เซียนจอมเวทย์ Deva Wizard
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ แฟนตาซี Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : ท่านโซ
My.iD :
https://my.dek-d.com/TanSoSoDa/writer/
ตอนที่ 42 : ความสามารถของอาวุธวิญญาณ (รีไรท์)
เมื่อการจู่โจมอันรุนแรงกำลังเคลื่อนเข้ามา
ดวงตาของเอริกส่งประกายเย็นวาบออกมา เขารู้ว่าภายใต้การโจมตีนี้เพียงแค่พลังระดับผู้ใช้เวทย์ย่อมไม่สามารถรองรับมันเอาไว้ได้
พริบตาเดียวร่างของเอริกก็ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นไอเวทย์อันทรงพลัง บนร่างของเขาก็ปรากฏผ้าคลุมเวทย์ที่เปล่งประกายไปด้วยสีเงินส่องแสงออกมาแวววาว
อำนาจของพลังเวทย์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
มันคือผ้าคลุมเวทย์สีเงิน
สีเงินที่แสดงถึงฐานะของผู้ที่อยู่ในระดับขั้นจอมเวทย์
เมื่อร่างกายได้รับพลังจากผ้าคลุมเวทย์ผืนนี้ แรงกดดันพลังเวทย์ก็โพยพุ่งออกมาจากร่างของเอริกอย่างเข้มข้น
ภายในรัศมี 10 เมตร แรงกดดันพลังเวทย์ที่รุนแรงซัดทุกสิ่งโดยรอบให้ดันออกห่าง
เอริกกวาดดาบยักษ์ออกไปข้างหน้าภายในเสี้ยววินาทีอย่างรวดเร็ว
ซูม!
ไม่น่าเชื่อ! พลังของดาบยักษ์นั้นพลันระเบิดออกมาเป็นระลอกคลื่นของมวลน้ำ มันกลืนกินพลังของเมอร์ลินไปอย่างง่ายดาย
เพียงแค่การสะบั้นดาบเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้ห่าฝนพลังปราณหอกของเมอร์ลินหายไปได้ในพริบตา
การโจมตีของเมอร์ลินนั้นถูกลบจนไร้ผลอย่างสิ้นเชิง
เมอร์ลินเริ่มที่จะประหวั่นอยู่ในใจ
ยังไม่ทันที่เมอร์ลินจะได้ขยับตัวเคลื่อนไหว เอริกก็เป็นฝ่ายบุกเข้ามาด้วยท่วงท่าอันน่าสะพรึง
ชายชราในผ้าคลุมเวทย์สีเงินนั้นเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เหนือมนุษย์
ดาบยักษ์แมนติคอร่าถูกยกขึ้นเหนือศีรษะและฟันไปยังทิศทางที่เมอร์ลินยืนอยู่
“จงอาละวาดอย่างบ้าคลั่งแมนติคอร่า” เอริกส่งเสียงคำรามอย่างกึกก้อง
กรรจ์!
ซูม ซูม ซูม!
ทันใดนั้นเองร่างของเมอร์ลินที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศก็เกิดอาการผิดปกติ
บรรยากาศบริเวณนั้นพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าประหลาด
ร่างของเมอร์ลินจู่ๆ ก็รู้สึกหนักอึ้ง เด็กน้อยไม่สามารถทรงตัวได้ ร่างกายของเขากลายเป็นไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป ร่างนั้นถูกแรงดูดทำให้ร่วงลงมาอย่างฉับพลัน
ตูม!
