เซียนจอมเวทย์ Deva Wizard
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ แฟนตาซี Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : ท่านโซ
My.iD :
https://my.dek-d.com/TanSoSoDa/writer/
ตอนที่ 121 : ภาค 2 ตอนที่ 47 บ่มเพาะต้นกล้า
ทุกคนต่างรีบเร่งไปยังจุดนัดหมาย
เมื่อไปถึงเมอร์ลินที่นั่งปิดตารออยู่ก็ลืมตาขึ้น
เมอร์ลินกวาดตามองครั้งหนึ่งและเอ่ย
“ดูเหมือนจะมีคนได้รับบาดเจ็บ”
เด็กน้อยเหลือบตามองเห็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
สภาพของสกูตั้นและอูซ่านั้นน่าจะหนักสุด พวกเขาทั้งสองนั้นโดนสัตว์ร้ายกระแทกอย่างรุนแรง และยังมีอีกหลายคนที่โดนลูกหลงพลังของหมูป่ากระหายเลือด ใบหน้าซีดขาว ขยับทีหนึ่งก็รู้สึกถึงความเจ็บปวด
เมื่อได้เห็นท่าทีที่เย็นชาของเมอร์ลินมองลงมา หลายคนก็เกิดอารมณ์ไม่พอใจเล็กๆ ภายในจิตใจ
แม้ว่าอยากจะพูดออกมาแค่ไหน แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่มีความกล้าที่จะทำมัน
อารมณ์ของเมอร์ลินนั้นเย็นชา รักษาระยะห่างจากผู้คน
แน่นอนว่ากลุ่มดารานั้นยากจะเข้าถึงจิตใจของเด็กน้อย
ตัวตนของเมอร์ลินนั้นสูงส่งและน่าหวาดกลัว ความร้ายกาจของเด็กน้อยได้ถูกประทับตราตรึงไว้ในหัวใจของทุกคน
ยามใดที่พวกเขาเผลอไปสบกับดวงตาสีดำที่ราวกับไร้ก้นบึ้งนั้น จิตใจของพวกเขาก็เหมือนพบกับความน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด ทั่วร่างกลายเป็นหนาวเย็นสั่นสะท้านอย่างไม่ทันตั้งตัว
หลังจากที่เงียบอยู่นาน เมอร์ลินก็เริ่มพูดอีกครั้ง
“ข้าได้เห็นฝีมือของพวกเจ้าแล้ว หากจะเรียกว่าไร้ฝีมือก็นับว่าไม่เกินไปนัก”
คำพูดของเมอร์ลินนั้นราวกับคมมีดทิ่มแทงหัวใจ ภายในใจของคนทั้ง 12 เกิดความรู้สึกเจ็บปวดแต่ก็ไม่มีความกล้าที่เอ่ยแย้ง
หัวหน้าของพวกเขานั้นนับว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง หากมองลงมาที่พวกเขา ความจริงที่แสนเจ็บปวดนี้ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องเท็จ
สกูตั้มมองไปที่หัวหน้าตัวน้อย
เด็กคนนี้เป็นเพียงเด็กอายุไม่กี่ขวบ แต่สามารถเป็นถึงนักรบเวทย์ได้ ความก้าวหน้าเช่นนี้ทำให้ผู้คนประหลาดใจอย่างแท้จริง
สกูตั้มที่เกิดมาอย่างเพียบพร้อมในตระกูลสูงศักดิ์ ตระกูลของเขานั้นสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมากเพื่อเขา แต่ทว่าเขากลับมีการบ่มเพาะที่ต้อยต่ำ สายตาคมมองไปยังเด็กน้อย เขานั้นทั้งอิจฉาทั้งนับถือในคราวเดียวกัน
“พวกเจ้าหลายคนนั้นไร้ฝีมือ ไร้ความกล้า นั่นคือสิ่งที่พวกเจ้าเป็นในตอนนี้”
