ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The New Eden สงครามเทวทูตแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #62 : ตอนที่ 14 Use of Force (III)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12
      0
      1 ก.พ. 62



         ความอบอุ่นไล่สัมผัสผิวกายจากด้านข้างของลำตัวฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งช้าๆ แม้จะรู้สึก แต่กลับไม่สามารถตอบสนองต่อมันได้ 

         จนกระทั่งมีแรงสั่นสะเทือนและเสียงที่แหวกอากาศเข้ามาใกล้ เสียงเหมือนกับบางอย่างกำลังโบกสะบัดอากาศอย่างรวดเร็ว

         ...นกงั้นหรอ


         หัวหน้าทีมบราโว่รู้สึกตัวตื่นขึ้น สิ่งแรกที่มองเห็นคือท้องฟ้าที่มีสีส้มอ่อน และกำลังกลายเป็นสีฟ้า
         เขาหันมองไปด้านข้าง บางสิ่งที่อยู่ตรงนั้นทำให้เขาตกใจจนต้องรีบลุกขึ้นควานหาปืนของตนเอง
         มันคือร่างของปีศาจที่ทอดร่างอยู่กับพื้นไม่ไหวติง ตามชุดเกราะเต็มไปด้วยรอยกระสุนขนาดต่างๆ ทั้งที่ยิงเข้าและไม่เข้า
         ทันทีที่ยืนขึ้นแรงดึงดูดอันมหาศาลของโลกก็แทบจะดึงร่างเขากลับลงไปในทันที ศีรษะหนักอึ้งและคราบเลือดเปรอะเปื้อนใบหน้าที่เริ่มแห้ง

         "หัวหน้า...ผมหาตั้งนาน" เสียงชายหนุ่มเรียกหาเขาไม่ไกลนัก

         หัวหน้าทีมบราโว่จึงหันไปตามเสียง 

         "อา...ผมเจอพวกเขาหลายคน แต่ผมไม่มั่นใจว่าพวกเขายังหายใจอยู่ไหม" ลูกทีมบราโว่พยุงตัวเองเดินเข้ามาใกล้ 

         แขนเสื้อของเขาถูกเผาไหม้จนเหลืออยู่แค่ที่ต้นแขน เลือดสีแดงยังคงไหลออกมาตามแขนที่ปล่อยทิ้งลงมาราวกับมันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของร่างกายอีกต่อไป

         ตุบ!
         ทั้งสองหันไปมองตามเสียง

         นักรบสวรรค์หญิงสาวปรากฏตรงหน้าพวกเขา ทั้งสองทึ่งกับสิ่งที่ได้เห็นจนทำอะไรไม่ถูก ในตอนนั้นเองที่ด้านหลังของทั้งสอง

    ตึง!!

         นักรบปีศาจร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงมาประจัญหน้ากับนักรบสวรรค์หญิงสาว มันไม่ได้สนใจมนุษย์ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

         "หลบออกไป" นักรบสวรรค์กล่าว "นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า"

         เธอเงื้อมือยกคันธนูขึ้นเล็งไปด้านหน้า มืออีกข้างหนึ่งพยายามดึงสายธนู ทว่าแขนของเธอกลับไม่มีเรี่ยวแรง ของเหลวสีแดงไหลและหยดลงบนพื้น

         "...หึๆๆ" นักรบปีศาจหัวเราะในลำคอและชี้ปลายดาบมาที่เธอ

         ปลายดาบของมันมีคลาบเลือดติดอยู่ ทหารทั้งสองรู้ทันทีว่านั่นเป็นเลือดของผู้ใด
         หัวหน้าทีมบราโว่ดันตัวลูกทีมออกจากถนน ขืนอยู่ต่อไปก็มีแต่จะเอาชีวิตของลูกทีมไปทิ้ง

    ปัง!! 
         ลูกกระสุนพุ่งเข้าที่หมวกเกราะของนักรบปีศาจ เคร้ง! หน้าของมันสะบัดขึ้นไปด้านบน 

         กระสุนที่พอจะทำแบบนั้นได้จะต้องมีอำนาจที่มากพอ ซึ่งไม่ได้มาจากปืนไรเฟิลจู่โจมของพวกเขาอย่างแน่นอน แต่จะต้องเป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิงของทีมอัลฟ่า

         แต่...ยิงมาจากที่ไหน

         หัวหน้าทีมบราโว่รีบสอดส่องหาตำแหน่งพลซุ่มยิงนั้น

    ปัง!!
    ฉัวะ! นัดนี้เข้าที่ลำคอของมัน เลือดสีดำกระเซ็นออกมาจากช่องเกราะ แต่ไม่ลึกพอที่จะสังหารมัน

         นักรบปีศาจเสกลูกไฟขึ้นที่มือ และยิงมันออกไปที่เศษซากอาคารที่ถล่มลงจากการต่อสู้

    ตูม!! 
         ซากปรักหักพังปลิวกระจายขึ้นไปบนอากาศจากแรงระเบิดที่ด้านหลังของกลุ่มฝุ่นควัน ร่างของทหารกระโจนหลบออกมากลางถนนพร้อมกับปืนไรเฟิลยาว
         ลูกไฟลูกที่สองพุ่งตรงไปที่ตำแหน่งของเขาซ้ำในทันที 

