ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MR. IM💋 (BNIOR FEAT. JACKJAE/MARKBAM)

    ลำดับตอนที่ #17 : You’re my iron man (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.8K
      495
      8 พ.ย. 62

    Chapter 15

    You’re my iron man






              ถ้าถามว่าเตรียมการครั้งนี้ใช้เวลาเท่าไหร่ก็ประมาณหนึ่งอาทิตย์เขาโทรไปปรึกษามาร์คและแจ็คสันเรื่องที่จะขอจินยองนั้นแต่งงาน แหวนเกลี้ยงเกลาบนนิ้วนางที่สลักไว้บนแหวนว่า J&J เป็นดินเนอร์อันแสนหวานที่เขาตั้งใจทำเพื่อว่าที่ภรรยาของเขาโดยเฉพาะเขาให้พนักงานในร้านถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกของพวกเขาทั้งสองคนส่วนยัยพี่คนโตลูกสาวของเขาก็เขินใหญ่ อิม เฮนานั้นดีใจไม่น้อยในที่สุดจินยองก็จะมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเธอสักที อีกไม่นานก็จะไม่เหงาแล้วเพราะว่าน้องตั้งสามคนกำลังจะออกมาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนนี้ 

    มื้อดินเนอร์อันแสนหวานได้จบลงแต่ชีวิตสามีภรรยาของเขาและจินยองกำลังจะเริ่มขึ้น เขาเป็นคุณพ่อลูกสี่ ในอีกไม่นานนี้ เสียงเพลงภายในรถโอบล้อมไปด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรัก ระยะเวลาที่ไม่นานไม่ได้มีผลต่อความสัมพันธ์แม้ว่าจะเจอกันและคบหากันเพียงน้อยนิดก็ไม่ได้ว่าการันตีจะไม่รัก ขนาดคนที่คบกันมาสิบปียังเลิกรากันนับไม่ถ้วน มันอยู่ที่ว่าความรู้สึกของคนสองคนที่มีให้กันมากกว่า อิม แจบอมขับรถไปตามถนนเรื่อยๆ โดยมีมืออีกข้างกุมมือว่าที่ภรรยาอยู่ด้านข้าง

    เวลาผ่านไปรถยนต์ค่อยๆ เลี้ยวเข้ามาในบ้านหลังโตร่างหนาจอดอย่างนุ่มนวลเนื่องจากลูกสาวคนโตนั้นหลับไปแล้วเรียบร้อย ทั้งสองคนเดินเข้ามาในบ้านโดยแจบอมอุ้มเฮนาพาไปนอนที่ห้องของลูก คนในบ้านตอนนี้ต่างแยกย้ายกันไปนอน หลังจากที่แจบอมส่งลูกสาวเข้านอนก็ถึงเวลาที่จะส่งคุณว่าที่ศรีภรรยาเข้านอนแล้วเช่นกัน ร่างหนาเข้ามาในห้องก็เห็นว่าน้องกำลังจะไปอาบน้ำ

    “วันนี้ขออาบน้ำด้วยคนได้ไหมครับ”

    “ได้สิครับ แต่แค่อาบน้ำนะครับ” 

    ว้า มีคนรู้ทัน

    ภายในห้องน้ำร่างคนสองคนที่อยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่พอมีที่ว่างให้คนสองคนอยู่ด้วยกันได้อย่างสะดวก กลิ่นหอมของบับเบิ้ลฟองสบู่อบอวลเต็มห้อง มือหนากำลังลูบไล้ผิวเนียนของคนที่อยู่บนร่างของตัวเองโดยพิงกายเขาอยู่ จินยองยกแขนขึ้นมามองแหวนบนนิ้วพร้อมยิ้มละมุน

    “สวยจังครับ ผมชอบนะ”

    “มันเหมาะกับนาย” 

    จินยองเอี้ยวตัวมาหาคนโตตัวพร้อมประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากหนานุ่มของคนรัก มือหนาวางลงบนเอวที่หนาขึ้น ป้อนจูบให้อย่างไม่รู้จักอิ่ม ริมฝีปากค่อยเคลื่อนออกจากกันทั้งสองคนจ้องหน้ากัน 

    “รู้ใช่ไหมว่าถ้าทำแบบนี้พี่จะทนไม่ได้”

    “ก็ไม่ต้องทนสิครับ” ริมฝีปากสีพีชประทับลงบนอวัยวะเดียวกัน มือเรียวกุมใบหน้าคร้ามป้อนจูบแสนหวานเป็นจูบที่มีแต่คำขอบคุณที่รักเขา 








    เจอกันที่เดิม 




                   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จินยองขยับตัวลุกขึ้นมาริมฝีปากบางขบเม้มกันเพราะเจ็บสะโพกไม่น้อย ร่างเล็กแกะมือหนาออกจากเอว ร่างเล็กเปิดตู้เสื้อผ้าอย่างเบามือหยิบเชิ้ตสวมลวกๆ เดินไปรินน้ำใส่แก้วเขามองในห้องตอนนี้ยังไม่มีแสงสว่าง จินยองเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาเช้ามืด จินยองเลยกลับไปที่เตียงเพื่อนอนต่อมือเรียวคว้าโอบร่างหนาซุกศีรษะไว้ก่อนจะผล็อยหลับอีกครั้ง

                    จินยองขยับตัวเพราะรู้สึกมีอะไรยุกยิกอยู่ที่ต้นคอของเขา ร่างเล็กหรี่ตามองก็พบว่าคนตัวโตที่เมื่อคืนกินเขาจนอิ่มนั้นกลับมาคลอเคลียเขาอยู่แบบนั้น

                    “ว้า ตื่นแล้ว ป๊ากะจะลักหลับสักหน่อย”

                    “เมื่อคืนไม่พอหรือไงครับ”

