ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The New Eden สงครามเทวทูตแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #31 : ตอนที่ 15 เริ่มต้นอีกครั้ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19
      0
      20 ก.ย. 61

    ตอนที่ 15 เริ่มต้นอีกครั้ง

         ภายในห้องทำงานสี่เหลี่ยมที่กว้างพอสำหรับวางชุดโซฟา โต๊ะทำงาน และชั้นหนังสือหลายสิบชั้นวาง ที่มีหนังสือมากมายใส่จนเต็มชั้น เต็มไปด้วยบรรยากาศอันตึงเครียดจากการโต้เถียงกันของคิระและเกรบ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ใช้อารมณ์ในการโต้เถียงแม้แต่น้อย แต่เนื้อหานั้นกลับหนักหนาสำหรับทั้งสี่คนภายในห้อง

         "ข้ารู้จัก ทาราลิม เขาไม่ได้มาคนเดียวแน่ๆ" คิระกล่าว "ไม่ว่าจะข้ามเขตแดนมาด้วยวิธีไหนก็ตาม"
         "ในเขตเมืองยังคงอันตราย ถ้าไม่มีหลักฐานว่า มีนางฟ้าตกสวรรค์องค์อื่นๆ อีก ข้าจะแบ่งกำลังค้นหาไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป" เกรบกล่าวตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
         "เจ้านั่นยึดติดกับตัวเอคโค่ คงจะไม่ลงมือทำอะไรลำพัง เพราะฉะนั้นขอล่ะ ถ้าไม่แบ่งกำลัง ก็ช่วยขอพลังของข้าคืน" คิระยื่นหน้าเข้าไปใกล้เกรบ
         "เรื่องนี้อีกแล้วหรือ ข้าไม่มีอำนาจ เจ้าก็รู้ ช่วยกลับไปหัวข้อผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อคืนด้วย" 
         "ข้าสงสัย" วาเลนไทน์แทรกขึ้น "ได้ตรวจสอบกับนักรบปีศาจหรือยัง ว่านางฟ้าตกสวรรค์ที่เราหมายถึงอยู่ในนรกหรือเปล่า"
         "เรื่องนั้นยังไม่ได้ตรวจสอบ" เกรบตอบ "เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ยังทำอะไรไม่ได้จนกว่าจะมีข้อมูล"
         "ให้ตายสิ กุญแจประตูนรกก็ถูกแย่งไป..." คิระเริ่มหัวเสีย "เดี๋ยวนะ แปลว่ามันไม่ได้ข้ามเขตแดนผ่านทางปกติ"
         "นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน" เกรบตอบ
         "มีมนุษย์คนไหนรู้จักชื่อของนางฟ้าตกสวรรค์บ้าง" คิระนั่งเท้าคาง
         "...งั้นคงต้องสืบเรื่องราวจากภาชนะแล้วล่ะ ถ้าเธอพร้อมนะ อยู่ในเขตกักกันเรียบร้อยแล้ว"
         "แล้วกองกำลังติดอาวุธ..." คิระยังคงยิงคำถามไม่หยุด
         "นั่นหน้าที่ของกองทัพ" เกรบตัดบท "ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวกับ SA เราจึงจะดำเนินการได้"
         "งั้นเมื่อคืนก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติมเลยล่ะสิ สุดท้ายก็กลับมาเริ่มใหม่" วาเลนไทน์กล่าวเสียงแผ่ว "พวกเขาต้องการอะไรจากโลกแห่งนี้กันแน่" 
         "เรื่องนั้นคงจะเล่ายาวเลยล่ะ" เกรบตอบ "อีกอย่างนะคิระ" เกรบยื่นซองเอกสารให้คิระ "ไม่ได้เริ่มใหม่เสียทีเดียวหรอก"
         "งานที่ต้องมีของตอบแทนนะ" คิระต่อรองทั้งที่ยังไม่ได้เปิดซองเอกสาร
         "จะลองไปพิจารณา" เกรบตอบ
         "เฮ้ ข้าไม่ใช่นุกบุญนะ จะให้...."
         "ข้าจะต้องไปแล้ว นายกรัฐมนตรีเรียกไปรายงาน คงไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้สองถึงสามวัน หากมีอะไรก็ปรึกษารองผู้ปกครอง เท่านี้ล่ะ"

