ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิค[Bungou Stray Dogs]ความรักที่ไม่สมหวัง(ดาไซxOc)

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่8 ศึกของ3องค์กรใหญ่(1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 526
      29
      17 ต.ค. 64

    ปล.ตอนนี้จะเข้าสู่เนื้อหาภาค2ในอนิเมะและข้ามมาตอนที่อัตสึชิโดดลงจากโมบี้ดิคนะคะโปรดทำใจในความเร่งเนื้อเรื่องของไรท์ไม่ก็บางทีก็อาจจะช้าบ้างนะคะ

    ___________________________

    คาเรียน่า บรรยาย



    ในที่สุดศึกของสามองค์กรก็มาถึงฉันล่ะตื่นเต้นจังที่จะได้สู้น่ะอุตสานั่งนับวันรอเลยนะเนี่ย แล้วก็เรื่องกล่องแพนโดร่าของท่านแม่ที่ได้รับมาเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนฉันก็เปิดดูแล้วล่ะ แถมชูยะก็มาดูด้วยฉันไม่ได้ชวนนะแต่หมอนั่นบอกว่าต้องให้ดูด้วย โทษฐานที่สับต้นคอแล้วปล่อยทิ้งไว้ในคุกใต้ดินน่ะ ฉันเลยต้องจำยอมให้มาดูด้วยกันในห้องพักของฉันใช่อ่านไม่ผิดหรอกห้องพักของฉันก็ตอนกลับมาจากสำนักงานนักสืบก็มาเจอกับชายหนุ่มร่างเล็ก ของหนึ่งในห้าผู้บริหารดักรออยู่ที่หน้าประตูห้องเลยล่ะถ้าถามว่าทำไมชูยะถึงไม่เข้าไปทั้งๆที่มีกุจแจห้องฉัน?ก็ขอตอบเลยว่าตอนที่ฉันสับต้นคอ ก็ได้ล้วงเข้าไปหยิบกุจแจออกมาหักทิ้งไปแล้วล่ะคงจะมารอบ่นใส่ฉันนั่นแหละ



    "คาเรย์เธอเหม่ออีกแล้วนะ!ไหวมั้ยเนี่ย!?ตอนนี้พวกเราอยู่ในสถานการณ์ขับขันนะ!ห้ามเหม่อสิ!"



    เสียงทุ้มออกนุ้มหน่อยๆดังขึ้นบอกกับฉันอ้อลืมบอกไปสินะว่าตอนนี้ถึงตอนที่พวกกิลด์ได้ตัวอัตสึชิคุงไปแล้ว และตอนนี้เด็กคนนั้นก็กระโดดร่มชูชีพลงมาอยู่ และฉันก็ไม่ได้เหม่อขนาดนั้นสักหน่อยไม่เห็นต้องตะคอกใส่เลยก็ได้นิชิชะ!



    "เหม่อที่ไหน?ฉันกำลังคิดแผนอยู่ต่างหาก"



    "แผนอะไร?"



    "แผนที่จะทำให้พวกกิลด์ล่มสลายหายไปทั้งหมดยังไงล่ะ"



    วูบ!



    ฉันตอบไปก่อนจะใช้พลัง[ความโศกเศร้าเคล้ามลทิฑ]ของชูยะในการยกเศษตึกออกจากชาวเมืองที่กำลังวิ่งหนีกันอยู่จนไม่ได้สนรอบข้างจนกระทั่งได้ยินเสียงของชูยะตะโกนเตือนว่า



    "คาเรย์!ข้างบน!"



    ฉันเงยหน้ามองข้างบนตามที่ชูยะบอกก็พบว่ามีเศษตึกขนาดยักษ์กำลังหล่นมาทางฉันอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าฉันก็ใช้พลังของชูยะยกให้เศษตึกค่อยๆตกลงมาทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แล้วผู้บริหารผมส้มก็ตะโกนบอกกับทุกคนว่า



    "คุมเครือข่ายการคมนาคมไว้ให้อยู่!ขืนเป็นแบบนี้แหล่งหากินของพวกเราได้วอดวายหมดแน่!ปกป้องไว้ด้วยชีวิต!"



    'สมแล้วที่เป็นถึงผู้บริหารน่ะคุมคนได้ดีจริงๆ'



    'หืม? ชมชูยะแบบนี้เธอชอบเขาเหรอ? จิ~ฮิ~โระ~'



    'พะ..พูดอะไรของเจ้าน่ะ!?ข้าแค่พูดชมตามมารยาทต่างหาก!ที่สำคัญนะ!ดูข้างๆตัวเองบ้าง!จะโดนเล่นงานแล้วนะ!'



    ชอบชูยะจริงๆซะด้วยร้ายกาจเหมือนกันนะจิฮิโระแต่ก็เอาเถอะฉันหมุนตัวหลบชาวเมืองคนหนึ่งที่โดนคำสาปของคิวคุงแล้วก็ฟาดมือลงไปที่ต้นคอทำให้สลบไปเหลือแค่รอให้ดาไซจับตุ๊กตาเท่านั้น



    ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!



    อืม...ไปช่วยหน่อยดีกว่าไม่อยากให้อัตสึชิคุงเจ็บไปมากกว่านี้ด้วยสิไม่งั้นก็ต้องไปรักษากับโยซาโนะ ซึ่งการรักษาของเธอก็ค่อนข้างน่ากลัวเลยล่ะสำหรับคนปกตินะ แต่สำหรับฉันมันจิ๊บๆมากเลยล่ะฉันจึงหันไปบอกกับชูยะว่า



    "ชูยะ!เดี๋ยวฉันขอตัวไปช่วยอัตสึชิคุงก่อนนะ!ทางนี้ฝากนายก็แล้วกัน!ยังไงก็ปลอดภัยแล้วล่ะ!"



    "เดี๋ยวก่อนคาเรย์!"



    ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!



    ฉันไม่ฟังคำเรียกของชายร่างเล็กก่อนจะกระโดดมาตามเสียงปืนแล้วก็เห็นว่า อัตสึชิคุงกำลังวิ่งหลบห่ากระสุนที่มาจากท้องฟ้าอยู่ฉันจึงกระโดดเข้าไปฟันกระสุนเหล่านั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้พลังปกป้องชายหนุ่มร่างโปร่งที่อยู่ข้างหลังไปด้วย



    "ชิลล์!"



    วูบ!



    มีม่านพลังสีขาวใสที่เป็นครึ่งวงกลมคลุมตัวเสือขาวเอาไว้ทำให้อัตสึชิคุงเรียกฉันอย่างตกใจทันที



    "พี่คาเรย์!"



    "วิ่งไปซะอัตสึชิคุง!ดาไซอยู่ข้างหน้านี้แหละ!พี่จะคุ้มกันเธอเอง!"



    บอกจบก็ทำการฟันกระสุนชุดต่อมาทิ้งทันทีทำให้คนที่ยิงอยู่นั้นเบิกตากว้างอย่างตกใจ ที่เห็นว่าผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันจะมีความสามารถขนาดนี้น่ะบอกเลยฉันทำได้มากกว่านั้น แต่ถ้าไม่ถึงทางตันจริงๆฉันก็ไม่งัดออกมาหรอก



    "ครับ!"



    แล้วชายหนุ่มผมสีน้ำข้าวก็วิ่งต่อไปฉันจึงคอยวิ่งตามหลังเพื่อปัดกระสุนให้ถึงความจริงจะไม่ต้องทำแล้วก็ได้ เพราะชิลล์มันจะปกป้องคนที่อยู่ข้างในอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ต่อให้เอาระเบิดนิวเคลียร์มายิงก็ไม่สะทกสะท้านหรอก แล้วในตอนนั้นเองที่ฉันสังเกตเห็นบางอย่างที่ตั้งเอาไว้เป็นฝีมือดาไซนั่นแหละ หมอนั่นเป็นผู้หยั่งรู้รึไง?ถึงได้คาดการณ์ถูกต้องหมดเลยน่ะ แต่ก็นะเพราะดาไซเป็นคนประเภทเดียวกับฉันนี้คงหมดหน้าที่ในวันนี้แล้วล่ะ



    ปัง!



    จู่ๆก็มีบางอย่างพุ่งเข้ามาที่ตัวฉันไม่สิพุ่งเข้ามาที่หน้าอกข้างซ้ายของฉันซึ่งมันเป็นตำแหน่งหัวใจ ทำให้ฉันค่อยๆล้มลงอย่างแปลกใจลูกกระสุนที่พุ่งตรงเข้ามาใกล้ขนาดนี้น่ะ ไม่มีทางเป็นฝีมือของมนุษย์หรอกงั้นก็เหลือแค่ทางเดียวที่จะทำให้ฉันบาดเจ็บได้ ก็คือต้องเป็นคนที่มีฝีมือพอๆกับฉันเท่านั้น ไม่งั้นก็อย่าหวังว่าจะสร้างรอยขีดข่วนให้ฉันได้เลย



    "พี่คาเรย์!!"



