ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { Hidden Love ร้ายซ่อนรัก } [ บีคริส ]

    ลำดับตอนที่ #14 : Let it be

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.52K
      7
      28 ม.ค. 61




    รถยนต์คันขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กสีเหลืองสดใส  RangeRover Evoque ขับเคลื่อนอยู่บนท้องถนนอย่างใจเย็น แม้ว่านี่จะเป็นเวลาที่จะต้องเข้างานแล้ว แต่ด้วยความเป็นเจ้าของและได้ลาล่วงหน้าไว้แล้วจึงไม่เดือดร้อนอะไร ก่อนจะเอื้อมมือซ้ายไปหยิบโทรศัพท์คู่ใจกดเข้าแอพพลิเคชั่นแชทแล้วกดพิมพ์ข้อความลงไปในขณะที่รถกำลังติดไฟแดง

     

    { ZN } เด็กบ๊อง

     

      read  11.03 เข้ามารับงานด้วย   :Organ_rasee

     

    read 11.03 เสร็จแล้วส่งให้จีเลยนะ  : Organ_rasee  

    ZeeNan  : ค่ะ แต่แนนไม่มีอีเมลของพี่จีนะคะ  11.04  read

    read 11.15 Gee.NCHWee@gmail.com Organ_rasee 

      Today  

     read 08.32 วันนี้ไม่เข้านะ ขึ้นตรงกับจีเลย งานฝากจีไว้แล้ว  : Organ_rasee   

     

    aหลังจากส่งไปไม่นานก็มีการแจ้งเตือนว่าอีกฝ่ายอ่านและตอบกลับมาแล้วแทบจะทันทีราวกับกำลังเฝ้าหน้าจอมือถืออยู่อย่างนั้น ก็อดที่จะยิ้มอยู่คนเดียวในรถอย่างกับคนบ้าไม่ได้ ก่อนจะกดเปิดหน้าจอแล้วตอบกลับไปบ้าง

     

    read  08.40  แอบเล่นมือถือเวลางานเหรอคะ  : Organ_rasee

     

    ZeeNan : ถ้าเป็นเจ้านายส่งมาก็ต้องยอมผิดกฏบ้างสิคะ :P 08.40 read

    read  08.41  จ้า ตั้งใจทำงานนะ : Organ_rasee

     

    read  08.41  ถ้าแอบอู้ละก็ เงินเดือนหายไม่รู้ด้วยน้าา : Organ_rasee

     

    ZeeNan :  พี่แกนอ่ะ แนนไปทำงานดีกว่า  08.42 read

     

    พอส่งจบก็หันกลับไปเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนต่อไปยังจุดมุ่งหมายคือโรงพยาบาล Boonya เพื่อพบกับเจ้าเพื่อนตัวดีที่ไม่น่าจะเป็นหมอเด็กได้ ทั้งๆที่มันเกลียดเด็กยิ่งกว่าอะไร แปลกคนจริงๆ ไม่กี่อึดใจรถคันเหลืองสะดุดตาก็ถอยหลังเข้าจอดอย่างชำนาญก่อนที่คนขัยจะก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างกับเจ้าของที่

    "สวัสดี หมอ" เสียงทักหน้าประตูห้องพักกุมารแพทย์ดังขึ้นเรียกให้คุณหมอคนสวยเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยิ้มออกมาจนเหนฟันเกือบจะทั้งปากกันเลยทีเดียว

    "มึงว่างเหรอวันนี้" เสียงตอบรับแบบนั้นเรียกให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูอยากจะเดินเข้าไปเอาบาทาลูบพักตร์สักหนึ่งครั้งเน้นๆ

    "เดี๋ยว นัดกูมา แต่ถามแบบนี้เนี่ยนะ "

    "ก็กูบอกว่ามึงสะดวกวันไหนก็มาไม่ได้หมายความกูจะว่างทุกวันซะหน่อย งั้นมึงล่วงหน้าไปก่อนกูขอเวลา กูตามไป" เฌอมาลย์พูดแล้วลุกขึ้นสวมเสื้อกาวน์ตัวยาวและถือแฟ้มเอกสารเข้าท้องแขนก่อนจะเดินไปตบบ่าเพื่อนรักเบาๆสองสามที ราศีพยักหน้าเข้าใจแล้วหมุนตัวเดินไปลานจอดรถแล้วตรงดิ่งไปยังร้านอาหารก่อนจึงจะไปร้านเสื้อของเพื่อนที่รู้จักกัน

    All about Clothes By NangFah

    "สวัสดีค่ะ คุณออร์แกนวันนี้รับอะไรดีคะ" เสียงเจ้าของร้านหนึ่งในแก๊งดังขึ้นทันทีที่ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในเขตร้านขนาดกลางของห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง

    "สวัสดีค่ะ คุณแอน" คนถูกถามตอบก่อนจะเดินไปเปิดสมุดแบบเสื้อที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆภายในร้าน

    "เลือกดูได้เลยนะคะ ถ้าหากไม่พบ ถามได้เลยนะคะ" อลิชาบอกกล่าวแก่ลูกค้ากิตติมศักดิ์ที่มาดูเสื้อผ้าร้านนี้บ่อยมาก

    "ค่ะ แล้วนี่ได้ไปงานบ้านหมอพลอยรึเปล่าคะ" ราศีถามเพราะเห็นว่าทั้งตัวเองและเพื่อนก็มาที่นี่บ่อยมากและเจ้าเพื่อนหมอก็ปากหวานคุยจนสนิทไปแล้ว

    "วันมะรืนนี้ใช่มั้ยคะ ถ้าใช่ก็ไปค่ะ" อลิชาตอบแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากบริเวณนั้นไป เพราะรู้ว่าราศีนั้นเวลาจะเลือกดูอะไรเขามักจะหาก่อนและแม้จะเข้าไปถามก็น้อยครั้งมากที่จะบอก บางครั้งก็ซื้อไปเป็นของขวัญให้คนรู้จักบ้าง

