คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #83 : บทเรียนที่ 77 Welcome to Music Festival
บทเรียนที่ 77 Welcome to Music Festival
หลังจากเทศกาลประลองระหว่างสถาบันจบลงทุกอย่างก็เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ เว้นแต่อย่างเดียวซึ่งวาคิดว่ามันคือ สภาพอากาศที่เริ่มจะหนาวขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการสอบที่เริ่มเขยิบเข้ามาใกล้พวกเขาแบบไม่ทันจะตั้งตัว
ไม่เพียงแต่โรงเรียนอับดุลอินเตอร์จะเป็นที่รู้จักของคนอื่นมากขึ้น เพราะเป็นโรงเรียนที่ไม่เคยโดดเด่นด้านใดมาก่อน ในปีนี้กลับพิชิตถ้วยรางวัลมากมายจนได้รางวัลอันดับสามสามของโรงเรียนที่ได้ครอบครองเหรียญมากที่สุด ซึ่งอันดับสองได้แก่โรงเรียนเกเบรียล ส่วนอันดับหนึ่งก็คือโรงเรียนไกเซอร์ด้อมตามระเบียบ
วาก็เป็นที่รู้จักของนักเรียนคนอื่นๆมากขึ้นด้วย เพื่อนๆห้องแซทเทรินที่ได้ชมการแข่งของเขาต่างพากันเข้ามาทักทายแสดงความยินดีกันอย่างไม่ขาดสาย แม้เป็นเพียงระยะเวลาแค่หนึ่งสัปดาห์แต่วาก็ยอมรับว่าเขาเกือบลืมไปแล้วว่าการเรียนที่โรงเรียนเป็นเช่นไร แต่อาจารย์มานอฟอาจารย์ประจำวิชาคณิตศาสตร์ก็ช่วยเตือนสติการเรียนให้วาได้เป็นอย่างดี
ในที่สุดหลังจากผ่านไปสองสามสัปดาห์ของการกลับมาเรียนแบบปกติ หลังเลิกเรียนสี่คาบแรกมิวก็รีบชวนพรรคพวกให้ไปทานข้าวเที่ยงกันตามปกติ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะจริงจังกว่าทุกครั้ง
“ ใกล้เทศกาลฮาโลวีนแล้วนะ ” มิวกล่าวขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารเที่ยงอยู่ “ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า…. ”
“ เทศกาลนรกนั่นกลับมาแล้วอย่างนั้นหรอ ” เบต้าโพลงขึ้นราวหุ่นยนต์เตือนภัย
“ ไม่ใช่ มันหมายความว่าการประกวดวงดนตรีรอบตัดสินกำลังจะมาถึงแล้วยังไงละ ” มิวชูนิ้วขึ้นฟ้า “ แต่เฮ้ย จริงด้วยเทศกาลนรกนั่นมันกำลังมาถึงแล้วจริงๆ ”
วาเริ่มเกิดความสงสัยว่าเทศกาลนรกนั่นมันคืออะไรกัน แล้วทำไมมิวกับเบต้าถึงได้ดูแตกตื่นขนาดนี้
“ แหะๆ แต่เราว่าสนุกดีออก ” โซเฟียลูบคาง
วาหันมองซ้ายทีขวาทีเพื่อขอคำตอบ
“ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เทศกาลฮาโลวีนน่ะ ” นีโอชี้ทางสว่างให้แก่วา สมกับเป็นสมาชิกชมรมผู้รอบรู้จริงๆ แต่ที่วายังคงคาใจอยู่นั่นก็คือ มันจะใช่แค่นั้นจริงๆหรือ
“ เอาละๆ เราจะไม่พูดถึงเรื่องเทศกาลนั้นในเวลากินข้าว กลับมาที่เรื่องการประกวดวงดนตรีกันก่อนดีกว่า ” มิวเรียกทุกคนกลับเข้าประเด็น
“ ตอนนี้วงเราได้เข้ารอบเป็นหนึ่งในยี่สิบวงสุดท้าย ซึ่งถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง ดังนั้นพวกเราจะต้องคว้ารางวัลอันดับหนึ่งให้ได้ เพื่อที่จะได้รับเกรียติขึ้นเล่นบนเวทีใหญ่ในเทศกาลวันปีใหม่ ! ”
มิวสายตาลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ โซเฟียปรบมือตามส่วนเสือใบ้นิคเพื่อนร่วมห้องนั่งกินข้าวต่ออย่างไม่แยแส
“ เพราะฉะนั้นทุกวันนับแต่นี้ไปหลังจากเลิกชมรมแล้ว ขอให้พวกนายมาซ้อมที่ห้องซ้อมหมายเลขสิบสามด้วย ”
มิวกวาดสายตามองทุกคนพร้อมกล่าวต่อแบบรวบรัด
“ เป็นอันตกลง ปิดการประชุม ”
วารู้สึกว่าหมู่นี้นักเรียนชายต่างพากันให้ความสนใจโซเฟียมากขึ้นกว่าเดิมซึ่งแต่ก่อนก็ถือว่าเยอะอยู่แล้ว อาจเพราะว่าเธอแสดงฝีมือได้อย่างน่าทึ่งในตลอดการแข่งประลองอาวุธ ดังนั้นแอบรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเวลาที่เดินคู่กับเธอ
แต่ที่น่าแปลกคือ เซตจอมโวที่ประกาศเป็นคู่ปรับหัวใจกลับไม่ปรากฏตัวมาอีกเลย ความจริงเขาไม่ได้เห็นหน้าเจ้าหมอนั่นมาสักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างน้อยมันทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้หลังจากต้องต่อกรกับครอสและพบกับสโนว์ในการประลองระหว่างสถาบัน
ภายในตึกชมรมดนตรีเมื่อก้าวมาแถวห้องซ้อมวาก็ได้ยินสียงเหยียบกะเดื่องกลองอันหนักแน่นและถี่ยิบซึ่งไม่ต้องแปลกใจเลยว่านั่นต้องเป็นการซ้อมของพิชากิกับวงBLACKPIG ของเขาอย่างแน่นอน
เสียงกีต้าร์โซโล่อย่างเร่าร้อนเข้ากับจังหวะกลองได้อย่างลงตัว บีบจังหวะหัวใจให้เต้นตามแบบไม่รู้ตัว ก่อนที่การบรรเลงจะจบลงพร้อมกับร่างคุ้นตาที่ก้าวออกมาจากห้องซ้อม
“ มาตรงเวลาดีนี่ ” มิวที่ก้าวออกจากห้องซ้อมหมายเก้ากล่าวอย่างกระฉับกระเฉงแล้วหันกลับไปกล่าวกับพวกพิชากิที่อยู่ในห้อง “ ได้วอร์มกับนายแบบนี้แล้วนึกถึงวันเวลาเก่าๆนะ ”