    เสียงของอัตสึชิคุงดังขึ้นอย่างตกใจทำให้เขาจะวิ่งย้อนกลับมาหาฉันแต่ฉันก็ตะโกนบอกไปก่อนว่า



    "วิ่งต่อไปซะอัตสึชิคุง!ตอนนี้เธอต้องเอาตุ๊กตาไปให้ดาไซก่อน!อย่าพึ่งห่วงพี่!"



    "แต่ว่า!"



    "วิ่งไปเดี๋ยวนี้! นาคาจิมะ อัตสึชิ! พี่ไม่เป็นอะไรหรอก!รีบวิ่งไปซะ!"



    ให้ตายสิเด็กคนนี้!รีบวิ่งไปสิอ่า...ตาเริ่มพล่าเรือนแล้วสิแต่...ยังไม่ใช่ตอนนี้ขออีกหน่อยเถอะ ขอหันไปทางที่ลูกกระสุนมาก่อนฉันค่อยๆหันไปทางที่ลูกกระสุนถูกยิงออกมา ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ในซอยแคบๆยกปืนค้างไว้อยู่ เหมือนกับรอให้ฉันหันไปทางเขาอย่างงั้นแหละแต่สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจคือผู้ชายคนนั้นคือทาคุจัง! เพื่อนคนแรกของฉัน!เพื่อนที่ฉันตามหามาโดยตลอดสามปี!นี้เขาเป็นคนยิงฉันเหรอเนี่ย!? ฮะๆๆ เจ็บปวดฉะมัดไม่ได้เจ็บแผลนะ แต่เจ็บที่ใจมากกว่าแต่การที่ทาคุจังยิงฉันแบบนี้คงมีเหตุผลแหละ เพราะทาคุจังทำอะไรก็มีเหตุผลเสมอและด้วยความที่อยู่ด้วยกันมาสิบห้าปี ทำให้ฉันรู้นิสัยทุกอย่างของเขาและแน่นอนว่าฝ่ายนั้นก็รู้นิสัยของฉันดีเหมือนกัน



    "ทา..คุ..จัง.."



    ฉันขยับปากเรียกอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะล้มไปตามพื้นคอนกรีตอย่างหมดแรง ลูกกระสุนมันอาบไปด้วยยาพิษแต่แค่นี้ทำให้ฉันตายไม่ได้หรอกเพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่ามิโกะแห่งโลกจะไม่มีวันตายจนกว่าจะแต่งงานมีลูกยังไงล่ะ



    'ให้ตายสิเป็นเพื่อนที่แย่ฉะมัดปล่อยให้คาเรย์ตามหาตั้งสามปีพอมาเจอกันก็ทักทายกันแบบนี้เลยเหรอ?'



    'อย่าโกรธทาคุจังเลย...เขามีเหตุผลเสมอ...ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม...เธอก็รู้ดีนิคิราร่า...นั่นน่ะคนรักของเธอนะ'



    'หึ!'



    ไม่ไหวแล้วแฮะเปลือกตาหนักอึ้งมากส่วนทาคุจังก็หายไปแล้วล่ะคงไปรอฉันอยู่สักที่ในเมืองโยโกฮาม่านั่นแหละแต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้วเหนื่อยมากและง่วงมากด้วยขอหลับสักหน่อยแล้วกันนะ



    "คาเรย์!!!"



    นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินพร้อมกับที่เห็นว่าดาไซวิ่งมาหาด้วยสีหน้าตกใจมากอยากพูดออกไปว่าไม่เป็นไรแต่มันก็เหนื่อยมากเลยหมดสติไปตอนที่ดาไซวิ่งเข้ามาถึงตัวฉัน






    ดาไซ บรรยาย(อาจจะไม่ตรงคาร์ลตัวละครขออภัยด้วยนะคะแต่ขอบรรยายในแบบที่พอจะเป็นดาไซก็แล้วกันค่ะ//ไรท์)



    "คาเรย์!!!"



    ตะโกนเรียกออกไปสุดเสียงหวังให้หญิงสาวในอ้อมกอดตื่นแต่ก็ไม่เป็นผลเธอยังหลับตาไม่ยอมตื่นขึ้นมามันเริ่มทำให้ผมกลัวกลัวที่จะต้องสูญเสียไปอีกครั้งไม่เอานะ!ไม่เอาแบบนี้!ขอล่ะ!ตื่นเถอะคาเรย์!



    "ได้โปรดคาเรย์ลืมตาได้โปรดเถอะไม่เอานะโอดะซาคุก็ไม่อยู่แล้วเธอจะทิ้งฉันไปอีกคนเหรอ? ไม่เอานะขอร้องล่ะลืมตาเถอะฉันอยากได้ยินเสียงเธอ จะเป็นคำอะไรก็ได้ขอแค่เธอลืมตาขึ้นมาพูดกับฉันสักคำก็ยังดี"



    ตอนนี้ผมเหมือนคนบ้าเลยแต่ช่างมันสิตอนนี้ชีวิตของคาเรย์สำคัญที่สุดไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ขาดเธอไม่ได้ อยากได้ยินเสียงอยากอยู่ใกล้อยากสัมผัสทุกอย่างที่เป็นผู้หญิงคนนี้ ผมชอบหมดเพราะฉะนั้นได้โปรดเถอะพระเจ้าอย่าพรากเธอไปจากผมนะ



    'ข้าไม่พรากนางไปจากเจ้าหรอกพรุ่งนี้นางก็ตื่นแล้วอดทนรอซะหนุ่มน้อย'



    "!?"



    ผมรีบหันซ้าย-ขวาเพื่อหาต้นเสียงแต่ก็ไม่เจอใครนอกจากอัตสึชิคุงที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ แต่เสียงนั้นมันช่างอ่อนโยนเหมือนกับจะปลอบโยนข้าไม่พรากนางไปจากเจ้าหรอก คำๆนี้มันยังติดในหัวอยู่เลยแสดงว่าเสียงเมื่อกี้ของพระเจ้าเหรอ!?



    "ฉันคงบ้าไปแล้วจริงๆแต่ถ้าท่านพูดเช่นนั้นก็ขอเชื่อสักครั้งก็แล้วกัน"



    พอพูดจบก็หันไปบอกกับอัตสึชิคุงว่า



    "อัตสึชิคุงมาช่วยฉันพาคาเรย์กลับไปที่สำนักงานทีเธอยังไม่ตายฉันมั่นใจเพราะฉะนั้นเลิกร้องไห้แล้วมาช่วยกันพยูงเร็ว"



    "ฮึก!..ครับ!ผมก็เชื่อว่าพี่คาเรย์ยังไม่ตายเธอจะต้องตื่นขึ้นมาแน่ครับ!"



    ใช่เธอต้องฟื้นกลับมาไม่ว่าจะยังไงก็ตามขอเดิมพันด้วยชีวิตถ้าคาเรย์ไม่ฟื้นผมจะไปกระโดดตึกตาย ไม่ก็อะไรก็ได้ที่ฆ่าผมได้น่ะจากนั้นผมกับอัตสึชิก็ช่วยกันพยูงร่างของคาเรย์ขึ้นมา แต่ในขณะที่จะก้าวเดินก็มีเสียงขัดขึ้นก่อนว่า



    "หยุดเลยดาไซ!ส่งคาเรย์มาให้ฉันสะ!"



    ชูยะอดีตคู่หูตอนอยู่ที่พอร์ตมาเฟียได้ออกมาขว้างไว้พร้อมกับสั่งด้วยเสียงแข็งกร้าวแต่คิดว่าผมจะยอมเหรอ?ฝันไปเถอะ!



    "ไม่"



    "ดาไซ!แกนี้มันไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ!ส่งคาเรย์มาให้ฉันซะ!ก่อนที่เธอจะไม่ใช่คาเรย์ที่แกรู้จัก!"



    ไม่ใช่คาเรย์ที่ผมรู้จัก?หมายความว่ายังไงกัน?แสดงว่าหมอนี้ต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับคาเรย์แน่ๆ



    "ไม่ฉันไม่คืนไม่ใช่คาเรย์ที่ฉันรู้จักเหรอ?อย่ามาตลกชูยะถอยไปซะฉันจะพาเธอไปหาคุณหมอโยซาโนะ"



    "ดาไซแกไม่เข้าใจ!ถ้าให้คาเรย์ไปอยู่กับพวกแกในสภาพนี้จะไม่ใช่คาเรย์ที่แกรู้จัก!ยัยนั่นน่ะ!..."



    "เสียงดังน่ารำคาญจังนะพวกเจ้าเนี่ย"



    "!?"x2



    ผมกับอัตสึชิคุงรีบก้มมามองคนที่โดนพยูงอยู่ก็เห็นว่าคาเรย์ขยับตัวพร้อมกับค่อยๆลืมตาขึ้นมา แต่ที่เปลี่ยนไปคือดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าใส!ทำไมถึงเปลี่ยนล่ะ? หรือนี้คือสิ่งที่ชูยะจะบอกน่ะว่าคาเรย์จะไม่ใช่คาเรย์ที่ผมรู้จักน่ะ?แล้วผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้เป็นใครกันล่ะ?



