เซียนจอมเวทย์ Deva Wizard
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ แฟนตาซี Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : ท่านโซ
My.iD :
https://my.dek-d.com/TanSoSoDa/writer/
ตอนที่ 17 : เริ่มผลิต (รีไรท์)
เมื่อเวลาผ่านไปในที่สุดเมอร์ลินก็ได้มาเยือนร้านขายยาของมาตินอีกครั้งหนึ่งตามที่เขาได้นัดหมายไว้ เขายังคงแต่งตัวได้เสื้อผ้าที่เป็นชุดคลุมสีฟ้า
กรุ๊งกริ๊งๆ
เมื่อเสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น มาตินที่กำลังรอคอยเขารีบออกมาต้อนรับในทันที ทันทีที่พบกับเมอร์ลินเขาก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม การแสดงออกของเขานั้นเต็มไปด้วยความนอบน้อมและภักดี
"ยินดีต้อนรับขอรับท่านอเลน" มาตินกล่าวต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขานั้นดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
เมื่อเมอร์ลินเดินเข้ามาในร้าน มาตินก็ทำการปิดหน้าร้านทันที แผ่นไม้กระดานที่ถูกเขียนคำว่า “ปิด” ถูกแขวนไว้ที่บานประตูหน้าร้าน นี่เป็นการค้าที่สำคัญมากสำหรับเขา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมารบกวน
“ของที่ข้าสั่งไว้เจ้าเตรียมมันเรียบร้อยแล้วหรือไม่” เมอร์ลินนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ กลิ่นอายของเขานั้นเต็มไปด้วยความสุขุมและเยือกเย็น
“สิ่งที่ท่านต้องการข้าได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว” มาตินเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เมอร์ลินสังเกตเห็นว่าในครั้งนี้เขาพบคนงานของร้านอีก 3 คน จากครั้งที่แล้วที่เขามา เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าร้านแห่งนี้มีคนงานพวกนี้อยู่ด้วย
มาตินเมื่อเห็นว่าเมอร์ลินมีท่าทีสงสัยเกี่ยวกับคนงานของเขา เขาได้กล่าวต่อเมอร์ลินไปว่าเขาพึ่งจ้างคนงานเหล่านี้มาเพื่อรับใช้เมอร์ลิน แน่นอนว่าทั้ง 3 คนนี้สามารถไว้ใจได้ ความลับเรื่องของผู้ใช้อักขระของร้านไม่มีทางถึงแพร่งพรายออกไปแน่นอน
เมอร์ลินเลิกสนใจคนงานทั้ง 3 คน เขาสั่งให้มาตินพาไปห้องที่เขาสั่งให้เตรียมไว้ ว่าดังนั้นชายชราก็รีบกุลีกุจอเชื้อเชิญเขาพาไปที่ห้องที่เมอร์ลินต้องการในทันที
มาตินพาเขามาที่ห้องเดิม ซึ่งเป็นห้องที่ใช้รับแขกและห้องทำงานของมาติน ชายชราผู้นี้แสดงออกต่อเมอร์ลินด้วยความเคารพ เขานั้นยังคงท่าทีที่เต็มไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ในตอนที่มาตินรับพวกเขาทั้ง 3 คนเข้าทำงานนั้น มาตินได้ตั้งเงื่อนไขมากมายแก่พวกเขา และมีเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก นั่นก็คือพวกเขาทั้ง 3 จะต้องมารับใช้ผู้ใช้อักขระ
