ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AU Fic Reborn : The New Destiny of Vongola (รักครั้งใหม่ฯ ฉบับย้ายบ้าน)

    ลำดับตอนที่ #13 : วังวนในความฝัน 100%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 179
      9
      9 พ.ย. 61

                      หลังจากผ่านประตูมิติเวลามาได้ สถานที่ที่พวกเขามาถึงก็คือใจกลางย่านการค้าของเมืองนามิโมริ ที่พลุกพล่านด้วยฝูงชน แต่น่าแปลกที่คนเหล่านั้นดูจะไม่สนใจพวกเขา เหมือนกับว่าไม่มใครเห็นตัวตนของผู้มาใหม่เลยด้วยซ้ำไป

             “ไงจ๊ะหนุ่มๆ”เสียงใสๆของหญิงสาวเอ่ยทักทายชายหนุ่มทั้งสองที่มากับเหล่าวองโกเล่ “ทำงานเรียบร้อยดีใช่ไหมเอ่ย?”

             “มาซี่! เธอมาได้ไงกัน!”เมื่อเลโอเน็กซ์เห็นหน้าของเจ้าหล่อนก็มีท่าทางที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก “เธอน่าจะอยู่ที่โลเซียสนี่น่า!”

             “แหมๆ นายทิ้งฉันที่เป็นคู่หูมาทำงานทำคาสเตอร์แบบนี้มันยุติธรรมกว่าเหรอ”สาวเจ้าทำหน้าบูดใส่เพื่อนร่วมงาน “ตาบ้าเลโอ”

              “เอ่อ...เธอเป็นใครน่ะครับ?”เอ็นมะหันไปถามคาสเตอร์ที่ยืนทำหน้าเอือมระอาอยู่ข้างหลังตัวเองด้วยความสงสัย “เพื่อนของพวกคุณเหรอครับ?”

             “ใช่แล้วจ้ะหนุ่มน้อย”มาซี่ขยิบตาให้เด็กหนุ่มเจ้าของคำถาม “ฉันมาซิก้า เป็นคู่หูตาเลโองี่เง่าจ้ะ”

              “งี่เง่า?”เรียวเฮทำหน้างงๆ “ฟังดูตลกสุดขั้ว”

                        คาสเตอร์แอบกลั้นขำ ส่วนผู้พิทักษ์รุ่นสิบทั้งหลายก็มองหน้ากันสลับไปมาอย่างงงๆ เว้นเพียงหัวหน้ากรรมการคุมกฏที่ไม่ชอบการรวมกลุ่ม เขาเดินออกจากฝูงชนและกลุ่มไปด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเจ้าตัวก็แอบเหลือบมองด้วยหางตาเป็นระยะๆ

             “ยุ่งน่ามาซี่!”ด้วยความที่คณบดีหนุ่มรู้สึกน้อยใจคู่หู เขาจึงเดินจากไปโดยไม่ปริบากบอกลาเลยสักคำ ทิ้งให้ทั้งคาสเตอร์และมาซิก้ามองตามแล้วกลั้นหัวเราะที่ตรงนั้น

             “ตลกอ่ะ ฮ่าๆๆๆ”

             “พวกคุณนี่เฮฮากันจังเลยนะ ฮ่าๆๆ”พ่อหนุ่มเบสบอสอารมณ์ดีหัวเราะลั่น 

              “หัวเราะดังเกินไปแล้วเฟ้ยเจ้าบ้าเบสบอล!”โกคุเดระกระแทกไหล่ใส่ยามาโมโตะ 

              “ฮี่ๆ ได้กลับมาสักที!”แรมโบ้ยิ้มแป้นด้วยความดีใจ “จะได้จัดการยันคนหลอกลวงสักที!”

              “ฉันคงให้ทำแบบไม่ได้หรอกนะหนู”มาซิก้าย่อตัวลงไปลูบหัวแรมโบ้ “อารินทำไปเพราะมีเหตุผลตรงที่เป็นคำขอของพวกเราซะด้วย”

               “เอ๊ะ!”

                        มาซิก้าอธิบายเรื่องราวทั้งหมดถึงสาเหตุที่ต้องใช้วิธีรุนแรงสักเล็กน้อยเพื่อส่งผู้พิทักษ์ของวองโกเล่ไปอดีต และบอกถึงอันตรายที่กำลังจะมาเยือนพวกเขาในเร็วๆนี้ด้วย 

            “อะไรนะ! ใครมันทำเรื่องแบบนี้กัน!”วายุรุ่นสิบดูจะโมโหเป็นอย่างมาก 

            “ฉันรู้มากกว่านั้นแต่คงพูดมากกว่านี้ไม่ได้ล่ะนะ”สาวเจ้ายักไหล่เล็กน้อย “เรายังพูดกันตอนนี้ไม่ได้”

            “เอ๋! ทำไมล่ะครับ?”สึนะถามด้วยความสงสัยปนตกใจ “น่าจะบอกเรื่องนี้กับพวกเราไม่ใช่เหรอครับ!”

