ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { Hidden Love ร้ายซ่อนรัก } [ บีคริส ]

    ลำดับตอนที่ #18 : Somebody

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.11K
      40
      11 เม.ย. 61



    Chapter 17  Somebody



    ศิรินตัดสินใจลางานช่วงบ่ายกับพี่ที่ทำงานบุคคลชั้นนี้ทันทีด้วยเหตุผลว่าป่วย โดยไม่รอคำอนุมัติจากคนเป็นนาย ณ วินาทีนั้นคิดซะว่าถ้าโดนไล่ออกก็เอาวะ จากสภาพตอนนี้ไม่ใช่แม้แต่แรงจะเดินยังไม่มี มือยกขึ้นโบกแท็กซี่ที่ผ่านมาทางนั้นให้ไปที่สนามบิน ตลอดทางที่นั่งไปสายตายังคงทอดมองอย่างเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างรถ

    “ถือว่าเป็นค่าที่ทำให้ฉันพอใจ” เสียงของร่างสูงดังวนเวียนในโสตประสาทของศิรินดังก้องไปมาอย่างตอกย้ำ

     

    ตื้อดึง!

    BOSS B

    Boss B : ไหวหรือเปล่า 14.11

    Boss B : รู้สึกยังไงบ้าง 14.11

    Boss B : นั่นล่ะ ความรู้สึกของฉันเมื่อห้าปีก่อน   14.11

    Boss B : ไม่สิ ยังไม่ถึงครึ่งของความรู้สึกฉันเลยล่ะ   14.11

    Boss B : ถ้าร้อนเงินอีกเมื่อไร มาหาฉันได้นะ ฉันรอได้   14.11

    Boss B : ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกไล่ออกนะ ฉันไม่ปล่อยให้เธอมีความสุขง่ายๆแบบนั้นหรอก 14.15

     

    น้ำทิพย์ที่เห็นตั้งแต่อีกคนเดินอย่างหมดแรงออกจากบริษัทไปโบกแท็กซี่ก็ยกยิ้มขึ้นบางๆก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความลงไปกดส่งทันที แต่แวบนึงก็มีความรู้สึกด้านดีออกมารั้งนิ้วเรียวยาวไว้ไม่ให้กดส่ง แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น คนรับข้อความแทบจะตายเสียตรงนั้น หากไม่มีเสียงพี่คนขับเอ่ยบอกเมื่อรถมาถึงจุดหมายแล้ว ศิรินจึงหยิบธนบัตรมาจ่ายค่าโดยสารแล้วพาร่างไร้เรี่ยวแรงเดินเข้าไปด้านในสนามบิน โดยไม่ดูทาง

    ปึ้ก! แรงชนทำให้ศิรินล้มลงกับพื้นแทบจะทันที

    “ขอโทษค่ะๆ” อีกฝ่ายหนึ่งพร่ำพูดออกมาพลางนั่งลงยกตัวร่างเล็กขึ้นมา “คุณคริส!

    คนถูกเรียกจึงเงยหน้าสบตาอีกคนผ่านแว่นตากันแดดราคาแพง แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างนึกไม่ออก คนที่นั่งคุกเข่าอยู่จึงถอดแว่นออกมาเหน็บไว้ที่ปกเสื้อ

    “คุณน้ำหวาน”

    “ค่ะ แล้วนี่คุณคริสจะไปไหนหรือคะ หรือมารับใคร” รักษ์ณภัคถามพลางพยุงอีกคนขึ้นยืน ก่อนจะสังเกตใบหน้าอ่อนวัยของอีกคนที่บัดนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา “เป็นอะไรหรือคะ ขอโทษที่ละลาบละล้วงค่ะ” ถามเสร็จก็ขอโทษต่อเลยทีเดียวเพราะปฏิกิริยาของอีกคนต่อคำถามของเธอคือหน้าตากระอักกระอ่วนใจ

    “ขอโทษนะคะ ถ้าอย่างนั้น คริสต้องขอตัวก่อน” ศิรินพูดเร็วๆแล้วเดินต่อไป ทิ้งให้ร่างผอมบางของน้ำหวานยืนมองตามไปอย่างสงสัย

    “รู้จักเค้าเหรอคะ คุณรักษ์ณภัค” เสียงหวานที่เรียกให้น้ำหวานหันไปมอง ก่อนจะยกยิ้มออกมา แล้วเดินปรี่เข้าไปหา

    “คิดว่าจะไม่มารับซะแล้ว” พูดจบก็สวมกอดเข้าหาอีกคนที่อยู่ในชุดพยาบาลอย่างแน่น

    “อย่ามาเปลี่ยนเรื่องค่ะ รู้จักหรือไปเกี้ยวเค้าคะ” คนถูกกอดดันอีกคนออกแล้วสบตานิ่ง

    “รู้จักสิคะ เลขาของพี่บีไงคะ ที่เคยเล่าให้ฟัง” รักษ์ณภัคเอ่ยตอบก่อนจะพากันเดินไปทางร้านอาหารเพื่อหาอะไรลงท้อง

    “ที่เคยแอบชอบ?

