ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The New Eden สงครามเทวทูตแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #71 : ตอนที่ 7 Kara

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16
      0
      21 เม.ย. 63

    อาคารบ้านเรือนในช่วงก่อนสงครามของเขตที่ห้านี้ไม่ได้รับความเสียหายจากการรบ แต่น้ำที่เอ่อล้นขึ้นมาทั้งสองฝั่งทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำจมลงเป็นบริเวณกว้าง

    ในเขตนี้ไม่ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมให้ดีขึ้นหากเทียบกับเขตอื่น เพราะผู้คนยังเคยชินกับการอยู่อาศัยแบบเดิม ทว่าช่วงหลังพวกเขากลับค่อยๆ พัฒนาไปตามเวลาอย่างช้าๆ เริ่มจากฝั่งตะวันออกไล่มาถึงฝั่งตะวันตกที่ติดแม่น้ำ

     

    ทันที่ที่คาระ เด็กหนุ่มในเครื่องแบบนักเรียนเดินลงจากรถโดยสาร สายลมอ่อนๆ ที่หนาวเย็นพัดปะทะเข้าที่ใบหน้าของเขา ทำให้รู้สึกได้ถึงความชื้นที่พัดพาจากแม่น้ำลอยมาตามสายลม ผู้โดยสารแถวนั้นต่างกระชับเสื้อกันหนาวของตนโดยพร้อมเพรียงกัน

     

    นี่ไม่ใช่ความหนาวเย็นตามฤดู แต่เป็นความเย็นที่เกิดขึ้นหลังจากการรบในเมืองบางกอกเก่า

     

    คาระต่อรถโดยสารที่ผ่านเส้นทางเลียบแม่น้ำจนกระทั่งถึงที่หมาย เขารอให้รถโดยสารผ่านไป ก่อนที่จะเดินเข้าไปในอาคารที่คล้ายกับโกดังเก็บสินค้า ซึ่งตอนนี้น้ำท่วมไปครึ่งหลัง แต่ก็ยังมีพื้นที่แห้งให้เข้าไปได้

     

    ภายในอาคารมีน้ำท่วมเข้ามาจากประตูเหล็กด้านหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้เป็นช่องว่างเชื่อมต่อกับผืนน้ำอันกว้างใหญ่ หลังคาทะลุเป็นรูให้แสงลอดเข้ามา และเธอก็ยืนอยู่ตรงนั้น ตรงที่เป็นรอยต่อระหว่างส่วนที่เป็นน้ำและพื้นอาคารกลางช่องแสงพอดี

     

    "มีธุระอะไร" คาระกล่าวถามเสียงเรียบ

     

    เธอหันมองข้ามไหล่มาตามต้นเสียง ผมสีเงินของเธอพลิ้วตามการเคลือนไหว ดวงตาสีน้ำเงินสดของเธอยังคงโดดเด่นและส่องประกายเหมือนเช่นเคย เพียงแต่แววตาของเธอดูเศร้าสร้อย

     

    "ข้ามีสิ่งที่ต้องการบอกเจ้า คาระ โปรดรับฟังด้วยเถิด"

     

    เธอหันมาทางคาระทั้งตัว ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้

    คาระยืนนิ่งรอรับฟังสิ่งที่เธอจะพูด

     

    "เวลาเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา ช่างเนิ่นนานกว่าที่มันเคยเป็น และ...ข้าคิดแล้วว่า..."

     

    นิ้วมืออันบอบบางและหนาวเย็นดึงแขนเสื้อของคาระไว้เพียงปลายนิ้ว แต่สำหรับคาระแล้ว มันแทบจะเหมือนกับการดึงเขาไปทั้งตัว

     

    "เพียงชั่วลมหายใจเดียว หากเจ้าไม่ได้อยู่ในสายตาของข้า มันช่างรู้สึกหนาวเหน็บจนแทบจะไม่สามารถรับรู้สิ่งใดได้อีก เพียงแค่คำปฏิเสธจากเจ้า มันทำให้ข้าไร้ซึ่งตัวตนในโลกใบนี้ ราวกับถูกโลกนี้ปฏิเสธไปด้วย"

     