                    “ไม่พอค่ะ พี่ชอบเวอร์ชั่นเราเมื่อคืนจัง ขี้ยั่ว” แจบอมจุ๊บริมฝีปากของภรรยา “อีกรอบไหมคะ”

                    “นี่แหนะ” ฝ่ามือตีเข้าที่ต้นแขนแกร่งเต็มแรง “พอแล้วครับ อีกประมาณสัปดาห์หน้าไปตรวจสุขภาพ พี่จะไปกับผมไหม”

                    “ว่างสิ สำหรับจินยองกับลูกพี่ว่างให้เสมอครับ “ จินยองยิ้มกว้าง

                    “น่ารักที่สุด” ริมฝีปากหนางับปลายจมูกโด่งเชิงหยอก

                    “ไปอาบน้ำแล้วลงไปทานข้าวกันดีกว่า” แจบอมอุ้มคุณแม่ที่อวบลอยหวือขึ้นกลางอากาศหายเข้าไปในห้องน้ำ

                    ข่าววันนี้มาพร้อมกับข่าวดีของไฮโซหนุ่มนักธุรกิจเจ้าของสายการบินที่กำลังจะแต่งงานในไม่ช้านี้ นี่เป็นรูปที่มีคนไปเจอมา หวานซึ้งน่ารักมากค่าเสียงผู้รายงานข่าวบันเทิงประกาศข่าวต่อไป

                    จินยองที่กำลังนั่งทานข้าวก็รู้สึกขัดเขินเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะออกทีวีแต่ก็ไม่แปลกเพราะแจบอมใข่คนธรรมดาซะที่ไหน

                    “ก็ว่าเมื่อวานตอนเย็นหายไปไหน ไม่บอกแม่เลยนะตาแจบอมนี่”

                    “เซอร์ไพร์สไงครับ”

                    “แล้วจะให้แม่กับพ่อไปคุยกับผู้ใหญ่ทางน้องเมื่อไหร่”

                    “ก็อีกไม่นานครับ”

                    “หมั่นไส้ ดูทำหน้าเข้า ยิ้มจนปากจะถึงหูแล้วน่ะ”

                    คนโดนแซวก็ยิ้มใหญ่ ส่วนคนเขินก็เขินกันไป

                    อิม เยจีลุกออกไปจากโต๊ะอาหารไม่นานก็มาพร้อมกับกล่องกำมะยี่สีน้ำเงิน เธอยื่นกล่องใบนั้นวางไว้ตรงหน้าของเขา

                    “นี่เป็นสร้อยตระกูลอิมของเราค่ะ สืบทอดตั้งแต่ต้นตระกูลสมัยโชซอน เป็นสิ่งหมั้นที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น” เยจีมีรอยยิ้มบางๆ จินยองรับไว้และกล่าวขอบคุณ

                    “ขอบคุณมากๆ นะครับ”

                    “จ๊ะ ไว้ให้ลูกชายที่แต่งงานแล้วเท่านั้นนะ”

                    จินยองลองเปิดกล่องกำมะหยี่ดูก็พบว่าภายในกล่องเป็นสร้อยยกดูมีมูลค่าไม่น้อย จินยองปิดกล่องกำมะยี่นำมาถือไว้ หลังจากที่กินข้าวเสร็จจินยองฝากของให้คนพี่นำสร้อยนี้ไปเก็บไว้ใต้ลิ้นชักตรงโต๊ะเครื่องแป้ง

                    “พี่ผมฝากเอาไปเก็บหน่อยได้ไหมครับ ไม่อยากขึ้นบันได เหนื่อยง่ะ” จินยองลูบหน้าท้อง แล้วทำใบหน้าอ้อนพ่อแมว

                    “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวช่วงสายนี้ไปช็อปปิ้งซื้ออาหารแมวนะคะ”

                    “อ้าว แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานแล้วเหรอครับ”

                    “ไม่ครับ อยากอยู่กับลูกกับเมีย”

    ให้ตายสิ มีผู้บริหารแบบนี้พวกคนในบริษัทนินทาใหญ่แล้วม้างงงง

                    แจบอมหยิบกุญแจไขที่ช่องเก็บของเปิดลิ้นชักออกมาก็เห็นว่ามีกล่องเครื่องประดับที่เขาไม่เคยเห็นจินยองใส่เลยสักครั้ง ร่างหนาถือวิสาสะแกะดูก็พบกับสร้อยแขนพร้อมกับการ์ดใบเล็กที่หล่นออกมา

                    “ไอ้ฮยอนวู!!!!” คิดจะหลอยเมียกูหลับหลัง ไอ้เวร!



    .



    อิม แจบอมเก็บเครื่องประดับชิ้นนั้นแล้วพรุ่งนี้เขาจะเอามันส่งคืนเจ้าของไป ร่างหนาเดินลงมาหาจินยองและเฮนาข้างล่างกำลังนั่งดูละครโทรทัศน์กันอยู่

                    “เอาของไปเก็บแล้วเหรอครับ”

                    “เรียบร้อยแล้ว ไหนวันนี้เจ้าสามแฝดเป็นไงบ้าง รู้สึกแรงดิ้นหรือยัง”

                    “ยังเลยครับ จะห้าเดือนแล้ว”                                                                            

                    “สงสัยแกจะนอนอย่างเดียวละมั้ง” มือหนาวางลงบนหน้าท้องของน้อง “เฮนาขา ถ้าหมอนัดดูน้องไปด้วยกันไหมลูก” แจบอมหันมาถามเด็กน้อยที่มีมวสีส้มนอนอยู่บนตัก

                    “ไปค่า น้องอยากเห็นน้องตัวน้อยๆ ทั้งสาม”

