ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The New Eden สงครามเทวทูตแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #56 : ตอนที่ 8 Annoying Sound.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10
      0
      7 ม.ค. 62

         เสียงเครื่องยนต์ของเรือลาดตระเวนลำน้ำดังสะท้อนไปตามช่องว่างระหว่างอาคาร เป็นเสียงที่ดังพอที่จะรบกวนการใช้ชีวิตตามปกติได้ ทว่าในบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่อาศัยอีกแล้ว

         "เจอตัวประกันสามคน พวกเขาปลอดภัยแล้ว แต่ไม่ใช่สองคนหรือ" หญิงสาวผมสีบลอนด์ทองกล่าวแจ้งให้ทุกคนบนเรือทราบ เธอใช้มือข้างหนึ่งรวบผมไม่ให้ปลิวว่อนมาบดบังการมองเห็นของเธอ

         "คุณวาเลนไทน์ สไวน์น่าจะอยู่กับพวกเขาด้วยครับ เพราะเธอไม่มีเป้าหมายอื่นอีกนอกจากคาระ" เด็กหนุ่มดันแว่นให้เข้าที่ เพราะความโคลงเคลงของเรือทำให้แว่นตาของเขาแทบจะหลุดออกจากใบหน้า

         ฟิ้ว  ตึม!

         เสียงระเบิดจากที่ไกลๆ เริ่มได้ยินชัดขึ้น

         "ใกล้จะถึงพื้นที่การปะทะแล้ว พวกไททันทิ้งให้ Bravo 6 จัดการไป เรานำตัวประกันออกมาเท่านั้น" คิระกล่าวก่อนที่จะสวมฮูดสีดำ

         ไม่นานเรือก็เข้ามาในพื้นที่การรบ เซตเตรียมพร้อมอยู่ที่กราบเรือ เขาเป็นคนแรกที่เห็นเป้าหมาย

         "เจอแล้ว คาระอยู่ทางนั้น" เซตชี้ไปยังตำแหน่งนั้น

         คาระและบีผล็อยหลับไป โดยบีพิงซบอยู่ที่ไหล่ของคาระ สไวน์นอนราบไปกับพื้นโดยมีม้วนผ้ารองเป็นหมอน

         ไม่ทันที่เรือจะเทียบท่าดี เซตกระโดดข้ามกราบเรือขึ้นไปบนฝั่งอย่างรวดเร็ว เขาสำรวจโดยรอบเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย

         เมื่อเจ้าหน้าที่ SA เทียบท่าเรือเรียบร้อยแล้ว คิระก้าวขึ้นบนฝั่งเป็นคนต่อมา ตามด้วยไอน์และวาเลนไทน์

         บีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก เธองัวเงียอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะสะดุ้งโหยง เพราะได้พบกับเซต

         "เซต! นายมาอยู่ที่นี่ด้วยหรอ" 

         "ขึ้นเรือก่อน ฉันจะพาคาระไปเอง" เซตกล่าวและดึงตัวคาระขึ้นบ่า

         วาเลนไทน์เข้าตรวจสอบอาการของสไวน์ เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่เป็นอันตราย เธอจึงบอกให้คิระพาสไวน์ขึ้นเรือไปด้วย

         คาระได้สติอีกครั้งเมื่อขึ้นมาอยู่บนเรือในขณะที่เรือกำลังออกจากท่า เขาได้พบกับเพื่อนๆ คิระและวาเลนไทน์ สไวน์เองแม้ตอนนี้จะยังสลบอยู่ แต่ก็สามารถพาเธอออกมาได้เช่นกัน

         "นี่ บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า" ไอน์ถามพร้อมกับโบกมือไปมาที่หน้าคาระ

         "เอ่อ...ไม่ ไม่รู้สิ"

         ไอน์สำรวจรอบตัวคาระคร่าวๆ "อืม ไม่มีบาดแผลที่เห็นได้เลย กลับไปคงต้องตรวจอีกรอบ"

         คาระไม่ได้สนใจที่ไอน์พูดแม้แต่น้อย เขาพุ่งตรงเข้าไปที่สไวน์ในทันที

         "รุ่นพี่ใบว่าน..." คาระคุกเข่าลงข้างเธอ "รู้จักอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ มัธยมปลาย ปีสาม โรงเรียนหลักเขตที่เจ็ด"

         ทุกคนภายในเรือสนใจข้อมูลที่คาระกล่าว แม้ว่าจะมีอยู่สองคนที่รู้อยู่แล้ว

         "ฉันเคยเห็นเธอในร่างปีศาจมาแล้ว ในร่างแมว และตอนที่เป็นมนุษย์ และเธอก็ได้ช่วยผมเอาไว้...แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมข้อมูลนี้ต้องปิดบังกันด้วย"

         ทุกคนต่างเงียบ ไม่ได้ตอบคำถามของคาระ บีเป็นคนเดียวที่ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เซตที่ยืนรับลมอยู่ภายนอกเองก็ได้ยินสิ่งที่คาระถาม

         "ความจริงแล้ว ผมอาจจะไม่ควรมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก ความสามารถก็ไม่พอที่จะปกป้องตัวเองได้ แถมยังสร้างภาระให้กับคนอื่นอีก..."