    เมื่อคาระได้ยินดังนั้น เขาได้แต่ยืนอึ้ง ตอนนี้เขาสับสนจนไมได้ยินเสียงรอบตัวใดๆ อีก

     

    "ฟ...ฟาเรนไฮต์ เธอใช้เวทน้ำแข็ง รู้สึกหนาวด้วยหรอ ไม่สิ!...เธอเป็นอะไรหรือเปล่า"

     

    จากความรู้สึกสับสนของคาระกลับกลายเป็นกังวล และหวาดระแวงในทันที

     

    "เธอเป็นฟาเรนไฮต์จริงหรอ เผยตัวออกมา!"

     

    คาระร่ายเวทมนตร์โดยฉับพลัน ละอองสีดำฟุ้งกระจายไปรอบตัวคนตรงหน้าเขา หากนี่เป็นตัวปลอม เวทนี้จะเผยความจริงให้กระจ่างชัด ทว่า

     

    "คาระ"

     

    เสียงเรียกของเธอสร้างความสับสนให้เขาอีกครั้ง ฟาเรนไฮต์ยังคงเป็นฟาเรนไฮต์คนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย

     

    "ม...ไม่จริงใช่ไหมเนีย"

     

    มือของเธอสัมผัสที่มือของคาระ เธอคว้ามันไว้เพื่อไม่ให้คาระผงะถอยหลังหนี ความเย็นที่สัมผัสเขามันเป็นของจริง

     

    "นี่ข้า..."

     

    ก่อนที่เธอจะพูดออกไป ฟาเรนไฮต์ปล่อยมือจากคาระ ใบหน้าของก้มต่ำลงเล็กน้อย ในตอนนี้เธอไม่อาจสบตาของเขาได้อีก ภาพต่างๆ ในวันที่เธอต้องปฏิเสธคาระ เพราะเขาไม่ใช่เสียงสะท้อนลอยขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่สามารถสลัดออกไปได้ จนกระทั่งเธอได้สติ เมื่อคาระเริ่มกล่าวต่อ

     

    "ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าเป็นห่วงเลย"

     

    คาระยิ้มให้แก่ฟาเรนไฮต์ เพื่อให้เธอหายกังวล

     

    "เราต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำ ฉันเข้าใจแล้ว หากทุกอย่างเรียบร้อยดี อาจจะช่วยตามหาเอคโค่ก็ได้นะ ฮ่าๆๆๆ"

     

    ฟาเรนไฮต์รู้ดีว่าคาระกำลังทำให้เธอและตัวเขาเองผ่อนคลายลง

     

    "ข้าไม่สนอีกต่อไปแล้วว่าเจ้าจะเป็นเอคโค่หรือไม่ ได้โปรดตอบข้าจากใจจริงของเจ้า...

     

    ...ละทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แล้วหนีไปกับข้าเถิด!!"

    "..."

    "..."

    "ฉัน..."

     

    "ไม่ยอมให้หนีไปไหนหรอก"

    เสียงของบางคนดังแทรกขึ้นมากลางคัน

     

    นักรบสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าอาคารฝั่งถนน บนหลังคา และฝั่งแม่น้ำ พวกเขาล้อมาคารไว้ทั้งหมด

     

    "รายงานสังกัดของพวกเจ้ามา!"

     

    ชุดเดรสของฟาเรนไฮตืเปลี่ยนเป็นชุดเกราะที่เธอใส่ประจำในทันที ดาบสีเงินคล้ายกับสีผมของเธอส่องประกายเงางามเมื่อต้องกับแสง

     

    "ท่านถามถึงสังกัดของเราหรือ ข้าจะตอบให้"

    "พวกเรารับคำสั่งจากท่านบาเรอัล" นักรบอีกคนหนึ่งตอบแทน

    ฟาเรนไฮต์ใช้ตัวเองบังคาระเอาไว้ นั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนต้องเดินหลบออกมาจากข้างหลังของเธอ

     

    "คาระ อันตราย..."

