ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My babe หัวใจมาเฟีย [JACKJAE FT.MARKBAM /BNYOUNG]

    ลำดับตอนที่ #5 : คนของหวัง เจียเอ่อร์ (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.62K
      326
      18 ก.พ. 62

    Chapter 5

    คนของหวัง เจียเอ่อร์

     





              ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ในตอนเช้าตรู่การทำงานของเครื่องปรับอากาศยังคงทำความเย็นอยู่ในห้องร่างเล็กนอนหลับสบายอยู่บนเตียงคิงไซส์ม่านที่หน้าต่างค่อยๆรูดเข้ามาอีกทางแสงสว่างของดวงอาทิตย์สาดเข้าใส่ดวงตากลมเล็กทำให้เปียโนพยายามที่จะหลีกหนีแสงนั้นเพราะเขากำลังนอนสบายอยู่เลย เสียงเคาะประตูจากป้าแม่บ้านที่ชื่อว่าป้าเฟยเคาะเรียกเบาๆ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

              “คุณหนูคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” ป้าเฟยยืนขมวดคิ้วอยู่หน้าห้องเมื่อพยายามเคาะแต่ก็ไม่มีผลว่าเจ้าของห้องจะเดินมาเปิดประตู

              ผ่านไปสักพักป้าเฟยมาพร้อมกับกุญแจของห้องนี้และทำการไขเข้าไปเพื่อปลุกคุณหนูตามที่คุณท่านเป็นคนสั่งให้เธอทำเมื่อไขเข้าไปเฟยก็สั่งให้แม่บ้านทั้งหมดห้าคนช่วยพาคุณหนูของพวกเธอไปยังห้องน้ำทันที

              “เห้ย พวกคุณทำอะไรอ่ะ ปล่อยก่อน” ร่างของเปียโนถูกแม่บ้านหามเข้าไปในห้องน้ำ

              “อาบน้ำเสร็จแล้วลงไปพบท่านข้างล่างด้วยนะคะ” เฟยพูดทิ้งท้ายก่อนจะพาแม่บ้านที่ตนพามาไปทำหน้าที่ของตัวเองซะ

              เปียโนหรือปัณณวิชญ์ พ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิดเพราะมันเช้ามากๆเพิ่งหกโมงครึ่งเองอีกอย่างเขามีนัดที่มหาวิทยาลัยตอนเก้าโมงเช้าเหลือตั้งสองชั่วโมงกว่า

              “ไอ้บ้าเอ้ย โคตรอยากจะกลับประเทศไทยเลยอ่ะ” อีกห้องฟากกำแพงหนึ่งแอบลอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของเด็กที่ถูกปลุกจากการนอน

              ร่างหนาหยิบผ้าขนหนูและข้าวของเครื่องใช้ไปอาบน้ำอีกห้องหนึ่งแทนเพราะห้องนั้นมีเด็กน้อยของเขากำลังใช้อาบอยู่เมื่อเดินไปยังอีกห้องหนึ่งซึ่งห้องนั้นเป็นแบบสปาเมื่อแม่บ้านจัดเตรียมให้นายท่านอย่างเขาเสร็จก็ค้อมหัวเดินไปทำหน้าที่อย่างอื่น แจ็คสันปลดชุดนอนของตัวเองทิ้งไว้ที่พื้นก่อนจะก้าวขาแกร่งลงไปในอ่างอาบน้ำสปาเพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายในยามเช้ามือหนาหมุนปรับอุณหภูมิในอ่างตามที่ตัวเองชอบนอนแช่กายอยู่แบบนั้น

              เปียโนหลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็แต่งกายด้วยชุดเรียบร้อยก็เดินลงมาข้างล่างโดยเดินผ่านแม่บ้านมากมายนี่จ้างอะไรนักหนาก็ไม่รู้ เมื่อเปียโนมาถึงห้องอาหารป้าเฟยได้เตรียมอาหารเช้าให้เขาได้เลือกคือ แซนด์วิชและข้าวต้ม

              “คุณหนูจะทานอะไรดีคะ เดี๋ยวป้าจะได้เตรียมให้”

              “ผมขอข้าวต้มแล้วกันครับ” เฟยพยักหน้าก่อนจะเดินไปตักข้าวต้มใส่ในชามให้คุณหนูของเธอได้ทานโดยไม่ลืมตักไข่ให้กับคุณหนูของเธอจากนั้นก็นำมาวางเสิร์ฟ

              “ฉันจะไปส่งเธอแต่ว่าฉันมีธุระในตอนเช้าประมาณตอนเย็นฉันจะกลับมารับ” แจ็คสันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม

              “ความจริงผมไปเองก็ได้นะครับ ไม่ต้องลำบากคุ...” เปียโนถึงกับต้องหยุดพูดทันที เมื่อสายตาคมนั้นมองกลับด้วยความไม่พอใจ

              “ฉันจะไปส่ง ทานข้าวซะ” มือหนาหยิบกาแฟขึ้นมาทานพร้อมกับแซนด์วิช เปียโนเบะปากด้วยความหมั่นไส้จากนั้นคนตัวเล็กก็หันไปใส่ใจกับข้าวต้มในชามของตัวเอง

              จนกระทั่งเวลาผ่านไป 8 โมงกว่าแจ็คสันให้คนนำรถมารับที่หน้าคฤหาสน์โดยไม่ลืมย้ำคนตัวเล็กที่ยืนหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างเขา

              “แน่ใจว่าเอกสารน่ะเตรียมครบแล้ว”

    นี่ตกลงจะเป็นพ่อเขาหรือไงกันเนี่ย...

