ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [衛霄] เพลิงวิญญาณบรรพกาล

    ลำดับตอนที่ #8 : 八

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.17K
      1.12K
      1 ก.ย. 63






              กระทั่งเช้าวันที่สี่  เมื่อชั้นก่อปราณทะลุสู่ขั้นหนึ่งในช่วงกลาง  เว่ยเซียวจึงได้เรียนรู้ถึงคำกล่าวที่ว่า… วันเวลาแห่งความสุขมักผ่านพ้นไปเร็วเสมอ

              ตึงๆๆๆ!

              เสียงฝีเท้ามากมายกรูกันมาทางนี้อีกแล้ว  เฮ้อ... มาทำอะไรกันอีกเนี่ย  ปล่อยให้นางอยู่อย่างสงบบ้างไม่ได้เลยหรือ

              เว่ยเซียวเอือมระอาคร้านจะเล่นเป็นเพื่อนพวกนาง  เช่นนั้นจึงปีนข้ามหน้าต่างไปหลบซ่อนข้างหลังเรือนพร้อมเงี่ยหูฟังสถานการณ์เงียบๆ

              ปัง!

              ประตูไม้แดงเก่าโทรมที่มิได้ลงดาลกั้น  ถูกผู้มาเยือนกระแทกเปิดโดยง่ายดาย

              “นังคนไร้ค่า! …หืม  มันหายไปไหนกัน?เสียงแก่นแก้วของเด็กสาววัยสิบสี่เอ่ยถามคนด้านหลังด้วยไม่เข้าใจ  

              นางผู้นี้ก็คือเว่ยจิ่นจี๋  เกิดปีเดียวกันแต่ช้ากว่าเว่ยเซียวสองเดือน  คุณหนูสี่ผู้ถูกพี่ชายพี่สาวร่วมสายเลือดและมารดาให้ท้ายจนเสียนิสัย  มักระบายอารมณ์โดยเฆี่ยนตีบ่าวรับใช้จนถึงแก่ความตายเสมอ  

              ...หนึ่งในคนที่ต้องตกตายด้วยน้ำมือของนางก็คือบ่าวรับใช้ไป๋หลานผู้นั้น




              เว่ยซูลี่กวาดมองภายในห้องที่ไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต  ใบหน้าฉายแววงุนงงเต็มเปี่ยม 
    มันไม่อยู่หรือพี่สี่?
      

              ก่อนจะนึกถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง หรือว่า มันจะหลบหนีออกจากจวนไปแล้ว!”

              ดวงตาของเว่ยจิ่นจี๋สาดประกายคมกล้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น  ริมฝีปากนางเผยรอยยิ้มเหี้ยม มันกล้าลอบออกจากจวนโดยไม่ขออนุญาตท่านพ่องั้นรึ?  ดีหลังจากมันกลับมาข้าจะลงมือสั่งสอนแทนท่านพ่อเอง

              เว่ยซูเม่ยผู้ขลาดกลัวโผล่ศีรษะออกมาจากหลังของแฝดผู้พี่  กระพริบตามองห้องนอนเก่าโทรมที่ว่างเปล่า พี่สี่ เรือนของนังนั่นโสโครกนัก เกรงว่าหากรั้งอยู่นานกว่านี้อาจทำให้ท่านแปดเปื้อนได้นะเจ้าคะ

              เว่ยจิ่นจี๋เหลือบมองน้องหกด้วยหางตา  ใบหน้าโอหังเชิดขึ้นเล็กน้อย ฮึก็จริงอย่างที่เจ้าว่า  เช่นนั้นพวกเราไปฟ้องท่านพ่อกันเถอะ  ข้ากำลังคิดจะไปพบองค์รัชทายาทอยู่พอดี

              “นั่นสิเจ้าคะ  ไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับองค์รัชทายาทมากไปกว่าพี่สี่อีกแล้วหากมิใช่เพราะนังนั่นมีพระราชทานหมั้นหมายกับพระองค์อยู่ก่อน…” เว่ยซูเม่ยสบโอกาสก็เติมเชื้อเพลิงโดยไม่ลังเล  ความพินาศของนังเว่ยเซียวสำหรับนางนับเป็นเรื่องน่ายินดีหาใดเปรียบ

              แก้แค้นที่วันนั้นมันหักหน้านางต่อหน้าท่านพ่อและบ่าวรับใช้ ยืมมือพี่สี่จัดการได้คงไม่เลว

              เว่ยซูลี่ลอบยกนิ้วให้น้องสาวฝาแฝด  รีบเอ่ยสมทบทันที จริงด้วยพี่สี่  ท่านต้องจัดการมันให้พ้นทางนะเจ้าคะ

              หากได้เว่ยจิ่นจี๋เป็นผู้ลงมือแล้ว อย่าว่าแต่ท่านพ่อจะไม่คิดเอาผิดนาง  นังสารเลวนั่นสุดท้ายไม่ตายก็ต้องพิการ  อยู่ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้!