    "พี่คาเรย์!"



    อัตสึชิคุงเรียกอย่างดีใจก่อนจะเข้ากอดอย่างเร็วซึ่งร่างบางก็ยืนให้กอดนิ่งๆไม่ได้กอดตอบอะไรทั้งนั้นซึ่งมันแปลกถ้าเป็นคาเรย์จริงก็กอดตอบไปแล้วล่ะ



    "ถ้ากอดจนพอใจแล้วก็ช่วยปล่อยด้วยข้าจะกลับไปที่พอร์ตมาเฟียกับชูยะ"



    กึก!



    ชายหนุ่มผมสีน้ำข้าวชะงักทันทีหลังจากได้ยินประโยคเมื่อกี้แต่ว่านะข้าเหรอ?คำพูดโบราณแบบนี้มันอะไรกัน?หรือคาเรย์จะมีโรคสองบุคลิกด้วย?ก็ไม่น่าใช่นะแล้วมันคืออะไรกันล่ะ?



    "เอาจนได้สิน่าทำไมคนที่ออกมาถึงไม่เป็นคิราร่ากัน?ทำไมต้องเป็นยัยนี่ด้วยเนี่ย?"



    เสียงบ่นพึมพำของอดีตคู่หูลอยเข้ามาแต่มันเบามากเลยได้ยินไม่ค่อยชัดแต่ได้ยินชื่อคิราร่าชัดเลยล่ะไม่ปกติแล้วคาเรย์ต้องบอกอะไรบางอย่างกับชูยะแน่ๆไม่งั้นเจ้าตัวคงไม่พึมพำแบบนี้หรอก



    'ทำไมคาเรย์ถึงไม่บอกอะไรกับฉันบ้างเลยล่ะ?เพราะอะไรกัน?หรือเธอยังไม่เชื่อใจฉัน?ก็ไม่น่าใช่คงต้องถามให้รู้เรื่อง'



    พอคิดได้แบบนั้นก็หันไปจะถามแต่ดูเหมือนเธอจะรู้เลยพูดขัดก่อนว่า



    "เอาไว้ไปถามกับคาเรย์เองไม่ดีกว่าเหรอ?ข้าว่าให้ยัยนั่นเป็นคนบอกจะดีกว่านะ"



    พอพูดจบก็ผละตัวออกจากตัวผมแล้วก็เดินไปหาชูยะแทนพร้อมกับกอดแขนด้วย!



    "ชูยะคุง~ไม่ได้เจอกันนานคิดถึงข้ามั้ย~?^_^"



    "ไม่"



    "ใจร้ายข้าอุตสาคิดถึงเจ้าตลอดเวลาทำไมถึงไม่คิดถึงข้าบ้าง?"(นี้คือคน(?)ที่พึ่งบอกไม่ชอบชูยะไปนะแล้วทำไมคำพูดมันไม่ใช่อ่ะ?//ไรท์)



    "..."x2



    อัตสึชิกับผมทำตัวไม่ถูกเมื่อได้เห็นการเปลี่ยนไปของคาเรย์ไม่สิไม่ได้เปลี่ยนไปแต่เป็นคนอื่นมากกว่า!เหมือนกับว่ามีใครเข้ามาแทนที่คาเรย์อย่างงั้นแหละ!



    "ฉันบอกแล้วว่าจะไม่ใช่คาเรย์ที่แกรู้จักเดี๋ยวพรุ่งนี้ยัยนั่นก็มาหาแกเองแหละกลับจิฮิโระ"



    "จ้า~"



    แล้วทั้งคู่ก็เดินจากไปปล่อยให้ตัวผมกับเจ้าเสือหนุ่มยืนงงไม่เข้าใจอยู่ตรงนั้นแต่ชูยะเรียกคาเรย์ว่าจิฮิโระ มันเหมือนกับชื่อของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางเลยล่ะ หรือคาเรย์จะไม่ใช่มนุษย์?ไม่สิยังไปตัดสินอะไรไม่ได้ คงต้องรอดูท่าทีไปก่อนแหละยังไงซะความลับก็ไม่มีในโลกหรอก



    "กลับกันเถอะอัตสึชิคุงพรุ่งนี้คาเรย์คงมาหาพวกเราเองนั่นล่ะ"



    "อ่ะ...ครับ"



    ไม่ว่ายังไงก็ต้องรู้ให้ได้ว่าคาเรย์เป็นใครมาจากที่ไหนแล้วก็พลังจริงๆของเธอคืออะไรกันแน่






    ไรท์ บรรยาย



    หลังจากที่ชูยะพาตัวของคาเรียน่าไม่สิต้องเป็นจิฮิโระถึงจะถูกเพราะตอนนี้คาเรียน่าหลับอยู่นิ คนที่ออกมาแทนก็คือปีศาจจิ้งจอกเก้าหางจิฮิโระถ้าถามว่า ทำไมจิ้งจอกเก้าหางอย่างจิฮิโระมาอยู่ในตัวหญิงสาวนั้นก็ขอตอบว่า เพราะเป็นตัวตนในร่างปีศาจยังไงล่ะนักอ่านน่าจะรู้แล้วว่าคาเรียน่าเป็นมิโกะแห่งโลก ซึ่งเป็นคนที่สำคัญมากๆไม่ว่ายังไงก็ต้องปกป้องเธอเอาไว้ไม่อย่างงั้นโลกจะล้มสลาย



    "นี่ๆชูยะคุงเจ้าคิดว่ามนุษย์คนนั้นจะยอมรับในตัวคาเรย์มั้ย?"



    "ทำไมถึงถามแบบนั้น?หรือเธอไม่เชื่อใจดาไซ?"



    "มันก็กึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อน่ะบนโลกใบนี้ไม่ได้มีคนที่คอยยอมรับตัวตนของคนอื่นได้แบบชูยะคุงอยู่เยอะหรอกนะก็เลยถามเพื่อความแน่ใจน่ะ"



    ชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดตามเป็นอย่างที่จิฮิโระบอกไม่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะยอมรับตัวตนของคนอื่นได้หมดแต่เขาเองก็หวังว่าดาไซจะยอมรับในตัวตนของคาเรียน่าล่ะนะ



    "ฉันเองก็ตอบได้ไม่แน่ใจนักคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามที่โชคชะตากำหนดแล้วล่ะ"



    "หือ? ชูยะคุงเชื่อในเรื่องโชคชะตาด้วยเหรอ?"



    "ไม่รู้แค่พูดไปอย่างนั้นแต่ถ้ามีจริงก็อยากลองเชื่อดู"



    ผู้บริหารร่างเล็กตอบก่อนจะนึกอะไรได้แล้วหันไปถามหญิงสาวว่า



    "แผลตรงหัวใจเป็นยังไงบ้าง?"



    "เริ่มสมานตัวกันจนจะหายแล้วล่ะส่วนพิษก็ถูกกำจัดแล้วเหลือแค่ให้ร่างกายพักผ่อนก็พอ"



    ชูยะพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินมาส่งถึงหน้าห้องพักพร้อมกับพูดว่า



    "ราตรีสวัสดิ์พักผ่อนให้เยอะๆแล้วกันพวกเธอจะได้มีแรงในศึกนี้"



    "ชูยะคุงน่ารักจังเป็นห่วงพวกข้าขนาดนี้อยากได้รางวัลจากพี่สาวมั้ย?^_^"



    "ไม่เอา"



    ตอบจบชายหนุ่มก็เดินจากมาทันทีเพราะเขารู้ว่ารางวัลของเธอจะเป็นอะไรเลยรีบเดินออกมานี้แหละพอหนุ่มผมส้มเดินจากไปจิฮิโระก็พึมพำว่า



    "น่าเสียดาย"



    แล้วก็เปิดประตูเข้าไปในห้องพักของคาเรียน่าก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยส่วนแผลก็ปล่อยไปเพราะมันสมานตัวกันแล้วส่วนลูกกระสุนก็เอาออกมาตอนที่อาบน้ำแล้วล่ะ



    "ให้ตายสิคนรักของเจ้านี้มันร้ายกาจจริงๆคิราร่าข้าล่ะอยากจะเอาร่มพุ่งไปตีหัวเขาจริงๆเลย"



    'ก็ตีสิข้าไม่ได้ว่าแต่ตีแรงๆหน่อยก็แล้วกันเผื่อข้าด้วยยังไงสะทาสุคุก็ไม่จากไปไหนแล้วล่ะ'



    "อืม...แต่ข้าว่า...มันแปลกๆนะที่ทาสุคุจะมาทำอะไรแบบนี้น่ะเจ้าคิดว่าเขาโดนควบคุมอยู่มั้ย?หรือโดนล้างสมอง?"



