ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic][TVXQ YUNJAE] ▧ ▨【WHITE BLOOD】▧ ▧

    ลำดับตอนที่ #2 : [FIC] ▧ ▨【WHITE BLOOD】▧ ▨ Part 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.22K
      5
      4 ธ.ค. 53

     Title :: [FIC] ▧ ▨【WHITE BLOOD】▧ ▨ Part 1
    Story by :: Tachi_Naniki
    Pairing :: YUNHO x JAEJOONG
    Category :: Drama,Romantic comedy,Fantasy
    Rate :: PG - NC 17




    :: PART 1 ::





    นัยน์ตาสีเข้มทอดมองบรรยากาศเลวร้ายภายนอกผ่านบานหน้าต่างหรูหราฉลุลายสไตล์ยุโรป อย่างเลื่อนลอย ... ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบอายุ 15 ปีของลูกชายเจ้าของคฤหาสน์หลังงามที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางพายุหิมะแท้ๆ แต่ผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนกลับไม่อยู่เฉลิมฉลอง ด้วยเหตุผลที่ว่ามีคนรุกร้ำเข้ามาในเขตแดนต้องห้ามแห่งนี้ ...



    กำลังเตรียมหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาแต่ประตูห้องนอนกลับถูกเปิดออกเสียก่อนเผยให้เห็นร่างของบุพการีทั้งสองคน ... เมื่อมองต่ำลงมาก็พบกับร่างไม่ได้สติของเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งภายในวงแขนของ ผู้เป็นพ่อ ..



    ผิวขาวๆอมชมพูที่โผล่พ้นสาบเสื้อบางๆออกมาบ่งบอกให้เด็กชายยุนโฮรู้ว่า ร่างตรงหน้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ควรจะมาอยู่ที่นี่ ...

    ใบ หน้าหวานซีดเผือดเล็กน้อยเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นเกือบติดลบสามารถสะกดเด็กชายจนไม่อาจละสายตาออกจากภาพตรงหน้าไปได้แม้แต่วินาทีเดียว ...


    “สุขสันต์วันเกิด .. ยุนโฮ ... นี่ของขวัญของลูก .. รับไว้สิ..”



    ของขวัญวันเกิดอายุครบ 15 ปี .... คือ “เด็กผู้ชายหน้าหวาน” แต่น่าแปลกที่ ชอง ยุนโฮ ไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องของขวัญมีชีวิตชิ้นนี้เพราะพอได้ทำความรู้จักรวมถึง เล่นด้วยกันบ่อยๆก็ก่อให้เกิดความรู้สึกที่มนุษย์เรียกกันว่า ผูกพันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...



    “เลือด” ของแจจุงหอมหวานมากเสียจนใครๆต่างก็ต้องการ .. แม้ยุนโฮจะไม่เคยชิมหรือลิ้มรสโดยตรงแต่กลิ่นกายคนมันหลอกกันไม่ได้ ... เห็นกันชัดๆว่า คุณพ่อของเขาให้ของขวัญล้ำค่าเป็นมนุษย์คนนี้เพราะอะไร ...



    เพราะ คิม แจจุง คือ อาหารมื้อพิเศษสุดหายากยังไงละ....



    เวลาผ่านไปอีกหลายต่อหลายวันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งวันที่อากาศหนาวเย็น มากที่สุดของปีได้มาถึง ... ร่างกายทุกส่วนของยุนโฮเริ่มร่ำร้องอยากได้อาหารมาทดแทนซึ่งแน่นอนว่า อาหารที่มีอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนที่เล่นด้วยกันอยู่ทุกวันนี่เอง...



