ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [衛霄] เพลิงวิญญาณบรรพกาล

    ลำดับตอนที่ #5 : 五

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.47K
      1.04K
      31 ส.ค. 63






              ยามเด็กสาวเข้าสู่ห้วงนิทรากลางดึกคืนนั้น... ห้วงสมุทรดาราเริ่มเคลื่อนไหวด้วยกลไกของมันเอง 

              ใช้เวลาไม่นาน  เผาทำลายพิษเกล็ดมัจฉาที่กักขังพลังปราณในร่างกายคุณหนูสามไปจนหมด 

              
    ต้านทำลายพิษ’ นับเป็นหนึ่งความน่าอัศจรรย์ของห้วงสมุทรดารา  มันรังเกียจที่สุดคือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาพัวพันกับเซียวเซียวของมัน



              เว่ยเซียวลืมตาตื่นในยามอู่ [1] ของวันใหม่  นางสะบัดศีรษะไล่ความง่วงงุน  เริ่มจัดการธุระส่วนตัวตามภาพความทรงจำเก่าๆ  เปิดตู้ไม้ไผ่หยิบชุดกระโปรงเรียบง่ายตัวหนึ่งมาสวมใส่

              ตอนนั่งลงหน้าคันฉ่องเพื่อเกล้าผมให้เรียบร้อย  
    สัมผัสขุมพลังอ่อนๆภายในร่างก็ทำให้นางนึกประหลาดใจ  ไม่นานค่อยกระจ่าง... ช่วงที่นางกำลังนอนหลับ  ห้วงสมุทรดาราคงขับพิษที่แฝงเร้นไปจนหมดแล้วกระมัง?

              เว่ยเซียวส่ายศีรษะขบขัน  ไม่เปลี่ยนไปเลยนะเจ้าคู่หูจิตวิญญาณ  มันไม่อาจปล่อยให้นางต้องทนอยู่ในภาวะย่ำแย่ได้นานเกินวันเลยจริงๆ

              หลังจัดการตนเองเสร็จสิ้น  ประสาทสัมผัสเฉียบคมก็ทำให้นางได้ยินเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งมุ่งตรงมา

              จังหวะย่างก้าวของผู้มาเยือนไม่ปิดบังตัวตนแม้แต่น้อย ...คงเป็นเพียงบ่าวรับใช้เท่านั้น

              ปึงๆๆ!

              เสียงฝีเท้าบรรจบลงหน้าประตู  บ่าวรับใช้เริ่มทุบประตูพร้อมแจ้งคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากท่านแม่ทัพ  น้ำเสียงแข็งกระด้างไร้ยำเกรง

              “คุณหนูสาม  ท่านแม่ทัพให้บ่าวมาตามคุณหนูสามไปพบที่โถงหลัก  ท่านควรรีบจัดการตนเองและตามบ่าวมาโดยเร็ว  มิเช่นนั้นอาจทำให้ท่านแม่ทัพมีน้ำโหได้เจ้าค่ะ” กิริยาท่าทางของมันดูเบื่อหน่ายเหลือแสน 

              สถานที่แร้นแค้นเอ่อล้นกลิ่นอัปมงคลเช่นนี้  ทอดสายตาไปทั่วเมืองหลวง  ผู้ใดบ้างคิดอยากมาเยือน?

              เว่ยเซียวเลิกคิ้วอย่างสนใจ  ฝาแฝดคู่นั้นวิ่งแจ้นไปฟ้องบิดาของพวกนางจริงๆหรือนี่

              นางรีบเก็บซ่อนรอยยิ้มพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว” 

              บ่าวรับใช้ยืนคอยไม่นานก็ได้ยินเสียงขานรับใสกังวาน  เห็นบานประตูสีแดงแง้มออกช้าๆ  เผยเรือนร่างบอบบางในอาภรณ์ขาวสะอาดตา 

              เพียงการแต่งกายอย่างเรียบง่ายของเว่ยเซียว  กลับทำให้ผู้พบเห็นไม่อาจละสายตา  ครวญว่านางช่างงามล้ำประหนึ่งเซียนดอกท้อลงมาจุติยังโลกมนุษย์