         ฟุบ! 

         เซตกระชากตัวคาระขึ้นมาและคว้าคอเสื้อของเขา บีจะลุกขึ้นไปห้าม แต่วาเลนไทน์ขวางเธอไว้

         "ไม่ใช่เวลานี้ ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นความจริง แต่นายไม่ควรมาจิตตกเพราะเหตุผลแค่นี้" เซตกล่าวเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความแข็งกร้าว

         "นายมีพลังมากกว่าฉัน จะเข้าใจอะไรล่ะ" คาระจับข้อมือเซตพยายามสลัดตัวออก ทว่าไม่เป็นผล

         คาระจึงบิดข้อมือเซตจนเขาต้องยอมคลายมือ คาระสลัดตัวหลุดออกมาได้และถอยห่างออกไปที่กราบเรือ

         "ทำบ้าอะไรวะ" เซตเริ่มโมโห

         "ขอโทษด้วยครับ" คาระหันมาที่คิระและวาเลนไทน์ "ผมแค่อยากพัก...เท่านั้น" 

         คาระทิ้งตัวออกไปยังนอกเรือ ร่างเขาร่วงลงสู่พื้นน้ำ ซู่!

         "คาระ!" บีรีบวิ่งไปที่กราบเรือเพื่อช่วยเขา

         "ให้หยุดเรือไหมครับ" เจ้าหน้าที่ถาม

         "ตามเขาไป" คิระกล่าว "เรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาที่นี่ด้วย"

         วาเลนไทน์เหลือบมองคิระทันที เธอไม่เข้าใจการกระทำของเขา ทว่าเธอก็ไม่ได้ทักท้วง 

         คาระโผล่ศีรษะขึ้นเหนือผิวน้ำและว่ายเข้าฝั่งที่ใกล้ที่สุด เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มเพิ่มน้ำหนักให้ตัวเขามาก การปีนขึ้นฝั่งจึงทำได้ลำบาก 

         เรือแล่นวนกลับมาที่ที่คาระทิ้งตัวลงไป ฝั่งที่เขาขึ้นไปนั้นเป็นพื้นที่โล่งๆ มีอาคารล้อมรอบสามด้าน เหมือนกับลานว่างที่ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ของผู้คนในบริเวณนั้น

         เซตกระโดดจากเรือขึ้นสู้ลานว่างนั้น แม้ว่าเรือจะอยู่ห่างจากฝั่งหลายสิบเมตร 
         
         ตึง! 

         แรกกระแทกอัดกระจายออกรอบพื้นที่ที่เซตกระโดดลง เปลวไฟวูบไหวลุกขึ้นทั่วร่างของเขา

         "เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน แต่ไม่ใช่ที่นี่" เซตกล่าวพร้อมกับเดินเข้าใกล้คาระ

         คาระไม่ได้ตอบกลับ และได้ตัดสินใจว่าจะไม่กลับไปอย่างแน่นอน

         "ถ้าอย่างนั้น...นายอยากรู้อะไร ฉันจะตอบให้ตอนนี้เลยก็ได้" เซตเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ


         "...ฉัน"


         คาระถอนหายใจ ก่อนที่จะสูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่


         "...ไม่รู้ว่าอยากจะรู้อะไร"


         เมื่อเซตเข้ามาใกล้ เขาก็คว้ากระชากคอเสื้อคาระดึงประชิดตัว

         "อย่างน้อย ก็ออกจากที่นี่ตามที่รุ่นพี่ใบว่านต้องการได้ไหม"

         คาระถีบเซตอย่างแรง จนเซตกระเด็นออกไป 

         "อย่าทำแบบนั้นอีก" คาระเตือน

         "ถ้าทำแล้วจะทำไมหรอ" เซตลุกขึ้นยืน "รู้ไหม คนอย่างนายน่าจะถูกปีศาจพาไปนรกตั้งนานแล้ว"

         คาระได้ฟังดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

         "ใช่ ตามที่เดานั่นแหละ ฉันเป็นคนส่งนายให้พวกปีศาจเอง ในวันที่ออกจากคาเฟ่"

         คาระกำหมัดแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว

         "แต่นางฟ้านั่น ดันมา..."

         ตุบ!

