เซียนจอมเวทย์ Deva Wizard
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ แฟนตาซี Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : ท่านโซ
My.iD :
https://my.dek-d.com/TanSoSoDa/writer/
ตอนที่ 122 : ภาค 2 ตอนที่ 48 ของเหลวสีทอง
ภายใต้สายตาของดวงตาเลเมเกทัน เมอร์ลินมองเห็นอักขระหลากหลายวิถีหลั่งไหลพลั่งพลูออกมาราวกับสายธารแห่งดวงดาว
การคัดลอกของดวงตาเลเมเกทันนั้นมีประสิทธิภาพยิ่ง ภาพเหตุการณ์ต่างๆ นั้นถูกบันทึกอย่างหมดจด อักขระเวทย์ที่อยู่ภายในของเหลวสีดำนั้นเคลื่อนไหวเป็นวิถีนับร้อย เปล่งพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงนับพันๆ รูปแบบ
คนธรรมดานั้นยากที่จะมองเห็นอักขระเวทย์เหล่านี้และถึงแม้ว่าจะมองเห็นก็ไม่สามารถทำความเข้าใจกับวิถีอักขระเหล่านี้ได้
แม้แต่เมอร์ลินเองที่อาศัยอำนาจของดวงตาเลเมเกทันเข้าช่วยเหลือก็สามารถทำความเข้าใจได้หนึ่งในสองส่วนเพียงเท่านั้น
“ดวงตาได้บันทึกภาพวิถีอักขระเวทย์เหล่านี้ไว้หมดแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ข้าต้องทำความเข้าใจมัน”
เมอร์ลินปิดตาลงและใช้สมาธิจมดิ่งลงไปในภาพความคิด
ภาพวิถีอักขระเวทย์ที่ดวงตาเลเมเกทันบันทึกไว้ถูกเมอร์ลินฉายซ้ำวนเวียนนับครั้งไม่ถ้วน
เมอร์ลินกำลังนั่งสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่ตัวตนเหมือนดั่งปลายกระบี่ บรรยากาศแห่งพลังสมาธินั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เรือนผมสีดำสะบัดพลิ้วไปตามสายลม ดวงตาข้างขวาส่องประกายสีทองวาบผ่านเปลือกตา
เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดถึงจะสามารถทำความเข้าใจศาสตร์อักขระของของเหลวสีดำนี้ได้
ด้านกลุ่มดารา
ภูเขาที่เป็นเป้าหมายนั้นดูเหมือนจะใกล้แต่ความจริงแล้วไกลเป็นอย่างมาก
คนทั้งสิบสองใช้เวลาไปกว่าสองชั่วโมงถึงจะเจอกับทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เมอร์ลินพูดถึง
ทะเลสาบแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก ความกว้างของมันราวๆ เกือบหนึ่งกิโลเมตรเห็นจะได้ มิหนำซ้ำน้ำในทะเลสาบยังนิ่งผิดปกติ มีคนเคยบอกว่าบึงน้ำที่นิ่งสงบนั้นน่ากลัวกว่าแม่น้ำที่เชี่ยวกราด
แน่นอนว่าทะเลสาบแห่งนี้ย่อมไม่ใช่ธรรมดา แม้แต่หัวหน้าตัวน้อยของพวกเขาเองก็เคยเอ่ยเตือนมาก่อนหน้านี้แล้ว
“พวกเราต้องว่ายน้ำข้ามทะเลสาบนี้จริงๆ หรือ?” ซากีต้า หญิงสาวผู้มีใบหน้าตกกระเอ่ย สายตาของเธอที่มองไปยังทะเลสาบนั้นแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
“ถูกต้อง” สกูตั้ม ชายร่างท้วมเอ่ยอย่างหนักแน่น
