ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic inuyasha] I promise (naraku x sesshomaru) Yaoi

    ลำดับตอนที่ #52 : ตอนที่ 34 : เบื้องลึกใต้หมอก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 807
      2
      21 มี.ค. 53

    ตอนที่ 34 : เบื้องลึกใต้หมอก

    ........................


                ผ่านไปวันนึง..วันเดียวเต็มที่นาราคุถูกเผาเหลือไว้แค่ตอตะโกเพียงไม่กี่หยิบมือ

     

                 ...วันเดียวที่ชิคังสุดจะทรมาน  เพราะเซ็ตโชมารุไม่ยอมพูดกับเขา ไม่มองหน้า..ขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดทั้งวันจนชิคังอดกลัวไม่ได้ว่าคนๆนั้นจะหิวตายเสียก่อน

     

                แล้วเขาควรทำอย่างไร?

     

                ร่างสูงโปร่งยืนนิ่งหน้าประตูไม้สีชาด้วยสีหน้าหนักใจ  ในมือขวาถือถ้วยข้าวต้มร้อนกรุ่นส่งกลิ่นหอมหวน หากตอนนี้คนที่ต้องได้รับก็ยังไม่ได้รับ เพราะคนให้กลัวจนไม่กล้าเคาะประตูหรือตะโกนเรียก

     

                จะว่ากลัวก็ไม่ถูก...

     

                แค่ไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าแบบไหน..ก็เท่านั้น..ไม่รู้จะพูดอะไร ทำท่าทางยังไง..และเซ็ตโชมารุจะตอบรับเขาแบบไหน..

     

                ชิคังยิ้มบางๆแสนเศร้า

     

                อา..นี่มันกลัวไม่ใช่รึ

     

                เอาไปคืนดีหรือนั่นน่ะ?

     

                ชิคังชะงัก เหลือบนัยน์ตาสีเทามองต้นเสียงด้วยท่าทางรำคาญราวกับเดาออกว่าเป็นใคร

     

                เจ้ามาที่นี่ทำไม?”

     

                เห..นั่นแทนคำว่า สวัสดีรึเปล่า? เจ้าคนหน้าเป็นว่า ดวงตาสีราตรีของนักพเนจรหนุ่มแวววับอย่างขี้เล่นผิดกับร่างสูงผมเทาที่เลิกคิ้ว

     

                เสียใจ บังเอิญมันแทนคำว่า ไปให้พ้น เสียมากกว่า เสียงทุ้มพูดตัดรอนอย่างไร้เยื่อใย แต่จิคาคุก็ยังยิ้มออกมาเหมือนไม่รู้สึกรู้สม ชิคังเองก็ไม่แยแส ชายหนุ่มชินเสียแล้วกับไอ้นิสัยจะเข้าบ้านคนอื่นก็เข้าของอีกฝ่าย มือหนาบิดลูกบิดประตูเตรียมเข้าไปข้างในอีกครั้ง หากจิคาคุไม่พูดโพล่งขึ้นมา

     

                เจ้ายังมีคำปรารถนาเหลืออีกข้อชิคัง..

     

    ราวกับคำนั้นหยุดการเคลื่อนไหวและเสียงทั้งหมดที่ชายหนุ่มรับรู้จนสิ้น  ได้แต่ยืนค้างอยู่ตรงนั้นชั่วอึดใจเหมือนคำพูดของจิคาคุสร้างอารมณ์บางสิ่งขึ้นมาในใจเขา..เขาขับไล่สิ่งนั้นไปและตอบเสียงเรียบ

     

    คราวหน้าเถอะ..และออกไปจากบ้านข้าซะ

     

    มือหนาดันประตูเปิด แค่นิดเดียวเท่านั้นก่อนมันจะปิดลงทันทีโดยมือของคนๆหนึ่ง

     

    ข้าเกรงว่าจะไม่มีคราวหน้าน่ะสิ คนถือวิสาสะปิดประตูพูดด้วยหน้าตาเฉยๆ ข้ากำลังฟังเจ้าอยู่

     

    ชิคังเหลือบตามอง 

     

    นักพเนจนหนุ่มผู้ขี้เล่นอย่างน่าหงุดหงิด  และแทบไม่เคยพูดจามีสาระซักครั้ง แต่คราวนี้กับทำสีหน้าเรียบเฉยและจริงจัง

     

    ..ไม่มีใครต่อประโยคสนทนานั้นนอกจากเงียบกริบ  และปฏิกิริยานั้นทำให้จิคาคุผุดรอยยิ้ม

     

    เจ้ากลัวรึชิคัง?  ร่างสูงผมเทาหน้าตึง สวนเสียงนิ่ง  

     

    ข้าต้องกลัวอะไร? ไม่มีสิ่งใดที่ข้าต้องกลัว

     

    ผิดแล้ว...”

