หลุมพราง
ในบางครั้ง...คุณเพิกเฉยต่อคำเตือนของคนที่คุณรักจนเกิดผลเสียต่อตัวคุณรึเปล่า หรือที่จริงแล้ว บางครั้ง...คุณเผลอตกหลุมพรางจากคำเตือนของคนที่คุณรักโดยไม่รู้ตัว
ผู้เข้าชมรวม
303
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
ในบางครั้ง...คุณเพิกเฉยต่อคำเตือนของคนที่คุณรัก
จนเกิดผลเสียต่อตัวคุณรึเปล่า
หรือที่จริงแล้ว บางครั้ง...คุณเผลอตกหลุมพราง
จากคำเตือนของคนที่คุณรักโดยไม่รู้ตัว
เรื่องสั้นเรื่องนี้ใช้ร่วมกิจกรรม “ปล่อยของ”
ของสมาคมนัก (อยาก) เขียน
กิจกรรมแรกกับทางสมาคมค่ะ ไม่รู้จะเอาอะไรมาปล่อย มาลงเอยที่เรื่องนี้ค่ะ เป็นเรื่องสั้นที่สั้นจริง ๆ
ยังไม่รู้ว่าจะโยนเรื่องนี้เข้าหมวดไหน ได้โปรดอย่าถาม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
หลุมพราง
เมื่อแสงสว่างจากท้องฟ้ามีกลุ่มก้อนสีเทาเข้มของเมฆเข้ามาบดบัง มันก็ไม่อาจส่องลงมายังซอยแคบขนาบด้วยตึกสูงสภาพโทรมได้อีกต่อไป ความเงียบสงบในช่วงเวลาราวตีหนึ่งถูกแทรกด้วยเสียงฝีเท้าและเสียงโหวกเหวกจากกลุ่มนักศึกษาที่เดินลงมาจากตึก
“เฮ้ย พวกกูไปแล้วนะ” นักศึกษาสามในห้าขึ้นไปเบียดเสียดกันบนรถมอเตอร์ไซต์คันเล็ก ก่อนจะบึ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมควันคลุ้ง ส่งผลให้สองคนที่เหลือต้องยกมือขึ้นมาปิดจมูก
คนหนึ่งคือ ‘ธิดา’ สาวสวยดาวคณะในชุดนักศึกษารัดรูปเผยทรวดทรงชัดเจน ชายเสื้อยับยู่หลุดออกนอกกระโปรงทรงเอความยาวไม่กี่คืบโชว์ขาเรียวขาวชวนมอง ผมทองดัดลอนของเธอดูยุ่งเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้กับโปรเจ็กต์มาตลอดทั้งคืน
อีกคนเป็นชายหนุ่มหน้าเรียวมีแว่นหนาวางทับสันจมูก เขาคือ ‘บอย’ ว่าที่บัณฑิตเกียรตินิยม บอยไม่ใช่คนหน้าตาดี ผู้ชายอย่างเขาคว้าหัวใจสาวงามข้างกายมาได้ด้วยความปากหวานเท่านั้น แต่พวกเขาก็คบกันมากว่าสามปีแล้ว
“ดากลับแล้วนะคะ” เสียงหวานของธิดาดังขึ้นเมื่อรถของเพื่อนหายลับสายตาไป
“จะกลับยังไงดา ไม่มีรถไม่ใช่เหรอ” บอยถามกลับขึ้นทันควัน
“ดาจะเดินไปที่ปั้ม เดี๋ยวโทรให้คุณพ่อส่งคนมารับ” ธิดาตอบกลับ เธอส่งรอยยิ้มหวานเป็นการตอบแทนความเป็นห่วงของชายหนุ่ม
“ได้ยังไง ปั้มตั้งไกล” ชายหนุ่มร้อง เขาขมวดคิ้วมองหญิงสาวที่ไม่ได้แสดงท่าทีสะทกสะท้านกับการต้องเดินคนเดียวไปตามซอยมืดเปลี่ยวแห่งนี้เลย