พื้นดินที่เมอร์ลินตกลงมาบังเกิดหลุมลึก เสียงหึ่งๆ ยังคงดังทั่วชั้นบรรยากาศ
เมอร์ลินนั้นไม่สามารถขยับตัวเคลื่อนไหวได้เลย มันเหมือนกับว่าเขากำลังถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับ ร่างกายของเขาถูกทำให้มีน้ำหนักที่เพิ่มอย่างน่าหวาดกลัว เขาพยายามดันตัวลุกขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้
สีหน้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความบูดเบี้ยว เขากัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์
เอริกนั้นยังคงยิ้มและจ้องมองเมอร์ลิน
“อย่าฝืนเลยเด็กน้อย สิ่งที่เจ้ากำลังเผชิญนั้นคือความสามารถของอาวุธวิญญาณของข้า” เอริกระเบิดเสียงหัวเราะและเอ่ยต่อ “แมนติคอร่านั้นมีความสามารถในการควบคุมแรงโน้มถ่วงได้ หากข้าไม่ทำการถอนคำสั่ง ด้วยระดับการบ่มเพาะของเจ้าแรงโน้มถ่วงนี้จะทำให้ร่างกายของเจ้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้"
เมอร์ลินส่งเสียงคำรามอยู่ภายใน เขามองไปที่เอริกและเอ่ย
“ตัวตนที่ยิ่งใหญ่เช่นท่าน ทำไมถึงกลับคำพูด”
แววตาของเมอร์ลินนั้นแสดงออกซึ่งความไม่พอใจอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินดังนั้นเอริกก็หัวเราะออกมาอย่างไม่แยแสและพูดว่า
“กลับคำพูด เมื่อไหร่กันที่ข้ากลับคำพูด”
จบคำกล่าวของเอริก เมอร์ลินก็มีสีหน้าเหมือนกินยาขม
“ท่านเองไม่ใช่หรือ ที่พูดว่าจะลดระดับพลังเพื่อประลองกับข้า แต่เป็นท่านที่ใช้พลังขั้นจอมเวทย์กดดันและทำลายการโจมตีของข้า”
เอริกอดที่จะระเบิดเสียงหัวเราะไม่ได้แล้วเอ่ยออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด การโจมตีของข้าเมื่อครู่มันยังคงอยู่ในขอบเขตของพลังขั้นผู้ใช้เวทย์ตามที่ข้าได้เอ่ยปากไว้ แต่เราไม่ได้ตกลงกันว่าห้ามไม่ให้ใช้ผ้าคลุมเวทย์” เอริกหยุดยิ้มและเอ่ยต่อ “ในรูปลักษณ์ผ้าคลุมเวทย์ของข้านั้น แน่นอนว่ามันยังคงอยู่ในรูปแบบของจอมเวทย์ แต่ในคุณสมบัติของผ้าคลุมเวทย์นั้นมันคือเครื่องมือในการเพิ่มพลังเวทย์ตามชั้นความสามารถของหอคอยมหาเวทย์ ดังนั้นแล้วการสวมใส่ผ้าคลุมเวทย์ของข้าเป็นการเพิ่มพลังเวทย์ที่อยู่ในขอบเขตที่เราตกลงกัน ไม่ใช่พลังของจอมเวทย์อย่างที่เจ้าเข้าใจ”
เอริกมองเมอร์ลินและเผยรอยยิ้มออกมา
“หึ ผู้ชนะนั้นเป็นกษัตริย์ ผู้แพ้นั้นเป็นโจร การกระทำของท่านนั้นเต็มไปด้วยความชอบธรรม อย่างไรการประลองครั้งนี้ท่านก็ได้ชนะแล้ว” เมอร์ลินกล่าวออกมาอย่างประชดประชัน สายตาและการแสดงออกของเขานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ปลดความสามารถของท่านซะ ข้าเบื่อที่จะอยู่กับแรงโน้มถ่วงบ้าๆ นี่เต็มทีแล้ว”
เอริกอมยิ้มและเอ่ย “โอ้ ขอโทษเจ้าด้วย ข้านั้นแก่เกินไปเสียแล้วถึงลืมเรื่องนี้ไปเสียได้”
เมอร์ลินรู้ว่าคำสำนึกผิดของเอริกนั้นเต็มไปด้วยความเสแสร้ง ชายชราผู้นี้กำลังสนุกกับการกลั่นแกล้งเขา
เอริกนั้นหยุดอารมณ์ขันของเขาชั่วคราวและถอนดาบยักษ์ของเขาออกจากพื้นดิน ผ้าคลุมเวทย์ของเขานั้นถูกปลดออก หลังจากนั้นพลังความสามารถของดาบยักษ์แมนติคอร่าก็ถูกยกเลิก
แรงโน้มถ่วงอันหนักอึ้งที่กดดันเมอร์ลินก็ถูกทำให้คลายลง
เมอร์ลินสามารถขยับร่างกายได้อย่างปกติ
ในครั้งนี้เมอร์ลินได้รับรู้ถึงความต่างระหว่างความสามารถของเขากับระดับจอมเวทย์ เขาได้เห็นถึงช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างระดับขั้นพลังเวทย์ มันเป็นความห่างชั้นที่มากเกินไป