    'นี้เจ้าเอาสมองส่วนไหนคิด?ทาสุคุไม่มีทางโดนอะไรแบบนั้นหรอกคงต้องรอจนกว่าเขาจะปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่งแล้วค่อยถามให้รู้เรื่องนั่นแหละ'



    "จ้าๆงั้นก็ราตรีสวัสดิ์"



    แล้วจิฮิโระก็นอนลงไปบนเตียงที่แสนนุ่มนิ่มก่อนจะหายไปเหลือเพียงคาเรียน่าที่กลับมาเท่านั้นเธอได้ยินทุกคำพูดที่สองสาวพูดกันแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต้องรออย่างที่คิราร่าบอกนั่นแหละ



    'หวังว่าจะมีเหตุผลที่ฟังขึ้นนะทาคุจังไม่งั้นฉันงอนนายนานแน่ๆ'



    แล้วหญิงสาวก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปถึงความจริงเธอไม่ต้องนอนก็ได้แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอหลับสักหน่อยแล้วกันจะได้มีแรงไปหาดาไซพรุ่งนี้แถมจะเจรจาร่วมมือกันด้วยถึงจะไม่เป็นผลก็เถอะ



    (ในความฝัน)



    'เอาอีกแล้วมาที่นี้อีกแล้วพักนี้ชักจะฝันเกี่ยวกับอดีตมากขึ้นแล้วนะ'



    หญิงสาวคิดในใจอย่างเฉยชาก่อนจะมองไปรอบๆตัวก็เห็นเพียงแต่ความมืดเท่านั้นเหมือนกับชื่อเล่นของเธอจริงๆ(คาเรย์ในภาษารัฐเซียหรือพวกประเทษอื่นจะมีความหมายว่าความมืดค่ะ//ไรท์)



    'ฮะๆๆ! ท่านจับหนูไม่ได้หรอกท่านแม่ฮะๆๆ!'



    จู่ๆเสียงใสของเด็กผู้หญิงวัยประมาณสองถึงสี่ขวบก็ดังขึ้นพร้อมกับภาพรอบตัวที่เปลี่ยนไป จากความมืดเปลี่ยนเป็นภาพของลานกว้างขนาดใหญ่เต็มไปด้วยธรรมชาติมากมาย แล้วเธอก็เห็นเด็กผู้หญิงผมดำคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอยู่กับ ผู้หญิงผมทองอย่างสนุกสนานคาเรียน่าที่เห็นภาพนั้นก็เพียงแค่มองนิ่งๆอย่างเฉยชา เพราะเด็กผู้หญิงผมดำตรงหน้าก็คือตัวของเธอเอง



    "ไม่ชอบเลยแต่ก็เอาเถอะจะคิดสะว่าเป็นการทรมานตัวเองก็แล้วกัน"



    หลังจากหญิงสาวพึมพำก็ดูภาพความทรงจำในอดีตของตัวเองเงียบๆมีทั้งการวิ่งไล่จับ ทำอาหารด้วยกัน เรียนด้วยกัน ทำงานก็ทำด้วยกัน มันเป็นคววามทรงจำที่ดีมากเลยล่ะ แต่มันก็แค่ความสุขชั่วคราวหลังจากนั้น ภาพทุกอย่างก็ตัดมาในห้องโถงพระโรงห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรูมากมาย และมีพวกผ้าไหมสีสันต่างๆตกแต่งด้วยบ่งบอกได้ว่า กำลังจัดงานเลี้ยงกันอยู่และความทรงจำนี้เป็นความทรงจำที่เธอเกลียดมากที่สุด



    ฉึก!



    'ทะ..ท่านแม่..ทะ..ทำไมท่านถึง...'



    'แค่กๆ!..คาเรย์..ไม่ว่ายังไง..ก็ห้ามฆ่าน้องนะ..แม่น่ะไม่อยากให้ลูกมือเปื้อนเลือดคนในครอบครัวหรอกนะ..ถ้าจะเปื้อน..แค่ก!..ก็เปื้อนเลือดแม่คนเดียวก็พอ..แค่กๆๆ!..'



    ร่างของคาริสซ่าที่แต่งด้วยชุดราตรีสีขาวบริสุทธิ์อาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสดและยังมีดาบปักคาไว้อยู่ที่ท้อง ซึ่งคนที่ถือดาบก็คือเธอในวัยสิบห้าปีและในวันนั้น ก็เป็นวันเกิดของเธอหมายความว่าเธอเป็นคนฆ่าท่านแม่เอง



    "...พอเถอะ...พอได้แล้ว..ฉันไม่อยากเห็นอีก.."



    คาเรียน่าพึมพำอย่างแผ่วเบาแต่สีหน้าของเธอยังคงนิ่งอยู่แต่ที่เปลี่ยนคือมีน้ำสีใสไหลลงมาตามดวงตาทั้งสองข้าง บอกได้ว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหนไม่มีใครไม่ร้องไห้ตอนที่ครอบครัวจากไปหรอก โดยเฉพาะที่ต้องมาตายด้วยมือของลูกตัวเองน่ะมันเจ็บยิ่งกว่าร้อยเท่าพันเท่าเลยล่ะ



    'คาเรย์..ไม่ว่ายังไง..ลูกก็ต้องเป็น---ให้ได้นะแม่ได้มอบ..แค่กๆ!..ดวงตาแห่งผู้สร้างให้กับลูกแล้ว..อึก!..ไม่ว่ายังไงลูกก็ต้องเป็น---นี่เป็นคำขอสุดท้ายจากแม่..ถ้าลูกได้เป็น---แล้วลูกจะรู้ทุกอย่าง..แค่กๆ!..ลาก่อนนะ..ลูกรัก:)'



    'ท่านแม่!ท่านอย่าพึ่งตายนะ!ท่านต้องอยู่กับหนูก่อน!หนูไม่มีใครนอกจากทาคุจังกับท่านแม่ให้เชื่อใจแล้วนะ!ได้โปรด!อยู่กับหนูต่อเถอะ! ฮึก! ฮือ~!!'



    เสียงร้องไห้ของคาเรียน่าในตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานปนอ้อนวอนขอให้ท่านแม่ผู้เป็นที่รักกลับมาแต่มันสายไปแล้วท่านแม่ได้จากเธอไปอย่างสงบแล้ว



    เฮือก!



    หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาหอบหายใจอย่างหนักโดยมีเหงื่อชุ่มเต็มไปหมดแถมเนื้อตัวก็ร้อนรุ่มทั้งๆที่ในห้องพักก็เปิดแอร์ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจไม่หายกับความฝันเมื่อกี้



    "แฮ่กๆๆ!..อึก!..แฮ่ก!..บ้าที่สุด..ฝันร้ายแบบนี้เป็นลางแน่ๆ"



    เสียงหวานสบถอย่างหัวเสียก่อนจะมองดูเวลาปรากฏว่าเก้าโมงกว่าแล้วนี้เธอกำลังไปดูตอนเจรจาสาย!เธอต้องรีบลุกไปอาบน้ำแล้ว!



    พรึ่บ!



    ร่างระหงรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงดิ่งไปเข้าห้องน้ำทันทีไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องไปให้ได้!



    (13 นาทีผ่านไป)



    พอหญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบสวมชุดประจำตัวพร้อมกับผ้าคลุมตัวโปรดทันทีจากนั้นก็รีบวิ่งออกจากห้องพักทันทีจนไม่ได้ตรวจสัมผัสดูให้ดีว่ามีใครอยู่หน้าห้องเลยทำให้ชนเข้าอย่างจัง



    ปัก!



    "อ๊ะ!/โอ็ย!"



    สองเสียงร้องขึ้นพร้อมกันเมื่อโดนกระแทกอย่างแรงซึ่งดูเหมือนว่าแรงกระแทกจะทำให้การทรงตัวของคาเรียน่าเสียหลักกำลังจะล้มลงแต่ก็ได้มือแกร่งโอบเอวไว้ได้ทัน



    "จะรีบไปไหนของเธอ!?ระวังตัวหน่อยสิ!ถ้าได้แผลขึ้นมาฉันไม่ปฐมพยาบาลให้เธอหรอกนะ!"



    "บ่นไปได้แต่นายก็ทำแผลให้ฉันอยู่ดี"



    คาเรียน่าพึมพำก่อนจะผละออกแล้วจะรีบเดินต่อแต่ก็โดนชูยะจับข้อมือไว้พร้อมกับบอกว่า



    "ถ้าเธอคิดจะไปหาดาไซตอนนี้ล่ะก็อย่าพึ่งไปพักอีกหน่อยแล้วค่อยไป"



    "ไม่เอาอ่ะฉันจะไปตอนนี้และเดี๋ยวนี้ด้วย อ๊ะ จริงสิฉันต้องทำขนมไปให้ด้วยนิงั้นคงต้องไปทำก่อน"



    พูดจบร่างบางก็วาร์ปหายไปที่ห้องครัวทันทีปล่อยให้ชายหนุ่มผมส้มยืนถอนหายใจอย่างปลงตกอยู่แบบนั้นพร้อมกับพึมพำว่า



    "ให้ตายเถอะฉันก็ต้องไปด้วยน่ะสิไม่อยากไปคุยสงบศึกกับเจ้าพวกนั้นเท่าไรเลยแต่ก็เอาเถอะ"



    (1 ชั่วโมงต่อมา)



    คาเรียน่าก็เตรียมตัวเสร็จพอเดินออกมาจากห้องครัวก็เจอกับชูยะที่ยืนพิงกำแพงรออยู่



    "อยากจะบ้าตายยังไงก็จะไปสินะ?"



