เซียนจอมเวทย์ Deva Wizard
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ แฟนตาซี Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : ท่านโซ
My.iD :
https://my.dek-d.com/TanSoSoDa/writer/
ตอนที่ 38 : สู่เมืองไพรีอัส (รีไรท์)
หลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นออกมาจากบ้านพักของเมอร์ลิน สิ่งแรกที่ชาวบ้านเห็นคือร่างกายที่สมบูรณ์ของเขา สิ่งนี้ยิ่งกว่าคำว่าปาฏิหาริย์ ยิ่งกว่าสิ่งที่แม้แต่นักปรุงยาก็ทำไม่ได้ แต่เด็กน้อยคนนี้สามารถทำได้
เหล่าชาวบ้านโห่ร้องด้วยความดีใจ บางคนตื้นตันใจและโอบกอดกัน น้ำตาแห่งความยินดีจำนวนมากถูกหลั่งออกมาจากตาของพวกเขา
คำสรรเสริญเมอร์ลินนั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางคนกระทั่งก้มกราบบูชากล่าวพร่ำเพ้อว่าเมอร์ลินคือเทพมาจากสวรรค์
เมื่อได้เห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืด หัวใจของพวกเขาจึงมีความสุขเป็นอย่างมาก
หัวหน้าหมู่บ้านไม่รอช้าปฏิบัติตามคำสั่งของเมอร์ลินอย่างรวดเร็ว เขาเดินฝ่าชาวบ้านที่ทั้งโอบกอดทั้งร้องไห้
เมอร์ลินได้มอบน้ำยาจำนวนหนึ่งเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคไข้ผลึกและมอบอีกจำนวนหนึ่งไว้สำรองเพื่อใช้ในอนาคต
น้ำยาชนิดนี้ยังไม่ถูกตั้งชื่อ แต่สรรพคุณที่สามารถรักษาโรคไข้ผลึกได้นั้นก็ทำให้มันเป็นน้ำยาน่ากลัวที่สุดในหมู่ยา เพราะในปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดที่สามารถคิดค้นยาแก้โรคชนิดนี้ได้
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไข้ผลึกนั้นมีเพียงทางเลือกเดียวคือการตายเท่านั้น หากผู้ใดที่ป่วยเป็นโรคนี้ พวกเขาต้องเตรียมใจยอมรับชะตากรรมของตนเอง
น้ำยาที่สามารถรักษาโรคนี้ได้ แน่นอนว่ามันย่อมล้ำค่า แต่เมอร์ลินกลับมอบให้หมู่บ้านแห่งนี้โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ ตอบแทน
ตัวตนของเขาจึงกลายเป็นนักบุญของหมู่บ้านแห่งนี้ไปแล้ว
หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านรับยาไปแจกจ่ายเสร็จเรียบร้อย วันถัดมาผู้คนในหมู่บ้านก็หายป่วยราวกับปาฏิหาริย์ เสียงของการสรรเสริญดังขึ้นทุกย่างก้าว
เมอร์ลินยังคงเก็บตัวอยู่ในบ้านพักหนึ่งวันเต็มๆ หากไม่มีคำสั่งจากเขาจะไม่มีใครกล้ารบกวนเขา
เมอร์ลินเก็บตัวทบทวนความรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวในเรื่องนี้ แม้ดวงตาแห่งเลเมเกทันจะสามารถจดจำทุกขั้นตอนที่เขากระทำ แต่มันก็ยังเป็นเพียงแค่การจำ
การพัฒนาต่างๆ จึงเป็นเมอร์ลินที่จะต้องทำด้วยตนเอง
ผ่านไปหลายวันเมอร์ลินก็ได้สั่งให้ทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกันที่ลานกว้างอีกครั้ง