    “ก็แค่เคย ตอนนี้พี่มีหนูอยู่แล้วทั้งคน จะไปจีบเค้าทำไมล่ะคะ หื้มมม”

    “อย่าให้เจสซี่รู้นะคะ ไม่งั้นจะว่าเจสซี่ใจร้ายไม่ได้นะ”

    “จะไปทำอะไรเขาคะ หื้มตัวก็แค่เนี้ย” คนตัวสูงกว่าพูดพร้อมกับยกมือขึ้นยีศีรษะอีกคนไปมา

    “ไม่ทำเขาหรอกคะ ถ้าจะทำต้องทำที่คนของเรา” เจสซี่ว่าแล้วยกยิ้มที่น้ำหวานเห็นว่ามันช่างดูทำให้หายใจไม่ทั่วท้องยังไงไม่รู้

    “โอ๊ะโอ พี่ไปทำงานที่เมืองนอกมาไม่กี่เดือน พยาบาลคนสวยอ่อนหวานของพี่ ขาโหดตั้งแต่เมื่อไรกัน”

    “แล้ว เขามารับใครเหรอคะ คนผมสีฟ้าๆนั่น”

     

     

    Cris Part

    เมื่อเดินออกมาจากน้ำหวานได้ก็รีบเดินไปหาน้องสาวตนเองที่บอกว่านั่งรออยู่ร้านอาหารร้านหนึ่ง พอมาถึงมองเข้าไปก็พบกับเจ้าของเรือนผมสะดุดตาที่ทำให้อารมณ์ดาวน์เมื่อสักครู่ผันมายิ้มให้กับความแก่นเสี้ยวของน้องสาวที่ไม่เคยเปลี่ยน สีผมแบบนี้ในเมืองไทยไม่มีใครกล้าทำนอกจาก พลอย หอวังแน่ๆ นึกแบบนั้นก็ฮึบอารมณ์แย่ๆตัวเองไว้ แล้วทำหน้ายิ้มที่คิดว่าดีที่สุดไปหาน้องสาวทันที

    “พี่คริส” คนน้องเรียกคนพี่แล้วกอดอีกคนเต็มรัก พลันน้ำตาที่กลั้นไว้ของศิรินก็ไหลอาบแก้มอีกระลอก หมดกันความแข็.แกร่งที่ฉันจะสร้างขึ้น

    “ยูเป็นอะไร” คนน้องถามอย่างเป็นห่วง

    “เปล่า กลับบ้านเหอะ” ศิรินเลี่ยงที่จะตอบ ปัดเปลี่ยนเรื่อง พาอีกคนไปขึ้นรถแท็กซี่กลับคอนโดที่คนน้องโอนเงินให้เธอมาซื้อไว้เมื่อสองสามเดือนก่อนนี้ เมื่อมาถึงคอนโดสองพี่น้องก็พากันคุยเรื่องอื่นไปทั่วจนมาถึงห้องคนน้องถึงเปิดประเด็นที่ค้างคาใจอยู่นาน

    “พี่คริส ยูเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” ถามแล้วพากันมานั่งลงบนโซฟาใจกลางห้องรับแขก

    “เปล่า ก็คิดถึงน้องไม่ได้เหรอ”

    “จริงอ่ะ ทำไมตอนรับโทรศัพท์ต้องเสียงดังขนาดนั้นล่ะ”

    “จริงสิ จะหลอกทำไม ไม่ได้เจอตั้งนาน คิดถึงจะตายอยู่แล้ว” ถึงจะไม่เชื่อแต่คาดคั้นไปตอนนี้ พี่สาวก็คงไม่ยอมตอบอยู่ดีนั่นแหละ

    “เดี๋ยวพี่โทรบอกปั้นให้ไปรับพีทมาแล้วกัน นับวันรอแย่ละ” ศิรินว่าก่อนจะกดโทรออกหาปรมะ

     

    (สวัสดีครับ คุณศิริน)

    “แหม พ่ออยู่เหรอ”

    (เปล่า แต่มีคนอื่น โทรมามีอะไร)

    “ไปรับพีทมาที่ คอนโดพลอยที”

    (ไปทำไม เฮ้ยย วันนี้นี่นา)

    “ลืมหรือไง วันนี้ยัยพลอยกลับมานะจ๊ะ”

    (โอเคๆ เดี๋ยวจะรีบไปรับเดี๋ยวนี้ละ) สักพักก็ได้ยินเสียงสั่งคนให้กลับรถไปที่บริษัท

     

    “ปั้นลืมเหรอพี่คริส” พลอยเอ่ยถาม ศิรินจึงพยักหน้าตอบ แล้วพี่น้องก็พากันยิ้มออกมา แล้วลุกไปทำอาหารรอคนที่กำลังเดินทางมา ไม่นานก็มีเสียงกดกริ่งที่หน้าห้อง คนน้องอาสาไปเปิดประตู

    Mommy ploy” เด็กตัวเล็กส่งเสียงเรียกทันทีที่เห็นหน้าของผู้เป็นแม่แท้ๆ ปั้นจั่นจึงดันตัวทุกคนให้เดินเข้าห้องไป แล้วทั้งสี่คนก็ทานอาหารกันพร้อมหน้าพร้อมตา

    “นี่ยูเป็นอะไรเนี่ย ปอจอ นั่งองประตูอยู่นั่น” สาวผมฟ้าเอ่ยถามเพระตลอดบทสนทนาปรมะก็ร่วมพูดร่วมขำขันแต่มักจะผันหน้าไปมองประตูบ่อยๆจนผิดสังเกต

    “นัดผู้มาเหรอ” ศิรินเอ่ยขึ้นหยอก พอดีกับเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ปรมะแทบพุ่งไปเปิดเลยทีเดียว ปรากฏร่างขแงชายหนุ่มหน้าตาดี ดีกรีซุปเปอร์สตาร์สาวกรี๊ดทั่วเมือง

