ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [衛霄] เพลิงวิญญาณบรรพกาล

    ลำดับตอนที่ #1 : 一

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21.38K
      1.26K
      23 เม.ย. 63






              ผืนนภาน่านฟ้ายามราตรี  ดวงจันทร์กลมถูกกลืนกินเหลือเศษเสี้ยว...

              แสงสีเงินแห่งความหวังนั้นช่างอ่อนจาง  ทว่ายังคงดิ้นรนทอประกาย... แม้จะเลือนรางเต็มที

              ยามนี้ล่วงสู่เหมันต์ฤดู  หิมะขาวจึงปกคลุมทั่วสรรพสิ่ง  บรรยากาศเยือกแข็งทบทวี

              ดวงตาเหม่อลอยคู่หนึ่งจับจ้องดาราพราวพร่างมิวางตา  ร่างกายบอบบางถมทับด้วยหิมะขาวโพลน... คงเหลือให้เห็นเพียงศีรษะเล็ก 

              ริมฝีปากซีดเผยอขึ้น  ปรากฏรอยยิ้มเมื่อหวนนึกถึงช่วงเหตุการณ์ที่ผันผ่านตลอดยี่สิบสามปี

              นับแต่ลืมตาดูโลก  ชีวิตของสตรีผู้นี้ก็ถูกกำหนดให้ก้าวเดินบนเส้นทางโลหิต  กำพร้ามารดา  ครอบครัวใหม่ของบิดาจับขายทอดตลาดทาส  จับพลัดจับผลูกลายเป็นเงาลอบสังหารผู้เชี่ยวชาญ

              ผู้คนธรรมดามักได้ยลทั้งแสงสว่างและความมืด  หากเว่ยเซียวหาได้มีตัวเลือกมากนัก  จึงทำเพียงทรุดนั่งกลางธารโลหิต  ในจุดลึกสุดแห่งวัฏสงสาร... เฝ้ามองปุถุชนเหล่านั้นใช้ชีวิตอย่างปกติสุข

              งานของเธอคือการลอบสังหาร  เป็นเบี้ยขุนตัวสำคัญแก่คนผู้นั้น  เวียนวนเช่นนี้นับสิบปี  กระทั่งกำจัดเสี้ยนหนามของเขาจนหมดสิ้น  ถอนรากถอนโคนไปกว่าครึ่งแผ่นดิน 

              ท้ายที่สุด ...ยังปูพรมแดงให้เขาก้าวขึ้นนั่งบัลลังก์อย่างตั้งใจ  

              ตอนนี้มานึกย้อนดู  ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้น  ก็ยังเจียระไนเด็กสาวผู้อ่อนแอให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปเสียได้

              แต่ว่า... เล่มหนังสือยังมีกระดาษแผ่นสุดท้าย  เรื่องราวอันแสนยาวนานอย่างไรต้องมีตอนจบ  ดังนั้นบทสรุปก่อนละครปิดม่าน  จำต้องเขี่ยขุนที่กุมความลับมากมายตัวนี้ทิ้งไปจากกระดาน... ไม่อาจหลีกเลี่ยง

              เมื่อสิ้นฝูงกระต่ายแล้วไซร้ สุนัขล่าเนื้อไหนเลยยังจำเป็น

              คำสั่งสุดท้ายจากนายเหนือหัว  ก็คือการปลิดชีพสุนัขล่าเนื้อตนนี้  

              เหตุใดเว่ยเซียวจึงไม่ขัดขืนน่ะหรือ?  ก็อย่างที่บอกไป ...เธอไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก  
              


              เงาร่างสูงใหญ่เดินฝ่าลมหิมะเข้ามา  ทาบบังรัศมีจันทร์อันน้อยนิดไปเสียสิ้น

              “เซียวเซียวได้เวลาจากกันแล้ว” น้ำเสียงลุ่มลึกอันแสนคุ้นเคย  มาพร้อมร้อยยิ้มที่อย่างไรก็ไม่เคยจางหาย  

              
    เว่ยเซียวปรือตามองใบหน้าของผู้มาเยือนให้ชัดเจน  จากนั้น... เธอแค่นหัวเราะเสียงแหบแห้ง 

              ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นดุจแสงแรกแห่งอรุณ  แม้เขาจะกำลังเหนี่ยวไกปืนจ่อมาที่เธอเช่นนี้?

              ไม่ยุติธรรมเสียเลย  นายเหนือหัว

              “ผู้ที่ต่อลมหายใจให้เซียวเซียวก็คือท่าน  ดังนั้นผู้ที่จะสามารถช่วงชิงมันไป ก็ควรเป็นท่านเช่นกัน นายเหนือหัวดวงตาหม่นแสงปิดลงช้าๆ  น้อมรับเคียวมัจจุราชแต่โดยดี

              จะกล่าวว่าเธอโง่งมไร้สมองคงไม่ผิด  ทว่าอย่างไรผู้ที่มอบชีวิตใหม่ให้เธอก็คือคนผู้นี้

              ในอดีตหากมิใช่เขายื่นมือเข้าช่วยเหลือ  เธอเองก็คงตายไปนานแล้ว  ฉะนั้นถ้าเขาต้องการจริงๆ  ก็นำมันกลับคืนไปเถิด... ชาตินี้ไม่ถือว่าติดค้างกันอีก

              นายเหนือหัวเพียงยิ้มบางหลังรับฟังคำพูดนั้น  เขาควงปืนในมือด้วยความเคยชิน  ปลายกระบอกค่อยเล็งต่ำยังสตรีเบื้องหน้า

              จัดวางตำแหน่งให้มั่นใจว่า... เธอผู้นี้จะต้องตายด้วยการเหนี่ยวไกเพียงครั้งเดียว

              ฝนหิมะเริ่มโปรยปราย  เมฆร่ำไห้ดั่งใจของชายผู้ยืนเด่นเป็นสง่า 

              แผ่นหลังกว้างคล้ายกำลังทุกข์โศก  หากยังคงพูดพร่ำไปเรื่อยราวกับนี่เป็นบทสนทนาอันแสนธรรมดาของพวกเขาทั้งสอง

              “เซียวเซียวเป็นเด็กดี... เด็กดีของเฮีย  ทุกภารกิจที่มอบหมายล้วนปฏิบัติได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ... 

              “ดังนั้น... ภารกิจสุดท้ายในครั้งนี้  ก็ไม่ควรเกิดข้อผิดพลาดใดๆ  จริงหรือไม่” น้ำเสียงของเขากระจ่างใสดุจธารน้ำ  ชวนให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลายยิ่ง

              
    เว่ยเซียวนิ่งงัน  แม้อยากตอบรับกลับไม่อาจทำได้  ร่างกายใต้กองหิมะเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ 

              ...บอบช้ำจนเกินทน

              เมื่อการตอบสนองของสตรีตรงหน้าอ่อนลงเรื่อยๆ  นายเหนือหัวจึงไม่คิดเสียเวลาอีกต่อไป

              “ลาก่อน  เซียวเซียว

              ปัง!

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×