                    เวลาผ่านไปหลายวันก็ถึงวันที่หมอนัดตรวจครรภ์ของสัปดาห์ที่ 19 จินยอง แจบอมและเฮนาพากันตื่นแต่เช้าเพื่อไปตามที่หมอนัดวันนี้ยัยหนูแต่งตัวน่ารักเสื้อคอบัวสีขาวและชุดแซ็กสวมทับ เด็กน้อยวิ่งไปที่รถที่จอดไว้ แจบอมและจินยองพากันไปที่รถโดยมีเฮนานั่งร่าเริงอยู่ด้านเบาะหลัง แจบอมขับรถมาถึงโรงพยาบาลเรียบร้อยเขานำรถไปจอดใต้ตึกและพาลูกและภรรยาเข้าไปในตึกกุมารเวช

                    “สุขภาพคุณแม่แข็งแรงดีครับ เกณฑ์น้ำหนักค่อนข้างดี ส่วนเด็กในครรภ์เดี๋ยวเราจะไปอัลตร้าซาวด์ดูนะครับ” คุณหมอผายมือเชิญทั้งสามคนไปที่ห้องอัลตร้าซาวด์ข้างๆ

                    จินยองขึ้นไปนอนบนเตียงโดยหมอเปิดเครื่องแล้วเสร็จก็นำเจลมาทาที่หน้าท้องแล้วใช้เครื่องวน ภาพหน้าจอฉายขึ้น เด็กน้อยทั้งสามคนขนาด 11 นิ้วนอนอยู่ในท้องเขาตอนนี้

                    “แข็งแรงดีครับ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวล”

                    “น้องตัวเล็กจังเลยค่ะ คุณลุงหมอ” เฮนาจ้องจอมอนิเตอร์ตาแป๋วมองน้องที่นอนหลับอยู่ในพุงของหม่าม้า

                    “โอ๊ะ คุณจินยองครับน้องคนที่สามฉายเพศแล้วเป็นผู้ชาย คนนี้ที่เขาปิดมาตลอด” จินยองยิ้มมองภาพเด็กน้อยที่นอนหลับปุ๋ย

                    อีกสี่เดือนก็ใกล้จะเจอกันแล้วสินะ เจ้าก้อนทั้งสาม

                    หลังจากที่ตรวจเสร็จคนเป็นพ่อน่าจะยิ้มสุดได้ลูกสาวสอง ลูกชายสอง แจบอมยิ่งประคบประหงมใหญ่สถานที่ต่อไปที่จะไปก็คือห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของใช้เด็กอ่อน พวกเปลและของฝึกพัฒนาการของลูกเตรียมไว้ แจบอมขับรถไปถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ทั้งสามคนเดินไปยังร้านของใช้เด็กอ่อนจินยองที่เดินเลือกเตียงเด็กที่ถูกใจ

                    “ที่มีม่านนั้นสวยดีนะครับ พี่ว่า” แจบอมชี้ไปที่เปลไม้ที่มีม่านเหมือนเจ้าหญิง

                    “น่ารักดีครับ แต่ยังไม่ถูกใจผมสักเท่าไหร่”

                     จินยองและเฮนาพากันเดินหาจนมาเจอกับเปลเป็นแบบกระโจมป้องกันแมลงแลมีสีสันน่ารัก ร่างเล็กลองจับดูก็พบวัสดุนั้นดูแข็งแรงดี

                    “น่ารักจังเลยค่า”

                    “หม่าม้าว่าหม่าม้าชอบอันนี้ค่ะ พี่แจบอมครับ” จินยองเรียกสามีของตัวเอง

                    “เลือกอันนี้เหรอ จะคละหรือว่าเอาเหมือนกันดี”

                    “เอาเหมือนกันเลยครับ เฮนาขาไปเลือกชุดน้องกับหม่าม้ากัน ให้ป๊าจัดการตรงนี้ก่อน” จินยองจูงมือลูกสาวคนโตไปที่เสื้อผ้าเด็กอ่อน

                    เสื้อผ้า 0 – 1 ขวบ เรียงรายอยู่เต็มจินยองหยิบตระกร้ารถเข็นและเลือกเสื้อผ้าไว้ให้แฝดใส่ สองแม่ลูกสาวคนโตหยิบชุดใส่ตระกร้าเป็นว่าเล่นไม่เกี่ยงราคาเพราะคนจ่ายคืออิม แจบอมยังไงล่ะ

                    ตอนนี้ได้ของที่ต้องการเรียบร้อยทั้งสามคนเดินออกมาจากร้านขายของสำหรับทารกไปยังร้านอาหารเลือกร้านปิ้งย่างตอนนี้คุณแม่ลูกสามนั้นหิวสุดๆ จินยองเดินนำสองพ่อลูกไปที่โต๊ะทันทีพร้อมสั่งอาหารอย่างเต็มที่

                    “คุณม้าทานจุจังเลยค่ะ”

                    “ก็มีน้องตั้งสามนี่ครับ ไหนๆ ออกมากันแล้วหนูอยากไปไหนต่อหรือเปล่า”

                    เฮนาสั่นหัว

                    “งั้นก็กลับกันเลยนะ”

                    “เดี๋ยวป๊าว่าจะเข้าไปเซ็นเอกสารที่บริษัทหน่อย เมื่อกี้ชานส่งเมจเสจมา”

                    “ได้ค่า”

                    แจบอมให้สองแม่ลูกนั่งรอที่ร้านกาแฟด้านล่าง เพราะอยู่ข้างบนคงน่าเบื่อเพราะเขาไปเซ็นเอกสารคงไม่นานนัก แจบอมหายขึ้นลิฟต์ไป จินยองพาอิม เฮนาไปนั่งเล่นพร้อมสั่งบลูเบอรี่ชีสเค้ก ระหว่างที่นั่งรอป๊าจู่ๆ ก็มีแก้วกาแฟมากระแทกที่โต๊ะของเขาจนเฮนาสะดุ้ง