    “นี่สรุปข่าวลือ มีมูล” พลอยถามอย่างหน้าตาอึ้งๆ

    “พอล นี่คริส คงรู้จักแล้ว ส่วนนั่น พลอยเป็นน้องของคริสและแม่แท้ๆของน้องพีท” ปั้นจั่นแนะนำทีละคน

    “สวัสดีครับ พี่คริส พี่พลอย แล้วก็น้องพีท” ดาราหนุ่มเอ่ยอย่างนอบน้อม

    “สวัสดีจ้ะ พอล ไม่คิดว่าตัวจริงจะหล่อขนาดนี้” พลอย หอวังพูดอย่างเพ้อๆ

    “ขอบคุณครับ” พอลพูดอย่างเขินอายถึงจะมีคนชมมากมายแต่มาชมต่อหน้ามันก็ต้องเขินบ้างอะไรบ้าง

    “นี่ตอนแรกไม่เชื่อว่าพีทนี่ไม่ใช่ลูกของปั้นกับคริสนะเนี่ย เห็นแบบนี้มั่นใจหรือยัง” ปรมะพูดกระเซ้าชายหนุ่ม

    “เชื่อแล้วคร้าบ”

    “แล้วนี่แกกลับมาทำไมเหรอเนี่ย” ปั้นจั่นถามอย่างสงสัย

    “ใกล้ครบรอบพิชญ์แล้วนะ” พลอยพูดแล้วแววตาหม่นลง

    “เอ้อ ขอโทษนะ”

    “ไม่เป็นไรหรอก มันผ่านมานานแล้ว” พลอยพูดก่อนจะหันไปลูบผมเด็กชายตัวน้อย “มะรืนเราไปหาแด๊ดดี้กันนะครับ” เด็กชายพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันไปสนใจรถบังคับคันหรูในมือต่อ พลอยยิ้มให้กับความเลี้ยงง่ายของพีท แรกๆกลัวจะเป็นภาระให้พี่สาวตนเสียอีก แต่พอได้เห็นศิรินไปช่วยเลี้ยงที่นู่นก็พอจะไว้วางไจได้บ้าง

    “นี่พี่คริส ซื้อของเล่นแพงขนาดนี้ให้พีทเลยเหรอเนี่ย” พลอยเอ่ยถามขึ้น เพราะของเล่นในมือเด็กชายนั้นราคาสูงกว่ารถบังคับทั่วไปเสียอีก

    “หม่ามี้ไม่ได้ซื้อคับ น้าบี  น้าบีซื้อ” เด็กตัวน้อยแย้งทันควัน

    “น้าบี บี พี่บีเหรอ” คนน้องทวนคำตอบจากลูกตัวเองก่อนจะหันไปถามกับพี่สาวตน คำตอบคือการพยักหน้าขึ้นลง

    “จะครึ่งปีแล้วนะพลอย พี่แกโครตแกร่งเลย ใจดั่งหินผา” ปรมะเอ่ยบอกกับคนน้อง

    “โอเคเหรอ พี่คริส” พลอยถามคนเป็นพี่ ศิรินทำเพียงยิ้มรับ พลอยเห็นแล้วเดินเข้าไปสวมกอดพี่สาว

    “พี่ทำเพื่อคนอื่นมากพอแล้วนะ ทั้งครอบครัว ทั้งพลอย ทำเพื่อตัวเองบ้างไหม” พลอยพูดสื่อความหมายแปลกๆ ศิรินผละออกมามองหน้าน้องสาวนิ่ง

    “พลอยว่าจะบอกความจริงกับป๊ากับม๊า”

    “แล้วปั้นล่ะ ถ้าแกบอกก็หมายความว่าปั้นก็ต้องบอก”

    “เรื่องนี้พลอยคุยกับปั้นแล้วล่ะคริส  ทำเพื่อตัวเองบ้างนะ” ปั้นจั่นเดินเข้ามาหาศิรินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวพลางตบไหล่เบาๆ โดยมีพอลนั่งส่งยิ้มให้กำลังใจอีกทอดหนึ่ง

    “งั้นพี่ขอเวลา ให้พี่ใช้เงินคืนบ้านปั้นให้หมดก่อนถึงเวลานั้นเราค่อยบอก ได้ไหม” ศิรินขอต่อรอง

    “ไม่ต้องก็ได้ ปั้นไม่มายด์”

    “แต่คริสมายด์” ศิรินแย้งทันที ด้วยแววตาจริงจัง

    “โอเคๆ พี่แกก็แบบนี้  เฮ้ออ งั้นพร้อมเมื่อไรเราจะมาตกลงกันอีกที” ปรมะสรุปให้

    “จะรีบที่สุดแล้วกัน เพราะพี่ภัทรพี่ชายพิชญ์ ก็รู้แล้วว่าพลอยท้อง” ศิรินพูดออกไป คนเป็นน้องตาโตทันที

    “.....”

    “ทั้งบ้านและเขาก็ขอโอกาสดูแลพีทด้วย”

    “.....” “......”  “......” ทั้งสามคนเงียบโดยไม่ได้นัดหมาย

    “พี่เชื่อพี่ภัทร แต่ครอบครัวเขาพี่ไม่รู้” ศิรินพูดต่อ “ถ้าพร้อมเมื่อไรก็โทรไปหาเขาก็แล้วกัน” ศิรินว่าพลางส่งนามบัตรของพี่ภัทรให้กับน้องสาวตัวเอง

    “เอาแบบนี้ไหมพี่คริส เดี๋ยวพลอยช่วยจ่ายเงินคืนบ้านปั้น เราจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”

    “ก็ดีนะคริส อย่าลำบากใจเลย พวกเราพร้อม ขอให้คริสได้ทำเพื่อตัวเองบ้าง” ปรมะพูดเมื่อเห็นศิรินทำสีหน้าลำบากใจ

    “แต่บ้านปั้น.....”