    ตูม!! 
         นักรบสวรรค์ใช้ปีกขนนกรับลูกไฟไว้แทน แรงระเบิดอัดร่างของเธอกระเด็นออกไป

         "อึก หนีไป..." 
         "อา เผยตัวออกมาแล้ว ข้าคาดไว้แล้วว่าต้องมีใครติดตามข้ามาอย่างแน่นอน"
         "เราต่างก็เป็นนักล่าด้วยกัน ต้องคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว" ลูกทีมอัลฟ่าโต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว
         "เมื่ออยู่กันต่อหน้า เจ้าจะต่อกรกับข้าได้อย่างไรกัน" นักรบปีศาจหันปลายดาบไปที่เขา
         "ไม่ คนที่แกต้องสู้ด้วยไม่ใช่ผม"

         นักรบปีศาจเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในทันที

    ฟิ้ว
         เพียงชั่วพริบตานางฟ้าผมสีเงินได้พุ่งตัวลงมาแทงหอกเสียบทะลุหมวกเกราะเข้าไปจนถึงกลางลำตัวของนักรบปีศาจ เลือดสีดำของมันพวยพุ่งราวกับน้ำพุ
         เธอหมุนตัวลงมายืนที่พื้นและตวัดหอกออกไปข้างตัว 

    ตึง
         ร่างนักรบปีศาจกองลงแน่นิ่งที่พื้น

         "โรไมน์ อภัยให้ข้าด้วย ที่ทิ้งให้เจ้าต่อสู้เพียงลำพัง" เธอรีบเดินเข้าไปหานักรบสวรรค์ตนแรกที่กำลังยันตัวขึ้น
         "ไม่ ฟาเรนไฮต์ เจ้าเองก็ต้องต่อสู้เพียงลำพัง ข้าเลือกที่จะเปิดทางให้เจ้าตามคาระไปได้ และนั่นคงช่วยเจ้าได้ส่วนหนึ่ง"
         "ช่วยได้มากเลย" ฟาเรนไฮต์พยุงตัวโรไมน์ขึ้น

         เมื่อโรไมน์ตั้งตัวได้ ความสงสัยต่อทหารหนุ่มพลซุ่มยิงก็ผุดขึ้นมา

         "เจ้าต่อกรกับมันอย่างกล้าหาญ เจ้าติดตามมันมาตลอดคืนเลยหรือ"
         "หลังจากที่หลงกับทีม บังเอิญไปพบคุณเข้า ผมเลยซ่อนตัวสักพัก จนกระทั่งพบเจ้านั่นไล่ล่าคุณอยู่"
         "ข้าต้องขอบใจ ทว่า..." สีหน้าของโรไมน์ดูจริงจังขึ้น "พวกเจ้าต่อกรกับพวกมันไม่ไหวแน่ ปล่อยให้พวกเราจัดการเถิด"

         เมื่อสิ้นสุดคำพูด นักรบสวรรค์ทั้งสองหวังว่าพวกเขาจะถอนตัวกลับออกไป พวกเขาพลัดหลงกัน อาวุธไม่เพียงพอ และหลายคนบาดเจ็บ

         "ใช่ คุณอาจจะเก่งกว่า" ลูกทีมอัลฟ่ากล่าวขึ้น "แต่คุณมั่นใจในตนเองเกินไป"

         เขาชี้มือไปที่โรไมน์

         "อาวุธของคุณ มันออกแบบมาให้ใช้ในระยะไกล เมื่อถูกบังคับให้สู้ระยะประชิด คุณไม่ถอย ไม่หลบซ่อน รอคอยจังหวะที่ได้เปรียบ นั่นทำให้คุณเสียเปรียบนะ"

         "เจ้า!..." 

         "ผมติดตามเฝ้าดูคุณและเจ้านั่นมาเกือบทั้งคืน เป็นความจริงที่เราอ่อนแอ เรารู้ตัวดี นั่นทำให้เราพัฒนา ไม่ว่าจะการอำพราง หลบหลีก หรือซ่อนเร้น แล้วรอโอกาส"

         โรไมน์ไม่ได้โต้ตอบใด ๆ ต่ออีก

         "อย่างไรก็ตาม หนทางข้างหน้านั่น ศัตรูจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ พวกเจ้าจะตายอย่างสูญเปล่า" ฟาเรนไฮต์กล่าวเตือน 

    พรึบ! วูบ
         นักรบสวรรค์ทั้งสองบินขึ้นสู่ท้องฟ้าจากไป

         หัวหน้าทีมบราโว่ ลูกทีมบราโว่และอัลฟ่า ทั้งสามรวบรวมอาวุธที่พอใช้การได้จากหน่วยรีคอนที่เสียสละยันพวกปีศาจเอาไว้ 
         หน่วยรีคอนจำนวนมากเสียชีวิตบนถนนเส้นนี้พร้อมกับซากปีศาจจำนวนมาก