              “ครบแล้วครับ ขึ้นรถเถอะครับ” เปียโนกระชับแฟ้มเอกสารเดินไปนั่งประตูอีกฝั่งโดยนั่งเคียงข้างกับมาเฟียแห่งมาเก๊า

              รถยนต์ Mercedes Benz ขับไปตามถนนใหญ่มุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยฮ่องกงเมื่อเข้าสู่เขตรั้วมหาวิทยาลัยรถยนต์จอดที่หน้าตึกของคณะธุรกิจและบริหารแต่ทว่าเจ้าตัวกำลังจะลงไปแจ็คสันสั่งให้คนขับรถขับไปยังตึกของคณะศิลปะและการออกแบบ เปียโนเบิกตากว้างไม่คิดว่าแจ็คสันจะรู้ว่าเขาเลือกลงเรียนคณะนี้

              “คุณรู้เหรอ” ร่างหนากระตุกยิ้มให้กับเด็กหนุ่มหน้าหมวย เขารู้มาตั้งแต่แรกว่าเปียโนนั้นไม่ได้เลือกคณะนี้แต่กลับเลือกอีกคณะหนึ่งคือศิลปะและการออกแบบ สาขาดนตรี

              “รู้สิ ฉันเป็นผู้ปกครองเธอทำไมจะไม่รู้” น้ำเสียงนิ่งทำเอาเขาเริ่มกลัวว่าป๊ากับม๊าของตัวเองจะรู้เหลือเกินเพราะม๊าอยากให้เขามาสานต่อกิจการบริษัทของปุณยวัจโรจน์ซึ่งตัวเขานั้นชอบดนตรีและรักการร้องเพลงเรื่องนี้ม๊ากับป๊าไม่เคยรู้เพราะมัวแต่สนใจกับบริษัท

              “คุณอย่าบอกเรื่องนี้กับครอบครัวผมได้ไหม” เปียโนยกมืออ้อนวอนคนตัวโตกว่าเพื่อให้เขานั้นได้โปรดเห็นใจ

              “เรื่องนี้มันก็ต้องบอกแต่ถ้าอยากให้มันเป็นความลับ ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน” สายตาที่มองจ้องยังร่างเล็กนั้นราวกับสิงโตที่ต้องการขย้ำลูกกวางตัวน้อยตัวนี้คารถซะเหลือเกิน “ว่าไงล่ะ?”

              “ขะ...ข้อแลกเปลี่ยนอะไร” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มด้วยความพอใจก่อนจะขยับไปหาเด็กหนุ่มซึ่งใบหน้านั้นห่างกันเพียงแค่คืบเดียว แจ็คสันได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่เล่นทำเอาจิตใจปั่นป่วนไม่น้อยเปียโนขยับตัวหนีจนหลังนั้นพิงติดชิดกระจกฟิล์มสีดำ

              “ไว้ฉันจะบอกเธอทีหลัง” จมูกโด่งเฉียดแก้มขาวเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นทำเอาห้วงการหายใจของเด็กหนุ่มหน้าหมวยนั่นกระตุกเลยทีเดียว พอตัวเองพ้นจากพันธนาการของเจ้าป่าอย่างหวัง แจ็คสันก็รีบเปิดประตูลงจากรถเข้าตึกไปในทันที




    ต่อ





              ใจของเปียโนเต้นโครมครามเหมือนจะระเบิดออกมาหลังจากที่เปิดประตูลงจากรถซึ่งพอเขาลงไปแจ็คสันก็สั่งให้คนขับรถขับไปทำธุระทันที มือเล็กลูบที่หน้าอกตัวเองเบาๆพร้อมพ่นลมหายใจเมื่อเดินไปถึงร่างเด็กหนุ่มเดินกระชับแฟ้มเอกสารในการมอบตัวเป็นนักศึกษาคณะศิลปะและการออกแบบได้อย่างเต็มตัว เขาสอดส่ายตาไปตามป้ายที่บอกทางสำหรับการลงทะเบียนนักศึกษาใหม่เมื่อเดินไปจนถึงประตูห้องหนึ่งเขียนเป็นภาษาจีนกวางตุ้งเขียนว่า ห้องลงทะเบียนนักศึกษาใหม่เปียโนกำลังจะจับประตูแต่ทว่ามีคนข้างในนั้นเปิดสวนเข้ามาโดนหน้าผากของเขาเต็มๆ

    เจ็บสัสรัสเซีย

              มือเล็กกุมหัวแน่น ปากขมุบขมิบเตรียมจะด่าแต่พอเงยหน้าปุ๊บหัวใจของปัณณวิชญ์ที่เคยแห้งแล้งตอนนี้กลับเหมือนมีน้ำเข้ามาเติมเต็ม คนอะไรจะหล่อเกินคนได้แบบนี้วะ

              “เอ่อ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ใบหน้าหล่อของหนุ่มนักศึกษาอยู่ใกล้เขาเพียงนิดเดียว ใบหน้านี่เคยมีคำว่าสิวบ้างไหมอ่ะ เปียโนจดจ้องตาไม่กระพริบหาจุดบกพร่องของคนตรงหน้าแต่ไม่มีสักนิด

              “หล่อ...เอ้ย ไม่เป็นไรครับ” ลิ้นพันกันเข้าไปสิไอ้เปียเอ๊ย

              “โทษทีนะ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่หลังประตูอ่ะ นายมาสมัครใหม่เหรอสาขาอะไร”

              “ผมสาขาดนตรีน่ะครับ” คนตรงหน้าพยักหน้า

              “เสียงเพราะล่ะสิ อยากฟังจัง เราชื่อ ดีแลนนะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

              “อ๋า ผมเปียโนครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” มือบางยื่นจับมือคนตรงหน้าเพื่อทักทาย

    หล่อก็หล่อ มือยังนุ่มอีกต่างหาก...