    ร่างสูงเปิดดูซํกพักก็เดินไปดูตามชั้นที่บอกไว้บนหน้าหนังสือก่อนจะพบชุดสูทที่สีตรงใจตนและเข้ากับสีธีมในงานทั้งสองชุดจึงหยิบออกมาพาดแขนไว้แล้วเดินไปดูฝั่งชุดที่เป็นเดรสสุภาพสตรีบ้าง ก่อนจะพบกับคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด

    “....เดียร์น่า” เสียงเปล่งออกมาเบาราวกับกระซิบ แต่ด้วยความที่อยู่ห่างกันไม่ถึงเมตร เจ้าของชื่อจึงหันมาต่างฝ่ายต่างทำสีหน้าไม่ถูก

    “พี่แกน มาซื้อไปงานบ้านพี่พลอยเหรอคะ” สาวลูกครึ่งหันมาแล้วทักขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ราวกับไม่เคยมีเรื่องระหว่างกันมาก่อน

    “เดียร์ก็ไปด้วยเหรอ” ราศีถามกลับไป

    “ค่ะ แล้วนี่มาดูชุดให้ใครเหรอคะ ปกติพี่ไม่ใส่เดรสนี่คะ” คนตัวเล็กพูดพร้อมกับสบตากับอีกคนเพราะฝั่งด้านนี้มีแต่ชุดที่เป็นกระโปรงเข้ารูปซึ่งไม่ใช่สไตล์ของร่างสูงตรงหน้าคนนี้

    “อะไรๆมันอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้นะ” คนถูกถามสบตาแล้วตอบกลับไป “แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใส่เองหรอก มาดูให้เลขาน่ะ”

    “ยังสาวๆอยู่เหรอคะ ให้เดียร์ช่วยมั้ย” เดียร์น่าแอบสะอึกตอนแรกที่อีกคนตอบกลับมาแต่ก็ใจดีสู้เสือถามต่อ

    “อื้อ เอาสิ ขนาดตัวก็พอๆกันนะ” ราศีตกลงเพราะตัวเธอเองก็ใช่จะสันทัดเรื่องชุดพวกนี้ อีกอย่างเธอก็ชอบการแต่งตัวของเดียร์น่าอยู่แล้วแต่พอนึกถึงว่าถ้าเสื้อผ้าพวกนั้นอยู่บนตัวของเด็กคนนั้นจะน่ารักขนาดไหนก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

    “ชุดนี้มั้ยคะ เข้ากับสีสูทพี่ด้วย” เดียร์น่าเดินเลือกๆไปซักพักเพราะงานวันมะรืนนี้ เธอก็ได้รับธีมสีมาแล้วเลยเดินไปในโซนสีสุภาพมากขึ้นก่อนจะหยิบออกมาสองชุดดชุดนึงเป็นสีดำปิดถึงคอและแขนกุด เล่นลูกเล่นด้วยลายตรงเส้นเล็กตลอดทั้งตัว เรียบแต่หรู ส่วนอีกชุดเป็นแบบุดโชว์ไหล่มีสายเล็กๆเกาะไว้ที่บ่าเท่านั้นส่วนลำตัวสีเทาเรียบๆเสริมลายนกบินไม่ให้ชุดเรียบเกินไป ซึ่งก็ถูกของคนเลือกที่บอกว่าเข้าสีกับชุดของร่างสูงเพราะชุดในมือของราศีนั้นเป็นสูทสีดำและสีเทาเงิน ราศีจึงยิ้ม และรับชุดทั้งสองมาถือไว้

    “ขอบคุณนะ แล้วไดชุดบ้างรึยังล่ะ” ราศีถามเป็นมารยาทเพราะเขาก็เหมือนจะไปรบกวนเวลาเลือกชุดของอีกฝ่าย

    “เดียร์แค่มาดูค่ะ ยังไม่ตัดสินใจว่าจะซื้อมั้ย ถ้ายังไงขอให้เขาชอบนะคะ” เดียร์น่าตอบกลับไป

    “พี่ก็หวังแบบนั้น”

    “ถ้าเป็นเดียร์คงดีใจมากเลยนะ เจ้านายมาซื้อให้แบบนี้” เดียร์น่าพูดในใจรู้สึกผิดและเสียดายที่เธอทำผิดกับคนที่แสนดีแบบนี้

     “ขอให้โชคดีนะคะพี่แกน เดียร์ว่าจะกลับแล้วล่ะ” เดียร์น่าพูดต่อก่อนจะเดินออกจากร้านไป  คนอย่างร่างสูงนะเหรอจะมาซื้อเสื้อผ้าแพงขนาดนี้ให้กบคนที่เป็นแค่เลขาตัวเอง ไม่มีทางซะหรอก คิดพลางยกโทรศํพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนที่จะสามารถช่วยตนได้ “นี่ ฝากสืบให้หน่อยสิ ช่วงนี้พี่แกนเขาสนิทกับใครเป็นพิเศษบ้าง ขอด่วนที่สุด”

     ทางร่างสูงที่ได้ชุดมาแล้วก็นำปฝกไว้ที่เคาน์เตอร์เพื่อเดินดเครื่องประดับต่อ รอเพื่อนรัก ที่ไม่มีวี่แววว่าจะมาสักที

    “แกน กูมาแล้ว” ตายยากจริงๆ

    “กว่าจะมานะ จนกูจะซื้อได้ทั้งร้านแล้วเนี่ย” ราศีพูดอย่างอารมณ์เสีย

    “กูก็มาแล้วนี่ไง ไหนชุดมึงอ่ะ” เฌอมาลย์พูดแล้วมองหารอบตัว ก่อนที่คนถูกถามจะชี้ไปที่เคาน์เตอร์จึงเดินไปดู

    “งั้นกูต้องเอาที่ไม่เหมือนสินะ ใครเป็นคนคิดธีมว่ะเนี่ย มันหายากจะตาย” เฌอมาลย์พูดขึ้นทันทีที่เห็นชุดอีกคน ก็แน่ละธีมสุภาพจะพ้นขาวดำกรมเทา ได้ยังไง และลูกเล่นก็มีมากไม่ได้อีก อยากจะดึงตัวคนคิดมานั่งคุยด้วยซะจริง งานฉลองนะ ไม่ใช่งานประชุมมาเน้นสีสุภาพไรกัน งานกลางคืนยังจะสีขาวอีกมีไม่กี่แบบใส่ไปเป็นแฝดกันทั้งงานแน่ แต่เอ๊ะเมื่อกี้เธอเห็นเดรส  “ชุดใครอ่ะ มึงจะใส่เหรอ”