    "พวกแกมาทำอะไรกันล่ะ" คาระเดินมาตรงกลางของอาคารอย่างสงบ

     

    นักรบสวรรค์บนหลังคากระโดดทิ้งตัวลงมาจากหลังคาหวังโจมตีคาระด้วยหอก ทว่าคาระกลับกระโดดทะยานขึ้นไปชิงต่อยเข้าไปที่ศีรษะจนหมวกเกราะของนักรบหลุดกระเด็น นักรบคนนั้นร่วงหล่นลงมากองกับพื้นแน่นิ่ง

    นักรบคนอื่นๆ ที่เหลือจึงแบ่งกันเข้าต่อสู้กับทั้งสอง โดยคาระบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยปีกขนนกสีดำเด่น ในขณะที่ฟาเรนไฮต์เปิดทางออกจากอาคารมาที่แม่น้ำ เพราะนักรบฝั่งถนนมีมากเกินไป

    นักรบหลายคนตามฟาเรนไฮต์ไปติดๆ ด้วยปีกสังเคราะห์ที่เรืองแสงสีฟ้า ทำให้เธอไม่มีโอกาสขึ้นบิน จึงต้องใช้เวททำให้ผิวน้ำกลายเป็นน้ำแข็งแทนภายใต้รองเท้าของเธอ

     

    "กำจัดทั้งคู่โดยเร็ว" นักรบที่ดูเหมือนหัวหน้าออกคำสั่ง

     

    คาระใช้ขนนกเปลี่ยนให้มันเป็นหอก และซัดลงไปยังผู้ที่บินติดตามเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนนักรบไม่สามารถบินหลบได้ทันถูกหอกแทงทะลุร่างไป ทว่ายังมีนักรบอีกหลายตนที่ยังคงไล่ล่าเขา

     

    ฟาเรนไฮต์ต้องรับศึกหนักเพราะเธอไม่สามารถขึ้นบินได้ คาระที่เห็นดังนั้นจึงบินโฉบตัดแนวนักรบให้เสียจังหวะ โดยที่เขาสามารถสังหารนักรบตนหนึ่งเหนือผิวน้ำได้

    ทว่าฟาเรนไฮต์ที่มีจังหวะกลับไม่กางปีกขนนกขึ้นบิน เธอสไลด์ไปตามผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งใต้รองเท้าของเธอ พื้นน้ำกลายเป็นลานสเก็ตน้ำแข็ง คลื่นน้ำที่เคลื่อนตัวเข้ามาเธอเปลี่ยนให้มันเป็นเนินน้ำแข็งสำหรับใช้เปลี่ยนทิศทาง

    นักรบสวรรค์ที่ตามไล่มาไม่คาดคิดว่าเธอจะเปลี่ยนทิศทาง จึงถูกคมดาบฟันเข้าตามช่องเกราะจนเสียหลักหน้าทิ่มลงไปใต้น้ำ

    ฟาเรนไฮต์ใช้ความคล่องตัวสไลด์หลบการโจมตีนักรบสวรรค์ และสวนกลับได้อย่างอิสระราวกับเธอกำลังเต้นรำโดยความเร็วไม่ตก

    นักรบสวรรค์สองตนอ้อมไปดักโจมตีด้านหน้า โดยที่เธอไม่ทันระวังและเปลี่ยนทิศทางไม่ทัน พวกเขาตั้งหอกรอรับร่างของเธออย่างมุ่งมั่นหมายกำจัดให้ได้

    ฟาเรนไฮตืจึงกางปีกออกและก้มตัวลงต่ำ ลอดผ่านใต้คมหอกไป ปีกทั้งสงข้างของเธอกลับเปรอะเปื้อนคราบเลือดของนักรบทั้งสองแทน

     

    คาระเองก็ถูกไล่ล่าหนักขึ้น ทั้งปืนและคมหอก เขาจึงตัดสินใจบินต่ำลง และสลัดขนกนกสีดำทิ้งไว้ตามแนวการบิน พวกมันรบกวนสายตาได้ดีเยี่ยม

     

    ฟาเรนไฮต์ที่กำลังถูกไล่ตามเห็นคาระบินต่ำลง เธอเองก็เคลื่อนที่ไปทางคาระเช่นกันโดยปล่อยสะเก็ดน้ำแข็งให้ฟุ้งกระจายรบกวนสายตาพวกที่บินไล่ตามมา