ยิ่งเมอร์ลินเปิดปาก คำพูดของเขาก็ยิ่งเสียดแทงหัวใจของกลุ่มดารา
เมอร์ลินสูดลมหายใจเข้าลึกและเอ่ยต่อ
“ในเมื่อตอนนี้พวกเจ้าได้เข้ามาเป็นสมาชิกของกลุ่มดาราแล้ว จงเปลี่ยนแปลงตัวเอง จงเป็นหัวใจของพวกเจ้าให้เป็นผู้กล้า เปลี่ยนพลังให้เป็นผู้เข้มแข็ง นับตั้งแต่บัดนี้ไป ... ข้าจะทำให้พวกเจ้าเปลี่ยนไปเอง” เมอร์ลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ คำพูดของเขานั้นได้เข้าไปเขย่าหัวใจของกลุ่มดารา
คนทั้ง 12 คนเมื่อได้ยินคำพูดของเมอร์ลิน ภายในใจก็เกิดความรู้สึกฮึกเหิมอย่างห้ามไม่ได้ จิตวิญญาณของพวกเขากำลังร่ำร้องอย่างตื่นเต้น
ตัวตนของเมอร์ลินเป็นเช่นไรตอนนี้พวกเขาก็ได้ประจักษ์แก่สายตาแล้ว
ปีศาจอัจฉริยะเช่นเด็กคนนี้ถึงกับรับปากจะฝึกฝนพวกเขา ภายในใจก็อดรู้สึกยินดีไม่ได้
เหตุผลของหลายคนที่เข้าร่วมสงคราม ส่วนใหญ่นั้นต้องการที่จะพัฒนาฝีมือ การได้รับรางวัลนั้นคือผลพลอยได้ แม้บางคนที่มองเห็นเงินทองเป็นหลัก แต่เมื่อมีฝีมือเพิ่มขึ้นเขานั้นก็ย่อมต้องยินดี
หากได้รับการสั่งจากปีศาจอัจฉริยะเช่นหัวหน้าตัวน้อยของพวกเขา นั่นนับว่าเป็นโชคที่ดีมหาศาลสำหรับพวกเขาแล้ว
เมอร์ลินเหลือบตามองไปยังคนเจ็บอีกครั้งหนึ่ง ในมือก็เรียกขวดน้ำยาสีแดงออกมาจากแหวนเวทย์
เมื่อสะบัดมือครั้งหนึ่ง น้ำยาจำนวนหนึ่งก็ลอยไปสู่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
“คนที่บาดเจ็บจงดื่มน้ำยาเหล่านี้ซะ”
แม้ว่าเมอร์ลินจะเอ่ยคำพูดอย่างเย็นชา แต่หัวใจของเขาก็ยังมีความเมตตากับกลุ่มคนเหล่านี้
“ดื่มมัน ...” เมอร์ลินเอ่ย
สกูตั้มนั้นลังเลที่จะดื่ม เขาไม่แน่ใจว่าน้ำยาชนิดนี้เป็นน้ำยาประเภทไหนกัน เขาไม่เคยเห็นน้ำยาแบบนี้มาก่อน
เมื่อยกขวดน้ำยาขึ้นมาดู
ภายในขวดน้ำยาสีแดงดูเหมือนจะมีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ ประกายแสงสีทองเล็กๆ กระพริบอย่างไหววูบ เคลื่อนไหวไปรอบตัวยา
ไม่เพียงสกูตั้ม คนอื่นๆ ที่ได้รับน้ำยาก็อดที่จะแปลกใจกับน้ำยาชนิดนี้เช่นเดียวกัน
การกินยา แน่นอนว่าไม่สามารถกินสุ่มสี่สุ่มห้าได้ หากยานั้นเป็นพิษพวกเขาไม่ต้องตายตกไปหรอกหรือ?
หลายคนมองน้ำยาขวดนั้นด้วยความไม่แน่ใจ แต่เป็นสกูตั้มที่ตัดสินใจกระดกมันลงคอ
อึก.. อึก..
ทันที่น้ำยาผ่านลงลำคอ ความรุ่นร้อนของตัวก็ไหลผ่านและแผ่กระกายไปทั่วร่าง
บนร่างของสกูตั้มเกิดอาการผิดปกติ!
ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความทรมาน เส้นเลือดบนหน้าผากผุดออกมาเป็นเส้นๆ
“หรือว่านี่คือยาพิษ!”
