เซียนจอมเวทย์ Deva Wizard
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ แฟนตาซี Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : ท่านโซ
My.iD :
https://my.dek-d.com/TanSoSoDa/writer/
ตอนที่ 89 : ภาค 2 ตอนที่ 15 พิธีกรรมสลักวิญญาณ
เมื่อสัมผัสกับความขุ่นมัว เมอร์ลินตีสีหน้ารนรานและเอ่ย
“ขออภัย ขออภัยให้ข้าด้วย หากคำพูดของข้านั้นทำให้ท่านรู้สึกขุ่นเคืองใจโปรดให้อภัยแก่ข้า ที่ข้าพูดมาทั้งหมดนั้นเพราะหวังดีแก่ท่าน หากท่านรู้สึกเบื่อหน่ายกับสถานที่แห่งนี้ ตัวตนของข้านั้นมีวิธีที่สามารถช่วยเหลือท่านได้เล็กน้อย”
คิ้วของซามัวขมวดจนเห็นร่องลึก สายตาและการแสดงออกของเธอเกิดความไหววูบช่วงหนึ่ง
ต้องยอมรับว่าคำพูดของเมอร์ลินนั้นได้ทำให้ซามัวเกิดความสนใจ
ความรู้สึกขุ่นมัวของซามัวนั้นอ่อนลง บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนกลับมาเบาบางอีกครั้ง
“เจ้ามีวิธี?”
สายตาของซามัวนั้นอ่อนโยนมายิ่งขึ้นนั่นจึงทำให้เมอร์ลินยิ้มและเอ่ยต่อ
“ถูกต้องแล้ว ข้ามีวิธีที่จะทำให้ท่านออกไปเห็นโลกภายนอกได้ เพียงแต่ว่า ...” เมอร์ลินแสร้งกล่าวอย่างลังเล ทำให้ซามัวเกิดความรู้สึกร้อนใจ
“เพียงแต่อะไร” ซามัวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน เธอต้องการทราบวิธีของเด็กน้อย
“เพียงแต่วิธีนี้จำทะให้ท่านสูญเสียพลังไปบางส่วน มันอาจจะเทียบเท่ากับ 1 ใน 10 ส่วนของพลังที่ท่านมี” เมอร์ลินแสร้งกล่าวอย่างอึดอัดใจ เขาค่อยๆ ดำเนินการตามแผนของเขาอย่างแนบเนียน
“บังอาจ!” ซามัวตะโกนออกมาอย่างรุนแรง
คำพูดของเมอร์ลินนั้นทำให้เธอไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ความโกรธปะทุขึ้นในสายตา
เด็กน้อยคนนี้กำลังล้อเล่นกับเธอ การสูญเสียพลังนั้นไม่ใช่ที่จะนำเรื่องล้อเล่นได้
“ท่านซามัวโปรดสงบอารมณ์ของท่านก่อน วิธีที่ข้าจะเสนอให้ท่านนั้นคือวิธีของผู้ใช้อักขระ แน่นอนว่าตัวตนเช่นข้านั้นไม่สามารถพาท่านออกไปจากที่นี่ได้ แต่หากพาส่วนหนึ่งของท่านออกไปนั่นนับว่าไม่ใช่ปัญหา” เมอร์ลินอธิบายออกมาอย่างใจเย็น ตอนนี้เขากำลังเล่นกับไฟ
ซามัวนั้นคือตัวตนใดกัน? ทำไมเขาจะไม่รู้ หากทำให้ซามัวรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาแน่นอนว่าเขานั้นเสี่ยงที่จะกลายเป็นกองเลือดอันน่าอนาถา แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าแผนการของเขาจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
“วิธีของผู้ใช้อักขระนั้นเรียกว่า การสลักจิตวิญญาณ” เมอร์ลินหยุดครู่หนึ่งและเอ่ยต่อ
“การสลักจิตวิญญาณนั้นคือการนำส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณไปผูกไว้กับอีกที่หนึ่ง มันมีผลทำให้ท่านสามารถรับรู้ตัวตนในสองสถานที่ได้ในเวลาเดียวกัน กล่าวคือมันเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้ท่านมีสองร่างแยก”
“การจะนำท่านออกไปจากเทือกเขาแห่งนี้ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่หากจะนำส่วนหนึ่งของท่านออกไป สิ่งนี้นั้นพอที่จะทำได้”