เมื่อเมอร์ลินก้าวออกมาจากบ้าน สองมือไพล่หลังยืดตัวตรงและคงไว้ซึ่งใบหน้าที่เรียบเฉย เปล่งรัศมีความสง่าออกมา
เมอร์ลินเดินไปยังจุดกึ่งกลางของลานกว้าง เขาโบกมือให้ถอยออกไปอย่างอ่อนโยน
“ถอยออกจาไปจากบริเวณนี้”
ชาวบ้านทำการถอยร่นออกไปตามคำสั่ง หลงเหลือลานกว้างที่มีเมอร์ลินยืนอยู่คนเดียว
เมอร์ลินกำหมัดและใช้กำปั้นของเขาชกลงไปยังพื้นดินของลานกว้าง
หมัดที่เคลือบไปด้วยพลังปราณเซียนนั้นทำให้พื้นดินบริเวณนั้นปรากฏเป็นหลุมกว้างราว 7 เมตร
เมอร์ลินลอยตัวขึ้นกลางอากาศและมองเบื้องร่างด้วยสายตาที่สงบนิ่ง กลิ่นอายของเขานั้นเหมือนกับทวยเทพ
ทันใดนั้นเองเมื่อเมอร์ลินขยับปลายนิ้ว ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น ปราณกระบี่เหล่านั้นเจาะลงไปยังพื้นดินที่เป็นหลุม
ปราณกระบี่ที่ทรงพลังนั้นทะลุทะลวงไปยังด้านล่างนับร้อยเมตร
เพียงเวลาไม่นานพื้นผุดแหล่งน้ำบาลออก
“จงปรากฏผ้าคลุมเวทย์” เมอร์ลินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
ผ้าคลุมเวทย์ปรากฏบนร่างปลิวพลิ้วไปตามแรงลม
เมอร์ลินยกมือทั้งสองข้างขึ้นและค่อยๆ วาดผ่านอากาศ โบกสะบัดไปมา
อักขระเวทย์จำนวนมากปรากฏออกมาราวกับสายน้ำ กระแสพลังอักขระไหลเชี่ยวรอบๆ ตัวเมอร์ลิน
“ควบแน่น” ทันทีที่เมอร์ลินเอ่ยออกมา อักขระเวทย์เหล่านั้นก็กลายเป็นวงเวทย์จำนวนมาก
วงเวทย์สีฟ้าค่อยๆ ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่วงเวทย์ปรากฏอากาศจะบังเกิดระลอกคลื่นที่ทำให้ทุกคนนั้นขนลุก
วงเวทย์สีฟ้าจำนวนมากลอยว่อนอยู่กลางอากาศ
เมอร์ลินยืนอยู่ที่เดิม มือของเขายังคงโบกสะบัดอย่างไม่หยุดนิ่ง กวาดเอาวงเวทย์เหล่านั้นเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปมาตามที่เขาต้องการ
วงเวทย์จำนวนมากนั้นถูกร้อยเรียงจนกลายเป็นวงเวทย์ซับซ้อนขนาดใหญ่
ใบหน้าของเมอร์ลินนั้นปรากฏหยดเหงื่อออกมาเป็นจำนวนมาก การสร้างวงเวทย์ซับซ้อนไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำมันได้อย่างง่าย หากขาดฝีมือและความเชี่ยวชาญแล้วล่ะก็ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างมันขึ้นมา
ชาวบ้านมองการกระทำนั้นอย่างตื่นตา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นการทำงานของผู้ใช้อักขระ เสียงสรรเสริญนั้นดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
วงเวทย์ซับซ้อนนั้นแผ่พลังอันยิ่งใหญ่ออกมา กลิ่นอายของมันเต็มไปด้วยอำนาจที่น่าสะพรึง
แม้ว่าชาวบ้านจะไม่รู้ว่าเมอร์ลินกำลังจะทำอะไร แต่สิ่งที่เขาทำนั้นต้องยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง วงเวทย์ซับซ้อนก็ถูกทำให้สมบูรณ์
วงเวทย์ขนาดใหญ่ถูกชักนำให้ครอบกับแหล่งน้ำบาลที่เมอร์ลินเป็นผู้สร้าง
ปัง!