              “เดี๋ยวไม่ทันเวลานะ” ดีแลนชี้ไปที่นาฬิกาซึ่งเป็นเวลาอีก 3 นาทีจะไม่งั้นสายแน่ๆ

              “อ๊ะ ขอตัวก่อนนะครับ” เปียโนรีบหยิบแฟ้มเดินเข้าไปในห้องทันทีโดยไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มของดีแลนที่มองตัวเขา

              ปัณณวิชญ์เดินเข้ามาในห้องพร้อมยื่นเอกสารการยืนยันตัวหนังศึกษาพร้อมวัดขนาดตัวในการตัดสูธของสาขาหลังจากที่วัดตัวเสร็จสาขาของเขามีอย่างหนึ่งที่พิเศษคือการแสดงความสามารถของตัวเองให้เพื่อนๆดูซึ่งบางคนนั้นนำเครื่องดนตรีมาเองแต่ยกเว้นเขา ก็จะให้ยกเปียโนมามหาลัยมันก็แปลกๆไหมล่ะเขาหวังว่าข้างในนั้นจะมีเปียโนสักอันให้เข้าได้บรรเลงนิ้ว มีเด็กนักเรียนเกือบ 50 กว่าคนโดยอาจารย์ให้แบ่งกลุ่มนั่งรออยู่หน้าห้องโดยความตื่นเต้นสักพักหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาเขาหน้าตาน่ารักใช้ได้เลยถือเครื่องดนตรีอย่างคลาริเน็ตเดินมาคุยกับเขาเพราะอยู่กลุ่มเดียวกัน

              “หวัดดีจ๊ะ เราชื่อเฉิงเสี่ยวนะ นายชื่อ...” เธอเว้นวรรคให้หนุ่มหน้าหมวยตรงหน้าเอ่ยชื่อ

              “เปียโน ยินดีที่ได้รู้จักนะเฉิงเสี่ยว” ริมฝีปากอิ่มของเปียโนคลี่ยิ้มให้กับเพื่อนใหม่ของตน

              เมื่อถึงเวลาที่กลุ่มจะแสดงทั้งเขาและเฉิงเสี่ยวเดินเข้าไปพร้อมกับกลุ่มอีกสามคนโดยจะเริ่มแสดงความสามารถโดยเฉิงเสี่ยวเป็นคนแรกเริ่มเป่าคลาริเน็ตในมือซึ่งทุกคนปรบมือให้กับเธอ เปียโนสังเกตอาจารย์คนหนึ่งที่มองมาทางเขาร่างหนาอยู่ในชุดวอมใส่แว่นกันแดดสีชาแต่ภายใต้แว่นนะ มองเขาแน่ๆ จนทุกคนแสดงผ่านไปแล้วก็ถึงตาเปียโนซึ่งโชคดีมีเปียโนอยู่มุมห้อง ร่างเล็กวางแฟ้มไว้ที่พื้นก่อนจะเดินมาแนะนำตัวให้กับอาจารย์

              “สวัสดีครับ ผมปัณณวิชญ์” จากนั้นเปียโนไม่พูดอะไรมากนักเดินไปสะบัดผ้านั้นออกไปก่อนจะวางมือทั้งสิบบนแกรนด์จากนั้นปลายนิ้วไล่ไปตามโน๊ตเพื่อบ่งบอกในการเตรียมพร้อมซึ่งเพลงที่เขาเล่นคือเพลง Dive ของ Ed Sheeran

              เมื่อเล่นจบเปียโนใช้ผ้าคลุมเปียโนเหมือนเดิมจากนั้นก็เดินมาตรงกลางเพื่อโค้งขอบคุณอาจารย์ทั้งหมด 3 คนแล้วเดินออกมาจากด้านนอกซึ่งในเวลาอีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเปิดเรียนของนักศึกษาปีหนึ่งแบบเขายอมรับว่าตัวเองนั้นโคตรจะตื่นเต้นเลย มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อค้นหาโทรศัพท์ก่อนจะกดเข้าที่แอพแชทกล่มเพื่อเล่าเรื่องราวให้เพื่อนๆได้รับรู้ เมื่อมองเวลานั้นกำลังจะบ่ายอยู่และรถของหวังแจ็คสันยังไม่มารับ เขาจึงเดินไปรอที่คาเฟ่ของคณะเมื่อเข้าไปถึงข้างในเลือกโต๊ะเสร็จพนักงานเดินมารับออเดอร์

              “เอ่อ ขอโกโก้แก้วหนึ่งนะครับแล้วก็เค้กชิ้นหนึ่ง” พนักงานจรดปลายปากกาจดเมนูอาหารจากนั้นก็เดินไปทำตามออเดอร์

              เปียโนที่กำลังนั่งรอของว่างอยู่นั้นเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าเคลื่อนออกมาพร้อมปรากฏร่างหนาของใครบางคนที่เจอกันเมื่อตอนเช้านี้ ดีแลนยิ้มให้เขา

              “ยังไม่กลับอีกเหรอ ขอนั่งด้วยคนนะ” ดีแลนเลื่อนเก้าอี้มานั่ง

              “ได้ดิ สั่งอะไรหรือยังอ่ะ”

