ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AU Fic Reborn : The New Destiny of Vongola (รักครั้งใหม่ฯ ฉบับย้ายบ้าน)

    ลำดับตอนที่ #10 : วันนั้น(ตอนเสริม เนื้อเรื่องหลัก)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 181
      5
      24 ต.ค. 61

                      หากย้อนกลับไปสักสามวันก่อนที่สึนะและคนอื่นๆจะถูกส่งมา ปราสาทวองโกเล่ก็เคยรับแขกแปลกหน้ามาก่อนครั้งหนึ่ง เขาเป็นผู้ชายที่มาพร้อมกับผ้าคลุมสีทมิฬและคำทำนายแสนประหลาด เหตุมันเกิดขึ้นในวันนั้น วันที่ดูสงบสุขและร่มรื่น

             “วันนี้เงียบดีจะเลยนะ”ผู้เป็นบอสพูดด้วยความสบายใจ เพราะถ้าวันนั้นเป็นวันที่สงบสุข เขาจะรู้สึกผ่อนคลาย จนกระทั่งมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากประตูทางเข้า หลังจากที่พรีโม่เพิ่งพูดจบประโยคไม่นานเท่านั้น

             “นายเป็นใคร! มาทำอะไรที่นี่?!”

             “ผมก็อธิบายไปแล้วไงครับว่าเป็นคนไร้บ้านธรรมดา ผมอยากพบกับเจ้าของที่นี่ครับ!”ชายคนนั้นพูดกับคนเฝ้ายามด้วยความสุภาพ “ได้โปรดเถอะครับ!”

             “ไม่ได้ๆ! ยังไงก็ไม่มีทางให้คนที่ท่าทางประหลาดแบบนี้เข้ามาหรอก!”คนเฝ้ายามปฏิเสธเสียงแข็ง “กลับไปซะ!

              “มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?”พรีโม่จึงเดินมาดูด้วยตาตัวเอง “แล้วคนๆนี้ใครกัน?”

             “คนไร้บ้านครับบอส”คนเฝ้ายามตอบคำถามนั้น “แต่ท่าทางดูอันตรายยังไงก็ไม่รู้ครับบอส”

                      พรีโม่ทำหน้าตาฉงนเล็กน้อยก่อนจะหันไปดูชายไร้บ้านที่คนเฝ้ายามกล่าวถึง ใบหน้าของชายคนนั้นถูกผ้าคลุมตัวใหญ่บดบังเสียมิด แต่พอจะมองเห็นเส้นผมสีทองอร่ามที่โผล่พ้นขอบผ้านิดๆ ชายคนนั้นถอดผ้าคลุมของเขาออกเผยให้เห็นใบหน้าที่ดูหล่อเหลา ผมสีทองสไลด์ประต้นคอ ดวงเนตรสีครามดุจท้องฟ้าและผิวสีขาวสว่าง

             “คุณคือเจ้าของปราสาทแห่งนี้ใช่ไหมครับ”ชายปริศนาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม พรีโม่ตกตะลึงเล็กน้อยกับใบหน้าดูคุ้นเคย “ผมจะมาขออาศัยสักสองสามวันได้รึเปล่าครับ?”

             “คุณคือ!”บอสแห่งวองโกเล่อุทานด้วยความตกใจ “พี่ชายที่เคยเห็นบ่อยๆ!”

             “อ๊ะ! จำผมได้ด้วยเหรอครับ!”ชายคนนั้นยิ้มร่า “ผมเดนทิอันเต้ครับ เรียกเดนเต้เฉยๆก็ได้นะครับ”

                       คนเฝ้ายามถึงกับอ้าปากค้างเมื่อชายตรงหน้าที่พยายามจะผลักไสไล่ส่ง คือคนรู้จักของบอสตัวเอง จึงตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าด้วยความกลัว แต่ดูเหมือนพรีโม่จะไม่ได้ใส่ใจและปล่อยผ่านไป หลังจากนั้นเดนทิอันเต้ก็ถูกเชิญเข้ามาในปราสาท

             “ขอบคุณที่รับคำขอของผมนะครับ”เดนเต้เอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ “ผมดีใจมากเลยที่ได้พบคุณอีกครั้ง!”

