ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 五
ยามเด็กสาวเข้าสู่ห้วงนิทรากลางดึกคืนนั้น... ห้วงสมุทรดาราเริ่มเคลื่อนไหวด้วยกลไกของมันเอง
ใช้เวลาไม่นาน เผาทำลายพิษเกล็ดมัจฉาที่กักขังพลังปราณในร่างกายคุณหนูสามไปจนหมด
‘ต้านทำลายพิษ’ นับเป็นหนึ่งความน่าอัศจรรย์ของห้วงสมุทรดารา มันรังเกียจที่สุดคือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาพัวพันกับเซียวเซียวของมัน
ตอนนั่งลงหน้าคันฉ่องเพื่อเกล้าผมให้เรียบร้อย สัมผัสขุมพลังอ่อนๆภายในร่างก็ทำให้นางนึกประหลาดใจ ไม่นานค่อยกระจ่าง... ช่วงที่นางกำลังนอนหลับ ห้วงสมุทรดาราคงขับพิษที่แฝงเร้นไปจนหมดแล้วกระมัง?
เว่ยเซียวส่ายศีรษะขบขัน ไม่เปลี่ยนไปเลยนะเจ้าคู่หูจิตวิญญาณ มันไม่อาจปล่อยให้นางต้องทนอยู่ในภาวะย่ำแย่ได้นานเกินวันเลยจริงๆ
หลังจัดการตนเองเสร็จสิ้น ประสาทสัมผัสเฉียบคมก็ทำให้นางได้ยินเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งมุ่งตรงมา
จังหวะย่างก้าวของผู้มาเยือนไม่ปิดบังตัวตนแม้แต่น้อย ...คงเป็นเพียงบ่าวรับใช้เท่านั้น
ปึงๆๆ!
เสียงฝีเท้าบรรจบลงหน้าประตู บ่าวรับใช้เริ่มทุบประตูพร้อมแจ้งคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากท่านแม่ทัพ น้ำเสียงแข็งกระด้างไร้ยำเกรง
“คุณหนูสาม ท่านแม่ทัพให้บ่าวมาตามคุณหนูสามไปพบที่โถงหลัก ท่านควรรีบจัดการตนเองและตามบ่าวมาโดยเร็ว มิเช่นนั้นอาจทำให้ท่านแม่ทัพมีน้ำโหได้เจ้าค่ะ” กิริยาท่าทางของมันดูเบื่อหน่ายเหลือแสน
สถานที่แร้นแค้นเอ่อล้นกลิ่นอัปมงคลเช่นนี้ ทอดสายตาไปทั่วเมืองหลวง ผู้ใดบ้างคิดอยากมาเยือน?
เว่ยเซียวเลิกคิ้วอย่างสนใจ ฝาแฝดคู่นั้นวิ่งแจ้นไปฟ้องบิดาของพวกนางจริงๆหรือนี่
นางรีบเก็บซ่อนรอยยิ้มพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว”
เพียงการแต่งกายอย่างเรียบง่ายของเว่ยเซียว กลับทำให้ผู้พบเห็นไม่อาจละสายตา ครวญว่านางช่างงามล้ำประหนึ่งเซียนดอกท้อลงมาจุติยังโลกมนุษย์
บ่าวรับใช้ตะลึงงัน เผลอยืนจ้องตาค้างชั่วขณะ คุณหนูสามผู้มืดมนมีบุคลิกอันโดดเด่นเช่นนี้แต่เมื่อใดกัน นางไม่เคยทราบมาก่อนเลยจริงๆ
แม้แผ่นหลังของคุณหนูสามได้จากไปไกลแล้ว บ่าวรับใช้ก็ยังยืนนิ่งไม่ไหวติงราวหินก้อนหนึ่ง
ผังจวนตระกูลเว่ย ที่ตั้งเรือนของเว่ยเซียวนั้นถูกห้อมล้อมด้วยป่าไผ่ อยู่ลึกเข้าไปทางตะวันตก ห่างไกลจากเรือนหลักทิศเหนือมากโข โชคยังดีที่ความทรงจำในอดีตของคุณหนูสามทำให้นางไม่ต้องพบเจอปัญหาในการรื้อฟื้นเส้นทาง
“ท่านพ่อ… ฮือ... ท่านต้องตีนางให้ลี่เอ๋อนะเจ้าคะ ต้องตีนางให้ตาย!”