    “ยุ่ง!!  ไปเลือกชุดไป กูจะรอตรงนี้ล่ะ” ราศีพูดแล้วทำเป็นไม่สนใจ

    “แน้ น้องคนนั้นล่ะสิ เปิดตัวรึไงจ๊ะ” คุณหมอคนสวยแกล้งเดินเข้าไปแซวอีกคนก่อนจะหมุดตัวหลบแขนยาวๆของเพื่อนอย่างหวุดหวิด

    “บางทีกูคิดว่างานนี้ควรใส่ผ้าปิดปากให้มึงด้วยนะเนี่ย เอานี้มั้ยกูเลือกให้ ออร์แกนพูดพร้อมกับหยิบผ้าคาดเอวของชุดหูกระต่ายมาปิดปากเพื่อนตน

    “อิแกน!! เขาเอาไว้คาดเอวป่ะวะ” เฌอมาลย์รีบดึงออกก่อนจะโวยขึ้น

    “มึงรีบไปไกลกู ก่อนที่ต่อไปมันจะไม่ใช่แค่ผ้าที่จะปิดปากมึง” ราศีพูดอย่างหยอกๆ

    “โหดร้า คุณเพื่อนจะเอาอะไรมาปิดรึ ปากรึไง” ยังคงไม่เลิกกวนประสาท

    “หลังแหวนคุณเพื่อนนี่แหละค่ะ เอามั้ย” ราศีพุดแล้วยกมือขึ้นมาประกอบ

    “อ่ะๆ โนๆค่ะ เพื่อนไม่สน ไปดีกว่า” เฌอมาลย์พูดแล้วรีบเดินออกจากโซนอันตรายทันที

    “เฮ้อออ” ราศีจึงถอนหายใจออกมายาวพรืด

    สักพักราศีเดินออกมารออีกคนแล้วต้องตกใจเมื่อคุณหมอคนสวยก็เดินมาพร้อมกับชุดประมาณเกือบสิบชุดได้มาวางกองบนที่นั่งรอกลางร้าน

    “เอามาทำไมขนาดนี้จะใส่ชั่วโมงละชุดรึไง แล้วมีแต่ชุดเดรสขนาดนี้เปลี่ยนแนวเหรอ”

    “บ้าสิ เอามาให้ช่วยเลือก ชุดไหนเหมาะกับหญิงอ่ะ มึงเคยเห็นใช่ป่ะ” เฌอมาลย์ถามเพราะเธอจะซื้อไปบังคับอีกคนให้ไปงานกับตน ถ้าชวนเฉยๆไม่มีทางแน่นอนมันต้องมัดมือชกแบบนี้

    “ถามเค้าแล้ว?” ราศีถาม

    “ยัง” เฌอมาลย์ตอบกลับมาเรียกให้คิ้วสวยของคนถามขมวดเข้าหากัน

    “มั่นใจว่าถ้าซื้อไปเขาจะไป” ราศีถามย้ำอีกครั้งเพราะรู้นิสัยพยาบาลคนนี้ที่เพื่อนเธอจะเรียกว่าตามจีบอยู่ก็ได้ไม่เห็นจะเคยเล่นด้วยซักครั้ง อย่าว่าเล่นเลย แค่จะสนใจมันยังไม่มี และไม่ใช่คนที่ยอมคน จะมากับเพื่อนตนงานๆรึไง

    “เอาเถอะ ถึงไม่ไปด้วย ได้ซื้อให้ก็ยังดี ช่วยเลือกก่อน” คุณหมอคนสวยตาตกลงสักพักก่อนจะพูดขึ้น เพราะรู้ดีที่เพื่อนเธอพูดก็ถูก รฐาไม่ใช่คนที่ยอมไหลตามน้ำง่ายๆ

    “แล้วของมึงอ่ะ” ราศีถามเพราะทั้งหมดทั้งมวลเธอยังไม่เห็นชุดไหนที่เพื่อนเธอจะใส่ได้สักตัว

    “แกน ชุดกูเต็มตู้มีแต่สีเข้าธีมทั้งนั้น กูจะซื้อเพื่อ??” เฌอมาลย์จึงตอบออกไป ก็เสื้อผ้าในตู้เธอก็มีแต่สีอ่อนๆ และสีสุภาพสำหรับทำงานที่เป็นหน้าเป็นตาแก่โรงพยาบาลและเหมาะสมกับหน้าที่การงานของเธอทั้งนั้น ก็จริงของมัน

    “งั้นเริ่มจากตัวนี้ ว่าไง สวยดีนะ น่าจะเหมาะ แต่เหมือนจะโป๊ไปไม่ผ่าน” ตัวแรกที่หยิบมาด้านหน้าดูเรียบร้อยดีแต่ตอนที่เธอหยิบไม่ได้ดูด้านหลังที่แหวกจนถึงไหนถึงไหน เพิ่งจะเห็นตอนที่เพื่อนเธอหยิบขึ้นมาพลิกๆดูนี่แหละ เพราะฉะนั้น บาย แล้วก็ตามมาอีกหลายตัวที่ไม่ผ่านเกณฑ์ของคนหยิบมามีเข้าตาและพอได้อยู่สามชุด

    “มึงนี่ เป็นหมอจริงเปล่าเนี่ย” ราศีถามเพราะเท่าที่ดูมาเกือบครึ่งคือเพื่อนเธอไม่ดูให้ครบทั้งตัวดูแค่ข้างหน้าว่าสวยก็หยิบมา มันช่างขัดกับหน้าที่การงานที่อาศัยความรอบคอบแบบนั้น

    “ไม่เกี่ยวกันป่ะวะ”

    “หรือใจจริงมึงก็อยากให้เค้าใส่แหวกแต่ก็หวง ห้ะ!” ราศีถามดักคอเพราะรู้ว่าสเปคของเพื่อนตนเป็นยังไง ผ้าพับไว้นี่ไม่ใช่แนว เพราะปกติจะเจอกันก็แค่ในหน้าที่ รฐาเองก็ใส่แค่ชุดพยาบาลสีขาวหรือบางวันก็ใส่ชุดสครับ เพื่อนเธอก็เจอแค่นั้น

