ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { Hidden Love ร้ายซ่อนรัก } [ บีคริส ]

    ลำดับตอนที่ #3 : My name is Cris

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.95K
      14
      3 มิ.ย. 62



    My name is Cris


         หลังจากไปส่งพิชญ์นาฏเสร็จ น้ำทิพย์ก็รีบขับรถไปยัง BNT Property สถานที่ทำงานของเธอเอง  

    ขอแนะนำเลยแล้วกัน BNT Propperty ของฉันเป็นบริษัทที่รับออกแบบ ก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นบริษัทที่สร้างจากน้ำพักน้ำแรงของฉันและได้รับความสนับสนุนและช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่ฉันเคารพมากคนหนึ่ง คือ พี่เต้ หรือ เต้ ปิยะรัฐ เป็นพี่ที่ช่วยตั้งแต่สมัยที่ฉันเข้าเรียนที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ตั้งแต่ปีแรกเลย พี่เต้เป็นพี่รหัสที่บังเอิญได้น้องคณะเดียวกัน  มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพี่เค้าทุกที ทำให้ฉันสนิทกับพี่เต้มาก วันที่ฉันตัดสินใจสร้างบริษัทนี้ จึงไม่ลังเลที่จะดึงพี่เต้มาเป็นที่ปรึกษาและเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริหารร่วมด้วย BNT Property เปิดตัวมาได้จนปีนี้เกือบๆจะ 6 ปีแล้วได้รับมาตรฐานการันตีมากมายตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มเปิดทำการ

    “สวัสดีครับ คุณบี” เสียงทักทายดังขึ้นเมือน้ำทิพย์เดินผ่านประตูบริษัทเข้ามา

    “สวัสดี งานยุ่งหน่อยนะ” คนถูกทักเอ่ยตอบกลับไปก่อนจะเดินลิ่วไปทางลิฟท์สำหรับฝ่ายบริหารเท่านั้น ที่มี ธนัท รออยู่ก่อนแล้ว ธนัท คือเลขาส่วนตัวและพลขับเวลาทำงานของน้ำทิพย์ทำทุกอย่างที่ตั้งแต่จัดตารางงาน เดินเอกสาร ขับรถ นัดลูกค้ารวมไปถึง...คอยสับรางไม่ให้รถไฟสาวๆของท่านประธานคนสวยมาชนกันในบริษัทด้วย

    “วันนี้มีอะไรบ้าง” น้ำทิพย์เอ่ยถามอีกคนที่โดยสารเจ้ากล่องเหล็กเคลื่อนที่ได้มาด้วย

    “มีรับสมัครงานครับ แต่ตอนนี้ยังอยู่ที่ฝ่ายบุคคลอยู่ครับ แล้วก็ดูความคืบหน้าก่อสร้างโรงแรมตอนบ่ายโมงครับ” ธนัท เปิดสมุดบันทึกงานขึ้นดูก่อนจะเอ่ยตอบออกไป

    “อืม...แล้วจะผ่านขึ้นมาเมื่อไร” น้ำทิพย์เอ่ยถาม

    “ครับ??”ธนัท พูดพร้อมกับทำหน้าสงสัยเมื่อคำถามที่ไม่มีหัวข้อของผู้เป็นนายเอ่ยขึ้น

    “พนักงานใหม่...จะผ่านฝ่ายบุคคลขึ้นมาเมื่อไร” น้ำทิพย์ถามย้ำและขยายความให้มากขึ้น

    “อ่อ...คงไม่เกิน 1-2 วันนี้ครับจะส่งขึ้นมาให้พิจารณา”ธนัท รีบเอ่ยตอบกลับไป

    “โอเค บอกฝ่ายบุคคลนะ ดูการทำงานเป็นหลัก ไม่ใช่ดูแต่ความพึงพอใจของหัวหน้าฝ่ายเป็นหลัก” น้ำทิพย์พูดพร้อมกับก้าวเดินออกไปเมื่อลิฟท์ขึ้นมาถึงชั้นที่ต้องการ ธนัทได้แต่ยิ้มกับความเจ้าระเบียบในการทำงานของน้ำทิพย์ ปนขำในความไม่ลงรอยกันของประธานอย่างอย่างน้ำทิพย์กับผู้เป็นอาเขยที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล

    “พี่ธนัท สวัสดีค่ะ ท่านประธานมาแล้วเหรอคะ?” เสียงเอ่ยทักของลิลลี่เลขาของคุณเต้ ที่ธนัทดูแล้วน่าจะแอบมีใจให้กับหัวหน้าของเขาอย่างแน่นอน

    “อือ...ทำไมเหรอ จะฝากขนม นม เนย ไปให้ท่านประธานรึไง” ธนัทแกล้งหยอกอีกคน ส่งผลให้อีกคนหน้าแดงอย่างกับลูกตำลึงสุก

    “บ้า...ลี่จะฝากไปทำไม ลี่ก็แค่ถามและนี่เอาไปให้ท่านประธานด้วย พี่เต้ฝากมา” ลิลลี่พูดแล้วยัดกองเอกสารใส่อกธนัทอย่างแรงจนตัวของเขาแทบจะล้มลงไป

    “โอ้ย! ลี่ ถ้าจะดันมาขนาดนี้ผลักพี่เลยก็ได้นะ”ธนัทแกล้งพูดออกไป

    “ได้เหรอ งั้นเอาใหม่ไหมล่ะ ?” ลิลลี่พูดแล้วทำท่าจะเข้าไปดึงกองเอกสารมาส่งให้ใหม่

    “พี่ล้อเล่น แกล้งพี่เดี๋ยวท่านประธานไม่รักนะ”ธนัทพูดแล้วเดินจากไปยังห้องฝั่งมุมตึกที่เป็นห้องทำงานของเจ้านายเขา

    “ไอ้พี่บ้า...ใครเค้าสนใจประธานกันเล่า” ลิลลี่บ่นพึมพำก่อนจะกลับตัวเดินไปทางห้องพี่เต้เหมือนเดิม

    ก๊อก ก๊อก!

