ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AU Fic Reborn : The New Destiny of Vongola (รักครั้งใหม่ฯ ฉบับย้ายบ้าน)

    ลำดับตอนที่ #12 : ภารกิจที่ต้องถูกดำเนินต่อ และการส่งกลับจากอดีต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 203
      8
      30 ต.ค. 61

                       เวลาผ่านไปไวเสียจนเหมือนกับโกหก นี่ก็เข้าวันที่หกของสึนะแล้ว และเป็นวันที่ห้าสำหรับผู้พิทักษ์ หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเหล่าผู้พิทักษ์มองสึนะเปลี่ยนไป พรีโม่แฟมิลี่ก็เช่นกัน ซึ่งสึนะก็ไม่ได้ใส่ใจแล้วคิดว่าเขาทำในสิ่งที่เขาควรจะทำ

              “เราไม่เห็นจำเป็นต้องใส่ใจ ก็มันจำเป็นต้องทำนี่น่า”

                       ขณะเดียวกันที่ยุคปัจจุบัน วันที่ห้าของการไล่ล่า ทุกๆวันในเมืองจะต้องพบกับโศกนาฏกรรมสีเลือดในทุกค่ำคืน สิบยมทูตหนุ่มสาวทำหน้าของเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยามรัตติกาลคือเวลาทำงาน ส่วนยามทิวานั้น...

             “ฮ้าว...”ร่างสูงของยมทูตหนุ่ม ดารอนเอามือป้องปากของตัวเองที่หาวด้วยความง่วง “นายจะไปไหนน่ะแฟรคลอยย์?”

             “เจ้าพวกนั้นชวนไปเที่ยวน่ะ”หนุ่มเพื่อนรักตอบพร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูดี “นายจะไปไหมล่ะ?”

             “ไม่ล่ะ ฉันนอนอยู่ห้องนี่แหละ”คนที่นอนทำหน้างัวเงียบนเตียงตอบปัดๆอย่างขอไปที “นายจะไปก็ตามสบายเลย ฉันจะนอน”

             “อา งั้นฉันไปล่ะนะ!”

              “อือ....”

                         ก่อนที่แฟรคลอยย์จะเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องไป เหลือเพื่อนรักขี้เซาให้นอนเฝ้าห้องไป ดารอนรีบปิดม่านเพื่อบังแสงแดด และเปิดเครื่องปรับอากาศภายในทันที ก่อนที่จะกลับมานอนที่เตียงนอนของตัวเองเหมือนเดิม สายตาเริ่มพร่าเลือนก่อนจะเข้าสู่ห้วงภวังค์

              “อืม...”

                       ความเย็นของเครื่องปรับอากาศกับแสงสลัวๆภายในห้องช่วยให้บรรยากาศรอบๆดูน่านอนมากยิ่งขึ้น ร่างสูงบนเตียงหลับตาพริ้มบนฟูกหนานุ่ม พร้อมกับผจญในห้วงความฝันของตัวเอง เป็นดั่งฝันอันแสนหวานและแฝงด้วยความเศร้าโศก

             ‘ดารอน...ดาเฟรอน’

             “พี่ครับ! พี่เซส!”

              ‘คิดถึงจัง...ใบหน้าของน้องชายของพี่’ร่างตรงหน้ายิ้มบางๆส่งให้เขา ใบหน้าที่เป็นต้นแบบของเขา พี่ชายคนโตที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ‘โตขึ้นเยอะเลยนะ ดารอน’

             “พี่ครับ...ผม...”

             ‘อา แย่จัง...”ผู้เป็นพี่ชายยิ้มเศร้าๆ ขณะเดียวกันร่างของเขาก็ค่อยสลายไปต่อหน้าดารอน ‘หมดเวลาแล้วเหรอเนี่ย’

           “เดี๋ยวก่อนสิครับ! ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่อีกนะครับ! มีเรื่องอีกเยอะแยะเลย...ที่ผมอยากบอกพี่”น้องชายพยายามเอ่ยคำพูดเพื่อรั้งไว้ แต่เหมือนจะยิ่งเร่งให้ร่างตรงหน้าเลือนรางมากขึ้นกว่าเดิม “พี่เซชิโอ้!”

             ‘ขอโทษ..นะ’

                       ก่อนที่ร่างของพี่ชายอันเป็นที่รักจะหายไปจากตรงหน้า ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เม็ดเหงื่อไหลอาบร่างกายและใบหน้า และอีกสิ่งหนึ่งคือน้ำตาที่ไหลปริ่มขอบตา ความฝันอันแสนหวานคือความจริงที่ฟังและหดหู่แล้วทรมาน พี่ชายที่เขาเห็น ไม่มีลมหายใจอยู่แล้ว

             “ฝันไปเหรอเนี่ย....”ชายหนุ่มปาดน้ำตาออกแล้วเหลือบมองนาฬิกาในห้อง เวลาตอนนี้คือ บ่ายสองโมงกับอีกสี่สิบนาที “นี่เรานอนไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ”

              “ฉันกลับมาแล้วนะ!”เสียงของเพื่อนรักดังมาจากหน้าห้องเป็นสัญญาณว่าเขากลับมาแล้ว “นายนอนอยู่รึเปล่า?”