แว่วเสียงครวญคร่ำปานจะขาดของคุณหนูห้ามาแต่ไกล เว่ยเซียวไม่แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้า เพียงลอบเย้ยหยันภายในใจเงียบๆ
ยามมาดุจมังกรทะยานเหิน ยามไปเหตุใดจึงสะบัดก้นราวสุนัขเช่นนี้เล่า...
ภายในโถงหลักตกแต่งได้งดงามแฝงพลังอำนาจ พื้นปูพรมขนแกะ ผนังสี่ด้านวาดทับลวดลายสัตว์อสูรในตำนาน ต้นเสาทั้งหกสร้างจากหินอ่อนดุจงาช้าง ภาพเขียนพู่กันเลื่องชื่อประดับเหนือเก้าอี้ประมุข มากล้นบารมีแห่งแม่ทัพประจำทิศบูรพา
ตำแหน่งประมุขซึ่งแม่ทัพเว่ยหลางกำลังนั่งอยู่ คือเก้าอี้ไท่ซือรังสรรค์โดยหยกเนื้อเขียวแกะสลักชั้นดี บ่งบอกชัดเจนถึงความน่าเกรงขามของเขา
ใบหน้าโรยร่วงไปตามกาลเวลาปรากฏริ้วเย็นชา หัวคิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อได้เห็นเงาร่างของบุตรสาวเดินเข้ามา
ใช้เวลาไม่นาน เผาทำลายพิษเกล็ดมัจฉาที่กักขังพลังปราณในร่างกายคุณหนูสามไปจนหมด
‘ต้านทำลายพิษ’ นับเป็นหนึ่งความน่าอัศจรรย์ของห้วงสมุทรดารา มันรังเกียจที่สุดคือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาพัวพันกับเซียวเซียวของมัน
เว่ยเซียวลืมตาตื่นในยามอู่ [1] ของวันใหม่ นางสะบัดศีรษะไล่ความง่วงงุน เริ่มจัดการธุระส่วนตัวตามภาพความทรงจำเก่าๆ เปิดตู้ไม้ไผ่หยิบชุดกระโปรงเรียบง่ายตัวหนึ่งมาสวมใส่
ตอนนั่งลงหน้าคันฉ่องเพื่อเกล้าผมให้เรียบร้อย สัมผัสขุมพลังอ่อนๆภายในร่างก็ทำให้นางนึกประหลาดใจ ไม่นานค่อยกระจ่าง... ช่วงที่นางกำลังนอนหลับ ห้วงสมุทรดาราคงขับพิษที่แฝงเร้นไปจนหมดแล้วกระมัง?
เว่ยเซียวส่ายศีรษะขบขัน ไม่เปลี่ยนไปเลยนะเจ้าคู่หูจิตวิญญาณ มันไม่อาจปล่อยให้นางต้องทนอยู่ในภาวะย่ำแย่ได้นานเกินวันเลยจริงๆ
หลังจัดการตนเองเสร็จสิ้น ประสาทสัมผัสเฉียบคมก็ทำให้นางได้ยินเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งมุ่งตรงมา
จังหวะย่างก้าวของผู้มาเยือนไม่ปิดบังตัวตนแม้แต่น้อย ...คงเป็นเพียงบ่าวรับใช้เท่านั้น
ปึงๆๆ!
เสียงฝีเท้าบรรจบลงหน้าประตู บ่าวรับใช้เริ่มทุบประตูพร้อมแจ้งคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากท่านแม่ทัพ น้ำเสียงแข็งกระด้างไร้ยำเกรง
“คุณหนูสาม ท่านแม่ทัพให้บ่าวมาตามคุณหนูสามไปพบที่โถงหลัก ท่านควรรีบจัดการตนเองและตามบ่าวมาโดยเร็ว มิเช่นนั้นอาจทำให้ท่านแม่ทัพมีน้ำโหได้เจ้าค่ะ” กิริยาท่าทางของมันดูเบื่อหน่ายเหลือแสน
สถานที่แร้นแค้นเอ่อล้นกลิ่นอัปมงคลเช่นนี้ ทอดสายตาไปทั่วเมืองหลวง ผู้ใดบ้างคิดอยากมาเยือน?