         เกรบลุกขึ้นจากโซฟาและหยิบกระเป๋าเอกสารของเขาเดินออกจากห้องในทันที

         "เดี๋ยวก่อนสิ" คิระพยายามรั้ง 
         "จริงสิ ในซองเอกสารนั่น สำหรับพวกเจ้า จะได้ไม่ต้องแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ SA อีก" เกรบหยุดอยู่ที่หน้าประตูชี้นิ้วมาที่ซองเอกสารสีน้ำตาลซึ่งอยู่ในมือของคิระ
         "เรายังคุยกันไม่จบนะ" คิระเรียกเกรบอย่างอารมณ์เสีย
         "ก่อนอื่นดูข้อมูลก่อนเถอะ" วาเลนไทน์ดึงซองเอกสารจากคิระไปแล้วแกะซองออกนำเอกสารวางกระจายไปทั่วโต๊ะรับแขกตรงหน้าของเธอ

         ตรงหน้าของพวกเขามีรูปถ่ายและเอกสารมากมายร่วงหล่นลงมา ที่ดูไม่เข้าพวกก็คือ บัตรเจ้าหน้าที่ SA สามใบที่มีรูปและชื่อของพวกเขา
         วาเลนไทน์ยื่นบัตรให้คิระและคาระ คิระดูไม่ใส่ใจกับมันมากนัก เขาคลายสายคล้องแล้วนำมาห้อยไว้ที่คอ ผิดกับคาระเขาจ้องมองมันและเก็บทุกรายละเอียดของบัตร

         "นั่นรูปอะไร" คิระเพ่งมองไปที่รูปที่อยู่ในมือของวาเลนไทน์ คาระหันขวับมาในทันที
         "ทิศตะวันออก สะพานข้างโรงเรียนของผมนี" คาระดูรูปถ่ายที่วาเลนไทน์นำออกมาไม่นานก็สามารถระบุตำแหน่งได้ทันที "เอ๋ สะพานมันขาด เมื่อวานยังใช้ได้ปกติแท้ๆ"
         "เมื่อคืนคงหนักจริงๆ" วาเลนไทน์กล่าว
         "ไม่มีนักรบสวรรค์บริเวณนั้น" คิระเสริม
         "ใช่ ไม่มีนักรบสวรรค์ที่นั่น" วาเลนไทน์หยิบรูปใบหนึ่งให้คิระ

         คิระรับรูปจากวาเลนไทน์และพิจารณา ในรูปถ่ายเป็นโทนสีขาวดำเนื่องจากเป็นรูปจากกล้องวงจรปิดที่ถ่ายได้ในเวลากลางคืนปรากฏเป็นรูปคนสามคนที่มีท่าทางแปลกๆบนสะพานดังกล่าว หากมองด้วยตาของมนุษย์ก็จะเห็นเช่นนั้น ทว่าคิระและวาเลนไทน์กลับเห็นสิ่งอื่นเพิ่มเติม นั่นคือ กลุ่มของนักรบปีศาจที่อยู่ฝั่งนางฟ้าตกสวรรค์

         "นักรบปีศาจต่อสู่กันเองหรือครับ" คาระที่ยื่นหน้าเข้ามาดูที่รูปกล่าวขึ้น

         คิระและวาเลนไทน์ต่างประหลาดใจที่คาระกล่าวเช่นนั้น

         "เจ้าเห็นอะไรในภาพหรือ" วาเลนไทน์ถาม
         "นักรบปีศาจที่กำลังต่อสู้กัน...เอ่อ อีกฝั่งมีแค่สามคนเองหรอเนีย"
         "โอ้ ใช่ตามนั้น คงต้องเริ่มสืบจากสามคนนี้แหละ" คิระตอบ วาเลนไทน์คิ้วขมวดหันมองคิระทันทีที่คิระตอบ
         "คิระ" วาเลนไทน์เรียกด้วยเสียงแข็ง
         "ก็หลักฐานมีอยู่เท่านี้ ไม่มีทางเลือกแล้ว" คิระทำเป็นไม่สนใจประเด็นของเธอ พร้อมทั้งขยิบตาให้
         "งั้นจะเริ่มตามหาที่ไหนกันล่ะครับ" คาระถาม
         "ต้องขอโทษด้วย ครั้งนี้อันตรายเกินไป ฝ่ายตรงข้ามเป็นนักรบปีศาจมีกันแค่สามคน คงจะมั่นใจในฝีมือตเองมาก" คิระกล่าว "ซึ่งดูจากรูปแล้ว ทำให้สะพานพังทลายได้..."
         "ครับ เข้าใจแล้วครับ" คาระตอบรับในทันที เขาเข้าใจดีในเหตุผลนั้น "งั้นผมจะไปดูอาการของ เฟส..."
         "ขอเตือนก่อน พ่อหนุ่มน้อย" วาเลนไทน์กล่าวขัด "ห้ามเข้าไปในห้องของเธออย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
         "อ...เอ่อ..ครับ" คาระตอบรับ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม

         คิระพิจารณาเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะฉีกชายผ้าคลุมสีดำของเขาเป็นแถมยาวแล้วนำมาพันรอบฝักดาบและพันผูกเข้ากับเข็มขัดของคาระ
         คาระตั้งใจมองการเคลื่อนไหวของมือกับแถบผ้านั้นที่สอดประสานกันราวกับต้องมนต์

         "พวกเราจะไปหาข้อมูลเพิ่ม ระหว่างนี้เรียนรู้ทุกสิ่ง" วาเลนไทน์กล่าว
         "งั้น ไว้เจอกันยามสนธยา" คิระกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
         "ครับ" คาระโค้งศีรษะลงเล็กน้อย


         คิระและวาเลนไทน์สั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมยานพาหนะ เจ้าหน้าที่เกือบทั้งหมดก็ปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อกังขาหรือโต้แย้งใดๆ 
         คาระที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์นั้น รู้สึกชื่นชมทั้งสองจนแสดงออกมาทางสีหน้า

         "นี่! เธอน่ะ"

         คาระสะดุ้งโหยงในทันที และหันไปตามเสียงเรียกอย่างฉับพลัน

         "มีธุระอะไรที่สำนักงานนี้กัน" เสียงเจ้าหน้าที่ SA ชายคนหนึ่งถามด้วยเสียงแข็ง แววตาที่จ้องเขม็งมาพร้อมที่จะสังหาร
         "อ...เอ่อ คือ ผมพึ่งจะได้ บัตรเจ้าหน้าที่วันนี้ครับ คือว่า..." ความคิดกับคำพูดของคาระทำงานไม่ประสานกันเนื่องจากประหม่าปนตกใจ
         "หืม ไม่เห็นมีแจ้งว่ารับเด็กใหม่..." เจ้าหน้าที่ดังกล่าวชะโงกหน้าเข้าใกล้บัตรของคาระซึ่งห้อยอยู่บริเวณหน้าอก "หืม นี่...เอ่อ"

         ท่าทีของเจ้าหน้าที่คนนั้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ความก้าวร้าวหายไปอย่างสิ้นเชิง แทนที่ด้วยความนอบน้อม 

         "ต้องขออภัยด้วยครับ ช่วงนี้เราต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ" เจ้าหน้าที่ทำตัวลีบลงต่างจากตอนแรก เสียงมีความอ่อนโยนขึ้น
         "เอ่อ ไม่เป็นไรครับ แหะๆๆ" คาระได้แต่หัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนเช่นกัน
         "มีอะไรอยากจะให้ช่วยเหลือรึเปล่าครับ"
         "อ้อ แน่นอนครับ ผมอยากจะพบ เฟส เอ่อ ที่ถูกนำตัวมาเมื่อประมาณชั่วโมงก่อน"
         "วันนี้ อืม มีแค่คนเดียวเท่านั้น ผมจะนำทางให้ครับ" เจ้าหน้าที่ผายมือเพื่อเปิดทางให้คาระ

         เมื่อคาระเริ่มออกเดินเจ้าหน้าที่เดินตามมาที่ข้างตัวเยื้องไปข้างหลังเล็กน้อย ตามทางเดินนั้นคาระพบเห็นเจ้าหน้าที่ SA หลายคน และจากส่วนราชการอื่นอีกหลายคนด้วยกัน ซึ่งมีเรื่องเดียวที่ทำให้วันนี้ดูวุ่นวายไปทั้งเขตเมือง แม้ว่าประชาชนเกือบทั้งหมดจะอพยพออกไปยังเขตทหารแล้วก็ตาม
         ไม่นานตามทางเดินเริ่มมีเจ้าหน้าที่บางตาลงมากการตกแต่งภายในเริ่มเปลี่ยนไป จากสถานที่ราชการกลายเป็นเหมือนศูนย์วิจัยบางอย่างที่มีเครื่องรางหลากหลายแบบประดับตกแต่ง ทั้งแบบความเชื่อของฝั่งตะวันตกและแบบตะวันออก เจ้าหน้าที่ในส่วนนี้ส่วนใหญ่แต่งกายด้วยชุดที่คล้ายทหาร และบางคนให้ชุดเกราะขนาดใหญ่เดินตรวจตราอย่างเข้มงวด

         "ประตูทางด้านหน้าจะเป็นเขตกักกันแล้วครับ" เจ้าหน้าที่ที่นำคาระมาเร่งฝีเท้าเดินนำขึ้นไปยังประตูดังกล่าว เพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าหน้าประตู "ขอบัตรด้วยครับ"
         