             “เปล่า! เข้ามาเลย”

             “อา!”

                         เวลาเดียวกันที่สนามบินในเมืองข้างๆ ทันทีที่เครื่องลงจอดถึงพื้น ผู้โดยสารก็ต่างพากันทยอยเบียดเสียดกันออกมา  แต่ที่เป็นจุดรวมสายตาของผู้คนคนจะเป็นหญิงสาวผมลอนยาวสีทองในชุดเดรสเข้ารูปสีแดงสด กับชาวหนุ่มในชุดสูทสีม่วง กับเด็กสาวอีกประมาณสามคน

             “บอสครับ เราไม่จำเป็นต้อง...”

            “หุบปากทากอิ!”หญิงสาวตวาดใส่ชายคนสนิท “ฉันต้องมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนักฆ่าที่ฉันจ้างมา!”

             “ใช่ๆ”เด็กสาวผมทองเอ่ยพร้อมยิ้มร่า “เนอะคะคุณแม่”

             “แฟรน ลูกช่วยทำตัวน่ารักๆนะจ๊ะ”หญิงสาวขยี้ผมสีทองของลูกสาวอย่างเอ็นดู “แม่รับรองว่าต้องทำให้วองโกเล่รุ่นสิบหลงรักลูกแน่นอนจ้ะ”

             “ใช่ค่ะ บอส”หนึ่งในเด็กสาวฝาแฝดพูดขึ้น “เนอะคาริสซ่า”

             “ใช่ๆเมริสซ่า”

             “หรือว่าวองโกเล่จะรู้แผนของเรากันนะ...”

             “ไม่หรอกครับ เรื่องนี้น่าจะรู้กับแค่ในโรซซ่าเรจิน่าแน่นอนครับ”

              “อ๋อจริงสิ ทากาอิ”หญิงสาวหันไปหาชายหนุ่มคนสนิท “จัดการเรื่องโรงเรียนให้ลูกสาวฉันด้วยนะ”

             “ครับบอส”

                       เวลานั้นอารินที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ในคฤหาสน์ของเธอกับนายองครักษ์พิทักษ์ประจำตัวคนเดิม อเลนสันก็เผยอยิ้มอย่างมีเลศนัยจนนายทหารองครักษ์รู้สึกงงๆเล็กน้อย หญิงสาววางถ้วยชาลงก่อนจะยืนขึ้นแล้วเป็นม่านที่หน้าตาออก

             “มีอะไรรึเปล่าครับคุณนาโอคิ?”อเลนสันถามด้วยความสงสัย “ยิ้มแบบนั้น หรือว่า...”

             “เธอคนนั้นมาแล้วล่ะค่ะคุณอเลนสัน”เธอตอบด้วยรอยยิ้ม “รู้สึกว่าจะทำให้เธอมาได้สำเร็จนะคะ”

             “ยินดีด้วยแล้วกันนะครับ”

             “ค่ะ “

                      ที่อดีตนั้น ระหว่างที่สึนะกำลังทำงานภายในปราสาทพร้อมๆกับคุยกับเอ็นมะ จู่ๆร่างของบุรุษทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้เอ็นมะตกใจจนสุดล้ม ส่วนสึนะนั้นพอจะตั้งสติตัวเองได้ เขาเลยไม่ลงไปนั่งกับพื้นเหมือนอย่างเพื่อนของตัวเอง

             “ตกใจหมดเลย...”

             “พวกคุณ...”

             “พวกเรามาแจ้งข่าวน่ะ”คาสเตอร์พูดด้วยสีหน้าที่นิ่งเรียบ “เรื่องการเดินทางในวันพรุ่งนี้”

             “พรุ่งนี้!”เด็กหนุ่มทั้งสองอุทานพร้อมกัน “พรุ่งนี้จะกลับนามิโมริเหรอครับ!?”

             “ใช่แล้ว”เลโอเน็กซ์พยักหน้า “อย่างลืมไปบอกเพื่อนๆของพวกเธอด้วยล่ะ”

                       ด้วยความดีใจทั้งสงคนเลยรีบวิ่งไปตามคนจากยุคเดียวกันมาหาสองชายหนุ่มปริศนา ไม้พอยังลากพวกวองโกเล่พรีโม่มารับฟังข่าวดีนี้อีกด้วย เมื่อทราบข่าวสีหน้าของคนจากอนาคตดูจะดีใจสุดๆ เนื่องจากพวกเขาต้องทนอยู่ในยุคที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลย ผิดกับฝั่งคนที่อยู่ในอดีต

             “จะไปแล้วเหรอเนี่ยขอรับ”อุเก็ตสึบ่นอย่างเสียดาย “กระผมรู้สึกว่าปราสาทของพวกเราครึกครื้นมากเวลามีพวกเด็กๆนะขอรับ”

              “ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

              “ถึงกำหนดกลับไปตามสัญญาที่ให้ไว้แล้วนี่น่า”

                       ถึงเวลาแล้วที่เหล่าวองโกเล่รุ่นที่สิบจะต้องกลับไปที่ยุคของตัวเอง แต่พวกเขาก็รู้สึกเสียใจนิดๆที่ต้องจากลาพวกพรีโม่ ก่อนที่เลโอเน็กซ์และคาสเตอร์จะกลับไปนั้น ได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้ เป็นประโยคที่ฟังดูกำกวมแต่ก็ไม่มีใครเข้าใจความหมายของมัน

             “อ่อ จริงสิ”

             “ครับ?”