    “ยุนโฮ .... นี่ ...เป็นอะไรไป ..” พอร่างกายที่ไม่ได้รับเลือดล้มตึงลงกับพื้น .. คนตัวเล็กก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่รู้ว่าเพื่อนตัวสูงเป็นอะไรกันแน่ ... ตอนนั้นแจจุงยังช่างพูดช่างจา .. โลกภายนอกที่มนุษย์เขาอยู่กัน ยุนโฮก็ได้เรียนรู้จากแจจุงทั้งสิ้น ถึงแม้จะไม่เคยเห็นของจริงแต่เพราะมีแจจุง ยุนโฮจึงเข้าใจความรู้สึกรวมทั้งสังคมของมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว ...



    โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่า “ความเป็นมนุษย์” กำลังแทรกซึมอยู่ภายในจิตใจของยุนโฮทีละน้อยๆ ...



    “แจจุง ... ฉัน .... ทนไม่ไหวแล้ว...”



    “??????....”



    “.. ฉัน ... ไม่ใช่มนุษย์ ... ปกติแจจุงคืออาหารของพวกเรา แต่ฉัน ...” ... ทำใจที่จะใช้เขี้ยวเจาะลงไปภายใต้ผิวหนังขาวๆของแจจุงไม่ได้ ...



    ยุนโฮไม่มีแรงมากพอจะเอ่ยอะไรออกไปได้มากกว่านี้ .. สัญชาตญาณที่เหล่ามนุษย์ชั้นสูงมีเริ่มออกฤทธิ์เมื่อร่างกายไม่ได้รับอาหาร ที่เพียงพอ ... ร่างบางถูกคนตัวใหญ่กว่าจับพลิกให้ลงไปนอนราบอยู่บนพื้นห้องนอน .. ร่างสูงที่ยังคงครองสติอันน้อยนิดเอาไว้ได้รีบสะบัดศีรษะไล่ความอยากกระหาย ออกไปแต่แน่นอนว่ามันไม่ค่อยได้ผล ... แจจุงกัดริมฝีปากร้องไห้ออกมาเงียบๆเมื่อเห็นท่าทางทรมานของเพื่อนเพียงคน เดียวที่ยอมเล่นด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ ...



    สังคมโลกที่เปิดกว้างทำให้แจจุงพอจะเคยพบเห็นมนุษย์ชั้นสูงสายแวมไพร์ปะปนอยู่ในสังคมมนุษย์อยู่บ้าง แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่มีพิษภัยอะไรเพราะดื่มเลือดจากสัตว์เสียเป็นส่วนใหญ่ แถมยังแบ่งแยกเขตแดนระหว่างกันอย่างชัดเจน แต่ในกรณีของ “ชอง ยุนโฮ” แล้ว แจจุงรู้ได้ทันทีว่า ตัวเองคืออาหารมื้อใหญ่



    “ยุนโฮ ... ยุนโฮไม่ต้องทนแล้วนะ .... ทำอย่างที่ยุนโฮต้องการเถอะ..” หากสังเกตดีๆจะพบกับน้ำตามากมายซึ่งกำลังไหลเปื้อนเต็มแก้มกร้าน ...



    ไม่อยากทำร้าย....

    ไม่อยากสร้างความเจ็บปวด...

    ไม่อยากทำให้เพื่อนต้องเจ็บ....



    ขอโทษนะ แจจุง ... ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ ...



    ใบ หน้าคมโน้มลงโลมเลียผิวขาวๆบนต้นคอสวยหนักบ้างเบาบ้างสร้างความรู้สึกหวาด กลัวให้เกิดแก่คนใต้ร่างได้ไม่ยาก ... น้ำตาเม็ดโตไหลชุ่มแก้มขาวอีกครั้งเมื่อคมเขี้ยวถูกกดลงมาจนมิดโคน ...



    “ฮึกก .. ยุน...โฮ...” กัด ริมฝีปากบางๆจนห้อเลือดเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บปวด .. กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งกระจายไปทั่วห้องชนิดที่ว่ามนุษย์อย่างแจจุงยังรับรู้ ได้ ..