         คาระยิงหมัดใส่เซต ทว่าเซตกลับใช้มือรับอย่างสบาย เขาจึงเตะเซตที่ข้างตัวแล้วดึงแขนเซตเข้ามาเพื่อจะหักข้อศอก 

         เซตที่ผ่านการต่อสู้มามากกว่าจึงจัดการแก้ทาง และเป็นฝ่ายล็อกแขนคาระไว้แทน

         "อึก ไอสารเลว ไอคนทรยศ" คาระต่อว่าด้วยความเจ็บปวด

         คาระยังไม่ยอมหยุด เขาเตะที่ข้อพับขาให้เซตเสียหลักและศอกหลังเข้าที่ท้อง เซตมีอาการจุกเปิดช่องให้คาระกระแทกฝ่ามือเข้าที่หน้าอย่างแรงจนเลือดกำเดาไหล

         "อึก ไอบ้านี่" เซตสบถ 

         เปลวไฟลุกโชนขึ้นทั้วทั้งร่างเซต ดวงตาของเซตเองก็มีเปลวเพลิงเผาไหม้อยู่ภายใน มือของเซตถูกเคลือบด้วยกำปั้นเหล็กขนาดใหญ่

         "คาระ! เซตหยุดเถอะ" บีพยายามจะขึ้นฝั่งไปห้าม แต่ไอน์ก็ยังขัดขวางเธอไว้

         คาระไม่หวั่นไหวต่อเซต แม้ว่าเซตจะใช้พลังของปีศาจ เขาปล่อยให้ความโกรธเกรี้ยวโหมกระหน่ำภายในจิตใจและยิงไปที่เซต

         เซตเปิดฉากโจมตีก่อน เพียงชั่วพริบตาเซตก็เข้าประชิดคาระและปล่อยหมัดต่อยเข้าที่ท้อง คาระลอยลิ่วกระเด็นออกไป หากเป็นคนทั่วไปอาจได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ทว่าคาระกลับพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้น เลือดจำนวนหนึ่งไหลออกจากช่องปากของเขา

         คาระที่โกรธจนแทบจะขาดสติชักดาบขึ้น ใช้ยันตัวเองและเดินเข้ามาเพื่อฟันเซต แต่ก่อนที่จะมาถึงเซต ดาบกับเปล่งแสงสีส้มราวกับกำลังหลอมตัวมันเอง

         "อึก โอ้ย..." คาระจำต้องปล่อยมือจากดาบ

         เคร้ง

         ดาบหล่นลงพื้น เมื่อหลุดจากมือคาระดาบก็ค่อยๆ กลับเป็นสีเดิมไม่เปล่งแสงอีก ที่ฝ่ามือคาระมีรอยไหม้จากการจับดาบ

         คาระทรุดตัวลงข้างดาบจากอาการบาดเจ็บ 

         "เหอะ ฮ..ฮ่า ฮ่า แม้แต่เธอก็ปฏิเสธฉันงั้นหรอ" คาระรำพันกับตัวเอง

         น้ำตาแห่งความเจ็บปวด อัดอั้นภายในจิตใจก็เอ่อล้นจนไหลออกมา ความโกรธแค้นที่มีมหาศาล แต่กลับไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย เป็นความเจ็บใจที่หนักหนา

         'จงมีความปรารถนาอันไม่สิ้นสุด' 

         คาระร่ายมนตร์ที่ตัวเขาเองก็ไม่คิดว่ามันจะได้ผล เขาเงยหน้าขึ้นมองเซตด้วยความแค้น ดวงตาเปล่งประกายแสงสีน้ำเงิน

         เซตเห็นดังนั้นก็ผงะถอยหลังไปเล็กน้อย ทุกคนบนเรือเองก็มีกิริยาคล้ายกัน คิระกระโดดขึ้นฝั่งเป็นคนแรก วาเลนไทน์รีบชักปืนออกจากซองทั้งสองกระบอก 

         "เจ้าหน้าที่ SA ใกล้ถึงหรือยัง" วาเลนไทน์ถาม

         "ใกล้แล้วครับ" เจ้าหน้าที่ตอบ

         คาระคว้าดาบขึ้นอีกครั้ง และกระโจนเข้าหาหาเซตอย่างรวดเร็ว เซตที่ไม่ทันตั้งตัวเห็นดังนั้นไม่สามารถหลบได้ทันแล้วก็เผยลอยยิ้มอันมีเลศนัย

         คาระเงื้อดาบจะฟันเซต แสงสีส้มจากตัวดาบก็เปล่งขึ้นอีกครั้ง 

         "อ้า!" คาระร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ยอมปล่อยดาบ 

         ฉ่า

         ความร้อนที่เพิ่มมากขึ้นค่อยๆ แผดเผาฝ่ามือของคาระ เขาพยายามฝืนที่จะใช้มันโจมตีเซต

         คิระที่เข้าถึงตัวคาระได้หยุดมือคาระไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว

         "ทิ้งดาบไป คาระ" คิระกล่าว

         ดวงตาสีน้ำเงินหันมามองที่คิระ เขาจำดวงตานี้ได้ทันที ดวงตาที่เขาเคยเห็นก่อนที่จะเกิดสงคราม มันต่างจากของนักรบสวรรค์ แม้จะสว่างไสวแต่แปดเปื้อนไปด้วยความเกลียดชัง

         "คาระ..."