                      ชายหนุ่มผมสีทองจิกตามองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆกันไม่ให้พูดอะไรมากกว่านี้ ซึ่งเธอก็รู้หน้าที่และรีบเงียบปากไปแทบจะทันที สึนะจึงเลิกความคิดที่ถามคำถามที่อยู่ในใจทั้งหมด โกคุเดระรู้สึกโกรธแทนนิดๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่า

             “เอาล่ะ พวกเธอควรจะกลับบ้านได้แล้วนะ”คาสเตอร์บอกกลุ่มเด็กหนุ่มและเด็กสาว “ตอนนี้หมดหน้าที่ของพวกเราแล้ว”

             “รีบไปซะสิเด็กๆ”มาซิก้ายิ้มหวานส่งให้กับพวกเขา “ฉันสัญญาว่าเร็วๆนี้จะบอกเรื่องนั้นให้พวกเธอได้รู้”

             “สัญญาจริงๆนะครับ”

             “แน่นอนสิ”สาวเจ้ายื่นนิ้วก้อยออกมา “ฉันไม่ผิดคำพูดหรอกนะ”

                      มาซิก้าเกี่ยวก้อยสัญญากับเด็กหนุ่มว่าที่บอสแห่งวองโกเล่ ก่อนที่จะไล่ห้พวกเขาเดินกลับบ้านของตัวเองไป ส่วนตัวเองก็ยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อรอคนบางคนให้ย้นกลับมาที่นี่ เลโอเน็กซ์เดินย้อนกลับมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง และสาวเจ้าก็ยิ้มเยาะอย่างสะใจ

             “ไงล่ะเลโอ”เธอเผยอยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า “แค่โดนฉันแทงใจดำทำเป็นรับไม่ได้เชียวเหรอ?”

             “ฉันควรจะคืนประโยคนี้ให้เธอนะมาซี่”เจ้าหนุ่มกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ “ยัยคนเจ้าเล่ห์”

             “แล้วทำไมล่ะยะ ก็ฉันเป็นของฉันแบบนี้อยู่แล้วนี่น่า”มาซิก้าทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “นายก็รู้อยู่ว่าคนฉลาดๆอย่างนาย ต้องคู่กับคนเจ้าเล่ห์อย่างฉัน”

              “เหมือนเธอจะภูมิใจนะมาซี่”

              “ก็แน่ล่ะสิยะ!”

              “เถียงกันตามสบายเลยนะ”คาสเตอร์บ่นพลางเบือนหน้าไปทางอื่น “เรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยว”

              “ตามใจเลยคาส”

                         เด็กๆต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง เว้นแค่สึนะและแรมโบ้ที่นังไงก็ต้องกลับด้วยกันเพราะอยู่บ้านเดียวกัน การกลับมาของเด็กหนุ่ม สร้างความประหลาดใจให้กับสมาชิกภายในบ้านเป็นอย่างมากกับท่าทางและแววตาที่เปลี่ยนไป

             “กลับมาแล้วเหรอสึนะ”ครูพิเศษตัวเล็กเอ่ยต้อนรับด้วยสีหน้าบึ้งตึง “นายหายไปไหนมาทั้งสัปดาห์น่ะ?”

              “ฉันบอกนายไม่ได้...”เด็กหนุ่มตอบด้วยสีหน้าที่นิ่งเรียบ “ขอโทษด้วยนะรีบอร์น”

              “พี่สึนะครับ ฟูตะดีใจนะครับที่พี่กลับมา”หนุ่มน้อยวิ่งเจ้ากอดขาพี่ชาย “นึกว่าตายไปแล้วซะอีก”

              “ฮ่าๆ ขอโทษแล้วกันนะฟูตะ”สึนะขยี้ผมของฟูตะด้วยความเอ็นดู “เดี๋ยวฉันไปหาแม่ก่อนนะ”

              “อา ตามสบายเลย”

                         แผ่นหลังของเด็กหนุ่มว่าที่บอสแห่งวองโกเล่ที่รีบอร์นเห็นในตอนนี้ช่างแตกต่างกับในอดีตเสียเหลือเกิน มีบางอย่างในตัวของสึนะโยชิที่ได้ฉายาว่า เจ้าห่วยที่ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องเปลี่ยนไปอย่างงั้นเหรอ? และอัลโกบาเลโน่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้อีกต่อไปแล้ว

              “พัฒนาการของเจ้าสึนะก้าวกระโดดจนเรายังตามไม่ทันเลยเหรอเนี่ย...”