เมื่อเห็นอาการของสกูตั้ม ทอรัสที่ได้รับน้ำยามาด้วยเช่นกันก็เอ่ยอย่างตกใจ ในมือจับขวดน้ำยาอย่างสั่นไหว
หัวหน้าตัวน้อยของพวกเขาต้องการให้พวกเขาดื่มยาพิษ?
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ร่างของสกูตั้มก็เกิดเสียงดังแกร๊กๆ ออกมา
เสียงนี้ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
หลายส่วนนั้นทำให้พวกเขาคิดว่าน้ำยาที่อยู่ในมือนั้นคือยาพิษแน่ชัดแล้ว
ทอรัสต้องการโยนน้ำยาขวดนี้ทิ้ง แต่ทว่าเมอร์ลินกลับเอ่ยเสียงเย็นขึ้นมาก่อน
“หากเจ้าทิ้งน้ำยาขวดนั้น เจ้าจะต้องเสียใจ” น้ำเสียงที่ราบเฉยของเมอร์ลิน นั้นกำลังเขย่าหัวใจของทอรัสจนสั่นสะท้าน
“นี่ไม่หมายความว่าหากข้าทิ้งน้ำยา เขาจะลงมือฆ่าข้าเองด้วยมือหรอกหรือ?” ทอรัสคิดในใจอย่างหวาดกลัว
ภายในใจของทุกคนเมอร์ลินนั้นเป็นตัวตนที่ลึกเกินหยั่ง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำใดก็ไม่มีใครเข้าใจความคิดของเขา
แต่ในทันใดนั้นเอง
เพล้ง!
ขวดยาในมือของสกูตั้มก็เกิดหยุดมือ ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความทรมาน ภายในร่างกายของเขากำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง จุดที่กระดูกซี่โครงหักนั้นเกิดความเจ็บปวดที่ยากจะอธิบาย
กระดูกหลายแห่งที่หักหรือบอบช้ำทวีความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
แต่ทว่าไม่นานนักสีหน้าของสกูตั้มก็เริ่มดีขึ้น จากใบหน้าที่ขาวซีดกลายเป็นเปล่งปลั่ง ผิวหนังที่บอบช้ำกลายเป็นฟื้นฟูสภาพ
ประสิทธิภาพที่แท้จริงของน้ำยากำลังแสดงผลออกมา
ถูกต้องแล้ว! น้ำยาขวดนั้นคือน้ำยาคุณสมบัติแฝง
น้ำยาที่ถูกปรุงขึ้นมาโดยผู้ใช้อักขระขั้นสีเขียวเช่นเมอร์ลิน
น้ำยาสีแดงเหล่านี้คือน้ำยารักษาอาการบาดเจ็บ มันคือน้ำยามหัศจรรย์ที่ใช้การกลั่นจากธาตุไม้และธาตุแสงเป็นหลัก คุณสมบัติของมันนั้นช่วยให้ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี
คุณภาพของมันเทียบเท่ากับมหาเวทย์รักษาระดับสูงได้
น้ำยาชนิดนี้ถูกผลิตออกมาในจำนวนไม่มากนักและร้านเสื้อคลุมสีฟ้าก็นำมาจำหน่ายในจำนวนไม่มากเช่นเดียวกัน
ภายในหนึ่งเดือน ร้านเสื้อคลุมสีฟ้าจะนำออกมาประมูล 1-2 ขวดเท่านั้น แน่นอนว่าน้ำยาที่เทียบเท่ากับมหาเวทย์รักษาบทหนึ่งนั้นมีมูลค่าจำนวนไม่น้อย เมื่อเดือนที่แล้วเขาได้ข่าวว่าอาณาจักรดัชชีได้ประมูลน้ำยาขวดนี้ในราคา 100 ล้านเซนี่เลยทีเดียว
มหาเวทย์รักษาบทหนึ่งนั้นจำเป็นต้องใช้นักบวชระดับสูงเพื่อร่ายเวทย์ อีกทั้งยังต้องใช้เวลาและพลังเวทย์จำนวนมากในการร่าย แต่ทว่าน้ำยาชนิดนี้กลับทำลายกฎเกณฑ์ทั้งหมดที่มี เพียงแค่ดื่มมันเข้าไปคุณสมบัติในการรักษาก็สามารถเทียบเท่าได้กับมหาเวทย์รักษาบทหนึ่งแล้ว