    "ฉันไม่เป็นอะไรแล้วเอาเป็นว่าวาร์ปไปเลยดีกว่า"



    หญิงสาวบอกพร้อมกับยื่นมือมาให้ชายหนุ่มจับซึ่งร่างโปร่งก็จับแต่โดยดีแล้วทั้งคู่ก็หายไปจากหน้าห้องครัวทันที



    พรึ่บ!






    พรึ่บ! ชิ้ง! ชิ้ง! แกร็ก!



    "!!!"x(ทุกคน)



    "ว้าว~ มาโผล่ตรงจุดที่ไม่น่าจะมาโผล่เลยว่ามั้ย?ชูยะ"



    "ยัยบ้า~!!!!"



    ชูยะตะโกนด่าใส่หูของคาเรียน่าอย่างดังทำให้ร่างบางหูดับไปเลยทีเดียวถึงกับไม่ได้ยินเสียงของดาไซที่เรียกตนเลย



    "ชูยะคุง คาเรย์คุง พวกเธอสองคนมาที่นี้ทำไมเหรอ?"



    "ผมแค่ตามมาดูแลยัยนี้ครับบอสเกิดโดนโจมตีขึ้นมาคงแย่แน่ยังไงก็เป็นคนมีฝีมือของพอร์ตมาเฟียจะปล่อยให้เป็นอันตรายไม่ได้ครับ"



    "รู้สึกซึ้งใจจังเลย"



    หญิงสาวบอกก่อนจะเดินไปหาประธานสำนักงานนักสืบบุโซพร้อมกับยื่นตระกร้าให้



    "นี่เป็นขนมของวันนี้ค่ะหวังว่าจะถูกปากนะคะ"



    "ได้ข่าวว่าเมื่อวานเธอถูกยิงตรงบริเวณหัวใจไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ?"



    "อ้อ ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะหายสนิทแล้วถ้าไม่รีบหายกลัวว่าใครบางคนแถวนี้จะบ่นคิดถึงขนมของฉันน่ะค่ะ"



    ขณะพูดก็เล่มองไปทางดาไซเว็บหนึ่งสื่อให้ถึงว่าเป็นตัวของชายหนุ่มที่โดนพูดถึงอยู่ฟุคุซาวะที่ได้ยินก็อดที่จะขำไม่ได้แต่ก็ต้องเก๊กเอาไว้เพราะสถานการณ์มันไม่เหมาะที่จะหัวเราะน่ะสิ



    "ขนมของคาเรย์คุงเหรอ?ไม่ได้กินมานานแล้วสิมีแบ่งให้ฉันบ้างมั้ย?^_^"



    "อืม...ถ้าบอสอยากกินก็ได้อยู่พอดีทำมาเกินด้วย"



    พอโมริได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิมตอนนี้ดูเหมือนเรื่องเจรจาสงบศึกจะถูกพับเก็บไปชั่วคราว มีเพียงบรรยากาศที่คล้ายปิกนิกเข้ามาแทนแต่มันก็อยู่ไม่นานนักหรอก ในจังหวะที่คาเรียน่าเดินเอาคุกกี้ไปให้ก็มีลมพัดเข้ามาพอดี ทำให้ผ้าคลุมของหญิงสาวกระเพื่อมออกทำให้ต้องใช้มือจับเอาไว้ แต่บอสของพอร์ตมาเฟียเร็วกว่าอยู่นิดหนึ่งใช้จังหวะที่เธอเผลอเปิดผ้าคลุมออกอย่างรวดเร็ว! ทำให้คนในพอร์ตมาเฟียอีกสามคน(ไม่รวมชูยะเพราะเห็นแล้ว//ไรท์) ได้เห็นใบหน้าของนักฆ่าสาวอย่างชัดเจน!



    "!!!"



    โมริ โอไก เบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในภายใต้ผมคลุมมาโดยตลอด ไม่ใช่ตกใจในความสวยแต่เป็นเพราะใบหน้านั้นเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นไม่มีผิด! ผู้หญิงคนนั้นที่เป็นปีศาจสำหรับเขา!



    "..คาริสซ่า.."



    'อีกแล้วเหรอ?หมอนี้ก็รู้จักท่านแม่ด้วยนี้มันจะมีปริศนาเยอะเกินไปแล้วนะ'



    "แบบนี้มันเสียมารยาทนะคะบอสมาเปิดผ้าคลุมคนอื่นแบบนี้แถมยังมาเรียก-"



    ชิ้ง!



    พูดยังไม่ทันจบบอสของพอร์ตมาเฟียก็ได้นำมีดผ่าตัดมาจ่อที่คอของร่างบางทันที สายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและชิงชันอย่างเต็มเปี่ยมจนคนที่มองอยู่พากันสงสัยและตกใจ ที่คนสุขุมอย่างเขาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ โมริจึงถามคาเรียน่าด้วยน้ำเสียงกดต่ำและเยือกเย็นจนคนฟังพากันขนลุกยกเว้นร่างบางที่ไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น



    "ตอบฉันมา คาเรียน่า วีเวียร์ธาร์น เธอเป็นอะไรกับ คาริสซ่า วิเวียร์ธาร์น"



    "ฉันว่าคุณน่าจะเดาได้นะคะทั้งใบหน้าและนามสกุลมันก็ชัดเจนแล้วนิแต่จะบอกให้ก็ได้ค่ะฉันเป็นลูกสาวของ คาริสซ่า วิเวียร์ธาร์น"



    ความเคียดแค้นในแววตาของโมริเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีก่อนจะแสยะยิ้มพูดขึ้นมาว่า



    "หึ เหมือนกันจริงๆทั้งแม่ทั้งลูกเธอเองก็เป็นปีศาจเหมือนกับแม่ของเธอสินะ?"



    "กรุณาอย่าพูดถึงท่านแม่ของฉันแบบนั้นไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน"



    เฮือก!



    พวกดาไซพากันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่แสนจะว่างเปล่าของคาเรียน่ายกเว้นชูยะที่ตอนนี้รีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหาโทรศัพท์อย่างเร่งด่วน



    'ให้ตายสิ!บอสนะบอสดันมาทำให้ยัยคาเรย์โมโหซะได้!แบบนี้ต้องรีบโทรไปหาคนคนนั้นแล้วล่ะ!'



    "ทำไม?เธอจะฆ่าฉันทิ้งเหมือนกับที่แม่ของเธอฆ่าครอบครัวของฉันเหรอ?"



    "!!!"x(ทุกคน)



    ทุกคนทั้งหมดพากันตกใจเมื่อได้รู้ความจริงอันใหม่ที่พึ่งได้ยินแล้วแบบนี้หมายความว่ายังไง?ตกลงแล้วแม่ของคาเรียน่าเป็นคนยังไงกันแน่?คงต้องเงียบรอฟังประโยคต่อมาของทั้งคู่อย่างเดียวแล้วล่ะ



    "..."



    หญิงสาวเงียบไม่พูดอะไรเพราะเธอกำลังคิดว่าท่านแม่ไปทำอะไรไว้กับผู้ชายตรงหน้าแต่คงไม่พ้นเรื่องการฆ่ากันแน่นอนงั้นแสดงว่า...



    "เรื่องครอบครัวของบอสมันผ่านมาแล้วสี่สิบห้าปีแต่ฉันพึ่งได้รู้เมื่อยี่สิบห้าปีก่อนแต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าท่านแม่ของฉันว่าเป็นปีศาจไม่งั้นฉันคงต้องสั่งสอนเด็กน้อยซะหน่อย"



    "ไม่มีสิทธิ์เหรอ? หึ! แม่ของเธอเป็นปีศาจจริง!ทำไมฉันจะว่าไม่ได้!?เธอเองก็คงเป็นปีศาจไม่ต่างอะไรไปจากผู้หญิงสารเลวคนนั้นหรอก!"



    ผัวะ! ตูม~!!



    โมริพูดยังไม่ทันจบดีก็โดนต่อยเข้าที่ใบหน้าด้วยความรวดเร็วชนิดที่ว่าตามองไม่ทันแถมแรงต่อยก็มากพอทำให้พื้นคอนกรีตแข็งๆแตกเป็นหลุมลึกได้ถึงสามเมตร!