“พวกเราอ้อมทะเลสาบนี้ไปไม่ได้หรอ ข้าว่ามันน่าจะทำเวลาได้ดีกว่าว่ายน้ำข้ามไป” ลาเซอต้า ชายหน้าแหลมเอ่ย ใบหน้าของเขานั้นดูเป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะว่ายน้ำข้ามผ่านทะเลสาบที่สงบนี้
“เข้าอยากจะถูกหัวหน้าลงโทษหรืออย่างไร?” เมนซ่า ชายผู้ผอมแห้งอมโรคเอ่ย
“ข้าว่า ... เขาคงไม่รู้” พาโว หญิงสาวผู้ทรงเสน่ห์เอ่ยแย้ง
“ที่ผ่านมาเจ้ายังไม่เห็นถึงอำนาจของหัวหน้า? แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กแต่เขาก็เป็นผู้ใช้เวทย์มิติ การจะติดตามพวกเรา เขานั้นสามารถทำได้ราวกับพลิกฝ่ามือ” เมนซ่าเอ่ยอย่างเย็นชา จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาในใจของเขาได้นับถือเมอร์ลินไปแล้วมากกว่าแปดส่วน เด็กคนนี้คือผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง จึงเหมาะสมแล้วหากเขาจะให้การเคารพคนคนนี้
ได้ยินคำพูดของเมนซ่า ทุกคนจึงเงียบลง
คำพูดของเมนซ่านั้นถูกต้อง ตัวตนของหัวหน้าตัวน้อยนั้นน่าสะพรึงกลัว การที่เขาสามารถสยบสัตว์อสูรระดับ 4 โดยแค่กระโดดยืนบนหลัง พวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่หลายส่วน
ไม่นับการใช้เวทย์มิติที่เยี่ยมยอด การติดตามคนอย่างพวกเขาแค่กลุ่มหนึ่ง ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรในสายตาของคนเช่นนั้น
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ หากช้าไปกว่านี้เกรงว่าจะเลยกำหนดเวลาที่หัวหน้าได้ตั้งไว้” สกูตั้มเอ่ยและเดินไปที่ทะเลสาบ
ไม่นานสกูตั้มก็โดดลงไปและว่ายน้ำออกไปอย่างไม่เกรงกลัว
“อย่านั้นพวกเราก็ไปกัน” เมนซ่าพยักหน้าและกระโดดว่ายน้ำตามสกูตั้มออกไป
เมื่อเห็นเมนซ่ากระโดดคนที่เหลือก็ทำตาม
กลุ่มคนทั้งสิบสองคนว่ายน้ำในทะเลสาบได้อย่างราบรื่น เกือบจะถึงครึ่งทางแล้วพวกเขายังไม่เจออันตรายใดๆ เลย
“หรือพวกเราคิดมากเกินไป หวาดกลัวกันไปเอง?”
เมื่อวางใจได้แล้วพวกเขาก็ว่ายน้ำกันอย่างขยัน หลายคนแม้จะเหนื่อยหอบแต่ก็ยังพอทนได้
“ข้าไม่เคยเห็นวิธีการฝึกเช่นนี้มาก่อนเลย พวกเราเป็นนักเวทย์จำเป็นต้องฝึกร่างกายแบบนี้ด้วยหรอ?” พาโวว่ายไปพลางบ่นไปพลาง พื้นฐานนิสัยของหญิงสาวนั้นเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว
ไม่มีใครเอ่ยตอบเธอ ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตน ว่ายน้ำอย่างแข็งขัน ต้องการที่จะไปถึงเป้าหมายให้เร็วที่สุด
แต่ในตอนนั้นเองสัตว์ร้ายใต้ทะเลสาบลึกก็โผล่ออกมา
มันคือปลาที่มีใบหน้าคล้ายกับสิงโต มีเกล็ดสีดำเหมือนสัตว์เลื้อยคลานและมีครีบที่แหลมคมราวกับใบมีด บนร่างแผ่ไอเย็นอำมหิตออกมาอย่างน่ากลัว
เมนซ่าเป็นคนที่มองเห็นปลาตัวนั้นเป็นคนแรก หนอนหนังสือเคลื่อนที่ตะโกนออกมาอย่างตกใจ
“ปลาหน้าสิงโต สัตว์อสูรระดับ 2”
“ทุกคนระวังปลาตัวนั้น!”