อย่างที่รู้กันว่าผู้ใช้อักขระในแผ่นดินนี้นั้นหากยากเสียยิ่งกว่ายาก ในแต่ละอาณาจักรนั้นสามารถนับพวกเขาด้วยนิ้วมือได้ ผู้ใช้อักขระแต่ละคนนั้นเต็มไปด้วยอำนาจ และนี่อาจก็อาจนับได้ว่าโชคดีของพวกเขา หากโชคดีผู้ใช้อักขระผู้นี้รับพวกเขาเป็นศิษย์ แน่นอนว่าชีวิตของพวกเขาจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
แต่ทว่าเมื่อพวกเขาได้เจอกับผู้ใช้อักขระของมาติน นั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกฉงนใจเป็นอย่างยิ่ง ในสายตาของพวกเขาเห็นเพียงแต่เด็กน้อยผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุมคลุมสีฟ้าที่ลึกลับ
หากจะคาดเดาว่าคนคนนี้เป็นชายชราร่างเตี้ยก็ไม่ใช่ เพราะน้ำเสียงที่พวกเขาได้ยินนั้นยืนยันว่าเป็นเสียงของเด็กน้อยอย่างแน่นอน นี่เป็นสิ่งที่แทบจะไม่สามารถเชื่อได้ พวกเขาไม่คิดว่าเด็กน้อยตรงหน้านี้จะเป็นถึงผู้ใช้อักขระ ความแคลงใจบังเกิดขึ้นในใจของพวกเขา
มาตินพาเมอร์ลินมายังห้องทำงานของเขา เขาเดินไปยังผนังที่มีกรอบรูปอันหนึ่งแขวนอยู่ แล้วใช้มือของเขาจับกรอบรูปหมุนมันเอียงลงล่าง 45 องศา
พลันประตูลับก็เลื่อนเปิดออก ตู้หนังสือถูกแยกออกเป็นสองส่วนเผยให้เห็นเส้นทางลับเข้าสู่อีกห้องหนึ่งที่มาตินสร้างไว้
มาตินทราบดีว่าสูตรลับของการปรุงยาในแต่ละบุคคลนั้นมีมูลค่ามากเท่าใด เขาจึงได้สร้างห้องลับนี้ขึ้นมาสำหรับผู้ใช้อักขระของเขาโดยเฉพาะ เขาไม่เสียดายเงินที่เขาใช้ลงทุนไปเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับในภายภาคหน้าย่อมมีมากกว่านี้อย่างแน่นอน
"เชิญท่านอเลน" มาตินผายมือเชื้อเชิญเมอร์ลินเข้าสู่อีกห้องหนึ่งที่เตรียมไว้ในทันที
ในการนี้มาตินได้จัดเตรียมผู้ช่วยชั้นดีและไว้ใจได้ เพื่อช่วยในการขนถ่ายเก็บรักษายาที่จะผลิตออกมาด้วย
เมื่อเมอร์ลินเดินเข้าไปยังเส้นทางลับ เขาได้พบกับบันไดทางลงซึ่งเป็นชั้นใต้ดิน เมื่อเดินไปเรื่อยๆ เขาก็พบกับห้องลับห้องใหญ่ที่ซอยออกเป็นสามส่วน
ส่วนหนึ่งเป็นส่วนของที่เก็บขวดยาเปล่าและวัตถุดิบในการปรุงยา อีกส่วนหนึ่งเป็นห้องที่เต็มไปด้วยชั้นวางและหีบไม้เปล่า มันเป็นห้องที่เตรียมไว้สำหรับเป็นคลังยา
ถัดมาอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องสุดท้าย ห้องนี้มีขนาดใหญ่มันเต็มไปด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปรุงยามากมาย
ดูเหมือนว่ามาตินจะทำเกินที่เมอร์ลินได้สั่งไว้ เมอร์ลินชักสีหน้าเล็กน้อยและเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"เอาของพวกนี้ออกไปจากห้องนี้ให้หมด"
มาตินเมื่อได้ยินก็ทำให้ใจเขาสั่นระรัว เขาคิดว่าเขาได้เตรียมการอย่างดีที่สุดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเขาไม่อาจเติมเต็มความพึงพอใจสำหรับผู้ใช้อักขระผู้นี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตก เกรงว่าผู้ใช้อักขระตัวน้อยนั้นจะไม่พอใจ
"ขออภัยท่านเอเลน นี่เป็นอุปกรณ์การปรุงยาที่ข้าสามารถจัดหาอย่างสุดความสามารถแล้ว หากพวกมันมีคุณภาพที่ต่ำเกินไปโปรดอภัยให้ข้าด้วย" มาตินกล่าวออกมาอย่างร้อนรน เขานั้นไม่ต้องการให้ผู้ใช้อักขระตัวน้อยขุ่นเคือง