    ปึก

                    จินยองเงยหน้ามองด้วยความไม่พอใจ จื่อวีก็ฉายแววตาที่ไม่พอใจเช่นกัน

                    “ทำบ้าอะไรของเธอ”

                    “แกแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันปาร์ค จินยอง แกแค่พนักงานต้อนรับธรรมดาบนเครื่องบินมีสิทธิ์อะไรมาแย่งพี่แจบอมไปจากฉัน ฮึก ฉันรักของฉันมาตลอด” เสียงดังของจื่อวีทำให้ทุกคนในร้านมองมาทางโต๊ะของพวกเรา

                    “คุณม้าขา” เด็กน้อยรู้สึกกลัวคุณน้าจื่อวีไม่น้อย

                    “มาคุยกันข้างนอก เฮนาครับรอป๊าอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับม้าไปคุยข้างนอกก่อน” จินยองพาร่างอวบของตัวเองพาจื่อวีออกไปคุยข้างนอก

                    จินยองเลือกทางด้านหลังร้านเขาพาจื่อวีออกมาคุยด้านนอกเพราะท่าทางแล้วแม่นี่คงไม่ได้มาดีแน่ๆ จินยองมองไปทางด้านหลังก็มีเลขาของเธอยืนเก้กังอยู่

                    “หยุดสักทีได้ไหมจื่อวี เลิกบ้า”

                    “แกรู้ไหมว่าฉันรักเขามาก่อนแกด้วยซ้ำ ตั้งแต่เพื่อนสนิทฉันตายฉันพยายามเข้ามาแต่เพราะแก” จื่อวีเหมือนระบายสิ่งที่อัดอั้นตัวเธอเองพบกับความผิดหวังมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่จื่อวีพยายามจะเข้ามาแต่ไม่เคยสักครั้งเดียว แจบอมเห็นเขาเป็นเพียงน้องสาวและเพื่อนสนิทของอดีตภรรยาเท่านั้น

                    “ถึงไม่มีฉัน เขาก็ไม่รักเธอจื่อวี” น้ำตาของหญิงสาวคลอ เธอเสียใจอย่างหนักตั้งแต่ข่าวออกทีวีว่าคนที่เธอรักมาตลอดจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง มันเหมือนมีดพันเล่มที่กรีดแขน

                    “ไม่จริง แกมันชุบมือเปิบ”

                    “คุณจื่อวีคะ ใจเย็นนะคะ” เลขาสาวเอ่ยเพราะกลัวเจ้านายจะเกิดทำอะไรไม่คิดเข้าและมันจะทำให้เธอเดือดร้อน

                    “ถอยออกไป ถ้าไม่มีแกพี่แจบอมจะต้องรักฉัน” จื่อวีปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง   จินยองพยายามปัดป้อง

                    แจบอมที่เซนเอกสารเสร็จเขารีบตรงมายังร้านกาแฟได้ยินเสียงซุบซิบว่ามีคนตีกัน ร่างหนารีบเดินย่างสามขุมเข้ามาในร้านก็เห็นอิม เฮนาที่นั่งอยู่ไร้เงาจินยอง

                    “หม่าม้าไปไหนคะ”

                    “คะ...คุณน้าจื่อวีพาคุณม้าไปคุยข้างนอกค่ะ”

                    แจบอมรีบพาเฮนาไปที่ด้านหลังก็เห็นว่าจินยองและจื่อวีกำลังทะเลาะกันจริงๆ ร่างหนารีบปรี่เข้าไปห้ามหยุดทุกอย่างถึงแม้ว่าแม้แฝดจะได้เปรียบก็เถอะ

                    “หยุด จื่อวี”

                    “ฮึก ไม่หยุด ทำไม ทำไมเป็นมัน ทำไมไม่มองฉันบ้างพี่แจบอม” ร่างเล็กจะเข้ามากอดแต่แจบอมผลักออกจนร่างเพรียวเซไป

                    “อย่าให้พี่ต้องใจร้ายกับเธอนะจื่อวี เลิกยุ่งกับจินยองสถานะที่พี่จะให้กับเธอได้แค่เพื่อนของเฮรา”

                    “ไม่ แต่ฉันรักพี่นะ ฉันมาก่อนมันด้วยซ้ำ มาก่อนเฮราด้วยซ้ำแต่พี่กลับไปหลงรักมัน รู้ไหม ฉันเสียใจแค่ไหน ต้องคอยปั้นหน้ายินดีตอนพี่กับมันคบกันจนกระทั่งแต่งงานจนมีอีเด็กนี่เกิดมา” จื่อวีมองไปที่เฮนาที่ถอดแบบเฮรามาแทบทุกระเบียดนิ้ว

                    “หยุดพูดจาหยาบคาย”

                    “พอมันตายแทนที่พี่จะหันมามองฉัน ไม่เลยพี่กลับไปกับคนอื่นอีพวกนั้น แล้วมาที่อีเด็กคนนี้หรือเพราะมันหน้าตาเหมือนเฮราใช่ไหม พี่ถึงรักมัน ฉันไปศัลยกรรมได้นะ พี่แจบอม” จื่อวีพร่ำอะไรไปเรื่อยเปื่อยเหมือนคนขาดสติ

                    “ไม่ใช่เลยพี่รักเขาไม่ใช่เพราะเขาเหมือนเฮรา พี่รักเขาเพราะเขาคือปาร์ค จินยองและเป็นแม่ของลูกพี่” คำพูดอันหนักแน่นนั้นเป็นเหมือนเข็มนับแสนอันปักเข้าขั้วหัวใจ