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนที่เพิ่งจะถอดเสื้อตัวนอกพาดไว้กับพนักพิงของเก้าอี้ตัวสูงให้หันมาก่อนจะตะโกนกลับไป “เข้ามา”

    “คุณเต้ ฝากมาครับ” ธนัท เดินเข้ามาพร้อมกับวางกองเอกสารไว้บนโต๊ะของน้ำทิพย์

    “โอเค แล้วก็...ขอกาแฟแก้วนึง” น้ำทิพย์เอ่ยบอกธนัทที่กำลังจะเดินออกไป แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ก่อนจะเปิดลิ้นชักเพิ่มหยิบเอาปากกาออกมา และเริ่มเปิดเอกสารไปทีละแฟ้มเพื่ออ่านและพิจารณาว่าจะอนุมัติดีหรือไม่ น้ำทิพย์นั่งทำงานไปสักพักธนัทก็เอากาแฟมาวางไว้ให้ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆเพราะเขารู้ดีว่าเวลาน้ำทิพย์ทำงานมักจะชอบอยู่เงียบๆคนเดียวมากกว่า

         เมื่อเวลาผ่านไปน้ำทิพย์เริ่มรู้สึกล้าสายตาจึงเงยหน้าขึ้นจากแผ่นกระดาษตรงหน้าแล้วเหลือบมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่มุมโต๊ะ แล้วก็พบว่าตนนั่งทำงานมาเป็นชั่วโมงแล้ว จึงลุกไปยืดเส้นยืดสายเดินไปในห้องที่เธอทำขึ้นเหมือนคอนโดขนาดย่อมในห้องทำงานที่น้อยคนจะได้เข้าไป เดินเข้าไปจะพบห้องย่อยอีกสามห้อง ห้องแรก เดินเข้าไปก็จะพบกับแท่นไม้ที่ตั้งขึ้นผ้าใบสีขาวที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวอีกชั้นวางเรียงรายกันไว้ ห้องที่สองเป็นห้องที่มีโต๊ะญี่ปุ่นตัวยาวหนึ่งตัว และโต๊ะตัวสูงกว้างสำหรับเอาไว้ตัดโมเดลอีกหนึ่งตัวและมีกองเศษไม้เศษขยะจากการทำแบบของน้ำทิพย์อีกมากมายซึ่งเธอเป็นคนไม่เก็บกวาด เพราะถ้าเก็บแล้วมักจะหาของที่จะใช้ไม่เจอ และห้องสุดท้ายที่อยู่ลึกที่สุดเป็นห้องที่จะถูกล็อกด้วยรหัส เป็นห้องล้างภาพและเก็บอัลบั้มรูปทุกอย่างไว้ซึ่งมีแต่ความทรงจำที่น้ำทิพย์อยากปิดตายมันในนั้นตลอดไป พอเดินยืดเส้นยืดสายเสร็จก็กลับมานั่งทำงานต่อ

    “เข้าไม่ได้นะครับ คุณ! เฮ้!! คุณ”  เสียงโวกแวกโวยวายด้านนอกของธนัทเรียกให้น้ำทิพย์เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองออกไปด้านนอก

    “ฉันจะมาหาบี ! แล้วนี่แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน ห๊า!” เสียงแหวตอบกลับมาหาอีกคน

    “คุณจะเป็นใครก็ช่าง แต่ที่มันเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ไม่ใช่ที่ๆคุณจะเข้าไปที่ไหนก็ได้ รู้จักกาลเทศะบ้างนะครับ” ธนัทพูดพร้อมกับจ้องหน้าอีกคน

    “อ๊ายย! แก! ฉันจะหาบี แกเป็นใคร ฉันจะบอกให้บีไล่แกออก” เสียงแหวยังคงโวยวายอย่างต่อเนื่อง

    “มีอะไรกัน เสียงดังไปถึงข้างใน” เสียงบุคคลที่สามที่ถูกพาดพิงเอ่ยขึ้นจากทางห้องของประธาน

    “บี! บีค่ะ” แม่สาวคนงามที่เพิ่งจะโวยวายเมื่อกี้รีบปรี่เข้าไปหาคนที่ออกมาพร้อมกับกอดแขนเอาไว้แล้วชี้มาทางธนัท “บีค่ะ ไล่มันออกเลยค่ะ มันไม่ให้แนทเข้ามาหาบี แล้วมันก็ว่าแนทด้วย” แนท หรือ อนิพรณ์ 1 สาวในฮาเร็มของน้ำทิพย์

    “คุยกันด้านในเถอะ” น้ำทิพย์ว่าพลางดึงตัวอธิพรณ์เข้าไปในห้องทำงานของตน

    “แก ฉันว่าสาวๆของคุณบีเนี่ย ยัยนี่น่ารำคาญสุด คนอื่นๆฉันไม่เห็นจะมาวุ่นวายกับคุณบีขนาดนี้เลย” พนักงานคนนึงเอ่ยขึ้นกับเพื่อนของตน

    “นั่นสิ คนอื่นฉันเห็นเขาก็อยู่สวยๆ ไม่มายุ่มย่าม มีแต่แม่นี่ละ ไม่รู้ว่าคุณบีจะใจดีกับแม่นี่อะไรนักหนา”

    “เฮ้ออ อย่างว่าแหละ ลูกสาวของคู่ค้าก็ต้องดูแลดีเป็นธรรมดา ฝ่ายนั้นเค้ายิ่งตามใจลูกสาวเขาอยู่ เกิดไมพอใจขึ้นมาไปฟ้องพ่อ  ยกเลิกสัญญากลางคันละแย่เลย”

    “เราคงต้องทนกับแม่นี่ไปอีกเกือบ 4 เดือนเลยนะ กว่าโครงการนี้ของบริษัทจะเสร็จ”

    “เฮ้อออ”

    “มายืนถอนหายใจอะไรกัน  งานการไม่มีทำรึไง หรือว่างจะได้หางานเพิ่มให้” ธนัทเอ่ยขึ้นเสียงดังส่งผลให้พนักงานที่จับกลุ่มคุยกันกระจายตัวไปทำงานตามโต๊ะของตน


    ฝั่งในห้องของน้ำทิพย์

    หลังจากพาอธิพรณ์เข้ามาน้ำทิพย์ก็เดินอ้อมมาทางด้านหน้าของอีกคน

    “ธนัทเขาว่าอะไร” น้ำทิพย์ถามพลางสบตากับอธิพรณ์

    “...เขาบอกว่าแนทไม่รู้จักกาลเทศะ”