“การนำส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณมาสลักไว้ในตัวข้านั้นจะทำให้ท่านสูญเสีย 1 ใน 10 ของพลังที่ท่านมี แน่นอนว่าพลังส่วนหนึ่งนั้นจะมาอยู่ที่ร่างกายของข้า แต่การกระทำนี้ก็มีความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน จิตวิญญาณที่มีความแข็งแกร่งมากเกินไปนั้นวิธีนี้อาจทำให้ข้าถูกท่านยึดครองร่างได้”
“หากท่านพูดว่าการสูญเสียพลังนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ แต่ท่านก็อย่าลืมว่าตัวข้าเองนั้นก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน”
จบคำกล่าวของเมอร์ลิน ซามัวก็สงบนิ่ง ดวงตาของเธอนั้นเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งเมอร์ลินไม่อาจมองเห็นความคิดนั้น
ซามัวกำลังใช้ความคิด ในมือกำลังลูบคลำจิตเวทย์ระดับ 9 ได้มาจากกะโหลกทมิฬ
เมอร์ลินมองจิตเวทย์ระดับ 9 ด้วยความรู้สึกอิจฉา หากเขาได้จิตเวทย์ก้อนนั้นมา มันจะสร้างประโยชน์กับการบ่มเพาะพลังของเขาเป็นอย่างมาก
จิตเวทย์ระดับ 9 นั้นเต็มไปด้วยพลังด้านลบ พื้นฐานของมันนั้นมาจากธาตุมืด หากเมอร์ลินได้ใช้จิตเวทย์ก้อนในในการบ่มเพาะ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะบ่มเพาะต้นอ่อนธาตุมืดขึ้นมาได้เป็นแน่
แต่เมื่อมันอยู่ในมือของซามัว ต่อให้เขามีอีกกี่ชีวิต เขาก็ไม่สามารถชิงมันมาจากซามัวได้ เขาจึงต้องตัดใจจากจิตเวทย์ก้อนนั้นด้วยความรู้สึกเสียดาย
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ในตอนนั้นเองแววตาของซามัวปรากฏประกายอันไหววูบ
ดูเหมือนว่าเธอจะตัดสินใจได้แล้ว
“ตกลง ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง แต่ว่า...” ซามัวกล่าวและยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
“ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้าเล่นกับตุกติกกับข้า ข้าจะบดขยี้เข้าให้ยิ่งกว่ากะโหลกทมิฬ จงอย่า...คิดล้อเล่นกับข้า” ซามัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่น่าสะพรึงกลัว คำข่มขู่ของเธอนั้นทำให้เมอร์ลินถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นออกมา
พลังของซามัวกับเมอร์ลินในตอนนี้นั้นมีช่องว่างที่ห่างกันเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าข่มขู่ของเธอนั้นมีผลต่อเมอร์ลิน
เมอร์ลินนั้นยิ้มออกมาอย่างใจดีสู้เสือ หากไม่เข้าถ้ำเสือ มีหรือเขาจะได้ลูกเสือกลับมา
การลงทุนในครั้งนี้เขามีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาจะต้องได้ประโยชน์กลับมาให้คุ้มกับความเสี่ยงที่เขาได้เดิมพันกับมัน
พลัง 1 ใน 10 ของซามัวนั้นไม่ใช่พลังที่เล็กน้อย ตัวตนของซามัวนั้นอาจมีพลังเทียบเท่ากับมหาจอมเวทย์ระดับกลางหรือระดับสูง
เมื่อได้ครอบครองพลัง 1 ใน 10 นี้มา แน่นอนว่าการทะลวงระดับจอมเวทย์ของเมอร์ลินนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างมาก เผลอๆ เขาอาจทะลวงระดับไปถึง 2 หรือ 3 วงเวทย์บ่มเพาะเลยก็ว่าได้