              “สั่งมาแล้ว เดี๋ยวสักพักก็คงมาเสิร์ฟพร้อมกัน”

              ไม่นานนักขนมและเครื่องดื่มที่สั่งมาก็ถูกนำมาวางเสิร์ฟ รันมองเค้กของตัวเองและของดีแลนซึ่งของดีแลนนั้นดูน่าทานกว่า มือหนาเลื่อนสลับจานของเขาและของตัวเองสลับกันเปียโนถึงกับปฏิเสธ

              “เปลี่ยนทำไมอ่ะ”

              “ก็เห็นมองของเรานึกว่าอยากสลับซะอีก” รู้ทัน แต่เปียโนก็เลือกที่จะกินของตัวเองเหมือนเดิมแต่ทว่าจะเอาเค้กชิ้นนั้นคืนแต่ดีแลนไม่ต้องการแล้ว “กินไปเถอะ ฉันอยากทานแค่นี้แหละ” ร่างหนายกแก้วชาเขียวขึ้นมาดูด

              “ก็ได้ ขอบใจนะ” เปียโนยิ้มตาหยี “ว่าแต่ดีแลนเรียนอะไรเหรอ” เขาถามเพื่อชวนคุยจะได้สนิทกันมากขึ้น แต่ถ้าตอบเรียนหนังสือจะใช้แฟ้มตบจริงๆด้วย มันกวนตีน!

              “เรียนการแสดงน่ะ” เปียโนถึงกับว้าวเพราะเหมาะสมนั้นแหละในอนาคตคงเป็นพระเอกที่ดังมากๆแน่

              “เท่จังอ่ะ” เปียโนเอ่ยชมร่างสูงข้างหน้าซึ่งดีแลนก็มีท่าทีที่แอบเขินเหมือนกัน

              “ไม่หรอกน่า รีบกินเถอะเดี๋ยวเพื่อมีคนมารับ”

              ในช่วงตอนบ่ายสามโมงหลังจากที่หวัง แจ็คสันเสร็จธุระก็ให้คนขับรถเตรียมรถเพื่อไปรับเด็กดีของเขาที่มหาวิทยาลัยสักที รถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ขับเข้ามายังมหาวิทยาลัยโดยจุดมุ่งหมายคือคณะศิลปะและการออกแบบเมื่อรถยนต์หรูจอดนิ่งสนิทก็ไม่ปรากฏร่างของเปียโน

              “โทรไปหาเขา บอกว่ามาถึงแล้ว” แจ็คสันสั่งเสียงเข้มเขามองไปยังตึกก็ไม่พบจนร่างหนาเริ่มหงุดหงิดเขาเปิดกระจกรถ

              “ครับนายคุณหนูกำลังจะออกมาครับ” คนขับรถรายงานไม่นานนักก็ปรากฏตัวของเด็กน้อยของเขาเปียโนที่เดินมาแต่ทว่ากลับไม่ได้มาคนเดียวกลับมีผู้ชายเดินเป็นเพื่อนมาด้วยทำเอาแจ็คสันหงุดหงิดกว่าเดิม

              เปียโนที่เร่งรีบหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากคนขับรถก็ขอตัวกลับโดยมีดีแลนนั้นเดินไปส่งด้วยแถมยังใจดีเลี้ยงเค้กกับเครื่องดื่มเขาอีกด้วยรันไม่ลืมที่จะขอบคุณ

              “ขอบคุณนะดีแลน หวังว่าเปิดเทอมคงได้เจอกันเนอะ”

              “เราแลกคอนแท็กกันแล้วไงเดี๋ยวตอนเย็นจะทักไป” ดีแลนลูบผมคนตัวเล็กกว่าซึ่งการกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของมาเฟียหนุ่ม แจ็คสันสั่งให้คนขับรถบีบแตรเพื่อเร่งให้เด็กของเขาเลิกล่ำลาพิรี้พิไรกับไอ้หน้าจืดตรงนั้นสักที

    ปริ้น ปริ้น

              “งั้นเจอกันนะ” เปียโนโบกมือบ๊ายบายก่อนจะวิ่งไปที่รถยนต์หรูที่จอดรออยู่หน้าตึก เมื่อเดินขึ้นไปบนรถเขาก็รู้สึกร้อนๆหนาวราวกับว่ามีพลังงานอะไรสักอย่างกำลังแผ่ซ่านมายังเขา

              ตลอดการขับรถไม่มีการพูดคุยระหว่างคนสองคนเกิดขึ้น รถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ขับตามถนนเรื่อยจนกระทั่งหยุดรถเพื่อรอประตูของคฤหาสน์ตระกูลหวังเปิดรถค่อยๆเคลื่อนไปช้าๆจนดับสนิทยังหน้าบ้านแจ็คสันรีบปิดประตูเสียงดังและเดินเข้าไปในบ้านโดยมีลูกน้องที่ขับตามมาด้านหลังเดินตามไปด้วย เปียโนไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่ก็ช่างมันเถอะเพราะว่ามีส่วนดีคือแจ็คสันจะได้ไม่วอแวเขายังไงล่ะ






    ต่อ


                   ร่างเล็กของเปียโนทันทีที่ถึงห้องนอนเขาพุ่งขึ้นไปทันทีด้วยความเหนื่อยล้าสักพักหนึ่งก็มีเสียงข้อความจากใครบางคนส่งมาเปียโนเปิดอ่านข้อความริมฝีปากแต้มยิ้มเล็กๆไว้ที่มุมปากก่อนจะทำการตอบข้อความทันทีเขาคุยกับดีแลนประมาณ 2 ชั่วโมงได้จนกระทั่งป้าเฟยเดินขึ้นมาเรียกเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้การสนทนาของเขาและดีแลนต้องจบแค่นั้น

