ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) Niger | Albus (KaiDo - KaiSoo)

    ลำดับตอนที่ #9 : Niger - Epilog

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 906
      16
      4 พ.ค. 58

    Epilog

     

              “ผมไม่ต้อนรับคุณ!

                แต่คำพูดนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังปล่อยเขาออกจากอ้อมแขน... กลับกัน กลับยิ่งรัดแน่นแนบชิดกันยิ่งกว่าเดิม นายแบบหนุ่มซบใบหน้าลงกับบ่าลาดมองข้ามคำพูดที่ทำร้ายกันเหล่านั้นแล้วโอบประคองร่างกายสั่นระริกของอีกฝ่ายเอาไว้...

                “ไม่...” เขาว่าเสียงเครือ

                เกราะกำบังหนามแหลมคมอันใดที่เคยใช้กำบังกาย ที่เคยยึดถือไว้ ยินดีจะปลดออกผ่อนคลาย จะยอมเป็นผู้แพ้ ไร้ศักดิ์ศรีอย่างไรก็ได้ เพียงแต่ความรู้สึกที่อยู่ข้างในนี้ ได้โปรดส่งไปให้ถึงที

                “พี่คยองซู...ผม...ไม่ได้อยากให้เราเกลียดกัน”

                คำนั้นดั่งก้อนหินที่กระทบลงบนผิวน้ำ... ให้เกิดเป็นระริ้วคลื่นแผ่ขยายกว้างใหญ่ 

                “...” คยองซูเงียบไปครู่หนึ่ง นาน...กว่าจะรวบรวมเรียงคำออกมาเป็นประโยคได้ “คุณก็พูดได้...”

                ร่างโปร่งของช่างภาพหนุ่มในที่สุดก็หลุดออกจากการเกาะกุมอ่อนแรงนั้นได้ เขาหมุนกายกลับมาเผชิญ ...ถามคำถาม

    “แล้วดูสิ่งที่คุณทำกับผมสิ คุณไค...ผมไม่เกลียดคุณได้หรือ?”

    โดคยองซูควรจะทราบ... ว่ายามเมื่อถามคำนั้นออกมา ...

                “พี่คยองซู...อย่าร้อง...

    ...ด้วยใบหน้าที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำตา

    แทนที่จะทำให้คนสิ้นหวังรามือยอมแพ้หรือผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน กลับให้ผลตรงข้ามต่างไป ...ผู้คนล้วนไม่สามารถหักห้ามใจ....ไม่คิดเข้าข้างตัวเอง

    จงอินเอื้อมมือออกอีกครั้ง ประคองใบหน้าคมคายอ่อนเยาว์ของอีกฝ่ายด้วยสองมือ น้ำตาสีใสที่ไม่เคยเห็นเต็มสองตานั้นงดงาม และยังบาดหัวใจให้เจ็บได้

    นายแบบหนุ่มพยายามปาดเช็ดหยดน้ำร้อนผ่าวที่รินออกมาเหมือนไม่มีทางหมดสิ้นของอีกฝ่ายและในที่สุดก็กระจ่างแน่ใจ

    ...แต่แรกแล้วที่โดคยองซูใช้เหตุผลในการโกรธเขา ไม่ใช่หัวใจ

                โกรธอย่างหน้าที่ ไม่ได้ชังกันด้วยอารมณ์ ดังนั้นเมื่อสองสิ่งที่ควบคุมตัวขัดแย้งสวนทางกัน คำตอบที่ควรชัดเจนง่ายดาย...จึงได้พร่ามัวเลือกไม่ได้ เหตุผลทั้งหลายแม้บอกให้โกรธเกลียดกัน ทว่าน้ำตานี้จะทำให้เขาคิดไปเองได้ไหม...ว่าหัวใจอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการสิ่งนั้น

                ...ตั้งแต่แรกแล้ว

              ตั้งแต่แรกแล้ว...ที่พวกเขาไม่ได้โกรธเกลียดชิงชัง

              ความข้อนี้แม้ทราบดีแก่ใจ ทว่าด้วยทิฐิอัตตา ความเย่อหยิ่งไม่ยอมกัน จึงมีแต่ต้องกระทบกระทั่งกันให้เกิดแผล

                “คุณคยองซู...”