    “ก็ส่วนนึง งั้นเอาสามชุดนี้ล่ะ” เฌอมาลย์พูดแล้วเอาไปจ่ายเงิน ราศีจึงเดินไปด้วยไม่ลืมฝากพนักงานในร้านเก็บชุดที่เพื่อนเธอเลือกมาแล้วไม่เอาด้วย

    “ของคุณราศีจะจ่ายเงินสดหรือบัตรคะ?” พนักงานบริเวณคิดเงิน ถาม ราศีจึงยกบัตรขึ้นรูดก่อนจะเซ็นชื่อกำกับ

    “มีกล่องใส่เป็นของขวัญรึเปล่าคะ” คนร่างสูงถาม ก่อนที่พนักงานจะเดินเอากล่องมาให้เลือก ทั้งสองคนจึงเลือกกันคนละกล่อง ราศีตัดสินใจเลือกกล่องสีเทาที่มีชื่อร้านสกรีนไว้ ส่วนเฌอมาลย์ขอกล่องสีชมพูโอรส พนักงานจึงยื่นการ์ดมาให้เขียนอะไรซักอย่างลงไป ต่างฝ่ายต่างเขียนแล้วส่งให้เอาใส่ไว้ในกล่องก่อนที่ทางร้านจะผูกโบว์ให้แล้วส่งคืนเจ้าของ

    “ถูกใจรึเปล่าคะ ” อลิชาที่นั่งอยู่บริเวณนั้นที่เตรียมจะเดินไปทานข้าวกลางวันกับแก๊งเพื่อนเธอ ถามขึ้น

    “ค่ะ ถูกใจมากค่ะ กล่องนี่ออกแบบใหม่หรือเปล่าคะ แกนว่าแกนไม่เคยเห็นแบบนี้ ใครออกแบบให้คะเนี่ย” ราศีตอบพร้อมกับยกถุงที่มีกล่องสีเทาอยู่ในนั้นถาม

    “ค่ะ เพิ่งจะมาเมื่อต้นเดือนนี้เองค่ะ คนออกแบบคือยัยวุ้นกับพอลล่าน่ะ” อลิชาตอบแล้วถามต่อ “ไปทานข้าวกลางวัน

    ด้วยกันไหมคะ”

    “ไปสิคะ” คุณหมอคนสวยตอบแทบจะทันควัน นานๆทีได้ทานข้าวกับแก๊งนางฟ้า เจ้าแม่แฟชั่นของวงการเสื้อผ้าแบบนี้อย่าพลาด

    “อิหมอ!” ราศีพูดลอดไรฟันเบาๆ

    “ถ้างั้นก็ไปกันเลยเนอะ แอนนัดกันที่ร้านในห้างนี่แหละคะ” อลิชาพูดก่อนจะหันไปสั่งเด็กในร้าน” น้องพี่ฝากร้านด้วยนะ เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก” ว่าจบก็พากันเดินออกไปยังร้านอาหารที่นัดกันไว้ เมื่อมาถึงร้านก็พบกับเหล่าแก๊งเพื่อนของอลิชา สมชื่อนางฟ้าจริงๆ พวกเธอก็เคยรู้จักกันบ้างตอนสมัยที่น้ำทิพย์กับศิรินคบกันอยู่ตอนมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น เจอกับผิวเผินจนเริ่มโตทำงานก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลย สมัยนั้นก็เป็นแก๊งนางฟ้ามหาวิทยลัยเลยล่ะใครได้เป็นแฟนสาวๆแก๊งนี้คนอิจฉากันทั้งมหาวิทยาลัย

    “แม่แอน มาแล้วเหรอคะ นี่เพื่อนสั่งมาจนจะอิ่มแล้วมั้งเนี่ย” เจนี่ ทักขึ้นทั้งๆทีบนโต๊ะไม่มีอาหารอะไรสักอย่าง

    “งั้นกลับสิ” อลิชาพูดแล้วแกล้งเตรียมตัวเดินกลับ

    “ดูก่อนฉันมากับใคร”อลิชาพูดเพราะพวกนี้มันติดตามแก๊งสามเสือวงการธุรกิจขนาดไหน

    “คุณราศี คุณหมอพลอย” เจนี่รีบเปลี่ยนวิธีการพูดแล้วขยับที่นั่งให้อีกสองคน

    “แม่แอนฝั่งนู้นเลยค่ะ ส่วนคุณทั้งสองคนนั่งข้างเจนี่ดีกว่า” คนพูด พูดพร้อมกับการถือวิสาสะดึงแขนสองคนให้นั่งลง

    “แรด” วุ้นเส้นที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเจนี่พูดไร้เสียงแล้วถลึงตาใส่อีกคน เจนี่ก็ยักไหล่ขึ้นประมาณว่า โนสนโนแคร์ วุ้นเส้นจึงหยิบส้อมขึ้นแกล้งทำท่าจะเอาทิ่มตาอีกคน

    “พอๆเลยรีบสั่งอาหารได้แล้ว คุณแกนกับคุณพลอยก็สังได้เลยนะคะ” อลิชาจึงสงบศึกลง

    “ต้องขอโทษแทนสองตัว เอ้ย! สองคนนี้ด้วยนะคะ” นานา ที่นั่งติดกับวุ้นเส้นด้านใน ที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น

    “ไม่เป็นไรค่ะ คุณ..นานา ?” หมอที่นั่งอยู่ริมสุดเอ่ยก่อนเว้นเพราะก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่ชื่อของอีกคนรึเปล่า

    “ค่ะ นานา ไรบีนา ตัวจริงเสียงจริงค่ะ” นานา เอ่ยขึ้นเรียกเสียงฮือฮาจากคนบนโต๊ะได้ดีทีเดียว

    “ปกติเห็นพวกคุณแต่ในหนังสือตัวจริงดูดีกว่าอีกนะคะเนี่ย” เจนี่พูดแล้วทำตาเป็นประกาย คนถูกเอ่ยถึงก็ได้แต่ยิ้มเขินส่งไปให้เพราะไม่คิดว่าตนเองจะดังขนาดนั้น ก่อนจะชมกลับไปเช่นกัน