    “ปั้นว่าบ้านปั้นรู้ แต่เขาแค่รอให้ปั้นพูด แค่นั้น” ปั้นจั่นพูดเพราะทุกวันนี้พ่อแม่เขาก็ไม่ค่อยมาวุ่นวายเหมือนแต่ก่อนตอนแต่งงานใหม่ๆที่คอยถามเช้าเย็นว่ามีหลานหรือยัง แล้วเวลาเขาลงมาจากบ้านพอจัดทรงผม แม่ก็มองด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ถูกผู้เป็นพ่อแตะห้ามไว้ตลอด

    “ตามใจ คงคิดกันมาแล้วละสิ” ศิรินว่าอย่างน้อยใจ

    “แน่นอน จะมาขอความเห็นจากพี่คริส เรื่องนี้ท่าทางจะจบต้องรอพีทจบ ป.เอกก่อนพอดี”

    “ยัยพลอย!” จบคำบรรยากาศจากซึ้งก็เข้าสู่โหมดเฮฮาต่อไปสักพักปั้นจั่นและพอลจึงขอตัวกลับจะต้องแยกกันกลับและเวลาต้องห่างกันมากๆด้วย โดยปั้นจั่นบอกให้ดาราหนุ่มลงไปก่อน

    “เป็นดาราก็ลำบากเนอะ” ศิรินพูดหลังจากที่พอลเดินออกไปแล้ว

    “ไม่เกี่ยวหรอก แค่ช่วงนี้นักข่าวจับตาดูอยู่แค่นั้นพอหมดมูล เดี๋ยวก็ปกติ” ปรมะเอ่ยตอบ

    “ขอให้สมหวังนะจ้ะ คนนี้” ศิรินกล่าวอวยพรให้เสร็จสรรพ

    “ใจเย็นนะ คุณภรรยา” ปรมะแกล้งอำศิรินคืน

    “หม่ามี้ตัวจริงมา แบบนี้หม่ามี้คริสจะโดนเมินหรือเปล่าน้า” คนหน้าหมวยแกล้งพูดอย่างงอนๆ ก่อนที่เด็กชายจะรีบวิ่งมากอดแล้วหอมแก้มศิรินฟอดใหญ่

    “เอ้อ ทำไมไม่กลับพร้อมปั้นเลยล่ะ พี่คริส เหมือนพี่พากันมาที่นี่อ่ะ พาลูกมาด้วยไรงี้” พลอยเสนอแนวทางออกให้ทั้งคู่

    “ก็ดีนะ งั้นเดี๋ยวรอให้พีทอยู่กับแกให้สบายใจก่อนค่อยกลับแล้วกัน”

    สักพักใหญ่ทั้งสามคนจึงขอตัวกลับกอดหอมกันอย่างคิดถึง

    “ไปก่อนนะคับ มัมพลอย เดี๋ยวมาหาใหม่”

     

    วันรุ่งขึ้น

    “ทำไมวันนี้พนักงานคึกคักแปลกๆวะ” ธนัทถามราเชนทร์ที่เดินมาข้างกัน เพราะที่ผ่านมาจากชั้นล่างพนักงานดูตั้งใจทำงานเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพนักงานผู้ชาย

    “จะรู้ไหมวะ ก็มาพร้อมกัน” ราเชนทร์ตอบปัดอย่างไม่เข้าใจความอยากรู้ไปซะทุกเรื่องของคู่หู แม้จะรำคาญบ่อยๆแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าธนัทเป็นคนที่ทำงานด้วยได้ดีที่สุด เคยลองไปทำงานกับคนอื่นในตำแหน่งเหมือนกันนี้ในบริษัทพ่อ แต่สุดท้ายไม่รอดก็ต้องวกกลับมาทำกับมันจนได้

    “ไอ้นี่ ไม่ตอบดีกว่าไหมวะ เดี๋ยวปั๊ด”  ธนัทว่าพลางรีบสาวเท้าเดินตามอีกคนที่เดินนำหน้าไปเร็ว แต่พอมาถึงห้องทำงานของเจ้านายตนเองก็ได้คำตอบทันที ว่าที่พนักงานทั้งหลายตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งมีเหตุจากอะไร

    “มาพอดี เมย์คะ สองคนนั้นเป็นเอนกประสงค์ของบีค่ะ เมย์ก็บอกให้เขาช่วยได้นะ ทุกเรื่องเลย” น้ำทิพย์ว่าพลางแนะนำชายหนุ่มสองคนกับพิชญ์นาฏ

    “ฝากตัวด้วยนะคะ ไม่ต้องทางการขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เมย์ไม่ได้มาฝึกงานจริงจังขนาดนั้น” พิชญ์นาฏเอ่ยเมื่ออีกสองคนก้มศีรษะลงทำความเคารพเธอ เป็นช่วงพอดีที่ศิรินเดินมาทางนี้

    “คุณศิริน” น้ำทิพย์เรียกคนหน้าหมวยที่เดินผ่านมา

    “สวัสดีค่ะ ท่านประธาน คุณธนัท คุณราเชนทร์” ศิรินเอ่ยแล้วหลบสายตาทุกคน ซ่อนตาที่บวมเป่ง ที่ยุบลงแล้วแต่ก็ไม่อยากให้ใครสังเกตเห็น