    "จะว่าฉันเป็นตัวอะไรก็ช่างแต่ถ้านายยังไม่หยุดว่าท่านแม่ของฉันล่ะก็...นายได้ตายแน่"



    เสียงกดต่ำของนักฆ่าสาวพร้อมกับจิตสังหารที่พวยพุ่งออกมาจากตัวทำให้ทุกคนเริ่มสั่นด้วยความกลัว รวมไปถึงชูยะที่ตัวเย็นเยียบขึ้นมาทันทีก่อนจะรวบรวมความกล้าที่เหลือน้อยนิด แล้วเดินเข้าไปห้ามหญิงสาวผมดำที่ยืนเหยียบบนตัวของบอสอยู่ด้วยเสียงที่สั่นนิดๆ



    "คะ..คาเรย์ถือว่าฉันขอล่ะ..อย่าฆ่าบอสเลย..ถ้าไม่มีเขาพอร์ตมาเฟียต้องล่มสลายแน่ๆ"



    "ถ้าหมอนี้ตายนายก็ขึ้นเป็นบอสแทนมันจะไปยากอะไร?เดี๋ยวฉันสอนการเป็นบอสให้นายเองคนอ่อนแอแบบหมอนี้ไม่สมควรเป็นบอสด้วยซ้ำ"



    'ซวยๆๆๆๆ!เมื่อไหร่เขาจะมาถึงสักที!?ไม่งั้นคาเรย์ได้เปิดเผยความลับตัวเองแน่!'



    ชายหนุ่มผมส้มคิดในใจอย่างหวั่นวิตกและยิ่งตกใจกว่าเมื่อเห็นว่าคาเรียน่าชักปืนออกมาจากต้นขาแล้ว!



    "คาเรียน่า วิเวียร์ธาร์น! หยุดเดี๋ยวนี้!"



    กึก!



    เสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวหยุดชะงักเพราะเสียงทุ้มที่ทรงอำนาจแบบนี้คือพี่ชายของเธอ! ทุกคนหันไปตามเสียงก็พบกับผู้ชายสองคนคนหนึ่งผมสีดำสวมหมวกมีจอนม้วนลงมา และมีกิ่งก่าสีเขียวเกาะอยู่บนหมวก(รู้กันแล้วนะว่าใคร//ไรท์) ดวงตาเรียวสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสัน รับกับใบหน้าหล่อเหลาที่ปรากฏบนโครงหน้า ส่วนอีกคนผมสีทอง ดวงตาเรียวสีฟ้าใส จมูกโด่งเป็นสัน รับกับใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยรอยยิ้มได้อย่างดี และคนที่พูดประโยคเมื่อกี้คือชายหนุ่มผมดำที่กำลังเดินมาทางคาเรียน่าอยู่



    "พี่...รีบอร์น..."



    หญิงสาวเรียกอย่างแผ่วเบาแต่มือก็ยังไม่ละออกจากไกปืนเพราะเธอโกรธมาก เธอไม่ชอบให้ใครมาว่าท่านแม่ของเธอจะว่าเธอเป็นตัวอะไรก็ช่างเธอไม่สน แต่ถ้ามาว่าท่านแม่หรือคนสำคัญของเธอเธอจะฆ่ามันให้หมด! ร่างสูงของรีบอร์นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบางพร้อมกับมองเธอด้วยสายตานิ่งๆก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหน้าเธอ!



    เพี๊ยะ!



    "!!!"x(ทุกคน)



    ทุกคนเบิกตากว้างอย่างตกใจเพราะฟังจากเสียงและการหันไปตามแรงตบของหญิงสาวแล้วมันใช้แรงเยอะมาก!



    "ฉันเคยบอกเธอว่ายังไง?ทำไมถึงไม่จำ?ชอบปล่อยให้อารมณ์กับความรู้สึกครอบงำอยู่ได้กฏข้อแรกของการเป็นนักฆ่าของพวกเราคืออะไร?"



    ".....ห้ามมีความรู้สึกค่ะ"



    "ใช่ห้ามมีความรู้สึกเธอเป็นคนตั้งกฏเองแท้ๆอย่าลืมสิ"



    คำพูดและเสียงที่เรียบนิ่งของรีบอร์เหมือนเป็นฤดูหนาวสำหรับพวกดาไซยกเว้นชูยะที่ไม่รู้สึกอะไรเพราะชินแล้วถึงตอนเจอกันแรกๆจะไม่ถูกกันก็เถอะ



    "ขอโทษค่ะ"



    คาเรียน่าตอบเสียงเรียบพร้อมกับเก็บปืนและเดินออกมาจากตัวของโมริที่ตอนนี้สลบไปแล้วชูยะจึงรีบเดินเข้ามาหาร่างบางทันทีพร้อมกับกระซิบบอกว่า



    "ขอโทษนะคาเรย์แต่ฉันปล่อยให้เธอฆ่าบอสไม่ได้ถึงเธอจะสอนให้ฉันเป็นบอสที่ดีได้แต่ฉันก็ยังไม่อยากเป็นหรอกเธอคงเข้าใจนะ?"



    "อืม ไม่เป็นไรนายทำถูกแล้วล่ะลูกน้องต้องปกป้องบอสฉันไม่ว่าอะไรนายหรอก"



    หญิงสาวบอกเสียงเรียบเธอไม่โกรธหรือว่าอะไรชายหนุ่มผมส้มหรอกที่เขาโทรตามพี่ชายเธอมาน่ะ เขาทำถูกแล้วเธอใช้อารมณ์กับความรู้สึก(ถ้าเป็นเรื่องท่านแม่คาเรย์จะมีความรู้สึกค่ะ//ไรท์)มากเกินไปสมควรที่จะโดนตบแล้วล่ะ



    "ขอโทษทุกคนแทนคาเรย์ด้วยเด็กคนนี้ยังฝึกมาไม่พอเอาไว้ฉันจะอบรมน้องสาวให้ดีกว่านี้"



    รีบอร์นหันไปพูดขอโทษก่อนจะหันไปหาผู้ชายอีกคนและพยักหน้าให้ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบพร้อมกับเรียกคาเรียน่าให้มาหาตน



    "คาเรย์มาหาพี่"



    ร่างบางก็เดินไปหาตามที่เรียกและในจังหวะที่เดินผ่านดาไซหญิงสาวก็กระซิบบอกว่า



    "เมื่อวานขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วงและเป็นภาระให้อีกตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ"



    พอชายหนุ่มผมน้ำตาลเข้มเกือบดำได้ยินแบบนั้นก็รีบคว้าข้อมือของคาเรียน่าเอาไว้พร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า



    "สำหรับฉันเธอไม่เคยเป็นภาระและจะไม่มีวันเป็นด้วย"



    ร่างบางที่ได้ยินแบบนั้นก็ยกยิ้มให้มันเป็นรอยยิ้มที่มีความหมายว่าขอบคุณชัดเจนมากเลยล่ะรวมไปถึงแววตาด้วย



    "คาเรย์"



    เสียงทุ้มนุ่มเรียกอีกครั้งหญิงสาวจึงค่อยๆแกะมือของดาไซออกพร้อมกับพูดสัญญาว่า



    "คืนนี้เดี๋ยวจะไปช่วยคิวคุงกลับมาด้วยและก่อนที่ฉันจะไปถึงอย่าพึ่งตายล่ะฉันสัญญาว่าจะไปให้เร็วที่สุด:)"



    "อืม ฉันเชื่อว่าเธอจะมาเพราะฉะนั้นฉันสัญญาว่าจะยังไม่ตาย:)"



    นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากที่คนอย่าง ดาไซ โอซามุ จะพูดว่า'ฉันจะยังไม่ตาย'ออกมาทำให้คุนิคิดะรีบจดลงในสมุดอุดมคติของตัวเองทันที



    "ชูยะคืนนี้ก็ร่วมมือกับดาไซด้วยล่ะยังไงก็เป็นอดีตคู่หูกันนิ"



    "เข้าใจแล้วเธอก็รีบมาด้วยล่ะฉันไม่รับประกันว่าจะไม่ต่อยไอบ้าดาไซหรอกนะ"



    คาเรียน่ายกยิ้มให้กับคำพูดของผู้บริหารร่างเล็กถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ต่อยจริงๆหรอก แล้วทั้งสามคนก็เดินออกมาจากการเจรจา(ที่ไม่ได้คุยกันเลย)ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ชูยะจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกทันทีพลางพึมพำว่า



    "ยังเป็นคนที่น่ากลัวเหมือนเดิมเมื่อไรคนในตระกูลวิเวียร์ธาร์นจะมีความสุขเหมือนคนอื่นบ้างนะ"



    แต่มีเหรอที่คนหูผีอย่างดาไซจะไม่ได้ยินน่ะ?ซึ่งร่างสูงก็จะถามแต่ผู้บริหารร่างเล็กก็หันไปสั่งกับหน่วยกิ่งก่าดำว่า



    "รีบมาพาตัวบอสไปรักษาเถอะแค่นี้คาเรย์ก็ออมมือให้มากแล้วล่ะ"



    'ถ้าการที่หลุมลึกสามเมตรคือการออมมือแล้วแล้วถ้าใช้ฝีมือจริงๆจะขนาดไหนกัน?'x3



    หน่วยกิ่งก่าดำทั้งสามคนต่างคิดในใจเหมือนกันก่อนที่จะมาช่วยกันพยูงร่างของโมริกลับไปที่ฐานอย่างทุลักทุเลส่วนชูยะก็หันมาคุยกับพวกสำนักงานนักสืบบุโซว่า



    "เอาเป็นว่าคืนนี้ฉันจะไปช่วยคิวซาคุกับแกด้วยพอดีมีเรื่องจะถามคาเรย์น่ะ"



    พูดจบก็หันหลังเดินกลับไปช่วยพยูงร่างของบอสต่อก่อนจะพากันเดินกลับฐานจนหายไปจากสายตาของนักสืบสี่คนที่มองดูอยู่






    (ณ เรือนคุกแห่งหนึ่งในป่าเวลา 20:00 น.)