                    “ยังไงก็เป็นฉันไม่ได้เลยใข่ไหม” โจว จื่อวีขอบตาแดงช้ำมือเรียวกำหมัดเล็กเอาไว้

                    “พี่ว่าเธอรู้คำตอบดีอยู่แล้ว แล้วก็อย่าคิดทำอะไรเธอคงรู้ว่าพี่สามารถทำให้เธอนั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง จินยอง เฮนา กลับกันเถอะค่ะ” แจบอมจับมือพาจินยองกลับทันที

                    ระหว่างที่นั่งรถกลับแจบอมไม่ได้เอ่ยปากใดๆ ทั้งสิ้น จินยองที่นั่งด้านข้างมองใบหน้าของคนที่ขับรถและเหลือบมองตรงกระจกหลังอิม เฮนานั้นเล่นเกมอยู่ด้านหลัง

                    “พี่แจบอมครับ” จินยองเอ่ยเสียงอ่อย มีแวบหนึ่งที่คนตัวโตเหลือบมาแต่ก็ขับรถต่อ

                    “พี่โกรธผมเหรอ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนะ”

                    “ไม่ได้โกรธครับ แต่พี่เป็นห่วงถ้าพี่มาไม่ทันแล้วเขาทำอะไรเราละ”

                    เสียงแจบอมดุจนเอาแม่ลูกสามหง๋อ

                    “ผมแข็งแรงจะตาย เขาทำไรผมไม่ได้หรอก”

                    “แต่เราไม่คิดมากใช่ไหมที่เขาพูด”

    จินยองสั่นศีรษะ

                    “ไม่ครับ แต่ผมอยากรู้ว่าทำไมเธอเหมือนผมขนาดนั้นเลยเหรอ แวะซื้อวิกลองดีไหมครับ”

                    “บ๊องหรือไง หืม”

                    “ก็อยากรู้ว่าเหมือนขนาดไหน”

    แจบอมยิ้มมุมปาก มือหนาจับพวงมาลัยมือเดียวเลี้ยวเข้าไปทางซอยบ้านอีกไม่กี่ 500 เมตรก็ใกล้ถึงแล้ว ประตูรั้วเปิดอ้าออกโดยอัตโนมัติแจบอมขับรถไปจอดสองแม่ลูกพากันลงจากรถเพื่อเข้าบ้าน

                    “ไปไหนกันมาจ๊ะ” จียอนเอ่ยถามลูกสะใภ้และหลานสาว

                    “พาคุณม้าไปตรวจน้องมาค่า คุณย่าขาน้องมีน้องผู้ชาย 2 คนและน้องผู้หญิงอีก งื้อ”

                    “เพื่อนเล่นเยอะแล้วสิ อีกหน่อยหลานต้องช่วยม้าเขาเลี้ยงด้วยนะ”

                    “เลี้ยงแน่นอนค่ะ น้องจะช่วยหม่าม้าเลี้ยงเองเลย”

                    “จ้า แล้วนี่ตาแจบอมไปไหนซะละหนูจินยอง”

                    “น่าจะอยู่ที่รถครับ”

                    “แล้วแขนหนูไปโดนอะไรมาคะ” จียอนลูบแขนของเขาที่มีรอยเล็บนิดหน่อย

                    “อ่า...ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ น่าจะไปเกี่ยวอะไรสักอย่างเข้า” จินยองโกหก

                    “ตายแล้ว ระวังหน่อยนะลูก แล้วยาบำรุงนี่ทานบ้างหรือเปล่าคะ”

                    “ครับ ทานตลอด”

                    “ไปพักผ่อนได้แล้วจ๊ะ ไปข้างนอกมาเหนื่อยๆ โอ๊ะ ตาแจบอมมาพอดีเลย”

                    ร่างสูงเดินมาด้วยความงุนงง

                    “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

                    “มาคุยกับแม่หน่อยค่ะ”

                    แจบอมเดินตามจียอนมาทางห้องหนังสือของพ่อมือเรียวตะปบเข้าที่ต้นแขนลูกชายทันที

                    “นี่ เมื่อไหร่จะไปคุยกับผู้ใหญ่สักที น้องท้องโตขนาดนี้แล้ว”

                    “เคลียร์งานเสร็จก็ว่าจะลงไปคุยแล้วครับ แม่กับพ่อเตรียมสินสอดไว้เหอะ”

                    “บอกล่วงหน้าด้วยนะ แม่จะได้ไปสปาเตรียมสวย”

                    “คุณจียอนของผมสวยที่สุดแหละ” แจบอมหอมแก้มนุ่มของคนเป็นแม่

                    “ปากหวานซะจริงตาลูกชายคนนี้”

                    ตอนเย็นแม่บ้านนำอาหารมาวางเสิร์ฟให้เป็นการได้กินพร้อมหน้าพร้อมตาในอาทิตย์นี้ อาหารทุกอย่างจัดวางบนโต๊ะกินข้าวอย่างดี อาหารมื้อเย็นที่แม่บ้านทำมี กูซ็อกคีคัลบี (구석기갈비) หรือซี่โครงเนื้อตุ๋น คัลจีโซริม (갈치조림) แกงเผ็ดใส่ปลาและที่ขาดไม่ได้นั่นคือกิมจิ เครื่องเคียง จินยองจับช้อนตักชิม

                    “เดี๋ยวแม่ให้ป้าเขาไปทำทักคาบิ ให้หลานรักก่อน ทานได้ใช่ไหมลูก”

                    “ได้ค่า คุณย่า”

                    มื้ออาหารเย็นอันแสนอบอุ่น จินยองกินข้าวจนไม่เหลือสักเม็ดในถ้วย เป็นมื้อที่สงสัยเจ้าแฝดจะชอบเพราะเขาตักซี่โครงเนื้อตุ๋นบ่อยมากความหอมของเครื่องทำให้อดใจกินแทบไม่ไหว

                    “สงสัยหลานแฝดแม่ออกมานี่คงจะอ้วนตุ้บแน่ๆ เลยจ๊ะ”