    “นี่คุณพิชญ์นาฏ เมย์จะมาฝึกงานกับเราประมาณ 1 เดือนหรืออาจมากกว่านั้น ฉันจะให้คุณศิริน เป็นคนสอนงาน คุณคงไม่ขัดอะไร” น้ำทิพย์เอ่ยแล้วจ้องอีกคนอย่างแปลกใจ ทำไมไม่มองมาทางนี้

    “คุณศิรินคะ ว่าอย่างไร คุณจะขัดอะไรหรือเปล่า” น้ำทิพย์ถามย้ำเสียงแข็ง

    “ไม่ค่ะ ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” คนตัวเล็กว่าก่อนจะเดินหนีไปเข้าห้องน้ำ

    “บีก็ คุณเขากลัวหมดแล้วนะคะ” พิชญ์นาฏเอ่ยดุอีกคน

    “ก็เขาไม่ตอบบีนี่นา งั้นเดี๋ยวบีให้คนไปจัดโต๊ะให้เมย์ก่อนแล้วกันนะคะ” น้ำทิพย์ว่าเสียงงอนๆ จนธนัทกับราเชนทร์ที่ยืนอยู่ยกยิ้มกับความเด็กน้อยของน้ำทิพย์ ที่ไม่ค่อยจะได้เห็น จนเจ้าตัวหันมาแยกเขี้ยวใส่

    “นี่ยังไม่ได้จัดเหรอคะ ทำงานแบบนี้ บอกให้พ่อถอนสปอนเซอร์ดีไหมคะเนี่ย” พิชญ์นาฏพูดหยอกอีกคนไปแล้วเดินหนีไปยังห้องทำงานของน้ำทิพย์ที่โต๊ะทำงานเธออยู่ในนั้น

    “ก่อนอื่นบีต้องขอโทษที่รบกวนเวลาทำงานของทุกท่าน” คนตัวสูงที่เดิมนั่งอยู่หัวโต๊ะตัวยาวขนาดใหญ่ในห้องประชุมเอ่ยขึ้น

    “เรื่องด่วนที่จะแจ้งให้ทุกฝ่ายทราบคือ คุณพิชญ์นาฏ  หรือ คุณเมย์จะมาเรียนรู้กับเราเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน หรือมากกว่านั้น ขอให้ทุกคนช่วยดูแลและสอนงานคุณเมย์ด้วยนะคะ” น้ำทิพย์เอ่ยแล้วฉีกยิ้มกว้าง พลางผายมือไปทางเจ้าของชื่อที่ลุกขึ้นและกล่าวฝากตัวอย่างนอบน้อม ก่อนจะเปิดให้ได้พูดคุยทำความรู้จักกันแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน

    “คุณศิริน ฉันฝากคุณช่วยดูแลเมย์ด้วยนะคะ เขาจะมาเรียนรู้งานในส่วนของเลขา ฉันยกงานวันนี้ให้คุณดูแลและสอนงานคุณเมย์เลยก็แล้วกัน ส่วนอื่นให้ธนัทกับราเชนทร์ดูแลไป”น้ำทิพย์เอ่ยบอกศิรินก่อนจะแยกไปทางห้องปิยะรัฐเพื่อปรึกษางาน

    “ฝากตัวอีกครั้งนะคะ คุณศิริน” พิชญ์นาฏเอ่ยอย่างเป็นมิตร

    “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเริ่มจากตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ” ศิรินว่าพลางเดินนำไปยังมุมกาแฟของบริษัท

    “ท่านประธานจะดื่มกาแฟที่ค่อนข้างขมนะคะ จะไม่ใส่นม หรือถ้าจะใส่ก็น้อยมาก แต่แนะนำว่าชงแบบไม่ใส่ไปก่อนดีกว่า ถ้าท่านสั่งมาให้ใส่นมค่อนเดินมาเติม และส่วนใหญ่มักจะไม่ทานข้าวเช้ามาจากบ้าน ก็วางขนมปังสักสาองสามแผ่นไปด้วยก็ได้ค่ะ หรือจะเป็นขนมปังปิ้ง ก็ทาเนยแค่บางๆนะคะ ส่วนน้ำตาลก็แค่ติดปลายช้อนก็พอ เป็นคนไม่ทานหวานค่ะ ...”

    “คุณศิรินนี่เก่งจังนะคะ ต้องจำหมดนี่ เป็นเมย์ก็แล้วแต่วันเถอะคะ วันไหนเมย์ขยันหรือขี้เกียจก็กินตามนั้น ขนาดเมย์ไปทำงานกับคุณพ่อเมย์ ยังไม่พิถีพิถันขนาดนี้เลยนะคะ”

    “ค่ะ แต่เราต้องคอยสังเกตเอานะคะ ว่าวันไหนทานข้าวมากับยังไม่ทาน”

    “แล้วจะรู้ได้ยังไงหรือคะ”

    “ถ้าวันไหนทานข้าวมา ตอนสายๆสักแปดโมงเช้า ก็จะทำงานปกติค่ะ แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ทานมาล่ะก็ จะเริ่มขมวดคิ้วและกดทำหน้าเหมือนคิดงานไม่ออก พาลจะอารมณ์เสียก็ยกกาแฟกับขนมปังเข้าไปได้เลยค่ะ”

    “จริงเหรอคะ เวลาบีเขาไม่ได้ทานข้าวน่ะ”

    “ค่ะ ไม่ว่าจะข้าวเช้าหรือข้าวกลางวัน จะเป็นแบบนั้นค่ะ อ้อ เรื่องข้าวกลางวัน ถ้าวันไหนได้ไปพบลูกค้าด้านนอกก็อาจแวะทานจากข้างนอก แต่ถ้าไม่ได้ออกไปก็ให้สังร้านข้าวข้างๆบริษัทก็ได้นะคะ จะชอบข้าวผัดกุ้งเป็นพิเศษ แต่ถ้าร้านข้างๆบริษัทนี้จะชอบสั่งข้าวไก่กระเทียมมากกว่า”