เว่ยเซียวเลิกคิ้วอย่างสนใจ ฝาแฝดคู่นั้นวิ่งแจ้นไปฟ้องบิดาของพวกนางจริงๆหรือนี่
นางรีบเก็บซ่อนรอยยิ้มพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว”
บ่าวรับใช้ยืนคอยไม่นานก็ได้ยินเสียงขานรับใสกังวาน เห็นบานประตูสีแดงแง้มออกช้าๆ เผยเรือนร่างบอบบางในอาภรณ์ขาวสะอาดตา
เพียงการแต่งกายอย่างเรียบง่ายของเว่ยเซียว กลับทำให้ผู้พบเห็นไม่อาจละสายตา ครวญว่านางช่างงามล้ำประหนึ่งเซียนดอกท้อลงมาจุติยังโลกมนุษย์
บ่าวรับใช้ตะลึงงัน เผลอยืนจ้องตาค้างชั่วขณะ คุณหนูสามผู้มืดมนมีบุคลิกอันโดดเด่นเช่นนี้แต่เมื่อใดกัน นางไม่เคยทราบมาก่อนเลยจริงๆ
แม้แผ่นหลังของคุณหนูสามได้จากไปไกลแล้ว บ่าวรับใช้ก็ยังยืนนิ่งไม่ไหวติงราวหินก้อนหนึ่ง
ผังจวนตระกูลเว่ย ที่ตั้งเรือนของเว่ยเซียวนั้นถูกห้อมล้อมด้วยป่าไผ่ อยู่ลึกเข้าไปทางตะวันตก ห่างไกลจากเรือนหลักทิศเหนือมากโข โชคยังดีที่ความทรงจำในอดีตของคุณหนูสามทำให้นางไม่ต้องพบเจอปัญหาในการรื้อฟื้นเส้นทาง
เว่ยเซียวมิได้โปรดการขึ้นเวทีเล่นละครปาหี่อะไรเทือกนั้น ทว่าตัวนางยามนี้แม้มีทักษะลอบสังหารเป็นเลิศ พลังปราณก็ยังไม่แกร่งพอจะวิ่งไปทุบตีพวกเขาโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
ดังนั้น ยอมอ่อนข้อเข้าพบครอบครัวที่น่าชังของนางคงเป็นหนทางที่ฉลาดกว่า
ชั่งน้ำหนักดูแล้ว หากให้เลือกทิ้งบ้านซึ่งค่อนข้างปลอดภัยหลังนี้ไปหนีตายเอาดาบหน้า ทั้งไม่รู้ลึกตื้นความร้ายกาจของโลกใหม่ นั่นกลับสุ่มเสี่ยงเกินไป ชีวิตแขวนฝากบนความประมาทไม่ใช่นิสัยของนาง
เว่ยเซียวตัดสินใจปักหลักจนกว่าการฝึกฝนจะมีความคืบหน้า ประเมินสถานการณ์ เฝ้ามองพฤติกรรมของเหยื่อ ถึงตอนนั้นคงรู้ได้เองว่าสมควรจัดการอย่างไร นี่เป็นวิธีที่นางชอบใช้ยามตั้งใจวางแผนตลบใครสักคน
“ท่านพ่อ… ฮือ... ท่านต้องตีนางให้ลี่เอ๋อนะเจ้าคะ ต้องตีนางให้ตาย!”
แว่วเสียงครวญคร่ำปานจะขาดของคุณหนูห้ามาแต่ไกล เว่ยเซียวไม่แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้า เพียงลอบเย้ยหยันภายในใจเงียบๆ
ยามมาดุจมังกรทะยานเหิน ยามไปเหตุใดจึงสะบัดก้นราวสุนัขเช่นนี้เล่า...
ภายในโถงหลักตกแต่งได้งดงามแฝงพลังอำนาจ พื้นปูพรมขนแกะ ผนังสี่ด้านวาดทับลวดลายสัตว์อสูรในตำนาน ต้นเสาทั้งหกสร้างจากหินอ่อนดุจงาช้าง ภาพเขียนพู่กันเลื่องชื่อประดับเหนือเก้าอี้ประมุข มากล้นบารมีแห่งแม่ทัพประจำทิศบูรพา
ตำแหน่งประมุขซึ่งแม่ทัพเว่ยหลางกำลังนั่งอยู่ คือเก้าอี้ไท่ซือรังสรรค์โดยหยกเนื้อเขียวแกะสลักชั้นดี บ่งบอกชัดเจนถึงความน่าเกรงขามของเขา
ใบหน้าโรยร่วงไปตามกาลเวลาปรากฏริ้วเย็นชา หัวคิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อได้เห็นเงาร่างของบุตรสาวเดินเข้ามา
อันที่จริง... หากไม่บอกว่านางยังมีชีวิตอยู่ เขาก็เกือบจะลืมการคงอยู่ของบุตรสาวสามผู้นี้ไปเสียแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
[1] ยามอู่ : เป็นการนับช่วงเวลาแบบจีนโบราณ เท่ากับช่วง 11.00 น. - 12.59 น.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น