    ตึก! ตึก! ตึก!



    เสียงการเดินเป็นจังหวะดังขึ้นก่อนที่จะหยุดลงเมื่อมาถึงเป้าหมายแต่แล้วก็มีแสงไฟส่องมาที่ตัวของชายหนุ่มร่างสูง ที่พันผ้าพันแผลเต็มตัวและใส่เฝือกที่แขนขวา (พอดีคาเรย์ดูกล่องแพนโดร่าอยู่เลยไปช่วยไม่ทัน//ไรท์)แล้วคนของกิลด์สองคนก็เดินออกมาพร้อมกับพูดว่า



    "สายัณห์สวัสดิ์พอดีนักวางกลยุทธ์ของเราคาดการณ์การเคลื่อนไหวของศัตรูแม่นน่ะ:)"



    "กับดักจริงๆสินะ:)"



    แล้วพอเงียบไปแปปหนึ่งเลิฟคราฟค์ก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าเพราะเห็นบางอย่างลอยมาก่อนจะโดนสิ่งที่เห็นพุ่งชนใส่อย่างแรง!



    ตูม~!!!



    ป่าไม้ในทางตรงถูกทำลายพร้อมกับที่ไฟหลายดวงดับลงทำให้ลูกน้องพากันระดมยิงใส่คนมาใหม่ทันที



    ปังๆๆๆๆ!!! วูบ! ตูม! วูบ! ตูม!



    แต่ก็ไม่ได้ผลแถมยังโดนพลังพิเศษของคนมาใหม่กดทับจนเป็นหลุมอีกด้วย!



    "มาช้าไปรึเปล่าชูยะ"



    "หนวกหูเฟ้ย!มันก็ดีกว่าไม่มานั่นแหละ"



    "บ้าน่าการจู่โจมกะทันหันแบบนี้ไม่เห็นมีบอกในการคาดเดาทางยุทธศาสตร์เลย!"



    พูดจบก็ใช้พลังพิเศษของตนปลูกต้นไม้แต่ก็โดนขัดขวางโดยดาไซสะก่อน



    "เอ้า โทษทีนะแต่อันนั้นห้ามใช้"



    แปะ! แปะ! วิ้ง!



    "พลังลบล้างพลังพิเศษเรอะ?"



    "รู้สึกซวยชะมัดที่ต้องมาร่วมมือกับชูยะเนี่ย"



    "นั่นมันคำพูดของทางนี้เฟ้ย!"



    ชูยะบอกก่อนจะใช้พลังพิเศษแล้วกระโดดเตะจอห์นSกระเด็นไปทางอื่นทันทีคงใช้เวลาหน่อยกว่าจะมาถึงที่นี้ล่ะนะ แล้วจากนั้นพวกลูกน้องของกลิด์ที่เหลือก็ลุกขึ้นมา ก่อนจะระดมยิงปืนใส่ทั้งคู่แต่ก็โดนพลังพิเศษของชูยะจัดการลงอย่างรวดเร็ว



    "ให้ตายสิเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปีเลย"



    "เฮ้ย ดาไซแกรู้จักเปตรุสปะ"



    "ไวน์แพงชนิดที่เห็นราคาแล้วตาแทบถลน"



    "คืนวันที่แกหายไปจากองค์กรฉันเปิดไอ้นั่นขวดปี89ฉลองฉันเหม็นขี้หน้าแกถึงขั้นนั้นเลยแหละ"



    "วันนั้นฉันก็ระเบิดรถชูยะไปเหมือนกัน"



    "ฝีมือแกเองเรอะ! เฮ้อ ประสาทจะแดก"



    "ฉันก็เกลียดทุกอย่างในตัวชูยะเหมือนกันแหละชอบอย่างเดียวคือเซนส์การเลือกรองเท้าล่ะมั้ง"



    ชูยะหยุดเดินแล้วยกรองเท้าขึ้นมาดูแต่นั้นก็ทำให้เขาโมโหจนวาดขาเตะใส่เมื่อดาไซพูดต่อว่า



    "แหลสดอยู่แล้ว"



    "แก๊!"



    แต่ก็นั่นแหละดาไซหลบได้เพราะรู้การเคลื่อนไหวของชูยะหมดพร้อมกับพูดกวนประสาทว่า



    "เปล่าประโยชน์น่าการโจมตีของนายน่ะทั้งจังหวะทั้งการใส่แรงฉันมองออกหมดแล้ว"



    "ฉันยั้งมือไว้หรอกถ้าเอาจริงกะโหลกแกแหลกไปนานแล้ว"



    "เห~? น่ากลัวจังเลย"



    แล้วทั้งคู่ก็เดินลงมาจนถึงชั้นล่างสุดพร้อมกับที่จุดตะเกียงทำให้มองเห็นตัวของคิวซาคุที่โดนรากไม้พันไว้อยู่ชายหนุ่มร่างสูงจึงพูดว่า



    "อยู่นั่นไงเจ้าหญิงนิทราผู้เฝ้ารอความช่วยเหลือ"



    "เจ้าหญิงนิทราเรอะ?"



    "ยืมมีดหน่อยสิ"



    "หา?"



    "อ๊ะ ตะกี้แอบฉกมาเผื่อไว้แล้วนี่นา"



    "แก..."



    ชิ้ง!



    ดาไซเอามีดของชูยะไปไว้ใต้คางของคิวซาคุโดยที่ผู้บริหารร่างเล็กไม่ได้พูดห้ามจนตัวสิ้นเปลืองผ้าพันแผลอย่างดาไซต้องถามขึ้นมา



    "ไม่ห้ามเหรอ?"



    "บอสสั่งมาว่าให้พากลับไปแบบมีชีวิตแต่พอเห็นหน้าไอ้เด็กเวรนั่นแล้วภาพถุงเก็บศพของลูกน้องที่โดนสาปตายไปมันก็พาลลอยเข้ามาในหัวเอาเลย"



    "งั้นเหรอ งั้นก็ไม่เกรงใจล่ะนะ"



    ฟับๆๆ! ฉับ!



    แต่สุดท้ายก็ไม่ฆ่าทำให้ชูยะอดพูดออกมาอย่างหัวเสียไม่ได้ว่า



    "ไอ้คนใจอ่อนเอ๊ยมาเสแสร้งทำตัวเป็นพ่อพระอยากจะอ้วกว่ะ"



    "ตราบใดที่คิวยังมีชีวิตอยู่พลังพิเศษของฉันก็จะมีความจำเป็นในฐานะตัวรับประกันความปลอดภัยจริงมั้ย?แล้วพอร์ตมาเฟียก็จะฆ่าฉันไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลจะตาย"



    "ก็ไม่รู้สินะ"



    หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยคิวซาคุออกมาได้โดยให้ชูยะอุ้มเด็กชายไว้ส่วนดาไซก็อุ้มตุ๊กตาตามขึ้นมา



    "เฮ้ย! ไอ้เวรดาไซส่งตุ๊กตานั่นมานะ"



    "ม่าย~เอาขอเก็บไว้เพื่อความชัวร์ดีกว่า^_^"



    "ไอ้หอกนี่ ซักวันจะฆ่าแม่งให้ได้เลยคอยดู"



    และในจังหวะนั้นเองที่มีเส้นระยางค์หลายเส้นพุ่งตรงเข้ามาหาชูยะพร้อมกับลากตัวชูยะออกไปจากนั้นก็นำร่างเล็กเหวี่ยงใส่อิฐบนหลังคาอย่างแรง



    ตูม~!!



    เลิฟคราฟค์ที่เดินกลับมาหลังจากโดนรถบิ๊กไบค์ของชูยะชนไปไกลพร้อมกับเปลี่ยนมือขวาตัวเองเป็นเส้นระยางค์ด้วย



    "พลังบ้าอะไรวะนั่น?"