    “บีไม่ทานอาหารจากร้านในห้างเหรอคะ” คนที่ตั้งใจฟังถามขึ้นด้วยความแปลกใจ เพราะปกติคนทีทำงานระดับนี้เขาก็จะทานอาหารในร้านอาหารกันไม่ใช่หรือยังไง

    “บางครั้งค่ะ ถ้าได้ออกไปข้างนอก ท่านประธานค่อนข้างเป็นคนบ้างาน บางครั้งอาจมีทำงานจนลืมเวลาพักกลางวัน ก็ให้คุณเมย์ช่วยเตือนด้วยนะคะ”

    “อืมมม...เหมือนบีจะเป็นคนที่จุกจิกกับเรื่องกินนะคะ ว่าแต่คุณศิรินทำงานกับบีมานานเท่าไรแล้วคะเนี่ย”

    “ก็เกือบจะครบปีในอีกประมาณสามเดือนได้มั้งคะ”

    “โห เมย์คิดว่าคุณทำงานกับบีมาห้าหกปีเสียอีก รู้เยอะมากๆเลยนะคะเนี่ย”

    “ขอบคุณค่ะ พร้อมจะลุยงานเอกสารหรือยังคะ” ศิรินถามอีกคน

    “จัดมาเลยค่ะ” คนถูกถามตอบก่อนจะพากันเดินไปในห้องทันที

    “อีเมลจากบริษัทต่างๆจะถูกส่งมาในทุกเช้า เรจะต้องหมั่นเข้ามาตรวจดู บางครั้งคุณธนัทกับคุณราเชนทร์ก็จะส่งเอกสารบางอย่างให้ทางเมลเช่นกัน  รวมทั้งพวกไฟล์แบบแปลนที่เราจะต้องแนบในเอกสารด้วยก็จะถูกส่งมาทางนี้ด้วยเช่นกัน”

    “แล้วนี่เมย์ต้องอ่านแบบออกด้วยหรือเปล่าคะเนี่ย”

    “ก็ควรรู้เบื้องต้นค่ะ ไม่ยากหรอกค่ะ”

    “คุณศิริน จบสถาปัตย์เหมือนบีหรือเปล่าคะ”

    “เปล่าหรอกค่ะ คริสจบบริหารค่ะ”

    “คริส ชื่อเล่นคุณเหรอคะ”

    “ค่ะ ไม่เข้ากับหน้าเลยใช่ไหมคะ”

    “เปล่าคะ แต่เอ... เราเคยเจอกันหรือเปล่าคะ”

    “เคยค่ะ ตอนงานบ้านคุณพลอย”

    “นั่นไง ว่าแล้ว เมย์ก็ว่าคุ้นๆหน้าคุณคริส เมย์เรียกแบบนี้ได้ใช่มั้ยคะ”

    “ได้ค่ะ”

    “คุณคริสจบบริหารแล้วทำไมอ่านแบบออกละคะ มันคนละทางเลยนะคะ”

    “งานบริษัทเก่าก็ต้องมีแบบค่ะ เลยพออ่านได้บ้าง แล้วสมัยเรียนก็มีเพื่อนเรียนสถาปัตย์ เขาก็เลยสอนมาบ้างค่ะ”

    “บริษัทสามีเขาน่ะ แล้วเพื่อนสนิทที่สอนนี่ถึงขั้นไหนเหรอคะ” เสียงที่สามแทรกขึ้นมา จากคนร่างสูงที่เดินเข้ามาได้ยินประโยคเมื่อครู่พอดี

     “บีคะ อย่าไปแกล้งคุณคริสสิคะ คุณคริสกำลังสอนงานเมย์อยู่นะคะ คนนอกไปค่ะ ไปนั่งที่ตัวเองเลยค่ะ” พิชญ์นาฏเอ่ยแล้วชี้นิ้วไปยังโต๊ะของน้ำทิพย์ที่ตั้งอยู่ทางขวามือตัวเอง

    “นี่ไล่ประธานเลยเหรอคะ”

    “ประธานทำตัวไม่โต ก็ไล่ได้คะ ต่อเลยคะ คุณคริส”

    “เรื่องอ่านแบบ คริสว่าท่านประธานคงสอนคุณเมย์ได้ดีกว่าคริสนะคะ”

    “แน่นอน ยิ่งเป็นเมย์นะ บีจะสอนอย่างละเอียด ลึกซึ้งเลยล่ะ” น้ำทิพย์ยังคงพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง

    “เมย์ว่าเมย์ออกไปเรียนงานกับคุณคริสข้างนอกดีกว่า อยู่ข้างในบีคงไม่วายจะแทรกขึ้นมาแบบนี้” พิชญ์นาฏพูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้น

    “สอนในนี้แหละคะ บีจะไม่ยุ่งแล้ว อยู่ใกล้ๆบีแบบนี้แหละค่ะ ออกไปไกล บีคิดถึงแย่” น้ำทิพย์พูดแล้วเหลือบสายตาไปทางศิรินเล็กน้อยเพื่อดูปฏิกิริยา

    “ทำงานไปเลยค่ะ ต่อเลยค่ะคุณคริส” พิชญ์นาฏพูดก่อนที่ศิรินจะตั้งใจสอนงานเต็มที่ ทั้งไปหยิบตัวอย่างงานมาให้ดูและสอนอ่านแบบแปลนอย่างง่ายให้กับพิชญ์นาฏ