    “แล้วมันจริงไหม อีกอย่างบีไม่ได้ให้มา ถ้าจะมาที่นี่หมายความว่าคุณจะต้องมีธุระหรือติดต่องานกับบีเท่านั้น ไม่ใช่นึกจะมาก็มา “น้ำทิพย์ตอบกลับเรียกเสียงคิกคักจากบรรดาพนักงานที่มามุ่งดูอยู่

    “บี! นี่บีกำลังจะว่าแนท บี!” อธิพรณ์โวยวายแล้วทำท่าจะทุบอกอีกคน

    “แนท แนทโตแล้วแนทควรจะรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ถือบริษัทเราจะกำลังร่วมงานกันแต่การที่แนทจะมาก็ควรมีเหตุอันควร ไม่ใช่นึกจะมาก็มาแบบนี้ ต้องติดต่อให้เป็นระบบ” น้ำทิพย์พูดแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

    “บีคะ แต่แนทคิดว่าแค่เรื่องของเราก็ควรเป็นเหตุอันควรได้นะคะ” อธิพรณ์พูดแล้วส่งยิ้มมาให้อีกคน

    หรือบีอยากให้พ่อแนทรู้เรื่องของเราเหรอคะ บี”

    น้ำทิพย์ได้แต่ถอนหายใจออกมา ท่านอธิชัย ท่านรักลูกสาวท่านมากและท่านก็เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีท่านหนึ่งแต่ถ้ามีใครมาทำร้ายหรือทำให้ลูกสาวท่านเสียใจก็แทบจะกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือกันเลยทีเดียว

    “....”

    “ต้องการอะไร” น้ำทิพย์จนปัญญาจะต่อปากต่อคำด้วยจึงเอ่ยออกไปอย่างเบื่อหน่าย

    “ไปทานข้าวกลางวันด้วยกันหน่อยสิคะ”อธิพรณ์พูดก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกอย่างผู้มีชัย

    “แต่บี..”

    “อะไรคะ บีจะปฏิเสธแนทอีกครั้งเหรอคะ อย่าคิดว่าแนทไม่รู้นะว่าครั้งก่อนที่บีปฏิเสธบีไม่ได้ติดงานแต่บี ไปหายัยพิชญ์นาฏ”

    “...แนท”

    “ยังไงคะ เรามันพวกเดียวกัน  แนทขอแค่วันนี้วันเดียวนะคะ วันนี้ พอล ไม่ว่างแนทไม่อยากกินข้าวคนเดียว”

    “โอเคๆ” น้ำทิพย์ว่าพลางเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวนอกสวมทับเชิ้ตด้านในก่อนจะหยิบกุญแจรถและเดินออกไปพร้อมกับอธิพรณ์

    “นั่นไง เห็นมะ ออกไปด้วยกันจนได้ แม่นี่ร้ายไม่เบา” พนักงานเมื่อเห็นเจ้านายเดินผ่านไปก็หันไปซุบซิบกัน

    “เม้าท์เจ้านาย เดี๋ยวไล่ออกดีมั้ยน้า” เสียงแทรกขึ้นทำให้พนักงานทั้งสองหันไปมองก่อนจะพบกับ อรนภา หัวหน้าฝ่ายการตลาด

    “โธ่ พี่ม้าคะ เราเป็นห่วงเจ้านายเฉยๆ ไม่ได้เมาท์เลยค่ะ” พนักงานตอบกลับพร้อมกับมองตากันอย่างเข้าใจ

    “จ้าๆ แต่ถ้ามัวแต่ห่วงนาย งานไม่เดิน คุณน้องจะเดินออกจากบริษัทแทนนะคะ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”

    พี่ม้า พูดขึ้นก่อนจะเดินเชิดกลับไป

    “พี่ม้าอ่ะ”



    ทางด้านสองคนที่เดินควงกันลงมากลายเป็นจุดสนใจได้ไม่ยากเมื่ออีกคนคือประธานกับอีกคนเป็นลูกสาวบริษัทร่วมลงทุนรายใหญ่

    “แหมๆ ควงกันลงมาขนาดนี้ เหมาะหรือครับน้ำทิพย์” เสียงแทรกขึ้นจากทางด้านหลังเรียกให้น้ำทิพย์หันกลับไปมอง

    “ไม่เหมาะหรอกค่ะ แต่พอดีนี่ก็ลูกค้า ก็คงจะเหมาะกว่าการพาเด็กที่มาสมัครงานไปกินในห้องตัวเองนะคะ"

    "เอ...หรือแบบนั้นเหมาะสมคะ” น้ำทิพย์พูดกลับ ทำให้อีกคนถึงกับหน้าชา

    “พูดอะไร ระวังคำพูดบ้างนะครับ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลพูดขึ้น

    “อะอ้าว บียังไม่ว่าอะไรเลย มีแค่พูดลอยๆ ไม่ใช่คุณอย่าร้อนตัวสิคะ” น้ำทิพย์พูดแล้วยกยิ้มขึ้น

    “ทานข้าวด้วยกันไหมคะ คุณอา” อธิพรณ์เอ่ยถามขึ้นขัด วิรุต ที่กำลังจะว่าน้ำทิพย์

    “ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวพวกคุณจะกินกันไม่อร่อย ขอตัว” วิรุต พูดจบก็เดินออกไป

    “ปากร้าย” อธิพรณ์พูดก่อนจะตีแขนอีกคนเบาๆ

    “เรื่องจริงนี่ ไปกันเถอะ จะไปร้านไหน” น้ำทิพย์พูดพลางก้าวเดินต่อ ก่อนจะหยุดเดินและสังเกตเห็นแผ่นหลังเล็กกับเสี้ยวหน้าคุ้นๆที่จู่ๆก็ทำให้หัวใจเขาเต้นแรง น้ำทิพย์เอี้ยวมองจนลับสายตา

    “มีอะไรคะบี” อธิพรณ์ถามเมื่ออีกคนหยุดเดินดื้อๆ มองตามสายตาของน้ำทิพย์ไป

    “ปะ เปล่าคะ ไปกันเถอะ” คนถูกถามเอ่ยตอบก่อนจะพาอีกคนไปขึ้นรถของตนแล้วขับออกไปยังห้างสรรพสินค้าที่ตนกับอธิพรณ์ตกลงกัน

     .