ทันใดนั้นเองละอองลำแสงสีทองก็ลอยขึ้นมาจากแหล่งน้ำ
เมอร์ลินเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพอใจ เมื่อบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยพลังงานธาตุแสงของเขาเสร็จสมบูรณ์
“บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้าสร้างมันเพื่อบรรเทาโรคภัยให้แก่พวกเจ้า ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงสรรพคุณ เพียงพวกเจ้าดื่มน้ำจากบ่อนี้ พิษและโรคภัยที่ไม่ร้ายแรงจะไม่มีผล” เมอร์ลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยและอ่อนโยน
ทันใดนั้นเองทุกคนในหมู่บ้านก็คุกเข่าลงแล้วกล่าวขอบคุณเมอร์ลินซ้ำไปซ้ำมา
ตัวตนของเมอร์ลินนั้นถูกย่กย่องให้เป็นนักบุญในใจของชาวบ้าน
เมอร์ลินนั้นไม่ใส่ใจต่อเรื่องเหล่านี้ ในอดีตนั้นเขาเคยพบการสถานการณ์แบบนี้มาเป็นจำนวนมาก เขาจึงรู้สึกถึงการปล่อยวางเมื่อพบกับเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้ง
แท้จริงแล้วการกระทำของเมอร์ลินนั้นครึ่งหนึ่งทำไปเพราะความเวทนา แต่อีกครึ่งหนึ่งทำไปเพราะต้องการทดสอบฝีมือของตนเอง
ในโลกนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่เมอร์ลินต้องเรียนรู้เพิ่มเติมและทำมัน
หนทางในอนาคตยังมีเรื่องอีกมากมายที่เมอร์ลินจะต้องกวาดผ่าน ดังนั้นแล้วเขาจะต้องเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์เหล่านี้ให้มากที่สุด
ชาวบ้านหลายคนนำอาหารและของมีค่ามาเพื่อมอบให้แก่เมอร์ลิน แต่เมอร์ลินนั้นกลับปฏิเสธไป เขาไม่รับสิ่งของใดๆ กลับไปแม้แต่อย่างเดียว
หลังจากเสร็จภารกิจแก้ไขโรคไข้ผลึก เมอร์ลินก็ออกจากหมู่บ้าน เขานั้นจากไปโดยที่ไม่ทิ้งชื่อและร่องรอยใดๆ ไว้ เว้นเสียแต่น้ำยาที่เขาผลิตและบ่อน้ำธาตุแสงที่เขาสร้างขึ้น
ชาวบ้านหลายคนต่างเสียใจที่ไม่ได้ทราบชื่อของเมอร์ลิน หลายคนได้เอ่ยถามชื่อของเขาแล้ว แต่คำตอบที่ได้มาคือความนิ่งเฉย
การที่เมอร์ลินไม่ตอบ มันคือคำตอบ
ชาวบ้านรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณของเขา
ตัวตนของเมอร์ลินจึงเป็นนักบุญที่น่านับถือในใจของคนในหมู่บ้าน เสียงของคำสรรเสริญนั้นดังขึ้นในบ้านทุกๆ หลัง
หลังจากเมอร์ลินออกจากหมู่บ้านไปไม่นาน ด้วยความสำนึกในบุญคุณของคนในหมู่บ้าน พวกเขาต่างร่วมแรงร่วมใจสร้างอนุสรณ์สถานให้แก่เมอร์ลิน
พวกเขาสร้างรูปปั้นที่แกะสลักมาจากหิน รูปปั้นนี้มีลักษณะเป็นเด็กน้อยปริศนาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวและหน้ากากสีขาวปกปิดใบหน้า
แม้พวกเขาจะไม่รู้จักชื่อและไม่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่พวกเขานั้นสามารถจำใบหน้าและลักษณะของผู้มีพระคุณของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ
พวกเขาตั้งรูปปั้นไว้ในบริเวณส่วนหนึ่งของบ่อน้ำ ในวันนั้นเองเมื่อรูปปั้นนี้ถูกตั้งลงไปก็เกิดปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ละอองสีทองมากมายโพยพุ่งขึ้นมาดั่งหิงห้อย เมื่อแสงแดดส่องลงมายังพื้นน้ำก็พลันปรากฏแสงสะท้อนหลากสี