"ผิดแล้ว ข้าไม่ได้มีเจตนาตำหนิเจ้า เพียงแต่สิ่งของเหล่านี้ไม่จำเป็นสำหรับการปรุงยาของข้า” ภายใต้เสื้อคลุมสีฟ้า เมอร์ลินนั้นกล่าวออกมาอย่างมีอำนาจ น้ำเสียงของเขาทำให้ผู้ที่อยู่ภายในห้องนี้ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
"อภัยให้ความโง่เขลาของข้าด้วย ข้าจะให้คนนำมันออกไปตามที่ท่านสั่ง” กล่าวจบมาตินก็เร่งสั่งให้คนงานขนของเหล่านั้นออกไปในทันที
"เวลาของข้านั้นมีค่าดังทองคำ" น้ำเสียงของเมอร์ลินนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เสียงนี้สร้างแรงกดดันให้แต่มาตินและคนงานเป็นอย่างมาก
มาตินนั้นไม่สามารถคาดเดาความคิดของเมอร์ลินได้
ดูเหมือนว่าเมอร์ลินต้องการทำเวลา ข้าวของมากมายที่อยู่ในห้องนี้หากต้องการขนย้ายคงต้องใช้เวลานาน
เมอร์ลินนั้นเกียจการรอคอย มือเล็กที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีฟ้าถูกยกขึ้นวาดผ่านอากาศ
ครืน ... ครืน ... ครืน
ทันใดนั้นเองสิ่งของทั้งหมดภายในห้องก็พลันเกิดความสั่นไหว อุปกรณ์เหล่านั้นค่อยๆ ลอยขึ้นกลางอากาศ อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
เมื่อมือเล็กนั้นทำการรวบนิ้วมือ พลันอุปกรณ์เหล่านั้นก็ลอยเข้ามารวมกัน ณ จุดเดียว เมื่อสะบัดมืออีกครั้งหนึ่ง สิ่งของเหล่านั้นก็พุ่งออกไปตามทิศทางที่เมอร์ลินต้องการ
มาตินและเหล่าคนงานมองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาแทบจะถล่นออกมา
สิ่งของทั้งหมดถูกโยกย้ายออกไปนอกห้องภายในเวลาอันรวดเร็ว
"สั่งคนของเจ้าไปเก็บกวาดพวกมันข้างนอกให้เรียบร้อย ข้าจะเริ่มการปรุงยาในทันที"
เด็กน้อยในชุดคลุมสีฟ้าสั่งการท่ามกลางคนทั้ง 4 กำลังตื่นตะลึง
เด็กน้อยที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขานั้นสามารถบังคับวัตถุสิ่งของได้โดยที่ไม่มีการร่ายคาถาเลยซักประโยค มันไม่มีแม้แต่การใช้สัญลักษณ์ใดๆ ปรากฎให้เห็น
คนงานทั้ง 3 ที่มาใหม่ ก่อนหน้านี้พวกเขานั้นยังมีความคิดที่สงสัยในความสามารถผู้ใช้อักขระตัวเล็กผู้นี้ แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ผ่านไป พวกเขาก็ได้รับรู้ถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของเด็กน้อยคนนี้
ดีที่ก่อนหน้าที่พวกเขาไม่ได้ทำการล่วงเกินออกไป ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่กล้าคิดในผลที่ตามมา
แม้พวกเขาทั้ง 3 จะเป็นผู้ใช้เวทมนต์คนหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กน้อยผู้นี้พวกเขานั้นเป็นได้เพียงหนอนแมลงเพียงเท่านั้น พลังของผู้ใช้อักขระนั้นยิ่งใหญ่และทรงพลัง กลิ่นอายและอำนาจของเด็กคนนี้นั้นเหนือกว่าคนทั่วไป
เหตุที่เมอร์ลินสามารถควบคุมสิ่งของเหล่านั้นได้นั่นเป็นเพราะเขาบรรลุในระดับ 6 ของการรวบรวมปราณเรียบร้อยแล้ว ในระดับนี้เขาสามารถควบคุมวัตถุต่างๆ ได้ดั่งใจ