    “คุณแกนคะ นี่วุ้นเส้นที่ออกแบบกล่องของขวัญทั้งหมดของร้านเราค่ะ” อลิชาถือโอกาสแนะนำเพราะไม่บ่อยนักที่ราศีจะถามถึงเรื่องพวกนี้

    “ยินดีที่ได้พบกันนะคะ จะรบกวนคุณวุ้นเส้นหรือเปล่าคะ ถ้าแกนอยากให้คุณช่วยออกแบบกล่องของขวัญให้กับหน้าร้านของ วัชร ไดมอนด์” ราศีถามเพราะตอนนี้หน้าร้านหรือสถานที่จำหน่ายอัญมณีจากบริษัทเขาเองยังไม่มีกล่องที่เป็นทางการหรือเอกลักษณ์ที่แสดงถึงตัวริษัทมากนักมีเพียงการ์ดหรือแท็กหรือถุงผ้ากำมะหยี่เท่านั้นจึงลองถามดู

    “เอ่อ...วุ้นกลัวจะทำมาแล้วไม่สมกับ วัชร ไดมอนด์นี่สิคะ วุ้นก็ออกแบบไก่กาไม่คิดว่าจะสามารถทำให้คุณได้” วิริฒิพาตอบอย่างเจียมตัวเพราะตัวเธอเองแค่ชอบและลองออกแบบเล่นๆถ้าจะให้ทำเป็นงานจริงจังคงไม่ไหว พอดีกับที่อาหารที่สั่งมาส่งที่โต๊ะจึงหยุดการสนทนาและช่วยกันรับของก่อน

    “ลองดูก็ได้นะคะ คิดซะว่าทำเล่นๆให้แกนดูก็ได้คะ” ราศียังคงตื้อต่อ

    “อิวุ้น ลองๆไปเถอะ จะได้เจอคุณราศีบ่อยๆ ฉันจะไปเป็นเพื่อนแกเอง” เจนี่พูดขึ้นทำให้คนถูกพาดพิงหัวเราะออกมาไม่คิดว่าเจนี่จะตรงขนาดนี้

    “อิเจี๊ยบ อิแรด ต่อหน้าเขาเก็บอาการบ้าง” อลิชาพูดแล้วหัวเราะเบาๆอย่างอายๆแทนเพื่อน

    “ก็คนตรง ชอบก็บอกตรงๆ ดีออก” เจนี่ยังคงพูดต่อไป

    “งั้นวุ้นจะลองดูก็ได้ค่ะ ถือเป็นการสงเคราะห์เพื่อนในตัว” วุ้นเส้นตอบไม่วายแขวะเพื่อนต่อ

    “สงเคราะห์เลยเหรอคะ คุณวอสอ” เจนี่พูดประชดขึ้น

    “พวกคุณคงสนิทกันมากเลยนะคะ” เฌอมาลย์พูดแล้วยิ้มออกมา

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้นคะ” นานาถามทันควัน

    “ก็ถ้าเป็นกลุ่มอื่นเขาคงจะโกรธกันไปแล้ว ถ้าว่ากันขนาดนี้”

    “แต่เราก็เคยพบกันมาก่อนนี่คะ แต่นานแล้วเนอะ” อลิชาพูด

    “แกน่ะสนิทกับเขาขนาดนี้ ทำไมพวกฉันไม่รู้ ห้ะ แม่แอน” เจนี่พูดอย่างงอนๆ

    “ก็วันๆพวกแกอยู่ร้านบ้างไหม”  อลิชาถามอย่างเอาเรื่อง

    “จบ แม่มา งานจบล่ะ” นานาพูดความหมายคือเลิกพูดเถอะ จะเข้าตัวเองเปล่าๆ อีกสองคนที่ถูกพาดพิงก็พร้อมกันสงบปากสงบคำ ทั้งหมดจึงตั้งใจจัดการอาหารตรงหน้าและพูดคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยจนหมด จึงแยกกันไป เจนี่ยังไม่วายอ้อยใส่ทั้งเฌอมาลย์และราศี จนเพื่อนต้องขอโทษแทนและรีบลากกันออกไป สองเพื่อนซี้แยกตัวไปลานจอดรถเพื่อจะกลับบ้านกัน

    “พวกเขาน่ารักกันดีเนอะ กลุ่มนี้” เฌอมาลย์พูดขึ้นเมื่อแยกตัวออกมาแล้ว

    “อื้อ ไม่เคยเห็นเพื่อนที่เป็นผู้หญิงอยู่กันเยอะแบบนี้ไม่ทะเลาะกันแรงๆ หรือหาผลประโยชน์จากกัน” ราศีเสริม

    “นี่ยังไม่รวมถ้ามีคริสนะ เหมือนสมัยนู้น พวกเราแม่งไม่กล้าเดินเฉียดกันเลยทีเดียว มีแต่อิบีแหละที่กล้า” เฌอมาลย์พูดแล้วนึกถึงในอดีตเพราะพวกเธอเองนั้นนอกจากจะไม่เด่นไม่ดังแบบสาวๆพวกนั้น แถมยังอายุน้อยกว่าซะด้วยเรียกได้ว่าเพื่อนเธอนี่เล่นของสูงกันเลยทีเดียว แต่พอทุกวันนี้มีหน้ามีตาทางสังคมบ้าง พี่พวกนั้นก็ยังเหมือนเดิม สวยไม่สร่าง เดินผ่านใครก็เหลียวมองคนแทบเคล็ด

    “นั่นสิ แต่พอเขาทิ้งมัน ก็เสียศูนย์เลย” พอราศีพูดจบก็เดินมาถึงรถตนเองพอดี ทั้งสองจึงลากันแยกย้ายกลับบ้าน