    เขาทำตัวเหมือนเด็กจริงอย่างที่พี่จงแดเคยว่า

                มีแต่เด็กๆ เท่านั้น ที่จะกลั่นแกล้งคนที่ชอบ เพื่อให้อีกฝ่ายสนใจ

                “ยกโทษให้ผมเถอะครับ...นะ? ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว...สัญญา”

                นายแบบหนุ่มกระซิบพลางโน้มใบหน้าลง แตะจุมพิตกับกลีบปากอิ่มเต็มรูปหัวใจ สัมผัสแรกระหว่างกันไม่น่าจดจำคนถูกจูบจึงสะดุ้งไหว ทว่าเมื่อกาลดำเนินไป... เพลิงไฟกองเล็กๆ ก็ค่อยๆ ถูกจุดขึ้นมา

                จงอินรุกเร้าไม่รีบเร่ง เบียดชิดริมฝีปากอิ่มโดยไม่ล่วงล้ำลึกซึ้ง เพียงพะเน้าพะนอขบกลืนลิ้มรสเนื้อนุ่มหวานฉ่ำ และในที่สุด... อีกฝ่ายก็ยินยอมตอบรับด้วยการเผยอริมฝีปากเปิดรับเชื่องช้า

                เรียวลิ้นค่อยๆ สัมผัสกันอย่างลังเล...แล้วจึงข้ามผ่านกลับกลายเป็นการพันพัวแยกไม่ออก และแน่นอนว่าไม่ได้หยุดแค่เพียงตรงนั้น... ทว่ายังรวมไปถึงส่วนอื่น...ทั้งร่างกาย...

                “ตัวเย็น...” คยองซูตำหนิขึ้นแผ่วเบา...ในน้ำเสียงยังมีการสะอื้นเจืออยู่ด้วยซ้ำ

                แต่ไม่ได้ว่าอะไร...กับการที่เขาจุมพิตดูดดึง

                ดังนั้นคิมจงอินจึงถือเอาว่านั่นเป็นคำอนุญาตกลายๆ

                “...มาทำให้อุ่นขึ้นพร้อมกันนะครับ”

                เนื้อตัวเปียกปอนเยียบเย็นของพวกเขาค่อยๆ ถูกทำให้อุ่น

    แน่นอนว่าน้ำอุ่นจัดที่ค่อยๆ เพิ่มระดับเชื่องช้าในอ่างเซรามิค ...ลามเลียท่วมทับผิวกายเปล่าเปลือยนี้มีผลไม่ใช่น้อย ทว่าเหตุผลที่อุณหภูมิระอุร้อน...คล้ายส่วนใหญ่จะเนื่องมาจากการเสียดสีชิดใกล้ของร่างกาย

                จงอินเบียดดันอ้อยอิ่งจนร่างเล็กกว่าของอีกฝ่ายเบียดชิดขอบอ่าง แต่ละขั้นตอนในการสัมผัสล้วนเป็นไปด้วยความอดทนจนน่านับถือ เมื่อคิดว่าสะโพกสอบหนั่นเนื้อแนบอยู่บนหน้าขาและท่อนขาเรียวกระหวัดเกี่ยวอยู่กับเอวอย่างยั่วเย้า

                ครั้งแรกของพวกเขาไม่น่าจดจำ...ดังนั้น...ครั้งนี้จึงไม่อาจทำอย่างเดิม

                เขาจึงต้องอดทนให้มาก... รีบเร่งให้น้อย... ปรนนิบัติป้อนปัน...ทำให้อีกฝ่ายเต็มอิ่มจนแทบสำลัก...

                “อ...อื้อ...”

                “พี่คยองซู...ให้โอกาสผมแก้ตัวได้ไหม?” คำถามนั้นถูกถามขึ้นในเวลาที่ได้ล่วงล้ำเข้าสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของร่างกาย คยองซูที่กำลังจมดิ่งอยู่กับความอิ่มหนำพึงใจ ร้อง “ฮะ?” ออกมาเหมือนไม่แน่ใจในความหมายของประโยคนั้น

    จงอินผลิยิ้ม ขยับสะโพกเนิบนาบแล้วถามใหม่...ชัดเจนยิ่งกว่าก่อนหน้า

                “...คบกันนะ?”

                ความชัดเจนนั้นเอง ที่ทำให้นายแบบหนุ่มรู้สึกว่าร่างของอีกฝ่ายพลันเบียดเกร็งเครียดแน่น...