ทันใดนั้นเองการแสดงออกของคนที่เหลือก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน จากที่ตั้งหน้าตั้งตาว่ายน้ำให้เร็วที่สุดก็ต้องมาระวังตัวจากสัตว์ร้าย
“ปลาหน้าสิงโตถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่สัตว์อสูรระดับ 2 เทียบเท่ากับผู้ใช้เวทย์ แต่หากต่อสู้กับมันในน้ำ ปลาตัวนี้ก็เป็นตัวตนที่ไม่สามารถประมาทได้” เมนซ่าเอ่ยพร้อมกับร่ายพลังเวทย์
ในตอนนี้ทุกคนล้วนสะพายอาวุธไว้ด้านหลัง มันยากมากหากจะใช้อาวุธต่อสู้ในน้ำอย่างนี้
ทุกคนหยิบอาวุธออกมาอย่างทุลักทุเล การว่ายน้ำข้ามทะเลสาบแห่งนี้ไม่ได้สบายอย่างที่คิด
สัตว์ร้ายใต้พื้นน้ำพุ่งเข้าหากลุ่มดาราด้วยความเร็วสูง พื้นน้ำถูกกรีดผ่านด้วยครีบอันแหลมคม พื้นน้ำถูกแหวกออกไปเป็นสองซีกด้วยอำนาจของปลาตัวนี้
“มันใกล้เข้ามาแล้วเตรียมรับมือ”
กลุ่มดาราดึงอาวุธออกมาพร้อมกับร่ายเวทย์ แม้จะลำบากแต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำ ปลาตัวนี้แม้จะมีพลังเทียบเท่ากับผู้ใช้เวทย์ แต่ยังไงมันก็เป็นถึงสัตว์อสูรร้ายตัวหนึ่ง มิหนำซ้ำเมื่อมันอยู่ใต้พื้นน้ำมันก็ถือครองความได้เปรียบอยู่มาก
คมเขี้ยวอันดุร้ายนั้นสามารถฉีกกระชากร่างของมนุษย์คนหนึ่งได้อย่างไม่ยากเย็น
“มันมาแล้ว!”
ตูม!
ปลาหน้าสิงโตกระโดดอย่างปราดเปรียวขึ้นสู่ท้องฟ้าและจู่โจมลงมาเบื้องล่าง
“โล่มรกต”
โล่สีเขียวขนาดใหญ่ปรากฏออกมาและพุ่งเข้าปะทะเข้ากับปลาหน้าสิงโตอย่างจัง
ปลาหน้าสิงโตถูกโล่มรกตกระแทกจนกระเด็นออกไป
สกูตั้มนั้นเป็นนักเวทย์ผู้หนึ่ง พลังของเขาเพียงพอที่จะสร้างความเสียหายให้แก่ปลาหน้าสิงโตที่มีพลังเทียบเท่ากับผู้ใช้เวทย์ได้
ปลาหน้าสิงโตกระเด็นออกไปไกลถึงสิบเมตร ก่อนที่จะถึงพื้นน้ำมันตวัดหางและดำดิ่งลงไป
“พวกเราชนะแล้ว?”
“ยังหรอก”
“ระวังการโจมตีใต้น้ำ” เมนซ่าผู้ที่อ่านหนังสือมามากเอ่ยตะโกนเตือน แน่นอนว่าเขาไม่วางใจในปลาตัวนี้
“มันอยู่ตรงนั้น!” ไลลาสังเกตเห็นถึงฟองอากาศ
ทุกคนต่างรนราน พวกเขาไม่เคยต่อสู้ในน้ำมาก่อน
ฟุบ!
ในตอนนั้นเองจู่ๆ ร่างของเดลพินัส หญิงสาวผู้ไม่ชอบแสดงออกก็จมลงไป
“แย่แล้ว! เดลพินัสถูกลากลงไปในน้ำ” ไลลาตกใจเป็นอย่างมาก ร่างกายของเธอแทบจะควบคุมสติไว้ไม่อยู่
“ข้าจะลงไปช่วยเดลพินัสเอง” สกูตั้มเอ่ยอย่างกล้าหาญ แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะดำลงไป เมนซ่าก็เอ่ยอย่างกะทันหัน
“ไม่ต้องแล้วสกูตั้ม”
“ดูนั่น!”