     

     ชิคังชะงักเมื่อถูกสวนขึ้นกลางปล้อง  จิคาคุยิ้มแบบมีเลศนัยและสืบเท้าเข้าใกล้

     

     เพราะไม่เคยมีสิ่งสำคัญถึงขนาดต้องกลัว..พอมาตอนนี้เจ้าถึงได้กลัวจับใจไม่ใช่หรือ?

     

    ชิคังนิ่งงันไป  แต่ไม่ตอบรับคำพูดนั้นนอกจากเงียบกริบ  นั่นเป็นการเปิดช่องให้จิคาคุไล่รุกมากยิ่งขึ้น

     

    กลัวถูกเกลียด กลัวสูญเสีย หวาดหวั่นว่าจะถูกทิ้งให้เดียวดาย รังเกียจยามถูกเปรียบเทียบ กลัวความพ่ายแพ้...และที่กลัวที่สุด...

     

    มือหนาจับดวงหน้าคมคายประคองไว้ในมือ  บังคับสายตาบ่ายเบี่ยงให้จ้องสบ  และใช้ดวงตาสีถ่านเพ่งลึกเข้าไปในห้วงอารมณ์ที่ถูกตีจนสับสนก่อนขยับยิ้มนุ่ม

     

    เจ้ากลัวตัวเองชิคัง...กลัวอารมณ์ลึกๆในหัวใจตัวเอง

     

    นัยน์นตาสีเทาสั่นไหววูบหนึ่งพอสิ้นคำราวกับมันแทงใจ  ทำให้ร่างแบ่งภาคหนุ่มเผลอก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว

     

    พูดบ้าอะไรของเจ้า... เสียงของชิคังเล็ดลอดผ่านริมฝีปากอย่างลำบาก แต่มันก็เบามากไปเกินกว่าจะหยุดยั้งคำพูดราวน้ำป่าไหลหลากของพเนจรหนุ่ม

     

    ..เจ้ากลัวว่าความร้ายกาจที่ซ่อนไว้จะเผลอทำร้ายใครต่อใคร..กลัวว่าซักวันหนึ่งมันจะเป็นจริงและยับยั้งตัวเองไม่ได้

     

    เลิกพูดได้แล้ว! ออกไปจากบ้านข้าซะ

     

    แต่จิคาคุยังคงไม่หยุด

     

    ..เจ้ากลัวว่าจะเผลอฆ่าเป็นครั้งที่สอง  หลังจากที่เจ้าฆ่านา..

     

    หุบปาก!!”

     

    ....................

    .............

    ...

    ..

     

     

                ข้ามีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง

     

    กาลครั้งหนึ่งของชายหนึ่งคนผู้เกิดมาโดยน้ำมือครึ่งอสูรไม่ใช่พระเจ้า  ข้าผู้เฝ้ารับใช้มันมานานก่อนมาถึงตรงจุดนี้...

     

    ก่อนหน้านั้นข้าพ่ายแพ้ตลอดมา..ข้าพ่ายแพ้มัน  ทั้งพลังของนาราคุและแทบทุกๆอย่างที่มันเป็น  ข้าทำอะไรได้ก็มักจะมาจากสิ่งที่หมอนั่นทำได้อยู่แล้ว...ไม่แตกต่างไปจากเงาทำตามเจ้าของเลยซักนิด...และถึงข้าจะเกลียดเรื่องนี้ขนาดไหน ระยะเวลาก็ทำให้มันกลายเป็นเรื่องชินชาสำหรับข้าไป..

     

    และคงเป็นต่อไปถ้าเจ้าไม่ได้เข้ามาในชีวิตข้า

     

    ดวงตาสีอำพันของเจ้าสวยกว่าอัญมณีใดที่ข้าเคยพบ เย็นชาน่าหลงใหลหากน่ารักจนยากจะอดใจ..ท่าทีของเจ้าที่มีต่อข้าทำให้ลูกสมุนที่ดีแต่โง่ได้รู้จักว่าแค่คนๆหนึ่งยิ้มมันทำให้รู้สึกดัมากขนดไหน..แปลกนะ  มารู้ตัวอีกที ข้าก็ถลำลึกไปกับภาพริมฝีปากอิ่มเอิบสีซากุระและใบหน้างดงามราวปาติมากรรมศิลป์นั้นเข้าแล้ว 

     