                “อื้อ...มันใช่เวลาที่จะพูดเรื่องนี้ไหม...”

                “คำตอบล่ะครับ” เขาทวงถามย้ำเตือนอีกหน เมื่อคำตอบไม่ตรงกับสิ่งที่ถามออกไป... บังคับทางอ้อมด้วยการขยับเขยื้อนกาย ถอนรั้ง...และถาโถมใหม่...แม้เนิบช้าเหมือนแกล้งกัน ทว่าก็หนัก...ชัดเจน

                คนอายุมากกว่าบิดเอวหนหนึ่ง...แสดงความต่อต้าน ไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายได้คุมเกมที่ละเล่นกันอยู่ง่ายดาย

    “...ไม่!

    หนุ่มน้อยหัวเราะในลำคอ คำปฏิเสธที่ได้รับไม่ได้อยู่นอกเหนือจากการคาดหมาย..

    “ผมบอกเมื่อไหร่ว่ายกโทษให้คุณ?”

    แต่คยองซูควรจะทราบ ว่าการปฏิเสธพร้อมกับการเกี่ยวโน้มใบหน้าอีกคนลงมาเบียดจุมพิตอย่างที่ทำอยู่นี้

    ...มันช่างไม่มีน้ำหนักเอาเสียเลย...

    เอาเถอะ...

    ไม่เป็นไร

    คิมจงอินยังมีเวลาอีกมาก... สำหรับการเปลี่ยนคำว่า ไม่ คำนี้ให้กลายเป็น ได้

    ตราบจนกว่าไฟระหว่างกันนี้จะมอดไป...

     

    ประตูรถปิดลงพร้อมร่างสันทัดของช่างภาพหนุ่มที่หยัดยืนเต็มความสูง ดวงตาคู่กลมมองไปรอบบริเวณก่อนผ่อนลมหายใจ เขาก้าวเหยียบหินกรวดอย่างไม่รีบเร่งไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ที่มีหญ้าแห้งอยู่เต็มสองฝั่ง ตรงหน้าเขาคือโกดังใหญ่เงียบสงัด และใช่...โกดังแห่งนี้คือสถานที่ที่เขาเคยมาทำงานมาก่อน และมันก็เป็นสถานที่ที่ได้พบเจอกับใครบางคนเป็นครั้งแรกด้วยเช่นเดียวกัน

    คยองซูเอื้อมมือแตะโครงประตูเก่า ๆ แล้วก็ให้แปลกใจไม่น้อย ด้วยเพราะกุญแจที่ควรจะถูกคล้องโซ่ล็อกไว้กลับถูกปลดก่อนเขามาถึง ชายหนุ่มเม้มปากพลางผลักประตูใหญ่ให้เปิดออกเพียงพอแค่เขาจะเดินเข้าไปได้ และในตอนที่ก้าวเข้าไปนั่นเอง...ที่ทำให้สองเท้าชะงักกึกอยู่กับที่ พร้อมสายตาที่มองไปเห็นใครอีกคน

    "...จงอิน?"

    คนถูกเรียกหันมา แสงสลัวจากภายนอกพอส่งให้เห็นสีหน้าของเจ้าตัวอยู่บ้าง และสิ่งที่แสดงออกอยู่นั้นก็คล้ายว่าจะเป็นความประหลาดใจจาง ๆ

    "พี่คยองซู?" เขาเรียก น้ำเสียงมีความคาดไม่ถึงเจืออยู่ "มาทำอะไรที่นี่น่ะครับ?"

    "นายต่างหากมาทำอะไร ไม่ใช่ว่าวันนี้มีงานแต่เช้าเลยออกมาก่อนที่พี่จะตื่นรึไง?"