    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วจริงๆที่ยุนโฮยังคงรับเลือดเข้าไปในร่างกาย เรื่อยๆโดยการตวัดลิ้นเลียรอบรอยเขี้ยวของตัวเองอย่างเคลิบเคลิ้มกับรสหอมหวานผิดธรรมดา ...



    เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งเมื่อ “แจจุง” คือ มนุษย์คนเดียวที่ไม่กลายพันธุ์หลังจากถูกยุนโฮกัดในครั้งแรก ... แถมแจจุงยังพูดน้อยลงเรื่อยๆจนตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยมากว่า 10 ปีเต็ม ความไม่ช่างพูดของแจจุงเลยกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว...



    บางที ... สังคมของแวมไพร์อาจทำให้แจจุงพูดจาน้อยลงก็เป็นได้







    อดีตบ้านสีขาวของผู้เป็นพ่อแม่ยามที่ท่านยังไม่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปปรากฏต่อหน้ายุนโฮซึ่งนั่งรถเข้าเมืองมาได้หลายชั่วโมงแล้ว .. มือกร้านเขย่าไหล่มนเบาๆหวังปลุกให้คนที่นอนหลับอยู่บนตักมาตลอดการเดินทาง ตื่นจากห้วงนิทรา .. แพขนตายาวเปิดรับภาพต่างๆในความมืดได้อย่างยากลำบากเนื่องจากความอ่อนเพลีย ครั้นจะขยับตัวแต่ละทีก็แสนอ่อนล้า..



    แจจุงมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งหลังจากสละเลือดเพื่อต่อชีวิตให้กับมนุษย์ชั้นสูงสายแวมไพร์อย่างเขา ...



    “ซึงริ .. เดี๋ยวขนกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปในบ้านให้ฉันหน่อย ...” คน ขับรถพยักหน้ารับทราบแล้วรีบไปทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จลุล่วงโดยไม่ต้อง รอให้เจ้านายสั่งซ้ำ .. เหตุผลที่ยุนโฮไม่ยกกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปเองเหมือนอย่างเคยนั้นเป็นเพราะ เขาต้องอุ้มแจจุงเข้าบ้านก่อนที่อากาศเย็นๆภายนอกจะทำให้ร่างเล็กคนนี้ป่วย ในยามร่างกายมีภาวะไม่สมดุล ...



    แจจุงพลิกตัวหันหลังให้คนตัวสูงทันทีที่ถูกวางลงบนเตียงเรียกรอยยิ้มจากริม ฝีปากหยักได้ไม่ยาก .. ร่างสูงจัดการสอดตัวลงใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแล้วรวบร่างบางๆทั้งร่างมากอดไว้ หลวมๆพอให้มีช่องว่างระหว่างกันนิดหน่อยป้องกันคนตัวเล็กหายใจหายคอไม่สะดวก และเมื่ออากาศภายนอกหนาวเย็นขึ้น ร่างเล็กที่นอนหันหลังในคราแรกก็พลิกตัวหันหน้าเข้าหาแผงอกอุ่น ..



    แม้ความอบอุ่นจะไม่เท่ากายมนุษย์แท้ๆแต่มันก็มากพอแล้วสำหรับแจจุงที่ควรจะ “ตาย” ไปตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน ..



    ยุนโฮจูบหน้าผากมนราตรีสวัสดิ์โดยที่แจจุงไม่มีโอกาสได้เห็น ร่างหนารวบเอวบางเข้าแนบชิดเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นสู่กันและกัน ....



    ไม่เคยมีครั้งไหนที่ต้องนอนร่วมเตียงเดียวกัน ...

    ไม่เคยมีครั้งไหนที่ได้ใกล้ชิดกันทั้งคืนแบบนี้ ...

    ไม่เคยมีครั้งไหนที่ยุนโฮมีโอกาสได้เห็นใบหน้าหวานยามหลับได้ใกล้มากเสียจนพาให้หัวใจเจ้ากรรมชักไม่รักดี ..



    เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆแต่ทำไมถึงเกิดความรู้สึกอยากจะปกป้องและทะนุถนอมร่างเล็กๆและบอบบางตรงหน้านี้อย่างแรงกล้า ยุนโฮเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน ได้แต่ปล่อยให้ความรู้สึกนำพาไปจนกระทั่งหนังตาเริ่มจะไม่ทำตามคำสั่งของผู้ เป็นเจ้าของร่างสูงค่อยๆจมดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแห่งความฝันไปในที่สุด ..









    แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสาดลอดผ้าม่านผืนบางพริ้วปลิวลู่ตามลมจนคนที่นอนอยู่ต้องลืม ตารับภาพรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ ... ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อร่างบางพบว่าชายหนุ่มร่าง สูงที่กอดเกี่ยวเอวคอดกิ่วแน่นไม่ยอมปล่อยในคราแรกกลับเป็นฝ่ายซบอกบอบบาง ของเขาแทน ... แจจุงคลี่ยิ้มน้อยๆให้กับความน่ารักของยุนโฮที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้เห็น ...



    “ยุน....” มือเล็กเขย่าคนตัวโตเบาๆเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า สาเหตุที่ทั้งเขาและยุนโฮมาที่นี่ก็คือ ... การทำงาน ...



    “ตื่นแล้วหรอ? ...” ยุนโฮยังอยากจะขี้เซาต่ออีกสักนิด .. เขาจัดการตวัดร่างนิ่มๆขึ้นไปอยู่ด้านบน ... แจจุงส่งเสียงหัวเราะคิกคักเพราะจมูกโด่งคมซึ่งขโมยหอมแก้มขาวเนียนมิได้ หยุด ...



    “ปลุกฉันเพราะนึกว่าฉันต้องไปทำงานใช่มั้ย? ...”



    “.............” พยักหน้าเบาๆสองสามทีพร้อมกับคลี่ยิ้มหวานให้คนตัวโตได้ใจชื้น....



    “วันนี้ฟรีสไตล์ ... คุณพ่อให้เตรียมตัวก่อน 1 วัน .. ถ้าไง .. ให้ฉันได้ดูแลแจจุงบ้างนะ ..” ปกติ แจจุงมักจะถูกทิ้งให้อยู่ในห้องคนเดียวเสมอ ... ไร้ทั้งอิสรภาพและสิทธิของความเป็นมนุษย์ ... ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย กว่ายุนโฮจะเรียนรู้ธุรกิจภายในครอบครัวที่คุณพ่อตั้งใจถ่ายทอดให้ในแต่ละวันเสร็จก็ปาไปเกือบๆค่อนคืนแล้ว ตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น ..



    แจจุงคงเหงา ... ไม่มากก็น้อย ... 

    ถึงแจจุงจะไม่พูดออกมาตรงๆแต่ “มนุษย์” ทุกคนล้วนอยู่คู่กับ “ความเปลี่ยวเหงา” เสมอ ...



    “เดี๋ยวฉันมา ... แจจุงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน ...” มือนุ่มคว้าหยิบผ้าขนหนูจากชายหนุ่มเชื้อสายแวมไพร์ที่ลงทุนค้นเสื้อแขนยา คอกว้างสีขาวและกางเกงผ้าร่มสีดำใส่สบายจัดเรียงวางไว้บนเตียงนอน



    ร่างบางเดินหายเข้าไปในห้องน้ำนานหลายนาที พอ ทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่าง แจจุงจึงพบว่า ยุนโฮไม่ได้อยู่ในห้องนอน นี่คือเรื่องปกติเพราะ ยุนโฮให้เกียรติแจจุงเสมอราวกับแจจุงเป็น “ผู้หญิง” คน หนึ่งเลยก็ว่าได้ ... ผ่านไปครู่ใหญ่ร่างสูงจึงค่อยเคาะประตูเป็นสัญญาณว่าอีกไม่กี่วินาทีต่อมาจะ เข้าไปข้างใน ... คลี่ยิ้มหวานให้กันเล็กน้อยเมื่อต่างฝ่ายต่างก็สบตากันอย่างพอดิบพอดีโดยมี ได้นัดหมาย ทว่าคิ้วสวยต้องขมวดเป็นปมพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่ค่อยๆเลือนหายไปเหลือ ไว้แต่เพียงความสงสัยเมื่อร่างสูงเท่ห์เดินเข้าประชิดตัวจนแจจุงต้องก้าวถอย ไปข้างหลังเป็นเหตุให้ร่างบางๆเซล้มนั่งลงบนเตียง ...