จอมเวทย์หนึ่งวงเวทย์นั้นมีอยู่มากในหมู่จอมเวทย์ แต่จอมเวทย์สองวงเวทย์ขึ้นไปนั้นหาได้น้อยมาก
หากแผนการนี้สำเป็นไปได้ด้วยดีนั่นนับว่าเป็นโชคที่ยอดเยี่ยมของเมอร์ลิน
“แน่นอนว่าข้าย่อมไม่กล้าที่จะล้อเล่นกับท่าน โปรดวางใจข้าจะช่วยท่านในเรื่องนี้” เมอร์ลินกล่าวอย่างนอบน้อม
ซามัวมองมนุษย์ตัวน้อยนั้นด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ท่าทางของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสง่าและสูงส่ง
หากเด็กคนนี้กล้าที่จะกระตุกหนวดเสือของเธอ เธอก็จะขย้ำอย่างไม่ปรานี
การสูญเสียพลัง 1 ใน 10 ส่วนนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ดีที่เธอได้จิตเวทย์ระดับ 9 ก้อนนี้มา แน่นอนว่ามันเพียงพอที่จะเติมเต็มพลังที่สูญเสีย นั่นจึงนับว่าการแบ่งพลังนั้นไม่ส่งผลต่อเธอมากนัก
การสูญเสียพลังเล็กน้อยเพื่อแลกกับการออกไปดูโลกภายนอกนั้นย่อมนับว่าคุ้มค่า มันจึงไม่มีเหตุผลที่เธอจะปฏิเสธข้อเสนอของมนุษย์น้อยคนนี้
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็เริ่มได้เลย” ซามัวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจ
เมอร์ลินไม่ได้ตอบในทันที เขานั้นแสดงท่าทีที่อึกอักก่อนจะเอ่ย
“ท่านซามัว ข้าเกรงว่าตอนนี้จะยังทำเช่นนั้นไมได้ เพราะการต่อสู้กับกะโหลกทมิฬนั้นทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บ มันจะไม่เป็นผลดีหากข้ายังอยู่ในสภาพนี้ระหว่างทำพิธี โอกาสที่พิธีจะผิดพลาดนั้นอาจมีสูงมาก” เมอร์ลินรีบแจ้งแก่ซามัว เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงแค่สามารถพูดคุยกับซามัวได้นั้นก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
ซามัวมองเมอร์ลินอย่างเย็นชาและเอ่ย
“เหอะ เรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า อาการของเจ้านั้นไม่ใช่ปัญหา” ซามัวกล่าวออกมาอย่างเย่อหยิ่ง
แต่คำกล่าวของซามัวนั้นถือว่าไม่เกินจริงนัก เพียงมือขาวนั้นสะบัดออกไป เถาวัลย์ประหลาดอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่เถาวัลย์โบราณก็โผล่ขึ้นจากพื้นดินอย่างฉับพลัน
เถาวัลย์ประหลาดนั้นเลื้อยและโอบล้อมร่างของเมอร์ลินเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เถาวัลย์เหล่านี้เปล่งประกายไปด้วยกลิ่นอายธรรมชาติ อำนาจธาตุไม้มหาศาลแผ่ออกมาอย่างน่าสะพรึง
เมอร์ลินไม่ได้ต่อต้านอำนาจของซามัว เขามั่นใจว่าเถาวัลย์ชนิดนี้จะไม่ทำอันตรายต่อเขา
พริบตาเดียวเถาวัลย์เหล่านั้นก็ปรากฏดอกไม้เบ่งบาน ทันทีที่มันเบ่งบานอำนาจที่ไร้รูปรอยก็แข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัว อำนาจเหล่านั้นทำให้ดอกไม้หลากสีสันเหล่านี้ปลดปล่อยละอองเกสรที่ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นออกมา
ทันทีที่ละอองเกสรเหล่านั้นสัมผัสกับร่างของเมอร์ลิน บาดแผลทั้งหมดก็ถูกรักษาอย่างรวดเร็ว บาดแผลต่างๆ หดตัวและสมานเข้ากันอย่างน่าอัศจรรย์ พลังของการรักษานั้นทำให้ร่างกายของเมอร์ลินกลับมาเป็นเหมือนเดิมราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน
ไม่เพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น แม้แต่อาการบาดเจ็บภายในที่เมอร์ลินก็ยังรู้สึกได้ว่ามันถูกรักษาได้อย่างหมดจด อาการบาดเจ็บทั้งหลายล้วนถูกพลังของซามัวรักษาจนหายเป็นปลิดทิ้ง
มันคือมหาเวทย์รักษา หนึ่งในเวทมนต์บทหนึ่งของซามัว
พลังธาตุไม้ของซามัวนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งกับการใช้เวทย์รักษา แน่นอนว่าเธอจะต้องบ่มเพาะต้นอ่อนธาตุไม้จนถึงระดับสูงสุด พลังในการรักษาของเธอจึงได้มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
เมอร์ลินเองก็บ่มเพาะต้นอ่อนธาตุลม แต่การบ่มเพาะธาตุลมของเขานั้นยังไม่ได้เข้าถึงระดับสูงสุด ภายในจักรวาลหัวใจของเขานั้นยังบ่มเพาะได้แค่ต้นไม้ธาตุลมที่มีขนาดเล็กต้นหนึ่งเท่านั้น
การที่ซามัวเป็นตัวตนที่อยู่มาถึงสองพันปี แน่นอนว่าต้นอ่อนธาตุไม้ของเธอจะต้องยิ่งใหญ่เหนือจิตนาการ
ภายในใจของเมอร์ลินเกิดความรู้สึกทั้งนับถือและอิจฉาไปพร้อมๆ กัน
เมื่ออาการบาดเจ็บทั้งหมดถูกรักษา เมอร์ลินก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม
“ขอบคุณท่านซามัว” เมอร์ลินเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อม
ตั้งแต่ต้นจนจบ เมอร์ลินพยายามที่จะรักษากิริยานี้ของเขาเอาไว้ เพราะหากซามัวไม่พอใจ เพียงเธอขยับนิ้วมือของเธอเพียงเล็กน้อยก็สามารถฆ่าเขาได้แล้ว
ซามัวส่งสายตาประกายเย็นวาบออกมา สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และไม่เอ่ยคำได้ออกมา
“เมื่ออาการบาดเจ็บของข้าถูกรักษาแล้ว เช่นนี้ข้าขอเวลาสักครู่ในการวาดวงเวทย์เพื่อทำพิธี” เมอร์ลินกล่าวอย่างใจเย็น ใบหน้าของเขายังคงระบายไปด้วยรอยยิ้ม
“อืม ...” ซามัวคำรามเสียงต่ำ
เมื่อเห็นดังนั้นเมอร์ลินจึงรีบลงมือวาดเวทย์ในทันที
กระบวนการวาดวงเวทย์นั้นถูกดำเนินการอย่างเรียบง่ายและใจเย็น เมอร์ลินค่อยๆ สะบัดปลายนิ้ววาดผ่านอากาศ เส้นแสงสีเขียวปรากฏขึ้นในตำแหน่งที่ถูกต้องและแม่นยำ
พิธีกรรมนี้เมอร์ลินเคยอ่านเจอในหนังสือที่เขาแอบบันทึกไว้ บวกกับสารานุกรมเลเมเกทันที่มีรูปแบบของวงเวทย์จำนวนมาก ทำให้เมอร์ลินสามารถสร้างพิธีกรรมนี้ขึ้นมาได้
ภายใต้ขอบเขตความเข้าใจของผู้ใช้อักขระขั้นสีเขียวนั้นทำให้เมอร์ลินทำงานได้อย่างราบรื่น มือเล็กนั้นสะบัดวาดผ่านอากาศอย่างคล่องแคล่ว ทุกๆ การกระทำของเมอร์ลินนั้นไหลลื่นราวกับสายน้ำ ความชำนาญของการวาดวงเวทย์ของเขานั้นแสดงผลถึงขีดสุด
วงเวทย์จำนวนมาถึงรังสรรค์ออกมาจากความว่างเปล่า ล่องลอยและแผ่อำนาจที่ทรงพลังออกมา
นอกจากวงเวทย์แล้วยังมีอักขระเวทย์นับไม่ถ้วนที่ถูกสร้างขึ้นมาร้อยเรียงหลายเส้นวิถี
ซามัวจ้องมองและจับตาดูทุกวิธีการของเมอร์ลิน แม้ว่าวงเวทย์และอักขระเวทย์เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เธอไม่เข้าใจแต่เธอก็ยังจะดูมัน
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่เกือบชั่วโมง ในที่สุดกระบวนการสร้างวงเวทย์และอักขระเวทย์ในพิธีกรรมนี้ก็เสร็จสิ้น