แม้ว่าเมอร์ลินจะไม่ได้แสดงฝีมือออกมาอย่างเต็มที่ แต่การที่เอริกใช้เวทย์เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เขาไร้หนทางต่อสู้ได้ นั่นก็หมายความว่าฉายาวีรบุรุษแห่งอารากอนไม่ได้ถูกตั้งขึ้นมาเล่นๆ
การประลองของเมอร์ลินกับเอริก เมอร์ลินไม่ได้พ่ายแพ้ด้วยฝีมือ แต่ที่เขาแพ้เพราะหนึ่งคือระดับชั้นของพลังเวทย์และสองคือการไม่รู้ในความสามารถที่แท้จริงของอาวุธวิญญาณ
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินได้รับรู้ว่าอาวุธวิญญาณแต่ละชิ้นนั้นมีความสามารถพิเศษแฝงอยู่ ความสามารถที่ทำให้ผู้ถือครองได้เปรียบคู่ต่อสู้
อย่างเช่นเอริกที่ถือครองดาบยักษ์แมนติคอร่า ความสามารถในการใช้พลังควบคุมแรงโน้มถ่วงนั้นสร้างความยุ่งยากในการต่อสู้เป็นอย่างมาก เพราะความสามารถนี้เองที่ทำให้เรื่องเล่าที่ว่าเขาเพียงคนเดียวสามารถเอาชนะทหารทั้งกองทัพได้ หากเอริกใช้ความสามารถนี้การเอาชนะคนนับหมื่นนับพันจึงไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย
หลังจากการต่อสู้เอริกก็กล่าวปลอบใจ ด้วยความถูกใจเขานั้นจึงได้ชักชวนให้เมอร์ลินมานั่งพูดคุยต่อ
มันไม่มีเหตุผลที่เมอร์ลินจะต้องปฏิเสธ เพราะอย่างไรก็ตามเขาก็ต้องรออาเธอร์กลับมาที่นี่อยู่ดี และนั่นก็ทำให้การพูดคุยของคนทั้งสองได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
เมอร์ลินได้สอบถามเรื่องราวต่างๆ ของอาณาจักรแห่งนี้ แน่นอนว่าข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่ข้อมูลเชิงลึกที่จะต้องปิดบัง
บทสนทนาของทั้งสองถูกเอ่ยอย่างลื่นไหล
จากการพูดคุยเอริกได้มองเห็นมุมมองของเด็กน้อยมากขึ้น
แม้รูปลักษณ์ของเมอร์ลินจะเป็นเพียงเด็กน้อยวัยไม่เกิน 10 ปีผู้หนึ่ง แต่ด้วยฝีมือการต่อสู้และสติปัญญากลับเหนือยิ่งกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นไม่นานอาเธอร์ก็ได้มาถึง เขากลับมาพร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งนำมามอบให้กับเอริก ภารกิจของเขานั้นเสร็จลุล่วงสมบูรณ์ เวลาต่อจากนี้จึงเป็นเวลาพูดคุยสำหรับเขาและเมอร์ลิน
อาเธอร์และเมอร์ลินพวกเขาทั้งสองได้ย้ายไปนั่งยังสวนหน้าบ้านของเอริกและเริ่มพูดคุย
ทั้งสองนั้นพูดคุยกันอย่างออกรส
อาเธอร์นั้นปฏิบัติกับเมอร์ลินราวกับว่าในอดีตเมอร์ลินนั้นไม่ใช่คนรับใช้ของเขา
จนในที่สุดเมอร์ลินก็เริ่มเข้าสู่คำถามที่เป็นจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของเขา
"อาเธอร์ เจ้าได้ข่าวเมย์แม่ของข้าบ้างหรือไม่ ก่อนหน้านี้เขาได้รู้ข่าวว่าเธอถูกขับไล่ออกมาจากปราสาทเซอร์เตสและมายังเมืองนี้ บอกตามตรงนี้คือเหตุผลที่ข้ากลับมาที่นี่" เมอร์ลินสับเปลี่ยนอารมณ์และพูดกับอาเธอร์อย่างจริงจัง
"จริงสิ! ข้านั้นลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปซะได้ ความจริงนี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าต้องการจะพูดคุยกับเจ้าก่อนหน้านี้” อาเธอร์ลูบต้นคอแล้วกล่าวออกมาอย่างสำนึกผิดและเอ่ยต่อ
“เมื่อสองปีก่อนเมย์ แม่ของเจ้านั้นถูกขับออกจากปราสาทตระกูลเซอร์เตส พูดตามตรงในครั้งที่เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้านั้นซึ้งในความมีน้ำใจของเจ้ามาก เมื่อข้ารู้เรื่องเมย์ ข้าจึงส่งคนไปรับแม่ของเจ้ากลับมาและข้าได้เล่าเรื่องราวของเจ้าให้เธอฟัง เมื่อได้ฟังเรื่องของเจ้าเธอนั้นเสียใจเป็นอย่างมาก”
อาเธอร์ถอนหายใจออกมาและพูดต่อ “ว่าแต่เจ้าต้องการไปหาแม่ของเจ้าตอนนี้เลยหรือไม่"