              “คุณหนูคะ คุณท่านเชิญให้ลงไปข้างล่างค่ะ”

              เขาเปิดดูเวลาในโทรศัพท์ยังไม่ถึงเวลากินข้าวทำไมถึงเรียกลงไปเร็วนักกันไม่เข้าใจนัก เปียโนไม่อยากมีปัญหาจึงตัดสินใจเดินลงไปตามคำสั่งของคุณท่านเจ้าของบ้านหลังนี้ เขาเดินลงมาถึงข้างล่างป้าเฟยก็ให้เขาเดินไปที่ห้องทำงานของหวัง แจ็คสัน เปียโนทำหน้าเหม็นเบื่อแต่ก็ยอมเข้าไปมีการ์ดเฝ้าอยู่หน้าห้องสองคนผลักประตูให้เข้าไปข้างใน แจ็คสันนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้ทำหน้าขรึมนิ่งจนเขารู้สึกประหม่า

              “เรียกผมมามีอะไรครับ คุณท่าน”

              “จะออกไปข้างนอก” แจ็คสันพูดและจ้องใบหน้าเล็กๆของคนตรงหน้า

              “ห้ะ” บอกเขาทำไม จะออกก็ออกไปดิ

              “ฉันจะออกไปข้างนอกและนายก็ต้องไปด้วย”

              “ถ้าผมไม่ไปละครับ” เปียโนไม่อยากไปยิ่งไปกับอิตานี่สองคนโคตรจะไม่ปลอดภัยเลย

              ร่างหนาเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยทำท่าจะไม่ไปก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมโชว์หน้าจอเบอร์มือถือซึ่งในหน้าจอนั้นมีเบอร์ของรัดเกล้า บ้าน่านั่นมันเบอร์แม่ของเขา

              “คุณมีเบอร์นี้ได้ไง คุณแจ็คสัน” เปียโตเบิกตากว้างพยายามจะคว้าโทรศัพท์จากมือหนาแต่ไม่สำเร็จเพราะเขาดึงกลับทันที ริมฝีปากหนาของแจ็คสันยกยิ้มขึ้นอย่างร้ายกาจ

              “มีได้อย่างไรไม่สำคัญ สำคัญที่ว่านายจะไปข้างนอกกับฉันดีๆ หรือให้ฉันบอกเรื่องที่นายย้ายคณะโดยไม่ได้บอกพ่อกับแม่ของนาย” เปียโนลังเลใจหนึ่งก้คิดว่าคนอย่างหวัง แจ็คสันคงไม่โทรแต่ทว่าสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้าคือเขากำลังโทรออกหาแม่ของตัวเอง

              “โอเค ผมไปก็ได้”

              “เยี่ยม” แจ็คสันยกยิ้มก่อนจะสไลด์หน้าจอเพื่อกดตัดสายนั้นทิ้งไป

              เปียโนถูกป้าเฟยพาไปแต่งตัวที่ห้องเพื่อไปข้างนอกกับนายท่านอย่างหวัง แจ็คสัน ร่างเล็กหยิบชุดเสื้อปกคอปีนสีขาวแขนยาวตรงคอและแขนเสื้อตกแต่งด้วยลูกไม้เขาเดินไปหยิบกางเกงที่แขวนไว้ในตู้ในสุดเป็นกางเกงสีครีมเปียโนเดินออกมาจากห้องแต่งตัวป้าเฟยนั้นเอ่ยปากชมไม่หยุด

              “แหมคุณหนูน่ารักจังเลยค่ะ ลงไปหาคุณท่านเลยไหมคะ”

              “ครับ” ป้าเฟยเดินไปเปิดประตูพาเปียโนไปหานายท่านที่รออยู่ที่ห้องรับแขก



              ทางห้องรับแขกแจ็คสันอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตผ้ามันเงาสีแดงและสวมกางเกงสแล็คสีดำแบบรัดรูป ใบหน้าที่เรียบนิ่งนั่งรอคนตัวเล็กที่แต่งตัวอยู่ข้างบนเขาแค่จะพาเด็กน้อยของเขาไปทานอาหารข้างนอกเฉยๆเหมือนพาไปเปิดหูเปิดตาที่ฮ่องกง ไม่นานนักคนที่เขารอก็เดินลงมาถึงใบหน้าหน้ารักเข้ากับเสื้อผ้าที่สวมใส่ แจ็คสันสั่งให้เสี่ยวถังไปเตรียมรถไม่นานนักรถยนต์เมอเซเดสเบนซ์ก็ขับมาจอดยังหน้าบ้านเพื่อรอรับนายท่านและเด็กของเจ้านายตัวเอง เปียโนนั่งเคียงข้างคนตัวโตกว่าแต่ก็ไม่มีอะไรจะคุยเขานั่งไปแบบเงียบๆ ส่วนแจ็คสันก็นั่งขรึมอยู่ข้างๆบรรยากาศโคตรน่าอึดอัด รถยนต์คันหรูและรถของลูกน้องที่ขับตามมาทั้งหมด 2 คันขับเข้ามายังโรงแรม W.A.N.G Hotel & Restaurant ซึ่งเป็นโรงแรมของเขาเองเป็นธุรกิจที่เป็นเบื้องหน้าที่คนส่วนใหญ่รู้ว่าเขาเปิดโรงแรมแต่เบื้องหลังนั้นมีทั้งการพนันทุกชนิดที่เขาเข้ามามีส่วนร่วม