    แต่จุดมุ่งหมายปลายทางคือบ้านของเด็กฝึกงานคนสวยของเธอ รถสีเหลืองคันใหญ่สะดุดตาจอดหน้าบ้านไม้สองชั้นที่ดูร่มรื่นอันคุ้นตา ก่อนที่เจ้าของรถจะดับเครื่องแล้วเดินเข้าไปกดกริ่งหน้าบ้าน ยังไม่ทันที่เจ้าของบ้านจะออกมาเปิด ชายหนุ่มข้างบ้านที่ร่างสูงจำได้แม่นแม้จะเจอกันเพียงครั้งเดียว นายเจษฎ์ เพื่อนบ้านของกุลธิดา

    “มาหาป้ากาญจน์เหรอครับคุณ” เจษฏ์เดินออกมาจากบ้านข้างๆก่อนจะถามขึ้น

    “ค่ะ ไม่ทราบว่าท่านอยู่บ้านหรือเปล่าคะ” ราศีตอบกลับไป

    “ออกไปหน้าหมู่บ้านเดี๋ยวคงมาครับ นั่นไงครับ มานู่นแล้ว” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับชี้ไปทางที่มีหญิงวัยกลางคนกำลังเดินมา ก่อนจะหมุนตัวเข้าบ้านไปทำงานต่อ ราศีจึงสาวเท้าเข้าไปหา พร้อมกับรับของในมือหญิงคนนั้นมาถือไว้

    “คุณราศี มีอะไรหรือเปล่าคะ ยัยแนนเป็นอะไรเหรอคะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามเพราะนี่ยังไม่ถึงเวลางานแต่เจ้านายลูกสาวตนกลับมาหาถึงที่บ้าน ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตคงไม่มาแน่ๆ

    “เปล่าหรอกค่ะ แกนแค่จะแวะมาฝากของไว้ให้แนนเฉยๆ” ร่างสูงตอบพร้อมกับเดินตามคนถามเข้าไปในเขตบ้านแล้วนำของที่อีกคนไปซื้อมาซึ่งส่วนใหญ่เป็นผักและเครื่องครัวทั้งหลาย ไปวางไว้ในห้องครัวก่อนจะเดินออกไปยังรถตนเพื่อหยิบของที่จะฝากเอาไว้ให้

    “ฝากกล่องนี้ไว้ให้แนนด้วยนะคะ” ร่างสูงพูดแล้วยื่นกล่องขนาดใหญ่แต่น้ำหนักเบาให้อีกคน

    “ทานอะไรมารึยัง ป้าทำให้เอามั้ย ” คนรับกล่องรับแล้วถามขึ้น

     “ไม่รบกวนหรอกค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วแกนขอตัวก่อนนะคะ  เปลี่ยนเป็นมื้อเย็นแทนได้รึเปล่าคะ” ร่างสูงพูดตอบกลับไป

    “ได้สิ บ้านเราต้อนรับคุณเสมอเลยนะ” กาญจนาตอบกลับอย่างดีก่อนจะนำกล่องที่อีกคนให้มาไปวางไว้บนโต๊ะทานข้าว

    “ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะคะ” ราศีพูดแล้วยกมือไหว้ลาอีกคนก่อนจะเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ถ้าถามทำไมเขาไม่ให้กับมือเลย บอกตามตรงนะ ใครจะกล้าขนาดนั้น เขินแย่ สู้เอามาไว้ที่บ้านรอให้มาเห็นเลยดีกว่า

     

    พอถึงเวลาเลิกงานร่างเล็กของกุลธิดาเก็บของใส่กระเป๋าปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เรียบร้อยจึงเดินลงไปด้านล่างเพื่อรอรถโดยสารกลับบ้านเช่นเคย แต่ที่แปลกตาไปคือรถสีเหลืองเด่นสะดุดตาที่จอดอยู่แล้วมีร่างสูงของเจ้าของรถยืนเล่นโทรศัพท์พิงตัวรถอยู่ เท่ชะมัด แต่กุลธิดาก็ไม่ได้สนใจจะเดินเข้าไปหาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงมารอพบใครสักคนซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ตนจึงเดินอ้อมไป ฝั่งร่างสูงที่เห็นแบบนั้นแล้วจึงรีบสาวเท้าตามไป

    “แนน! จะไปไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ราศีคว้าข้อมืออีกคนไว้แล้วพูดขึ้น

    “คะ... แนนไม่รบกวนพี่แกนหรอกค่ะ” ร่างเล็กดึงดันแล้วพยายามบิดข้อมือออก

    “อย่าดื้อ ขึ้นรถ” ราศีบอกแล้วเดินนำอีกคนไปที่รถทันที ร่างเล็กได้แต่มองตามตาปริบๆ แล้วก็ต้องยอมตามใจอีกคนไป

    บรรยากาศภายในรถอบอวลไปด้วยเสียงเพลงและกลิ่นหอมของน้ำยาปรับอากาศภายในรถที่เป็นกลิ่นเฉพาะและกลิ่นเดียวที่ราศีมักจะซื้อมาใช้ ซึ่งคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถจำได้เป็นอย่างดี ส่วนคนขับเอง ยอมรับใจตัวเองแล้วว่าคิดกับอีกคนอย่างไร ตั้งแต่วันที่เพื่อนเธอถามวันนั้น ระหว่างเด็กฝึกงานคนนี้กับพนักงานคนอื่นทำไมถึงมีความสำคัญกับตัวเธอเองไม่เท่ากัน แต่ก็ยังไม่กล้าจะแสดงออกให้มาก กลัว ใช่ เธอกลัวว่าถ้าหากมีอะไรผิดพลาดอีกการจะกลับมาได้ดังเดิมคงยาก เธอไม่อยากเสี่ยงอีกแล้ว ขอให้แน่ใจก่อนว่าอีกฝ่ายก็คิดเหมือนกันกับเธอ ใช้เวลาสักพักรถยนต์ก็เคลื่อนมาหยุดที่หน้าบ้านหลังเดิมเมื่อตอนบ่ายที่ผ่านมา เจ้าของบ้านจึงลงจากรถกำลังจะขอบคุณอีกคนที่มาส่งก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่ออีกฝ่ายเดินลงจากรถมาด้วย

    “เย็นแล้ว ฝากท้องที่นี่แล้วกัน” ว่าจบก็เดินนำเข้าบ้านหน้าตาเฉย ร่างเล็กจึงเก็บความสงสัยไว้แล้วเดินตามไป