         "อ่า ให้ตายสิ" ลูกทีมบราโว่จับแขนข้างที่บาดเจ็บของเขา "แขนผม มันเริ่มไม่รู้สึกอะไรแล้วครับ"
         "เก็บป้ายชื่อของพวกเขาเท่าที่ทำได้ แล้วเอากลับไป ไม่ต้องห่วงพวกเรา" หัวหน้าทีมกล่าว
         "ครับ ก็ได้ครับ" ลูกทีมตอบรับอย่างไม่เต็มใจมากนัก แต่หากอยู่ต่อไปก็มีแต่จะกลายเป็นภาระ


         หัวหน้าทีมบราโว่และพลซุ่มยิงจากทีมอัลฟ่าออกตามหาลูกทีมคนอื่น ๆ ในบริเวณดังกล่าว ลึกเข้าไปในเขตปกครองของปีศาจมากขึ้น
         จนในที่สุดพวกเขาก็พบลูกทีมคนอื่น ๆ ที่เหลือ
         หัวหน้าทีมอัลฟ่า ลูกทีมอัลฟ่าและบราโว่ นาวิกฯจากรีคอน ซีล และเจ้าหน้าที่ SA พวกเขานั่งรวมกันเป็นกลุ่ม มีนักรบปีศาจยืนคุมล้อมรอบพวกเขา ภายในโถงของอาคารที่ดูเหมือนจะเป็นโรงแรม ส่วนที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือน ทว่า ตอนนี้มันกลับร้างและเต็มไปด้วยร่องรอยจากการสู้รบ

         "จะรออะไร สังเวยพวกมันแด่นายของเราซะ" นักรบตนหนึ่งกล่าวเสียงกร้าว
         "ไม่ พวกมันยังเหลืออีก ใช้พวกนี้ล่อส่วนที่เหลือออกมา"
         "อย่างน้อย หนึ่งคน ใช้เลือดสด ๆ ลากตัวพวกมันออกมา"

         นักรบปีศาจคว้าตัวเจ้าหน้าที่ SA ระดับสูงขึ้นมาจากกลุ่ม คนอื่น ๆ พยายามรั้งไว้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้
         ปลายดาบเสียบทะลุร่างของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว เมื่อมันดึงดาบออกเลือดในตัวก็สาดกระเซ็นออกไปโดนกลุ่มที่นั่งบางส่วน
         พวกมันนำร่างที่บาดเจ็บเจียนตายนั้นตรึงเข้ากับไม้กางเขน และใช้หมุดเหล็กขนาดใหญ่ตอกเข้าที่ข้อมือและข้อเท้าตรึงไว้กับท่อนไม้ แล้วนำไปแขวนกลับหัวไว้บนระเบียงของอาคาร ปล่อยให้เลือดไหลไปตามแรงดึงดูดของโลก

         "ไอเวรเอ้ย" หัวหน้าทีมบราโว่ที่ซุ่มดูอยู่อีกฝั่งหนึ่งของอาคาร มองเห็นเหตุการณ์นั้นทั้งหมด

         สายตาของเจ้าหน้าที่ SA ระดับสูงมองมาทางที่หัวหน้าทีมบราโว่และพลซุ่มยิง จนพวกเขาต้องเบือนหน้าหนี
         นักรบปีศาจตนที่ตรึงกางเขนหันมองตามสายตาคนที่กำลังจะตายไป จนพบกับมุมหนึ่งที่สามารถแอบซุ่มได้
         มันจึงลากหัวหน้าทีมอัลฟ่าออกมาจากกลุ่ม ลูกทีมหลายคนพยายามต่อต้าน จนลูกทีมคนหนึ่งถูกหอกเสียบและโยนร่างของเขาออกไปให้พ้นทาง

         "ไม่นะ!! ไอพวกสารเลว ขอแช่งให้พวกแกไปลงนรก"
         "หึ...นั่นคือที่ที่เราจากมา"

         ครั้งนี้พวกมันจับเขามัดเข้ากับเสา และนำเศษไม้มากองไว้ที่ใต้เท้า

         "เจ้าพวกมนุษย์ชั้นต่ำ จงเผยตัวออกมา ไม่อย่างนั้นเราจะจุดไฟเผาเจ้านี่ให้ไหม้เป็นจุน"
         "ถึงออกมา พวกข้าก็จะเผา ฮิๆๆๆ" นักรบปีศาจสาวกล่าวเสริม

         พลซุ่มยิงอัลฟ่าคลานต่ำออกจากตำแหน่งเดิมไปก่อนแล้ว โดยให้หัวหน้าทีมบราโว่ทำหน้าที่เจรจาแทน

         "พวกมันมี 7 ตัว ผมจะเก็บตัวที่อันตรายก่อน ช่วยล่อให้ทีครับ"

         หัวหน้าทีมบราโว่ที่กำลังหลบอยู่หลังระเบียงคิดหาวิธีทางที่จะถ่วงเวลาให้มาที่สุด

         "10...9...8..." นักรบปีศาจเริ่มนับถอยหลัง
         "อย่า ไม่ต้องสนพวกเรา ภารกิจต้องมาก่อน" เหล่าทหารต่างพร้อมใจกันตะโกนแข่งกับเสียงนับ
         "ทำเป็นปากกล้านัก เดี๋ยวข้าจะสงเคราะห์ให้" นักรบปีศาจหญิงหันมาใช้ดาบสั้นจ่อมาที่คอของหัวหน้าทีมอัลฟ่า
         "5..4..321"


         "เดี๋ยว!
         หัวหน้าทีมบราโว่ลุกขึ้นแสดงตัวที่ระเบียงอาคารฝั่งตรงข้าม

         "ขอเจรจา" หัวหน้าทีมบราโว่กล่าว

         กายของข้า กระสุนของข้า...