    ..ข้าตกหลุมรัก...จนถอนตัวไม่ขึ้นให้กับจอมอสูรผู้งดงาม

     

    ข้าหลงใหลใบหน้ายามโกรธของเจ้า  ชอบเสยงนุ่มหูและกลิ่นหอมอ่อนๆ และคลั่งไคล้รอยยิ้มงดงามเหมือนจะทำให้หัวใจหยุดเต้น  ข้าสามารถมองเจ้าได้เป็นชั่วโมงโดยไม่เบื่อเพราะข้ารักใบนี้..ใช่ ข้ารักเจ้าทั้งๆทีไม่ควรทำ..แต่ข้าไม่อาจหยุดได้ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกในสิ่งที่นาราคุไม่รู้สึก..ข้ารักเป็น

     

    ข้าได้รักแล้ว

     

    แต่ มันกลับเอาเจ้าไป

     

    มันฝืนกอดและทำให้เจ้าอับอาย  และยังกล้า...จูบ ทำให้ข้าโกรธแต่ก็มีความสุขเมื่อเจ้าแสดงท่าทางรังเกียจมัน 

     

    ...แต่สุดท้าย..ความสุขของข้าก็ถูกทำลายลงในวันนั้น

     

    เซ็ตโชมารุ อ้าขากว้างนี้หน่อย...นั่นแหละ

     

    อ่ะ!”

     

    ข้าได้ยิน..ได้เห็นสิ่งนั้นในตาเจ้าตอนถูกมันกอด ในค่ำคืนเงียบที่ประดับด้วยหิ่งห้อยใต้ต้นไม้ใหญ่ของอาณาจักรอัยชิ

     

    เจ้ารักมัน...

     

    เป็นครั้งแรกที่ข้าเกลียดใบหน้าของตัวเองที่ดันไปเหมือนกับมัน..เกลียดเสียงของตัวเองที่เหมือนมัน..เกลียดทุกสิ่งทุกอย่าง

     

    และวันนั้น  ข้าจึงเผลอเรียกบางอย่างมา

     

    ท่านต้องการสิ่งใด นายน้อยผู้น่ารักน่าชัง

     

    มัน คือ ยักษ์สีทอง ที่สามารถบันดาลทุกอย่างให้เป็นจริงสามข้อ  แลกกับบางสิ่ง

     

    ดวงตาคู่นั้นเป็นสีรัตติกาลยามไร้เดือนดาว ส่วนเส้นผมก็ทองอร่ามราวตะวัน สะบัดพลิ้วตามลมค่ำคืน  ใบหน้าละม้ายคล้ายมนุษย์ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แฝงนัยจนบัดนี้ก็ยังมีอยู่..

     

    เจ้าเป็นใคร ? ต้องการอะไร?

     

    โอ๊ะโอๆ มันตัดคำพูดข้าก่อนจะยิ้มหวาน ไม่ใช่ของข้าแต่เป็นของท่านต่างหาก ข้าดลให้คำขอของตัวเองเป็นจริงไม่ได้หรอกนะ

     

    คำขอรึ ? คำขออะไร?

     

    รักสามเศร้าสินะ

     

    ข้าชะงัก ตวัดมองต้นเสียงที่ยิ้มกรุ่มกริ่มราวเดาใจออก ครึ่งปีศาจกับบ่าวที่หลงรักจอมอสูรคนเดียวกัน เห..อะไรจะโรแมนติกปานนั้น...จริงมั้ย?

     

    มันรู้?!! ข้าไม่เคยบอกใครเรื่องความรู้สึกของข้า โดยเฉพาะคนที่พึ่งเจอกันครั้งแรกแต่ทำไม?

     

    อย่าสงสัยไปเลย มันเป็นธรรมชาติที่ข้าจะรู้พื้นฐานความปรารถนาของคนที่เรียกข้ามา

     

    เขาหรี่ตาลง ซ่อนความสงสัยว่าทำไมมันถึงรู้ในสิ่งที่เขาคิด ข้าไม่ได้เรียกเจ้า

     

    มันหัวเราะขบขัน ซึ่งปัจจุบันข้าเกลียดนักหนา เจ้าเรียกแน่ตอนนี้มันยิ้ม และชูนิ้วขึ้นสามนิ้ว ขอสิ..และเจ้าจะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ

     

    สามอย่างต่อหนึ่งสิ่ง

     

    เวลานั้นไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร  ข้ารับรู้ได้ว่าความคิดในหัวบอกให้ผลักไสแล้วรีบเดินหนีโดยไว ใครจะไปรู้ว่าเจ้าคนผมทองเบื้องหน้านี้อาจเป็นคนบ้าสติฟั่นเฟืองจากที่ไหนซักแห่งก็ได้