    ร่างสูงคุกเข่าแล้วชันขาขึ้นหนึ่งข้างเพื่อให้ใบหน้าเสมอกับใบหน้าของแจจุง .. ความอบอุ่นบริเวณลำคอขาวเรียกให้นัยน์ตาสีหวานหลุบมองชิ้นผ้าสีแดงขอบขาวที่ยุนโฮพับจนกลายเป็นรูปสามเหลี่ยม .. มือกร้านขาวซีดกว่าคนปกติบรรจงผูกปมด้านหลังเพื่อปิดบังรอยคมเขี้ยวตื้นๆที่ไม่สมควรให้มนุษย์เดินดินภายนอกเห็น...



    ถึงแม้เรื่องราวของ “มนุษย์ชั้นสูง” สายแวมไพร์จะไม่ใช่ความลับสำหรับคนทั่วไปแต่น้อยคนนักที่จะสนับสนุนให้ “อาหาร” กับ “แวมไพร์” อยู่กินด้วยกันหรือแม้กระทั่งอาศัยอยู่ในเขตแดนเดียวกันเพราะมีการแบ่งแยกเขตแดนกันอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ..



    “จะเข้าฤดูร้อนแล้ว .. แจจุงใส่แบบนี้แทนผ้าพันคอก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ^^” ใบหน้าหวานขึ้นสีเรื่อไปถึงหูแทบจะทันทีที่ถูกชมว่า “น่ารัก” .. ไม่น่าเชื่อว่าคนทั้งคู่จะไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน ...



    วันว่างๆที่นานๆทีจะมีสักหนผ่านพ้นไปโดยไม่มีอะไรวิเศษวิโส .. ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ครอบคลุมซีกโลกด้านตะวันออกอีกครั้งเป็นเวลานอนหลับของมนุษย์ปกติธรรมดา รวมถึงร่างบอบบางที่ผลอยหลับไประหว่างนั่งดูทีวีกับยุนโฮหลังอาหารมื้อค่ำ ซึ่งยุนโฮสั่งอาหารชั้นดีจากภัตตาคารมาเพื่อแจจุงโดยเฉพาะ ...



    แม้แจจุงจะนั่งกินข้าวคนเดียวแต่ยุนโฮก็นั่งมองใบหน้าหวานที่เคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ยอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งอาหารหมดลงแล้วมาจบด้วยการหลับอยู่บนโซฟาอีกฟากหนึ่งโดยที่พนักโซฟากลายเป็นหมอนหนุนศีรษะเล็กชั่วคราว ....



    “แจจุง ...” โน้มตัวลงกระซิบเรียกชื่อข้างๆใบหูนุ่มของคนตัวเล็กแต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากคนหลับลึก ..



    “อื้ออ .. ยุน...โฮ..” ร่างสูงหัวเราะในลำคออย่างนึกเอ็นดูเมื่อช้อนอุ้มแจจุงที่ขยับตัวยุกยิกพลางหลุดเรียกชื่อของเขาขึ้นแนบอก ...



    ยุนโฮวางร่างนิ่มลงกับเตียงแล้วคว้าผ้าห่มมาห่มคลุมให้จนถึงแผงอกบาซึ่งกระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ ...



    วันสบายๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว.. พรุ่งนี้ยุนโฮก็ต้องทิ้งแจจุงเอาไว้ที่บ้านคนเดียวเหมือนอย่างเคย ...