    ปัก!



    "สมเป็นผู้มีพลังพิเศษของกิลด์!อึดเหลือเชื่อเลยจริงๆ!"



    "เอาตีนออกไป!"



    ชูยะสั่งเมื่อตัวเองโดนดาไซเหยียบเข้าที่หัวแบบไม่เกรงใจกันเลยแล้วทั้งคู่ก็ลุกขึ้นก็ยืนขนาบข้างเพื่อรอดูท่าทีของศัตรูก่อนที่ชูยะจะถามว่า



    "มันมาแล้วดาไซเอาไง?"



    "ไม่เอาไงทั้งนั้นแหละถ้าใช้พลังลบล้างพลังพิเศษของฉันไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบไหนก็หยุดได้ด้วยปลายนิ้ว..."



    ปัก! ตูม!



    "ดาไซ!"



    ชูยะเรียกอย่างตกใจก่อนจะหันมาต่อยระยางค์เส้นใหญ่สองเส้นที่รวบตัวกันให้แหลกสลายไปด้วยพลังพิเศษของตนก่อนจะรีบวิ่งไปหาดาไซทันที



    "เฮ้ย! ดาไซ!เป็นอะไรมั้ย?"



    ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างลำบากพร้อมกับที่มีเลือดไหลจากหัวกับปาก



    "นี่แก...เจ็บหนักเลยนี่หว่า?"



    "ระยางค์พวกนั้นแปลกมากพลังลบล้างพลังพิเศษไม่มีผลเลย"



    "บ้าน่าเป็นไปได้ด้วยเหรอ?"



    "พลังลบล้างของฉันไม่มีข้อยกเว้นหรอกนะเท่าที่เป็นไปได้ก็มีแค่อย่างเดียวนั่นไม่ใช่พลังพิเศษ"



    "หา? พูดจริงดิ? มุขนี้จี้ดีนี่หว่าถ้าไม่ใช่พลังพิเศษแล้วจะเป็นอะไร?"



    "ช่วยไม่ได้นะมาใช้วิธีเดิมๆกันเถอะเอาเป็นรหัสแผนการ'ความอัปยศ'กับ'คางคก'มะ?"



    "หา? มันต้องใช้'สายฝนนอกหน้าต่าง'ไม่ก็'คำลวงของดอกไม้ประดิษฐ์'สิ"



    ในขณะที่ดาไซจะพูดต่อก็โดนขัดด้วยเสียงเรียบนิ่งของผู้ชายคนหนึ่ง



    "ไม่ได้เรื่อง"



    ขวับ!x2



    ทั้งสองคนรีบหันกลับมามองข้างหลังทันทีทำให้เห็นว่าคนที่มาใหม่เป็นใคร



    "คุณรีบอร์น"



    "พวกนายนี่มันชักช้าชะมัดกะอีแค่อมนุษย์ตัวเดียวมันต้องใช้เวลากำจัดนานขนาดนั้นเลยเหรอ?"



    คำพูดที่เรียบนิ่งและว่างเปล่าของร่างสูงทำให้ชูยะอดที่จะเกร็งขึ้นมาไม่ได้ต่างจากดาไซที่เหมือนโดนอะไรบางอย่างกดดันอยู่แต่มันคืออะไรล่ะ? แรงกดดัน? จิตสังหาร? ไม่ใช่สิแล้วมันคืออะไรล่ะ?



    "ถึงจะพูดแบบนั้นแต่พวกเราไม่ได้ฝึกมาแบบคุณนะ"



    "ฝึกเหมือนไม่เหมือนมันไม่ต่างกันหรอกอีกอย่างนายเป็นลูกศิษย์คาเรย์ทำไมถึงจัดการได้ชักช้าขนาดนี้?"



    "ลูกศิษย์? งี้นี่เองสี่ปีที่ฉันไม่อยู่คงมีอะไรเปลี่ยนไปมากเลยสินะ"



    "คุณรีบอร์นถึงผมจะเป็นลูกศิษย์คาเรย์จริงแต่ยัยนั่นไม่เคยให้ฝึกโหดเหมือนกับตัวเองเลยนะ"



    ชูยะบอกถึงใจจริงตัวเองอยากจะลองฝึกแบบหญิงสาวผมดำก็เถอะแต่เธอกับไม่ให้เขาฝึกเลยเนี่ยสิลองถามดูแล้วว่าทำไมถึงไม่ฝึกให้ซึ่งได้คำตอบกลับมาว่า



    'ฉันน่ะไม่อยากสร้างปีศาจเพิ่มหรอกนะเพราะฉะนั้นฝึกแบบนี้แหละดีแล้วแค่นี้ชูยะก็เก่งมากแล้วล่ะ'



    นั่นแหละจากนั้นมาก็ฝึกแบบปกติมาตลอดซิคอัพสามพันครั้งวิ่งให้ถึงหนึ่งพันกิโลเมตรแบบห้ามหยุดพัก แล้วก็ฝึกใช้อาวุธทุกประเภทอีกด้วยทำให้เขาอยากจะฆ่าตัวตายเลยล่ะ แค่นั้นมันก็โหดมากพอแล้วล่ะสำหรับมนุษย์น่ะ



    "หึ กลับไปซะเดี๋ยวทางนี้ให้คาเรย์เก็บกวาดเอง"



    "คาเรย์อยู่ไหน?"



    พอได้ยินชื่อของหญิงสาวออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของคาเรียน่าแล้วทำให้ดาไซถามออกไปทันที



    "ขนาดคาเรย์อยู่ข้างหลังแกแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยคนแบบนี้ได้ตายเร็วแน่"



    "พี่รีบอร์นระวังคำพูดด้วย"



    เสียงหวานดังขึ้นมาจากข้างหลังดาไซทำให้เขาหันกลับไปมองอย่างรวดเร็วก็พบกับ ร่างระหงในชุดรัดรูปสีดำครึ่งตัวที่เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วพร้อมกับเสื้อคลุมที่เหมือนกับเขา เพียงแต่เป็นสีดำและไม่มีเชือกผูกเท่านั้น รองเท้าบูทครึ่งแข้งสีดำคู่เดิมพร้อมกับปืนอีกสองกระบอกที่เหน็บอยู่ตรงต้นขาทั้งสองข้าง และมีดสั้นที่อยู่ตรงเอวกับดาบคาตานะที่สะพายอยู่ข้างหลังอีกเหมือนกับคลังอาวุธเคลื่อนที่เลยล่ะ



    "คาเรย์"



    "มาตามสัญญาแล้วนะถึงจะช้าไปมากก็เถอะ"



    "ไม่เป็นไรเธอมาได้ถูกจังหวะมากเลยล่ะ"



    คาเรียน่าพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันไปทางเลิฟคราฟค์ที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้วร่างบางจึงถามพี่ชายว่า



    "จะมาร่วมด้วยมั้ย?พี่รีบอร์น"



    "สู้กับตัวกระจอกฝีมือฉันก็ตกน่ะสิเพราะฉะนั้นไม่"



    "เอาที่สบายใจงั้นฉันขอจัดการเองคนเดียวก็แล้วกันยังไงสะนี้ก็เป็นบทลงโทษน่ะ"



    "บทลงโทษ?"



    ดาไซพูดทวนอย่างสงสัยต่างกับชูยะที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนช่วงเช้าร่างบางต้องไม่พ้นการโดนเทศสนาแน่นอนพร้อมกับให้มาจัดการเลิฟคราฟค์ที่ไม่ใช่มนุษย์อีกด้วย



    "ไว้อธิบายทีหลังตอนนี้ขอจัดการเจ้านี้ก่อนแล้วกัน"



    หญิงสาวบอกก่อนจะเดินเข้าไปหาเลิฟคราฟค์พร้อมกับชักดาบคาตานะที่อยู่ข้างหลังออกมาเตรียมพร้อมเอาล่ะต่อจากนี้จะเป็นการต่อสู้ของนักฆ่าสาวแล้ว




    TBC.

    ____________________

    จบแล้วค่าาาา!!!บอกเลยว่ากว่าจะแต่งให้ออกมาเป็นแบบนี้ได้ไรท์ลบไปหลายรอบเหมือนกันแล้วก็เวลาไม่ค่อยมีด้วยค่ะตอนนี้งานกีฬาสีก็ใกล้เข้ามาแล้วค่ะพรุ่งนี้ก็ประชุมสีด้วยค่ะ คงกลับมาต่อได้อีกในอาทิตย์หน้าค่ะช่วยรอหน่อยนะคะแถมยังต้องไปปั่นนิยายเรื่องอื่นด้วยค่ะอย่าลืมนะคะ 1 เม้น = 100 กำลังใจค่ะ^_^


    ปล.ตอนหน้าคาเรียน่าจะโชว์พลังออกมาให้ทุกคนได้เห็นกันหน่อยหนึ่งแล้วก็จะได้เจอกับทาคุจังด้วยค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×