     

    แต่ตอนนั้น..ข้ากลับไม่ทำ  ดวงตาสีดำมะเมื่อมเหมือนหุบเหวดูจริงจังและข้าก็เชื่อมัน..ช่วงวินาทีสั้น ๆ ซึ่งได้ยินทั้งเสียงลมโกรกยามค่ำ กับเสียงไม่น่าฟังอย่างการร่วมรักของชายสองคน  กระซิบเรียกชื่อกันและกัน กรีดลึกลงกลางใจ

     

    ความปรารถนาของข้า...ของข้า...เซ็ตโชมารุ

     

    อะไรก็ได้ใช่มั้ย... กว่าจะรู้ตัว ข้ากลับพูดแบบนั้นออกไป...ข้าหยุดไม่ได้

     

    มันยิ้มหวานถูกใจและพยักหน้าอย่างสงบ

     

    จิคาคุผู้นี้ จะทำตามความปรารถนาของท่าน

     


    .......................

     

    ข้าจึงนำมิซาเนะกลับออกมาจากความตายเพื่อกีดกันพวกเขาออกจากกัน..ขี้โกงหน่อยแต่สามัญ จิคาคุหัวเราะหึเหมือนพูดเรื่องธรรมดาราวกับคำตวาดว่าของชิคังไม่สะทกสะเทือนไปกว่าลมกระทบหิน เนตรสีดำเหลือบมองใบหน้าคมคายที่เครียดขมึงก่อนยิ้มหวาน แต่น่าเสียดายที่มันได้ผลไม่นาน

     

    หากมิซาเนะไม่สวมบทนางเอกขึ้นมาซะก่อนมันคงเป็นพรสำเร็จ  และคำขอของชิคังก็จะเป็นจริง

     

    ใช่ สุดท้ายนาราคุก็ตามมาที่เมืองท่า เพราะฉะนั้นคำขอที่หนึ่งของข้าจึงเท่ากับศูนย์ ชิคังพูดเสียงเย็น ก่อนจิคาคุจะตัดบททันที

     

    และใช่ แต่เจ้าก็ขอพรข้อที่หนึ่งอีกรอบมิใช่รึ..

     

    ชิคังสะดุ้งเฮือกและกัดฟันแน่น..จิคาคุถูก เขาขอจริงๆแต่เพราะนึกว่ามันจะง่ายเหมือนตอนแรกจึงขอ..ถ้าเขารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาคงไม่ขอแบบนั้น

     



    …………..

     



                “เอามัน..ออกไปจากตรงนั้น

     

    เขาพูดแบบนั้นที่เมืองท่าขณะมองลงมาจากชั้นสามจับจ้องไปยังชายผมดำด้านล่าง  ซึ่งกำลังนั่งคุกเข่ารอบางสิ่งบางอย่าง..บางอย่างที่ทำให้เขาขุ่นมัว  ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่นาราคุคุกเข่าเฝ้ารอเซ็ตโชมารุอยู่ข้างโรงเตี๊ยมเล็กๆที่พวกเขาพักชั่วคราวก่อนโดนเกวียนชน

     

    ออกไป? ไกลแค่ไหนล่ะ? เสียงของจิคาคุดังขึ้นในเงามืดโดยไม่ปรากฏกาย หากเสียงกลับบ่งชัดว่าดังมาจากเบื้องหลังชิคัง 

     

    เท่าที่เจ้าจะทำได้ ไกลพอจนมันไม่สามารถเห็นหน้าเซ็ตโชมารุได้อีก เขาพูดปัดๆ เพราะความหงุดหงิดในอกเหมือนคลื่นน้ำที่ขยายเป็นวงกว้างเกินกว่าจะพูดดีได้

     

    และมันก็ผิดมหันต์..จิคาคุทำตามคำพูด

     

    แล้วสิ่งที่ข้าทำไม่ดีตรงไหน ริมฝีปากได้รูปยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม 

     

    ข้าแค่ขอให้มันไปไกลๆ!

     

    ความตายนี่มันห่างไกลน้อยไปหรือ?”