เมอร์ลินสังเกตเห็นความแคลงใจในบุคคลหน้าใหม่ทั้ง 3 เขาต้องการแสดงให้คนเหล่านั้นเห็นในอำนาจของเขา เพื่อที่เขาจะสามารถควบคุมคนเหล่านี้ได้ง่ายดังเช่นก่อนหน้านี้ที่เขาได้ทำการมาติน
และเหตุผลอีกประการหนึ่งที่เขาจำต้องลงมือนั่นเป็นเพราะเขานั้นมีเวลาจำกัด เขาต้องปรุงยาให้เสร็จก่อนที่อาเธอร์จะเลิกเรียน เพราะเขานั้นยังมีฐานะเป็นผู้รับใช้เด็กน้อยผู้นั้นอยู่
หลังจากที่มาตินหายจากการตกตะลึง เขาก็ได้สั่งการให้คนของเขารีบไปจัดการกับข้าวของที่อยู่ด้านนอกในทันที นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้เห็นฝีมือของเด็กน้อยในชุดคลุมสีฟ้าผู้นี้
แม้ในโลกนี้จะมีหลายคนที่สามารถใช้บทลัดเวทย์ได้ เพียงแต่ผู้ที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้จะต้องอยู่ในระดับนักรบเวทย์เป็นอย่างน้อย และหากจะใช้มันอย่างชำนาญได้ก็ต้องเป็นจอมเวทย์ผู้หนึ่งเป็นอย่างต่ำ
บทลัดเวทย์นั้นต่างจากการร่ายเวทย์ทั่วไป มันคือวิธีการที่ผู้ใช้เวทมนต์สามารถใช้บทเวทย์ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่มันก็มีข้อเสียแฝงอยู่
นั่นก็คือผู้ใช้จะต้องใช้จำนวนพลังเวทย์ที่มากขึ้นเพื่อเป็นการเร่งเร้าให้บทเวทย์ทำงานได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการใช้บทลัดเวทย์นั้นยังทำให้บทเวทย์ที่ใช้ออกมามีพลังลดลงอีกด้วย
ข้อเสียเหล่านี้เมื่อแลกกับการร่ายเวทย์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ในการใช้แต่ละครั้งผู้ใช้เวทมนต์นั้นจะต้องคิดคำนวณดูให้ดีเมื่อนึกถึงผลเสียทั้งสอง
แต่สำหรับจอมเวทย์ผู้หนึ่งแล้วข้อเสียเหล่านี้แทบจะไม่มีผลกับพวกเขามากนัก เพราะพลังเวทย์ที่มีจำนวนมาก พวกเขาจึงไม่เกรงกลัวที่จะสูญเสียพลังเวทย์เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย การใช้บทลัดเวทย์ที่เป็นบทเวทย์ระดับต่ำถึงกลางบทหนึ่งจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา
แต่หากคนผู้นั้นต้องการใช้บทเวทย์ที่มีพลังทำลายล้างที่รุนแรง ผู้ใช้เวทมนต์ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้การร่ายเวทย์รูปแบบเต็มเสียมากกว่า แม้จะใช้ระยะเวลาการร่ายเวทย์ที่นานกว่าแต่นั่นก็คุ้มค่าต่อการใช้
ดังนั้นแล้วน้ำยาเพิ่มเวทย์คุณสมบัติแฝงของเขานั้นจึงมีประโยชน์เป็นอย่างมากกับผู้ใช้เวทย์ส่วนใหญ่ และมันจะต้องเป็นที่ต้องการอย่างมากในดินแดนแห่งนี้แน่นอน
เมื่อคนของมาตินได้ออกไปจัดการตามที่มาตินสั่งแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแต่เพียงเมอร์ลินและมาติน ไม่รอช้าเมอร์ลินนั้นเริ่มทำการปรุงยาของเขาในทันที มือขวาของเด็กน้อยสัมผัสแตะไปที่แหวนเวทย์บนนิ้ว ทันใดนั้นเองไม้กายสิทธิ์ปรากฏออกมา
ไม้กายสิทธิ์อันเรียวเล็กในมือของเมอร์ลินนั้นมีความยาว 1 ฟุต แกนกลางของมันทำมาจากชิ้นส่วนของสัตว์อสูรที่มีความสามารถในการดึงดูดและปลดปล่อยพลังเวทย์ มันจึงถูกนำมาใช้ในการเป็นสื่อตัวกลางชักนำพลังเวทย์