                          ในห้องครัว นานะกำลังขะมักเขม้นกับการทำอาหารเช้าอยู่เธอได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเดินเข้ามาแต่ก็ไม่ได้หันไปมอง จึงคิดว่าคงเป็นคนในบ้านที่เป็นผู้ใหญ่อย่างเบียงกี้ จึงพูดไปโดยไม่รู้ตัวว่าคนที่เธอกำลังพูดด้วยคือลูกชายที่หายหน้าหายตาไปตั้งหนึ่งสัปดาห์ 

              “เบียงกี้จังเหรอจ๊ะ? ตอนนี้แม่ทำอาหารใกล้เสร็จแล้วล่ะจ้ะ”

              “เหรอครับ ผมกำลังหิวพอดีเลย”

               “เอ๊ะ? สึคุง...นั่นสึนะใช่ไหมจ๊ะ?”เมื่อได้ยินเสียงของลูกชายเธอก็รีบหันหน้าไปดู ด้านหลังของเธอคือลูกชายที่กำลังยืนยิ้มบางๆส่งให้เธอ “กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ?!”

              “ครับ ผมเอง”

                         อีกด้านที่ปราสาทเลโอมิลเน่ อาณาจักรอิเทรเชีย ร่างของกษัตริย์เอ็นริโอ้ที่นั่งจดจ่ออยู่กับกองงานราชการตรงหน้าอย่างเพลียๆ ด้วยข้างถูกประกบด้วยนายทหารองครักษ์คนสนิท เอเดนเบิร์ก และคุณพ่อของตัวเองที่พยายามเร่งให้ลูกชายทำงานของตัวเองให้เสร็จ

              “ท่านพ่อ! เอเดนเบิร์ก!”

               “ท่านอู้งานมานานแล้วขอรับฝ่าบาท”นายองครักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เคร่งขรึม “ฉะนั้นควรจะกลับมาทำงานต่อได้แล้ว”

              “แล้วลูกก็โยนงานพวกนั้นมาให้พวกพ่อกับพวกปู่ทำ ทั้งๆที่พ่อเกษียณแล้วแท้ๆ”อดีตกษัตริย์จิกตามองด้วยความเจ็บใจ “ฉะนั้นไหนๆลูกก็กลับมาแล้ว ทำงานให้คุ้มนะเอ็น”

               “ไม่นะ!!!!!!!!”

               “โชคดีนะจ๊ะลูก”พระมารดา ลาลิสส่งยิ้มแหยะๆ “แม่คงช่วยอะไรลูกไม่ได้แล้วล่ะจ้ะ”

              “ท่านแม่!!!!!!!”และกษัตริย์เอ็นริโอ้ก็ต้องนั่งที่เก้าอี้ในห้องทำงานต่อไปพร้อมกับกองงานมหาศาล

                        กลับมาที่เมืองนามิโมริในคฤหาสน์ของอาริน หญิงสาวกำลังเตรียมการบางอย่างสำหรับงานครั้งต่อไป ส่วนหนึ่งเป็นคำสั่งของคณบดี อีกส่วนเป็นเพราะมันคือภารกิจที่เธอต้องทำ และนายองครักษ์ประจำตัว อเลนสันก็ยืนอยู่ข้างๆเพื่อช่วยเหลือ

              “คุณอเลนสันคะ รบกวนด้วยนะคะ”

              “ครับๆ”

             “ขอบคุณค่ะ”เธอกำลังเตรียมการเพื่อทำอะไรสักอย่างในเร็วๆนี้ “วันพรุ่งนี้เราจะไปโรงเรียนนามิโมริกัน”

                          เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงเวลาหัวค่ำของวันนั้น เหล่าผู้พิทักษ์รุ่นที่สิบต่างอยู่ในที่ของตัวเอง เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้นอาหารมื้อค่ำก็ผ่านไป และล่วงจนมาถึงเวลาเข้านอน สึนะรีบนอนเพื่อหวังว่าวันพรุ่งนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ

             “เ..ซ...ชิ..โอ้... เซชิโอ้..”

                       ในความฝันของเด็กหนุ่ม ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีอะไรเลย มันว่างเปล่า ทั้งกว้างและไกลจนหาที่สิ้นสุดไม่ได้ รอบตัวก็ปกคลุมด้วยความมืดที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง แต่น่าแปลกตรงที่เขารู้สึกตัวเหมือนกับกำลังตื่นอยู่ และสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่ในความมืดนี้ด้วย

             “ใครน่ะ?!”เสียงเรียกชื่อที่ไม่คุ้นเคยดังก้องภายในโสตประสาทจนสึนะเริ่มหวาดระแวง สักพักหนึ่งรอบๆก็เริ่มมีแสงรำไรสลัวๆ พอที่จะให้เขาเห็นรอบข้างได้ “คุณเป็นใคร?!”