     

    อีกครั้งที่คำของจิคาคุกัดกร่อนจิตใจเขาจนพูดไม่ออก  ได้แต่กัดฟันกรอด นึกเจ็บใจตนเองที่เปิดช่องในคำขอของตัวเอง แต่มันกลับเอ่ยขึ้นมาง่ายๆราวสำรวจสภาพอากาศ

     

    เจ้าเป็นคนแปลกรู้ตัวรึเปล่า? อีกฝ่ายแสดงความเห็นด้วยใบหน้าซื่อๆ คนทุกคนที่ข้าเจอหากอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเจ้าคงขอข้าให้คนๆนั้นมารักและทำลายความทรงจำของคนรักเก่า แต่เจ้ากลับอ้อมไปอ้อมมา...เพื่ออะไร?

     

    ชิคังหรี่ตามองร่างสูงเขม็ง ในใจนึกด่าท่าทางแกล้งไร้เดียงสานั้นอย่างหมันไส้ ข้าต้องการให้เซ็ตโชมารุรักข้าเอง ไม่ใช่รักปลอมๆจากเวทมนตร์เจ้า

     

    คิ้วเข้มสีทองโก่งขึ้นเป็นความแปลกใจ และพูดขึ้นพิลึกคน...แม้แต่ตอนนั้น ข้ากลับคิดว่าเจ้าน่าจะพอใจแล้วเสียอีก ข้ารึอุตส่าขนเกวียนมาชนเจ้านั่นถึงที่เพราะเจ้าบอกว่าไม่อยากให้เหมือนใช้เวทมนตร์จนเกินไป ถึงมันไร้รสนิยมไปหน่อยก็เถอะ แต่โชคดีจริงๆเพราะการกระทำนั้นกลับทำให้นาราคุเป็นเจ้าชายนิทรา จิคาคุยิ้มให้ร่างแบ่งภาคหนุ่มอีกครั้ง

     

     ตามเจ้าพูดไง ไกลจนมันไม่สามารถเห็นหน้าเซ็ตโชมารุได้อีก ไม่ใช่แค่มองนะ รับรู้ก็คงไม่รู้สึก ถือเป็นของแถมของข้าด้วยซ้ำ

     

    ชิคังกัดฟันกรอด..ไอ้บ้านี่!!

     

    ชิคัง...

    .........

    ...

    .

    นัยน์ตาสีเทาเบิกกว้าง หันขวับที่ประตูเบื้องหลังตนเอง

     

    ...เซ็ตโชมารุยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าหวานซีดเผือดลง

     

    ซ..เซ็ต..

     

    ชื่อของอีกฝ่ายติดพันอยู่ที่ปลายลิ้น ยิ่งยามเห็นดวงตาสีทองคู่นั้นเบิกกว้างคำพูดทั้งหมดกลับขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ กายเย็นเฉียบ นัยน์ตาสีหวานคู่นั้นจ้องชิคังเขม็งจนเจ้าตัวหายใจไม่ออก

     

     ...อธิบายมาสุดท้าย ร่างบางก็โพล่งขึ้น

     

     ชิคังไม่อาจเดาได้ว่าตอนนี้เซ็ตโชมารุรู้สึกอย่างไร แต่หางเสียงที่ออกสั่นทำให้ชายหนุ่มหน้าเสีย สถานการณ์ในขณะนี้คล้ายอยู่ในช่องแช่แข็งแต่ก็ร้อนระอุในเวลาเดียวกันจนเหงื่อไหล ชิคังยืนนิ่งพูดไม่ออกกระทั่งจอมอสูรหมดความอดทน

     

    จิคาคุ!” เซ็ตโชมารุหันไปหายักษ์สีทองที่กำลังยืนทำหน้าเป็นอยู่

     

    จริงรึ..ที่เจ้าเป็นคนทำให้นาราคุ..ตาย.. ประโยคส่วนท้ายช่างออกมาอย่างยากลำบาก แต่ร่างบางก็ฝืนจ้องตากับร่างสูงของนักพเนจรหนุ่ม ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้าเบาๆ เอ่ยปฎิเสธข้าก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของสาเหตุเท่านั้นเอง คนสวย

     

    ไม่ว่าเปล่า เจ้าตัวยังยื่นมือมาจับแก้มขาวเนียนเป็นเชิงหยอก แต่อีกฝ่ายไม่เล่นด้วยจึงปัดทิ้งดังผั๊วะก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหลวไหล! เจ้าพูดกับชิคังเองไม่ใช่เหรอว่าเจ้าจงใจให้เกวียนชนนาราคุ?

     

     ก็...จิคาคุยักไหล่ แค่ตามคำขอ..