    ช่างภาพหนุ่มไม่ได้ตอบยังถามกลับ ในประโยคเรียบง่ายประโยคนั้น ซ่อนความสัมพันธ์อย่างหนึ่งไว้เลือนราง

    เขาเลื่อนสายตาลงดูนาฬิกาโลหะเรือนงามบนข้อมือ เวลาที่แสดงไว้ก็ยังเร็วเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะทำงานของวันนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยดี

    "ผมถ่ายใกล้ ๆ นี่น่ะครับ ส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว เหลือแต่เซ็ตรวม เลยขอออกมาเดินเล่นสักสองสามชั่วโมง"

    อ้อ...คยองซูเพียงส่งเสียงเบา ๆ ในลำคอ เดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายที่เลือกจะนั่งลงบนลังไม้เก่า ๆ เขาทิ้งตัวลงนั่งที่ลังไม้ข้าง ๆ เช่นเดียวกัน เหลียวมองไปรอบบริเวณอย่างเงียบเชียบแล้วผ่อนลมหายใจยาว

    จังหวะหนึ่งที่สองสายตาสบประสาน ความคิดหนึ่งได้เรียกให้เรียวปากคลี่เป็นรอยยิ้มรูปหัวใจ เหมือนกับจงอินที่ยิ้มตอบกลับแล้วมองไปรอบบริเวณอีกครั้ง สองมือที่เคยวางบนตักตัวเองกลับขยับเคลื่อนไหว เชื่องช้าเนิบนาบ แต่ที่สุดแล้วก็ให้ได้สัมผัสกับเรียวนิ้วของอีกฝ่าย ไออุ่นจากเรียวนิ้วค่อย ๆ แปรผันกลายเป็นกรุ่นร้อนยามเมื่อสองมือทาบลงแล้วประสานกัน

    "คงไม่ใช่ว่ามาที่นี่เพราะ...หรอกนะ?"

    ช่างภาพหนุ่มถามอย่างนั้น แต่กลับไม่เอ่ยจุดประสงค์ชัดเจน นั่นทำให้คนอายุน้อยกว่าหัวเราะเบา ๆ แล้วกระชับมือของเขาให้แน่นขึ้น ความอุ่นวาบส่งผ่านจนหัวใจคยองซูกระตุกไหว

    "ก็คงเพราะอย่างนั้นล่ะครับ" จงอินตอบว่าอย่างนั้นพลางหันใบหน้ามาหาแล้วสบตากัน ไม่ได้มีแววหวานนุ่มลึกซึ้งใด ๆ แต่นั่นก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกรื้นร้อนที่ใบหน้า "ผมแค่อยากจะกลับมาที่ที่เราเจอกันครั้งแรก..."

    "ในวันครบรอบของเรา..." คยองซูต่อถ้อยความให้สมบูรณ์ ตามด้วยประโยครำพึงเบา ๆ "ผ่านมาตั้งปีนึงแล้วเหรอเนี่ย...รู้สึกแก่ชะมัด"

    ถึงจะพูดอย่างนั้น ทว่าดวงหน้าอ่อนเยาว์ที่แทบไม่แตกต่างจากเด็กหนุ่มของคนพูดกลับทำให้คิม จงอินหัวเราะ นายแบบหนุ่มยกมือเรียวที่ตนกอบกุมไว้ขึ้นประทับจุมพิตแผ่วเบาตรงปลายนิ้ว

    "เพิ่งจะปีเดียวต่างหากครับ"

    หนึ่งปี...สามร้อยหกสิบห้าวัน...แค่แปดพันกว่าชั่วโมง....

    เทียบไม่ได้เลยกับเวลาที่พวกเขาจะใช้ร่วมกัน...ยืดยาวไปในอนาคตข้างหน้า

    คยองซูรับรู้ความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ รอยยิ้มงดงามจึงถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ก่อเกิดเป็นรูปหัวใจอันน่าใหลหลง

    "อืม นั่นสินะ เพิ่งจะปีเดียวเท่านั้น"

    ดวงตาที่ยังคงสบสอดประสานกัน ต่างก็มองเห็นความรู้สึกของกันและกันที่ข้างใน

    จงอินโอบรั้งและฉุดดึงเหนี่ยวโน้ม ทำให้ร่างสมส่วนของอีกฝ่ายย้ายจากลังไม้ เปลี่ยนมานั่งอยู่บนตักของตน...ในอ้อมกอดที่โอบประคอง

    คางได้รูปวางลงบนลาดไหล่เล็ก โคลงตัวเบา ๆ แล้วส่งเสียงในลำคอ คลับคล้ายกำลังครุ่นคิดบางสิ่งในใจ แต่คยองซูก็ไม่ได้เร่งรัดให้อีกฝ่ายออกปากพูดหรอก เขาเองก็ใช้เวลาที่ซึมซับไออุ่นจากอีกคนในการนึกย้อนคิดถึงบางสิ่งเช่นเดียวกัน

    จู่ ๆ นายแบบหนุ่มก็หัวเราะขึ้นเบา ๆ จุมพิตลงยังหลังใบหูแล้วเอ่ยถาม

    "ถ้าหากว่าวันนั้นเราไม่ได้เจอกัน วันนี้...เราจะยังได้เจอกันอยู่รึเปล่าครับ?"