              “อย่าหนีเชียวนะ อย่าหนีเชียว...”เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ทิวทัศน์รอบด้านก็เริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆเด็กหนุ่มเรื่อยๆ “เพราะยังไงเธอก็หนีไม่พ้น”

              “เอ๊ะ? หนีอะไร?”เขารีบถอยให้ห่างจากร่างนั่น “แล้วที่คุณพูดมันหมายความว่ายังไงกันแน่?!”

              “โชคชะตาของธอ ได้เริ่มเดินอีกครั้งแล้ว”ในที่สุดเขาก็ได้เห็นทัศนียภาพที่เคยถูกความมืดปกคลุม และร่างของหญิงสาวในชุดเครื่องแบบที่ดูประหลาดตา เธอกำลังเหยียดยิ้มอย่างมีเลศนัย “จำไว้ซะด้วยล่ะ!”

              “คุณเป็นใคร?”เด็กหนุ่มเอ่ยถามคำถามเดิมอีกครั้งด้วยแววตาที่สั่นระรัว “คุณเข้ามาในความฝันของผมได้ยังไงกัน?”

              “หึๆ”เจ้าหล่อนหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆเด็กหนุ่ม “ใครอย่างงั้นเหรอ? เธอก็น่าจะรู้จักดีแท้ๆ”

              “เอ๊ะ?”สึนะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “บ้าน่า! ก็เรา....”

             “เจอกันครั้งแรก...สินะ”หญิงสาวในชุดเครื่องแบบประหลาดพูดตัดบทด้วยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความขี้เล่น “จำไม่ได้จริงเหรอเนี่ย ก็ฉันเนี่ยและที่ทำให้เธอมีโอกาสได้กลับมาหายใจได้อีกครั้ง ไม่อย่างงั้นเธอก็ไปนอนนิ่งๆที่ตรงหน้าผานั่นตลอดไปแล้ว”

              “หน้าผา?”

             “อา ลืมไปเลย”สาวเจ้ากุมขมับ “เอลิซ่าผนึกไว้นี่น่า”

              “คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่?”

               “เออ ช่างเถอะ! นั่นมันเป็นความจำเป็นนี่น่า! แล้วเธอก็คงจะลืมที่สัญญาไปหมดแล้วด้วย! น่าจะบอกให้เอลิซ่าเหลือความทรงจำไว้นิดหน่อยนะเนี่ย”

              “...”เด็กหนุ่มทำหน้าฉงนใส่หญิงสาวปริศนาตรงหน้า “คุณจะบอกผมว่าอะไร ต้องการสื่ออะไรกันแน่?”

               “คงต้องแนะนำตัวอีกรอบแล้วสิเรา”เธอถอนหายใจ “ฉันนาเซีย กอเดเซนาริโอ้ เป็นพระเจ้าน่ะ”

               “!”

                         หลังจบการแนะนำตัวของสาวปริศนาที่มีตัวตนเป็นถึงพระเจ้า เด็กหนุ่มก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกในเวลาใกล้ๆเช้า เหงื่อไคลไหลอาบท้วมตัวเหมือนเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ และฝันนั่นก็เหมือนจริงซะจนน่ากลัว แต่ว่าพระเจ้าต้องการจะสื่นสารอะไรกับเขากันนะ?

             “เป็นฝันที่แปลกจริงๆ...”

                        แต่ฉันรู้สึกเสียดายจริงๆนะที่เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทั้งๆที่จะมาเตือนว่าเวลาของเขาเหลือน้อยแล้วแท้ๆ ให้เวลาให้มันคุ้มหน่อย แต่ก็เอาเถอะ เพราะทุกๆอย่างมันเป็นไปดังที่ใจของฉันคิดนี่น่า และเธอก็ต้องมาเดินตามที่ฉันวางเอาไว้ ก็ฉัน...เป็นพระเจ้าที่สร้างเธอมานี่น่า เซชิโอ้

    ตอนนี้มีตัวเองเข้าไปแจมด้วย 555 เราให้ตัวเองเป็นพระเจ้าด้วยล่ะ ตอนต่อไปมาเดือนหน้าเลยนะคะ เราประกาศไปแล้วว่าเราจะพักน่ะค่ะ ไปอ่านรายละเอียดดูนะคะว่าเพราะอะไร หรือถ้าไม่ติดตามนิยายก็ไปติดตามงานวาดของเราในไอจีก็ได้ 555 ช่วงนี้หาเทคนิคระบายสีน้ำอยู่ค่ะ แล้วก็ลองลายเส้นตัวเองด้วย อันนี้แล้วแต่นะ เราไม่บังคับ ไปส่องดูได้ เราไปล่ะค่ะ บาย!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×