     .

     .

    “อีหมวย กว่าจะมาได้นะมึง นัดตั้งแต่เที่ยง มึงมาเที่ยงครึ่ง”เสียงทักขึ้นเมื่อคนหน้าหมวยเดินเข้ามาในร้านอาหารที่นัดกันไว้กับแก๊งของเธอ ที่เพื่อนเธอมารอกันอยู่ก่อนแล้วอย่างครบหน้า

    “เออ กูขอโทษละกัน ไปสัมภาษณ์งานมา นานไปหน่อย”

    “ห้ะ! คริส มึงไปสัมภาษณ์งาน ที่ไหน” วุ้นเส้นที่นั่งอยู่ติดกับเธอเอ่ยขึ้น

    BNT Property” คริส ตอบกลับไป

    “มึงบ้าไปแล้วเหรอ หมวย” นานาที่ได้ยินก็ถามต่อ เรื่องการสัมภาษณ์งานของเธอเลยกลายเป็นประเด็นประจำมื้อเที่ยงนี้ไป

    “กูไม่บ้า มึงก้รู้ว่าบริษัทเค้ามีมาตรฐานการบริหารที่ดีขนาดไหน แล้วอีกอย่างค่าตอบแทนก็สูง” คริสตอบพร้อมกับลงมือทานอาหารที่เพื่อนๆของเธอสั่งมาก่อนแล้ว

    “อีคริส แต่นั่น บี บีน้ำทิพย์นะมึง” นานาถามย้ำให้เพื่อนมีสติตอบเธอ

    “เออ กูรู้” ยังคงตอบเหมือนเดิม

    “มึงแม่งบ้าไปแล้ว” ทั้งเจนี่และวุ้นเส้นบ่นออกมาเส้นดังพร้อมกัน

    “เฮ้ออ ทำไงได้ งานที่ตำแหน่งเดียวกันที่อื่นให้ค่าตอบแทนน้อยจะตาย กูยังมีพีท มีหนี้ที่บ้านที่กูต้องช่วย”

    “เออๆ พวกกูเข้าใจ มึงก็สู้ๆนะ ไม่ไหวก็บอก พวกกูพร้อมช่วยมึงนะคริส” เพื่อนทุกคนบนโต๊ะพร้อมใจกันมองคนหน้าหมวยที่ชีวิตสตรองจนเกินไป

    “อือ ขอบใจพวกมึงมาก ไว้กูเข้าตาจนจริงๆละกัน มรดกพีทก็ยังเคลียร์ไม่จบ ไม่รู้ว่าจะยังไง” คริสตอบเพื่อนพร้อมกับทำหน้าเครียดในท้ายประโยค

    “บ้านนั้นก็เกินทน ยังไงเจ้าพีทก็หลานเค้า ทำไมไมคิดจะช่วยบ้างก็ไม่รู้” เจนสุดาที่นั่งนิ่งอยู่นานพูดขึ้น

    “อย่าไปว่าเค้าเลย เค้าไม่ชอบยัยพลอยอยู่แล้ว พอพิชญ์เสียยิ่งแล้วใหญ่” คริสตอบเจนสุดาพร้อมกับนึกถึงเรื่องของน้องเธอที่คบกับพิชญ์  บ้านฝั่งนั้นรวยมากมีเงินมากมาย ทำธุรกิจอะไรก็ขึ้น ยัยพลอยน้องสาวเธอเป็นแค่เด็กคนนึงที่บ้านก็ไม่ได้ขัดสนแต่ก็ไม่รวยเหมือนเขาทำให้บ้านฝั่งพิชญ์ไม่ชอบน้องสาวของเธอเลยแต่ก็ยังดีที่พิชญ์รักยัยพลอยมากจนคบกันมาเกือบๆ 7 ปีตั้งแต่มัธยมปลายจนจบมหาวิทยาลัย ยัยพลอยเรียนจบมีงานทำ ก็เลยตกลงซื้อบ้านด้วยกัน

         ผ่านไป 4 ปี เธอได้ข่าวว่าน้องเธอตั้งท้องเธอก็ดีใจด้วยแต่พอใกล้คลอดพิชญ์กลับประสบอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางกลับจากประชุมที่ภูเก็ตทำให้พิชญ์และคนขับรถได้รับบาดเจ็บสาหัส และทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วก็เสียชีวิต 

    ตั้งแต่นั้นมาบ้านฝั่งพิชญ์ก็ไม่ติดต่อมาอีกเลยจนน้องเธอคลอดก็ไม่กล้าบอกป๊ากับม๊าว่าบ้านฝั่งนั้นไม่ต้อนรับทั้งตัวน้องเธอและหลานของเขา จึงหอบลูกพาไปอยู่ที่อังกฤษ ประสบพอดีกับที่ธุรกิจที่ป๊ากับม๊าเธอทำดันมาถูกโกง ทำให้บ้านเธอเป็นหนี้จนถึงทุกวันนี้นับๆมาก็เกือบจะ 6 ปี แล้ว ป๊ากับม๊าจึงตัดขาดกับยัยพลอยไปเลยเพราะคิดว่าน้องหนีออกจากบ้านตามผู้ชายไป แล้วบอกให้เธอไปแต่งงานกับลูกชายเพื่อนที่สนิทกัน เพราะที่บ้านฝั่งนั้นมีเงินมากพอที่จะจ่ายหนี้ให้ แต่ด้วยลมปากตอนที่เธอและลูกชายเพื่อนเพิ่งเกิด ป๊าเธอกับพ่อเค้าตกลงกันว่าจะหมั้นหมายกันไว้ แต่ทั้งเธอและเขาต่างไม่ยอมจึงตกในสถานะเพียงแค่คู่หมั้นขอเวลาในการศึกษากันก่อนจะตกลงแต่งงาน หลังจากนั้นบ้านของ 'สามี' เธอจึงช่วยจ่ายหนี้ให้บ้านของเธอ แต่ด้วยความเป็นคนขี้เกรงใจเธอจึงบอกเขาว่าจะทำงานแล้วเอาเงินมาคืนเท่าที่พอจะทำได้และทำไหวโดยไม่ให้พ่อเขารู้ เขาก็คอยช่วยเหลือเธอในทุกๆเรื่อง รวมทั้งเรื่องเจ้าพีท เราตัดสินใจว่าจะแกล้งไปอยู่ต่างประเทศหนึ่งปี และไปหย่ากันโดยไม่ให้พ่อกับแม่เราทั้งคู่รู้ เธอจึงหอบตาพีทซึ่งเป็นลูกของพลอยกลับมาแล้วบอกว่าเป็นลูกของเธอกับเขา ปั้นจั่น เป็นคนที่ดีคนนึงที่เธอรู้จักมา เขาสุภาพกับเธอมากจนเธอเกรงใจและบอกเขาว่าถ้าอยากมีแฟนหรือแต่งงานกับใครก็ได้นะ เธอไม่ห้ามเพราะมันเป็นสิทธิของเขา แต่เธอก็ต้องมาเซอร์ไพร์สอีกครั้งเมื่อเขาพาเธอไปพบกับ แฟน ของเขา ที่เป็นผู้ชาย...ทำให้เธอถึงบางอ้อว่าทำไมเขาถึงตกลงหมั้นกับเธอง่ายๆไม่มีท่าทีที่จะคิดเกินเลยกับเธอ เพราะเขาไม่ชอบแบบเธอนี่เอง แต่ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่เพราะเป็นลูกชายคนเดียว...