              “ถึงแล้วครับ” เสี่ยวถังเดินไปเปิดประตูให้กับทั้งสองคนให้เดินไปที่โรงแรมที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้ มือหนาพาร่างเล็กให้เดินเข้าไปเข้าในพนักงานรีเซ็ปชั่นและพนักงานคนอื่นต่างก้มหัวเมื่อเจ้าของที่นี่มาเยือนและทำการต้อนรับกันอย่างกระทันหันเลยก็ว่าได้

              ลิฟต์แก้วพาคนทั้ง 4 คนขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าของโรงแรม W.A.N.G Hotel & Restaurant ทันทีเมื่อลิฟต์เปิดออกมาก็พบกับภัตตาคารระดับ 5 ดาว ภายในถูกตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรป ร่างหนากระชับสูธเดินไปที่โต๊ะหัวหน้าพนักงานเดินมารับหน้าเจ้าของที่นี่

              “สวัสดีค่ะท่านรับอะไรดีค่ะ” หลิงฟูหลงยื่นใบเมนูอาหารของภัตตาคารวางไว้บนโต๊ะให้กับทั้งสองคน เปีนโนหยิบเมนูอาหารเพื่อเลือกสิ่งที่อยากกินจะสั่งให้เจ๊งไปข้างเลย คอยดู!

              หลังจากที่สั่งอาหารกันเรียบร้อยหัวหน้าของพนักงานก็รีบเดินไปที่ครัวทันทีและให้พ่อครัวรีบทำอาหารโดยด่วนที่สุดที่จะทำได้โดยใช้เวลาในการทำเพียง 15 นาทีเมนูอาหารทุกอย่างทุกนำมาวางเสิร์ฟเต็มโต๊ะ

              “ทานให้อร่อยนะคะ” เธอขอตัวออกไปจากตรงนี้ทันที

              เปียโนใช้ส้อมพันเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก เส้นนุ่มละมุนลิ้นผสมครีมซอสสีขาวไม่มีความเลี่ยนเมื่อรับรู้ว่าอร่อยคนตัวเล็กก็กินอย่างเดียวโดยมีคนตรงหน้านั่งมองหน้านิ่ง ร่างเล็กที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีคนจ้องอยู่ก็ช้อนใบหน้าขึ้นมามองด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ใครจะไปชอบเล่านั่งมองหน้าแบบนี้อ่ะ

              “มองทำไมครับมีอะไรติดที่หน้าผมหรือเปล่า” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มเมื่อเด็กน้อยตรงหน้าใช้มือเช็ดปากใหญ่

              “เปล่าหรอก” มือหนาหยิบมีดและส้อมมาหั่นสเต็กเนื้อเข้าไปในปาก เปียโนจึงเลิกสนใจและหันมาทานอาหารในจานของตัวเองต่อ



              หลังจากที่ทานอาหารแจ็คสันก็ตั้งใจจะพาคนตัวเล็กของเขากลับบ้านสักทีเพราะตอนดึกเขาต้องเข้าไปที่ผับที่เขาไปเป็นหุ้นส่วนร่วมด้วยกับมาร์คและแจบอมแต่มาร์คและแจบอมมันไม่อยู่เขาจึงได้เข้าไปดูแลแทนก่อน รถยนต์ขับแล่นไปตามถนนโดยไม่ทันได้สังเกตว่ากำลังมีรถยนต์ที่ไม่ใช่คันของลูกน้องขับตามอยู่

              “ท่านครับ มีรถคันหนึ่งขับตามเรามา” แจ็คสันหันไปมองรถที่อยู่ด้านหลังของเขาเป็นป้ายทะเบียนปลอมและยี่ห้อนั้นเป็นรถยุโรปซึ่งไม่น่าใช่คนทั่วไป

              “เหยียบหลุดพวกมันให้พ้น” น้ำเสียงกดต่ำลงทำเอาลูกน้องเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว เมื่อยิ่งรถเพิ่มความเร็วรถคันนั้นก็เร่งตามไป

              ร่างเล็กเมื่อรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติก็เริ่มกลัวเมื่อรถนั้นเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วและมีรถคันสีดำอีกคันขับตามหลังไม่ยอมห่าง

              “มันไล่เราตลอดเลยครับหนีไม่พ้นแน่ครับท่าน”

              แจ็คสันดึงร่างของเปียโนให้ก้มลงอยู่บริเวณหน้าท้องแกร่งมือหนาชักปืนและลดกระจกยิงออกมาข้างนอกจากนั้นก็เล็งไปที่ล้อของมันก่อนจะ...