     

     ก่อนเสียงจะเปรี้ยงขึ้นเหมือนฟ้าผ่า

     

    เจ้าคนตอแหล! ชิคังไม่ได้บอกให้ฆ่านาราคุด้วยซ้ำ เขาแค่บอกว่าให้พาไปไกลๆและคนที่บิดเบือนคำขอจนนาราคุต้องตาย ก็คือ เจ้า!” จอมอสูรตวาดใส่อย่างน่ากลัว นัยน์ตาสีทองจ้องเนตรสีดำสนิทเขม็ง เจ้าทำแบบนี้ทำไม!? เจ้าหลอกชิคัง..หลอกเรา และยังฆ่าเขา! เจ้ามัน..เจ้ามัน!”

     

    เซ็ตโชมารุ! หยุด..เดี๊ยวก่อน!”

     

    ชิคังเร่งฉวยมือบางไว้ก่อนมันจะฟาดเข้าใบหน้าของจิคาคุเข้า เซ็ตโชมารุพยายามดิ้นโดยมีร่างสูงกอดรั้งไว้แน่น ในสมองไม่ได้ฉุกคิดอะไรเลยนอกจากเกลียดคนเบื้องหน้า..ลืมคิดไปเลยว่าคนที่ดึงรั้งตนเองไว้ คือ คนที่เผานาราคุ..ลืมมองแม้แต่ตัวเองตอนนี้ว่าลืมตัวมากเพียงใด..ยิ่งเห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากของจิคาคุด้วยแล้ว..

     

                มันยังกล้ายิ้มอยู่ได้ยังไง!?’

     

                ชายหนุ่มกัดฟันกรอด หมายจะดึงมือออกจากการเกาะกุมแต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่ยอมปล่อย แต่ไม่ว่าจะสบถด่าหรือสั่งเสียงแข็งยังไง ชิคังกลับลากเขาออกห่างจิคาคุอย่างไม่สนใจ

     

                เจ้านี่ขี้โมโหขึ้นรึเปล่า..? จิคาคุถามขึ้นลอยๆ

     

                เงียบเถอะน่า!” ชิคังตวาด หรี่ดวงตาสีเทาทิ่มแทงอีกฝ่าย รีบไปซะ...ข้าขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย...”

     

                ความจริงยังคงเป็นความจริง ข้าเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น...และข้าจะไม่กลับ จนกว่าจะล้างมลทินให้ตัวเองได้ก่อน จิคาคุสวนทันทีด้วยเสียงนิ่งเฉย รอยยิ้มบนใบหน้าดูเลือนลงขณะร่างบางหยุดดิ้นอย่างกะทันหัน นักพเนจรหนุ่มเอ่ยขึ้น ข้าไม่ได้ทำให้นาราคุตาย ก็แค่ทำให้เป็นเจ้าชายนิทรา...ลืมแล้วรึ?

     

                คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ใบหน้าคมมนดูจริงจังเวลาพูดแต่เซ็ตโชมารุกลับคิดว่ามันไม่เห็นจะเกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย..ถึงจะบอกแค่ทำให้เป็นเจ้าชายนิทรา..สุดท้ายนาราคุก็ตายอยู่ดีไม่ใช่รึ?..ใช่..ตายจริงๆไม่ได้ตายหลอก..เพราะสัมผัสด้วยมือตัวเองเลยว่าข้อมือเย็นเฉียบไร้สัญญาณชีวิต

     

                ความคิดนั้นทิ่งแทงใจเสียเอง ทำให้เซ็ตโชมารุจำต้องหลุบตาลงเพื่อตั้งสติช้าๆ...ใจเย็นๆ.เซ็ตโชมารุบอกตัวเอง ก่อนลืมตาขึ้น จ้องแน่วนิ่งไปทางจิคาคุ

               

                สีหน้าเจ้าบอกว่าไม่ค่อยเชื่อเลยนะ... เจ้าตัวว่าพร้อมถอนหายใจ ส่วนรอยยิ้มกวนชักเริ่มปรากฏ

     

    เจ้าอยากรู้รึเปล่าว่าเบื้องหลังที่สุดของเรื่องนี้คืออะไร?”

     

                เซ็ตโชมารุขมวดคิ้ว หมายความว่าไง?

     

    อย่าไปสนใจเลยเซ็ตโชมารุ ชิคังตัดบท ก่อนดึงไหล่เซ็ตโชมารุเบาๆ กลับเข้าห้องเถอะ ข้ามีข้าวต้มมาให้เจ้า ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ?