    คำถามของจงอินใกล้เคียงกับของเขา คยองซูเอียงศีรษะหลบเลี่ยงสัมผัสร้อนผ่าวของอีกฝ่าย ส่งเสียงปรามในลำคอหากก็ยังยกแขนขึ้นโอบคอจงอินเอาไว้

    "พี่กลับคิดว่า ถ้าหากว่าวันนั้นเราไม่มีเรื่องมีราวกัน...เราจะยังเป็นอย่างที่เป็นทุกวันนี้รึเปล่ามากกว่า"

    "นั่นสินะ..."

    สัมผัสลงที่หัวไหล่ ถึงแม้จะผ่านผืนผ้าอย่างไร คยองซูก็ยังรับรู้ถึงไออุ่นอยู่ดี เขาบังคับให้จงอินคลายแขนที่กอดไว้หลวม ๆ ให้ผละออก ทิ้งกายลงยืนเต็มความสูงแล้วก้าวถอยหลังออกห่างพอประมาณ

    กระแสสายตาที่ทอดส่งมามีความหมาย ที่ทำให้จงอินส่ายหน้าเชื่องช้า ขยับตัวลงจากลังไม้แล้วย่างก้าวเข้าไปหา

    "ผมจำวันนั้นได้..." คนอายุน้อยกว่าเกริ่น "ประโยคแรกที่พี่พูดกับผม...คือการดุว่าไม่รู้จักมารยาท ทำไมถึงได้จ้างคนแบบนี้มาทำงาน"

    คยองซูฟังแล้วหัวเราะเบา ๆ แก้ตัวเสียงเรียบเรื่อยไม่ยี่หระ "ก็มันจริงไหมเล่า"

    "...เด็กอวดดี"

    คนถูกว่ายังยิ้ม ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ยื่นมือออกไป เกาะกุมมือเรียวของอีกฝ่ายเอาไว้อีกครั้ง ปลายนิ้วที่ติดจะกร้านเล็กน้อยเกลี่ยวนบนผิวขาวจัดตั้งแต่ข้อนิ้วเรื่อยไปจนถึงข้อมือ....

    "ตอนนี้ก็ไม่ทำแบบนั้นแล้วไงครับ"

    ว่าเสียงอ่อนยินยอมรับผิดแต่โดยดี ดวงตาเรียวยาวทอประกายออดอ้อนอ่อนหวาน ทว่าคยองซูก็รู้...

    เรื่องที่แท้จริงนี่ยังไม่ใช่สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะเอ่ยกับตน

    เพราะอย่างนั้นแล้วจึงยังก้าวถอยหลัง ให้อีกคนยังก้าวตามประชิด ใบหน้ากลมคมส่ายไปมาไร้คำพูดใด ก่อนจะได้อุทานแผ่วเบาเมื่อถูกจงอินกระตุกรั้งให้ร่างกายเข้าชิดกัน ลมหายใจกรุ่นร้อนรินรดไม่ห่างจากใบหน้าของเขา และรอยยิ้มที่คลี่คลายประดับบนใบหน้าคมคาย...ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยประกายสายหนึ่งที่ทำให้รู้ว่า....อีกไม่นาน...ถ้าไม่หยุด...ก็คงต้องเดินต่อ

    "อย่าคิดเชียวนะคิมจงอิน"

    คนอายุมากกว่าว่าขึ้นอย่างรู้ทัน ทว่าหลังจบคำเพียงเสี้ยววินาที ริมฝีปากหยักบางคู่นั้นก็ประทับทาบลงกับกลีบปากของเขา เต็มแน่นด้วยแรงปรารถนาหนึ่งที่บังคับให้คยองซูต้องตอบรับ ก่อนค่อย ๆ เป็นฝ่ายเริ่มรุกเข้าหาอย่างไม่ยอมแพ้

    เกิดเสียงเจือจางจากลมหายใจ เสียงรองเท้าที่ขยับลากเลื่อนแล้วหยุดนิ่ง แล้วเสียงกระทบดังตามต่อมานั่นต่างหาก...ที่กำลังจะเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่ง

    "เราเจอกันที่นี่ครั้งแรก"

    "...ใช่"

    "แล้วพี่ไม่อยาก...ทำให้มันเป็นความแปลกใหม่กับบางเรื่อง...หน่อยหรือครับ?"