    ปัง ปัง ปัง


              ตอนนี้เปียโนตัวสั่นกับเสียงปืนเผลอกำเสื้อของแจ็คสันแน่นและหลับตาปี๋ ลูกปืนทั้งสามนัดฝังอยู่ในล้อยางของพวกมันทำให้รถเสียหลังพู่งเข้าข้างทางดังนั้นคนขับรถจึงรีบเหยียบคันเร่งหลุดมันไปได้

              “หลี่เสี่ยวถัง นายไปสืบว่าพวกมันเป็นใคร”

              “ครับ นายท่าน”

              รถยนต์เลี้ยวขับเข้าไปในคฤหาสน์จนตอนนี้ร่างเล็กยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากชายเสื้อของเขาเลยด้วยซ้ำ ตัวสั่นหงกด้วยความกลัวช่างน่าเอ็นดูมือหนาแต่ลงบนตัวเพื่อให้เลิกกลัว

              “ปลอดภัยแล้ว เข้าไปในบ้านซะ” เปียลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าหน้าของตัวเองนั้นซุกอยู่บนหน้าท้องแกร่งก็รีบเอาหน้าออกจากตรงนั้นทันทีและมองไปรอบๆตอนนี้เขาอยู่บ้านคฤหาสน์หวังแล้วจริง ร่างเล็กพ่นลมหายใจราวกับโล่งอกเกิดมา 18 ย่าง 19 ปี ยังไม่เคยหนีจากการโดนตามล่าบ้าบอนี่สักครั้ง

              เปียโนเดินลงมาจากรถป้าเฟยที่รู้ข่าวว่านายถูกตามก็เป็นห่วงคุณหนูยิ่งนักเพราะมาได้ไม่ถึงสองสามวันก็เกิดเรื่องจนได้ เฟยรีบเดินมารับคุณหนูให้ขึ้นไปบนห้องมือบางประคองคุณหนูของเธอให้รีบขึ้นไปทันทีเพราะตอนนี้แจ็คสันกำลังจะสั่งงานให้ลูกน้องแต่ละคนทำ

              “เราต้องจัดเวรยามแน่นหนาขึ้น อย่างวันนี้ที่ฉันโดนตามเพราะอาจจะประมาทเอง พวกนายจำไว้ไม่ใช่คุ้มครองแค่ฉันแต่ต้องเป็นคุณหนูของที่นี่ด้วย”

              “ครับท่าน”

              “หยางฟงเหวินและเควินกำลังไปที่เกิดเหตุ เพื่อสืบหาว่าเป็นคนของใคร พวกนายไปทำหน้าที่ของตัวเองกันซะ” น้ำเสียงที่เหี้ยมใบหน้านั้นมีเส้นเลือดปูดเขากำลังโกรธใครที่บังอาจมาลูบคนคนอย่างเขากัน มันต้องได้เห็นดีกันแน่ๆ เพราะคนอย่าง หวัง แจ็คสัน ไม่ยอมให้ใครมาลูบคมฟรีๆ หรอก ร่างหนากระตุกยิ้มอันน่าขนลุกก่อนจะสั่งให้ลูกน้องขับพาไปข้างนอกที่ผับ WTI PUB

     




              อีกทางด้านฝั่งหนึ่งร่างหนาของใครบางคนที่รับรู้จากลูกน้องของตัวเองก็กัดฟันกรอดที่หวัง แจ็คสันนั้นหลุดไปได้ เขาถือกระบอกปืนเดินมาหาลูกน้องทั้งสองคนที่ทำงานพลาดก่อนจะใช้ปลายกระบอกนั้นตบเข้าที่แก้มของพวกลูกน้องทั้งสองที่ทำงานพลาด

              “จำไว้ถ้าพวกมึงพลาดอีก กระบอกปืนนี้จะจ่ออยู่บนหัวพวกมึง ออกไปให้พ้นหน้าได้แล้ว”


    ต่อ


    ประเทศเกาหลีใต้ โซล

              เขาใช้ชีวิตเกือบหลายอาทิตย์ในโซลการใช้ภาษาส่วนใหญ่จีฟต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารและภาษามือยกเว้นคุยกับอิมแจบอมหรือหลินไจ้ฟานที่สามารถฟังออกได้ จีฟย้ายมาอยู่ที่นี่ได้หลายวันคุณท่านเจ้าของบ้านตระกูลอิมดูเอ็นดูเขาไม่น้อยและอาสาจะเป็นคนส่งเรียนมหาลัยซึ่งตอนนี้เขากำลังเลือกลงเรียนภาษาเนื่องจากมันจำเป็น ซึ่งทางคุณท่านก็ให้ติวเตอร์มาสอนที่บ้านไปกลับทุกเย็น

              ในช่วงเย็นภายในห้องครัวร่างเล็กของจิรัฏฐ์กำลังช่วยแม่ครัวปรุงรสอาหารอยู่หน้าเตาโดยมีป้ามิยองเป็นคนสอนทำอาหารซึ่งนักเรียนจำเป็นก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี จนเวลาผ่านไปอาหารที่ต้องยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะมมากพอสมควร จีฟยกแกงไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะโดยนายท่านอิมก็เอ่ยชักชวนคนตัวเล็กให้ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน

              “หนูมานั่งทานด้วยกันก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” จีฟยิ้มให้อิม ชางบินแต่ก็เลือกที่ปฏิเสธเพราะเหล่าบรรดาภรรยาของท่านนั้นดูเหมือนจะไม่พอใจสักเท่าไหร่

              “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปทานกับป้ามิยองข้างหลังก็ได้”

              “งั้นก็แล้วแต่หนูแล้วกันจ๊ะ” อิม ชางบินไม่ตื้อให้เด็กน้อยรู้สึกอึดอัดจึงหันไปสนใจกับเหล่าบรรดาเมียเล็กเมียน้อยที่คอยขจยันเอาใจ อิมแจบอมที่มองจนเอือมจึงเลือกที่จะวางช้อนส้อมเสียงดังแล้วเดินออกจากโต๊ะอาหารนั้นไปทันที