               

                เซ็ตโชมารุพอได้ยินคำว่าข้าวต้มก็รู้สึกหิว แต่สัญชาติญาณบางอย่างกลับบอกให้ตัดกลิ่นหอมอ่อนๆของชามข้าวต้มออกและอยู่ฟังคำพูดของจิคาคุ..ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ดวงตาสีราตรีกลับดูเวทนาลงโดยไม่ทราบสาเหตุ

     

                เห็นแก่ของสวยของงามที่ใกล้จะพัง...ข้าจะเล่าคำขอเกือบสุดท้ายของยักษ์ใจร้ายให้ฟัง

     

    แค่ประโยคไม่ยาวมาก มือของชิคังที่วางอยู่บนไหล่บางกลับเกร็งแน่น แต่กว่าอสูรหนุ่มจะรู้ตัวก็ถูกดึงคล้ายกระชากเข้าไปในห้อง ดีที่รั้งขอบประตูไว้ก่อนมิฉะนั้นคงล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นแน่

     

                ทำอะไรของเจ้า!?” เซ็ตโชมารุหันมาโวยใส่คนดึง น่าแปลกที่ใบหน้าของชิคังกลับขาวซีดกว่าปกติ  มือหนายังคงรั้งไหล่ไว้แน่นก่อนร่างสูงจะเปิดปากอีกครั้งด้วยเสียงเบาๆ

     

    ข้าขอล่ะ..เข้าห้องไปเถอะ..นะ ขอร้อง..

     

    เสียงของชิคังมีแววอ้อนวอนอยู่ นั่นทำให้คิ้วเรียวสวยขมวดกันน้อยๆ..มีเรื่องอะไรนักหนาที่ต้องเข้าไปในห้อง..? อสูรหนุ่มหรี่ตาลง คิดขึ้นมาใหม่..ไม่ใช่เข้าห้อง..แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ต่างหากอยู่ๆ..ความรู้สึกบางอย่างก็ทำให้ร่างบางเย็นเยียบโดยไร้สาเหตุ...ชิคังกลัวอะไร?

     

                ไม่บอกไปล่ะว่านาราคุตายยังไง?

     

    ความเงียบเกิดขึ้นก่อนดวงตาสีทองจะตั้งสติ รีบหันกลับมามองที่จิคาคุทันที ไม่รอช้า ชายหนุ่มรีบอาศัยตอนชิคังเผลอดิ้นออกจากการเกาะกุม ก่อนสาวเท้าเข้าไปใกล้จิคาคุโดยไม่สนใจเสียงเรียกไล่หลัง

     

                เจ้าจะพูดอะไร..?เซ็ตโชมารุถามเบาๆ

     

                เซ็ตโชมารุ อย่าไปฟังมัน!” ชิคังตามมาทันและคว้าแขนของเซ็ตโชมารุไว้อีกครั้ง ขณะนั้นใบหน้างามดูสับสน...ชักเริ่มไม่เข้าใจ ก่อนจิคาคุจะเหลือบมองใบหน้าคมคายของร่างบ่างภาคหนุ่มน้อยๆ

     

                ไหนว่าไม่เคยกลัวอะไรไง?

     

                ข้าไม่เคยกลัว!” ชิคังขึ้นเสียงเย็น แต่ดวงหน้ามนกลับมีสีหน้าสนใจงั้นทำไมไม่บอกเสียทีว่าเจ้า...

     

    ชิคังตัวชา ก่อนยักษ์สีทองจะเผยอร้อยยิ้มนุ่มนวล

     

    เป็นคนฆ่านาราคุ...”

                ……………….

         ..............

    ………

     

                ไม่มีใครพูดอะไรเลยหลังจากนั้น คล้ายจิคาคุทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ เสียงของมันดังมากเสียจนเซ็ตโชมารุหูอื้อ โลกเอียงและสับสนไปหมด..

     

                นี่เขา..หูฝาดรึเปล่า?..ได้ยินไปเอง..ไม่..เขาได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไร..แต่ทำไม..ทำไมเขาถึงรู้สึกไม่อยาก..เชื่อมันเลย..

     

                อะไร...นะ..? เสียงแห้งแผ่วเบาดังเล็ดลอดริมฝีปากออกมาอย่างยากเย็น ทำลายความเงียบลง เหมือนเตือนสติใครๆหลายคนในนั้นเพราะสัมผัสของมือแกร่งกลับกระชับแน่นขึ้น ขณะจิคาคุหัวเราะเบาๆ ก่อนอธิบาย

     

                ตอนหัวใจหยุดเต้นไงล่ะ.เจ้าคงจำได้สินะ เจ้าทั้งสองคน

     

                ใช่..ใครจะลืมลง

     

    ..............................