“ ไม่เป็นไร ได้นายมาช่วยเทรนกีต้าร์ให้จ๋อยแบบนี้ทุกวันเราก็ต้องขอบคุณมากแล้ว ” พิชากิยิ้มแบบโหดๆท่าทางยังค้างในอารมณ์การซ้อมอยู่
มิวบอกลาพิชากิแล้วเดินนำพวกวาไปยังห้องซ้อมหมายเลขสิบสาม ใช้บัตรประจำตัวนักเรียนรูดผ่านเครื่องที่หน้าประตูแล้วเปิดออก
“ เข้ามาสิ ” มิวกวักมือเรียกโซเฟียกับวา
จากนั้นไม่นานนีโอที่มาพร้อมคีย์บอร์ดคู่ใจกับนิคที่เพิ่งเลิกชมรมก็ตามมา
“ วันนี้เพลงที่เราจะซ้อมกันก็คือ เพลงอยากจะรักษาแววตานั้นไว้ ” มิวแจกกระดาษโน้ตเพลงให้แต่ละคน ซึ่งมีโน้ตรวมเครื่องดนตรีของแต่ละคนและการเขียนกำกับเพิ่มเติมรายละเอียดไว้เป็นอย่างดี
หากพิจารณาจากการนั่งเรียนในห้องของมิวแล้ว แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะทำการบ้านมาได้ดีขนาดนี้ นั่นอาจเป็นเพราะนี่คือสิ่งที่เขารักจริงๆ เขาจึงไม่รู้สึกเบื่อที่จะทำมัน และนี่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่มิวยังไม่ชวนทุกกคนมาซ้อมหลังจากเริ่มกลับมาเปิดเรียนเพราะเขาคงทำการบ้านนี้อยู่เป็นแน่เพื่อให้การซ้อมออกมาได้เร็วและพร้อมที่สุด
“ ส่วนนายเคยฟังเพลงนี้มาบ้างแล้วใช่ไหม ” มิวถามวา
“ เราชอบเพลงนี้ด้วยซ้ำ เพียงแต่อาจจะร้องยากอยู่หน่อยนะ ”
“ เยี่ยม เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงลองซ้อมดูก่อน ถ้านายร้องไม่ได้จริงๆเราค่อยดรอปคีย์เอาอีกที มาเริ่มซ้อมกันเลยดีกว่า ”
การซ้อมเป็นไปอย่างสบายๆแต่ครั้งนี้มิวดูจริงจังกว่าครั้งก่อน ทำให้เขารู้สึกเกร็งๆอยู่บ้าง แถมเพลงนี้ยังต้องใช้เสียงที่สูงพอสมควรเขาจึงรู้สึกว่าหลังจากการซ้อมจบลงเขาแทบจะไม่มีเสียงเหลืออยู่เลย จนอดคิดไม่ได้ว่าหากต้องมาซ้อมทุกวันหลังจากนี้อีกสักสัปดาห์สภาพเสียงของเขาจะเป็นเช่นไร
“ กลับไปแล้วลองกินน้ำผึ้งผสมมะนาวดู เดี๋ยวจะไม่มีเสียงเหลือเอา ที่สำคัญอย่าลืมเริ่มอ่านหนังสือได้แล้วนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ” โซฟียกล่าวกับวาระหว่างก่อนจะแยกตัวกลับหอ
วามองไปยังต้นไม้ใหญ่ที่หน้าหอพักหวนคิดขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่แข่งปิงปองจบเขายังไม่มีโอกาสได้พบกับไซโคร แนชอีกเลย ไม่ทราบว่าป่านนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง แต่เท่าที่ได้ฟังจากไลร่าแล้วก็ท่าทางจะมีความสุขดี
ห่วงแต่ตัวเขาเองหมู่นี้รู้สึกว่ามีเงาประหลาดๆคอยติดตามเขาอยู่ แต่พอเหลียวหลังมองไปก็ไม่พบสิ่งใดๆ คงเป็นเพราะใกล้สอบหรือฟ้ามืดเร็วขึ้นกระมังเขาถึงคิดไปเอง
‘ ฟึ่บ ! ’
เงาร่างสีขาวปรากฏขึ้นขวางหน้าเขา ทำเอาวาตกใจก่อนจะพบว่านั่นคือ เพื่อนคนสำคัญของเขาดีว่านั่นเอง เพียงแต่คราวนี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดคลุมสีส้มอีกแล้ว หากแต่เป็นเสื้อคลุมสีขาวซึ่งถ้าวาจำไม่ผิดนั่นหมายความว่าดีว่าได้เลื่อนยศเป็นชั้นสูงสุดของนักเรียนชมรมจ้าวกระบี่แล้ว
“ ตกใจหมดเลย ”
“ ฮ่าๆ ต้องขออภัยด้วยครับคุณวา ” ดีว่ายิ้มขอโทษขอโพย “ พอดีไม่ได้เจอคุณสักพักหนึ่งแล้วเห็นคุณผ่านมาพอดีเลยรีบแวะมาทักทายน่ะครับ ”
“ ไม่เป็นไร เราก็กำลังอยากเจอนายอยู่พอดี ” วายิ้มเขาเองก็รู้สึกดีใจเหมือนกันที่ได้พบดีว่า เพราะหลังจากนั้นอากาศในช่วงเช้าเริ่มหนาวเกินกว่าที่เขาจะออกมาวิ่งได้ แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าดีว่าจะยังคงวิ่งอยู่ไหม
ที่น่าขันคือ วาไม่สามารถสังเกตได้เลยว่าดีว่าโผล่มาจากทิศทางไหน ทั้งๆที่ระหว่างทางเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆมาโดยตลอดเพราะเรื่องของเจ้าเงานั่น
“ ขอโทษนะ แต่ช่วงนี้เหมือนรู้สึกมีคนตามอยู่ตลอด หรือว่าจะเป็นนาย ” วาถามแบบตรงไปตรงมา แอบคิดอยู่ลึกๆว่าดีว่าจะแอบฝึกวิชาประหลาดแล้วมาทดลองใช้สะกดรอยเขาดู
แต่ดีว่าก็หัวเราะออกมา
“ ไม่ใช่ผมหรอกครับ ผมเพิ่งจะพบกับคุณก็วันนี้แหละ เพราะหลังจากนั้นผมก็ฝึกหนักแทบทุกวันกว่าจะเลิกเรียนชมรมได้ก็ดึกแล้วละครับ โชคดีที่วันนี้เลิกฝึกเร็วถึงได้มีโอกาสมาพบกับคุณ ”
วาอดนับถือดีว่าไม่ได้ที่มีฝีมือถึงขนาดนั้นแต่ยังคงหมั่นฝึกฝนต่อโดยไม่คิดจะพัก ว่าแล้วเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้แวะไปที่ชมรมปิงปองมาพักหนึ่งแล้วเพราะซาซาไรก็เริ่มฝึกมายากลให้เขาหนักขึ้นประกอบกับการสอบและซ้อมวงดนตรีทำให้ช่วงนี้เขาวุ่นพอตัว