              หลังจากที่คนที่บ้านทานอาหารเสร็จจีฟก็เดินไปช่วยป้ามิยองเก็บจานข้าวและแก้วน้ำต่างๆ บนโต๊ะ แต่ร่างอวบของมิยองบอกให้เขาช่วยไปจัดการตักอาหารขึ้นไปให้คุณแจบอมข้างบนแทนเพราะก่อนหน้าที่ร่างหนาจะลุกออกไปยังไม่ได้กินสักคำด้วยซ้ำ จีฟเลยเดินไปหยิบถาดและจานเปล่าเพื่อตักอาหารมาให้คุณแจบอมทานและขออนุญาตป้ามิยองขึ้นไปยังด้านบน ร่างเล็กหยุดอยู่หน้าห้องประตูบานใหญ่ก่อนจะใช้กำปั้นเคาะประตูเบาๆ

              “เอ่อ คุณแจบอมครับ ผมเอาข้าวมาให้” เสียงของคนข้างในเงียบ จีฟจึงเคาะเรียกอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจึงเลือกที่จะไม่ตอแย แต่ทว่าจีฟเดินกลับหลังเสียงประตูก็เปิดพอดี

              “มีอะไรหรือเปล่า”

              “ผมเห็นว่าคุณยังไม่ได้ทานข้าวน่ะเลยเอาขึ้นมาให้” จีฟยิ้มให้กับร่างหนาที่ยืนอยู่หน้าประตู

              “งั้นเข้ามาสิ” แจบอมเดินนำหน้าเข้าไปในห้องนอนเป็นครั้งแรกที่จีฟเพิ่งได้เคยเห็นห้องนอนของคุณแจบอมเป็นแนวโมเดิร์นที่ของตกแต่งล้วนแต่เป็นสีดำและสีขาวผสมผสานกันอย่างสวยงาม ร่างเล็กวางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะแล้วขอตัวแต่ทว่ามือหนาของเจ้านายกลับดึงลำแขนเล็กทำให้คนตัวเล็กเสียหลักแล้วเอนตัวใส่อกแกร่งของคนตรงหน้า

              “อ๊ะ เอ่อ คุณแจบอมมีอะไรหรือเปล่าครับ”

              “นายทานอะไรหรือยัง” ร่างหนาถามคนตัวเล็กแต่ไม่ยอมปล่อยแขนเล็กให้ออกห่างตนเอง กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ออกจากตัวของจีฟมันทำให้ความรู้สึกถึงความสบายใจ

              “เอ่อ คุณแจบอมปล่อยผม มันอึดอัดครับ” เสียงหัวใจของคนตัวเล็กเต้นระส่ำจนมันจะออกมาเต้นข้างนอกแล้ว

              “ตอบมาก่อนสิแล้วจะปล่อย”

              “ยังหรอกครับ” มือหนาปล่อยแขนเรียวออกไปด้วยความรู้สึกภายในด้วยความเสียดาย

              “ทานเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”

              “งั้นก็ได้ครับ”

              ภายในห้องนอนคนทั้งสองคนกำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่โต๊ะไม้โดยร่างหนาก้มหน้า ก้มตาทานด้วยมีการแบ่งข้าวให้เขาได้ทาน จีฟรู้สึกแปลกๆทั้งเกร็งและเขินในเวลาเดียวกัน จนเวลาล่วงเลยผ่านไปจีฟจึงจัดการอาหารพวกนั้นด้วยการจะนำไปเก็บไว้ข้างนอก

              “พรุ่งนี้ 10 โมงมาหาฉันที่ห้องนี้” แจบอมบอกคนตัวเล็กที่กำลังจะถือถาดอาหารเดินออกไป

              “ครับ”

              อีกทางด้านหนึ่งของเกาหลีในช่วงกลางดึกสงัดภายในห้องนอนขนาดใหญ่ร่างเล็กที่นอนกระส่ายกระสับอยู่บนเตียงขนาดใหญ่หลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันน่ากลัวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตรงขมับทั้งสองด้านริมีปากสั่นด้วยความกลัว เปลือกตาที่ปิดสนิทนั้นหลุกหลิกราวกับหลบหนีอะไรสักอย่าง

              “ฮึก...” เสียงสะอื้นในลำคอเป็นครั้งครา จนกระทั่งร่างเล็กรับรู้ถึงลำแขนแกร่งอันอบอุ่นของใครบางคนทำให้เสียงสะอื้นของเจ้าตัวนั้นเงียบไปพร้อมลำแขนแกร่ของใครอีกคนหนึ่งที่กระชับร่างของเปียโนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ร่างอันนุ่มนิ่มที่บดเบียดซุกอยู่ภายใต้อกแกร่งนั้นกลับเป็นว่านอนหลับและนิ่งสนิททันทีแต่สิ่งที่ไม่นิ่งคือคนที่เป็นคนอาสาปลอบร่างนุ่มนิ่มในคืนนี้คงอยู่ไม่นิ่งแน่ๆ ร่างหนาสูดลมหายใจลึกๆ ช้าๆ มือหนาพยายามลูบเรือนผมสีน้ำตาลเข้มของคนตัวเล็กซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขากล่อมคนใต้ร่างหรือกล่อมตัวเองที่กำลังรู้สึกว้าวุ่นอยู่ภายในใจกันแน่









    Say Hi กลับมาแล้วจ้า ยังไม่ทิ้งเด้อเรื่องนี้หายไปนานเนาะเคลียร์หลายเรื่องอยู่จ้า TT ดองเก่งที่หนึ่ง

    ขอบคุณที่ยังรออ่านกันน้า 


    อิมเมจ ดีแลน หวัง


    (?)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×