         "เจอตัวแล้ว ฆ่ามัน"

         จงปราบศัตรูของข้าให้พ่ายพลัน

         นักรบปีศาจกระพือปีกกระโจนขึ้นไปบนระเบียงหมายที่จะสังหารคนที่เหลือทิ้งให้สิ้นซาก

    ตึง!
         เท้าของมันแตะลงที่ขอบระเบียงและเงื้อดาบขึ้นจะฟัน หัวหน้าทีมบราโว่เสียหลักล้มไปด้านหลัง มือของเขาชักปืนพกขึ้นจากซองปืนข้างขา แต่มันช้าไป

    ฉัวะ!! 
         เส้นอากาศสั่นไหวเป็นเส้นตรงพุ่งเข้าที่ท้ายทอยทะลุออกที่คอด้านหน้า

         มันทิ้งดาบลงและรีบใช้มือมาจับที่คอและท้ายทอยของมันเอง

    ปังปังปัง ปังปังปัง

         หัวหน้าทีมบราโว่รีบชักปืนยิงซ้ำในทันที
         นักรบปีศาจที่เหลือให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
         เจ้าหน้าที่ SA ส่งลิ่มเหล็กที่พวกเขาซ่อนเอาไว้ให้หน่วยซีล 
         ในตอนนั้นเองที่นักรบปีศาจซึ่งถือปืนไม่ทันระวังตัว มันถูกหน่วยซีลจู่โจมในทันที

    ฉึก!! 
    โฮก!
         ลิ่มเหล็กถูกแทงเข้าที่ช่องเกราะตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจนมันทำปืนหลุดจากมือ ตึง!! 

         นักรบปีศาจที่เหลือหันกลับมาสนใจและเข้าจู่โจมเพื่อสังหารมนุษย์ทั้งหมดในทันที
         หน่วยซีลใช้ปืนของปีศาจหันกลับมายิงพวกมันเอง โดยพวกเขาต้องช่วยกันถึงสามคนในการใช้ปืนนั้น เพราะมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก
         ดาบของหน่วย SA ไม่ได้ถูกยึดไปด้วย เจ้าหน้าที่ SA จึงใช้ดาบรุมแทงนักรบปีศาจตนแรกซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมกันหลายร้อยแผลจนเกราะของมันท่วมไปด้วยเลือดสีดำ

    ปังๆๆๆๆ!! 
         ปืนของมันยิงออกมาเป็นลิ่มเหล็กสีส้มแดงที่มีความร้อนสูง เหล่านักรบปีศาจจึงต้องเคลื่อนที่หลบตามเสาอาคาร

    ฟิ้ว!! ตูม!!
         กำแพงอาคารถูกพังเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผ้าคลุมสีแดงที่วูบไหวเข้ากระแทกกับนักรบปีศาจหลังกำบังจนมันกระเด็นไปไกล

         "ไปเอาปืนของเรามา" ซีลกล่าว 

         หัวหน้าทีมอัลฟ่าใช้มีดพับตัดเชือกที่มัดเขาไว้ จนกระทั่งมันขาดพอที่เขาจะดิ้นหลุดออกมา

         "พวกนักรบสวรรค์!" นักรบปีศาจหญิงกล่าวเตือน 

         ทันทีที่สิ้นคำพูด ปีกสังเคราะห์สีฟ้าสว่างของนักรบสวรรค์ปรากฏขึนตามช่องโหว่ของอาคาร พวกเขาเข้ามาและเปิดฉากโจมตีนักรบปีศาจทันที
         นักรบปีศาจหญิงสาวหายตัวจากชั้นล่างและขึ้นไปปรากฏตัวบนระเบียงชั้นสองภายในอาคารและใช้ดาบสั้นแทงข้างหลังนักรบสวรรค์ที่ยิงปืนจากด้านบน เธอไล่สังหารนักรบสวรรค์เรียงแถวโดยใช้พลังหายตัวของเธอ
         นักรบสวรรค์ที่มีผ้าคลุมสีแดง ปีกขนนกสีขาวเดินออกมาจากส่วนที่พังทลายของอาคารพร้อมกับหอกที่ชุ่มไปด้วยเลือดสีดำ เธอกำลังมองหาศัตรูที่คู่ควรกับเธอ และมักจะทำอย่างนี้ในสนามรบเป็นประจำ

    ฟิ้ว!
         เธอเอี้ยวตัวหลบหอกที่ถูกซัดใส่ ทว่าเธอก็มองข้ามนักรบปีศาจที่ซัดหอกใส่ไปในทันที จนกระทั่งพบเป้าหมายที่ระเบียงชั้นสอง
         นักรบสวรรค์ส่วนใหญ่ไม่สามารถต่อกรกับนักรบปีศาจทั้งห้าตนในที่แห่งนี้ได้ดีนัก พวกมันผ่านการต่อสู้ฆ่าฟันมาอย่างยาวนาน และพวกมันไม่ใช่นักรบปีศาจทั่วไป