“ ว่าแต่เรื่องที่คุณบอกว่ามีเงาคอยติดตาม ผมก็นึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้หลังเลิกเรียนผมก็รู้สึกได้ว่ามีเงาคอยติดตามผมอยู่เหมือนกัน ”
“ จริงหรอ แล้วนายรู้ไหมว่ามันเป็นใคร ” วาเบิกตากว้าง
ดีว่าคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบ
“ น่าแปลกเหมือนกันที่ผมเองก็ไม่สามารถหาได้ว่าเงานั่นคือใคร จะว่าผมคิดไปเองก็คงไม่ใช่ เพราะมีอยู่คืนหนึ่งผมเห็นมันเคลื่อนไหวกับตา แต่น่าแปลกตรงที่เงานั่นเคลื่อนที่เร็วมาก แถมถ้าบอกว่าเป็นคนก็คงไม่น่าจะอยู่ในสภาพแบบนั้น ”
“ สภาพแบบไหนหรอ ” วากลืนน้ำลายจู่ๆก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หรือว่านี่จะเกี่ยวกับเทศกาลนรกที่มิวกับเบต้ากล่าวกับเขาไว้
“ เงานั้นสีดำทมิฬวิ่งผ่านพงหญ้าแถวน้ำพุกลางโรงเรียนตอนที่ผมเจอ ซึ่งมันมีความสูงไม่มากคนธรรมดาถ้าบอกว่าก้มตัววิ่งก็ไม่น่าจะรวดเร็วได้ถึงขนาดนั้น แต่ถ้าจะบอกว่าคลานยิ่งแล้วใหญ่ ” ดีว่าทำมือประกอบการเล่า
“ แต่เงาที่เราเจอมักจะอยู่ตามมุมตึกเวลากลางวันมากกว่า ” วาแย้งรู้สึกว่าเงาประหลาดที่เขาและดีว่าพบเจอมีลักษณะไม่ค่อยตรงกันนัก แต่ก็พยายามหาความเชื่อมโยงกันอยู่เพราะเรื่องบังเอิญเช่นนี้ไม่น่าเกิดขึ้นพร้อมกันง่ายๆ
ดีว่าลูบคางสีหน้าเคร่งลง
“ หรือว่านี่จะเป็นคำสาปก่อนคืนวันฮาโลวีน ”
คำพูดของดีว่าทำเอาวาแทบสะดุ้ง หัวใจเต้นขึ้นอย่างสนใจ โรงเรียนนี้มีอะไรมากกว่าที่เขาคิดไว้เสมอจริงๆ
“ ว่ากันว่าคืนวันฮาโลวีนคือวันปล่อยผีถูกไหมครับ ” ดีว่าเล่า วาพยักหน้าตาม “ ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมที่ทุกปีทางโรงเรียนเราจะจัดปาร์ตี้คืนวันฮาโลวีนที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่และตื่นตากว่าทุกที่โดยทางชมรมศาสตร์ลี้ลับเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ”
“ และในทุกๆปีก็จะมีกิจกรรมแข่งขันความกล้าโดยผู้ที่สามารถเดินทางผ่านจากบริเวณป่าหลังโรงเรียนจนกลับมาถึงหน้าหอพักได้จะได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญไปคนละอัน ”
พอได้ยินว่ามีการแข่งขันท้าความกล้าภาพมิวและเบต้าที่หน้ามุ่ยก็ปรากฏขึ้นมาทำให้วาพอคาดการณ์ถึงความโหดของกิจกรรมนี้ได้สองสามส่วน
“ แต่ว่าในทุกๆปีจะต้องมีนักเรียนหรือใครสักคนเห็นเงาสีดำลึกลับปรากฏขึ้น ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของคนสมัยก่อนที่ตายไปตั้งแต่ก่อนที่โรงเรียนจะก่อตั้งวนเวียนมาหลอกหลอนนักเรียนในคืนวันงานเพราะคงก่อเสียงอึกทึกทำให้ดวงวิญญาณไม่ได้หลับอย่างสงบ เพียงแต่มันก็แค่ความเชื่อนะครับเพราะก่อนหน้านั้นผมก็ยังไม่เคยเจอเลย ”
ดีว่าก้มหน้าครุ่นคิด
“ แต่ว่าที่หน้าแปลกก็คือ ยังไม่เคยมีใครเห็นเงาสีดำนั่นก่อนคืนวันฮาโลวีนเลยสักครั้งเดียว และเท่าที่สังเกตดูคงจะมีแค่ผมกับคุณเท่านั้นที่เห็นเงาสีดำนั่นปรากฏขึ้นพร้อมกัน ยังไงช่วงนี้ก็คงต้องระวังตัวหน่อยนะครับ ”
ดีว่าเงยหน้ายิ้มให้วาอย่างเรียบง่ายราวกับเรื่องการปรากฏตัวของเงาสีดำนั่นเป็นเรื่องปกติ
หลังฟังเรื่องจบวารู้สึกว่าหอพักที่อยู่ใกล้ๆเพียงแค่ไม่กี่ก้าวดูห่างไกลชอบกล ท้องฟ้าขณะนี้มืดลงหมดแล้ว ภาพหลอนว่าเงาสีดำนั้นอาจจะติดตามเขาอยู่เริ่มเกิดขึ้นในหัว แต่การได้ยืนกับดีว่าทำให้เขาอุ่นใจได้พอสมควร
“ ทำใจให้สบายๆครับ บางทีอาจเป็นแค่สิ่งที่เราคิดไปเองก็ได้ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วด้วยจะคิดมากไปก็คงไม่ดีแน่ ” ดีว่ากล่าวเมื่อเห็นวาดูเกร็งๆ
“ อ๋อว่าแต่เรื่องซ้อมวงดนตรีเป็นยังไงบ้างครับ รู้สึกว่าปีนี้เขาจะจัดให้แข่งรอบชิงชนะเลิศตอนบ่ายก่อนจัดงานคืนวันฮาโลวีนนี่ครับ ”
วากลืนน้ำลายเฮือก แข่งตอนบ่ายคืนวันฮาโลวีนอย่างนั้นหรอ นี่ถ้ามิวกับเบต้ารู้เขาจะเล่นกันออกไหมหนอ
“ ตอนนี้ทุกคนก็ตั้งใจซ้อมกันทุกวันนะ ยังไงนายก็อย่าลืมมาให้กำลังใจพวกเราด้วยละ ”
“ ไม่พลาดอยู่แล้วละครับ ” ดีว่ามองฟ้า “ ผมคงต้องขอตัวเข้าไปพักผ่อนก่อนนะครับ รู้สึกดีจริงๆที่ได้คุยกับคุณอีก ”
“ อืม เช่นกัน ”
หลังจากดีว่าก้าวเข้าหอไป วาก็รวบรวมความกล้าหันซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหาร่องรอยของเงาสีดำลึกลับนั่นว่ายังติดตามเขาอยู่ไหม ก่อนที่หัวใจของเขาจะหยุดเต้นก็พบว่าไม่มีอะไรทั้งนั้นมีเพียงแค่สายลมของลมหนาวที่พัดเข้ามาปะทะร่าวของเขาให้สั่นสะท้านไล่ให้เขารีบก้าวเข้าหอไปเท่านั้น