              “ไม่หรอกครับ!”พรีโม่ส่ายหน้าเบาๆ “ผมเองก็ไม่นึกว่าจะเจอคุณอีกครั้งเหมือนกัน”

               “พรีโม่ มีแขกงั้นเหรอ?”จีที่เพิ่งกลับจากเดินทางไกลจากการทำงานเอ่ยถามผู้เป็นบอส “แล้วนั่นใครน่ะ? ไม่คุ้นหน้าเลยนะ?”

             “อืม”

                      จีมองดูหน้าตาของแขกที่เขาเพิ่งจะพูดว่าไม่คุ้นหน้าอย่างพิจารณาอีกครั้ง เจ้าตัวก็เริ่มรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดกับชายตรงหน้า พอมองสลับกับบอสของตัวเองแล้วยิ่งทำให้เขารู้สึกตกใจเสียมากกว่าเดิม เพราะหน้าตามันคล้ายกันมากกับพรีโม่

             “จี เป็นอะไรไปน่ะ?”พรีโม่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนรักและมือขวาคนสนิทมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก “นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”

              “อ๊ะ! ไม่เป็นไร...”เขาได้สติก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว “ขอตัวก่อนล่ะ”

             “แล้วพบกันใหม่นะครับ คุณจี”เดนทิอันเต้ส่งยิ้มพร้อมโบกมือลา 

                       จีหันไปมองชายปริศนา พยักหน้ารับก่อนจากไป และสิ่งที่ทำให้วายุรุ่นแรกตงิดใจคือคำพูดที่ดูสุภาพจนเกินเหตุของเดนทิอันเต้ ทั้งๆที่ชายปริศนาน่าจะอายุมากกว่าบอสของพวกเขา แต่กลับพูดสุภาพมากๆจนน่าแปลกใจ เจ้าตัวคิดไปคิดมาแต่ก็ไม่ได้คำตอบ ก่อนจะสลัดความคิดพวกนั้นทิ้งไป

             “เอ่อ แล้วคุณจะอาศัยที่ไหนล่ะครับ?”

            “ที่นี่มีห้องใต้ดินไหมล่ะครับ”เขาเอ่ยถามเจ้าของปราสาท “ผมอยากได้ความเป็นส่วนตัวนิดนึงน่ะครับ”

             “อืม ก็มีนะครับ”พรีโม่หรี่ตามองชายตรงหน้าเล็กน้อย “จะอยู่ที่นั่นจริงๆเหรอครับ?”

             “ใช่ครับ”เดนเต้ยิ้มรับ “รบกวนด้วยนะครับ”

                       วันนี้เหมือนเป็นวันที่ดูสงบอย่างน่าประหลาดของบอสแห่งวองโกเล่ เพราะตั้งแต่ที่ชายที่ชื่อว่าเดนทิอันเต้เหยียบเข้ามาในเขตปราสาท เขาก็รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด ราวกับกำลังรอให้ชายคนนี้มาหาเขานานแสนนาน ผู้พิทักษ์เองก็เริ่มทยอยกลับจากภารกิจของตัวเองจนครบ

             “โอ๊ะ! สวัสดีครับ”ผู้มาอาศัยคนใหม่เอ่ยทักทายผู้พิทักษ์เมฆาที่เพิ่งเดินเขามาในปราสาทด้วยรอยยิ้ม “ผมเดนทิอันเต้ครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”

             “อะอือ...”อลาวดี้ทำสีหน้างงๆเล็กน้อย “เช่นกันนะ”

                      ก่อนที่ชายปริศนาจะกล่าวทักทายคนในปราสาทไปทั่วจนทุกคนต่างเอ็นดู เพราะเขานอกจากจะพูดด้วยถ้อยคำที่สุภาพแล้ว ยังช่วยเหลือคนในปราสาทเท่าที่ทำได้เป็นการตอบแทนอีกด้วย ไม่มีใครรังเกียจเขาเลยด้วยซ้ำ มีแต่จะหมั่นไส้เล็กๆน้อยๆ

             “ผู้ชายคนนั้น...”นัคเคิลมองด้วยความเอ็นดู “ดีจังเลยนะ”

             “ใจดีสุดๆไปเลยล่ะขอรับ”พิรุณยิ้มแป้น “แถมมีอัธยาศัยดีมากด้วยขอรับ”