    คยองซูไม่ได้ตอบคำ เขากัดเม้มริมฝีปากฉ่ำชื้นขณะกอบกำสาบเสื้อที่อกซ้ายของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น สายตานั่นน่ะเจ้าชู้เกินกว่าใคร แต่มันคงไม่ต่างกับสายตาที่ซุกซนเจ้าเล่ห์ของเขานักหรอก จริงไหมล่ะ?

    ใบหน้าคมเข้มที่โน้มลงมาหากันแล้วเริ่มสัมผัสจุมพิตอีกครั้ง ทำให้คยองซูหวนนึกถึงช่วงเวลาทั้งหมดตั้งแต่วินาทีนั้นที่มีข้อพิพาทกัน จนถึงตอนนี้...ต่างฝ่ายต่างเปลี่ยนไปมากจริง ๆ

    "อือ..."

    แต่สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยน หรืออาจจะมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น...ก็คงเป็นสัมผัสที่ทำให้ร้อนรุ่มเช่นนี้กระมัง

    ริมฝีปากแนบจุมพิตซ้ำ ต่างพยายามจะข่มขึ้นเป็นผู้นำ ต้องการที่จะเป็นฝ่ายได้ก้าวอยู่ด้านหน้าทว่าเพราะเป็นอย่างนั้น รสแรงร้อนของจุมพิตยิ่งผ่านพ้นก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นไป

    ฝ่ามือกร้านของนายแบบหนุ่มเลื่อนลง ผ่านเอวสอบลงหาสะโพกหนั่นเนื้อ ฟอนเฟ้นผ่านสัมผัสกับกางเกงยีนส์เนื้อหนาที่อีกฝ่ายสวมใส่

    คนอายุมากกว่าหรี่ตายั่วเย้า ผละจุมพิตออก ทว่าเบียดดันร่างกายด้านล่างเข้าหา...ขยับบดเบียดเสียดสี

    "มีเวลาแค่สองสามชั่วโมงไม่ใช่หรือ"

    ปากเอ่ยเหมือนจะเตือน ทว่ากิริยาแววตาไม่เห็นใช่

    คิม จงอินหัวเราะเสียงต่ำ บนริมฝีปากหยักหนาประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย

    "รีบหน่อยน่าจะทันนะครับ"

    เมื่อไหร่ที่อาภรณ์ค่อย ๆ หลุดลุ่ยไปแบบนั้น ตอนไหนที่มีเพียงเรือนกายเปลือยเปล่าสัมผัสกันแบบนี้ คยองซูที่ได้รับการคุ้มครองโอบอุ้มไม่ให้แปดเปื้อนด้วยฝุ่นหนาในโกดังร้าง จงอินที่คอยประคับประคองไม่ให้ความรุ่มร้อนแผดเผาตนเองจนทำร้ายใครอีกคน

    นัยหนึ่งเขาไม่อยากรุนแรงเกินไปแม้จะปรารถนาเพียงใด ก็เพียงเพราะเขายังมีงานต้องทำ และก็นั่นล่ะ...หากเขาทำให้ตัวเองยับยุ่งหมดสภาพ คนที่จะต่อว่าเขาคนแรกก็คงเป็นคนที่กำลังขยับร่ายสะโพกสอบยวนเย้าเพลิงอารมณ์เขาในขณะนี้นั่นแหละ

    “พี่นี่มัน...”

    ช่างยั่ว...