    เสียงหัวเราะครื้นใหญ่ผสมผสานกัน

                    “ป้าไปเอาสมุนไพรมาชงให้คุณจินยองทีนะ” จียอนสั่งแม่บ้าน

                    “เอ่อ ยังก่อนก็ได้ครับ ไว้ทานก่อนนอน”

                    “ได้ค่ะ คุณจินยอง” จียอนไม่ว่าอะไรตามใจลูกสะใภ้

                    หลังจากที่ทานข้าวเย็นเสร็จจินยองหยิบมือถือขึ้นมาส่งรูปที่ไปอัลตร้าซาวด์วันนี้ส่งไปให้คุณยายดู และรอตอบกลับมา ร่างเล็กเตรียมขึ้นห้องส่วนคนพี่นั้นนั่งทำงานอยู่ในห้อง ไม่นานนักคุณยายก็วิดีโอคอลกลับมาริมฝีปากเล็กอมยิ้มและกดรับ

                    (หมอว่าไงมั่งเจ้าจินยอง)

                    “หลานแม่แข็งแรงมาก ไม่ต้องห่วงหนูก็แข็งแรงดีครับ”

                    (ดูแลตัวเองดีๆ นะ ไม่ได้ตัวคนเดียวแม่เป็นห่วง)

                    “หนูคิดถึงทุกคนเลย”

                    (เอ๋า ไหงงั้นละ เพิ่งเจอกันเอง)

                    “ก็หนูคิดถึงอะ อยากนอนตักคุณปาร์ค จีซองที่สุด”

                    (หนุนตักผัวนู่นไป) ปาร์ค จีซอนขัด

                    “มันไม่เหมือนกันสักหน่อย ตักคุณปาร์คนุ่มสุดแล้ว”

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                    “หม่าม้าขา น้องขอเข้าไปนะคะ”

                    (เสียงใครน่ะ)

                    “แป๊บหนึ่งนะ หนูไปเปิดประตูให้ลูกพี่แจบอมก่อน”

                    จินยองไม่ได้วางสายร่างเล็กเดินไปเปิดประตูห้องก็แอบยิ้มเอ็นดูยัยหนูขนผ้าห่มกับตุ๊กตาตัวโปรดถือมาด้วย

                    “วันนี้น้องนอนด้วยคนได้ไหมคะ”

                    “ได้สิครับ ขึ้นไปรอหม่าม้าที่เตียงเลย” จินยองบอกลูกสาวคนโตให้ขึ้นไปนอนบนเตียงก่อนจะหยิบมือถือที่วิดิโอคอลทิ้งไว้

                    (ใครมานะหึ เจ้าจินยอง)

                    จินยองแพลนกล้องแล้วเดินไปหาเด็กน้อยให้เข้ากล้องด้วย เด็กหญิงยิ้มหวานและเอ่ยทักทายคนในโทรศัพท์เสียงใส              

                    “สวัสดีค่ะ”

                    (ตายแล้วนี่ลูกของคุณแจบอมเขาเหรอ น่ารักดูโตขึ้นกว่าที่เจอตอนนั้น) มินคยองยิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยที่โชว์ยิ้มยิงฟันตอบเช่นกัน

                    “คุณยาย คุณตายังไม่นอนเหรอคะ เอ่อหนูเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหมคะ”

                    จินยองพยักหน้าตอบ

                    (ได้สิลูก เรียนอยู่ชั้นไหนแล้วคะ คนเก่ง)

                    “จะขึ้นเกรดหนึ่งแล้วค่า” เฮนาหมายถึงว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่ช่วงวัยประถมศึกษาแล้ว

                    (เยี่ยมเลยค่ะ ไว้มาหากันบ้างนะคะ ยายอยากคุยกับหนูจัง)

                    “ได้ค่า ไว้น้องจะไปเยี่ยมด้วยคนนะคะ”

                    “แม่ พ่อ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ”

                    (โอเค ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย ไว้เจอกันนะลูก) ปาร์ค มินคยองและปาร์ค จีซองโบกมือบ๊ายบายหลานและลูก จินยองยิ้มกับภาพหน้าจอสักพักก็กลับเป็นหน้าจอปกติ

                    จินยองหยิบครีมทาผิวเดินกลับมาที่เตียงยัยน้องกำลังเตรียมจัดแจงที่ตัวเองอยู่ ร่างอวบทิ้งตัวลงจนเป็นรอยหยุบลงไป

                    “ทาครีมให้หม่าม้าดีไหมคนเก่ง”

                    “ได้หรอคะ” จินยองพยักหน้ายัยหนูหยิบขวดตรีมทาผิวเทลงฝ่ามือและทาลงบนหน้าท้องของเขา

                    “รู้สึกถึงน้องไหมครับ”

                    “ยังเลยค่ะ”

                    “ตอนนี้น้องอยู่ตรงนี้ ตรงนี้และก็ตรงนี้” จินยองชี้มือเล็กไปหาตำแหน่งที่น้องแฝดนอนอยู่ในท้อง

                    “งื้อ ผิวของหม่าม้าดีจังค่ะ”

                    “ปากหวานจังเลยเราน่ะ ทาเสร็จแล้วขอบคุณนะครับ”

                    เด็กน้อยปิดฝาขวดครีมทาผิวเดินไปเก็บไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งจินยองเดินไปปิดไฟให้เฮนานั้นเปิดไฟที่โคมไฟทิ้งไว้ จนภายในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงไฟที่ตรงโคมบริเวณหัวเตียงจินยองเดินไปที่เตียงโดยให้เฮนานอนตรงกลางและเขานอนริมซ้าย

                    “ไม่เรียกป๊ามานอนด้วยเหรอคะ”

                    “ป๊าเขาทำงานอยู่ ส่วนเราก็มานอนกันเถอะ”