เมอร์ลินไม่ต้องการที่จะผลิตน้ำยาชนิดนี้ให้แพร่หลายนัก เพราะหากน้ำยาชนิดนี้ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่จะเป็นศัตรูของเขาในภายภาคหน้า ไม่แน่ว่าน้ำยาของเขานั้นจะเป็นสิ่งที่ฆ่าเขาเอง
เหตุที่เมอร์ลินผลิตมันออกมาจำหน่าย นั่นเพราะเขาต้องการสร้างชื่อเสียงของร้านเสื้อคลุมสีฟ้าให้เพิ่มขึ้นเท่านั้น ความจริงแล้วเขานั้นมีน้ำยาชนิดนี้อยู่มากมายในแหวนเวทย์
หลังจากที่ทนทรมานอยู่ช่วงหนึ่ง สกูตั้มก็ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมา
สีหน้าของเขากลายเป็นแจ่มใสมากขึ้น เมื่อขยับร่างกายก็รู้สึกกระปี้กระเป่าเหมือนพึ่งตื่นนอนใหม่ๆ อาการบาดเจ็บทั้งหมดถูกรักษาให้หายอย่างปลิดทิ้ง
“ขอบคุณหัวหน้า” สกูตั้มโค้งเคารพเมอร์ลินและเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่ยินดี
คนที่เหลือนั้นต่างมองอย่างตื่นตะลึง
นี่คือน้ำยาวิเศษ
“น้ำยาขวดนี้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของสกูตั้นได้ มิหนำซ้ำรอยบอบช้ำบนร่างยังหายอย่างไม่น่าเชื่อ”
ไลลากล่าวอย่างตกใจ เธอมองขวดน้ำยาและร่างของสกูตั้นไปมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
สกูตั้นยิ้มเล็กๆ และหันไปบอกสมาชิกคนอื่นๆ
“หากพวกเจ้าต้องการหายจากอาการบาดเจ็บ จงดื่มมัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของสกูตั้น พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะดื่มอีกต่อไป
ภายในเวลาไม่นานบาดแผลทั้งหมดที่ได้รับจากการต่อสู้ก็หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ
คนทั้ง 12 ต่างตื่นตะลึงในความวิเศษของยาชนิดนี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ยาสามัญที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป แต่หัวหน้าของพวกเขากลับนำมาให้พวกเขาอย่างไม่คิดอะไร
ความใจกว้างของหัวหน้าตัวน้อยนั้นทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกเลื่อมใส
“วันนี้สมควรพอแค่นี้ ข้าจะให้พวกเจ้าลาญาติพี่น้อง เพราะต่อจากนี้จะเป็นการฝึกที่กินเวลาเป็นเวลานาน จงเตรียมตัวและเตรียมใจของพวกเจ้าให้พร้อม ภายใน 5 เดือนต่อจากนี้ ข้าจะฝึกพวกเจ้าให้มีฝีมือมากขึ้นและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสงคราม” เมอร์ลินหยุดครู่หนึ่งและเอ่ยต่อ “วันพรุ่งนี้เจอกันที่เดิม เวลาเดิม”
กล่าวจบเมอร์ลินก็ลุกขึ้นและสะบัดมือน้อยออกไปครั้งหนึ่ง
เวิง!
