนาวมาเองละ ” วีวี่เท้าสะเอวว่า
“ ยะ อย่ามาดูถูกวิถีแห่งลูกผู้ชายนะ ! ละ ลูกผู้ชายเขาไม่กลัวความหนาวกันหรอก เนอะ เบต้านายเองก็คิดแบบนั้นใช่ไหม ” มิวปากแข็งกล่าวไปปากสั่นไป ดูแล้วน่าขบขันจริงๆ และเมื่อมิวหันไปทางเบต้าที่ลืมเอาเสื้อกันหนาวมาด้วยก็ต้องส่ายหน้าทันที เพราะเบต้าเดินนิ่งราวกับหุ่นยนต์ที่แข็งจนกลายเป็นตู้เย็นและไม่ต้องการโต้ตอบใดๆทั้งสิ้นแล้ว นอกจากจะเข้าไปนั่งยังห้องแข่งอันเป็นภารกิจสุดท้ายของชีวิตในตอนนี้
เสื้อใบ้นิคเห็นท่าจะไปไม่รอดจึงยอมยกผ้าพันคอให้แก่มิว แต่ก็โดนมิวบอกปัดไป
“ นะ นายก็อีกคนงั้นรึที่คิดจะดูถูกวิถีแห่งลูกผู้ชายของเรา ” กล่าวไปฟันกระทบกันไป
‘ ใครมันจะไปยอมเสียหน้าตอนอยู่ต่อหน้าหล่อนกัน ? ’
“ ใครอีกหา ? ” มิวเค้นเสียงเมื่อพบว่ามีคนพยายามจะยื่นผ้าพันคอมาให้ตนอีก แต่เมื่อหันก็ต้องตัวแข็ง เพราะคนที่นำผ้าพันคอมาพันคอให้แก่ตนกลับเป็นวีวี่คู่กัดนั่นเอง
“ วิถีแห่งลูกผู้ชายบ้าบออะไรกัน แค่บอกว่าลืมเอาเสื้อกันหนาวมาเพราะตื่นสายก็จบละ ทำเป็นเก่งไปได้ ” วีวี่กัดฟันอย่างหมั่นไส้
มิวไม่ตอบโต้แต่อย่างใด เดินตัวแข็งแซงวีวี่ไปอยู่ข้างเบต้า พร้อมเดินไปด้วยกันราวกับหุ่นยนต์ในทันที
ทางด้านห้องพักนักกีฬา พรีสไซที่ตื่นขึ้นมา ก็พบวาอยู่ในชุดเครื่องแบบที่เตรียมพร้อมจะแข่งยืนรออยู่แล้ว
“ นี่นายได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย ” พรีสไซถามพลางหยิบแว่นที่ข้างเตียง เพราะเขาจำได้ว่า รู้สึกตัวอีกทีตอนที่วากลับเข้ามา ซึ่งก็น่าจะดึกมากแล้ว
“ ก็นิดหน่อย ” วายิ้มในตามีประกายเชื่อมั่นอย่างประหลาด ไม่มีอาการง่วงนอนเลยสักนิด
“ ถ้าอย่างนั้นก็ดี หวังว่าคงจะไม่ไปหลับเอาตอนแข่งหรอกนะ นายก็รู้ใช่ไหมว่าคู่แข่งของเราในวันนี้น่ะ
” ยังกล่าวไม่ทันจบ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมโซลีนที่มายืนมาดเข้มอยู่หน้าห้องแล้ว
“ มีอะไรอย่างนั้นหรอ ” พรีสไซถาม
“ ไม่มีอะไร แค่จะมาดูว่าพวกนายตื่นกันรึยัง ” โซลีนตอบ เมื่อหันไปทางวาก็ต้องประหลาดใจเพราะวาอยู่ในชุดเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว
“ นายโอเคนะ ” โซลีนถามสั้นๆ
“ โอเคอยู่แล้ว ” วายิ้มรับ
“ ถ้าอย่างนั้นก็ดี แล้วอีกสิบห้านาทีเจอกันที่ห้องอาหาร หรือถ้าหิวนายจะไปกินข้าวก่อนก็ได้นะ ” โซลีนนัดแนะจากนั้นก็ปิดประตูห้องเดินออกไป
ห้องอาหารที่กว้างใหญ่พอๆกับห้องอาหารที่โรงเรียนอับดุล อินเตอร์ในขณะนี้เริ่มมีนักเรียนหลายคนทยอยกันเข้ามากินอาหารบ้างแล้ว ซึ่งความจริงจากการสังเกตที่ผ่านมาสามวันของวาพบว่าห้องอาหารจะเริ่มดูเล็กไปลงเมื่อถึงตอนเที่ยงหรือบ่ายๆ เหตุเพราะนักเรียนหลายโรงเรียนส่วนใหญ่มักจะมากันตอนเที่ยงๆ เว้นเสียแต่จะมีการแข่งของโรงเรียนตัวเองในเวลาเช้า หรือสนใจจะมาดูการแข่งนั้นๆเป็นพิเศษ