“ไม่เป็นไรหรอกน่า บอยคิดมากไปได้” หญิงสาวตอบปัด
“ไม่เป็นไรไม่ได้!” บอยพูดเสียงดังแทบตะคอก เขาพ่นลมหายใจ พยายามระงับอารมณ์ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “รู้ไหมว่าเป็นผู้หญิงเดินในที่เปลี่ยว ๆ คนเดียวอันตรายแค่ไหน จากที่นี่ไปปั้มไม่ได้ใกล้เลยนะ แล้วยังต้องยืนรออีก ถ้าเกิดมีคนดักจี้ขึ้นมาจะว่ายังไง เกิดถูกทำมิดีมิร้ายขึ้นมาใครจะช่วยดา เมื่อวันก่อนเพิ่งมีผู้หญิงถูกฆ่าข่มขืนใกล้ ๆ นี่เอง ให้บอยไปส่งเถอะ”
ธิดาถอนหายใจ อมยิ้มน้อย ๆ รู้สึกขบขันความเป็นห่วงที่เธอคิดว่ามันเกินเหตุของแฟนหนุ่ม
“เอาน่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกันทุกวันที่ไหน บอยขึ้นห้องไปเลย” ไม่ว่าเปล่า หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างดันแผ่นหลังชายหนุ่มกลับเข้าตึก ทำเป็นไม่สนใจกับแววตาเป็นห่วงของเขา ก่อนจะหมุนตัวเดินลิ่วออกจากตึกทันที
ทางเดินที่มืดและทอดตัวยาว แม้จะไม่ไกลแต่ก็ไม่ใกล้เลยเมื่อมีเพียงธิดาก้าวเดินไปตามทางนั้น เธอกระชับอ้อมแขนที่กอดกระเป๋าราคาแพงไว้ให้แน่นขึ้นขณะเดินผ่านวงเหล้าเล็ก ๆ วงหนึ่ง แม้ก่อนหน้านี้จะใจกล้า แต่พอเผชิญหน้ากับสถาณการณ์จริงก็เริ่มใจสั่น ดวงตากลมโตเพราะคอนแทคเลนส์เหลือบซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าจากเบื้องหลังทำให้ธิดาสะดุ้ง เสียงฝีเท้านั้นไม่ดังมาก เหมือนอยู่ห่างออกไปอีกหลายเมตร แต่มันกลับชวนให้หญิงสาวสังหรณ์ใจแปลก ๆ เพราะเสียงฝีเท้านั้นยังคงดังต่อเนื่องเบื้องหลังเธอ
“รู้ไหมว่าเป็นผู้หญิงเดินในที่เปลี่ยว ๆ คนเดียวอันตรายแค่ไหน จากที่นี่ไปปั้มไม่ได้ใกล้เลยนะ แล้วยังต้องยืนรออีก ถ้าเกิดมีคนดักจี้ขึ้นมาจะว่ายังไง เกิดถูกทำมิดีมิร้ายขึ้นมาใครจะช่วยดา เมื่อวันก่อนเพิ่งมีผู้หญิงถูกฆ่าข่มขืนใกล้ ๆ นี่เอง ให้บอยไปส่งเถอะ” เสียงของบอยดังแว่วเข้ามาในหัว ปลุกความกลัวให้จับทุกรูขุมขน หัวใจของธิดาเต้นรัว แขนที่โอบกระเป๋าไว้สั่นระริก เธอพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติกลับมา ปลอบตัวเองว่าไม่มีอะไร แต่ขากลับก้าวเดินเร็วขึ้น
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าดังถี่ขึ้นเมื่อธิดาพยายามเร่งความเร็ว หญิงสาวตกใจ เธอมั่นใจแล้วว่านี่คืออันตรายที่กำลังตามติดเธออยู่ และอีกไม่นานมันคงถึงตัวเธอหากไม่รีบสลัดมันออกไป!