         กรี๊ดดดดดดด!!

         คาระอ้าปากกรีดร้องออกมา คลื่นเสียงอัดกระแทกคิระกระเด็นออกจากตัวคาระ เซตที่ถอยออกมาก่อนแล้วต้องใช้มืออุดหูตัวเอง ไฟที่ลุกโชนมอดดับลง ทุกคนบนเรือเองก็ต้องใช้มืออุดหูเสียงแหลมสูงที่คาระปล่อยออกมา 

         เพล้ง!

         กระจกตามอาคารบ้านเรือนแตกกระจายเป็นชิ้นๆ และมันแตกละเอียดอีกครั้งหนึ่งจนกลายเป็นผง

         กำแพงเสียงรอบตัวคาระระเบิดออก ก่อนที่เขาจะหยุดกรีดร้อง

         ขนนกสีดำโปรยปรายลงจากมา ท้องฟ้าก่อนเที่ยงในวันที่อากาศโปร่งใสกลับสลัว เมฆอันขมุกขมัวเริ่มก่อตัว

         เรือลาดตระเวนลำน้ำเข้ามาในพื้นที่อีกสองลำ บรรทุกเจ้าหน้าที่ SA พร้อมอาวุธเต็มอัตรา 

         "อย่าพึ่งทำอะไร" วาเลนไทน์ร้องห้ามแล้วเธอก็กระโดดขึ้นฝั่งไปช่วยคิระ

         คาระยืนนิ่งมองดูผู้คนตรงหน้าเขา แววตาของคนที่มองมาดูตื่นกลัว ทัศนวิสัยแคบลงแต่กลับรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ออกมาจากตัวแต่ละคน ความร้อนจากดาบเริ่มลดน้อยลง เมื่อยกมันขึ้นดู มือและแขนของเขาก็ถูกพันธนาการด้วยเชือกสีดำตรึงมือเขากับดาบไม่ให้แยกออกจากกัน

         ทั้งตัวของคาระถูกสวมทับด้วยเกราะที่ดูน่าขนลุก เต็มไปด้วยพลังเวท ความรู้สึกถึงอวัยวะบางส่วนที่อยู่ด้านหลังเริ่มรู้สึกคุ้นเคย เมื่อบังคับให้มันยื่นมาด้านหหน้า คาระเองก็รู้สึกประหลาดใจ มันคือปีกขนนกสีดำ ที่เขาสามารถควบคุมมันได้

         คึกๆๆๆๆๆ 

         คาระรำพึงบางอย่างออกมา ทว่ามันกลับอยู่แค่ในลำคอ แล้วเปล่งออกมาเป็นเสียงแปลกๆ 

         ภาพต่างๆ ที่คาระได้เจอและเกลียดมัน ฉายเข้ามาในหัว จนเขาเริ่มทนไม่ไหว

         "คาระตั้งสติไว้" คิระยันตัวขึ้นและร้องเรียก "อย่าสนใจสิ่งที่เห็น"

         คาระได้ยินเสียงของคิระ ทว่าภาพที่ได้เห็นมันดึงความสนใจเขาไป และภาพความทรงจำสุดท้าย หยุดอยู่ที่ นักรบสวรรค์ผมสีเงิน ดวงตาสีน้ำเงินที่เป็นประกาย เธอยิ้มให้คาระ และนั่นคือรอยยิ้มที่กรีดหัวใจของเขา

         ก๊าซซซ! 

         คาระคำรามลั่น ส่งคลื่นเสียงออกไปรอบตัว





         นักรบในชุดเกราะหนาเตอะหย่อนตัวลงบนยอดตึกอย่างแผ่วเบา เพราะมีปีกสังเคราะห์ที่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างช่วยพยุงตัวเอาไว้

         "มนุษย์เริ่มรบกันในพื้นที่นี้แล้วครับ"

         "พวกปีศาจเองก็เริ่มสุมกำลังแล้ว พวกมันมีจุดร่วมกันหรือ" นักรบหญิงสาวร่างสูงครุ่นคิด

         ผ้าคลุมสีแดงโบกพลิ้วตามสายลมบนยอดตึก ทว่าเธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง นอกจากนักรบสวรรค์อีกหน่วยหนึ่งแล้ว หัวหน้านักรบสวรรค์อีกสององค์ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