เมอร์ลินนิ่งไปพักหนึ่งและพูดขึ้นมาว่า "ได้ ข้าต้องการไปตอนนี้"
อาเธอร์ยิ้มแล้วเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ของเมอร์ลิน
"งั้นข้าจะพาเจ้าไปเอง เธอพักอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มาก รอสักครู่ข้าต้องไปลาท่านอาจารย์เสียก่อน"
อาเธอร์ลุกขึ้นและเดินไปที่บ้านของเอริก เขานั้นใช้เวลาไม่นานนักกับการกล่าวลา เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ข้าลาท่านอาจารย์เรียบร้อยแล้ว เราไปกันเถอะ”
อาเธอร์และเมอร์ลินเดินออกจากบ้านของเอริกอย่างไม่รีบเร่ง มันเป็นความต้องการของเมอร์ลิน
เรื่องของเมย์นั้นดูไม่ใช่ปัญหาที่รีบร้อนสำหรับเมอร์ลิน เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าในตอนนี้เมย์ได้พักอาศัยอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไม่แน่ว่าตั้งแต่เธออาศัยอยู่ในเมืองไพรีอัสแห่งนี้อาจจะมีความสุขมากกว่าอยู่ปราสาทของตระกูลเซอร์เตสเสียอีก
เมย์คือหญิงสาวที่อยู่ในวัยสามสิบต้นๆ เธอนั้นเป็นคนที่มีใบหน้าที่สวยงาม
เมอร์ลินนั้นเคยเจอเมย์เพียงครั้งเดียวนั่นคือครั้งแรกที่เขาได้มายังดินแดนแห่งนี้ แม้เขาจะมีช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับเมย์ไม่นาน แต่ความสัมพันธ์ของเขากับเมย์นั้นก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจ
มันคือครั้งแรกที่เด็กกำพร้าเช่นเขาได้มีความสุขของการมีแม่
ระหว่างทางเมอร์ลินได้แต่ครุ่นคิดเรื่องของเมย์ เขานั้นได้ตอบรับคำถามของอาเธอร์บ้างเป็นบางคำ
จนไม่นานนักพวกเขาทั้งสองคนก็มาถึงจุดหมาย
เบื้องหน้าของเมอร์ลินคือบ้านไม้หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเล็กน้อย โดยรอบบริเวณของบ้านหลังนี้มีพื้นที่เป็นไร่สวน รอบๆ บริเวณของบ้านหลังนี้มีรั้วเล็กๆ กั้นอยู่
"ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้" อาเธอร์บอกกับเมอร์ลิน
เมอร์ลินตอบรับด้วยการพยักหน้าและเดินเข้าไปในบริเวณบ้านหลังนั้น
บ้านหลังนี้มีรั้วเตี้ยๆ ตั้งอยู่โดยรอบ รั้วเล็กๆ นี้ไม่สามารถขวางกั้นอะไรได้เลย มันมีไว้เพียงแสดงอาณาเขตเท่านั้น ซึ่งการกั้นรั้วแบบนี้เป็นที่นิยมมากของชาวบ้านแถวนี้ เพราะเมืองนี้มีดยุกโควผู้ทรงธรรมปกครอง เรื่องของโจรขโมยจึงหาได้น้อย ไม่มีใครกล้าที่จะก่อความวุ่นวายในเมืองนี้
เมอร์ลินเดินลัดเลาะไปตามทางเดิน พื้นที่ของบ้านนั้นมีต้นไม้อยู่มาก เขานั้นเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าที่คุ้นเคย
ถูกต้องแล้วเธอคนนี้คือเมย์ มารดาของเด็กน้อยในร่างนี้
หญิงสาวหยิบผ้าออกจากตะกร้าและกำลังสะบัดมันเพื่อนำไปตากบนราว เธอตากเสื้อด้วยนั้นเขาไว้กับราวที่ทำด้วยกิ่งไม้ที่ปักลงดิน แสงแดดที่สาดส่องกระทบกับใบหน้าของเธอ ยิ่งทำให้เธอเป็นหญิงสาวที่น่ามอง
ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน ความรู้สึกของเมอร์ลินในตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น หัวใจของเขากำลังเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมอร์ลินสามารถพูดได้ว่าเมย์นั้นไม่ใช่หญิงสาวที่เขาเสน่ห์หา แต่อาการตื่นเต้นทั้งหมดนั้นเกิดจากหัวใจของร่างที่เขาอาศัยอยู่นี้ ความรู้สึกและอาการทั้งหมดนี้เขาไม่สามารถควบคุมมันได้
แต่แล้วทันใดนั้นเองเมอร์ลินก็ตื่นจากภวังค์ เมื่อได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งกำลังเรียกชื่อของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
"เมย์"
Thank you