    “เฮ้ออ เหนื่อยเนอะ ถ้าวันไหนไม่ว่างเอาเจ้าพีทมาฝากไว้ก็ได้นะ พวกกูพร้อมรับ โดยเฉพาะกูว่างมาก” เจนี่พูดก่อนจะเน้นคำว่าว่างหนักๆ

    “กูว่าพีทจะเสียคนเพราะอยู่คุณนี่แหละค่ะ เจที” คริสพูดแล้วหัวเราะตาม

    “มึงก็ว่าไป กูดูแลดีนะมึง กูอยากมีลูก กูต้องฝึกไว้” เจนี่พูดแล้วยิ้มร่า ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อเพื่อนๆประสานเสียงกันขึ้นมา “มึงควรหาผัวก่อนนะคะ เจที!!!

    “พวกมึงอ่ะ  กินไปเลย ใช่สิ มีกันหมดล้วนิ มึงอยู่เป็นเพื่อนกูนะหมวย อย่าปล่อยให้กูว่างอย่างโดดเดี่ยว” เจนี่พูดขึ้นอย่างงอนๆ

    “เออๆ กูจะมีใครได้วะ ทุกวันนี้ก็วุ่นจนหัวยุ่งหมดแล้วเนี่ย”คริสตอบกลับเพื่อนรักอย่างแน่วแน่

    “มึงกูกลับก่อนนะ โรงเรียนตาพีทจะปล่อยแล้ว” คริสว่าพลางยกนาฬิกาขึ้นมาดู พบว่าเป็นเวลา 14.15 โรงเรียนลูกชายของเธอกำลังจะปล่อยจึงรีบขอตัวออกมาก่อน

    “ไปกับไอมั้ย ไอจะไปรับไลลาพอดี”พอลล่าถามหลังจากยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู

    “....มะ ..”

    “หมวย หยุด! พอลล่ายูไปเอารถเลยมารับที่หน้าห้าง”  แอน ผู้เป็นแม่ของกลุ่มกล่าวขึ้นขัดสาวหน้าหมวยที่กำลังจะอ้าปากพูด พร้อมกับสาวหน้าฝรั่งที่รีบลุกแล้วเดินไปทางลานจอดรถทันที สมาชิกที่เหลือจึงเรียกพนักงานมาคิดเงินก่อนจะพากันเดินมาส่งศิรินที่หน้าห้างบริเวณที่นัดพอลล่าไว้

    “พวกมึงอ่ะ มันรบกวนพอลล่า โรงเรียนพีทไกลกว่าโรงเรียนไลลาอีก” ศิรินได้ทีก็บ่นเพื่อนทันที

    “แต่ถ้าเพื่อนจะนั่งแท็กซี่ไป พวกกูก็ไม่โอเค ไปๆ พอลล่ามาแล้ว” นานาว่าพลางเหลือบไปเห็นรถของพอลล่าจึงรีบดันตัวศิรินไปพร้อมกับเจนสุดาที่ช่วยเปิดประตูรถให้เสร็จสรรพก่อนที่พอลล่าจะเหยียบคันเร่งออกไป

    “อิคริสมันจะเกรงใจอะไรนักหนาวะ พอลล่าก็เพื่อนมันนะมึง กูไม่เข้าใจ” เจนี่เอ่ยถามเพื่อนในกลุ่มในขณะที่พากันเดินไปลานจอดรถเพื่อกลับบ้าน

    “มันคงคิดว่าแค่นี้มันก็เป็นภาระคนอื่นมาพอแล้วมั้ง ไม่อยากให้ใครเดือดร้อนกับมันอีก” นานา พูดขึ้นพร้อมกับทำท่าครุ่นคิด

    “ตามสไตล์ของมันแหละ มันต้องสุดๆแล้วจริงๆมันถึงจะยอมขอร้องหรือขอความช่วยเหลืออ่ะ อิหมวยน้อ” เจนสุดาพูดพอดีกับที่พวกเธอทั้ง 5 คนเดินมาถึงรถพอดี

    “ไปๆกลับกันดีๆนะ” แอนอลิชาพูดขึ้นพร้อมกับไขกุญแจเข้ารถตนไป

    “ถึงแล้ว ไลน์ด้วย” วุ้นเส้นพูดพร้อมกับเปิดประตูรถของตนเข้าไป แล้วพวกเธอทั้ง 5 คนก็ต่างคนต่างกลับบ้านไป

     

    บนรถ

     

    “พอลล่า ตามจริง ไอขึ้นแท็กซี่ไปก็ได้นะส่งแค่นี้ก็พอ” คริสพูดเมื่อรถแล่นเข้ามาจอดหน้าโรงเรียนที่ลูกสาวเพื่อนเธอเรียนอยู่

    “โน โน ไอบอกว่าไอจะพาไป ก็ไปสิ อ้ะ! ไลลา มัมมี้ เฮียร์!” พูดกับเพื่อนของตนเสร็จก็หันไปเห็นลูกสาวตนเองกำลังชะเง้อหารถอยู่จึงลดกระจกรถลงแล้วโผล่ศีรษะออกไปเรียกไลลาให้ขึ้นมา