     

              เรียกข้ามีอะไรรึ?จิคาคุทำสีหน้าเบื่อหน่ายขณะเอ่ยกับชิคังที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าห้องไอซียูที่นาราคุอยู่ในนั้น โดยมีอีกฝ่ายเห็นเขาอยู่คนเดียว

     

    ไม่ต้องบอกให้ชิคังเล่าว่ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เพราะเขารับรู้จากเสียงลมว่าเกิดอะไรขึ้น..นาราคุหัวใจหยุดเต้นไปซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ และนั่นอาจเป็นสาเหตุทำให้คนสวยของเขาทำหน้าเศร้า..ข้าไม่ชอบเห็นคนสวยน่าเศร้าเลยจริงๆ..

     

              อาการของนาราคุเป็นไงบ้าง? ชิคังถามกลับมาในใจ โดยสายตายังไม่ละไปจากร่างบางของจอมอสูรหนุ่ม

     

              แค่ช็อก..อีกห้านาทีก็ฟื้น..เขาบอก..ดี คนสวยจะได้เลิกทำหน้าเศร้า และเจ้าคนเบื้องหน้านี้จะได้เลิกทำหน้ายุ่ง..บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำก็ดันทำอยู่ทุกครั้ง..เคยฟังกันมั้ย?

     

              ชิคังรับคำโดยการเงียบ..พวกเขาไม่พูดอะไรหลังจากนั้น ซึ่งจิคาคุก็ไม่ได้หายไปไหนเพราะชายหนุ่มรู้ว่าชิคังกำลังคิดบางอย่าง และสัญชาติญาณของยักษ์บอกนักพเนจรหนุ่มว่าบางอย่างกำลังเกิดขึ้น

     

              เนรตสีดำสนิทมองใบหน้าคมคายนิ่ง..ก่อนเผยอยิ้มขึ้นมาน้อยๆ..เขารู้ว่าใครต้องการอะไรเสมอ

     

              ดูพอแล้วใช่มั้ย..?

     

              ชิคังชะงักกึก ถึงกับลืมตัวมองมายังเขา ใบหน้าคมเข้มดูสับสนอยู่ชั่ววูบหนึ่งก่อนเปลี่ยนเป็นเฉยลง..ดวงตาสีเทาหลุบต่ำมองพื้นคล้ายจะครุ่นคิดพร้อมเม้มริมฝีปากแน่น ซึ่งจิคาคุไม่คิดจะขัดมัน..เขารู้ว่าชิคังกำลังตัดสินใจ..และรู้ว่าอีกฝ่ายเลือกแล้ว

     

              จิคาคุเลิกคิ้ว มันเป็นความปรารถนาของเจ้าเองนะชิคัง..

     

              ดวงตาสีเทาลืมขึ้น มองไปยังเซ็ตโชมารุ..ใบหน้าสวยดูซีดเซียวและเป็นกังวล..จิคาคุมองเห็นความมืดวูบหนึ่งในดวงตาของชิคัง นั่นทำให้ยักษ์อย่างเขาหัวเราะเบาๆก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง

     

              หึ...ดูพอแล้วใช่มั้ย..?

     

              ความมืดเด่นชัดขึ้น..ดวงตาของชิคังจับจ้องไปยังเซ็ตโชมารุนิ่ง..เพียงชั่วครู่ก่อนตอบเสียงเบา

             

    พอแล้ว

     

              ดวงตาสีราตรีเป็นประกายระยับ..ริมฝีปากหยักขึ้นเผยเขี้ยวโค้งยาว ใบหน้ามนที่ปราศจากริ้วรอยกลับปรากฏตัวอักษรคันจิสีดำขึ้นบนแก้มเขียนว่า สอง ชายหนุ่มกลั้นเสียงครางย่างพอใจในลำคอขณะเอ่ยขึ้น

     

              ..บอกคำปรารถนาของเจ้ามา..

             

    นัยน์เนตรสีเทาคล้ายถูกกลบด้วยสีดำ หากคราวนี้เขาเห็นมันกำลังเริงระบำอยู่ในแก้วตาที่แปรแปลี่ยนเป็นเฉยชาของชิคัง และแล้ว ริมฝีปากคู่บางก็เปิดออก เอ่ยเสียงเย็นชา

     

    ..ฆ่ามัน..

     

    .............

    ชักเริ่มหวั่นว่าหลังจากอ่านตอนนี้แล้วท่านผู้อ่านจะด่าชิคัง โอย หวั่น - -'''
    อ่านตอนนี้และท่องขันติพระโสดาบันในใจนะคะ และคลิ๊กไปตอนถัดไปเลยค่ะ

    นารา : เมื่อไหร่ข้าจะฟื้น - -'''

    เซ : เมื่อไหร่เมื่อนั้นย่ะ =o=

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×