         "ฟาเรนไฮต์เจ้าไหวหรือไม่" นักรบสวรรค์ที่สวมเกราะอ่อนซึ่งถือคันธนูขนาดใหญ่ถาม

         "ข้าไม่เป็นอะไร โรไมน์ แค่ช่วงนี้มันเกิดขึ้นบ่อย" 

         ที่ใบหน้าฟาเรนไฮต์เป็นสีชมพูเข้มคล้ายสีแอปเปิ้ล เธอหายใจหอบ มือกุมที่หน้าอก

         "เกิดอะไรกับเจ้าเด็กหนุ่มนั่นอีกแล้วหรือ" เซลซิลีผู้สวมผ้าคลุมสีแดงถามต่อ

         "คงจะเป็นอันตรายเพียงเล็กน้อยค่ะ ท่านพี่" ฟาเรนไฮต์ถอดหมวกเกราะเหล็กออก

         "หน่วยกริฟฟอน ล่วงหน้าไปก่อน ข้าจะตามไป" เซลซิลีออกคำสั่ง "โรไมน์ดูแลฟาเรนไฮต์ด้วย ถ้าพร้อมค่อยตามมา"

         "รับทราบค่ะ" โรไมน์ตอบรับ

         กริฟฟอนตัวใหญ่ ครึ่งตัวด้านหน้าเป็นอินทรี ครึ่งหลังเป็นสิงโต มีนักรบสวรรค์เป็นผู้บังคับ พวกมันกระโจนออกจากยอดตึกและบินนำออกไป ซึ่งในหน่วยหนึ่งจะมีสามถึงสี่ตัว

         หน่วยกริฟฟอนบินออกไปได้ไม่นาน ฝูงปีศาจค้างคาวโฉบตัดเข้ามากลางหน่วยกริฟฟอนโจมตีนักรบสวรรค์ ทว่านักรบหน่วยกริฟฟอนไม่ได้อ่อนหัด พวกเขาควงง้าวยาวที่ใช้ฟาดฟันจากบนหลังของกริฟฟอน สังหารค้างคาวที่เข้ามาในระยะ  ค้างคาวบางส่วนถูกกริฟฟอนขย้ำกลางอากาศ ก่อนที่จะถูกโยนทิ้งลงสู่พื้นเบื้องล่าง

         นักรบปีศาจที่คุมฝูงค้างคาวมาเห็นท่าไม่ดี จึงสั่งให้พวกมันบินหนีไปอีกทางหนึ่ง

         หน่วยนักรบของเซลซิลีบินตามมาทีหลัง เห็นฝูงปีศาจค้างคาว เซลซิลีจึงสั่งให้หน่วยของเธอและกริฟฟอนไล่ตามไป


         "แสงสว่างวูบวาบดุจเหล่าแมลง เกลซี ขอพระองค์เมตตาข้าด้วย"


         นักรบหญิงในชุดเกราะที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับแมลง ปีกของเธอไม่ใช่ขนนกแต่เป็นปีกของแมลงที่มีสีเหลือบรุ้ง รอบตัวเธอเต็มไปด้วยฝูงแมลงที่แต่ละตัวมีขนาดใหญ่

         "ข้าจัดการทางนี้เอง" เซลซิลีบินฉีกออกจากกลุ่มพุ่งตรงเข้าไปที่นักรบชุดแมลง

         ดวงตาสีส้มสว่างจ้องมองมาที่ผู้ท้าทายที่บินตรงเข้าหาเธออย่างเด็ดเดี่ยว เธอจึงสั่งให้ฝูงแมลงเข้าโจมตี

         ผมสีฟ้าเข้มของเซลซิลีสยายออกแล้วกลายเป็นสีแดงเพลิง ดวงตาเปล่งประกายกลายเป็นสีแดง เธอชี้หอกไปที่ด้านหน้าและเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นปกคลุมรอบตัวเธอ

         ฝูงแมลงที่บินเข้าปะทะกับเซลซิลีถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าหายไปในอากาศ เซลซิลีพุ่งตรงเข้าหาเกลซีอย่างมุ่งมั่น

         เกลซีประมาทเซลซิลีเกินไป เธอจึงหลบไม่ทัน มีแต่ต้องปะทะโดยตรงเท่านั้น


         'จงปราบศัตรูของข้าให้พ่ายพลัน'


         นักรบหญิงทั้งสองภาวนา 

         ตูม!