ธิดาเม้มปาก เธอตัดสินใจวิ่ง และเสียงฝีเท้าหนักก็ไล่ตามเธอมาเช่นกัน หญิงสาวคิดอะไรไม่ออก ความหวาดกลัวทำให้ตัวเธอเย็นเฉียบ ฝ่ามือขึ้นไปด้วยเหงื่อ พอหันไปเห็นทางแยกเธอก็วิ่งเข้าไปทางนั้นทันที
ทว่าเมื่อเธอมองเห็นทุกอย่างในซอยแคบที่เลี้ยวเข้ามาเมื่อครู่ชัดเจน ใจเธอก็ร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม การเคลื่อนไหวหยุดชะงัก ลมหายใจหอบสั่น ทั้งเหนื่อยทั้งกลัว เพราะเบื้องหน้าของธิดาคือชายสามคนที่พกทั้งมีดและไม้ไว้กับตัว เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามเธอมาหยุดชะงักอยู่เบื้องหลังก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังตามมา
เธอตกหลุมพรางเสียแล้ว!!!
“โอ๊ะโอ่ จะวิ่งไปไหนจ๊ะน้องสาว” ชายหนุ่มในนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวน เขาดูเหมือนนักเลงวัยรุ่นทั่วไปที่มีแผลเป็นอยู่เต็มร่างกายเช่นเดียวกับคนอื่น
“พวกแกเป็นใคร” ธิดาร้องถามเสียงตื่น กวาดตามองไปทั่วอย่างหวาดระแวง เธอพยายามหาช่องทางหนี แต่เธอมาถึงทางตันตั้งแต่เลี้ยวเข้าซอยมาแล้ว
“เอ๊ะ พวกเราเป็นใครนะ” ชายหนุ่มคนเดิมหันถามเพื่อน กลุ่มวัยรุ่นหัวเราะ
“อย่าเล่นกับเหยื่อน่า กว่าจะวิ่งต้อนมาได้ เหนื่อยนะเว้ย” เสียงแหบพร่าดังจากข้างหลังของธิดา
“เออ!” นักเลงกระชากเสียงตอบเพื่อน “ส่งกระเป๋ามา”
ธิดากอดกระเป๋าแน่น เธอส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว เรียวขาสวยสั่นระริกแทบยืนไม่อยู่ แต่กลับไม่คิดจะทำตามที่เหล่าวัยรุ่นต้องการ
“วุ่ยวายนักนังนี่! อยากเสียมากกว่ากระเป๋าสินะ” สายตาโลมเลียถูกส่งไปยังเรือนร่างหญิงสาว ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้าใกล้ตัวหญิงสาวอย่างรวดเร็ว และออกแรงกระชากกระเป๋าหนังสีแดงสดออกจากตัวเธอ แต่มือบางพยายามปัดป้อง เธอยื้อแย่งกระเป๋าไว้ไม่ยอมให้ใครเอาไปง่าย ๆ
“อย่านะ เอามา” ธิดาร้องเสียงดัง ในใจเธอหวังให้ใครสักคนได้ยิน แต่ก็ไม่เลย... หญิงสาวตัดสินใจกระชากกระเป๋าสุดแรงจนมันอยู่ในการครอบครองของเธอผู้เดียว ก่อนที่จะยกกระเป๋าฟาดไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มแรง
ผลัวะ
กว่าจะรู้ตัวร่างบางก็ตัวงอ ทรุดลงไปที่พื้น ความจุกเข้าเล่นงานจนไม่สามารถทำได้แม้แต่จะกรีดร้อง เธอรู้สึกได้ถึงแรงที่กดตัวเธอลงไปนอนแผ่กับพื้น เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และสายตาหื่นกระหายที่มองมา!