วันรุ่งขึ้นมิวและเบต้าต่างอ้าปากตะโกนลั่นด้วยความสยดสยองที่ได้เห็นประกาศอย่างเป็นทางการของชมรมศาสตร์ลี้ลับในห้องอาหาร
‘ ปีนี้ชมรมศาสตร์ลี้ลับจะจัดกิจกรรมพิสูจน์ความกล้าคืนวันฮาโวลีนอย่างอลังการและรับประกันความน่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยจัดมา โดยได้รับความร่วมมือจากชมรมการแสดง รวมถึงชมรมต่างๆอีกคับคั่งตามรายชื่อด้านล่างและคณะกรรมการนักเรียน ซึ่งในตอนบ่ายทุกท่านจะได้ร่วมสนุกไปกับเสียงเพลงในรอบตัดสินการประกวดวงดนตรีประจำโรงเรียนของเหล่าวงดนตรีสุดเลิศทั้งยี่สิบวงที่ผ่านเข้ารอบก่อนที่บทเพลงแห่งความตายจะเริ่มบรรเลงหลังตะวันตกดิน !!! ’
‘ คำเตือน : สำหรับคนที่ใจไม่กล้าพอหรือเป็นโรคหัวใจแนะนำว่าอย่าย่างเท้าออกจากหอพักเป็นอันขาด เพราะเราไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ ! ’
ตั้งแต่วาอยู่มาเขาไม่เคยเห็นมิวคร่ำครวญถึงขนาดนี้มาก่อน ยิ่งเบต้าที่คล้ายหุ่นยนต์กลับแสดงสีหน้าหวาดกลัวราวกับเป็นคนขึ้นมาจริงๆก็ครั้งนี้
“ โฮะๆๆๆ พวกนายนี่ช่างน่าสมเพชเสียจริง ” วีวี่ชี้นิ้วเยาะเย้ย
“ หึ เธอเองก็ไม่ต้องทำเป็นพูดดีเลย ปีที่แล้วใครกันที่กลัวจนต้องมาหลบอยู่หลังเราน่ะ ” มิวกำหมัด
“ หนอย แล้วมีผู้ชายหน้าไหนให้ผู้หญิงเดินเข้าบ้านผีสิงเป็นคนแรกกันหา ”
วีวี่เอานิ้วชี้กดใส่จมูกของมิว
“ เขาเรียกให้เกียรติผู้หญิงต่างหากละ ” มิวปัดนิ้ว
“ ให้เกียรติกันแบบนี้เราไม่เอาด้วยหรอก ”
วีวี่ยิ้มมุมปากหรี่ตา
“ ความจริงถ้านายบอกว่า ผมกลัวครับคุณวีวี่ช่วยนำหน้าผมหน่อย เราก็คงจะไม่ว่าอะไรหรอกนะ โฮะๆๆๆ ”
“ ให้มันน้อยๆหน่อย ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างเราไม่มีทางขอร้องยัยขวัญอ่อนแบบเธอหหรอก ”
“ หนอย แน่จริงมาพิสูจน์ความกล้ากันเลยดีกว่า ”
“ โอเค ตกลง ” มิวประกาศลั่น นักเรียนหลายคนหันมามองเป็นสายตาเดียวและก่อนที่เจ้าตัวจะรู้ตัวว่าได้ทำพลาดมหันต์ไปเสียงหัวเราะแหลมแบบสะใจของวีวี่ก็ดังขึ้น
“ แล้วเราจะรอหอบนายไปที่ห้องพยาบาลตอนลมจับก็แล้วกันนะ ”
วีวี่ทำท่าจะเดินจากไป แต่มิวร้องเรียกไว้ก่อน
“ อย่าลืมมาดูเราประกวดวงด้วยละ ” มิวทำหน้าจิงจัง
“ เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว ” วีวี่ขยิบตาก่อนโบกมือจากไป “ เราไปเข้าชมรมก่อนนะ ”
“ นะ นายต้องบ้าไปแล้ว ” เบต้าครวญออกมา
“ ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้จำไว้ โดยเฉพาะกับยัยนั่นจะยอมให้เหิมเกริมไม่ได้เด็ดขาด ” มิวกอดอกประกาศกร้าวทำใจดีสู้เสือ
‘ เทศกาลวันฮาโ,วีนมันน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ มันก็แค่เทศกาลที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นมาเพื่อให้นักเรียนร่วมสนุกเท่านั้นนี่ แล้วทำไมต้องจริงจังอะไรกันถึงขนาดนี้ด้วย ’ วาชักเริ่มสงสัย แต่ที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้เห็นจะเป็นเรื่องของการประกวดวงเสียมากกว่า ส่วนเรื่องรองลงมาก็คือเจ้าเงาปริศนาที่เขายังรู้สึกว่ามันยังคงวนเวียนอยู่รอบๆตัวเขา
ชั่วโมงชมรมในวันนั้นซาซาไรได้สอนเคล็ดลับมายากลให้วาเพิ่มเติมมากขึ้น หลังจากที่เสียเวลาฝึกซ้อมช่วงที่ไปแข่งระหว่างสถาบันเป็นอาทิตย์ ซึ่งวารู้สึกว่างานนี้เขาต้องฝึกเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว นับๆดูแล้วสิ่งที่เขาต้องจัดการให้เสร็จภายในช่วงนี้มีมากมายจนเขาแทบอยากจะแยกร่างได้จริงๆ
‘ แยกร่างอย่างงั้นหรอ ’วาปิ๊งไอเดีย
“ มาสเตอร์ครับ เคยมีกลแยกร่างไหมครับ ”
ซาซาไรตาเป็นประกายลูบคางคิด
“ นั่นสินะ น่าสนใจมาก ทำไมผมไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนเลยนะ ไม่สิอันที่จริงก็เคยคิดไว้แล้วนะครับ ” กล่าวพลางมองไปรอบห้องการแสดงราวกับกำลังหาอุปกรณ์ที่จะใช้ในการเล่นกลนี้ สายตาหยุดลงที่กระจกเงาบานใหญ่พร้อมดีดนิ้ว
ทันใดนั้นกระจกเงาบานนั้นก็ขยับเข้ามาหาซาซาไรราวกับมีชีวิต ซาซาไรมองเงาของตัวเองในกระจกที่ส่องร่างของเขาราวกับมีอีกคนหนึ่งอยู่ในนั้น
วาเอียงคอด้วยความสงสัย เห็นซาซาไรขยับตัวไปมาอยู่หน้ากระจกด้วยความตื่นเต้นก่อนจะเอ่ยปากขึ้น
“ ขอบคุณมากที่ทำให้ผมคิดการแสดงชุดพิเศษที่จะฉลองในสิ้นปีนี้ได้ และผมขอตั้งชื่อกลนี้ว่า ‘มิลเลอร์ฟอส’ ส่วนเทคนิคการแสดงผมคงต้องขอเวลาไปคิดดูก่อน เอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกันนะครับ ”