              บ่าวรับใช้ตะลึงงัน  เผลอยืนจ้องตาค้างชั่วขณะ  คุณหนูสามผู้มืดมนมีบุคลิกอันโดดเด่นเช่นนี้แต่เมื่อใดกัน  นางไม่เคยทราบมาก่อนเลยจริงๆ

              แม้แผ่นหลังของคุณหนูสามได้จากไปไกลแล้ว  บ่าวรับใช้ก็ยังยืนนิ่งไม่ไหวติงราวหินก้อนหนึ่ง



              ผังจวนตระกูลเว่ย  ที่ตั้งเรือนของเว่ยเซียวนั้นถูกห้อมล้อมด้วยป่าไผ่  อยู่ลึกเข้าไปทางตะวันตก  ห่างไกลจากเรือนหลักทิศเหนือมากโข  โชคยังดีที่ความทรงจำในอดีตของคุณหนูสามทำให้นางไม่ต้องพบเจอปัญหาในการรื้อฟื้นเส้นทาง

              เว่ยเซียวมิได้โปรดการขึ้นเวทีเล่นละครปาหี่อะไรเทือกนั้น  ทว่าตัวนางยามนี้แม้มีทักษะลอบสังหารเป็นเลิศ  พลังปราณก็ยังไม่แกร่งพอจะวิ่งไปทุบตีพวกเขาโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม  

              ดังนั้น  ยอมอ่อนข้อเข้าพบครอบครัวที่น่าชังของนางคงเป็นหนทางที่ฉลาดกว่า

              ชั่งน้ำหนักดูแล้ว  หากให้เลือกทิ้งบ้านซึ่งค่อนข้างปลอดภัยหลังนี้ไปหนีตายเอาดาบหน้า  ทั้งไม่รู้ลึกตื้นความร้ายกาจของโลกใหม่  นั่นกลับสุ่มเสี่ยงเกินไป  ชีวิตแขวนฝากบนความประมาทไม่ใช่นิสัยของนาง 

              เว่ยเซียวตัดสินใจปักหลักจนกว่าการฝึกฝนจะมีความคืบหน้า  ประเมินสถานการณ์  เฝ้ามองพฤติกรรมของเหยื่อ  ถึงตอนนั้นคงรู้ได้เองว่าสมควรจัดการอย่างไร  นี่เป็นวิธีที่นางชอบใช้ยามตั้งใจวางแผนตลบใครสักคน


              “ท่านพ่อ ฮือ... ท่านต้องตีนางให้ลี่เอ๋อนะเจ้าคะ  ต้องตีนางให้ตาย!”

              แว่วเสียงครวญคร่ำปานจะขาดของคุณหนูห้ามาแต่ไกล  เว่ยเซียวไม่แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้า  เพียงลอบเย้ยหยันภายในใจเงียบๆ

              ยามมาดุจมังกรทะยานเหิน  ยามไปเหตุใดจึงสะบัดก้นราวสุนัขเช่นนี้เล่า...

              ภายในโถงหลักตกแต่งได้งดงามแฝงพลังอำนาจ  พื้นปูพรมขนแกะ  ผนังสี่ด้านวาดทับลวดลายสัตว์อสูรในตำนาน  ต้นเสาทั้งหกสร้างจากหินอ่อนดุจงาช้าง  ภาพเขียนพู่กันเลื่องชื่อประดับเหนือเก้าอี้ประมุข  มากล้นบารมีแห่งแม่ทัพประจำทิศบูรพา

              ตำแหน่งประมุขซึ่งแม่ทัพเว่ยหลางกำลังนั่งอยู่  คือเก้าอี้ไท่ซือรังสรรค์โดยหยกเนื้อเขียวแกะสลักชั้นดี  บ่งบอกชัดเจนถึงความน่าเกรงขามของเขา

              ใบหน้าโรยร่วงไปตามกาลเวลาปรากฏริ้วเย็นชา  หัวคิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อได้เห็นเงาร่างของบุตรสาวเดินเข้ามา

              อันที่จริง... หากไม่บอกว่านางยังมีชีวิตอยู่  เขาก็เกือบจะลืมการคงอยู่ของบุตรสาวสามผู้นี้ไปเสียแล้ว

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    [1] ยามอู่ : เป็นการนับช่วงเวลาแบบจีนโบราณ  เท่ากับช่วง 11.00 น. - 12.59 น.

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×