ด้วยการที่สามารถควบคุมพลังเวทย์ที่ง่ายขึ้น การใช้พลังเวทย์ผ่านไม้กายสิทธิ์จึงทำให้เกิดความเสถียรมากที่สุด มันจึงเป็นอุปกรณ์ที่เป็นที่นิยมใช้กับการปรุงยาหรือวาดวงเวทย์ต่างๆ
ก่อนหน้าที่เมอร์ลินจะซื้อไม้กายสิทธิ์นี้ เขาได้ทดลองใช้มันมาแล้วบางแล้ว เขาใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นเวลาไม่น้อยกว่าที่จะมีความชำนาญในการใช้มัน
มือเล็กตวัดไม้กายสิทธิ์ขึ้นกลางอากาศ เขาโบกสะบัดมันไม่กี่ที พลันอักขระเวทย์สีฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
มาตินมองการกระทำนั้นอย่างตกตะลึง คนผู้ใดกันสามารถสร้างอักขระเวทย์ได้ง่ายดายขนาดนี้ ตัวตนของเด็กน้อยในชุดคลุมสีฟ้านั้นถูกยกขึ้นสูงภายในใจของมาตินไปอีกขั้นหนึ่ง
เมอร์ลินทำการสร้างอักขระเวทย์ขึ้นตัวแล้วตัวเล่าในอากาศนับไม่ถ้วน เขาทำการโบกไม้กายสิทธิ์ไปเรื่อยๆ จนอักขระเวทย์สีฟ้านั้นล่องลอยอยู่ในอากาศเรียงตัวกันนับร้อยๆ ตัว
เมื่อตัวอักขระสุดท้ายถูกวาดเสร็จ เมอร์ลินก็โบกสะบัดไม้กายสิทธิ์ คลื่นพลังก่อตัวบังคับให้อักขระเวทย์เหล่านั้นหมุนวนราวกับพายุ
ทันทีที่เมอร์ลินทำการชี้ไม้กายสิทธิ์ลงยังพื้นดิน พลันอักขระเวทย์เหล่านั้นก็พุ่งลงพื้นตามคำสั่งของเขา
พริบตาเดียวเบื้องหน้าก็ปรากฎวงเวทย์ที่มีความซับซ้อนขนาด 3 เมตร ซึ่งมันกินพื้นที่ไปถึงครึ่งหนึ่งของห้องนี้
หีบที่บรรจุวางอยู่ที่มุมห้อง เมื่อเมอร์ลินสะบัดมือข้างซ้ายที่ไม่ได้ถือไม้กายสิทธิ์ขึ้นครั้งหนึ่ง
ปึง! หีบไม้นั้นถูกเปิดออก
เมื่อสะบัดมืออีกครั้งหนึ่ง สมุนไพรจำนวนมากก็ลอยพุ่งเข้าสู่วงเวทย์
เมอร์ลินจำเป็นต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากในการควบคุมกระบวนการเหล่านี้
เมื่อโบกไม้กายสิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง กระแสพลังเวทย์ก็เริ่มเคลื่อนไหว วงเวทย์ทั้งหมดถูกกระตุ้นการทำงาน ละอองธาตุต่างๆ เปล่งแสงออกมาราวกับสายรุ้ง เส้นสายของพลังเวทย์ในวงเวทย์เคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง
พอดีกับที่ลูกน้องของมาตินเข้ามาในห้อง พวกเขาได้เห็นกระบวนการปรุงยาอันพิศดารเบื้องหน้า
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นการปรุงยาแบบนี้ การปรุงยาของผู้ใช้อักขระช่างพิศดารเป็นอย่างมาก เพราะเมอร์ลินนั้นไม่ได้ใช้ทั้งไฟทั้งหม้อปรุงยา หรืออุปกรณ์ปกติที่คนทั่วไปใช้ปรุงยา
วงเวทย์เบื้องหน้ากำลังกลั่นสมุนไพรที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างน่าอัศจรรย์ พวกเขาอดตื่นเต้นไปกับมันไม่ได้ แน่นอนว่ากระบวนการเหล่านี้ย่อมต้องยุ่งยากแน่นอน
เพียงเวลาไม่นานเหงื่อมากมายก็ซึมออกมาจากเสื้อผ้าผู้ใช้อักขระตัวน้อยแล้ว พวกเขานั้นไม่กล้าที่จะส่งเสียงดังเพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนพิธีการปรุงยานี้
เมอร์ลินใช้เวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อถึงขึ้นตอนสุดท้ายละอองแสงสีทองที่เกิดจากธาตุแสงมากมายม้วนตัวพุ่งเข้าไปผสมกับตัวยาที่ถูกสกัดกลั่นจนเข้าที่
ขั้นตอนสุดท้ายนี้ทำให้น้ำยามากมายเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไปเป็นน้ำยาที่มีคุณสมบัติแฝงอันน่าอัศจรรย์
เบื้องหน้าของเมอร์ลินในยามนี้ปรากฎมวลน้ำก้อนใหญ่ที่มีขนาดถึง 3 เมตรลอยเป็นก้อนอยู่กลางอากาศ
เมอร์ลินลดไม้กายสิทธิ์ลง เมื่อนั้นวงเวทย์อักขระซับซ้อนก็ค่อยๆ หายไป
"มาติน สั่งคนของเจ้าให้ไปนำขวดยาออกมาเรียงกัน" เมอร์ลินหันไปสั่งการด้วยท่าทีที่เหน็ดเหนื่อย
"ขอรับท่านอเลน” มาตินรีบทำการรับคำอย่างนอบน้อม แล้วหันไปสั่งการลูกน้องในทันที
“พวกเจ้ารีบทำตามที่ท่านอเลนสั่งการเร็ว"
ไม่นานนักขวดยามากมายก็ถูกจัดเรียงในถาดอย่างมากมายหลายแผง
มือข้างหนึ่งของเมอร์ลินยังทำการควบคุมก้อนมวลน้ำขนาดยักษ์เหล่านี้ไว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งเขาก็ทำการโบกสะบัดมันไปมา พลันมวลน้ำนั้นถูกแบ่งออกมาก้อนน้ำเล็กๆ ที่พอดีกับขวดยา
พวกมันลอยไล่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบและมุ่งเข้าบรรจุยังขวดทันที มือของเมอร์ลินโบกสะบัดนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อเสร็จสิ้นจำนวนหนึ่งแล้วจุกขวดน้ำยาที่เตรียมไว้ก็ลอยปิดขวดจำนวนไม่ถ้วนเบื้องหน้านั้นทันที
อัศจรรย์ ! นี่มันยิ่งกว่าอัศจรรย์
มาตินและเหล่าคนงานจ้องมองเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ วิธีการผลิตยาเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในแผ่นดิน มันเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาล้วนตื่นตะลึงไปกับมันนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ต้นจนจบทุกการเคลื่อนไหวของผู้ใช้อักขระตัวน้อยนั้นล้วนสร้างความตื่นตะลึงให้แก่พวกเขา
ยามนี้ในสายตาของพวกเขาเกิดความนับถือในตัวของเมอร์ลินอย่างล้นหลาม
"นำยาพวกนี้ไปเก็บ แล้วนำขวดเปล่าชุดต่อไปเข้ามา" น้ำเสียงของเด็กน้อยถูกกล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์
เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาก็รีบเร่งปฏิบัติตามคำสั่งของเมอร์ลินอย่างรวดเร็ว หากผู้ใดได้เห็นฝีมือการปรุงยาอันยอดเยี่ยมแบบนี้แล้ว ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะไม่นับถือเด็กน้อยผู้นี้
การทำงานของพวกเขาเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ไม่นานนักก็ถึงเวลาช่วงบ่าย
พวกเขาทำงานราวกับเครื่องจักรโดยไม่มีการหยุดพักและไม่นานนักกระบวนการทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
เมอร์ลินสามารถผลิตยาออกมาได้นับหมื่นขวด น้ำยาเหล่านี้มีไว้สำหรับเพื่อขายช่วงหนึ่งและพวกมันถูกเก็บรักษาในแหวนเวทย์ที่อยู่ห้องลับใต้ดินแห่งนี้เป็นอย่างดี