         คาระยื่นบัตรให้โดยไม่ถอดสายคล้องออกจากคอ เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูหยิบบัตรขึ้นมาดูคร่าวๆ ก่อนจะใช้เครื่องมือที่คล้ายกับไฟฉายส่องไฟสีแดงไปบนบัตร

         "มีอาวุธปืนติดตัวมาหรือไม่ครับ" เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูถาม
         "ไม่มีครับ เอ๊ะ แล้วดาบนี่..." คาระคว้าฝักดาบแล้วบิดตัวให้เจ้าหน้าที่ดู
         "ดาบเอาเข้าได้ครับ" เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูส่งสัญญาณมือให้กล้องวงจรปิดหน้าประตู ประตูจึงเลื่อนเปิดออก

         เจ้าหน้าที่ที่นำทางมาผายมือเชิญอีกครั้งเพื่อให้คาระเดินเข้าไป เมื่อประตูเปิดออก จึงได้เห็นว่าประตูนี้มีความหนาไม่ต่ำกว่าหนึ่งฟุตซึ่งทำจากโลหะ มันจึงเปิดได้อย่างเชื่องช้า
         ภายในนั้นมืดกว่ามากแต่ก็ยังมีแสงไฟสีฟ้าที่สองข้างทางของพื้นส่องสว่างพอที่จะทำให้มองเห็นภายในได้ชัด สองข้างทางเป็นห้องโล่งมีกระจกกั้นไว้ ซึ่งหากสังเกตจะพบว่ากระจกมีความหนาจนเกือยเท่าความหน้าของกำแพงและมีหลายชั้น มันทำขึ้นเพื่อป้องกันบางอย่าง
         ที่สุดของทางเดินมีทางแยกซ้ายขวา เจ้าหน้าที่นำทางจึงเริ่มเดินนำขึ้นมาข้างหน้าเลี้ยวไปทางซ้าย คาระเดินไปตามทางซึ่งมีระยะสั้นกว่าช่วงแรก จนกระทั่งเข้ามาสู่ห้องสีขาวที่คล้ายกับห้องทดลองวิทยาศาสตร์ สิ่งของต่างๆส่วนใหญ่เป็นสีขาวซึ่งทำให้ห้องนี้ดูไม่มีสีสันมากนัก หากไม่นับของตกแต่งเล็กน้อยตามโต๊ะทำงานส่วนตัว
         
         "เข้ามาไม่ทันไรก็มีแขกมาเยี่ยมแล้ว" เสียงหญิงสาวกล่าว

         คาระหันไปตามเสียง หญิงสาวในชุดกาวน์นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานเป็นเจ้าของเสียง เธอรวบผมสีดำไว้แล้วเสียบด้วยปากกาแทนปิ่นปักผม แว่นตากรอบสี่เหลี่ยมที่ดูล้ำสมัยเข้ากันได้ดีกับใบหน้าอันได้รูปของเธอ เธอเป็นคนที่ค่อนไปทางสวยมากกว่าน่ารัก ถ้าหากเธอแก้ปัญหาเรื่องขอบตาดำเพราะพักผ่อนน้อยได้บ้าง

         "ไม่คุ้นหน้าแฮะ ฉันชื่อ ราตรี เธอล่ะ" เสียงของเธอดังเบาไม่สม่ำเสมอ
         "คาระ ครับ" คาระตอบ "เอ่อ ไม่เวียนหัวบ้างหรอครับ" 
         "นี่น่ะหรอ ไม่หรอก ฉันว่ามันทำให้หายเวียนหัวนะ" เธอใช้เท้ายันตัวเองไปข้างๆเมื่อเก้าอี้เริ่มหมุนช้าลง
         "เอ่อ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" เจ้าหน้าที่นำทางไม่รอคำตอบจากคาระก็รีบเดินเร่งฝีเท้าออกจาห้องไปอย่างรวดเร็ว
         "..." คาระยังไม่ทันได้กล่าวขอบคุณได้แต่เอียงคอสงสัย
         "ปล่อยเขาไปเถอะ คงจะเชื่อข่าวลือแปลกๆมานั่นล่ะน้า" ราตรีหยุดเก้าอี้อย่างฉับพลันหันมาทาคาระ "ว่าแต่ อยากพบเธอไม่ใช่หรอ"
         "เอ่อ เฟส ที่ถูกส่งตัวมาเมื่อเช้าครับ" คาระตอบแล้วมองสำรวจรอบห้องที่ดูสว่างอีกครั้ง