                       จนกระทั่งเวลาเย็นคืบคลานเข้ามา เดนเต้ก็ยังคงเป็นแขกที่ดี เขาเข้าไปช่วยพ่อครัวทำงานในครัวเสียด้วยซ้ำไป เผลอๆนี่ทำอาหารแทนพ่อครัวประจำปราสาทให้สมาชิกผู้พิทักษ์ทานเลย จนพ่อครัวยังต้องตกใจในความสามารถของชายแปลกหน้า

             “เรียบร้อยแล้วครับ”เขาจัดการเอาอาหารที่ตัวเองทำมาวางไว้ตรงหน้าของคนทั้งเจ็ดด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ทานกันเต็มที่เลยนะครับ!”

             “อา ขอบคุณนะครับ”พรีโม่เอ่ยขอบคุณ “ทั้งๆที่คุณเป็นแขกแท้ๆ”

             “ไม่หรอกครับ”เดนเต้เกาแก้มแก้เขิน “เรื่องแค่นี้ ให้ผมช่วยเถอะนะครับ คุณพ่...คุณจีอ๊อตโต้”

             “หืม?”จีเหลือบมองชายหนุ่มเล็กน้อย “เมื่อกี้..”

             “อย่าใส่ใจเลยครับ! ผมแค่พูดผิด...เท่านั้นเอง”เดนทอันเต้ยิ้มเศร้าจนพรีโม่เห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างประหลาด “เชิญทานตามสบายเลยนะครับ...”

             “...”ก่อนที่ความเงียบจะปกคลุมห้องอาหารและร่างของชายหนุ่มจะวิ่งออกไป ทิ้งให้คนในทานอาหารอย่างเงียบๆภายในห้อง

             “ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้กันนะ”

                       หลังจากนั้นก็เป็นเวลาพักผ่อนของทุกๆคน เหล่าผู้พิทักษ์และบอสต่างแยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง ส่วนผู้อาศัยใหม่นั้นก็ลงไปที่ห้องใต้ดินที่ตัวเองขอเอาไว้เพื่อพักผ่อนเช่นเดียวกับทุกคน แต่ว่าก่อนที่จะเข้านอน เขาได้เขียนจดหมายและวางไว้บนโต๊ะก่อนล้มตัวลงนอน

             “อรุณสวัสดิ์นะครับ!”

             “อรุณสวัสดิ์ครับ...”

             “ตื่นเช้าจังเลยนะเนี่ย...”

             “นิดหน่อยครับ”

                       เช้าวันใหม่ก็ได้เริ่มขึ้น การที่ชายแปลกหน้ายังคงอยู่ก็ยังสร้างความรู้สึกที่ปั่นป่วนให้กับทั้งพรีโม่และแฟมิลี่ แม้แต่ผู้พิทักษ์เองก็ได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยภายในตัวของผู้เป็นบอส แม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้สึกก็ตาม แต่มีบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป...

            “วันนี้คงเป็นสุดท้ายแล้วสินะครับที่ผมจะอยู่ที่นี่...”

             “เอ๊ะ?”

             “ผมจะต้องกลับไปแล้วล่ะครับ”ชายหนุ่มทำเสียหน้าสลด “กลับไปในที่ๆผมจากมา”

                      แววตาที่เดนทิอันเต้มองพรีโม่ไม่เหมือนกับแววตาที่มองคนแปลกหน้า มันเหมือนกับเขากำลังมองคนตรงหน้าเหมือนคนในครอบครัว พรีโม่เองก็สัมผัสได้ถึงมัน เสียงประหลาดเริ่มดังก้องในหูของเขาอย่างบ้าคลั่ง เสียงที่เหมือนกับตัวเขา

             ‘เดน! ไม่! อย่า!’เสียงนั้นพูด.ไปซ้ำมาจนเขาเริ่มไม่เข้าใจ เสียงที่ได้ยินข้างๆมันคือเสียงของใครกัน?

                       ยามเย็นของวันได้ใกล้เข้ามาอีกครั้ง แต่บรรยากาศในวันนี้กลับดูหดหู่เสียจนรับรู้ได้ มันแผ่ออกมาจากทั้งผู้เป็นบอสและชายหนุ่มลึกลับ และจีเองก็มีคำถามที่อยากจะถามชายปริศนามาก เขาไม่สามารถเก็บมันไว้ในใจได้อีกต่อไป เหมือนมีบางสิ่งกำลังเรียกร้อง

             “นี่เดนทิอันเต้”

             “ครับ?”