ซาซาไรตัดบทเอาเสียดื้อๆ แต่วารู้สึกได้เลยว่างานหนักกำลังจะโถมเข้ามาหาเขาอีกในเร็วๆนี้แน่เพราะไอเดียที่เขาเพิ่งเสนอไปนั่นเอง
วันต่อวันผ่านไปรวดเร็วเกินกว่าที่วาจะตามทัน มารู้สึกตัวอีกทีเย็นนี้ก็เป็นวันก่อนที่การประกวดวงและค่ำคืนสยองขวัญจะเริ่มต้นขึ้น โดยทางคณะกรรมการนักเรียนประกาศให้นักเรียนทุกคนกลับเข้าหอและห้ามออกมาอีกหลังจากเวลาหนึ่งทุ่ม เนื่องจากต้องจัดการเตรียมการและสถานที่ทั้งโรงเรียน หากนักเรียนคนใดฝ่าฝืนจะถูกลงโทษโดยการจับไปอยู่ที่สวนหลังโรงเรียนคนเดียวเป็นเวลาสองชั่วโมงซึ่งไม่มีใครต้องการเป็นแน่ ดังนั้นทุกคนจึงไม่มีเวลาในการซ้อมวงกันครั้งสุดท้ายมากนัก
เย็นวันนั้นขณะกำลังซ้อมกันอยู่ วารู้สึกว่าเสียงของเขาเริ่มหายไปทีละนิด โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ต้องใช้พลังเสียงมากจนเสียงของเขาขาดหายไปช่วงหนึ่ง และเขาคิดว่าหากเป็นเช่นนี้ตอนแข่งจริงคงจะไม่ดีแน่ แต่ไม่รู้ว่าควรจะแก้ยังไงดี
เสียงโซโล่กีต้าร์ของมิวจบลงพร้อมกับกลองส่งท้ายโดยเบต้า จากนั้นการซ้อมก็ต้องยุติลงเมื่อได้ยินเสียงประกาศเตือนครั้งสุดท้ายจากทางคณะกรรมการนักเรียนให้ทุกคนเริ่มกลับเข้าที่พัก
“ เอาละ วันนี้คงต้องพอแค่นี้ก่อนแล้ว ” มิวยิ้มแต่ดูยังไม่พอใจมากนัก
“ ตื่นเต้นเหมือนกันนะ แหะๆ ” โซเฟียเกาคาง ดูเหมือนว่าเธอจะต้องไปช่วยจัดกิจกรรมและคุมสถานที่ต่ออีก หน้าที่ของเธอถ้าเทียบกับว่าวาแล้วยังดูหนักกว่าหลายเท่านัก
“ ไม่เป็นไรหรอก เธอคุมกีต้าร์ได้ดีแล้ว ส่วนนีโอนายต้องใส่อารมณ์เรื่องของซาวน์คีย์บอร์ดให้มากกว่านี้ ส่วนเบต้ากลองคุมจังหวะได้ดีแล้ว แต่ยังต้องเร้าใจกกว่านี้นะตอนเล่นจริง ”
มิววิจารณ์ทุกคนจากนั้นหันมากล่าวกับวา
“ ส่วนนายเก็บเสียงไว้พรุ่งนี้ดีๆละ ทางดีที่คืนนี้รีบนอนไม่ก็หาน้ำผึ้งมะนาวดื่มซะ คงจะช่วยได้มาก นอกนั้นก็ปล่อยให้เป็นตัวเองก็พอ ”
และคนสุดท้ายก็คือ เสือใบ้นิคซึ่งมิวยืนมองหน้าอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าวสั้นๆว่า
“ เราไปซ้อมต่อกันที่ห้องละกัน ”
คืนนั้นวารู้สึกว่าความคิดหลายอย่างแล่นเข้ามาในหัว ไฟในห้องถูกปิดลงแล้ว แต่จิตใจของเขายังคงสับสนวุ่นวายอาจเป็นเพราะจู่ๆเขาก็เกิดรู้สึกไม่มั่นใจในการประกวดวันพรุ่งนี้ขึ้นมา วาปล่อยจิตคิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆจนพลอยหลับไปเมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่ก็ต้องถูกปลุกให้สะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงโหยหวนของคนร้องขึ้น จากนั้นเสียงประหลาดดังแกร๊กๆดังขึ้นบริเวณด้านล่างของหอพัก
วาขนลุกซู่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เสียงหมาหอนจะทำให้เขาตัดสินใจคลุมโปงและหลับตาปี๋ภาวนาให้ตัวเองหลับต่อโดยไว
เช้าวันรุ่งขึ้นมาถึงโดยที่วายังไม่ทันตั้งตัว เขารู้สึกอ่อนเพลียอยู่เล็กน้อยเนื่องจากการขัดจังหวะของเสียงประหลาดเมื่อคืน นีโอเป็นคนแรกที่เห็นอาการง่วงนอนของเขา
“ ฮ่าๆ อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนนายตกใจเสียงพวกนั้น ” นีโอกล่าวสีหน้าเรียบ
“ นายก็ได้ยินเหมือนกันหรอ ”
“ ได้ยินสิ ก็นั่นเป็นเสียงทดสอบการจัดสถานที่ของพวกทีมงานนี่ เขาประกาศไว้บนบอร์ดว่าอาจมีเสียงรบกวน ดังนั้นขอให้ทุกคนอย่าใส่ใจน่ะ ”
วากุมหน้านี่เขาหลงกลัวเสียงพวกนั้นไปได้ยังไงกันนะ
แต่พอถึงห้องเรียนก็พบว่าคนที่ตกเป็นเหยื่อเสียงหลอกพวกนั้นไม่ได้มีแค่เขา เบต้ากับมิวดูอดนอนไม่ต่างกับเขา ไม่สิสำหรับเบต้าแล้วดูจะเป็นมากกว่าเขาเสียอีก ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน
“ ชั้นละเกลียดคืนก่อนวันฮาโลวีนจริงๆ ” เบต้าพึมพำก่อนที่ชั่วโมงแรกอาจารย์พิชายะจะเริ่มขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะได้งีบเอาแรงราวกับเป็นชั่วโมงพิเศษที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้เด็กอดหลับอดนอนโดยแท้
“ นายไหวแน่นะ ” มิวที่สภาพไม่ค่อยจะต่างกันนักถามเบต้าหน้าตาเฉยจนเสือใบ้นิคส่ายหน้า
“ เห อย่าบอกนะว่านายกลัวเสียงพวกนั้นด้วยน่ะ ” วีวี่หรี่ตา
“ อะไรที่เราดูเพลียๆเพราะว่าเมื่อคืนซ้อมดนตรีกันดึกต่างหากละ ” มิวแย้ง “ ใช่ไหมนิค ”
เสือใบ้นิคยิ้มแบบเจือนๆ
“ ไม่ว่ายังไงก็ตามวันนี้ขอให้ทุกคนเต็มที่ก็แล้วกัน ” มิวหักเหประเด็น “ และขอให้ใช้ชั่วโมงของอาจารย์พิชายะอย่างคุ้มค่า ราตรีสวัสดิ์ ”