ก่อนจากไปเมอร์ลินได้กำชับให้มาตินนำน้ำยาออกมาขายในจำนวนไม่มาก เพื่อเป็นการสร้างราคาให้กับตัวยา เมื่อมีจำนวนน้อยมากเท่าไหร่ราคาก็ยิ่งสูงขึ้น
หากอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่งต้องการทำการค้าผูกขาด เขานั้นสั่งให้มาตินห้ามรับปาก และให้บอกพวกเขาเหล่านั้นไปว่าผู้ใช้อักขระไม่ประสงค์จะผูกขาดการค้ากับอาณาจักรใด
แน่นอนว่าเมื่อประกาศเรื่องความต้องการของผู้ใช้อักขระออกไป อาณาจักรเหล่านั้นย่อมไม่แสดงออกซึ่งการข่มขู่ต่อมาติน การที่มีสินค้าเพียงเจ้าเดียวย่อมมีอำนาจต่อรอง
เมื่อเมอร์ลินสั่งการเสร็จสิ้นเขาก็กลับที่พักทันที
เมื่อกลับมาถึงห้อง เมอร์ลินได้พบกับอาเธอร์ที่รออยู่แล้ว เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่ได้พบกับอาเธอร์ในตอนนี้ เพราะเวลานี้อาเธอร์ควรจะอยู่ในชั้นเรียนไม่ใช่ห้องพักนี้
แน่นอนว่าเมื่ออาเธอร์กลับมาแล้วไม่พบเมอร์ลิน เขานั้นต้องบ่นอย่างหัวเสีย เด็กน้อยถูกเจ้านายของเขาบ่นอยู่พักใหญ่ อาเธอร์มองว่าเด็กน้อยผู้นี้ย่อมต้องฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่ไปเที่ยวเล่นอย่างแน่นอน
แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ทำให้เมอร์ลินเกิดขุ่นเคืองใจแต่อย่างใด
เมื่อฟังอาเธอร์บ่นเสร็จ อาเธอร์ก็เผยจุดประสงค์ที่เขากลับที่พักก่อนเวลา เพราะเขาได้นัดกับเด็กสาวผู้หนึ่งที่อยู่ในชั้นเรียนเดียวกันไว้ เธอมีชื่อว่าอาโรส จูดี้ บุตรของขุนนางอาณาจักรโบฮีเมีย
เมอร์ลินมองอาเธอร์และพลางคิดในใจว่า “เจ้าเด็กวัย 10 ขวบปีผู้นี้ มีรูปร่างที่ใหญ่โตเกินเด็กทั่วไป ด้วยรูปร่างที่สง่างาม แถมยังมีใบหน้าที่งดงามราวกับรูปปั้นเทพเจ้า นับว่าเหมาะสมแล้วที่เขาเกิดในตระกูลกษัตริย์อย่างอารากอน กระทั่งความแก่แดดแก่ลมก็ยังมีมากกว่าคนปกติทั่วไป ด้วยวัยเพียงแค่นี้ก็เผยนิสัยความเจ้าชู้ออกมาแล้ว”
เมอร์ลินเข้าใจในทันทีว่าเด็กสาวที่ชื่ออามีเรียก่อนหน้านี้ได้ตกกระป๋องถูกอาเธอร์สลัดทิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุอาจเกิดจากเด็กสาวที่ชื่อจูดี้คนนี้ก็เป็นได้
เมอร์ลินทำหน้าที่ข้ารับใช้โดยไม่บกพร่อง และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องมาทำหน้าที่เป็นผู้ดูต้นทางระหว่างที่เจ้าเด็กอาเธอร์กำลังเกี้ยวสาว
หน้าที่คนรับใช้นั้นแม้จะดูต้อยต่ำ และอาจเป็นที่ดูหมิ่นในฐานะผู้ฝึกตนของเขา แต่เขานั้นก็หาได้ใส่ใจกับมันไม่
ชีวิตของเขาสำคัญมากกว่าศักดิ์ศรีเหล่านั้น แต่หากเมื่อถึงยามใดที่เขามีพละกำลังสามารถปกป้องตนเองได้แล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่อ่อนข้อให้ผู้ใดที่เหยียดหยามเขา
หนทางแห่งผู้ฝึกตนนั้นลำบากยิ่งกว่านี้นับพันเท่าหมื่นทวี ความลำบากเล็กน้อยเพียงแค่นี้เขาย่อมสามารถทำมันได้
Thank you
รวยๆๆๆๆๆๆ ผลิตยาทีนึงได้เป็นหมื่นๆ ขวด!!
คงจะฟินน่าดู