    “ ไฮ มัมมี้ “ไลลาขึ้นรถเสร็จก็เขย่งตัวมาหอมผู้เป็นแม่ทันที แล้วจึงหันไปทักอีกคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ “ไฮ อานตี้คริส”

    “ไฮ ไลลา”คริสพูดแล้วหันไปยิ้มให้หนูน้อย พร้อมกับที่พอลล่าเริ่มขยับรถอีกครั้งมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนของตาพีท

    “วันนี้เราจะไปสคูลของพีทด้วยนะ โอเคมั้ยคะ”พอลล่าถามลูกสาวของตน

    “โอเคมากๆๆๆ”ไลลาตอบเสียงใสและยิ้มร่าให้คนถาม และเริ่มเล่าเรื่องราวที่ได้เจอในโรงเรียนวันนี้ให้ผู้เป็นแม่ฟังอย่างไม่รู้จักเหนื่อยแต่ก็เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่สองคนในรถได้เป็นระยะ

    ไม่กี่อึดใจ รถของสาวหน้าฝรั่งก็แล่นมาจอดที่หน้าโรงเรียนของลูกชายศิริน ศิรินยกสายคล้องคอของผู้ปกครองมาสวมก่อนจะเดินลงไปรับเจ้าลูกชายตัวดี

    “สวัสดีค่ะ คุณคริส”คุณครูที่ประจำชั้นของลูกชายทักศิรินพร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนจะหันไปเรียกเด็กชายที่กำลังวิ่งเล่นให้มาเตรียมกระเป๋ากลับบ้าน “น้องพีทครับ คุณแม่มารับแล้ว หยิบกระเป๋ามาเร็วครับ”

    เด็กชายวัยเกือบจะสี่ขวบในชุดนักเรียนที่ถูกเรียกก็หันมาก่อนจะพบกับแม่ของตนจึงรีบวิ่งมาตามคำบอกของคุณครูแล้วหยิบกระเป๋าก่อนจะออกวิ่งมาหาศิริน “หม่ามี้!!

    “ระวังลูก เดี๋ยวล้ม"  คริสดุลูกพร้อมกับจับมือของเด็กชาย  “พีทครับ สวัสดีครับคุณครูก่อนนะ”

    “สวัสดีครับ” เด็กชายยกมือขึ้นทำตามอย่างว่าง่าย

    “วันนี้มีการบ้านคณิตกับภาษาอังกฤษนะคะ คุณคริส” คุณครูประจำชั้นพูดขึ้น ศิรินพยักหน้าเข้าใจและส่งยิ้มให้ก่อนจะลาคุณครูพาลูกชายเดินออกมาขึ้นรถพอลล่า

    “ว้าว วันนี้กลับกลับน้าพอลล่าด้วย” พีทเมื่อเห็นรถก็จำได้ทันที รีบวิ่งไปเปิดประตูด้านหลังขึ้นไปนั่งก่อนที่ศิรินจะมาถึงรถเสียอีก

    “เฮ้อ ตาพีทนี่จริงๆเลยนะ” เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยศิรินก็หันไปดุแกมหยอกเจ้าตัวดี “สวัสดีน้าพอลล่ารึยังครับ?

    “สวัสดีคร้าบน้าพอลล่า พี่ไลลา” เด็กชายพูดขึ้นพร้อมกับประนมมือน้อยๆขึ้นแล้วก้มหน้า เป็นภาพที่น่ารักในสายตาผู้ใหญ่ทั้งสอง แล้วรถทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบเมื่อตัวแสบทั้งสองหมดฤทธิ์พากันนอนหลับไปแล้ว

    “ยูจะต้องไปรับส่งตาพีทด้วยแท็กซี่อีกนานเท่าไรเนี่ย คริส” พอลล่าถามเมื่อรถเคลื่อนมาติดไฟแดง

    “อีกสักพักแหละ มีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ยังไม่อยากซื้อรถหรอก ตาพีทยิ่งป่วยบ่อยๆด้วย กลัวว่าถ้าซื้อไปจะไม่มีเงินไว้รักษาตาพีทเวลาไม่สบายน่ะ” ศิรินตอบกลับ ทำให้พอลล่ารู้สึกสงสารเพื่อนตนจับใจ คนๆเดียวทำให้ครอบครัวๆหนึ่งต้องลำบากขนาดนี้เชียว

    “สู้ๆนะ เอาไว้ถ้ายูไม่ว่าหรือไม่สะดวกวันไหนโทรบอกไอให้ไปรับก็ได้นะ จะพามาส่งถึงบ้านแบบนี้เลย”

    พอลล่าพูดเมื่อรถเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่งของครอบครัวหอวัง

    “โอเค ขอบใจมากนะพอลล่า” คริสพูดแล้วยิ้มให้พอลล่าก่อนจะเปิดประตูลงไปปลุกลูกชาย

    “พีทครับ  ถึงบ้านแล้วลูก ขอบคุณน้าพอลล่าก่อนเร็ว” ศิรินว่าพลางอุ้มลูกชายขึ้นมาไว้

    “ขอบคุณครับ ฮ้าวว”พีทพูดพร้อมกับขยี้ตาก่อนจะกอดคอคนที่เป็นดั่งแม่นอนซบเข้าบ้านไป

    “ไปไลลากลับบ้านเรากัน” พอลล่าพูดกับลูกสาวที่หลับอยู่เบาะหลังก่อนจะขับรถออกไป

     .

    .