เมนซ่าชี้ไปที่ผิวน้ำบริเวณหนึ่ง ผิวน้ำของทะเลสาบสีน้ำเงินบริเวณนั้นปรากฏสีแดงที่มีกลิ่นคาวเลือด
หัวใจของกลุ่มดาราเกิดสั่นไหว สมาชิกคนหนึ่งถูกลากลงไปในน้ำและเลือดสีแดงก็ลอยขึ้นมา
“เดลพินัสถูกจัดการแล้ว!” ไลลาเอ่ยอย่างสั่นๆ ในใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ทุกสายตามองไปยังกลุ่มเลือดบริเวณนั้นอย่างสยดสยอง ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเพียงแค่สัตว์อสูรระดับ 2 จะร้ายกาจขนาดนี้ พวกเขามีกันตั้งสิบสองคนแต่กลับจัดการมันไม่ได้
แต่ในทันใดนั้นเอง ผิวน้ำก็เกิดเสียงระเบิด “ปัง!”
กลุ่มเลือดที่ลอยอยู่บนผิวน้ำนั้นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏกายอย่างน่าเกรงขาม
มือขาวถือฉมวกเล่มหนึ่งชูขึ้นแทงทะลุร่างของปลาหน้าสิงโต
เธอคือ “เดลพินัส”
เดลพินัสพลิกตัวและขึ้นไปยืนบนร่างของปลาหน้าสิงโต ในมือถือฉมวกเหล็กแหลมปักอยู่ที่ใต้ท้องของปลาหน้าสิงโต
“เหมือนข้าจะเคยบอกไปแล้วว่าข้ามาจากหมู่บ้านประมง การต่อสู้ใต้น้ำนั้นคือสิ่งที่ข้าถนัดที่สุด” เดลพินัสเอ่ยและยิ้มอย่างเย็นชา
แต่ในตอนนั้นเอง “พีชเชล” หญิงสาวขี้อายและหัวอ่อนก็ดีดตัวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สองมือถือมีดที่คมเป็นประกายมุ่งไปยังจุดที่เดลพินัสยืนอยู่
สายตาของพีชเชลนั้นเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า รังสีสังหารพุ่งออกมาจากร่างของเธอ
เดลพินัสที่ยืนอยู่บนตัวของปลาหน้าสิงโตนั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เธอรีบดึงฉมวกขึ้นมาเตรียมรับการต่อสู้
ซูม!
ทันใดนั้นเองด้านหลังของเดลพินัสก็ปรากฏเสียงของสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายโผล่ขึ้นมา การโจมตีที่ไร้คำเตือนนั้นทำให้เดลพินัสตกใจเป็นอย่างมาก
ฉลามสีเงิน สัตว์อสูรระดับ 3
ฉลามสีเงินก็โดดขึ้นมาจากผิวน้ำอ้าปากพร้อมที่จะงับศีรษะของเดลพินัส
“คมมีดตัดวารี”
พีชเชลพุ่งลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง เมื่อเธอร่ายเวทย์เสร็จมีดในมือทั้งสองข้างก็ปรากฏพลังเวทย์วารีที่ร้ายกาจ
ทันทีที่พีชเชลตวัดมีดในมือ อากาศที่ว่างเปล่าก็ปรากฏใบมีดน้ำขนาดใหญ่กว่าหนึ่งเมตร
ฉัวะ!