ชาวบ้านต่างเชื่อว่านี่คือปาฏิหาริย์ มันเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติ
พวกเขาจึงตั้งชื่อบ่อน้ำแห่งนี้ว่า “บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญอันเยาว์วัย”
พวกเขาไม่รู้เลยว่าปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดมาจากวงเวทย์ซับซ้อนที่เมอร์ลินได้วางเอาไว้
ตามปกติของผู้ใช้เวทมนต์ การสร้างวงเวทย์นั้นไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน แต่ทว่าวงเวทย์ที่สร้างมาจากผู้ใช้เวทมนต์นั้น มันไม่สามารถรักษาสภาพไว้ได้นาน เว้นแต่ผู้ใช้เวทมนต์คนนั้นจะเป็นผู้ใช้อักขระ
ด้วยอำนาจของพลังอักขระ วงเวทย์ที่สร้างขึ้นนั้นสามารถคงอยู่ได้ตราบเท่าที่วงเวทย์นั้นจะไม่ถูกทำลาย แม้ว่าผู้สร้างนั้นได้ตายไป วงเวทย์ที่สร้างด้วยพลังอักขระนั้นก็จะยังคงอยู่
ความคงทนและอำนาจที่แข็งแกร่งของพลังอักขระนั้นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในการสร้างม่านพลังป้องกันเมืองต่างๆ ในดินแดนแห่งนี้
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อข่าวบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญอันเยาว์วัยถูกแพร่กระจายออกไป
หมู่บ้านแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงขึ้น เพราะบ่อน้ำแห่งนี้ถูกวงเวทย์ซับซ้อนของผู้ใช้อักขระกลั่นกรองธาตุแสงจากแสงของดวงอาทิตย์จนกลายเป็นแหล่งน้ำที่เต็มไปด้วยธาตุน้ำอันบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยการฟื้นฟูและธาตุแสงที่มีความสามารถในการขจัดสิ่งสกปรกชั่วร้ายออกไปได้
สรรพคุณของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญอันเยาว์วัยใช้ได้ทั้งในทางรักษาโรคและใช้ขจัดสิ่งชั่วร้ายแทนน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากศาสนจักร บางคนกระทั่งใส่ขวดติดตัวและพกไว้เป็นเครื่องรางนำโชค
จากหมู่บ้านกลางป่าอันไร้ชื่อเสียงแห่งนี้ บัดนี้ได้กลายเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่ขยายตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดหลายปีผ่านไปมันกลายเป็นเมืองย่อมๆ เมืองหนึ่งไปเสียแล้ว
เมอร์ลินมุ่งหน้าสู่เมืองไพรีอัส เมืองที่อยู่ในการปกครองของดยุกโควบิดาของอาเธอร์
ในระหว่างทางที่ผ่านมาเมอร์ลินได้พบกับหมู่บ้านร้างหลายแห่ง เขาได้ลงไปสำรวจหมู่บ้านเหล่านั้นและพบว่าหมู่บ้านเหล่านี้ล้วนถูกทำลายด้วยโรคไข้ผลึกทั้งสิ้น
เมอร์ลินนั้นมาช้าเกินไปจึงไม่สามารถช่วยเหลือคนเหล่านี้เอาไว้ได้
เบื้องหลังผู้แพร่เชื้อไข้ผลึกนั้นต้องการเก็บเกี่ยวผลึกวิญญาณชีพไปจำนวนไม่น้อย หมู่บ้านเหล่านี้ถูกทำลาย ชีวิตของผู้บริสุทธิ์หลายคนถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยในการสร้างผลึกวิญญาณชีพ
ในการสร้างผลึกแห่งชีวิตนั้น เมอร์ลินไม่รู้ว่าจะต้องใช้ผลึกวิญญาณชีพเป็นจำนวนเท่าใด แต่จากสายตาของเขาที่กวาดผ่านมา เขานั้นพบว่าคนผู้นั้นได้เก็บเกี่ยวผลึกวิญญาณชีพไปเป็นจำนวนมากแล้ว