                    “ฝันดีนะคะหม่าม้า”

                    “ฝันดีเช่นกันจ๊ะ”

                    จนตกดึกอิม แจบอมที่เพิ่งตรวจงานที่เลขาส่งไฟล์มาเสร็จเขาปิดเครื่องแล็บท็อปปิดไฟในห้องทำงานให้เรียบร้อยกลับห้องนอน คนตัวตผลักบานประตูช้าๆ เครื่องปรับอากาศกำลังทำงานจนเย็นเจี๊ยบเขากดเปิดไฟสลัวก็เห็นสองแม่ลูกเข้าสู่ห้วงนิทราเรียบร้อย แจบอมปิดไฟนั้นแล้วเปิดไฟฉายจากมือถือแทนเดินมาที่เตียงเขาขยับตัวลูกสาวที่นอนกินที่จนเขาแทบจะนอนไม่ได้ให้ชิดไปที่จินยองนิดหนึ่ง เด็กน้อยขยับตามแจบอมค่อยๆ สอดตัวลงในผ้าห่มผืนหนาโดยไม่ลืมหอมหน้าผากเฮนา

                    “ฝันดีนะครับลูกสาวป๊า คุณม้าของเด็กแฝดด้วย ฝันดีครับ” 



    .


    อากาศดีในตอนเช้าจินยองลืมตาตื่นขึ้นมาสองพ่อลูกที่นอนท่าเดียวกันอยู่บนเตียงทำเอาคนตัวเล็กยิ้มออกมา จินยองจัดแจงท่านอนให้ลูกสาวคนโตให้นอนดีๆ ก่อนจะลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน จนออกจากห้องน้ำทั้งสองยังคงนอนอุตุอยู่บนที่นอน จินยองจัดการลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศเรียบร้อยก็ไปที่ครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า

                    “คุณจินยองตื่นเช้าจังเลยค่ะ” แม่ครัวของบ้านเอ่ยทักทายนายหนุ่ม จินยองเพียงเอ่ยยิ้ม

                    “ครับ วันนี้เช้าป้าทำอะไรบ้างครับ”

                    “ง่ายๆ ค่ะคุณหญิงสั่งป้าให้ทำพวกอเมริกันเบรกฟัดซ์ คุณจินยองจะทำอะไรเพิ่มไหมคะ”

                    “ไม่หรอกครับ ให้ผมช่วยดีกว่าไหนๆ ผมก็ตื่นเช้าแล้ว”

                    “จะดีเหรอคะ ป้าจะโดนคุณเขาหาว่าป้าใช้งานคนท้องหรือเปล่า” ป้าแม่ครัวแซวเข้าให้

                    “ดีครับ ใครจะว่าอะไรผมไม่ได้พิการสักหน่อย มา ส่งมาให้ผมเดี๋ยวทำเองครับ”

                    จินยองหยิบขนมปังปิ้งใส่ที่ปิ้งทั้งหมด 5 จานจัดไข่ดาวและแฮมให้แม่ครัวยกไปเสิร์ฟวางที่โต๊ะกินข้าว ไม่นานนักพ่อกับแม่ของแจบอมก็ลงมาจากข้างบน ชายหญิงวัยกลางคนส่งรอยยิ้มให้ลูกสะใภ้ของตนเอง

                    “อรุณสวัสดิ์จ้ะ ตื่นเช้าจังเลยลูก”

                    “ครับ อาหารเช้าเตรียมเรียบร้อยแล้วนะครับ คุณพ่อคุณแม่จะทานเลยหรือเปล่า”

                    “เดี๋ยวรอตาแจบอมก่อนรายนั้นกำลังตื่นเลย เดี๋ยวหนูก็ไปนั่งรอกับแม่ที่โต๊ะนะคะ”

                    ไม่นานนักแจบอมและเฮนาก็เดินลงมาจากข้างบนสองพ่อลูกมีอาการหาวหวอดเดินลงมานี่เหมือนกันราวกับแกะ สองพ่อลูกเดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว

                    “คุณม้าตื่นเช๊าเช้าจังเลยค่ะ”

                    “หม่าม้าตื่นมาทำข้าวเช้าให้น้องไงค่ะ “

                    “งั้นมื้อนี้น้องจะทานให้หมดเลยค่ะ” เด็กน้อยพูดแล้วยิ้มตาหยี

                    หลังจากที่ทานอาหารมื้อเช้ากันเสร็จแม่บ้านต่างเก็บจานให้เรียบร้อย อิม แจบอมกำลังเตรียมตัวจะไปทำงานร่างหนาเดินมาหาลูกสาวพร้อมจูบส่งก่อนไปทำงาน

                    “ป๊าไปทำงานก่อนนะคะ ฝากดูแลม้ากับน้องด้วยนะคะ”

                    “ได้เลยค่า ไว้ตอนเย็นเจอกันนะคะ”เฮนาจุ๊บแก้มของป๊ะป๋า

                    “พี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกันตอนเย็น”

                    แจบอมหอมแก้มน้อง แล้วไปทำงานส่วนพ่อกับแม่นั้นเห็นว่าออกไปข้างนอกอีกตอนสายนัดเพื่อนตีกอล์ฟที่สโมสรแถวๆ เกาะเจจูเห็นว่าค้างหลายคืนดังนั้นตอนนี้เขาจึงอยู่กับลูกสาวคนโตแค่สองคนและแมวอีกสามตัว

                    “วันนี้เราจะทำอะไรกันดีครับ” จินยองถามเด็กน้อย อิม เฮนาทำท่าคิดด้วยการเอานิ้วชี้จิ้มที่แก้มข้างขวาจนบุ๋มลงไป

                    “ไปร้องคาราโอเกะกันไหมคะ” จินยองรู้สึกสนใจเพราะไม่ได้ร้องเพลงมาตั้งนานจำได้ก็คงตอนเรียนมหาลัยไปกับพวกเพื่อนๆ