              “เดี๋ยวอีกไม่นานจะมารับนะ เตรียมตัวให้ดีล่ะ”

              “ครับ?”

                        ก่อนที่ร่างของบุรุษร่างสูงทั้งสองจะหายไป ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า...

          ณ ยุคปัจจุบัน

              “เจ้าสึนะหายไปไหนกันแน่นะ”ครูพิเศษที่นึกเป็นห่วงที่เด็กหนุ่มศิษย์รักยังไม่กลับมาที่บ้านสักที บวกกับผู้พิทักษ์ที่มีความเกี่ยวข้องก็ต่างหายตัวไปอย่าลึกลับในเวลาไล่เลี่ยกัน “ผู้พิทักษ์เองก็เหมือนกัน”

             “นี่ก็จะสัปดาห์นึงแล้ว ฮายาโตะนังไม่กลับห้องเลย”

             “แรมโบ้ก็หายไป”

                       ทั้งๆที่ลูกชายของตัวเองหายไป นานะก็ไม่คิดจะแจ้งความ เพราะเธอรู้ว่าใครเป็นคนพาลูกชายไป และพาไปที่ไหน ชายคนนั้นได้บอกใบ้ให้หญิงสาวคร่าวๆแล้วว่ามีอันตรายกำลังเขาใกล้ จึงจำเป็นต้องส่งไปในสถานที่อันแสนห่างไกลที่ปลอดภัย

             “คุ้มครองลูกชายฉันด้วยนะคะ ท่านคาสเตอร์ ท่านเลโอเน็กซ์”

                        ณ โลเซียส ดินแดนแห่งการตัดสินและลงทัณฑ์วิญญาณ เหล่าคณบดีเงากลับมารวมกันอีกครั้งหลังจากเพิ่งจะประชุมไปเมื่อไม่กี่วัน และคราวนี้คนที่เป็นหัวหน้าได้ออกคำสั่งเพิ่มเติมให้กับเพื่อนคณบดีของตัวเองให้ไปช่วยงานอีกคนที่กำลังจะกลับมา

             “ฉันฝากงานนี้ให้เธอต่อนะมาซี่”

             “ได้เลย”

               “ยังไงภารกิจของเราก็ต้องดำเนินต่อไป...จนกว่าจะส่งพวกเขามาที่นาว่าสำเร็จ”

                          รุ่งเช้าในวันต่อมา... วันที่เจ็ด วันกำหนดกลับของเดชิโม่แฟมิลี่ เลโอเน็กซ์และคาสเตอร์ก็มารับตามที่ให้สัญญาไว้ และก็ยังเรียกแฟมิลี่รุ่นแรกมาบอกลาเด็กๆอีกด้วย ก่อนที่ทั้งสองจะเปิดประตูมิติและพาเด็กๆทั้งแปดกลับอนาคต

             “ลาก่อนนะครับพรีโม่”

            “ลาก่อนเดชิโม่”

                        ในที่สุดวองโกเล่รุ่นที่สิบและอีกหนึ่งชิม่อนก็ได้เดินทางกลับจากอดีต แต่ในปัจจุบันที่พวกเขากลับมานั้น มีบางสิ่งบางอย่างรอพวกเขาอยู่

    สวัสดีค่ะ เราหายไปอีกแล้ว 555 ว่าจะลงวันศุกร์ แต่ดันขี้เกียจซะงั้น อีกเหตุผลคือติดเรื่องเตรียมเอกสารเรียนต่อค่ะ ตอนนี้ส่งเรียบร้อยแล้ว น่าจะไม่ต้องกังวลอะไรมากอีกแล้วค่ะ จริงๆลงตั้งแต่เมื่อวานก็ได้นะคะเพราะเราแต่งตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่มันสั้นไป เลยเพิ่งมาต่อ ตามที่ประกาศไปตอนที่แล้วนะคะ เราลงเรื่องนี้ไม่แน่นอนจริงๆ อย่าลืมเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ เราชอบอ่านกับตอบคอมเมนท์มากเลยนะ ส่งมาให้เราดีใจหน่อยก็ได้ค่ะ  แล้วอีกอย่างที่แปลกใจคือเวลาลงคนอ่านจะน้อย แต่พอหายไปยอดฟอลเพิ่มเฉย 555 ช่างเถอะ เราไปแล้วค่ะ บาย!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×