              เมื่อเอ่ยถึงพระราชทานหมั้นหมายระหว่างองค์รัชทายาทกับเว่ยเซียว  ใบหน้างามที่ฉายแววดื้อรั้นพลันไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ  ฝ่ามือขาวกำหมัดแน่น

              เว่ยจิ่นจี๋ข่มกลั้นโทสะ  พยายามนึกย้อนถึงสัญญาที่ท่านพ่อให้ไว้กับตน ไม่ต้องห่วง ท่านพ่อรับปากข้าแล้วว่าจะออกหน้าพูดกับองค์รัชทายาท  เปลี่ยนแปลงสัญญาหมั้นหมายครั้งนี้ให้ข้า

              อีกทั้งองค์รัชทายาทก็มีท่าทีพึงใจในตัวนางอยู่ไม่น้อย  เขาจะต้องไม่ปฏิเสธท่านพ่ออย่างแน่นอน

              เว่ยจิ่นจี๋ผู้ลุ่มหลงในรักปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วยิ่ง  นางจูงมือสองแฝดหันหลังเดินออกไปอย่างกระตือรือร้น พวกเราไปเถอะ  รีบไปหาท่านพ่อกัน!”

              หาท่านพ่อ?  นางจะไปให้ท่าองค์รัชทายาทไม่ใช่หรืออย่างไร

              เว่ยเซียวที่ยืนสังเกตการณ์เงียบๆมาตลอดลอบถอนใจสมเพช  เป็นเด็กเป็นเล็กก็หัดวิ่งตามก้นผู้ชายเสียแล้วน่าไม่อาย  น่าไม่อาย

              เห็นคนทั้งสามกำลังข้ามพ้นธรณีประตูจากไปโดยไร้รอยขีดข่วน  เว่ยเซียวรีบอ้อมไปด้านข้างเรือน  เลือกจุดดงป่าไผ่หนาตาเพื่อใช้อำพรางตน
     
              จากนั้น  ฝ่ามือขาวเนียนผายไปทางคนทั้งสาม  สร้างเพลิงสีชาดลูกเล็กขึ้นมา  เป้าหมายคือชายกระโปรงสีชมพูของเว่ยจิ่นจี๋

              น้องสาวจะไปหาองค์รัชทายาทไม่ใช่หรือ  แต่งตัวเช่นนี้ไม่งามนัก แต่ไม่ต้องห่วง  พี่สาวจะช่วยเจ้าแปลงโฉมเอง

              พรึ่บ!

              เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นโดยไร้ซึ่งทิศทางลม ณ ที่ตั้งเรือนรกร้างเปลี่ยวผู้คน  

              ขณะเว่ยจิ่นจี๋ก้าวนำไปด้วยใบหน้าบานแป้นดุจฝาโอ่ง  พลันสูดดมได้กลิ่นไหม้บางเบาลอยมาแตะปลายจมูก

              นางชะงักฝีเท้า  เริ่มหันมองไปรอบๆ  ยังไม่สำนึกว่าเรื่องเลวร้ายบางอย่างได้เกิดขึ้นกับตน ใครเผาอะไรรึ

              ต่างจากคุณหนูฝาแฝดทั้งสองด้านหลังที่บัดนี้หน้าถอดสีไปเรียบร้อย  ดวงตาพวกนางเพ่งมองชายกระโปรงสีชมพูของพี่สี่ ที่กำลังติดไฟลุกไหม้!

              “พะ พี่สี่…” เว่ยซูเม่ยอ้ำอึ้งไม่กล้าพูด  ทำได้เพียงคว้าไหล่ของเว่ยจิ่นจี๋เอาไว้

              เว่ยจิ่นจี๋ขมวดคิ้วหันไปมองน้องหก น้องสาว  เจ้ารั้งข้าทำไม?

              เว่ยซูเม่ยสะดุ้งตกใจ  ส่ายหน้าเป็นพัลวัน  คำพูดสักคำยามนี้ก็ไม่มีความกล้าเพียงพอที่จะเอ่ย

              เห็นเปลวเพลิงดุจสีโลหิตเริ่มลามไหม้ขึ้นไปถึงกระโปรงส่วนข้อเท้าของเว่ยจิ่นจี๋  เว่ยซูลี่หลับตาแน่นปี๋  ยอมกัดฟันตะโกนออกมาในที่สุด พี่สี่  ไฟ มีไฟไหม้ กำลังไหม้ชายกระโปรงของท่าน!!”

              เว่ยจิ่นจี๋ทวนคำพูดน้องสาวพร้อมก้มมองชายกระโปรงของตน  ก่อนจะเห็นว่าเปลวเพลิงสีชาดกำลังลุกไหม้ไต่ขึ้นมาอย่างช้าๆ 
    ไฟไหม้กระโปรงของข้า?  ไฟไหม้… ฟะ... กรี๊ด!!” 

              หลังจากนั้น  ปฏิกิริยาของนางคือแผดร้องสุดเสียง  มือไม้พันกันสะเปะสะปะ  กระโดดโหยงเหยงด้วยท่าทางประหนึ่งลูกนกที่พร้อมออกบิน

              “กรี๊ดด!”

              คุณหนูฝาแฝดทั้งสองสะดุ้งตกใจเสียงโหยหวนของเว่ยจิ่นจี๋  อดไม่ได้ที่จะหวีดตามไปด้วย  กระทำราวกับเป็นอาภรณ์ของพวกนางเสียเองที่กำลังติดไฟ

              “หยุดโวยวายแล้วมาช่วยข้าดับไฟก่อนเร็ว!” เว่ยจิ่นจี๋ทั้งหวาดกลัวทั้งกรุ่นโกรธ  มือสองข้างจับจีบกระโปรงสะบัดพลางออกคำสั่งไปพลาง

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×