                    “เราเคยไปด้วยเหรอ” เด็กน้อยไหวศีรษะ

                    “ไม่เคยหรอกค่ะ น้องเห็นในละครบ่อย”

                    “งั้นไปแต่งตัวครับ เดี๋ยวหม่าม้าพาไปเอง”

                    ทั้งสองคนตอนนี้ยืนอยู่หน้าตึกพาณิชย์ย่านอัพกูจอง ป้ายตรงหน้าเขียนว่า คาราโอเกะชองดัม (청담 노래방) จินยองพาเฮนาเข้าไปด้านในมีโปสเตอร์ของศิลปินมากมายของค่ายต่างๆ แปะติดอยู่เต็มฝาผนังจินยองพาเฮนามาที่เคาน์เตอร์เพื่อชำระค่าห้องคาราโอเกะโดยที่เลือกห้องวีไอพี ทั้งสองพากันเข้าไปห้องที่เลือกเป็นห้องขนาดใหญ่มีโซฟายาวและโต๊ะสำหรับวางอาหาร

                    “อู้หู เหมือนในละครในทีวีเด๊ะเลยค่ะ หม่าม้า” จินยองอมยิ้ม เด็กน้อยดูตื่นเต้นกับสิ่งตรงหน้าที่ไม่เคยได้ทำ

                    จินยองกดรีโมทเพื่อเลือกเพลงและสอนเด็กน้อยไปด้วย ประจวบกับป้าเจ้าของนั้นยกเครื่องดื่มและอาหารทานเล่นที่สั่งไว้จัดวางบนโต๊ะอย่างดี

                    “ร้องเพลงอะไรดีคะ”

                    Fancy ค่ะ ของ Twice

                    จินยองจิ้มไปที่แป้นพิมพ์ชื่อเพลงที่ขึ้นมาบนหน้าจอและเป็นภาพเอ็มวีมีซับคาราโอเกะอยู่ด้านล่าง เด็กน้อยจับไมค์ร้องตามเนื้อ

                    คอกี นอ I fancy you อามูนา วอนฮาจี อานา Hey I love you Love ya...”

                    จนเพลงจบลงจินยองปรบมือให้เด็กน้อยร้องเพลงเก๊งเก่ง จินยองจึงอาสาเลือกเพลงบ้างเขาพิมพ์ชื่อเพลงลงไป

                    “หม่าม้าจะร้องเพลงอะไรเหรอคะ”

                    “รอดูครับ” จินยองขยิบตาให้เด็กน้อย

                    เสียงดนตรีเริ่มขึ้นโดยมีเด็กน้อยนั่งปรบมืออยู่ด้านข้าง สายตาจ้องไปที่หน้าจอหยิบไมค์ขึ้นมาร้องจนถึงท่อนฮุคยัยหนูก็หยิบไมค์อีกอันขึ้นมาร้องตาม

                    นี กา พู รือ นึน นา เอ อี รึม มี ทึด โก ซิบ พอ นอ เอ คือ มก โซ รี  มล รัท ซอ ออล มา นา คือ รี วอ ฮัล จี ทล รา วา จวอ”

                    Please give me one more chance” ท่อนนี้สองแม่ลูกร้องประสานเสียงกันแล้วยิ้มให้กันจนตาปิด

                    เพลงต่อไปร้องกันจนหมดแรงกันไปข้าง จนในที่สุดก็หมดเวลาลงจินยองพาเด็กน้อยที่เต้นจนเหนื่อยนั้นกลับบ้านสักที

                    อีกทางด้านหนึ่งฮยอนวูที่เพิ่งกลับมาจากคุยธุรกิจกับคุณยุนที่เมกาเพิ่งได้กลับมาวันนี้ร่างหนาตรงมายังบริษัทของตนเองทันทีโดยมีเลขาเดินตามไม่ห่าง ลิฟต์ชั้นผู้บริหารเปิดขึ้นร่างหนาสาวเท้ายาวเดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาก็เห็นกล่องที่แสนคุ้นตานั้นวางอยู่บนโต๊ะของเลขา มือหนาเก็บกล่องมันขึ้นมา เขาจำได้ว่าสิ่งนี้เขาเคยให้จินยอง แต่ตอนนี้มันกลับถูกส่งคืน...ไม่ใช่ฝีมือใครหรอกนอกจาก

    อิม แจบอม เพื่อนเก่าของเขาเอง

                    ร่างหนากระตุกยิ้มริมฝีปาก ตอนนี้เขาล้มเลิกความสนใจตั้งแต่ข่าวประกาศแต่งงานของทั้งคู่แล้ว...อีกอย่างเหมือนว่าเขาไม่ได้เข้าหาจินยองเพราะชอบจริงๆ แต่แค่อยากกวนประสาทอดีตเพื่อนเก่าเฉยๆ มันสนุกดี

                    “ยิ้มอะไรคนเดียวของคุณเนี่ยบอส น่าขนลุก” วอนโฮ ทำท่าทางขนลุกเสียเต็มประดา

                    “เปล่า...เอากล่องนี้เก็บไปทิ้งก็ได้นะ แล้วอย่าลืมเอากาแฟเข้าไปให้ฉันด้วย”

                    “ครับ” วอนโฮหยิบกล่องเครื่องประดับที่เจ้านายเพิ่งวางลง เก็บใส่ไว้ใต้ลิ้นชักก่อนจะไปชงกาแฟให้เจ้านายผู้เป็นที่รัก (ประชด)






    ใครโฆษณาเพลงไม่มี๊ ไม่มีเลย 

    นีกาพูรึนึนเออีรึม ไปปั่นวิวกันเถอะจ้า เพลงดีขนาดนี้ อิอิ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×