         ทั้งเซลซิลีและเกลซีต่างถูกผลักออกไปคนละทาง แต่ทั้งสองก็ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว

         "ฮิๆๆ เจ้ามีความมุ่งมั่น" เกลซีกล่าว

         "เจ้าคือนางฟ้าตกสวรรค์สินะ เจ้ายังออมมือให้ข้า" 

         "โอ้ เจ้ามองเห็น งั้นข้าจะมอบรางวัลให้"

         เกลซียื่นมือออกมาด้านหน้า แสงสว่างวาบอันน่าสยดสยองฉายออกมาจากมือของเธอ เซลซิลีถูกแสงนั้นรบกวนการมองมองเห็น มันสว่างต่างจากแสงอาทิตย์ทว่ามันก็สว่าจนเซลซิลีต้องเบือนหน้าหนี 

         ในจังหวะนั้นเอง คลื่นพลังถูกยิงเข้าใส่เซลซิลีอย่างจัง จนร่างของเธอลอยลิ่วไปไกล 

         ฟาเรนไฮต์และโรไมน์ที่บินตามมาเห็นร่างของเซลซิลีกระเด็นมา พวกเธอจึงเข้ารับร่างเซลซิลีไว้

         "อุ๊บ ท่านพี่เซลซิลี" นักรบทั้งสองอุ้มร่างของเธอไว้

         "จับตัวนางฟ้าตกสวรรค์ให้ได้" เซลซิลีกล่าวเสียงแผ่ว

         นักรบสวรรค์ทั้งสองหันมองไปยังนักรบหญิงที่สวมเกราะคล้ายแมลง แรงกดดันรอบตัวเธอนั้นต่างจากปีศาจ

         กรี๊ดดดดด!!

         เสียงกรีดร้องดังขึ้น สะท้อนไปมาระหว่างตึกเบื้องล่าง มันกังวานไปทั่วทั้งเขตเมืองเก่า

         "นั่นเสียงอะไร" โรไมน์ถาม 

         ฟาเรนไฮต์ เมื่อเธอได้ยินเสียงนั้น สีหน้าของเธอก็ไม่สู้ดีนัก บางสิ่งในจิตใจกำลังทำให้เธอหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ

    "อา สังเวยนับพัน เพื่อหนึ่งความสำเร็จ นับว่าคุ้มค่า" เกลซีหันไปตามเสียง

         โรไมน์เห็นท่าไม่ดีจึงดึงสายธนูของเธอเล็งมาที่เกลซี ฟิ้ว ลูกธนูโปร่งใสพุ่งไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ทว่า นักรบปีศาจอีกตนหนึ่งเข้ามาขวาง มันใช้โล่เข้ามาป้องกันให้เกลซี

         นักรบปีศาจอีกหลายตนปรากฏกายขึ้นล้อมรอบตัวเกลซี 

         "ข้าต้องไปแล้ว เจ้าหนุ่มนั่นกำลังรอพวกเรา" เกลซีกล่าวก่อนที่จะร่ายมนตร์

         วงแหวนเวทขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เหล่านักรบปีศาจค่อยๆ ลอยผ่านวงแหวนเวทเหล่านั้น

         "ถึงเวลาสร้างอีเดนแห่งใหม่แล้ว นักรบสวรรค์หรือนักรบปีศาจก็มิอาจช่วยได้"

         "โรไมน์ ฟาเรนไฮต์ เจ้านั่นกำลังนำนักรบข้ามเขตแดน" เซลซิลีกล่าว

         โรไมน์ได้ยินดังนั้นจึงแหงนหน้ามองขึ้นสู่ท้องฟ้า

         "เคลวินี แจ้งท่านเรเดียน" โรไมน์กล่าวด้วยเสียงปกติ แต่เสียงนั้นก็ส่งถึงเคลวินีที่อยู่บนวิหารเหนือขึ้นไปได้

         "รับทราบค่ะ" เคลวินีซึ่งใช้ไม้เท้าเป็นตัวรับสัญญาณรีบวิ่งไปที่วิหารใหญ่

         ด้วยรูปลักษณ์ที่เคลวินีตัวเล็กและสวมชุดผ้าคลุมที่รุ่มร่ามทำให้เธอเคลื่อนที่ได้ลำบาก แต่เคลวินีก็ใช้การบินต่ำๆ ไปแทน

         รูฟัสที่ผ่านมาเห็นพอดี จึงรีบตามเคลวินีไปด้วยความสนใจ เมื่อไปถึงโถงที่ท่านเรเดียนอยู่ บรรดาหัวหน้าหน่วยนักรบกลับมารอกันในโถงอยู่แล้ว

         "ท่านเรเดียน นางฟ้าตกสวรรค์ เกลซี นำนักรบปีศาจบางส่วนข้ามเขตแดนไปแล้วค่ะ" เคลวินีแทรกตัวผ่ากลุ่มหัวหน้าหน่วยเข้าไป

         "งั้นรึ" เรเดียนดูไม่ร้อนใจ "รูฟัสและเอมมา นำนักรบไปช่วยเซลซิลี"

         "รับทราบ ครับ/ค่ะ" 

         รูฟัสที่พึ่งเข้ามาในโถงก็ต้องตกลงรับคำสั่งทั้งที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ หญิงสาวนักรบสวรรค์อีกคนหนึ่ง เหวี่ยงฆ้อนเหล็กขนาดใหญ่ขึ้นบนบ่าของเธอ 