    “แม่ กลับมาแล้วค่า” กุลธิดาส่งเสียงบอกผู้เป็นแม่เสียงดัง

    “ขึ้นไปอาบน้ำก่อนไปลูกแล้วค่อยลงมากินข้าว” เสียงตะโกนตอบกลับมาร่างเล็กจึงวิ่งขึ้นไปอาบน้ำ

     

    “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ” ร่างสูงของเจ้านายลูกสาวเดินเข้าไปถามแม่ของเด็กสาวพร้อมกับพับแขนเสื้อเชิร์ตขึ้นจนถึงข้อศอก เตรียมพร้อมเต็มที่

    “ทำได้เหรอคะ” กาญจนาถามอีกฝ่าย เพราะดูท่าแล้วคงจะถูกเลี้ยงมาอย่างดีเป็นถึงลูกสาวบริษัทอัญมณีระดับประเทศแบบนี้ ผิวขาวดูนุ่มราวกับไม่เคยต้องแสงขนาดนี้ ไม่อยากให้เขาต้องมาจับงานแบบนี้ คำตอบที่ได้รับคือการยิ้มรับและพยักหน้าเบาๆของร่างสูง

    “งั้นฝากหั่นผักต่อให้หน่อยนะคะ” กาญจนาพูดแล้วเดินออกจากเขียงไปทำอย่างอื่น

    “เมนูวันนี้คืออะไรเหรอคะ” ราศีถามในขณะที่มือก็ตวัดมีดหั่นอย่างคล่องแคล่ว

    “แกงจืดผักรวม และ หมูสับทอดค่ะ” อีกคนตอบกลับมาพร้อมกับมือที่เคี่ยวน้ำซุปอยู่ พลางหันมามองคนถามเป็นระยะ ทำได้จริงๆแหะ

    “ทำไมคุณถึงทำกับข้าวเป็นล่ะคะ ปกติบ้านแบบบ้านคุณน่าจะมีคนคอยทำให้ทุกอย่างนี่คะ” กาญจนาถามขึ้น

    “เคยไปเรียนอยู่ต่างประเทศค่ะ อยู่หอก็ต้องทำเองอะไรเองทุกอย่าง ก็เลยพอทำได้บ้าง” ราศีจึงตอบกลับไปแบบนี้

    แล้วทั้งคู่ก็คุยกันเรื่องอื่นไปทั่ว กาญจนารู้สึกถูกชะตากับอีกคนอย่างบอกไม่ถูกเธอสามารถคุยได้เรื่อยๆ อาจเพราะความไว้ใจและเธอเห็นว่าเขาเอ็นดูลูกสาวตนมาขนาดไหน เลยกลายเป็นความเชื่อใจและเปิดใจตามมา

    พออาหารเสร็จก็ช่วยกันยกไปวางไว้บนโต๊ะทานข้าว ราสีเห็นกล่องที่เป็นคนให้เกะกะโต๊ะจึงยกไปวางบนเก้าอี้แทน ร่างเล็กที่ขึ้นไปอาบน้ำเดินลงมาพอดีจึงมาช่วยจัดโต๊ะก่อนทั้งหมดจะพากันมานั่งทานข้าว กุลธิดาเหลือบไปเห็นกล่องสีเทาขนาดใหญ่ที่วางอยู่ข้างตัวที่อีกคนที่เป็นเจ้าของตั้งใจวางให้เห็น จึงหยิบขึ้นมาแล้วถามคนทั้งโต๊ะว่าของใครแวได้รับคำตอบจากแม่ของตนว่าอีกคนเป็นคนเอามาให้

    “เปิดดูสิ” ราศีพูดพร้อมกับทำหน้าตาตื่นเต้นที่ปิดไม่มิด

    “ยังดีกว่าค่ะ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเอาจานที่หมดแล้วทั้งหมดไปล้างแล้วเดินออกมา

    “แม่ค่ะ กินยาด้วยนะคะ” คนร่างเล็กเอ่ยถามผู้เป็นแม่

    “โอ๊ะ แม่ลืมไปเลย”

    “นี่ค่ะ แนนว่าแล้วว่าแม่ต้องลืม” พูดพร้อมกับวางถ้วยเล็กที่ใส่ยาแล้วก็แก้วน้ำให้มารดา

    ราศีที่ยืนดูเหตุการณ์ตรงหน้าก็เผลอหลุดยิ้มออกมากับความเอาใจใส่ของกุลธิดาที่อายุเพียงเท่านี้กลับมีหน้าที่อะไรมากมายที่ต้องทำในแต่ละวัน เมื่อเทียบกับตัวเองวัยนี้ที่มีเพียงหน้าที่เรียนให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง

    “พี่แกนรอสักครู่นะคะ แนนขอพาแม่ไปพักผ่อนก่อน” กุลธิดาหันมาบอกกับร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกลแล้วพยุงแม่ตนเองไปยังห้องนอนชั้นล่าง

    “แม่ไปเองได้น่า แนนอยู่นี่แหละ ให้เจ้านายรอ เสียมารยาทนะลูก” คนมีอายุเอ่ยออกมาแล้วดันแขนลูกสาวออกไป

    “แม่อย่าดื้อสิคะ เดี๋ยวเดียวนะคะ” กุลธิดายังคงพยายามพาแม่ไปอีกครั้ง

    “ลูกนั่นแหละดื้อ แม่เดินไปเองได้”

    “ให้ซีแนนไปส่งคุณแม่เถอะค่ะ แกนรอได้” ราศีพูดเพื่อสยบสงครามย่อยๆลง ทั้งคู่จึงเดินออกไปพร้อมกัน แล้วสักพักซีแนนก็เดินกลับออกมา จึงเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อส่งอีกคนกลับบ้าน

    “พี่แกนมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” ร่างเล็กเปิดประเด็นถามขึ้น เพราะอีกฝ่ายลงทุนไปรับเธอและยังมาทานข้าวที่บ้านเธออีก