         "จงปราบศัตรูของข้าให้พ่ายพลัน"

         นักรบสวรรค์หญิงสาวอีกตนหนึ่งบินโฉบเข้ามาภายใน เธอถือฆ้อนศึกขนาดใหญ่เข้ามาด้วย 
         เธอบินเข้ามาและหมุนตัวเองกลางอากาศก่อนที่จะฟาดฆ้อนไปตามแรงเหวี่ยง

    ตึง!! ตึง!! ตึง!!
         เสาสามเสาของอาคารแถบหนึ่งถูกฟาดพัง จนระเบียงรับน้ำหนักไม่ไหวถล่มลงมาใส่นักรบปีศาจด้านล่าง จมหายไปในซากคอนกรีต

         นักรบปีศาจตะกายเศษซากคอนกรีตขึ้นมา พอดีกับจังหวะที่เธอง้างฆ้อนศึกอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมฟาดอย่างสุดแรง

    วูบ ตูม!! 
         แรงอัดจากการฟาดรุนแรงถึงขนาดที่ผลักนักรบสวรรค์และนักรบปีศาจเกือยบทุกคนภายในอาคารเสียหลักได้

         ส่วนเหล่าทหารที่เป็นมนุษย์นั้น พวกเขาก้มตัวหลบการโจมตีตั้งแต่ที่นักรบสวรรค์ตนแรกเข้ามาแล้ว เพราะพวกเขารู้ดีว่ามันจะวุ่นวายเพียงใด

    ฟิ้ว ฟ้าว!!
         เสียงแหวกอากาศอย่างรวดเร็วของบางอย่างทำให้เกิดเสียงดังเหนือแนวอาคาร เหล่านักรบไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย ทว่าเหล่าทหารกลับรู้สึกมีความหวังและกลับมาคึกคักอีกครั้ง

         "พวกเราเข้ามาในม่านเกราะของมันได้แล้ว วู้!"
         "ใช้ปืนไร้แรงสะท้อน เก็บปีศาจที่ประตูหน้า เราจะแหวกออกทางนั้น" หัวหน้าทีมอัลฟ่าออกคำสั่งแก่นาวิกฯทั้งสองคน

         "ย้าก!" นักรบสวรรค์กู่ร้องก่อนที่จะเข้าปะทะกับนักรบปีศาจสาว

    ฉึก!
         ร่างของนักรบสวรรค์ชะงัก ในทันทีที่นักรบปีศาจสาวหายตัวมาอยู่ที่ด้านหลังและดึงดาบสั้นของเธอออกจากแผ่นหลังของเขา

    ฟิ้ว!!
         กระสุนพุ่งทะลุบานกระจกเข้ามาและวิ่งผ่านร่างของปีศาจสาวตนนั้น ก่อนที่ร่างของเธอจะกลายเป็นหมอกควันหายไป และไปปรากฏตัวที่ชั้นล่างของอาคาร

         "เวรล่ะ" พลซุ่มยิงทีมอัลฟ่าเห็นสายตาที่เธอจ้องมองมายังเขา มันทำให้เขาเสียวสันหลังวาบในที

    ตุบ
         ร่างของหญิงสาวที่มีปีกขนนก ลอยต่ำลงมาขวางกั้นสายตาอันเย็นชานั้นไว้ เขาจำเธอได้ในทันทีที่เงยหน้ามองแผ่นหลังชัด ๆ

         "ท่านพี่เซลซิลี" 

         เธอกล่าวด้วยเสียงอันอ่อนหวาน
         เพียงเสี้ยววินาทีผ้าคลุมสีแดงก็ได้พุ่งผ่านนักรบปีศาจสาวและนำพาร่างของเธอออกไปด้วย

    ตูม!!
         เสียงดังสนั่นจากการปะทะเข้ากับกำแพงอาคารอีกฝั่งหนึ่งดังมาถึงอีกฝั่งหนึ่ง

         "ข้าเตือนแล้ว แต่เจ้าก็ยังดื้อด้าน พวกเจ้าทั้งหมด" 
         "คุณโรไมน์..." พลซุ่มยิงแบกปืนขึ้นบ่า "ผมจะเปลี่ยนตำแหน่งยิง คุณเองก็ควรทำแบบนั้นนะ"
         "เจ้า!..." 

         ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เขาก็ชิงเดินหนีไปก่อนแล้ว

         การรบระหว่างนักรบสวรรค์และนักรบปีศาจดึงดูดความสนใจนักรบปีศาจภายในเขตนั้นมาแทบทั้งหมด นักรบสวรรค์เองก็เช่นกัน
         แนวป้องกันของรูฟัสเคลื่อนที่เข้าใกล้และตั้งแนวรับกันไม่ให้ปีศาจที่เหลือมาสมทบได้ ส่วนโรไมน์นั้นสนับสนุนโดยการโจมตีจากระยะไกล บริเวณรอบ ๆ อาคารโรงแรม
         เมื่อเธอโจมตีและศัตรูตรวจพบเธอ เธอจะเปลี่ยนจุดยิงไปเรื่อย ๆ ตามคำแนะนำของพลซุ่มยิง

    ฟ้าว!!
         เครื่องบินรบบินโฉบเฉี่ยวเหนือสนามรบดังกล่าวไปอีกครั้ง มันตรงไปยังใจกลางเมืองในเขตที่ถูกยึดครอง

         "เห็นเป้าหมายแล้ว จะทำลายทันที" นักบินกล่าวผ่านวิทยุ

         จุดศูนย์เล็ง ทาบทับไปบนดาดฟ้าของอาคารเป้าหมาย ที่ที่ซึ่งมีนักรบหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเกราะที่คล้ายกับแมลง

    ตึง!! 
         เธอกระทุ้งหอกลงที่พื้น มันสร้างคลื่นอัดกระแทกอย่างแรงในทันที แผ่ขยายออกไปทั่วเขตเมืองเก่า

    เปรี๊ยะ!!
         เหล่าทหารที่ติดอยู่ภายในอาคารโรงแรมต่างรีบถอดและโยนหูฟังที่เชื่อมต่อกับวิทยุทิ้งแทบไม่ทัน
         เครื่องบินรบหยุดทำงานกลางอากาศจนกระทั่งนักบินต้องดีดตัวออกมาก่อนพุ่งเข้าชนอาคารภายในเวลาเสี้ยววินาที

    บรึม!!
         ปีกเครื่องบินปลิวกระเด็นผ่านหน้านักรบหญิงในชุดเกราะแมลง ทว่าเธอกลับไม่ใส่ใจมันแม้แต่น้อย

         "เซลซิลี ควรมาอยู่ที่แห่งนี้แทนเจ้า" เธอกล่าวขึ้นให้ใครบางคนได้ยิน 
         "นั่นไม่สำคัญว่าผู้ใดจะมาที่แห่งนี้ หากเป็นนักรบแห่งสวรรค์ย่อมคู่ควร" 

         นักรบสวรรค์หญิงสาวปรากฏกายขึ้น เธอก้าวเดินออกจากเงามืด มีเพียงดวงตาสีน้ำเงินสดที่ยังคงเปล่งประกาย แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง

         "ฟาเรนไฮต์ เจ้าทำให้ข้านึกถึงบางคน"

         ฟาเรนไฮต์วาดดาบมาไว้ข้างลำตัวและชี้ลงพื้นอย่างอ่อนช้อย

         "เธอคนนั้น คอยอยู่เคียงข้างเอคโค่เสมอ ใช้พลังสนับสนุนเขาจนถึงที่สุด และ..."

         ฟาเรนไฮต์เก็บซ่อนอาการร้อนใจไว้ไม่อยู่เมื่อได้ยินชื่อเสียงสะท้อน อาการออกมาผ่านท่าทางที่เริ่มหวั่นไหว

         "เธอกล้าหาญมากกว่าเจ้า" เธอหันขวับกลับมาและยิงลำแสงใส่ฟาเรนไฮต์ทันที

    ฟู่ว!! 
         ฟาเรนไฮต์เบี่ยงตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็วพร้อมกับถีบตัวไปข้างหน้า ลำแสงพุ่งผ่านทะลุอาคารออกไปด้านหลัง

         "เจ้าไม่มีวันที่จะได้ตัวเอคโค่ไปอย่างแน่นอน ในนามของข้า เกลซี ข้าจะบดขยี้พวกเจ้าและเขี่ยออกไปให้พ้นทางของนายหญิงของข้า"

         เกลซีพุ่งตัวเข้าหาฟาเรนไฮต์และฟาดหอกเข้าใส่ทัน

    เคร้ง!!
         ฟาเรนไฮต์ดึงด้ามดาบออกให้ยาวขึ้นและใช้มันรับหอกของเกลซี

         "ยอมจำนนเสียเถิด เจ้าจะทำให้โลกนี้ไม่สมดุล" ฟาเรนไฮต์เกลี้ยกล่อม

         เกลซีหมุนตัวเตะข้างลำตัวฟาเรนไฮต์ ทว่าฟาเรนไฮต์หันมาใช้หอกรับลูกเตะนั้นได้ทันก่อนที่จะเบี่ยงลูกเตะนั้นออกไป และปล่อยหมัดตรงเข้าที่ศีรษะของเกลซีอย่างแม่นยำ ตึง!! 
         ขาแมลงที่งอกออกมาจากแผ่นหลังเกลซีแทงสวนกลับมาในทันที มันแทงเฉี่ยวเกราะแขนของฟาเรนไฮต์ แผ่นเกราะเหล็กฉีกขาดอย่างง่ายดายราวกับกระดาษ

         "อึก!"