คมมีดตัดวารีวาดผ่านปากของฉลามสีเงิน
หัวของของฉลามสีเงินขาดออกจากกันเป็นส่วนในทันที ผิวน้ำบริเวณนั้นล้วนถูกย้อมไปด้วยสีของเลือดฉลามสีเงิน
พีชเชลหมุนตัวพลิกกลับและยืนอยู่บนตัวของฉลามสีเงินอย่างสง่างาม เธอหันใบหน้าไปทางเดลพินัสและเอ่ย
“ไม่ใช่เจ้าคนเดียวหรอกที่มาจากหมู่บ้านประมง” พีชเชลยิ้ม
“ขอบใจ” เดลพินัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“พวกเราควรไปได้แล้ว เลือดของปลาหน้าสิงโตและฉลามสีเงินจะล่อให้สัตว์อสูรมาชุมนุมมากขึ้น” พีชเชลรีบเอ่ยและพุ่งตัวว่ายน้ำต่อไปยังจุดหมายต่อ
คนที่เหลือไม่รั้งรอให้เป็นเหยื่อของเหล่าสัตว์อสูร พวกเขารีบเร่งว่ายน้ำตามพีชเชลไปทันที
เมื่อกลุ่มดาราว่ายน้ำข้ามมาอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ แต่สิ่งที่พวกเขาเจอกลับไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาหวัง
อีกฝากหนึ่งของทะเลสาบแห่งนี้ไม่ใช่ชายน้ำตื้นที่สามารถเดินขึ้นไปได้ แต่มันกลับเป็นแพงหินผาที่ตั้งตระหง่านกว่ายี่สิบเมตร หน้าผาอันสูงชันเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถปีนป่ายได้อย่างง่ายดาย
นี่คือบททดสอบอีกอย่างหนึ่งที่เมอร์ลินได้มอบไว้ให้
ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากัน นัยน์ตาแต่ละคนมีทั้งความเหนื่อยและท้อ
การฝึกฝนของหัวหน้าตัวน้อยของพวกเขานั้นไม่ง่ายเลย
กลับมาที่เมอร์ลิน
เด็กน้อยนั่งสมาธิยืดหลังเหยียดตรง รอบตัวปรากฏพลังสมาธิอันน่าเกรงขาม พื้นที่บริเวณนี้นั้นเงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจ ราวกับว่าร่างของเด็กน้อยนั้นเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
เมอร์ลินนั่งทำความเข้าใจศาสตร์อักขระของของเหลวสีดำ ฉายภาพซ้ำไปซ้ำมาเป็นพันๆ รอบ
จนในที่สุด
ร่างเล็กก็ลืมตาขึ้น ดวงตาปรากฏความรู้แจ้ง
ในที่สุดเมอร์ลินก็เข้าใจความลับของพลังอักขระที่ซ่อนอยู่ในของเหลวสีดำ
มือน้อยค่อยๆ โบกสะบัดไปเบื้องหน้า พลันพลังอักขระที่อยู่ภายในร่างก็สร้างอักขระออกมาจากความว่างเปล่าพลั่งพลูออกมาราวกับสายน้ำ
อักขระเวทย์จำนวนมากค่อยๆ ปรากฏออกมา ล่องลอยอยู่กลางอากาศราวกับทางช้างเผือก
เมอร์ลินใช้สายตาของเขาตัวสอบอักขระทุกตัวอย่างรวดเร็ว
ภายใต้อำนาจของดวงตาเลเมเกทันนั้นทำให้เมอร์ลินสามารถตรวจจับอักขระต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ เมื่อเขาเห็นว่าอักขระตัวใดบกพร่อง เขาก็จะทำลายและสร้างมันขึ้นมาใหม่ให้สมบูรณ์ทันที
เมอร์ลินกำลังทดลองสร้างอักขระที่อยู่ในของเหลวสีดำ
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง อักขระเวทย์จำนวนมากก็ล่องลอยเต็มท้องฟ้า
ดวงตาของเมอร์ลินมีประกายสว่างวาบ
“ขั้นตอนการสร้างอักขระเวทย์เสร็จสิ้นแล้ว ลำดับต่อไปคือการร้อยเรียงวิถีอักขระ”
เมอร์ลินกวาดตามองอักขระเวทย์แต่ละตัวและค่อยๆ ร้อยเรียงภาพวิถีอักขระในหัว
หนึ่งวิถีนั้นสร้างรากฐาน สิบวิถีสู่การเปลี่ยนแปลง ร้อยวิถีสู่ความผันแปร
