review- Sanctity Knight
ขอสารภาพก่อนเลยว่าตอนแรกที่อ่านหนังสือเล่มนี้คือตอนไปเรียนพิเศษ คือเริ่มเรียนตอนบ่ายโมงแล้วมีเวลาเหลือก่อนเริ่มเรียน เราก็เลยไปเดินเตร็ดเตร่แถวๆร้านหนังสือ แล้วก็...เอ๊ะ! หนังสือใหม่นี่ ลองอ่านดูเล่นๆแล้วกัน แต่แล้ว...
อ่านไปอ่านมาเราก็ติดเล่มนี้งอมแงม แถมเกือบไปเรียนไม่ทันต่างหาก(- - แย่เนอะ..)
โอเค…เกริ่นมาเยอะแล้ว ขอเข้าเรื่องเลยนะ
อย่างแรกเลยคือเรื่องย่อที่ปกหลัง เป็นเรื่องย่อที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจมากๆ
“...คำประกาศจากจากท่านวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทำชีวิตของข้าที่โรยด้วยหนามกุหลาบอยู่แล้ว ถูกเพิ่มเข้าไปด้วยมังกรอสูรยักษ์อีกตัว...
ความหวังในการนั่งกินนอนกินของข้าหายวับเข้ากลีบเมฆไปอย่างอย่างไม่กลับ
“ไม่จริงใช่ไหม!!!” ”
อ่านแค่นี้เราก็แทบจะพลิกกลับมาอ่านไม่ทันแล้ว แหมๆ ปกติคนเราต้องอย่างเป็นอัศวินสิ ยิ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว ยิ่งดูโก้ซะ... แต่ไหงตัวเอกของเรา กลับร้องโหยหวนปานจะถูกจับเข้าโรงเชือดซะอย่างงั้น..?
แถมพอยิ่งอ่านไป เราก็ยิ่งสนใจ ตัวเอกหรือดิวดร็อฟ อย่างประโยคที่ว่า
“ไม่ได้สงสารนะ แค่ไม่อยากแกล้งคนอ่อนแอเท่านั้น”
พออ่านแล้วก็รู้สึกว่า ดิวดร็อฟน่าจะเป็นพวกปากใบมีดใจเต้าหู้ ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว แต่ก็ไม่ใช่พวกที่เอาแต่ช่วยคนอื่นแบบไม่ลืมหูลืม แบบที่หาในโลกไม่ได้อ่ะ เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่ที่เจ้าตัวดูเป็นคนดีเลิศประเสริฐศรีในสายตาเฮนรี่หรือเลเกิ้ลคงเพราะความซวย (ทีหยิบยาผิดขวด) บวกกับสถานการณ์พาไป(ที่สู้กับจอมเวทดำ) เท่านั้นเอง
นอกจากนี้ดิวดร็อฟก็เป็นคนที่เผชิญโลกมามาก มีความคิดความอ่านที่ต่างไป ช่วยให้ทัพอัศวินได้เห็นมุงมองใหม่ๆมากขึ้น
และพออ่านจบก็ยิ่งหลงรักดิวดร็อฟมากขึ้นแบบสุดๆ แหม ปากบอกไม่สนใจ ไม่ไป สุดท้ายก็ยังกลับมาช่วยคนอื่นๆจนได้
มาที่ไซรีทัส ตัวเด่นอีกคนที่มีบุคลิกต่างจากดิวดร็อฟโดยสิ้นเชิง เป็นพ่อพระขนานแท้ ใจดี ช่วยเหลือคนอื่นไปทั่ว แต่อาจเพราะไม่เคยออกไปไหน เลยเป็นพวกมีมุมมองด้านเดียว แถมยังซื่อบริสุทธิ์ซะ เท่าที่อ่านเหมือนเมื่อก่อนจะเป็นพวกที่ช่วยชาวบ้านไปทั่วซะด้วย เหมือนถูกหลอกใช้แรงงานยังไงไม่รู้ เฮ้อ...ค่อยยังชั่วที่ไซรีทัสรู้จักตุกติกบ้างนิดๆ พอเอาตัวรอดได้ หลังจากเจอดิวดร็อฟ อย่างน้อยก็ช่วยให้พวกเฮนรี่เบาใจได้เยอะ เหอๆ
จะเห็นได้ว่าทั้งไซรีทัส และดิวดร็อฟต่างคนต่างมีพัฒนาหลังจากที่ได้เจอกัน ช่วยให้ตัวละครได้เติบโตขึ้น ได้รู้ได้เห็นโลกในมุมมองต่างๆมากขึ้น
สุดท้ายที่ก็คือพล็อตเรื่อง เรื่องราวต่างๆที่เกิดเหมือนจะไม่มีอะไร เหมือนจะเป็นแค่ความซวย(ของดิวดร็อฟ) หรือความบังเอิญก็ตาม แต่กลับทำให้เรื่องราวต่างๆมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว เป็นเรื่องที่สนุก มากๆ เราติดเรื่องนี้ตั้งแต่อ่านรอบแรก จริงๆแล้วเราชอบผลงานของ Finch ตั้งอ่านเรื่อง Soul playing Game แล้วก็ตามอ่านมาตลอด ขอบคุณที่เปิดเข้าใจอ่าน review นี้นะ
ความคิดเห็น