         เกลซีหันหน้าที่ถูกต่อยไปกลับมาในทันควัน 

    แวบ!! 
         แสงสว่างจ้าวาบขึ้นจนทำให้ฟาเรนไฮต์ตาพร่ามัวไปชั่วขณะ เธอจึงรีบสร้างกำแพงน้ำแข็งขวางกั้นตรงกลางขึ้นในทันที มันแยกพวกเธอออกจากกันเพื่อถ่วงเวลาให้ฟาเรนไฮต์ปรับสายตา

         "แสงที่สว่างและอบอุ่นนั่น เป็นดาบสองคม แม้แต่เซราฟิมยังต้องปกปิดดวงตาของพวกเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้า" เกลซีเดินไปมาที่ด้านหลังของกำแพงน้ำแข็ง
         "ผู้ทรยศอย่างเจ้ามีสิทธิที่จะกล่าวอย่างนั้นหรือ" ฟาเรนไฮต์ถามผ่านกำแพงน้ำแข็ง
         "ไม่ ข้าไม่เคยทรยศพระองค์ ผู้ที่ทรยศก็คือ...พวกแก!"

    เพล้ง!!
         เกลซีแทงหอกพุ่งผ่านกำแพงน้ำแข็งมาอีกฝั่งหนึ่ง เธอแทงมาอย่างแม่นยำถูกตำแหน่งที่ฟาเรนไฮต์ยืนอยู่

         สายตาที่พร่ามัวของฟาเรนไฮต์ยังไม่กลับมาเป็นปกติ เธอจึงกระโดดถอยออกไปด้านหลังเพื่อหลบให้พ้นระยะแทง ทว่าเกลซีพุ่งแทงเข้ามาอีกครั้งต่อเนื่องในทันที
         ฟาเรนไฮต์ใช้ปลายหอกแทงสวนกลับไปที่ปลายหอกของเกลซีตามความรู้สึก และปลายหอกของทั้งสองก็ปะทะกันอย่างแม่นยำ
         การแทงของเกลซีผลักร่างฟาเรนไฮต์ไถลออกไปจนเกือบถึงขอบอาคาร

    พรึบ! 
         ฟาเรนไฮต์กางปีกขนนกสีขาวออกเพื่อช่วยชะลอความเร็วลง เกลซีเห็นดังนั้นจึงกางปีกแมลงออกเช่นกัน และกระพือปีกผลักตัวไปด้านหน้าอย่างรุนแรงผลักดันฟาเรนไฮต์อย่างรวดเร็ว จนเป็นแรงอัดกระแทกร่างของฟาเรนไฮต์กระเด็นลอยลิ่วออกไปนอกอาคาร
         ฟาเรนไฮต์หมดสติไปกลางอากาศ ร่างของเธอจึงตกลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

         "ไผ่ ไปรับเธอไว้"
         "ครับ ท่านเอล"

         ชายหนุ่มโยนบุหรี่ที่เขากำลังสูบทิ้งไปก่อนที่เขาจะออกตัววิ่งกระโดดขึ้นไปบนอาคารและกระโจนเข้าหาฟาเรนไฮต์กลางอากาศ เขาคว้าเธอไว้ได้ทันก่อนที่ร่างของเธอจะกระแทกลงกับพื้น
         เมื่อเขาวางร่างของเธอลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา ขบวนรถหุ้มเกราะก็มาถึง
         ข้างยานพาหนะแต่ละคันจะมีอักษรติดไว้อย่างโดดเด่น 'SA'
         หญิงสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายรีบกระโดดออกจากรถหุ้มเกราะคันหนึ่งมาที่ชายหนุ่มซึ่งรับร่างของนางฟ้าเอาไว้ 

         "เธอไม่เป็นอะไรมากครับ ท่านเอล" เขาบอกแก่หญิงสาวในชุดนักเรียน
         "ทำได้ดีมาก"

    ฟิ้ว! 
    ตูม!!
         เกลซียิงลำแสงเข้าใส่ขบวนรถหุ้มเกราะจนระเบิดไปบางส่วน เจ้าหน้าที่ SA กระจายตัวออกไปรอบๆ และเริ่มทำการยิงตอบโต้แก่นักรบหญิงที่สวมชุดเกราะแมลง
         เธอบินตามฟาเรนไฮต์มาจนพบเข้ากับขบวนลำเลียงดังกล่าว

         "07 จนกว่าจะมีคำสั่งอย่าพึ่งออกมาเด็ดขาด" เจ้าหน้าที่หนุ่มออกคำสั่ง
          "แต่ว่า...ชิ! รับทราบ"

         ไผ่นำร่างของนางฟ้าและเอลเข้ามาหลบภายในอาคารได้ทันก่อนที่เกลซีจะยิงลำแสงลงมา เขาคว้าพลองยาวและวิ่งออกไปด้านนอก

         "ไผ่..."
         "ท่านเอลอยู่ในนี้" เขาทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้น

         เอลจึงต้องรับหน้าที่ดูแลนางฟ้าผมสีเงินที่ยังคงสลบอยู่ด้วยโดยปริยาย เอลพยายามตรวจสอบบาดแผลบนร่างของนางฟ้า ทว่ากลับไม่พบบาดแผลใด 

         "ตัวเย็นชะมัด"

         เจ้าหน้าที่ด้านนอกระดมยิงใส่เกลซีอย่างหนัก แต่ผลที่ได้กลับไม่ได้ทำความเสียหายให้เธอมากนัก จนถูกตอบโต้ด้วยลำแสงสีเหลืองหม่นกลับมา
         ไผ่ลัดเลาะไปตามซากรถหุ้มเกราะเพื่อเข้าใกล้เกลซีให้มากขึ้น ระหว่างทางเต็มไปด้วยร่างของเจ้าหน้าที่ที่ไร้ซึ่งลมหายใจ นั่นทำให้เขาพอรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเธอ

    ฟุบ!
         ไผ่ก้มตัวหลบบางอย่างที่ฟาดฟันผ่านเหนือศีรษะของเขาไป เกลซีมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขาจึงกระโดดผละออกมา

         ร่างของนักรบหญิงสาวในชุดแมลง เมื่อมายืนต่อหน้าเขาบรรยากาศรอบตัวของเธอทำให้เขารู้สึกขนลุก ขาแมลงที่ด้านหลังเต็มไปด้วยรอยเลือด ปีกของแมลงขนาดใหญ่ก็ทำให้เธอดูน่าเกรงขาม
         ไผ่ตั้งสติอีกครั้งก่อนที่เขาจะเหวี่ยงพลองฟาดก้อนหินที่พื้นเข้าใส่เกลซี ก้อนหินพุ่งเข้าใส่เร็วดุจกระสุน ทว่าก่อนจะเข้าถึงตัวเธอมันก็แตกกระจายไปก่อนแล้ว
         เกลซีเดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ 

    ปัง! ปัง!
         ควันสีฟ้าลอยฟุ้งเมื่อกระสุนปะทะเข้าที่เกราะกำบังก่อนถึงตัวของเกลซี

    ปุง! ฟู่ว
         ระเบิดควันปล่อยควันสีฟ้าออกมาบดบังทัศนวิสัยของทั้งสองระหว่างเกลซีและไผ่

    ฟิ้ว!
         หอกเกลซีแทงแหวกม่านหมอกเข้าหาไผ่ แต่เขาก็ปัดมันได้ทัน ฟุบ! 

         ครั้งต่อมาเขาเบี่ยงตัวหลบได้ แต่มันก็ทำให้เสือเชิ้ตสีขาวขาดวิ่น ในตอนนั้นเองที่เธอแทงซ้ำเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนไผ่ต้องปัดป้องพร้อมกับถอยอย่างรวดเร็ว 
         ควันสีฟ้าไม่ได้มีผลต่อเธอแม้แต่น้อย ละอองของนางฟ้าใช้ไม่ได้ผลกับเธอ
         ไผ่เคลื่อนตัวหลบการโจมตีภายในหมอกสีฟ้าอย่างยากลำบาก เจ้าหน้าที่ด้านนอกเองก็ไม่กล้ายิงเข้าไปเพราะกลัวจะโดนฝ่ายเดียวกัน

         "หัวหน้าครับ เอาไงดี"

         ชายหนุ่มไม่รอช้า เขารีบวิ่งเข้าไปในหมอกทันทีโดยทิ้งลูกน้องไว้ด้านหลัง

         "ธารา...ทำบ้าอะไรวะ" เจ้าหน้าที่กล่าวอย่างอารมณ์เสีย

         ไผ่เริ่มไม่สามารถรับการโจมตีได้ทั้งหมด ทันใดนั้นเองธาราก็เข้ามาแตะที่หลังของเขาและผลักไผ่ออกไป

         "งั้น อันนี้ล่ะ"

         ธาราทิ้งขวดแก้วลงที่พื้นและกระทืบมันให้แตกออก 

    ปุ!
         ควันสีแดงเลือดลอยฟุ้งขึ้นแทนที่ เกลซีชะงักการเคลื่อนไหวไปช่วงหนึ่งก่อนที่เธอจะผละตัวออกมา ธาราเองก็รีบถอยออกมาด้วยเช่นกันพร้อมทั้งรีบใช้น้ำจากโหลแก้วเทราดใส่ตัวเอง

         "ลมหายใจของปีศาจ เข้าใจเล่นนี"

    ตึง!!
         ลมกระโชกรุนแรงพัดเอาควันทั้งหมดออกจากพื้นที่หายไปอย่างรวดเร็ว เกลซีกระทุ้งหอกลงพื้นอีกครั้งเป็นการข่มขวัญศัตรู และมันก็ได้ผล
         เจ้าหน้าที่ SA หลายคนหมดสติในทันทีด้วยความหวาดกลัว บางคนเกิดอาการช็อกจนไม่สามารถทำอะไรได้อีก บางส่วนหนีถอยออกไปจากขบวนลำเลียง

         "นี่ฉันหวังกับพวกนายมากไปสินะ" ไผ่กล่าว
         
         "ครั้งนี้ไม่มีข้อแก้ตัวครับ" 

         ธาราที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอบตรงๆ



    ตอนที่ 14 Use of Force (III)





    _________________________________________________

    1 February 2019
              Dear Readers

                   ขออภัยผู้อ่านทุกท่านที่การเขียนเป็นไปอย่างล่าช้า ทั้งนี้หากมีข้อผิดพลาดประการใดเพิ่มเติมสามารถ
             บอกกล่าวหรือแสดงความเห็นในเรื่องใด ๆ ได้ทุกเมื่อ
                

                 your sincerely,
    Story Rider.             
    ________________________________________________
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×