ราวชั่วโมงต่อมา แสงไฟริบหรี่จากเสาไฟเก่า ๆ ก็ส่องกระทบร่างบางเปลือยเปล่าที่นอนคว่ำหน้า ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยแดงและรอยฟกช้ำ มีดเล่มเล็กเสียบคาอยู่ที่กลางหลัง เลือดนองเต็มพื้น เศษเสื้อผ้ากระจัดกระจาย และไร้วี่แววกระเป๋าราคาแพงที่เจ้าของหวงนักหนา...
สายลมเอื่อยพัดเมฆที่บดบังดวงจันทร์ให้เคลื่อนออกไป แสงสีนวลส่องลงมายังซอยแคบเผยให้เห็นสีหน้าของบอยที่เหวออย่างตกใจ มือหนาเอื้อมไปจับหมับที่ไหล่แฟนสาว
“ธิดา ธิดา เป็นอะไรไป!” เขาร้องถามด้วยความตกใจ มองดวงหน้าซีดขาวที่เหม่อลอย เขาเขย่าร่างบางน้อย ๆ จนเธอกระพริบตาปริบ ๆ แล้วหันซ้ายหันขวา เหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันอันเลวร้าย
“บอย...” เสียงหวานครางแผ่ว ธิดาจ้องหน้าชายหนุ่มขณะที่ยกมือคลึงขมับ ไม่นึกว่าคำเตือนของแฟนหนุ่มจะทำให้เธอเผลจินตนาการไปไกลขนาดนั้น ความกลัวยังคงจับแน่นอยู่ในใจจนอดคิดไม่ได้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง
“ไหวมั้ยดา” บอยถามอีกครั้งด้วยเสียงอ่อนลง ธิดาดึงสติกลับมาก่อนจะพยักหน้าให้ชายหนุ่ม บอยจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“สรุปให้บอยไปส่งนะ” ธิดาสบตาแฟนหนุ่มและตอบรับในลำคอ เรียกรอยยิ้มจากบอยได้ทันที
“ดีมาก งั้นเราไปกัน” น้ำเสียงของบอยร่าเริงจนธิดาเอะใจ
“นี่บอย! แกล้งขู่ดาเหรอ” หญิงสาวร้องถาม ดูท่าว่าเธอจะตกหลุมพรางของบอยเข้าเสียแล้ว
“บอยไม่ได้แกล้งนะ ที่พูดนั่นน่ะกลัวมันจะเกิดขึ้นกับดาจริง ๆ ที่ว่ามีคนตายบอยก็ไม่ได้โกหกนะ ดายอมให้บอยไปส่งน่ะดีแล้ว” ชายหนุ่มฉีกยิ้ม มือบางทุบไหล่เขาไปทีหนึ่ง ถึงจะเคืองอยู่บ้างแต่เมื่อในหัวยังฉายภาพจินตนาการอันน่ากลัวของเธอวนไปมาไม่หยุด เธอก็ยอมก้าวขึ้นรถแต่โดยดี
รถเก๋งคันโทรมแล่นออกจากซอยแคบอย่างรวดเร็ว เมื่อใช้เครื่องยนต์ระยะทางก็ดูจะสั้นลงไปทันที ธิดาเหลือบสายตาผ่านกระจกขึ้นไปบนฟ้าสีเทาเข้ม แสงดวงจันทร์นวลมองแล้วเพลินตา เธอมองอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเผลอเอนศรีษะพิงกระจกรถ และหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอไม่มีทางรู้เลยว่าดวงตาที่ลอบมองเธอผ่านเลนส์แว่นนั้นพราวระยับ บอยยกมือถือกดโทรออก เขายกมุมปากขึ้นยิ้ม เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปอีก บางทีธิดาอาจกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยในไม่ช้า หรือบางที... เธออาจตกลงไปในหลุมพรางที่ลึกกว่าที่เธอคิดไว้ก็เป็นได้...
---------------------------------------------------------------------------
ผลงานอื่นๆ ของ -+เจ้ากิ่งไผ่+- ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ -+เจ้ากิ่งไผ่+-
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น