    “คุณคริสนี่รู้เหมือนเรียนสถาปัตย์มาเลยนะคะเนี่ย เมย์ชักเริ่มจะสงสัยแบบบีแล้วสิว่าสนิทถึงไหนกันคะเนี่ย” พิชญ์นาฏเอ่ยขึ้นพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ

    “ไง ลูกอาทำงานพังไปบ้างหรือยัง” เสียงแทรกทางหน้าประตูดังขึ้นให้อีกสามคนด้านในหันไปสนใจก่อนที่พิชญ์นาฏจะลุกไปหา

    “พ่อก็ นี่ลูกเองค่ะ”

    “สวัสดีค่ะ คุณอา” น้ำทิพย์พูดแล้วยกมือขึ้นไหว้  ทางด้านศิรินที่ยืนก้มหน้าอยู่ก็ค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป

    “สวัสดี เลขาใหม่เหรอ” คุณพัฒน์วงษ์ หรือพ่อของเมย์เอ่ยถาม

    “ค่ะ คนเก่าลาออกไปทำงานที่บ้านเกิดค่ะ” น้ำทิพย์เอ่ยตอบ

    “ทำไมเขาลาออกจากบริษัทสามีเขาเสียล่ะ อโนทัยใช่ไหม”

    “นี่พ่อก็รู้เหรอคะ ว่าคุณคริสเขาแต่งงานแล้ว”

    “รู้สิ งานแต่งใหญ่โตจะตาย ใช่ไหมบี”

    “ค่ะ ใหญ่ ใหญ่มาก”

    “ก็นะ อโนทัย คอร์ปเปอร์เรชั่นซะอย่างจะน้อยได้อย่างไง”

    “โห บริษัทใหญ่เลยนะคะนั่น ทำไมเขามาทำงานกับบีได้ล่ะคะ”

    “เห็นพี่เต้บอกวว่าเรื่องการเงิน บีก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันค่ะ”

    “แต่...” พิชญ์นาฏทำท่านึกเหมือนจะนึกอะไรออก

    “อะไรลูก” คนเป็นพ่อเอ่ยถา

    “ทายาทอโนทัย ชื่อปั้นจั่น ปรมะ หรือเปล่าคะ” ลูกสาวเอ่ยเมื่อนึกถึงว่าอโนทัยมีทายาทเพียงคนเดียวนี่นา

    “เห็นว่าชื่อนั้นนะ หนูรู้จักเหรอ” ตายละ โลกจะวินาศหรือยังไง อิปั้น ไปเป็นสามี เมย์งงค่ะ

    “ปะ..เปล่าค่ะ แค่นึกได้ พ่อก็เมย์เพิ่งกลับมาจากอเมริกานะคะ จะรู้จักได้ยังไง บีไม่ต้องมองเมย์ด้วยสายตาแบบนั้นเลยค่ะ” พูดพร้อมกับมองหน้าอีกคนยิ้มๆแล้วยกนิ้วชี้มาส่ายไปมา

    “แบบไหนคะ” คนถูกพูดด้วยถามขึ้นตาใส

    “แบบที่เหมือนจะสแกนอะไรในตัวเมย์แบบนั้น ไม่มีซัมติงแน่นอนค่ะ”

    “บีไม่ได้มองแบบนั้นซักหน่อย แล้วนี่คุณอามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” น้ำทิพย์ว่าพลางไฉไปเรื่องอื่น

    “เปลี่ยนเรื่องเก่ง”

    “ลูกเมย์” คนเป็นพ่อเรียกลูกสาวหวังจะปรามความแก่นเสี้ยวนี้ลงบ้างก่อนหันไปพูดกับร่างสูง “เปล่าหรอก อาก็แค่มาดูว่ายัยเมย์ทำงานพังไปกี่งานแล้ว จะได้จ่ายค่าเสียหายถูก” พอสิ้นเสียงก็กลายเป็นเสียงหัวเราะของทั้งน้ำทิพย์และคนพูด

    “พ่อคะ! บีหยุดเลยค่ะ”

     

    เสียงหัวเราะประสานทั้งสามเสียงดังลอดออกมาถึงข้างนอกที่ศิรินทำงาน เข้ากันได้ดีนะ ทำไมเราต้องรู้สึกแย่แปลกๆด้วยนะ บีเจอคนที่ดีก็ดีแล้วนี่

    “คุณเมย์นี่น่ารักนะครับ คุณศิรินว่าไหม”

    “คุณธนัท” “ น่ารักค่ะ ตั้งใจเรียนรู้งานมากเลยค่ะ”

    “แบบนี้บอสผมก็สบายแล้วสิ ถ้าแต่งกันไปจะได้มีคนมาช่วยทำงานอีกแรงทั้งกำลังใจ กำลังกายเลยทีเดียว ผมล่ะดีใจที่บอสเจอคนแบบคุณเมย์จริงๆนะครับ”

    “ค่ะ คุณเมย์เธอดีจริงๆ”