         "หากจำเป็น สังหารนางฟ้าตกสวรรค์ทั้งสองได้ทันที" เรเดียนกล่าวทิ้งท้าย

         เมื่อหัวหน้านักรบทั้งสองพร้อม เรเดียนเปิดประตูข้ามเขตแดนให้พวกเขา วงแหวนเวทขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เหล่นักรบทิ้งตัวลงผ่านวงเวทดังกล่าวและพุ่งตัวลงสู่นครเบื้องล่างของมนุษย์



         กริฟฟอนและนักรบสวรรค์อีกหน่วยหนึ่งไล่สังหารปีศาจค้างคาวจนหมดสิ้น ก่อนที่พวกเขาจะกลับไปรายงานต่อเซลซิลี วงแหวนเวทก็วิ่งผ่านพวกเขาทั้งหมด ทำให้พวกเขาข้ามเขตแดนมาแล้ว

         "ท่านหัวหน้าหน่วยคงก้าวผ่านเขตแดนมาเช่นกัน กลับไปรายงานก่อน" หน่วยกริฟฟอนกล่าว



         ฟาเรนไฮต์ โรไมน์และเซลซิลี บินไล่ตามนักรบปีศาจที่บินลัดเลาะไปตามแนวอาคารบ้านเรือน ระหว่างทางมีการปะทะกันประปราย

         ฟาเรนไฮต์เสกลิ่มน้ำแข็งขึ้นมาเพื่อใช่ยิงโจมตีนักรบปีศาจที่คุ้มกันเกลซีด้านหลัง  โรไมน์ที่บินอยู่สูงกว่าคอยโจมตีสนับสนุนจากด้านบน

         นักรบปีศาจที่หันกลับมาขัดขวาง เซลซิลีเป็นผู้ที่เข้าปะทะคุ้มกันให้ฟาเรนไฮต์ เซลซิลีอาศัยจังหวะที่ปีศาจบินเข้ามา หาช่องว่างและแทงเข้าจุดอ่อนในครั้งเดียวแล้วเธอก็สลัดร่างของมันทิ้งลงน้ำไป

         ลูกไฟถูกยิงสวนกลับมาที่เซลซิลี ทว่าเธอก็ใช้มือรับลูกไฟที่ถูกยิงมาได้อย่างง่ายดาย ฟาเรนไฮต์บินนำขึ้นไปด้วยความเร็วสูง ไล่ตามกองนักรบปีศาจจนทัน จากนั้นจึงตวัดดาบฟันให้นักรบปีศาจเสียหลักชนเข้ากับอาคาร

         "เก็บเจ้านั่นให้ได้" เกลซีสั่ง 

         นักรบปีศาจทั้งหมดหันกลับมาพุ่งเป้ามาที่ฟาเรนไฮต์ พวกมันขวางกั้นไม่ให้ติดตามเกลซี 

         ลูกธนูพุ่งแหวกอากาศพุ่งเข้าเจาะศีรษะของนักรบปีศาจตนหนึ่งทะลุออกด้านหลังไปทันทีที่พวกมันหยุดนิ่ง โรไมน์ดึงสายธนูเล็งเป้าหมายต่อไป

         ฟาเรนไฮต์ยิงลิ่มน้ำแข็งใส่ศัตรูตรงหน้า แต่มันใช้ดาบปัดป้องไว้ได้ แต่ภายในพริบตาเดียว เธอก็เสียบดาบทะลุร่างของของมันเรียบร้อยแล้ว เลือดสีดำไหลรินลงสู่ผิวน้ำเบื้องล่าง

         เซลซิลีบินโฉบเข้ามาใช้หอกแทกเข้าเป้าหมายของเธอ และใช้เวทมนตร์ไฟแผดเผาร่างของปีศาจจนกลายเป็นเถ้า

         เหล่านักรบปีศาจไม่หวั่นเกรงต่อพวกเธอแม้แต่น้อย ซ้ำยังพุ่งเข้าหานักรบสวรรค์เพื่อสังหารให้สำเร็จ

         ด้วยจำนวนนักรบปีศาจที่มีมากกว่า เซลซิลี โรไมน์และฟาเรนไฮต์ ต้องขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น อย่างน้อยก็เพื่อกันศัตรูไม่ให้เข้าโจมตีด้านหลัง 

         "เสียงกรีดร้องนั่น มันอะไรกัน" เซลซิลีถาม

         "ไม่ทราบค่ะ แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่" โรไมน์กล่าวพร้อมดึงสายธนู 

         "ถ้างั้นรีบจัดการเจ้าพวกนี้ แล้วไปหาคำตอบกัน" 