             “ฉันรู้นะว่าตอนนั้นจะพูดว่าคุณพ่อ...”จีเงียบไปสักพักก่อนจะเริ่มถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง “บอสของเราคล้ายกับพ่อของคุณงั้นเหรอ?”

             “ใช่ครับ เหมือนกับพ่อของผมที่ท่านเสียไปแล้วมากเลย...”เดนทิอันเต้พูดไปปาดน้ำตาของเขาที่กำลังไป “พอเห็นแล้วผมมักจะนึกถึงคุณพ่อท่านเสมอเลยล่ะครับ

                      มื้ออาหารมื้อค่ำจบลงด้วยดี แต่สิ่งหนึ่งทำสามารถทำให้พรีโม่แฟมิลี่รู้สึกอึดอัดใจมากที่สุดคงจะเป็นการได้เห็นน้ำตาของชายแปลกหน้าที่แสนลึกลับ แต่กลับเจ็บใจที่เห็นคนๆนั้นร้องไห้ ทุกคนจึงเก็บมันไปคิดจนนอนไม่หลับ เช่นเดียวกับชายหนุ่มผู้เป็นแขก

             “ขอโทษที่โกหกนะครับ...”

                       และแล้วรุ่งเช้าแห่งการจากลาก็มาถึง ชายหนุ่มเก็บข้าวของของตัวเองออกจากห้องใต้ดิน และแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะซ่อนของบางอย่างเอาไว้อีกด้วย ก่อนจะเดินออกมาจากห้องใต้ดินเพื่อมาบอกลาคนในปราสาทรวมถึงผู้พิทักษ์และเจ้าของปราสาทด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย 

             “ผม...มาบอกลาครับ”

             “จะไปแล้วเหรอครับ...”ชายหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆแล้วมองไปยังร่างของชายทั้งเจ็ดที่ยืนตรหน้าด้วยรอยยิ้มฝืนๆ

             “ขอโทษแล้วก็ขอบคุณมากจริงๆนะครับ”เดนทิอันเต้ยิ้มทั้งน้ำตาก่อนที่เขาจะหันหลังให้ทั้งเจ็ดคน “ผมคงต้องลาจริงๆแล้วล่ะครับ”

             “อย่าเพิ่ง...”ไม่ทันเอ่ยจบประโยค พรีโม่ก็เห็นท่าทางของชายหนุ่มที่หันกลับมาแล้วทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง 

             “อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีคนมาจากที่ๆแสนไกลมาพักที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์นะครับ”เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แล้วก็ดวงอาทิตย์จะเจิดจรัสมากๆในวันที่สองที่พวกเขามา ดูแลพวกเขาดีๆนะครับ เพราะพวกเขาคือแสงแห่งความหวัง”

             “แต่เดี๋ยวก่อนสิ...”

             “โอ๊ะ! ลืมไปเลย อย่าให้ใครมายุ่งกับห้องที่ผมพักอยู่เด็ดขาดเลยนะครับ ยกเว้นพวกเขาหนึ่งในแปดคน”เดนทิอันเต้ยิ้มเศร้าๆ “แล้วสักวันหนึ่งเราจะได้พบกันอีกครั้งนะครับ”

                       เดนทิอะนเต้พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินหายไปจากตรงนั้นราวกับไม่เคยมีตัวตน แต่คำพูดของเขาสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคือความจริงที่มันกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า การมาของแสงแห่งความหวัง

    สวัสดีค่ะทุกคน! เรากลับมาแล้วค่ะ! หายหน้าหายตาไปหลายวันเลย พอดีช่วงนั้นยุ่งพอดีเลยไม่ว่างมาแต่งต่อน่ะค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ อยากบอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตารางเวลาเรื่องการอัดนิดหน่อยนะคะ แต่พรุ่งนี้เราจะต่อให้อีกตอนพร้อมแจ้งเรื่องตารางเลย มีอะไรผิดพลาดฝากแนะนำด้วยนะคะทุกคน! 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×