เบื้องหน้าปรากฏวงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติขนาดใหญ่
มือน้อยขยับอีกครั้งหนึ่ง อักขระพิกัดนำทางก็พุ่งเข้าสู่ใจกลางของวงเวทย์ ระเบิดแสงสีดำพุ่งออกมา
“ไปได้แล้ว” เมอร์ลินเอ่ยอย่างเย็นชา สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
คนทั้ง 12 เดินเข้าสู่วงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติตามคำสั่ง ทันทีที่จมหายเข้าไปในลำแสงสีดำ พวกเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังจุดเดิมที่เป็นประตูเมืองทิศเหนือ
เมอร์ลินนั้นไม่ได้กลับมาด้วย
พวกเขานั้นยังไม่รีบแยกย้าย แต่กลับชวนกันพูดคุยกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้
หัวข้อที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือเรื่องของหัวหน้าตัวน้อยของพวกเขานั่นเอง
วันรุ่งขึ้นทุกคนมากันครบถ้วนและตรงเวลา
เมอร์ลินไม่พูดอะไรให้มากความ เขาใช้วงเวทย์เคลื่อนย้ายนำลูกน้องของเขาไปยังสถานที่ที่จะฝึกฝนในทันที
เมอร์ลินนำคนทั้งหมดมาโผล่ยังป่าแห่งหนึ่ง
เมื่อพวกเขามาถึงก็พบกับบ้านต้นไม้ขนาดใหญ่ ภายในตัวบ้านนั้นกว้างขวางเพียงพอสำหรับคนทั้งหมด
บ้านต้นไม้หลังนี้เมอร์ลินได้สร้างมันขึ้นมาจากการใช้พลังของอักขระ
การใช้อักขระที่บรรจุวงเวทย์ธาตุไม้นั้นสามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้างที่พักอาศัยได้เป็นอย่างมาก ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีให้กับสารานุกรมเลเมเกทันที่มอบความรู้ในการเรียนรู้วงเวทย์ทั้งหมดให้กับเมอร์ลิน
เมอร์ลินใช้อักขระที่มีคุณสมบัติธาตุไม้มาเร่งเร้าการเจริญเติบโตของต้นไม้ต้นหนึ่ง และใช้พลังปราณเซียนปรับแต่งรูปร่างจนเกิดเป็นบ้านต้นไม้ที่แบ่งเป็นห้องๆ ได้นั่นเอง
ด้วยตัวตนของผู้ใช้อักขระ ข้อจำกัดว่ามนุษย์คนหนึ่งสามารถใช้ได้แค่หนึ่งหรือสองธาตุนั้นจึงหมดไป
หากเป็นผู้ใช้อักขระคนหนึ่ง พวกเขาเหล่านั้นสามารถใช้งานอักขระที่บรรจุวงเวทย์แต่ละธาตุได้หลากหลายอยู่แล้ว
“นำข้าวของของพวกเจ้าไปเก็บให้เรียบร้อย เสร็จแล้วให้ลงมารวมกันข้างล่าง” สั่งการเสร็จเมอร์ลินก็เดินไปใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งและนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นนั้น
“นั่นเขากำลังทำอะไร?”
“ข้าเองก็ไม่รู้”
“รีบเอาของไปเก็บเถอะ พวกเราควรรีบมารวมกันตามที่หัวหน้าสั่งได้แล้ว”
จากนั้นทุกคนก็ปฏิบัติตามคำสั่งของเมอร์ลิน พวกเขานำข้าวของไปเก็บบนบ้านต้นไม้
ข้าวของที่พวกเขานำมานั้นเต็มไปด้วยของกินและของใช้ การฝึกฝนภายในห้าเดือนนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อย่างแน่นอน ทุกคนจึงเตรียมตัวกันมาอย่างเต็มที่
บันไดทางขึ้นบ้านต้นไม้นั้นทำมาจากเถาวัลย์ขนาดใหญ่ที่ขดเลี้ยวพันรอบบ้านต้นไม้ไปสู่ที่สูง