มิวโบกมือลาวิ่งไปยังโต๊ะเรียนโดยไวพอๆกับเบต้า
“ เฮ้อ ไม่ไหวเลยพวกนี้ ” โซเฟียถอนหายใจอ้าปากหาวเป็นครั้งแรกที่วาเห็นเธอมีอาหารง่วงนอน
“ เมื่อคืนดึกหรอไง ” วาแซว
“ ก็นิดหน่อยนะ แค่ตีสาม ” โซเฟียตอบเหมือนซอมบี้ จนวาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงการประกวดวงในวันนี้ขึ้นมาแล้วว่าทุกคนจะไหวกันไหม
เขาลังเลอยู่พักหนึ่งระหว่างการตั้งใจเรียนคาบอาจารย์พิชายะหรือใช้พรจากพระเจ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด และในที่สุดอาจารย์พิชายะก็ช่วยให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเมื่อการสอนดำเนินไปถึงจุดหนึ่งวาก็เผลอหลับไปในท่าเท้าคางก่อนจะถูกโซเฟียกระทุ้งศอกปลุกตอนท้ายคาบ
“ รีบจดแนวข้อสอบเร็วเข้า ”
เสียงกริ่งพักเที่ยงดังขึ้นพร้อมกับเหล่านักเรียนก็ดูคึกคักกันผิดปกติ คงเพราะวันนี้มีงานประกวดวงดนตรีรอบตัดสินและงานคืนวันฮาโลวีนรออยู่ โดยหลังจากนั้นจะเป็นวันหยุดเพื่อเตรียมอ่านหนังสือสอบ
“สดชื่นจริงๆ ” มิวและเบต้ากลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง หลังจากได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มในชั่วโมงอาจารย์พิชายะ
ทันใดมิวก็ต้องหยุดความสดชื่นของเขาลง เมื่อเจ้ามือกีต้าร์จอมพาลจากวงใหม่ของเซตเดินผ่านมาพอดี ในชุดหนังสีดำพร้อมกับกีต้าร์ไฟฟ้าที่สะพายอยู่กลางหลัง
เจ้ามือกีต้าร์ฉีกยิ้ม
“ หวังว่าคงจะไม่ล่มไปก่อนนะ ”
มิวทำเป็นไม่สนใจผิวปากเดินผ่านไป ทำเอาเจ้ามือกีต้าร์ฉุนกึกแต่ไม่ทราบจะทำอย่างไรจนกระทั่งเหลือบไปเห็นวีวี่ที่เดินมาด้วย
“ คุณวีวี่ ” เจ้ามือกีต้าร์ทักวีวี่ ทำให้มิวต้องหยุดกึกหันหลังกลับมา
“ อ้าว มีอะไรหรอ ”
“ วันนี้อย่าลืมไปดูวงกรูมี่ซันเดย์ของผมด้วยนะครับ ” ซิกซ์หรือเจ้ามือกีต้าร์จอมเก๊กยิ้มโปรยเสน่ห์ให้วีวี่
“ ได้ค่ะ ” วีวี่ยิ้มกลับแบบออกนอกหน้านอกตา
ขณะนั้นเองเด็กหนุ่มในแว่นตากรอบดำทรงใหญ่ซึ่งก็คือ มือเบสในตำนานสมาชิกวงเก่าของมิวก็ตะโกนเรียกซิกซ์
“ เฮ้ เห็นเซตบ้างไหม ”
สีหน้าของซิกซ์ขรึมขึ้นหันไปบอกลาวีวี่
“ ผมขอตัวก่อนนะครับ ”
พร้อมโบกมือแบบเท่ๆให้วีวี่ ทิ้งให้มิวยืนค้างด้วยความหงุดหงิดลึกๆ
“ แค่มีคนมาพูดดีด้วยหน่อยทำเป็นดี้ด๊า ” มิวบ่นอุบอิบ
วีวี่หันขวับมามองด้วยสายตาอำมหิตราวกับได้ยินก่อนจะเดินเข้ามาหามิวอย่างรวดเร็ว ทำเอาเจ้าตัวผวา
“ ตั้งใจเล่นให้เต็มที่ด้วยละ แล้วเราจะรอดู ” วีวี่ยิ้มหวานทำเอามิวผิดคาด แต่ก็ปั้นหน้าตอบไปด้วยเสียงหล่อ
“ ของมันแน่อยู่แล้ว ”
พักเที่ยงวันนั้นวาสังเกตว่ามิวดูอารมณ์ดีผิดปกติชอบกล แต่ที่น่าแปลกใจคือจนบัดนี้เขายังคงไม่เห็นวี่แววของเซตเลย ซึ่งดูผิดวิสัยของเจ้าตัวมาก หรือว่าจะแอบซ่อนตัวเพื่อปล่อยไม้เด็ดทีเดียวกันแน่ แต่ที่แน่ๆก็คือ เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
โซเฟียดูเหมือนจะรู้ทันซื้อน้ำผึ้งผสมมะนาวให้วาดื่มแทนชาเขียวที่เขาชอบดื่มเป็นประจำ ก่อนที่พักเที่ยงของเขาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว และการประกวดวงดนตรีที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า
นักเรียนหลายคนต่างพากันมายืนออกันอยู่บริเวณหน้าเวทีการประกวดที่จัดใหญ่กว่าครั้งก่อน เนื่องจากครั้งนี้มีเพียงแค่ยี่สิบวงเท่านั้น และในวันนี้ไม่มีชั่วโมงชมรมเพราะทางโรงเรียนถือเป็นวันพิเศษ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าจำนวนนักเรียนที่ว่างจนไม่มีอะไรจะทำจะพากันมาอยู่ที่ไหน
มิวพาวาและพรรคพวกไปลงทะเบียนที่ด้านหลังเวที จากนั้นผลการจับฉลากลำดับการเล่นก็ออกมา โดยวงเก็นโซจะได้เล่นเป็นวงที่สิบห้าก่อนวงกรูมี่ซันเดย์ของเซต ส่วนวงแบล๊คพิกของพิชากิได้เล่นเป็นวงที่สาม เมื่อทุกอย่างลงตัวทั้งหมดก็กลับมายังหน้าเวที
ไม่นานนักการประกวดวงดนตรีที่แสนเร้าใจก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเด็กชายพิธีกรขาประจำขึ้นกล่าวเปิดงานอย่างอลังการตามด้วยวงดนตรีร๊อคหนักแน่นไฟนอลไทม์ขึ้นเล่นเป็นวงแรก
เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังทั่วบริเวณรอบเวที ก่อนที่การบรรเลงอย่างเร้าใจจะเริ่มต้นขึ้น
‘ สมกับเป็นวงรอบชิงชนะเลิศจริงๆ ’ วาอดหวั่นไม่ได้ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเคยเห็นฝีมือการเล่นกีต้าร์ของมิวไปก่อน เขาคงจะต้องถอดใจแล้วแน่ๆ