         นักรบปีศาจพุ่งตัวเข้าหานางฟ้าทั้งสาม แต่ก่อนที่จะเข้าใกล้ กระสุนสีแดงพุ่งปะทะตัวของนักรบปีศาจทำให้มันชะงัก เพราะบาดเจ็บ กระสุนสีแดงจำนวนมากถูกยิงลงมาสกัดกั้นการโจมตี กริฟฟอนบินโฉบลงมาเข้าขย้ำร่างนักรบปีศาจ ชื้นส่วนของเกราะถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ จากปากและกรงเล็บอันแหลมคมของอินทรี

         "ท่านทั้งสามนำไปก่อน" นักรบสวรรค์ควบกริฟฟอนเข้าโจมตีเปิดทางให้

         ฟาเรนไฮต์ออกบินนำไปก่อน ตามด้วยเซลซิลีและโรไมน์ 

         ลูกกระสุนวิ่งผ่านด้านล่างของนางฟ้าทั้งสามไปมา บริเวณที่พวกเธอบินผ่านเริ่มเป็นส่วนที่ไททันเริ่มปะทะกับฝ่ายทหาร พื้นที่ลานว่างระหว่างอาคารกลายเป็นพื้นที่ติดตั้งอาวุธที่หนักขึ้น อย่างเครื่องยิงลูกระเบิดวิถีโค้ง พวกมันถูกยิงข้ามตึกไปลงยังที่กำบังของอีกฝ่าย

         ตึกหลายตึกถูกระเบิด ทำลาย มีช่องโหว่ทะลุตึกมากมาย บางอาคารมีรอยแหว่งขนาดใหญ่

         "อีกไม่ไกลจะถึงตัวเธอแล้ว" โรไมน์สัมผัสได้ถึงพลังที่อยู่ไม่ไกล

         เพียงชั่วครูพวกเธอทั้งสามก็ไล่ตามเกลซีทัน เกลซียืนเด่นเป็นสง่าที่แนวอาคารตรงข้ามลานว่างที่ขั้นกลางระหว่างพวกเธอ 

         บรรยากาศกดดันและตึงเครียดแผ่กระจายไปทั่วบริเวณกลุ่มเมฆที่ขมุกขมัวมารวมตัวกันที่แห่งนี้เพียงแห่งเดียว ทั้งที่เป็นช่วงกลางวัน

         ที่บริเวณลานว่าง ขนนกสีดำรายล้อมรอบตัวของนักรบผู้มีปีกขนนกสีดำ พลังเวทกระโชกรุนแรงดั่งลมพายุ มันกระโชกไปมารอบตัวของเขาส่งให้ขนนกปลิวว่อน

         ไม่มีผู้ใดที่กล้าเข้าใกล้นักรบสีดำนี้ ตัวเขาดำมืดเทียบเท่ากับคิระ ทว่ากลับแสดงความทุกข์ทรมานแสนสาหัสออกมาทางคลื่นวิญญาณ ทุกคนต่างรับรู้ได้แม้กระทั่งมนุษย์ธรรมดาทั่วไป

         "นั่น...เสียงสะท้อนหรือ" เซลซิลีกล่าวถามอย่างกังวลใจ

         ทว่ากลับไม่มีใครตอบคำถามนั้นให้เธอได้

         ดาบในมือของนักรบสีดำถูกพันไปด้วยเส้นสายสีดำที่ราวกับมีชีวิต และดาบยังคงปฏิเสธผู้ที่ถือมัน แสงสีส้มที่เปล่งออกจากด้ามดาบคือความร้อนอันมหาศาล ผู้ที่ถือมันก็อยากจะปล่อยมันทิ้งไป แต่กลับทำไม่ได้

         ในที่สุดดาบในมือนักรบสีดำก็เรียกร้องหาเจ้านายเดิมของมัน เขาชี้ดาบมาที่ฟาเรนไฮต์อย่างรวดเร็วและพยายามเอื้อมมือให้ถึงเธอ ทั้งที่ตัวของเขาไม่ขยับแม้แต่น้อย 

         คึกๆๆๆ

         วาเลนไทน์ที่เห็นดังนั้นถึงกับหลบหน้า เจ้าหน้าที่ SA ต่างอึ้งกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น ไม่มีคำสั่งใดจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง ไม่มีวิธีปฏิบัติเมื่อต้องเจอสถานการณ์ดังกล่าวบอก

         เกลซียกมือข้างหนึ่งขึ้น รอยประทับฝ่ามือก็ปรากฏบนแผ่นเกราะอกของนักรบสีดำ หรือคาระที่ได้กลายร่างไปแล้วนั้น


         "อยู่ใต้คำบัญชาข้า แล้วข้าจะปลดปล่อยเจ้า"


         เกลซีประกาศก้อง





    ...

    ...

    ...


    ตอนที่ 8 Annoying Sound.




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×