เมื่อขึ้นไป กลุ่มดาราก็ได้พบกับห้องโล่งกว้าง บ้านหลังนี้ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงห้องกว้างที่สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบกว่าคนเพียงเท่านั้น
เนื่องจากหลายคนในกลุ่มดารานั้นมาจากครอบครัวที่มีฐานะธรรมดา แม้บางคนจะเกิดในตระกูลขุนนาง แต่การครอบครองแหวนเวทย์วงหนึ่งนั้นนับได้ว่าลำบากไม่น้อย
ข้าวของทั้งหมดของพวกเขาส่วนใหญ่จึงแบกกันมาเอง นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่พวกเขาต้องการเข้าร่วมสงคราม เพราะพวกเขาไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง ไม่มีทั้งอำนาจ การเข้าร่วมสงครามคือการเสี่ยงโชคของพวกเขา พวกเขาส่วนมากคิดเช่นนั้น
เมื่อทุกคนมารวมตัวยังเบื้องล่าง
พวกเขายืนเรียงแถวตามลำดับของตนดังเช่นก่อนหน้านี้ ดาราที่หนึ่งถึงสิบสองนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง พวกเขานั้นไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของหัวหน้าตัวน้อย
เมอร์ลินที่นั่งหลับตา รอบตัวนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสงบ
เมื่อรับรู้ว่าคนทั้ง 12 มาถึงแล้ว เขาก็เริ่มเอ่ยปากทั้งๆ ที่หลับตาอยู่แบบนั้น
“การใช้เวทมนต์ แม้จะก่อให้เกิดความสะดวกในการใช้ แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยพลังเวทย์ภายในร่างกาย เมื่อใช้พลังเวทย์ในร่างจนถึงขีดจำกัดแล้ว ร่างกายจะเกิดอาการอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก แม้จะใช้น้ำยาฟื้นฟูเวทย์คอยเติมเต็ม แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งอาการเหนื่อยล้าได้ ดังนั้นแล้วสิ่งที่พวกเจ้าต้องฝึกในวันนี้ก็คือการฝึกพื้นฐานของร่างกายให้มีความอดทนต่อการใช้เวทย์”
เมอร์ลินเปิดเปลือกตาขึ้นและเอ่ยต่อ
“หน่วยของเราได้รับมอบหมายหน้าที่ใช้การใช้เวทย์ประสาน การประสานเวทย์สำหรับคนทั้งสิบสองคนนั้น จะต้องร่ายบทเวทย์ในระยะเวลาที่ยาวนาน หากไม่มีความอดทนของร่างกายที่อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมแล้ว ในขั้นตอนสำคัญการประสานเวทย์นั้นก็อาจล้มเหลวได้ ดังนั้นแล้ววันนี้พวกเจ้าจะต้องทำการวิ่ง กระโดด ว่ายน้ำ และดำน้ำ ตามเวลาที่ข้ากำหนด”
มือน้อยชี้ออกไปยังภูเขาลูกหนึ่งที่มองเห็นจากจุดนี้
“เอาล่ะ พวกเจ้าเห็นเขาลูกนั้นหรือไม่ พวกเจ้าจะต้องไปที่นั่นแล้วนำธงที่ข้าปักไว้กลับมา จงนำมันกลับมาก่อนพระอาทิตย์ตกของวันนี้ หากทำไม่สำเร็จวันนี้พวกเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้กินข้าว” เมอร์ลินหยุดคิดครู่หนึ่งและเอ่ยต่อ
“อ้อ! ... อีกอย่างหนึ่ง เส้นทางนี้จะต้องวิ่งเป็นทางตรงเท่านั้น ข้าไม่อนุญาตให้พวกเจ้าใช้เส้นทางที่ลัดเลาะอ้อมผ่าน ในเส้นทางตรงเส้นนี้จะมีทะเลสาบขวางกั้นอยู่ พวกเจ้าจะต้องว่ายน้ำข้ามไปและจงระวังพวกสัตว์ร้ายหรือสัตว์อสูรที่อยู่แถวนั้นด้วย แม้ว่าพวกมันจะไม่อยู่ในระดับที่สูงนัก แต่หากมันได้ต่อสู้ในถิ่นของมัน พลังการต่อสู้ของมันก็อาจจะอยู่ในระดับที่พวกเจ้าจินตนาการไม่ไหว ... ไปกันได้แล้ว” กล่าวจบเด็กน้อยก็ค่อยๆ หลับตาลง