    “มาแล้วเหรอลูก คริส” หญิงวัยกลางคนเกือบปลายทักขึ้น เมื่อเห็นลูกสาวของตนเดินเข้าบ้าน

    “ค่ะ ขอพาพีทขึ้นไปด้านบนก่อนนะคะ เดี๋ยวคริสลงมาทานข้าวด้วย”ศิรินพูดพลางอุ้มลูกชายขึ้นไปด้านบน

    “พีทครับ  หม่ามี้ให้นอนต่ออีกครึ่งชั่วโมงนะครับ เดี๋ยวหม่ามี้ขึ้นมาปลุกห้ามงอแงนะโอเคมั้ย?” ศิรินพูดเมื่อพาลูกชายขึ้นไปนอนบนเตียงของเขาเรียบร้อยแล้ว

    “งืมม คร้าบ” เด็กชายตอบรับก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราต่อ ศิรินจึงไปจัดการวางกระเป๋าเป้ของลูกชายไว้ที่โต๊ะก่อนจะดึงสมุดการบ้านที่คุณครูบอกไว้ออกมาวาง แล้วนำที่เหลือไปจัดตารางเรียนในวันพรุ่งนี้ให้ แล้วเดินจัดชุดนอนเอาไว้ให้เพื่อจะได้สะดวกเวลาพาลูกอาบน้ำเสร็จ ยอมรับเลยว่าแรกๆเหนื่อยมากตอนวันที่เอาเขากลับมาพร้อมกับเธอและปั้นจั่น แต่ดีตรงที่เธอได้ใช้เวลาก่อนหน้ากับเขาบ้างและเขาไม่ใช่วัยแบเบาะ ตอนเธอพาเขากลับมาพีทก็ประมาณ 11 เดือนแล้วใกล้จะหัดเดิน จึงไม่ค่อยเป็นอุปสรรคเท่าไรและระหว่างที่อยู่ที่นู่นเธอก็ได้ไปช่วยพลอยเลี้ยงบ้าง แต่เธอก็ยังให้เจ้าพีทวิดีโอคอลกับพลอยเสมอ เขาจึงไม่เรียกเธอว่าแม่เพราะเขารู้ว่าแม่เขาอยู่ที่อังกฤษ พลอยทำงานและส่งเงินค่าเล่าเรียนกับค่ากินอยู่มาให้เสมอทำให้เธอนำเงินเดือนมาใช้จ่ายในครอบครัวได้เต็มที่ แต่ถ้าให้เจ้าพีทไปอยู่กับน้องสาวเธอคงยากเพราะงานที่น้องเธอทำมันเป็นเหมือนฟรีแลนซ์ทำอยู่บ้านก็จริง แต่แทบไม่มีเวลาดูแลเจ้าพีทหรอก ทุกวันนี้วิดีโอคอลน้องสาวเธอยังมีเวลาคุยไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำส่วนใหญ่จะเป็นการที่ให้เจ้าพีทได้นั่งดูเห็นหน้าแม่ก่อนนอนแค่นั้น

    พอจัดของเสร็จ ศิรินก็เดินถือของและเอกสารของตนไปยังห้องของตัวเธอเองเพื่อจัดการอาบน้ำเตรียมลงไปทานข้าวกับป๊าและม๊า

    “ทานเลยนะคะ” คริสพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงห้องรับประทานอาหาร เดินถือโถข้าวมาวางไว้ก่อนจะตักให้ทั้งป๊า ม๊าและตัวเธอเอง ก่อนจะลงมือทานอาหารที่ม๊าเป็นคนลงมือเองทั้งหมด 

     ถ้าถามว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ดีไหม สำหรับตัวเธอเองเธอก็ว่าดีนะ ผ่านมาเกือบจะหกปี ถ้านับตั้งแต่วันที่รู้ว่าติดหนี้กับทางธนาคารไว้วันนั้นป๊าเธอเกือบคิดสั้นโชคดีที่ม๊ากับตัวเธอเองเข้าไปเจอพอดี ทำให้ท่านคิดได้ว่าจะไม่ปล่อยให้ลูกและภรรยาต้องเผชิญปัญหานี้แค่สองคน เธอและป๊าช่วยกันรวบรวมหลักฐานเอาผิดคนเป็นอาแท้ๆที่ติดพนันจนเอาหุ้นทั้งหมดเข้าธนาคาร ทำให้ธนาคารเข้าใจและยอมให้ป๊าเธอกู้เงินก้อนสุดท้ายมาลงทุนกอบกู้บริษัทขึ้นมาอีกครั้งทำให้ป๊าเธอพอจะมีรายได้แม้จะต้องหักส่วนแบ่งให้ธนาคารประหนึ่งว่าธนาคารคือหุ้นส่วนหนึ่งส่วนที่ต้องได้รับส่วนแบ่ง เหมือนเป็นการชำระหนี้โดยการทำงานของพ่อเธอ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวเธอเองออกมาหาต่างบริษัทไม่อย่างนั้นบ้านเราก็จะเหมือนทำงานส่งหนี้ จะไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัวเลย

    โชคดีที่ระหว่างนั้นพอผ่านมาได้หนึ่งปีเธอเข้าทำงานกับบริษัทของพ่อปั้นจั่นที่จ่ายในส่วนเงินต้นและดอกให้กับธนาคารไปให้แล้วคุณลุงก็เต็มใจที่จะให้เงินเดือนเธอเต็มจำนวนเท่ากับพนักงานคนอื่นๆ  ตัวเธอก็จะแบ่งส่วนไว้คืนพ่อปั้นจั่น ในวันที่เธอคืนท่านหมดเธอจะไปบอกท่านว่าเธอกับปั้นจั่นได้หย่ากันแล้ว เพื่อความสะดวกใจของเธอเองและคุณลุงจะได้ไม่เสียเปล่าท่านจะได้เงินคืนจะเท่าเดิมไหมถึงไม่ได้ศิรินคนนี้จะทำให้เต็มที่ที่สุดจนกว่าจะถึงวันที่เธอจนตรอกไม่มีแล้วจริงๆเธอจะยอมไปบอกท่านว่าคงคืนได้เพียงเท่านี้จริงๆ


    เมื่อทานข้าวเสร็จศิรินจึงยกจานทั้งหมดไปล้างแล้วจึงฝากป้าเพ็ญให้อุ่นนมร้อนเพื่อจะยกไปให้เจ้าตัวดื้อที่หลับปุ๋ยอยู่ด้านบน        ป้าเพ็ญ คือ ป้าแม่บ้านที่ทำงานกับพ่อเธอมาตั้งแต่ที่พ่อเธอเริ่มมั่งมีจนทุกวันนี้ที่มีน้อยป้าเพ็ญก็ยังอยู่พร้อมกับพี่ๆอีกประมาณ 2-3 คน นอกนั้นที่เคยมีก็ขอลาออกไปทำงานที่อื่นป๊าเธอเข้าใจพวกเขาก็ต้องการความมั่นคงในชีวิตจะมาอยู่กับคนที่ยังมีหนี้ท่วมหัวคงไม่ได้ เมื่อได้นมและตักข้าวเรียบร้อยแล้วศิรินจึงเดินขึ้นไปบนห้องของเด็กชายก็พบว่าเด็กน้อยได้ตื่นขึ้นมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว

    "ตื่นนานรึยังครับ?" คริสเอ่ยถามพร้อมกับเดินถือแก้วนมไปวางไว้บนหัวเตียงก่อนจะเดินถือจานข้าวไปวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นสำหรับทำการบ้านของเจ้าของห้อง

    "ไม่ครับ เพิ่งตื่นเมื่อกี้นี้เองครับ" พีทตอบกลับแล้วส่งยิ้มสดใสไปให้กับหม่ามี้ของเขา

    "หิวรึเปล่าครับ หม่ามี้เอาข้าวผัดใส่ไข่มาด้วยน้า" 

    "ข้าวผัดไข่ พีทหิวครับ" พีทรีบตอบก่อนจะกระโดดลงไปนั่งรอที่โต๊ะที่เห็นจานข้าววางไว้ ศิรินเห็นแบบนั้นจึงตามลงไปนั่งกับเด็กชายตัวน้อย

    "อะ อ้าปากเร็วคร้าบ คนเก่ง" คริสตักข้าวใส่ช้อนคำไม่ใหญ่มากให้ก่อนบอกให้พีทอ้าปาก เด็กชายอมทำตามอย่างว่าง่าย

    ศิรินก็ป้อน พีทก็กินจนหมดจาน จึงนั่งทำการบ้านสักพักก็พาเจ้าพีทไปอาบน้ำแต่งตัวพร้อมนอน ศิรินยกนมมาให้เด็กตัวน้อยดื่มก่อนจะพาเขาเข้านอนด้วยการวิดีโอคอลกับพลอยเหมือนทุกคืน

    "แม่พลอยครับ" พีทส่งเสียงเรียกเมื่อวิดีโอขึ้นสัญลักษณ์ว่าอีกฝ่ายตอบรับวิดีโอแล้ว ภาพที่พลอยเห็นคือพี่สาวเธอนอนหงายแล้วเจ้าพีทก็นอนซบไหล่พี่สาวเธออีกทีเป็นภาพที่น่ารักมากทีเดียว

    "พีท วันนี้ดื้อกับมี้คริสรึเปล่า หื้มม" คำถามเดิมๆถูกส่งออกมาจากปากคนเดิมซ้ำๆทุกวันเเหมือนกับเป็นคำทักทายก็ไม่ปาน

    "ไม่ดื้อครับ ไม่เชื่อถามมี้คริสได้" พีทตอบกลับไปและบุ้ยหน้าไปทางคนถือโทรศัพท์

    "คร้าบๆ ไม่ดื้อก็ไม่ดื้อ" คริสรับลูกส่งของเด็กตัวน้อย

    "คร้าบ ฝันดีนะลูกนะ แม่พลอยรักพีทนะครับ" พลอยพูดและระบายยิ้มบนใบหน้าเมื่อเห้นว่าเวลาที่ประเทศไทยนั้นดึกมากแล้วพีทควรจะนอนได้แล้ว

    "ครับ พีทจะฝันดีครับ ฝันถึงแม่พลอยด้วย รักๆๆ จุ้บ"ความไร้เดียงสาของพีททำให้พลอยยิ้มออกมาก่อนจะถือสายรอให้พี่สาวเธอจัดการเจ้าพีทให้นอนให้เรียบร้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นโทรแบบปกติเมื่อพี่สาวเธอเดินเข้าห้องตัวเอง

    "เหนื่อยมั้ยพี่คริส" พลอยถามอีกคนเมื่อรับรู้ว่าอยู่กันแค่สองคน

    "ไม่หรอก พีทไม่ดื้อ พี่เลยไม่ค่อยเหนื่อย ว่าแต่แกเหอะ พักบ้างนะพลอย อย่าทำงานมากนัก" คริสพูดเตือนน้องสาวที่ชอบหักโหมงานหนัก

    "อื้อ พี่คริสก็เหมือนกันนะ ดูแลตัวเองนะ ไว้พลอยว่างพลอยจะไปหา" พลอยพูดตอบกลับมา

    "โอเค ไปนอนก่อนนะ กินข้าวด้วยละพลอย" คริสพูดแล้วไม่ลืมกำชับพลอยอีก

    "โอเคๆ บาย" พลอยพูดแล้วกดตัดสายไป พอวางหูจากพลอยคริสจึงกดเข้าแอพพลืเคชั่นไลน์เพื่อดูว่าเพื่อนของเธอคุยอะไรกันนักหนาส่วนใหญ่มักมีแต่ข้อความที่บอกว่าถึงแล้วนะ ถึงแล้วนะ โอเค ไม่มีอะไร นอนดีกว่า แต่ในขณะที่คริสกำลังจะปิดโทรศัพท์กลับมีการแจ้งเตือนจากเมลของเธอ คริสจึงกดเข้าไปดู

    ( BNT Prop.,20.10.20 , 17:40)

    ถึง : คุณศิริน  หอวัง

    จาก :  BNT Property

         ขอแสดงความยินดีละขอต้อนรับเข้าสู่บ้าน BNT นะคะ 

    ขอให้คุณศิรินเดินทางเข้ามาที่บริษัทเพื่อทำการทดลองงานในวันพรุ่งนี้ เวลา 8.00 น. ที่อาคารสำนักงาน BNT Property ด้วยคะพร้อมกับนำเอกสารทั้งหมดเข้ามาอีกครั้งและการแต่งกายขอให้แต่งกายด้วยความสุภาพ ขอบคุณค่ะ 

    BNT Property

    (Human Resources Management )



    - ZanonZane -

    ..........................................................................................................................................................

    ปล. 1

    อาจมีผิดพลาดในส่วนของเรื่องเชิงธุรกิจ เพราะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลยจึงขออภัยมา ณ ที่นี้ ในโลกของจินตนาการเราทำได้ทุกอย่างเนอะ

    ปล.2 จ่าหัวตอนว่าศิรินแต่เปิดมาด้วยพี่บีเยอะเลย

    อ่านแล้วเป็นอย่างไรงงมั้ยไม่งงเนอะ ติชมได้เลยจ้า

    ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ

    1 คอมเมนท์ =  1 กำลังใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×