     

    คาระและฟาเรนไฮต์เคลื่อนที่สวนกันเหนือผิวน้ำ เขาและเธอสังหารนักรบที่ไล่ตามมาของกันและกัน

    หอกสีดำหลายเล่มแทงทะทะลุร่างของนักรบสวรรค์ที่ไล่ตามฟาเรนไฮต์ ลิ่มน้ำแข็งจำนวนมากโจมตีนักรบสวรค์ที่ไล่ตามคาระ นักรบทั้งหมดจมสู่ใต้ผิวน้ำโดยไม่มีโอกาสได้ขึ้นมาอีก

     

    หัวหน้านักรบที่เฝ้ามองการต่อสู้นั้น ไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่ก็ต้องยอมล่าถอยออกไป

    ในจังหวะที่หันหลังกลับนั้น ใบดาบที่ยาวและคมกริบได้ตัดผ่านลำคอของเขาอย่างรวดเร็ว คราบเลือดถูกสลัดทิ้งในจังหวะการเหวี่ยงใบดาบเก็บเข้าฝักซึ่งสะพายไว้ข้างหลังของหญิงสาวในชุดสีขาวใต้ผ้าคลุมสีดำ

    ศีรษะนักรบสวรรค์ร่วงหล่นลงมาที่พื้น ก่อนที่ทั้งร่างจะร่วงตามลงมา

     

    ผมสีบลอนด์จนเกือบเป็นสีขาวภายใต้ฮูดนั้นโดดเด่นและสวยงาม จนเธอต้องรีบดึงกระชับฮูดเพราะเกรงว่าจะมีใครมาเห็นเข้า ทว่าที่ตรงนั้นกลับเงียบเชียบ แม้แต่คาระและฟาเรนไฮต์ก็ไม่สังเกตเห็น

     

    "เฮ้อ สุดท้ายก็ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวจนได้" เธอถอนหายใจด้วยความเอือมระอา "คำร้องขอสำเร็จ"

     

    เธอมาและจากไปอย่างเงียบเชียบและรวดเร็วราวกับไม่มีตัวตนอยู่ในบริเวณนั้น

     

    "เจ้าเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งเสมอเลยนะ คิระ"

     

     

    คิระจ้องมองโทรศัพท์มือถือของตนเองอย่างจดจ่อ จนวาเลนไทน์ต้องยึดมันไปจากมือของเขา

     

    "ทำอะไรน่ะ"

    "เจ้าไม่ไว้ใจไอวี่หรือ"

    "...ไว้ใจสิ"

    "ถ้าอย่างนั้นผลมันก็แน่นอนอยู่แล้ว เธอปกป้องคาระได้สบาย ๆ"

    "ไม่เห็นจะต้องตามมาด้วยเลย เจ้าไปหาคาระด้วยตนเองสิ"

     

    เกรบกล่าวบอกคิระที่กำลังเป็นกังวล

     

    "ท่านคะ สายจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม"

     

    เกรบรับโทศัพท์นั้นจากผู้ติดตามหญิงสาวที่ยังทำหน้าที่เลขาฯด้วย

    นิลกาฬซึ่งนั่งด้านหลังของคิระมองออกไปยังหน้าต่างที่อยู่ด้านข้างพลางวิเคราะห์เครื่องบินรบที่บินขนาบทั้งสองข้าง

     

    "เรากำลังรับศึกสองด้านเลยนะครับ"

    "ใช่ หากเราไม่รีบ จะต้องรับศึกสองด้าน" คิระกล่าวตอบ "ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่านางฟ้าตกสวรรค์มีแผนอะไรต่อไป เพราะฉะนั้นรีบจัดการปัญหาภายในก่อน"

    "บาเรอัล จะไปหากองทัพนักรบมากจากที่ใดกัน หากผู้พิทักษ์ยังคงปกป้องปราสาทไร้นามไว้ได้" วาเลนไทน์ถามคิระด้วยเสียงแผ่ว

    "ข้าเองก็ไม่รู้"

     

    นิลกาฬเขยิบตัวเข้าใกล้ที่นั่งของคิระ

     