วงเวทย์และอักขระเวทย์ปรากฏขึ้นกลางอากาศเรียงรายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
วงเวทย์และอักขระเวทย์แต่ละวิถีนั้นเปล่งประกายอำนาจในลักษณะที่แตกต่างกัน แต่ด้วยการจัดเรียงที่เยี่ยมยอดและแม่นยำของเมอร์ลิน นั่นจึงทำให้วงเวทย์และอักขระเวทย์หลายวิถีเหล่านั้นถูกประสานและกลมกลืน จนส่งกลิ่นอายพลังที่ทรงอำนาจออกมา
ภาพเบื้องหน้าคือภาพของวงเวทย์นับไม่ถ้วนที่ปรากฏขึ้นอย่างสลับซับซ้อน มันมีมากมายเหนือคณา ความซับซ้อนและความยุ่งเหยินของมันนั้นมีมากยิ่งกว่ากลไกของนาฬิกา
แต่ด้วยอำนาจของดวงตาเลเมเกทันจึงทำให้เมอร์ลินจัดเรียงวงเวทย์และอักขระเวทย์ต่างๆ เหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ
เมื่อทำการวางวงเวทย์และอักขระเวทย์แต่ละวิถีอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ที่ถูกต้อง กลไกการทำงานก็เริ่มเชื่อมต่อกันเป็นรูปร่าง วงเวทย์มากมายโคจรและเปล่งพลังที่ทรงอำนาจออกมากลางอากาศ
เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของพิธีสร้างวงเวทย์สลักวิญญาณ
ทันทีที่วงเวทย์วงสุดท้ายถูกจัดในตำแหน่งที่ถูกต้องและแม่นยำ วงเวทย์สลักวิญญาณก็โคจรอย่างเต็มอำนาจ ละอองแสงสีทองปรากฏออกมาด้วยอำนาจของวงเวทย์สลักวิญญาณอย่างน่าตื่นตา
ละอองแสงสีทองที่เปล่งประกายนั้นสร้างภาพที่สวยงามราวกับเป็นพื้นที่ของสรวงสวรรค์ ละอองสีทองเหล่านี้แผ่พลังชีวิตออกมาจนทั้งซามัวและเมอร์ลินอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
“เชิญท่านซามัวไปยืนที่วงเวทย์ชั้นที่ 9 ” เมอร์ลินกล่าวพร้อมกับผายมือเชิญซามัวเข้ามาอยู่ในใจกลางของวงเวทย์
พื้นที่เหล่านั้นเป็นพื้นที่ยกระดับโดยวงเวทย์ 9 ชั้น อีกทั้งยังมีวงเวทย์ซับซ้อนขนาดใหญ่อีก 32 วงและอักขระเวทย์อีกเกือบพันวิถีล้อมรอบอยู่
ซามัวลอยเข้าไปในใจกลางของวงเวทย์ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เธอได้ทำการตรวจสอบอำนาจของวงเวทย์นี้บ้างแล้วและเธอแน่ใจว่าอำนาจของวงเวทย์เหล่านี้นั้นไม่สามารถคุกคามเธอได้อย่างแน่นอน เธอจึงปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย
เมื่อเห็นซามัวไปอยู่ในตำแหน่งที่เตรียมไว้ เมอร์ลินจึงเดินเข้าไปยังใต้ฐานของวงเวทย์ 9 ชั้น
“ทำใจให้สบายอย่าต่อต้านความรู้สึก ข้าจะเริ่มพิธีแล้ว” เมอร์ลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย
เมื่อเห็นว่าซามัวนั้นไม่ตอบรับ เมอร์ลินก็เข้าใจว่าเธอนั้นตกลง
แน่นอนว่าหากซามัวไม่ยินยอม เพียงแค่เธอสะบัดมือเล็กน้อยวงเวทย์ที่สร้างมาทั้งหมดก็ถูกทำลายได้แล้ว
เมอร์ลินจึงเริ่มพิธีในทันที มือเล็กสะบัดผ่านอากาศ เส้นใยพลังเวทย์จำนวนมากพุ่งออกไปอย่างแม่นยำ
วงเวทย์เล็กๆ นับไม่ถ้วนปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า วงเวทย์เหล่านี้คือกุญแจของการสลักวิญญาณ
พิธีกรรมนี้ยากที่จะพบเห็นในยุคนี้ มันคือศาสตร์ชั้นสูงของผู้ใช้อักขระ กระทั่งผู้ใช้อักขระขั้นสีเขียวบางคนก็ใช่ว่าจะทำพิธีกรรมนี้ได้