เมอร์ลินสลัดจากความคิดและเลือกปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เขานั้นไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของเขา อีกทั้งเขานั้นไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใครและมีฝีมือเพียงใด
หากคนผู้นั้นเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าเมอร์ลินเป็นอย่างมาก สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตเขายุ่งยาก นั่นคือสิ่งที่เขาไม่ต้องการ
ผ่านไปสองวันในที่สุดเมอร์ลินก็ได้มาถึงเมืองไพรีอัสซึ่งเป็นเป้าหมายของเขา ในเมืองแห่งนี้นั้นมีทั้งอาเธอร์และเมย์อาศัยอยู่
การตรวจสอบดาบของอาเธอร์ที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของโซโลมอนและการช่วยเหลือเมย์ ทั้งสองคือเป้าหมายในการมาเยือนเมืองไพรีอัสของเขา
เมอร์ลินทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าและถอดหน้ากากที่ปิดบังใบหน้าออก เสื้อผ้านักเดินทางถูกหยิบนำมาสวมใส่ เขาไม่ต้องการทำตัวโดดเด่นและไม่ต้องการที่จะปิดบังตัวเองอีกต่อไป
รูปลักษณ์ของเมอร์ลินนั้นยังคงเดิม แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแต่เพราะการบ่มเพาะขั้นก่อลำต้นที่ทำให้ร่างกายของเขานั้นเจริญเติบโตช้าลง จึงทำให้ตอนนี้เขานั้นยังเหมือนกับเด็กอายุ 10 ขวบ ทั้งที่จริงๆ แล้วเขานั้นมีอายุที่มากกว่านั้น
แต่ทว่าก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปนั่นก็คือผมของเขาที่เปลี่ยนไปจากสีดำเป็นสีขาว
หลังจากการต่อแถวเข้าเมืองและแสดงตราสัญลักษณ์ของตระกูลอารากอนออกมา
ทหารที่เฝ้าเมืองนั้นปฏิบัติต่อเมอร์ลินนอบน้อมและผ่านเข้าในเมืองได้อย่างง่ายดาย
เมอร์ลินมุ่งหน้าตรงไปที่ปราสาทของดยุกโคว เขานั้นต้องการพบกับอาเธอร์เพื่อตรวจสอบและสอบถามในเรื่องต่างๆ รวมถึงเรื่องที่อยู่ของเมย์
เมืองแห่งนี้นั้นเป็นเมืองที่เมอร์ลินคนก่อนเคยอาศัยมาก่อน เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองภาพบรรยากาศเดิมๆ นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เขาได้ลัดเลาะเส้นทางจนถึงบริเวณตลาดใหญ่ที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คน
เมอร์ลินได้เดินสำรวจตลาดแห่งนี้อยู่พักหนึ่ง เขานั้นได้เห็นอุปกรณ์เวทย์ต่างๆ มากมายที่วางขาย บางชิ้นนั้นเขาถึงกับหยิบขึ้นมาดูเพื่อศึกษาการใช้อักขระเวทย์
น่าเสียดายที่อุปกรณ์เวทย์เหล่านี้ล้วนสร้างมาจากผู้ใช้อักขระขั้นสีฟ้าแทบทั้งสิ้น การวางรูปแบบอักขระเวทย์จึงไม่ได้ซับซ้อนมากนัก
ในยามนี้ความรู้ของอักขระเวทย์ขั้นสีฟ้านั้นต่ำเกินไปสำหรับเมอร์ลินเสียแล้ว เขานั้นต้องการศึกษารูปแบบของอักขระขั้นสีเขียวเป็นอย่างมาก
แต่น่าเสียดายที่ของที่สร้างมาจากผู้ใช้อักขระขั้นสีเขียวนั้นหาได้ยาก แม้จะมีผู้ถือครองแต่แน่นอนว่าเขาหรือเธอเหล่านั้นย่อมไม่แสดงมันออกมาให้คนภายนอกได้รับรู้ง่ายๆ เป็นแน่
เมอร์ลินเพลิดเพลินไปกับสินค้าเหล่านี้อยู่นาน และเมื่อเดินมาถึงจุดหนึ่งเขาก็พบกับคนจำนวนมากที่กำลังมุงดูบางสิ่งอย่างน่าสนใจ