    “ธุระพี่อยู่ในกล่องนั่นแหละ เปิดดูแล้วกัน กลับบ้านก่อนนะ” ว่าจบก็เดินขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย ทิ้งให้อีกคนยืนสงสัยก่อนจะปิดบ้านแล้วเดินกลับเข้าไปต้องชะงักฝีเท้าเมื่อมีเสียงเรียกของพี่ชายข้างบ้านดังขึ้น

    “แนน! อ่ะ ฝากให้ป้ากาญจน์ที พอดีพี่จัดสวนใหม่เลยตัดมาเผื่อ” เจษฏ์พูดแล้วยื่นดอกพุดซ้อน กำใหญ่มาให้

    “ขอบคุณมากนะพี่เจษฏ์ แนนก็ว่าจะซื้อดอกไม้ให้แม่ใหม่พอดี” ซีแนนเอื้อมมือไปรับมาแล้วกล่าวขอบคุณ

    “ดีเลย ประหยัดด้วยวันหลังจะเอาอีกบอกพี่นะ เดี๋ยวตัดมาให้” เจษฏ์พูดแล้วฉีกยิ้มออกมา

    “ไม่เกรงใจนะจะบอกให้” ร่างเล็กพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

    “ให้หมดสวนเลยอ่ะ แถมปลูกให้หน้าบ้านด้วยเลย” เจษฏ์พูดแล้วยิ้มเหนือให้

    “บ้าสิ ไม่คุยด้วยเล่า”ว่าจบก็เดินหนีเข้าบ้านไป ชายหนุ่มก็ได้แต่หัวเราะเบาๆรอดูจนอีกคนลับตาแล้วจึงเดินกลับเข้าบ้านบ้าง

    ร่างเล็กเดินเข้ามาในบ้านก็จัดกาเปลี่ยนดอกไม้ใส่แจกันในบ้านทุกอัน แทนดอกไม้เก่าที่เริ่มเฉากันแล้ว กลิ่นหอมของดอกพุดซ้อนก็ทำให้สดชื่นขึ้นมากทีเดียว ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะอาหารเปิดกล่องสีเทาขนาดใหญ่ออกแล้วพบกับการ์ดสีชมพูหวานแวว ที่มีลายมือของเจ้าของกล่องเขียนอยู่

     

    เอาไว้ใส่ไปงานวันมะรืนนะ

    ลองสวมดูว่าใส่ได้หรือเปล่า

    Organ

    พออ่านจบคิ้วเรียวสวขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ งานวันมะรืน เธอเป็นแค่เด็กฝึกงานจำเป็นต้องไปด้วยหรืออีกอย่างในงานคงมีแต่คนฐานะดีๆทั้งนั้นแหละ ใครจะอยากไปกันเล่า ถึงแม้จะทำงานกับประธานก็จริง จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายหาอีกคนทันที

    เปิดกล่องแล้วสินะ

    “ค่ะ พี่แกนคะ คือแนนต้องไปด้วยเหรอคะ”

    อื้อ พอดีจีกับแพรวไม่ว่าง

    คนอื่นแทนไม่ได้เหรอคะ”

    เรานั่นแหละ อีกอย่างซื้อเสื้อผ้ามาให้แล้ว ขี้เกียจหาคนใหม่ละ

    “……”

    น่า งานเดียวเองนะแนน ลองใส่ดูรึยัง ใส่ได้รึเปล่า

    คนฟังจึงหนีบโทรศัพท์ไว้แล้วหยิบเสื้อขึ้นมาดู ขนาดตัวพอดีกับตัวเธอ อาจหลวมนิดหน่อย แต่เดี๋ยวก่อน แบรนด์ของแก๊งนางฟ้านี่นา แพงหูฉี่เลยนะเนี่ย

    “ พี่แกนคะ มันแพงไปนะคะ แนนคงรับไว้ไม่ได้”

    ใส่ใช่มั้ย งั้นก็เอาไปซักซะ ราตรีสวัสดิ์พูดจบก็กดตัดสายไป

    “พี่แกน พี่แกนคะ!” ร่างเล็กเรียกอีกคนเสียงดังก่อนจะได้ยินเสียงสัญญาณที่บอกว่าอีกคนตัดสายแล้วเรียบร้อย เอาแต่ใจชะมัดเลย จึงวางเครื่องมือสื่อสารลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบชุดขึ้นมาคลี่ดู เปิดไหล่ แขนกุด เฮ้อออ ใครจะกล้าใส่กันเล่า

    ก่อนจะเผลอทำหน้างอออกมาพร้อมกับถอนหายใจยาวพรืดสายตาก็มองดูชุดในมือไป ก่อนจะสะดุดสายตากับถุงสีดำสนิทที่เหลืออยู่ในกล่อง หยิบขึ้นมาเปิดดู ตกตกใจอีกรอบ เครื่องประดับทั้งต่างหู ข้อมือ สร้อยคอ ตายๆๆ กี่บาทเนี่ย

    พอคิดแบบนั้นก็ถึงกับทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง นี่จะต้องทำงานอีกเท่าไรถึงจะคืนหมดนี่มากกว่าเงินเดือนเธอรวมกันเป็นปีโดยไม่หักค่าอะไรเลยนะเนี่ย สักพักถึงลุกเก็บของขึ้นบนบ้านไปเอาไปซักตามที่อีกคนบอกในเมื่อทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เจ้านายสั่งมาแบบนี้ แล้วเดินเอาไปตากไว้ ก่อนจะเอาเครื่องประดับทั้งหลายมาวางไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ยายามทำอย่างเบามือที่สุด ในชีวิตไม่เคยคิดว่าจะมีของแบบนี้มาอยู่ในบ้านตนเองเลย ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไป

     

     

    To be  continued…

     

    - ZenonZane -

     

    TALK.

    มาแว้วจ้า ตอนนี้รับคู่รองกันไปก่อนเนอะ

    ขอบคุณทุกความเห็นเลยนะคะ หรือแม้แต่คนที่กดเข้ามาอ่านด้วย เป็นบ่อกำลังใจดีๆ สำหรับเรามากเลย

    เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ฝากติดตามต่อไปด้วยน้า หากพบคำผิดบอกเข้ามากันได้นะคะ จะนำมาปรับปรุงแก้ไขนะคะ


    รัก

    ZenonZane

     

     

     




                                                       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×