    “ฝันดีนะ ... แจจุง...”











    เช้าวันใหม่ดำเนินมาถึงอีกครั้ง .. แจจุงค่อยๆยันกายลุกจากที่นอนเมื่อพบว่า ห้องทั้งห้องนั้นว่างเปล่าไร้ร่างของชายหนุ่มร่างสูงที่แน่นอนว่าต้องออกไปทำงานเป็นประจำทุกวัน .. วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานในเมืองใหญ่ ร่างบางอดจะรู้สึกผิดไม่ได้ที่ตื่นไม่ทันช่วยยุนโฮแต่งตัว ..



    ทั้งๆที่เป็นแค่ “อาหาร” ของ เขาแท้ๆ แต่แจจุงกลับหนีไปจากยุนโฮไม่ได้เพราะ ความใจดี ความอ่อนโยนและการดูแลเอาใจใส่ที่ร่างสูงแสดงออกมาทำให้แจจุงไม่คิดจะไปไหน และตัดใจก่อนแทบจะทุกครั้งที่คิดหนี ...



    แต่ความคิดนี้จะอยู่กับแจจุงที่โดดเดี่ยวอ้างว้างได้อีกนานแค่ไหน? ...





    โฮ่ง โฮ่ง ...

    ร่างเล็กหันไปตามเสียงของสุนัขสีครีมพันธุ์โกลเด้นที่ตะกุยประตูกระจกบานเลื่อนมิได้หยุด .. นัยน์ตาสวยกลมโตจ้องมองสิ่งมีชีวิตขนปุยหน้าตาน่ารักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงเคาะกระจกจะดังตามมา แจจุงจึงต้องเงยหน้าขึ้นมองไปตามเรียวขายาวซึ่งหยุดยืนอยู่ข้างหลังเจ้าตัวขนปุยจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลา



    ก๊อก ก๊อก ..



    ชายคนนั้นยังคงเคาะประตูกระจกต่อไปพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ลูกบอลลูกเล็กๆซึ่งตกอยู่ข้างบานหน้าต่างที่ยุนโฮคงเปิดรับลมเอาไว้เพื่อไม่ให้บ้านทั้งบ้านอับชื้น ...



    แจจุงก้มลงหยิบลูกบอลลูกเล็กๆลูกนั้นขึ้นมาก่อนจะเลื่อนบานประตูกระจกให้เปิดออก .. ทันใดนั้นเอง.. สุนัขตัวใหญ่ก็กระโดดเลียหน้าเลียตาคนสวยที่น่าจะเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวาน



    “ขอโทษด้วยนะครับ .. เจ้าโกโยมันชอบทำแบบนี้เป็นประจำเลย” ดึงเชือกที่อยู่ในมือจนสุนัขตัวโตถอยร่นมานั่งแหมะอยู่ข้างๆผู้เป็นเจ้าของ .. แจจุงส่ายหัวน้อยๆเป็นเชิงบอกว่าไม่ถือสา แถมยังนั่งยองๆให้เสมอกับเจ้าขนปุยแล้วแบมือไปตรงหน้าเพื่อขอมือของมันอีกด้วย ..



    เมื่อเห็นว่าคนน่ารักไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ เจ้าของสุนัขจึงได้แต่ยืนมองสุนัขของตัวเองวางเท้าหน้าลงบนมือขาวท่าทางนุ่มนิ่ม ..



    “เอ่อ .. คือ .. ผม .. ปาร์ค ยูชอนครับ ... ยินดีที่ได้รู้จัก...” เมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัวมา แจจุงจึงต้องยืนขึ้นแล้วคลี่ยิ้มบางๆส่งไปให้เพื่อนบ้านที่น่าจะพาสุนัขออกมาเดินเล่น .. ถึงแม้แจจุงจะไม่ได้พบกับมนุษย์ด้วยกันนานแล้วแต่มารยาทหรือเรื่องพื้นฐานในการพบปะผู้คน แน่นอนว่าแจจุงยังไม่ลืม...