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เมอร์ลินก็พบว่าบริเวณนั้นเป็นสถานที่จัดการประลอง เวทีประลองถูกตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของตลาด มันจึงเป็นที่น่าดึงดูดของผู้คนทั่วไป
เวทีประลองนี้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อทดสอบฝีมือและฝึกฝน
ซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังมีคนคู่หนึ่งกำลังต่อสู้กัน การต่อสู้นี้ได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก จนผู้ที่มุงดูนั้นล้นออกมาด้านนอก
เมื่อกวาดสายตาออกไป เมอร์ลินก็พบว่าในตอนนี้คนส่วนใหญ่ มากกว่าครึ่งนั้นเป็นหญิงสาว
การต่อสู้เป็นที่นิยมในหมู่หญิงสาวหรือ? ช่างเป็นเมืองที่แปลกเสียจริง
โดยปกติเหล่าหญิงสาวนั้นมักรังเกียจความรุนแรง แต่เหตุใดหญิงสาวในเมืองนี้จึงชื่นชอบมัน
เมอร์ลินอาศัยรูปร่างที่มีขนาดเล็กของเขาแหวกกลุ่มคนเบียดเสียเข้าไปจนถึงแถวหน้า เขาอยากรู้ว่าเหตุใดผู้คนถึงให้ความสนใจกับการต่อสู้นี้
แต่น่าเสียดายเมื่อเมอร์ลินไปถึง การต่อสู้นั้นจบลงพอดี
ภาพสุดท้ายของการต่อสู้ที่เมอร์ลินเห็นก็คือ ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังปะทะฝีมือดาบกับคู่ต่อสู้ พวกเขาทั้งสองไม่ได้ใช้พลังเวทย์ในการต่อสู้ แต่พวกเขากำลังปะทะกันด้วยกำลังกายและฝีมือทักษะการใช้ดาบของพวกเขา
ชายหนุ่มคนหนึ่งเตะไปยังต้นขาของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นเองเขาก็ใช้ดาบโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง แม้คู่ต่อสู้จะพยายามใช้ดาบในมือรับไว้ แต่ความแข็งแกร่งนั้นไม่เพียงพอ ดาบหนึ่งถูกตวัดขึ้นอย่างสุดแรง พลังของมันนั้นทำให้ดาบของชายคนนั้นหลุดลอยออกไปจากมือ
ด้วยการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วในที่สุดดาบในมือของชายหนุ่มก็ไปหยุดอยู่ตรงบริเวณลำคอของคู่ต่อสู้
เมื่อผลแพ้ชนะออกมา ผู้คนก็ส่งเสียงโห่ร้องอย่างยินดี
ชายหนุ่มคนนั้นชูมือของเขาขึ้นฟ้าและกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ เวที
หญิงสาวบริเวณรอบๆ นั้นก็ต่างส่งเสียงกรีดร้องไปกับชัยชนะของชายหนุ่มที่พวกเธอมาให้กำลังใจ
ชายหนุ่มคนนั้นมีรูปร่างดี ร่างของเขานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สมส่วน รูปร่างของเขานั้นสูงกำยำ เขานั้นมีผมสีทองและดวงตาสีฟ้า จมูกที่โด่ง คิ้วที่เข้ม ริมฝีปากที่เป็นกระจับ ทำให้โดยรวมแล้วชายหนุ่มคนนี้นั้นหล่อเหลาเป็นอย่างมาก
ไม่แปลกใจเลยที่มีหญิงสาวจำนวนมากมามุงดูการต่อสู้มากมายเพียงนี้ เหตุผลทั้งหมดคือชายหนุ่มรูปงามคนนี้นี่เอง
เมอร์ลินนั้นรู้สึกคุ้นหน้าชายผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อชายหนุ่มคนนั้นหันมาและเมอร์ลินได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
สายตาของพวกเขาทั้งคู่ก็ได้บังเอิญสบกัน
ท่าทางที่กำลังยินดีในชัยชนะของชายหนุ่มก็หยุดชะงักลง สีหน้าของเขากลายเป็นตกตะลึงและเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า
"เมอร์ลิน..."
Thank you
ผัวเรียกละไปจิ