เมื่อได้รับคำสั่ง คนทั้งสิบสองคนจึงรีบวิ่งตะบึงออกไปในทันที
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี้ย ทำไมข้าต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย”
เสียงกร่นด่าหัวหน้าตัวน้อยของพวกเข้าดังไปตลอดทาง แม้จะมีความไม่พอใจสักแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะไม่ทำตาม
เมื่อวิ่งมาถึงระยะหนึ่งก็เป็นอย่างที่หัวหน้าตัวน้อยได้กล่าวไว้ พวกเขาได้พบกับสัตว์อสูรระหว่างทางจำนวนไม่น้อย แต่โชคดีที่สัตว์อสูรเหล่านั้นอยู่ในระดับต่ำ พวกเขาจึงจัดการได้พวกมันอย่างไม่ยาก
แต่การจัดการกับสัตว์อสูรเหล่านั้นทำให้เสียเวลาไปจำนวนไม่น้อย
หัวหน้าตัวน้อยได้กำหนดเวลาในการเดินทาง หากพวกเขาไม่กลับมากก่อนอาทิตย์ตกดิน พวกเขาจะถูกลงโทษโดยการงดอาหาร
ร่างกายที่ใช้พลังงานมาทั้งวัน หากโดนลงโทษให้งดอาหาร แน่นอนว่ามันต้องทรมานเป็นอย่างมาก
เมื่อกลุ่มดาราออกไปได้สักพักหนึ่ง เมอร์ลินก็ลืมตาขึ้น
“หวังว่าพวกเขาจะสามารถเพิ่มศักยภาพของตัวเองได้” เมอร์ลินมองไปยังภูเขาลูกนั้นด้วยอารมณ์ที่ล้ำลึก
“เพื่อไม่ให้เสียเวลา ข้าควรศึกษาศาสตร์แห่งเวทมนต์เพิ่มเติม การกลั่นวงเวทย์วงที่สามยังขาดพวกมันอยู่ไม่น้อย”
เมอร์ลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็นำของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนเวทย์
ของเหลวสีดำพุ่งออกมาและลอยอยู่บนมือของเมอร์ลิน
“ของเหลวนี้ข้าได้มาจากการประลองศิษย์หลัก ในตอนนั้นข้าสามารถรับรู้ได้ว่ามันคืออาวุธที่สร้างมาจากอักขระเวทย์ ข้าจึงเก็บส่วนหนึ่งของมันมา”
เมอร์ลินใช้จิตรับรู้เพ่งไปยังของเหลวสีดำหยดนั้น
“หวังว่าศาสตร์อักขระนี้จะสามารถช่วยให้ข้าก่อสร้างวงเวทย์ที่สามขึ้นมาได้”
เดิมทีแล้วดวงตาของเมอร์ลินนั้นเป็นสีน้ำเงิน แต่เมื่อเขาใช้พลังในการเปลี่ยนรูปลักษณ์ ดวงตาสีน้ำเงินจึงกลายเป็นสีดำ
ดวงตาที่ดำที่ดูราวกับไร้ก้นบึ้งของเมอร์ลินนั้นเพ่งไปยังของเหลวสีดำ ในตอนนั้นเองดวงตาเลเมเกทันของเมอร์ลินก็ตอบสนองกับจิตรับรู้ของเขา
ในส่วนลึกของดวงตาข้างขวาเกิดจุดสีทองค่อยๆ ส่องประกายออกมา
จุดสีทองนั้นค่อยๆ ขยายขึ้นๆ จนกระทั่งดวงตาข้างขวาทั้งลูกกลายเป็นสีทอง
ทันทีที่อำนาจของดวงตาเลเมเกทันถูกเปิดขึ้น ทุกสิ่งพลันรู้แจ้ง
ความลับของของเหลวสีดำต่างพลั่งพลูออกมาราวกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราด อักขระเวทย์หลายร้อยวิถีหลั่งไหลออกมาราวกับทางช้างเผือก
ดวงตาเลเมเกทันรับรู้และคัดลอก
“ที่แท้ของเหลวสีดำนั้นสร้างมาจากพลังอักขระขั้นสีเขียว!”
ดวงตาของเมอร์ลินสว่างวาบปรากฏความเข้าใจบางอย่าง
Thank you
ใครไม่ชอบอย่าเข้ามาอ่านสิ