    “คิม .. แจจุง..” ใน ขณะที่แจจุงกำลังยื่นมือไปหวังเช็คแฮนกับชายหนุ่มร่างสูงเพรียว ปรากฏว่ามีมือของใครอีกคนเข้ามาขัดขวางเสียก่อน .. ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกมืออุ่นๆแต่ไม่เท่าอุณหภูมิของมนุษย์จับหมับตรงข้อมือขาวบางเรียกสายตางุนงงจากยูชอนได้เป็นอย่างดี ...



    “แจจุง .. เข้าบ้านซะ..” เสียงทุ้มทรงอำนาจที่แน่นอนว่าแจจุงจำเป็นต้องเชื่อฟังอย่างไม่มีข้อแม้ผลักดันให้ยูชอนต้องล่าถอยออกมาเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ..



    คนอะไรทำไมดุชะมัด ....





    ร่างบางถูกชายร่างใหญ่ลากเข้าไปในห้องนอน .. น้ำตาเม็ดเล็กเริ่มไหลปริ่มเมื่อความเจ็บปวดแล่นจากข้อมือที่ถูกจับลากมาเป็นระยะๆ ..



    “วันหลัง อย่าไปคุยกับคนอื่นอีกรู้มั้ย?..” จับไหล่เล็กให้หันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ ... และเมื่อยุนโฮเห็นน้ำตาที่ไหลอาบเต็มแก้มเนียน .... ใจทั้งดวงก็อ่อนยวบแทบโกรธไม่ลง ..



    “ฮึก...”



    “ไม่ร้อง ... ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ .. อย่าร้องไห้นะ..”



    ก็แค่ไม่อยากเสียคนตรงหน้าไปให้ใครอื่น ..

    ก็แค่กลัวว่าคนตัวบางจะหนีไปเพราะอย่างน้อยยุนโฮก็ยังเชื่อว่า “มนุษย์” กับ “แวมไพร์” ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้...

    ก็แค่ไม่มั่นใจว่าการทำดีเล็กๆน้อยๆจะทำให้ “มนุษย์” ที่ไม่ชอบอยู่ร่วมกับ “สิ่งมีชีวิต” อื่นเปลี่ยนแปลงความคิดได้ ..



    มนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่วันยังค่ำ

    แวมไพร์ก็ยังคงเป็นแวมไพร์อยู่วันยังค่ำ แม้ ชอง ยุนโฮ จะเคยเป็นมนุษย์มาก่อนแต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว ..



    ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้แจจุงต้องเสียน้ำตา ...

    ยุนโฮไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายแจจุงจริงๆ ...



    ถ้าไม่ใช่เพราะงานที่บริษัทยังไม่มีอะไรมากในวันแรก ประชุมแค่ช่วงเช้าตรู่ไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จ ยุนโฮคงไม่มีโอกาสได้มาเห็นเพื่อนบ้านที่พยายามจะตีสนิทกับคนของเขาเอง ...



    ตั้งแต่แจจุงเล็กๆจนกระทั่งเติบใหญ่ .. ยุนโฮอดจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แจจุงโตมาแล้วสวยยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก .. ในขณะที่ร่างกายของเขากลับกำยำและแข็งแรงกว่ามากมายหลายเท่า เรียกได้ว่าแทบจะตรงข้ามกันทุกอย่างแต่ ชอง ยุนโฮเติบโตเป็นชายหนุ่มแข็งแรงมาได้เพราะการเอาเปรียบร่างเล็กๆที่เขาคว้าเข้ามากกกอดพลางเช็ดน้ำตาให้อย่างรักใคร่ .. จมูกโด่งซุกซบบนลาดไหล่เล็กสูดกลิ่นหอมจากแป้งเด็กยี่ห้อประจำเข้าไปจนเต็มปอด ...