ของเหลวสีดำบรรจุอักขระเวทย์ไว้ทั้งหมดสองร้อยเจ็ดสิบแปดวิถีผันแปรและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง วิถีเหล่านั้นล้วนมาจากวิถีร่างต้น
หนึ่งวิถีแรกนั้นเป็นแกนกลางนำสู่สิบวิถีเปลี่ยนแปลงและร้อยวิถีผันแปร
หนึ่งหยดก่อกำเนิด เปลี่ยนแปลงและผันแปรเป็นรูปร่าง
ทันใดนั้นเองดวงตาของเมอร์ลินก็กลายเป็นกระจ่างใส รัศมีแห่งปัญญาส่องผ่านออกมาจากร่าง
พลังสมาธิเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
แม้ว่าเมอร์ลินจะไม่รู้ว่าพลังสมาธินั้นเพิ่มขึ้นมาจำนวนเท่าไหร่ แต่เขานั้นกลับรู้สึกได้ถึงการที่เพิ่มขึ้น
นัยน์ตาปรากฏความรู้ที่เปล่งประกาย
เมอร์ลินจิกปลายนิ้วจนเลือดออก เขาดีดเลือดหยดหนึ่งขึ้นกลางอากาศ
มือขวาขยับไปมาอย่างคล่องแคล่ว
ทันใดนั้นเองเลือดหยดนั้นก็เปล่งแสงสีเขียวประกายออกมา พลังอักขระปรากฏอยู่ในหยดเลือดเอ่อล้นเป็นคลื่นแผ่ออกมา
สีเขียวบริสุทธิ์ส่องประกายราวกับเป็นแก่นแท้
หยดเลือดสัมพันธ์กับร่างต้น เมื่อหยดเลือดส่องแสง ร่างของเมอร์ลินก็ส่องแสง
กระแสพลังไหลเชี่ยวรอบตัวเมอร์ลินแผ่กลิ่นอายที่ยากหยั่งลึกออกมา อัตราการเต้นของหัวใจเมอร์ลินเร็วขึ้น จักรวาลหัวใจตอบสนองต่อหยดเลือด เลือดในกายสูบฉีดราวกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว
“ตอนนี้แหละ!” ดวงตาของเมอร์ลินเป็นประกายออกมา
สองมือน้อยขยับอย่างคล่องแคล่ว ไอพลังอักขระพรุ่งพล่านมหาศาลระเบิดออกมาจากหยดเลือด
ทันใดนั้นเองหยดเลือดก็กลายเป็นอักขระเวทย์ตัวหนึ่งที่เป็นแก่นแท้
ฮวง!
“สำเร็จ!” เมอร์ลินเผยรอยยิ้มออกมา เขาสามารถสร้างแก่แท้ของวิถีอักขระของเหลวสีดำได้สำเร็จ
“ต่อไป ...”
ไม่หยุดเพียงแค่นั้น ทันทีที่เมอร์ลินสร้างอักขระแก่นแท้สำเร็จ
อักขระเวทย์มากมายที่เต็มไว้ก็ถูกเมอร์ลินร้อยเรียงตามภาพในหัวที่สร้างไว้ ด้วยอำนาจของดวงตาเลเมเกทันนั้นทำให้เมอร์ลินสามารถสร้างวิถีอักขระอันลึกล้ำได้อย่างแม่นยำและสมบูรณ์
อักขระเวทย์ร้อยเรียงและไหลเวียนกันเป็นเส้นสายราวกับทางช้างเผือก อำนาจของวิถีอักขระมากมายทำให้อากาศเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แผ่พลังคุกคามไม่ใช่เล่นๆ
“ได้ที่แล้ว”
เมอร์ลินใช้ปลายนิ้วบังคับอักขระแต่ละวิถี
อักขระหลายร้อยวิถีพุ่งเข้าสู่อักขระแก่นแท้ที่สร้างมาจากหยดเลือด อำนาจอักขระนั้นราวกับฝูงงูยักษ์ เคลื่อนไหวสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งอากาศ
วิถีอักขระดั่งพายุคลั่ง แผ่กลิ่นอายที่แข็งกร้าว
ทันใดนั้นเองอักขระนับร้อยวิถีก็หลอมรวมเข้ากับอักขระแก่นแท้ เกิดเสียงระเบิดตูมตามออกมาเป็นชุดๆ
อักขระแก่นแท้ปะทุแสงสีทองออกมาอย่างเจิดจ้าราวกับด้วยอาทิตย์ส่องสว่างถึงขีดสุด
แสงสีทองแผ่ไปทั่วท้องอากาศ
พลังอักขระภายในกายของเมอร์ลินกลายเป็นเดือดพล่าน
เมอร์ลินจ้องมองอักขระแก่นแท้นั้นอย่างตื่นเต้น
ในที่สุด
แสงสีทองค่อยๆ ทอแสงอ่อนลง จนสายตาของเมอร์ลินสามารถมองเห็นของเหลวสีทองหยดหนึ่ง
“ในที่สุดก็สำเร็จ” เมอร์ลินกล่าวอย่างตื่นเต้น
Thank you