    "จริงๆ แล้วคุณคิระไม่ต้องตามมาด้วยก็ได้นะครับ ผมให้ทีม Bravo 6 เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยแล้ว"

    "พวกเขาเคยสังหารนักรบปีศาจก็จริง แต่ไม่ใช่กับนางฟ้าตกสวรรค์แน่ คนละชั้นเลย" วาเลนไทน์แทรก

     

    คิระเป็นฝ่ายที่นิ่งเงียบ ครุ่นคิดอย่างจริงจัง

     

    "คิระ..." วาเลนไทน์เรียกเขา

    "ข้าพอจะนึกออกแล้ว"

     

     

    สายลมยามบ่ายที่หนาวเย็น พัดโชยมาตามผิวน้ำก่อนจะขึ้นสู่ชายฝั่งแม่น้ำของเขตที่ห้า

    ร่องรอยคลื่นน้ำแข็งยังคงลอยเด่นเหนือผิวน้ำ ไม่มีทีท่าว่าจะละลายไปง่ายๆ

    คาระและฟาเรนไฮต์มองดูผืนน้ำแข็งขนาดใหญ่เหล่านั้นสะท้อนแสงอาทิตย์เงียบๆ พวกเขาทั้งสองไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมัน หากมีคนมาเห็นคงจะเป็นเรื่องตื่นตูมอย่างแน่นอน

     

    ฟาเรนไฮต์ชำเลืองมองใบหน้าของคาระหลายครั้ง ใบหน้าที่กำลังคิดหาวิธีซ่อน อำพราง ทำลาย น้ำแข็งตรงหน้าพวกเขา ซึ่งตอนนี้มันกำลังจะลอยไปตามกระแสน้ำ

    คาระที่รู้สึกตัวว่าเธอกำลังมองก็อดที่จะหันไปมองตรงๆ ไม่ได้

     

    "มีอะไรหรอ"

    "อ๊ะ!...ไม่มีอะไร"

    "ช่างมันเถอะ จะเป็นยังไงก็ปล่อยไป"

     

    คาระหันขวับเดินไปตามถนนลาดยางเลียบแม่น้ำโดยไม่รอฟาเรนไฮต์

     

    "ช้าก่อน!...แล้วคำตอบ..."

    เด็กหนุ่มหยุดเท้าของตัวเองในทันที

     

    "ฉันทำแบบนั้นไม่ได้"

     

    เสียงของใบไม้ที่เสียดสีกัน ดังแทรกขึ้นหลังจบประโยค ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้กล่าวอะไร จนกระทั่งคาระก้าวเดินอีกครั้ง

    คำตอบนั้นของเขามันหยุดเธอไว้ไม้ให้ไล่ตามไปอีก และความหวังอันริบหรี่ที่คาระจะตอบรับก็ดับวูบลงไป

    ภาพของโลกเบื้องหน้าพร่าเลือนและส่องประกายด้วยของเหลวใสที่ค่อย ๆ เอ่อล้นจากดวงตาสีน้ำเงินอีกครั้ง ทุกอย่างเงียบกริบในทันที

    เธอลืมแม้กระทั่งวิธีหายใจ ฝืนไม่ให้บางสิ่งบางอย่างพรั่งพรูออกมาจากหัวใจ จนฟันของเธอขบกันและริมฝีปากสีชมพูอ่อนเม้มแน่น

    แต่แล้วในที่สุด ร่างกายของเธอในตอนนี้ยังคงต้องการอากาศ บังคับให้เธอสูดหายใจเพียงช่วงสั้น ๆ

    จนกลายเป็นเสียงสะอื้นของหญิงสาว...ที่ไม่มีชายใดจะเมินเฉยต่อไปได้

     

    "ฮึก..."