ที่ข้างเวทีวาเห็นพิชากิที่รอเตรียมขึ้นเป็นวงที่สามใช้ไม้กลองทำท่าตีอากาศตามจังหวะของมือกลองวงไฟนอลไทม์อยู่อย่างคล่องแคล่ว บางครั้งถึงกับตีเร็วเกินจังหวะที่วาคิดว่าเร็วจนน่าตกใจ
“ เอาละครับจนกันไปแล้วกับสองวงแรกที่มีฝีไม้ลายมือเรียกได้ว่าสุดยอดจริงๆครับ ลำดับต่อไปเพื่อไม่ให้เสียอารมณ์เราไปพบกับวงร๊อคในตำนานที่มีแฟนๆรอคอยอย่างล้นหลาม ขอเชิญพบกับวงแบล๊คพิกครับ ! ”
‘ Black Pig Black Pig Black Pig !!! ’
เสียงสาวกชาวร๊อคตะโกนอย่างกระหายเมื่อถึงคราวของวงพิชากิขึ้นเล่น
“ สมเป็นพิชากิจริงๆ ” มิวผงกหัวยอมรับความเป็นตำนานของพิชากิ หวนนึกถึงสมัยที่ได้ร่วมวงกันอยู่พิชากิก็เป็นหนึ่งในคนที่เขายอมรับนับถือในฝีมือการตีกลองที่หาตัวจับได้ยากจริงๆ
จ๋อย ซักก้าเดินออกมาก่อน จากนั้นพิชากิในเสื้อเชิ้ตสีดำติดปลอกเหล็กที่ข้อมือพร้อมแว่นดำตาที่ดูดุดันก็ก้าวออกมาฉีกยิ้มมุมปากราวกับปีศาจดนตรีที่พร้อมจะระบายความเก็บกดและอัดแน่นในตัวลงกับการเล่นในครั้งนี้จนหมดสิ้นเรียกเสียงเชียร์จากเหล่าสาวกดังกึกก้องไปทั่ว
ยังไม่ทันจะนั่งลงพิชากิก็ยืนตีกลองชุดอย่างบ้าคลั่งต่อเนื่องโดยที่จ๋อยและซักก้ายังไม่ทันจะเซตเครื่องเสียงของตัวเองเสร็จเป็นการอินโทรความมันจนทุกสายตาต้องมองไปยังพิชากิ
กลองชุดรั่วไปมา เสียงฉาบพร้อมกระเดื่องที่ดังสลับกันไปมาอย่างรวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการยืนตีดังต่อเนื่องก่อนจะหยุดลงด้วยเสียงดังสนั่นของฉาบที่ถูกไม้กลองในมือทั้งสองของพิชากิฟาดลง
“ เยส ! ”
พิชากิอ้าปากตะโกนด้วยความมันในอารมณ์โดยไม่ทราบว่าจะสังเกตเห็นซักก้าที่ป้องปากบอกว่า “ พร้อมแล้วนะนาย ” หรือเปล่า แต่พิชากิก็ทิ้งก้นลงบนเก้ากี้กลองและเคาะไม้ในทันที
เสียงกระเดื่องดังเป็นจังหวะเป็นการเตือนให้ทุกคนทราบว่าแบล๊คพิกกำลังจะเริ่มบรรเลงแล้ว
เสียงเบสสอดแทรกเข้ามา จากนั้นกีต้าร์ไฟฟ้าในซาวด์ร๊อคก็ดังขึ้น
“ เลือกเพลงได้โหดสมเป็นนายจริงๆ ” มิวกล่าวลอยๆ ซึ่งตอนนั้นวาเองก็แทบไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว เพราะซาวด์ที่หนักแน่นประกอบกับการตีกลองที่เร้าใจและดุเดือดของพิชากิปลุกเลือดลมในกายของทุกคนให้พลุ่งพล่าน จนวาลืมสองวงแรกไปเสียสนิท หรือถ้าให้พูดตรงๆก็คือ เทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว
เพลงที่พิชากิเล่นนั้นวายอมรับว่าไม่รู้จักมาก่อน อาจเป็นเพราะนั่นเป็นเพลงไสตล์ร๊อคเมทัลซึ่งเขาไม่ค่อยจะชอบฟังเท่าไหร่ แต่ด้วยการตีกลองที่แสนมหัศจรรย์ของพิชากิทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เพลงนี้ช่างมันจริงๆ
ความจริงเพลงที่พิชากิเล่นนั้นเป็นเพลงร๊อคระดับตำนานที่มีความเด่นคือ เสียงกลองที่หนักแน่นและท่อนโซโลที่ดุดัน ซึ่งต้องอาศัยฝีมือของผู้ตีในระดับสูงทั้งการคุมจังหวะและเทคนิคการตีที่หากไม่ชำนาญจริงจะไม่สามารถเล่นจนจบเพลงได้
ซักก้าตะโกนแหกปากพร้อมเล่นกีต้าร์แม้เสียงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เพราะเมื่อเพลงเข้าถึงท่อนฮุคพิชากิก็วาดลวดลายโชว์การโซโล่กลองที่ทำให้ทุกคนต้องจดจำไปอีกหลายสิบปี
ไม้กลองในมือพิชากิควงไปมาขณะที่ผลัดกันตีลงพร้อมด้วยเสียงกระเดื่องคู่ที่เหยียบสลับกันอย่างรวดเร็วจนคนดูหายใจตามแทบไม่ทัน การตีที่ไม่มีผิดเพี้ยนในความเร็วระดับนี้ประกอบกับสีหน้าเข้มงวดของหน้าพิชากิเรียกเสียงกรี้ดกร้าดจากสาวๆ และสาวกขาร๊อคดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจบลงด้วยการโยนไม้กลองข้างหนึ่งขึ้น
ไม้กลองหมุนควงกลางอากาศเป็นเวลาครู่หนึ่ง ก่อนที่มืออันทรงพลังจะคว้าจับมันไว้ และตีใส่ฉาบปิดท้ายการโซโล่อันดุเดือด พร้อมเสียงปรบมือเกรียวกราว
ก่อนที่เพลงจะจบลงพิชากิเร่งจังหวะการตีเร็วขึ้นเรื่อยๆ บีทดนตรีและเสียงคุณภาพส่งท้ายการปิดเพลงลงอย่างอลังการ
นักเรียนหลายคนผิวปากอย่างกระหายให้พิชากิ
“ เอาอีก เอาอีก เอาอีก ”
พิชากิลุกขึ้นคำรามกระตุกเสื้อเชิ้ตที่อาจจำผิดว่าเป็นเสื้อยืดออก กระดุมเม็ดเล็กๆกระเด็นว่อนออกเผยให้เห็นแผ่นอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อพร้อมเขวี้ยงไม้กลองลงไปยังเบื้องล่าง
วาเห็นเหล่าสาวกพากันวิ่งกรูกันเพื่อไปรับไม้กลองจากเทพเจ้าหมูดำ ต่างคนต่างแย่งไม้กลองกันอย่างน่ากลัวราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ควรเก็บไว้ระลึกบูชา
ไม้กลองที่เทพเจ้าหมูดำเคยใช้ตีในการประกวดวงระดับตำนาน !
โชคยังดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ ในที่สุดไม้กลองในตำนานก็ได้เจ้าของใหม่ซึ่งคือ เด็กหนุ่มผอมแห้งที่ไม่ทราบว่าไปแย่งชิงจากพวกเหล่าสาวกบ้าพลังพวกนั้นมาได้อย่างไร เหล่าสาวกที่อดได้ไม้กลองมีท่าทีผิดหวัง บางคนถึงกับจ้องจับตาเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นพิเศษราวกับจะหาจังหวะแย่งชิงมาให้ได้ทีหลัง แต่ความโกลาหลก็ต้องยุติลงเมื่อพิชากิคำรามผ่านไมค์สั้นๆว่า
“ Thank you ! and I will be BACK …..!!! ”
หลังจากนั้นเป็นคำหยาบที่เหล่าหนูๆไม่ควรได้ยิน
หลังจากวงแบล๊คพิกก้าวลงเวทีไปทิ้งให้วงหลังๆต้องหนาวไปตามๆกัน เด็กชายนักประกาศก็เรียกให้วงถัดไปขึ้นมาแสดง ซึ่งนับว่าเป็นการดึงอารมณ์คนดูแบบสุดๆเพราะวงถัดไปที่เล่นคือ วงสตอเบอรี่ชีสเค้ก ที่เน้นการเล่นดนตรีแบบสบายๆโดยนักเรียนสาวทั้งห้า หนึ่งในนั้นที่เป็นขวัญใจเหล่านักเรียนหนุ่มเป็นพิเศษคือ หญิงสาวที่เล่นไวโอลีน ซึ่งในความเห็นของเหล่าสาวกหมูดำเรียกได้ว่า เป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนตัววาเองคิดว่าช่างเป็นวงที่ขึ้นมาเล่นต่อได้ผิดจังหวะสุดๆ แต่เมื่อเสียงเพลงเริ่มขึ้นบรรยากาศความบ้าคลั่งที่พิชากิสร้างไว้เมื่อครู่ก็ค่อยๆละลายหายไป ด้วยเสียงไวโอลีนที่ดูสดใสแฝงความเหงาปนไว้นิดๆ
นักเรียนหนุ่มหลายคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายต่างปรบมือและส่งเสียงเชียร์เล่นเอาบรรดาสาวกหมูดำปวดหัวไปตามๆกัน
วาต้องยอมรับว่าแต่ละคนที่ถูกคัดขึ้นมาในการแข่งรอบชิงนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เพลงที่วงสตอเบอรรี่ซีสเค้กเล่นอยู่นี้ทำให้บรรยกาศรอบๆเปลี่ยนเป็นสดใสคล้ายกับฤดูแห่งความรักกำลังมาถึงแล้วจริงๆ
“ พวกเราไปเตรียมตัวกันเถอะ ใครอยากจะเข้าห้องน้ำก่อนไหม ” มิวถามด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ดูผ่อนคลายเมื่อวงที่สิบสามกำลังเริ่มบรรเลง
นี่จะถึงเวลาที่เราต้องขึ้นไปแล้วอย่างนั้นหรือวาคิด เขารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนักเมื่อเห็นนักร้องหลายๆคนแสดงพลังเสียงได้ดีจนน่าตกใจ
“ ขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยก็ดี ” เบต้ารีบวิ่งไป ส่วนพวกวาต่างพากันขึ้นไปแสตนด์บายที่ด้านหลังเวที
ระหว่างทางที่เบต้ากำลังวิ่งกลับมานั้นเขาเผลอชนเข้ากับเด็กชายผมตั้งซึ่งก็คือ ซิกส์มือกีต้าร์ไฟฟ้าจอมอวดดีที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนเวทีเช่นกัน
“ เฮ้ ระวังหน่อยสิพวก ” ซิกส์ดูหัวเสียเนื่องจากเบต้าวิ่งชนเข้ากับกีต้าร์ไฟฟ้าที่สะพายอยู่กลางหลังเขา
“ อ่า ขอโทษนะ ”
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ซิกส์รู้สึกพอใจ เขายื่นขาออกไปด้านข้างขณะที่เบต้ากำลังวิ่งผ่านร่างของเขาไปและ
โครม !
ร่างของเบต้าล้มลงกับพื้น มีนักเรียนไม่กี่คนที่มองเห็นเหตุการณ์นี้เพราะต่างกำลังจดจ่ออยู่กับการแสดงดนตรีที่เบื้องหน้า
“ สมน้ำหน้ารีบดีนัก ถ้ากีต้าร์ชั้นเป็นอะไรไปขึ้นมาแกจะรับผิดชอบยังไง ” ซิกส์ก้าวต่อไปโดยไม่สนเบต้าที่ร้องโอดครวญมากกว่าแค่การล้ม
โชคยังดีที่หัวของเบต้าไม่ได้ฟาดพื้น ทำให้เขายันตัวลุกขึ้นได้ในไม่ช้า แต่ทว่าเขากลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติไป อาการเสียวแปลบแล่นเข้าสมองของเขาเมื่อพยายามยืนด้วยขาขวา
เหงื่อเม็ดเล็กๆปรากฏขึ้นที่ข้างแก้มของเบต้า นี่มันเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแท้ๆ
‘ อย่าบอกนะว่า….. ’
_________________________________________
ความคิดเห็น