    “คุณศิรินรู้ไหมครับ ครั้งแรกที่ผมเจอบอสเมื่อหกปีก่อนนี่ยังกับคนละคนเลยนะครับ บอสวันนั้นเหมือนคนที่ไร้วิญญาณยังไงไม่รู้ ครั้งแรกที่ท่าน..เอ่อพ่อของบอสให้ผมกับไอ้เชนมาช่วยงานบอส ผมละสงสารบอสมากเลยนะครับ ทำงานหนักเหมือนจะกลบเรื่องอะไรสักอย่าง ทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายันเที่ยงคืนทุกวันเลยนะครับ ดีที่มีคนจากบริษัทใหญ่มาช่วยบ้าง ไม่งั้นผมว่าคงไม่มีบอสในวันนี้ แต่ผมรู้มานิดนึงนะครับ ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้บอสเสียใจ เพียงเพราะเธอหันไปเลือกคนที่รวยมากกว่า ต้องขอบคุณเธอนะครับ” ธนัทพูดโดยไม่รู้ว่าคนที่พูดด้วยนั่นแหละคือผู้หญิงคนนั้น

    “ยังไงคะ”

    “ก็ถึงแม้จะทำให้บอสเสียใจ แต่ก็เป็นแรงผลักให้บอสทำขนาดนี้นะครับ หวังว่าสักวันจะรวยเทียบเขาคนนั้นได้จนบอสมีทุกวันนี้ ในร้ายมันมีดีเสมอ”

    “...ค่ะ”

    “ผมฝากเอกสารกองนี้ให้บอสทีนะครับ คุณเต้ฝากมาให้” ว่าจบก็เดินจากไป ศิรินนึกตามคำพูดของชายหนุ่ม ในร้ายมีดี อืมก็คงจริง นี่สินะคือสิ่งที่เขาคนนั้นบอก ว่าถ้าเธอยังอยู่กับน้ำทิพย์ มีแต่จะฉุดเขาให้ลง ตอนนี้บีได้ดีแล้ว ตามความฝันที่บีหวังไว้แล้วนะ

     

    โรงอาหารใต้ตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

    “นี่ๆ คริส” เด็กตัวสูงในชุดเสื้อเชิ้ตที่พับแขนจนถึงข้อศอก ที่กำลังนั่งวาดแบบงานจบของตัวเองหันมาเรียกคนที่นั่งข้างกัน แล้วทิ้งศีรษะลงบนไหล่มนของอีกคน

    “อะไร บีไปทำงานให้เสร็จเดี๋ยวก็ไม่ทันส่งหรอก” ศิรินขานรับแล้วไล่อีกคนไปทำงาน ขณะที่มือก็ขีดเส้นลงบนแบบแปลนของอีกคนไปด้วย ใช่ งานของบีไอ้เด็กตัวสูงที่นั่งพิงไหล่เธอตอนนี้ละ

    “ถ้าบีเรียนจบนะ บีจะเปิดบริษัทรับออกแบบของบีเอง จะให้คริสเป็นคนบริหารอีกคนเลย” ร่างสูงพูดแล้ววาดมือในอากาศประกอบ

    “จะบ้าเหรอ คริสไม่รู้อะไรซักอย่าง”

    “ไม่บ้าหรอก คริสเรียนบริหาร แบบแปลนก็อ่านเป็นแล้ว นี่บีสอนเผื่ออนาคตเลยนะเนี่ย ว่าที่นายหญิงเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์คนใหม่”

    “ก่อนจะคิดไปถึงนั่น เอางานให้เสร็จก่อนไหม อีกไม่กี่เดือนจะต้องส่งแล้วยังไปไม่ถึงไหน ซ้ำอีกปีไม่มีใครช่วยนะบอกให้”

    “ใจร้าย ใช่สิ จบแล้วก็พูดได้ เชอะ ถ้าบีไปทำแต่งานอย่างอนก็แล้วกัน” น้ำทิพย์พูด ศิรินจบไปปีกว่าแล้ว ทำงานกับบ้านตัวเองก็ไม่วายต้องมาวุ่นวายกับงานของเธอเหมือนทุกครั้งตั้งแต่ยังเรียนมาด้วยกัน

    “คริสเคยงอนเหรอ มีแต่บีอะ ที่อดไม่ได้ต้องตามคริสมาตลอด บางทีคริสก็มีงานต้องทำรู้มั้ย”

    “ป๊าคริสไม่ว่าหรอกน่า มาช่วยบีแค่นิดเดียวเอง บริษัทไม่เจ๊งหรอกน่า เนอะ” ว่าจบก็เดินไปทำงานของตัวเองต่อ

     

    ศิรินนึกพลางยกยิ้มกับความน่ารักของอีกคนในอดีตที่ผุดขึ้นมา ที่ไม่รู้ว่าปัจจุบันหายไปไหนหมด หรืออาจเป็นเธอที่ทำลายตัวตนตรงนั้นของเขาพังกับมือตัวเอง ก่อนจะสลัดความคิดไปเมื่อสามคนในห้องเดินออกมาพร้อมกัน ร่างสูงหนึ่งในนั้นหันมาทางเธอ

    “จะออกไปทานข้าวข้างนอกและอาจไม่เข้ามาแล้ว ถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วนก็รับไว้ก่อน ถ้าได้เข้ามาจะมาจัดการเอง” น้ำทิพย์สั่งก่อนจะเดินไปหาอีกสองคนที่ยืนรออยู่ พอเดินถึงตัวพิชญ์นาฏก็ยกแขนมาตั้งรอให้อีกคนควงทันที ก่อนจะพากันเดินออกไป

     

    To be continued

     

    -ZenonZane-

     

    ____________________________________________________________________

    TALK : มาอัพต่อๆให้อ่านกันยาวๆเลยจ้า

    ห่างหายไปนาน กลับมาแล้วต้อนรับปีใหม่ไทย ใครที่จะเดินทางไม่ว่าจะเที่ยวหรือเดินทางกลับบ้านก็เดินทสงกันปลอดภัยน้าา




     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×