    เรียวขาที่เกี่ยวรั้งสะโพกเขาไว้ ยิ่งดันให้เรือนกายแนบชิดเข้าหา เช่นเดียวกับแรงกระแทกที่ต้องเร็วรี่ถี่รัวตามปรารถนา ดุจคำสั่งหนึ่งซึ่งไร้สุ้มเสียง แค่การกระทำกับกระแสสายตาที่จ้องสบกันเท่านั้นจงอินก็รู้ได้

    เรียวนิ้วที่สอดสางเข้ากลุ่มผมของเขาดึงเบา ๆ ส่ายหน้าแล้วกดจมลงกับอกกว้าง ขยับเคลื่อนตามแรงเสียดสีของคนสองคนที่สอดคล้องประสานกัน ลมหายใจกรุ่นร้อนยิ่งคล้ายจะดำดิ่งลงลึกเช่นเดียวกับทุกสรรพางค์กาย

    เป็นไปตามท่วงทำนอง ขาดห้วงตามความรู้สึก ให้เสียงครางที่แผ่วเบาเริ่มดังขึ้น

    ดังขึ้น ดัง...จนก้องกังวานทั่วโกดังให้เสนาะหู

    ช่วงเวลาที่กระชั้นเข้ามาทำให้จำเป็นต้องรีบเร่ง

    จังหวะที่ไม่เคยคุ้นนักกระตุ้นให้เพลิงไฟยิ่งรุกโรมเผาไหม้ แต่ถึงแม้จะร้อนแรงเพียงใด...ทุกสัมผัสระหว่างกันนั้น...ก็ยังนุ่มหวาน...เหมือนน้ำตาลละลาย...

    จงอินจับยึดสะโพกสอบยกขึ้นแทรกกายลึกล้ำยิ่งกว่าครั้งไหน กายแกร่งกำยำของนายแบบหนุ่มกระตุกระริก กล้ามเนื้อทุกมัดบิดเกร็ง ก่อนที่จะแตะยังจุดสูงสุดแห่งการพังทลาย

    "อ่า..."

    อุณหภูมิของหยาดรักร้อนกรุ่นแม้ถูกลดทอนไปด้วยสิ่งป้องกัน คยองซูก็ยังร้อนวูบทั้งช่องท้อง ส่งเสียงครางพึงพอใจที่ไม่สามารถสะกดกลั้น ก่อนที่ร่างกายจะเครียดเขม็งขึ้น...บีบคั้น...และอ่อนยวบอยู่ในอ้อมแขนของอีกคน

    จงอินยังคงนิ่งค้าง...ในตอนที่โน้มศีรษะลง...จุมพิตอ่อนหวานนุ่มนวลลงกับไรผมชื้นเหงื่อ

    คนอายุมากกว่าหลับตารับสัมผัสโดยไม่ได้ขัดขืน

    ในวินาทีนั้น...

     

    ถ้าหากวันนั้นเราไม่ได้เจอกัน...ไม่ได้มีเรื่องกัน... เรายังจะเป็นแบบนี้ไหม?

     

    คำถามได้ผุดพราย...

    ทว่าคำตอบก็ตามมาพร้อมกัน

    ...ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวแบบไหน บางอย่างในความรู้สึกก็บอกไว้...ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไร...ผลลัพธ์สุดท้ายก็คงจะเป็นเหมือนเดิมกระมัง

     

    ตราบเท่าที่พวกเขายังเป็นโด คยองซูกับคิม จงอิน


     

    Fin.


    เฮฮฮฮ /จบแล้วววว /ชูมือขึ้นฟ้า

    เริ่มต้นจากจุดเดียวกัน เดินไปในเส้นทางที่แตกต่าง ส่วนจุดหมายนั้น...ก็เป็นอย่างที่เห็นครับ

    ซีรี่ส์ฟิคขาวดำนี้เป็นสไตล์โลกคู่ขนานที่ไม่เคยจับมาก่อน อาจจะมีผิดพลาดหลายประการ แต่หวังว่าจะชอบกัน

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมาตลอด ในตอนสุดท้ายนี้ รายงานตัวกันสักหน่อยจะรู้สึกดีใจมากๆ เลยคร้าบ <3

    ทวีตติดแท็ก #ฟิคดำKS เหมือนเดิม

    และตอนนี้ก็ยังเปิดพรีอยู่ สนใจเข้าไปดูรายละเอียดกันได้ใน >> [Pre-Oder] ครับผม

    พบกันใหม่ซีรี่ส์หน้า ...ที่พอจะได้โครงมาคร่าวๆ แล้ว /นี่จะไม่ให้พักว่างเว้นกันเลยเหรอครับ @RYUGU!

     

     


     



     

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×