เมอร์ลินกำลังสลักวิญญาณของซามัวไว้กับร่างของตัวเอง วิธีการนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นมันก็ยังให้ผลประโยชน์ที่คุ้มค่า พลัง 1 ใน 10 ของซามัวนั้นเป็นสิ่งล่อใจ หากเขาทำสำเร็จการควบรวบวงเวทย์บ่มเพาะย่อมเป็นสิ่งที่ง่ายดาย พลังของเขาอาจจะทะลวงไปถึงจอมเวทย์สองหรือสามวงเวทย์ก็เป็นได้
ทั้งนี้ตามข้อมูลที่ได้รับมาจากสารานุกรมเลเมเกทัน การสลักวิญญาณเข้ากับร่างกายนั้นนอกเหนือจากการได้รับพลัง 1 ใน 10 ของร่างต้นแล้ว ผู้ที่ถูกสลักวิญญาณยังมีโอกาสได้รับความสามารถพิเศษของร่างต้นอีกด้วย
เมอร์ลินมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะได้รับพลังการรักษาที่โชติช่วงเป็นอย่างมากของซามัว เพราะในอนาคตพลังนี้อาจช่วยเหลือเขาได้มาก แต่ยังไงเสียซามัวเป็นถึงสัตว์อสูรระดับ 9 ความสามารถที่จะได้รับมานั้นย่อมต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เมอร์ลินหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะได้รับความสามารถดีๆ มาสักหนึ่งอย่าง
วงเวทย์มากมายล่องลอยและประสานงานควบรวมเข้ากับวงเวทย์ตั้งต้นทั้ง 9 ชั้น
ทันทีที่ทำการประสานงานเสร็จสมบูรณ์ วงเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 9 ชั้นนั้นก็เริ่มทำงาน กระแสพลังเวทย์ค่อยๆ เริ่มหลั่งไหลและโคจรไปรอบๆ กลิ่นอายพลังเวทย์ที่ลี้ลับเอ่อล้นทะลักออกมาอย่างน่าอัศจรรย์
วงเวทย์แต่ละวงเริ่มที่จะเปล่งอำนาจออกมาเรื่อยๆ อากาศทั้งหมดกลายเป็นสั่นสะเทือน พลังเวทย์ในอากาศเคลื่อนไหวอย่างปั่นป่วน พลังเวทย์โคจรจากวงเวทย์หนึ่งไปอย่างอีกวงเวทย์หนึ่งอย่างลื่นไหล
อักขระนับพันวิถีเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำ เปล่งประกายอำนาจกดขี่ทุกสรรพสิ่งออกมา
ทันใดนั้นเองอักขระเวทย์นับพันวิถีก็พุ่งเข้าสู่ร่างของซามัว ละอองสีทองเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง
พลังมหาศาลไหลทะลักเข้าสู่จิตวิญญาณของซามัว วิถีที่บ้าคลั่งนั้นถูกกลั่นและทำให้จิตวิญญาณของซามัวสั่นสะท้าน วินาทีนั้นเอง ซามัวรู้สึกเหมือนวิญญาณของตนกำลังหลุดลอยออกมา
เศษเสี้ยวหนึ่งของจิตวิญญาณถูกอักขระเวทย์นับพันวิถีตัดขาด เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณซามัวถูกทำให้ขาดออกจากัน วงเวทย์เปล่งพลังรักษารูปร่างของจิตวิญญาณ วิญญาณของซามัวถูกรักษาอย่างสมบูรณ์
เมอร์ลินสะบัดมือครั้งหนึ่ง เศษเสี้ยววิญญาณของซามัวก็ถูกดึงลงมา
เศษเสี้ยววิญญาณนั้นถูกห่อหุ้มด้วยละอองเวทย์สีทอง มันเคลื่อนผ่านวงเวทย์ในแต่ละชั้นอย่างต่อเนื่อง
ทุกครั้งที่เศษเสี้ยววิญญาณผ่านวงเวทย์ในแต่ละชั้น วงเวทย์ทั้ง 9 นั้นจะทำการสลักวงเวทย์สีทองไว้ในเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ เมื่อเศษเสี้ยววิญญาณผ่านมาถึงชั้นสุดท้าย มันก็ปรากฏวงเวทย์สีทองทั้ง 9 สลักตรึงไว้ในวิญญาณ
เศษเสี้ยววิญญาณถูกกลั่นกรองและสลักวงเวทย์อย่างสมบูรณ์
ในตอนนั้นเองเศษเสี้ยววิญญาณก็พุ่งเข้าสู่ร่างของเมอร์ลินที่อยู่ใต้ฐานของวงเวทย์
ฮวง!