ขณะที่นั่งทานอาหารเช้าอยู่วารู้สึกตัวเองโดดเด่นเป็นพิเศษคงเพราะในเช้านี้มีรายการแข่งไม่กี่รายการ และเขากำลังอยู่ในชุดเครื่องแบบเตรียมแข่งด้วย มีนักเรียนหลายคนพูดคุยกันถึงผลของการแข่งในเช้านี้ บางคำพูดวาแทบจะไม่อยากได้ยินจริงๆ เช่น คำพูดที่ว่า ไม่ต้องดูให้เสียเวลาหรอกจริงๆคู่นี้ก็รู้ผลกันตั้งแต่แรกแล้ว เป็นต้น
“ น่าหมั่นไส้จริงๆ แต่ก็ถูกของพวกมัน ” พรีสไซกล่าวอย่างหดหู่ ซึ่งดูเหมือนจะไม่เข้าหูโซลีนเท่าไหร่นัก
“ เชื่อในตัวเองหน่อยสิ ” วาแย้ง
“ ก็อยากจะเชื่ออยู่หรอกนะ แต่
” วาทำท่าจะเรียกความมั่นใจให้พรีสไซอีกครั้ง แต่ถูกโซลีนยกมือห้ามไว้
“ ไม่เป็นไรหรอก ชั้นจะได้รู้ว่าถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา ก็เป็นเพราะว่านายแพ้ให้กับตัวเอง ไม่ได้แพ้เพราะสู้เอจิส ไร้กลยุทธ์ไม่ได้ละกันนะ ” โซลีนกล่าวหน้านิ่ง
“ นายหมายความว่ายังไง ”
“ ก็หมายความว่านายจะได้ไม่ต้องเสียใจที่แพ้เพราะฝีมือไม่ถึงยังไง แต่เป็นแพ้เพราะใจไม่ถึงตั้งแต่ยังไม่เริ่มสู้ต่างหาก จริงๆเมื่อวานชั้นก็อุตส่าห์ดีใจที่เห็นนายฮึดสู้ขึ้นมา ผิดหวังจริงๆ ” วาที่ฟังอยู่ไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายสักเท่าไหร่ แต่เดาๆว่าโซลีนคงจะพยายามจุดไฟให้พรีสไซอยู่
สองคนนี้มักจะมีวิธีการสื่อสารแบบแปลกๆกันเองอยู่เรื่อย จนวาขี้เกียจที่จะพยายามทำความเข้าใจแล้ว
‘ ฟ้าว ! ’
พริบตานั้นลูกปิงปองไม่ทราบที่มาก็พุ่งตรงเข้าใส่โซลีนที่นั่งคุยกับพรีสไซอยู่ ก่อนที่ไม้ปิงปองในมือของโซลีนจะตวัดวูบซัดลูกปิงปองนั้นกลับไปยังเจ้าของ
‘ ป๊อก ! ’
ลูกสปินความแรงสูงพุ่งกลับใส่เด็กชายหน้าขาว ตาตี่เล็กมองไปราวกับเป็นเส้นตรง บนหน้าผากไว้ด้วยผ้าคาดหัวรูปดวงอาทิตย์คล้ายธงชาติญี่ปุ่น
เด็กชายคนหนึ่งสะแหยะยิ้มไขว่มือทั้งสองที่พันไว้ด้วยผ้าพันมือสีขาวที่ปลายผ้าพันมือถูกปล่อยยาวไปด้านหลังจากนั้นไม้ปิงปองสองอันก็ปรากฏขึ้นก่อนที่จะประกบลูกปิงปองไว้ได้กลางไม้อย่างพอดิบพอดี
ความจริงการที่โซลีนโต้ลูกปิงปองกลับไปได้ก็นับว่าเป็นเรื่องประหลาดแล้ว คนอะไรโต้ลูกกลับขณะที่คุยกับเพื่อนอยู่ได้หน้าตาเฉย ราวกับเป็นเรื่องปกติ หรือเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนอย่างไงอย่างนั้น
แต่การที่เด็กชายคนนี้รับลูกปิงปองที่ถูกตีกลับมาด้วยความแรงขนาดนี้ได้ภายในเวลาอันสั้น แถมยังใช้ไม้ปิงปองประกบลูกได้อย่างพอดีแป๊ะแบบนี้นับว่าฝีมือในการผสาน และควบคุมของมือขวาและซ้ายมีความสมดุลเป็นเลิศ แถมหากสังเกตให้ดีลูกปิงปองที่ถูกประกบไว้นั้นยังไม่หยุดหมุน พูดง่ายๆก็คือ เป็นการรับลูกไว้โดยไม่ทำให้แรงสปินหยุดหมุนนับว่าฝีมือเป็นที่น่าตื่นตระหนกเสียจริงๆ
หากจะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของวาหรือเปล่าที่ถูกคนตีลูกปิงปองใส่ เขาคงตอบว่าไม่ใช่ แต่การโดนตีลูกใส่ตอนกำลังคิดข้าวอยู่ คงต้องขอยอมรับว่าเป็นครั้งแรก และอยู่เหนือคาดความหมายเสียจริงๆ
วาแอบคิดว่ามันคล้ายๆกับหนังจีนที่เขาเคยดูอยู่บ่อยๆ เวลาที่พวกจอมยุทธ์กำลังกินข้าวอยู่ในโรงเตี๊ยมแล้วมีคนมาหาเรื่อง แต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้กับนักกีฬาปิงปองได้
ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านั้นก็ได้ยินเสียงโซลีนพูดขึ้น
“ ดูเหมือนว่าเพื่อนของเราจะมาท้าทายเร็วกว่าที่คาดไว้นะพรีสไซ ” โซลีนแย้มยิ้ม ราวกับนั่นเป็นเพียงการทักทายของเพื่อนจริงๆ ซึ่งความจริงต่อให้เป็นเพื่อนกันจริงๆก็ไม่มีใครเขาทักทายกันแปลกๆแบบนี้หรอก
“ ไม่หรอก กำลังคิดไว้อยู่เลย ” พรีสไซกระดกแว่น นี่ทั้งสองคนนี้กำลังพูดอะไรกัน รู้อยู่แล้วหรือยังไงนะว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คิดถึงตรงนี้วาก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ที่เขามักจะเป็นคนสุดท้ายเสมอที่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเวลาอยู่กับสองคนนี้ แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องเก็บความข้องใจนั่นไว้แล้วสนใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก่อน
วาพินิจลักษณะของเด็กชายที่ใช้ไม้ปิงปองสองไม้ และความมั่นใจที่ดูเหมือนจะพกมาเกินร้อยนั้นแล้ว วาก็ทายได้เลยว่าคนๆนี้จะต้องเป็น ‘มุซาชิ ฉายาดาบคู่ไร้ผ่าย’ แน่นอน ส่วนชายร่างสูงที่ยืนข้างๆใบหน้าคมเข้ม นั่นน่าจะเป็นเอจิส ฉายาไร้กลยุทธ์เพราะดูจากแววตาที่มั่นคง แต่เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่นั้นก็น่าจะพอบ่งบอกได้
ทั้งสองคนนี้อยู่ในชุดเครื่องแบบนักกีฬาประจำโรงเรียนไกเซอร์ด้อมเรียบร้อยแล้ว เสื้อสูทผ้าขาวที่กลางหลังสลักรูปนกฟินิกส์สีทองดูเด่น สง่า และแฝงไปด้วยพลังกดดันนั้นแสดงถึงความเป็นอดีตแชมป์ได้เป็นอย่างดี ภายใต้ชุดสูทสวมเสื้อโปโลสีดำ บนอกเสื้อด้านขวาสลักชื่อโรงเรียนไว้ ส่วนกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายสลักรูปนกฟินิกส์สีทองเอาไว้ และปิดท้ายด้วยกางเกงวอร์มสีขาว
“ ไม่เลวนิ กัปตันโซลีน ชายผู้มีลูกตบไม้ตายที่ไม่มีใครเคยรับได้ ” มาซาชิกล่าวสีหน้าเรียบ ใบหน้าบ่งบอกถึงความทระนงในศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง “ แล้วก็ขอกล่าวสวัสดียามเช้าแก่พรีสไซ จอมทลายกุลยุทธ์ และปีศาจน้อยหน้าใหม่ หวังว่าคงจะไม่ทำให้เสียขวัญจนต้องยอมแพ้ไปเสียก่อนนะ ”
___________________________________________
ความคิดเห็น