         ห้องที่ตกแต่งด้วยสีขาวสะอาดแบบนี้ มันทำให้คาระเริ่มอึดอัด แต่นั่นคงไม่ใช่เพราะห้องดังกล่าว คาระเผลอสบตากับหญิงสาวในชุดกาวน์อีกคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมุมห้อง แม้ว่าจะมองไม่เห็นดวงตาของเธอเพราะเงาของผมที่ปิดบังดวงตาพอดี แต่ก็สัมผัสได้ว่าเธอกำลังมองมาเช่นกัน

         "เอาล่ะ ตามมาสิ เธอคนนั้น ชื่อเฟสสินะ" ราตรีลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วนำทางออกไปนอกห้องตรงทางเดินที่มีไฟสีฟ้า
         "ค..ครับ" คาระดึงความสนใจกลับมาที่ราตรี
         "รู้จักกันอยู่แล้วหรอ" ราตรีถาม
         "เป็นเพื่อนร่วมห้องครับ" คาระตอบขณะที่เดินตามราตรี
         "งั้นเธอก็เป็นนักเรียนมัธยมด้วยหรอ ว้าว ยังอายุน้อยอยู่เลย" น้ำเสียงของเธอดูสนุกสนาน "อายุน้อยเกินกว่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้" ราตรีหันกลับมาชำเลืองไปที่ดาบขอคาระเพียงไม่กี่วินาที

         คาระตระหนักถึงเรื่องที่ราตรีพูด แต่ตอนนี้มันเกินกว่าที่เขาจะถอยกลับแล้วเช่นกัน

         "เธออยู่ในห้องนี้" ราตรีหยุดที่หน้ากระจกของห้องหนึ่งตามทางเดินที่มีแสงไฟสีฟ้า 
         
         ภายในห้องโล่งนั้น เตียงพยาบาลถูกวางไว้กลางห้องซึ่งเฟสได้นอนหลับไหลโดยถูกมัดไว้ด้วยสายรัดหนังตรึงเธอไว้ ที่กำแพงของหองด้านหนึ่งมีบานประตูเหล็กขนาดใหญ่ปิดไว้ ลวดลายบนบานประตูนั้นดึงดูดสายตาของคาระมากกว่า
         
         "คำอวยพร..." คาระเผลอกล่าวออกมาด้วยเสียงแผ่ว
         "อ่านภาษาพวกนั้นออกด้วยหรอเนีย" เสียงของราตรีเรียกสติของคาระกลับมา
         "อ...รู้สึกว่ามันคือ คำอวยพรครับ แค่รู้สึก"
         "หืม น่าสนใจแฮะ" ราตรียื่นหน้าเข้าใกล้ ดวงตาหลังเลนส์ของเธอดูเป็นประกาย

         ตี้ด! ตี้ต! เสียงการสั่นสะเทือนอย่างถี่ เป็นเสียงที่คุ้นเคยของโทรศัพท์มือถือ ราตรีกลับมายืนอย่่างเดิมแล้วล้วงมือไปที่กระเป๋าเสื้อด้านใน ทว่าเธอมีสีหน้าสงสัยก่อนหันมองมาทางาระ

         "ผมไม่ได้พกโทรศัพท์..." คาระล้วงมือไปที่กระเป๋าเสื้อแล้วต้องชะงัก "เอ๋" เขาหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งออกมาแล้วกดรับ

         เสียงปลายสายเงียบ

         "...คาระได้ยินไหม จากวาเลนไทน์"
         "ครับ ได้ยิน"
         "ถ้าเจ้าพบใครก็ตามที่รู้จัก หลีกเลี่ยงเขาไว้ ทางที่ดีอย่าพึ่งออกจากสำนักงาน เท่านี้ล่ะ"
         "เดี๋ยวก่อนครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน"
         "ตอนนี้ยังไม่มีใครกลับมาจากเขตทหารได้ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่อยู่ในเมืองระวังตัวไว้ ข้าจะบอกให้ฟังทีหลัง"

         สายตัดไปทันทีเมื่อวาเลนไทน์พูดจบ

         "มันมาอยู่ในกระเป๋าเสื้อผมได้ยังไงกันนะ" คาระนิ่วหน้า
         "เดี๋ยวก็คงชินล่ะนะ" ราตรีกล่าว
         "ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ที่ไม่รู้อะไรสักอย่างเดียว ถึงแม้ว่าจะอยู่ในเหตุการณ์ก็ตาม"
         
         ราตรีอมยิ้ม

         "ความอยากรู้อยากเห็น อันตรายนะ"

         คาระนิ่งเงียบ ครุ่นคิดกับคำกล่าวนั้น

         "ทางที่ดี สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอก่อนดีกว่า" ราตรีกล่าวอย่างสนุกสนาน

         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×