     

    ร่างของฟาเรนไฮต์ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของคาระแน่น แม้ว่าจะตกใจก็ตาม ทว่าสิ่งที่เธอพยายามจะฝืนอดกลั้นกลับล้นออกมาจนไม่สามารถห้ามได้อีก

    เสียงร้องไห้ของเธอปลดปล่อยความรู้สึกต่าง ๆ ออกมาทั้งหมด เธอได้พยายามเก็บมันไว้จนถึงที่สุดแล้ว

    ยิ่งคาระกระชับร่างเธอแน่นขึ้นมากเพียงไร น้ำตาของฟาเรนไฮต์ก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้นเท่านั้น

    จนกระทั่งปีกขนนกของเธอสยายออกอย่างฉับพลัน มันเปล่งประกายสีขาวนวลสว่างไสวราวกับแสงจันทร์ในคืนที่มืดมิด และคาระก็รู้สึกได้ว่ามันมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าที่เคย

     

     

    มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้เห็นปีกของนางฟ้าส่องสว่างเช่นนี้ มีเพียงผู้ที่ครอบครองหัวใจของนางฟ้า ทำให้เธอรู้สึกถึงความรักเฉกเช่นมนุษย์จนกระทั่งดวงวิญญาณมิอาจปฏิเสธได้เท่านั้น

     

    "เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจได้เสมอ...

     

    ...เมี้ยว"

     

     

    ตอนที่ 7 Kara

     

     

     

     

     

     

    ทางเดินสลัวที่มีเส้นแสงสีฟ้าขอบทางนำตรงไปสู่ห้องกักกันสองห้องที่ปลายทาง เจ้าหน้าที่ SA หลายคนนอนสลบตามรายทาง

    หญิงสาวก้าวเดินข้ามร่างของพวกเขาอย่างแผ่วเบา จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องกักกัน

     

    "คุณจะทำอะไร" หญิงสาวในชุดกาวน์ถามด้วยเสียงแผ่ว

    "โอ้ มนตร์ของข้าไม่มีผลต่อเจ้างั้นหรือ"

     

    หญิงสาวที่บุกรุกเข้ามาในส่วนกักกันย่อตัวลง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หญิงสาวในชุดกาวน์

     

    "ราตรี...เปิดห้องนั้นให้ข้าทีเถิด"

     

    เธอชี้มือไปยังห้องด้านข้าง ราตรีที่นั่งพิงผนังอันเย็นเยือกมองตามไป

     

    "ไม่ ฉันจะไม่ยอมปล่อยนางฟ้าตกสวรรค์ตนนั้นออกไป"

     

    หญิงสาวตรงหน้าเอื้อมมือถอดแว่นของราตรีออกจากใบหน้า

     

    "รู้ไหม การหลงรักฝ่ายเดียวมันทรมานเพียงไร ข้าสามารถช่วยเจ้าได้"

     

    ราตรีประหลาดใจอย่างมากที่หญิงสาวตรงหน้ากล่าวเช่นนั้น

     

    "ข้าทำให้ความปรารถนาเป็นจริงได้ มากับข้า ราตรี ข้าจะนำหัวใจของธารามาให้เจ้า"

     

    ราตรีตาลุกวาวกับข้อเสนอนั้น ทว่าเธอกลับมีสีหน้าที่เศร้าในฉับพลัน

     

    "ฉันจะไม่แลกดวงวิญญาณของตัวเอง เพื่อคำลวงของปีศาจหรอก" ราตรียิ้มมุมปาก

    "ข้าเป็นนางฟ้าต่างหาก และจงรู้ไว้ เจ้าจะไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีก"

     

    เธอลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หน้าห้องกักกัน มือของเธอเรืองแสงสีม่วงก่อนที่กระจกกั้นห้องจะละลายกลายเป็นของเหลวไหลลงพื้น

     

    "ฮิๆๆๆ ข้ากำลังรอท่านอยู่ เกลซีพร้อมรับใช้ท่านบาเรอัล"

    "ท่านบาเรอัล...รอก่อน ท่านเอคโค่...ไม่อยากให้เป็นแบบนี้แน่" เสียงที่แหบแห้งดังก้องขึ้นที่ห้องด้านข้างซึ่งอยู่ติดกัน

    "เจ้าปิดบังความจริง เพราะอะไรข้าจึงต้องฟังเจ้าอีก" บาเรลอัลกล่าวโดยไม่หันไปมอง "ข้าเองก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ และเอคโค่...ก็ไม่เคยรับฟังข้าเช่นกัน"

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×