เศษเสี้ยววิญญาณของซามัวถูกร่างของเมอร์ลินดึงดูและควบรวมเข้ากับจิตวิญญาณ ทันใดนั้นเองร่างของเมอร์ลินก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
พลังเวทย์มหาศาลสั่นสะเทือนฟ้าดินพรั่งพรูในจักรวาลหัวใจ
วงเวทย์บ่มเพาะสีขาวทั้งห้าโคจรอย่างบ้าคลั่งปะทะลำแสงเจิดจ้าส่องสว่างอยู่กลางจักรวาลหัวใจ
เมอร์ลินนั่งสมาธิเหมือนดั่งปลายดาบ แสงสีขาวห่อหุ้มร่างของเขาอย่างสลัว พลังมหาศาลปะทุออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ระยะเวลาผ่านไปครู่หนึ่งพลังเวทย์มหาศาลก็ถูกควบแน่นเป็นสีเงิน วงเวทย์บ่มเพาะสีขาวทั้งห้าถูกควบรวมอย่างสมบูรณ์ แสงสีเงินแผ่ไปทั่งทั้งอากาศ
วงเวทย์สีเงินบังเกิดขึ้นมาใหม่หนึ่งวงในจักรวาลหัวใจของเมอร์ลิน
เมอร์ลินเข้าไปสำรวจวงเวทย์สีเงินวงนั้น เขาพบว่านอกจากวงเวทย์สีเงินที่ปรากฏขึ้นแล้ว พลังเวทย์ในจักรวาลหัวใจของเขาก็ยังอัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์ที่มีอย่างมหาศาล พลังเวทย์เหล่านี้น่าจะเพียงพอที่จะกลั่นวงเวทย์สีเงินขึ้นมาใหม่หนึ่งหรือสองวงเวทย์
นอกจากนี้ต้นไม้ธาตุลมในจักรวาลหัวใจของเมอร์ลินก็ยังเติบโตขึ้นด้วย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการเจริญเติบโตที่เล็กน้อยแต่นั่นก็สร้างความพึงพอใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก
พลัง 1 ใน 10 ของซามัวนั้นช่างมหาศาล ผลลัพธ์ในแผนการของเมอร์ลินในครั้งนี้เป็นประโยชน์ที่ยอดเยี่ยม
เมอร์ลินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่มีความสุข
กลับกันเมื่อซามัวลืมตาขึ้นมาหลังจากการทำพิธีสลักวิญญาณ แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เมื่อเธอพบว่าพลังของเธอนั้นได้หายไป 1 ใน 10 ส่วนตามที่มนุษย์น้อยผู้นั้นได้กล่าวไว้ แต่เธอกลับไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นดังที่กล่าวอ้าง
หลอกลวง!
เจ้าเด็กนี่กล้าหลอกลวงเธอ มันกล้าฉกชิงพลัง 1 ใน 10 ส่วนของเธอไป
ตูม!
“เจ้ากล้าหลอกลวงข้า” ซามัวระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างไม่พอใจ
แรงกดดันพลังเวทย์ปะทุออกมาอย่างมหาศาล แผ่พลังเวทย์ที่น่ากลัวทำให้ผู้คนแทบจะหายใจไม่ออก
แม้เมอร์ลินจะอยู่ในขั้นจอมเวทย์แล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกชูชันไปทั้งร่าง แรงกดดันพลังเวทย์นี้ทำให้เกิดความรู้สึกหนักอึ้งราวกับมีแผ่นหินกดทับหน้าอก
ด้วยพลังของซามัว แม้ว่าเมอร์ลินจะเป็นจอมเวทย์แต่เขาก็ไม่อยู่ในสายตาของเธออยู่ดี
เมอร์ลินต้านทานแรงกดดันพลังเวทย์ของซามัวอย่างยากลำบาก เส้นเลือดบนหน้าผากผุดออกมาเป็นเส้นๆ
“ช้าก่อนท่านซามัว ไม่ทราบว่าท่านกำลังขุ่นเคืองในเรื่องใด” เมอร์ลินกล่าวด้วยความรู้สึกกดดัน
“เจ้าหลอกลวงข้า!” ซามัวกล่าวอย่างมีอารมณ์
เสียงของซามัวนั้นเต็มไปด้วยพลังเวทย์ที่ร้ายกาจ เสียงนั้นทะลุทะลวงผ่านอากาศ กระทั่งทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน หูของเมอร์ลินถูกสะเทือนจนเกิดเสียงอื้ออึง จนอดที่จะรู้สึกวิงเวียนมึนอยู่ในหัวไม่ได้
Thank you