    ยุ นโฮไม่เคยคิดว่าแจจุงคืออาหาร แต่เป็นผู้มีพระคุณที่ยอมเสียสละให้เขาทุกๆอย่าง แม้จะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ยุนโฮก็ขอคิดเองเออเองไปก่อนว่า ที่แจจุงไม่หนีเพราะแจจุงยังนึกเป็นห่วงเขาอยู่บ้างเพราะเขาไม่เคยดื่มเลือดจากใครอีกเลยหลังจากมาพบกับแจจุงเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ..



    “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ... ยกโทษให้ฉันเถอะ..” กระซิบเสียงนุ่มเป็นการงอนง้อ ... แจจุงส่ายหัวอยู่กับแผ่นอกกว้างเพราะไม่เคยโกรธยุนโฮได้จริงๆเสียที ..



    ก็แค่ไม่ชอบเห็นใบหน้าน่ากลัวของยุนโฮ .. มันทำให้แจจุงรู้สึกกลัว ..



    เมื่อทุกๆอย่างดูจะลงตัวแล้ว .. ร่างสูงก็ขอเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ส่วนแจจุงปัดกวาดเช็ดถูบ้านหลังเล็กไปตามเรื่องตามราว ... เบื่อๆก็ลุกมาทำความสะอาดห้องนอน แจจุงคงไม่เหมาะจะเป็นสามีของใคร ...



    เหมาะกับการเป็นภรรยามากกว่า ........



    ร่างบางทำนู่นนี่รอจนกระทั่งเสียงเปิดประตูห้องน้ำในห้องนอนเงียบไปสักพักหนึ่ง จึงได้เข้าไปเพราะยุนโฮคงจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วด้วยเวลาเพียงแค่นั้น ... แต่แทนที่ยุนโฮจะสนใจคนตัวเล็กที่เพิ่งเข้ามาในห้องกลับไม่มีปฏิกิริยาใดใดตอบกลับมา .. ชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ยังคงยืนหันหลังเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างราวกับ ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกมองอยู่ ...



    ผิดปกติมาก เพราะ ถ้าเป็นเวลาปกติละก็ ยุนโฮสามารถรับรู้ทันทีว่าแจจุงอยู่ตรงไหนได้ด้วยกลิ่น (?)



    บางทียุนโฮอาจจะคิดมากเรื่องที่ทำให้แจจุงร้องไห้ ...



    นัยน์ตาสีเข้มหลุบมองนิ้วก้อยของตัวเองที่เริ่มอุ่นเนื่องจากนิ้วก้อยของใครอีกคน สอดเกี่ยวเข้ามาจนร่างสูงต้องละสายตาออกจากท้องฟ้าสีหม่น ใบหน้าหวานก้มงุดๆแทบคางชิดอกเมื่อความเขินเริ่มก่อเกิด ...



    ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเขิน

    ไม่เข้าใจเลยโดยเฉพาะเวลาที่แจจุงเห็นใบหน้าเศร้าๆของยุนโฮ แจจุงมักจะทนเห็นใบหน้าแบบนั้นไม่ได้จึงต้องเดินเข้าไปปลอบด้วยวิธีการของตัวเอง ..



    ถึงไม่ชอบพูดแต่ก็แสดงออกด้วยการกระทำเสมอๆตามแบบฉบับของคนไม่ช่างพูด ...



    ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของคนทั้งคู่อีก .. นอกเสียจากความอบอุ่นนุ่มนวลที่ส่งผ่านสู่กันและกันผ่านทางนิ้วก้อยที่สอดเกี่ยวกันไม่ยอมปล่อย ... แม้ไม่ต้องเอ่ยอะไรก็สุขไปทั้งหัวใจ ...





    ยุนโฮจะรู้บ้างมั้ยนะว่า คิม แจจุงไม่เคยโกรธยุนโฮลงสักที .... 





    TO BE CON !!!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×